ลุงยศ6RPJ
โพสต์: 28 ก.ค. 2011, 22:06
รายการอุปกรณ์ทั้งหมดที่พกไปทริปนี้ :
เสื้อผ้า (ส่วนตัว)
เสื้อปั่นจักรยาน (x2)
เสื้อยืดธรรมดา (x2)
เสื้อกันหนาว
กางเกงปั่นจักรยานแบบบ็อกเซอร์ (x2)
กางเกงขายาวแบบถอดขาได้ (x2)
กางเกงนอน (x2)
Base layer (ลองจอห์น)
กางเกงว่ายน้ำ
เสื้อกันฝน
กางเกงกันฝน
ผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว
ผ้า Buff
กางเกงใน (x4)
ถุงมือจักรยาน
ถุงเท้า (x3)
ถุงแขน
รองเท้าแตะ
รองเท้าปั่นจักรยานแบบลำลอง
รองเท้าสำหรับเดินป่า
แว่นตา, เลนส์กันแดด, ถุงเช็ดเลนส์
กระจกมองหลัง Take-a-Look
หมวกกันน็อค
หมวกปีกกว้าง
หมวกไหมพรม
เสื้อกั๊กสะท้อนแสง
แคมปิ้ง (สำหรับ 2 คน)
Ground sheet
เต๊นท์ (ใส่ในถุงกันน้ำ)
แผ่นรองนอน (x2)
ถุงนอน (x2)
หมอน (x2)
เป้ Daypack แบบบางๆ (x2)
อุปกรณ์อาบน้ำ (สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ฯลฯ) (x2)
ที่โกนหนวด + ใบมีด
ที่ตัดเล็บ
ปัตตาเลี่ยนพกพา
ฟองน้ำอุดหู (x2)
ทำอาหาร + ซักล้าง (สำหรับ 2 คน)
เครื่องกรองน้ำ Mini Filter
ชุดหม้อแค้มปิ้ง
ชุดจานแค้มปิ้ง
กล่องใส่ไข่กันกระแทก
อ่างน้ำพับได้ Ortlieb
ชุดเตาแค้มปิ้ง + ขวดน้ำมัน
ไฟแช็ค (x2)
สก็อตไบรท์
น้ำยาล้างจาน
แฟ๊บ
ไม้หนีบ
เจลล้างมือ
กระดาษทิชชู่ใหญ่
กระดาษเปียก
ถุงซิป
ถุงถนอมผ้า (x2)
จักรยาน + เครื่องมือ (สำหรับ 2 คน)
จักรยาน (x2)
กระเป๋าแพนเนียร์หลัง 2 คู่
กระเป๋าแพนเนียร์หน้า 1 คู่
กระเป๋า rack pack
กระเป๋าหน้าแฮนด์ (x2)
ถุงกระสอบสีๆลายทาง (x2)
กระบอกน้ำ (x5)
ล็อคจักรยาน (x2)
ยางใน (x4)
อแดปเตอร์วาวล์สูบลม
สูบพกพา
ชุดปะยาง + ที่งัดยาง
น็อต, แหวน สำรอง
สายรัดสัมภาระ (x4)
ตาข่ายรัดของ
เชือกร่ม 10 ม., 20 ม.
หนังยาง
Zip Tile คละไซส์
Duct Tape
ชุดซ่อมแผ่นรองนอน Thermarest
ผ้าขี้ริ้วเช็ดรถ
แปรงสีฟันเก่า
แถบรัดขากางเกง (x2)
ไฟคาดหัว (x2)
ไฟหน้ารถ (x2)
ไฟท้ายรถ (x2)
ข้อต่อโซ่ปลดเร็ว
สายเบรค + สายเกียร์ + ปลอกปิดปลายสาย
ผ้าเบรค (x2)
น้ำมันหยอดโซ่
มีดพับ Victorinox
อุปกรณ์พับ Leatherman
เครื่องมือพับ (แบบมีที่ตัดโซ่)
ประแจ + หกเหลี่ยมเพิ่มเติม
ที่ขันซี่ลวด
เครื่องถอดเฟืองพกพา NBT-2
เข็มกลัด
อิเลคโทรนิค + เอกสาร (สำหรับ 2 คน)
GPS + สาย Mini USB
Micro SD Card + Reader
Notebook + Adapter
Thumb Drive (x2)
โทรศัพท์มือถือ + สายชาร์ต
ที่ชาร์ตถ่าน
ถ่านชาร์ต AA, AAA
ปลั๊กสามตาเล็กๆ
กล้องดิจิตอล + แท่นชาร์ต
ขาตั้งกล้อง
แผนที่ (กระดาษ)
ตารางเวลา (กระดาษ)
ปากกา
สมุดจด + เบอร์โทรฉุกเฉิน
กระเป๋าเก็บเงินและเอกสารแบบคาดเอว (x2)
ยา + เบ็ดเตล็ด (สำหรับ 2 คน)
เบตาดีน
พลาสเตอร์ยา
ผ้าก็อช + เทปกาว
ไดฟีลีน
ยาแก้แพ้
พาราเซ็ตตามอล
แก้ท้องเสีย
ยาธาตุน้ำขาว
แก้เมารถ
ยาดม
Bethazone (ผิวหนังอักเสบ)
ผงเกลือแร่
สเปรย์กันยุง
ครีบกันแดด + ลิปสติก
เขาด่าว่าไม่กี่คำ... ทนไม่ได้..
แต่นำเรื่องที่เขาด่าว่าไปขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นปีๆ... ทนได้
บางทีไปทำร้ายเขา ฆ่าเขาจนต้องติดคุกหลายปี ทนได้
นี่คือ...เ รื่ อ ง แ ป ล ก แ ต่ จ ริ ง ข อ ง ม นุ ษ ย์
เด๋วนี้จะหาสุภาพบุรษ สุภาพสตรี ยากเต็มที เหมือนงมเข็ม
ในมหาสมุทรแล้วมั้ง คงเป็นเพราะว่า
[/color]
พระพุทธฎีกา
พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระอานนท์ และพระสาวกทั้งหลายก่อนที่จะดับขันธ์ปรินิพพาน ไว้ว่า
๑. ทรงอนุญาตไว้พระศาสนาได้ 5,000 ปี
๒. ล่วง 500 ปี หลังทรงปรินิพพานแล้ว จะไม่มีนางภิกษุณี
๓. ล่วง 1,000 ปี จะไม่มีพระอรหันต์ เหาะเหินเดินอากาศได้
๔. ล่วง 2,000 ปี จะไม่มีนักปราชญ์ เรียนพระไตรปิฎกจนจบ
๕. ล่วง 3,000 ปี จะไม่มีพระสงฆ์ร่วมอุโบสถ
๖. ล่วง4,000 ปีจะหาพระสงฆ์ที่ทรงไตรจีวรไม่มี
๗. ล่วง 5,000 ปี สงฆ์ จะมีแค่ผ้าเหลืองน้อยห้อยไว้ที่หูและผูกคอ
เริ่มเข้าสู่กาลียุคเต็มทีแล้วค่ะ ผ่านมา 2500 กว่า ๆ แล้ว มนุษย์ที่เป็นมนุษย์เริ่มหายากขึ้น
ทุกวันนี้มีแต่คน
กด http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=368757 วิธีเลือกซื้อจักรยานเสือหมอบ[/color][/size]?วิธีเลือกซื้อจักรยานเสือหมอบ
1. ต้องถามตัวเองก่อนว่า จะซื้อจักรยานเสือหมอบไปเพื่ออะไร เพื่อขี่ให้ได้สุขภาพดี เพื่อเป็นพื้นฐานของกีฬาอื่น ๆ เพื่อมุ่งมั่นจะเป็นนักกีฬา เพื่อลงแข่งขัน เพื่อความมัน ความสนุก เพื่อแก้เครียด เพื่อความเท่ หรือตามเพื่อน ๆ
2. ถ้าตอบในข้อแรก ได้ก็โอเค ชอบแบบไหน ชอบทางออฟโรด ชอบทางเรียบ ชอบขึ้นเขา ชอบทางราบ ชอบถนนในเมือง ชอบถนนในหมู่บ้าน
ถ้าชอบถนนในเมืองหรือในหมู่บ้าน ก็ไม่ต้องลงทุนมาก รถจ่ายตลาดก็พอ ถ้าชอบทางออฟโรด แบบที่พวกเราชอบกันอยู่ ก็เลือก เมาเท่นไบค์ ชอบทางเรียบก็เลือก โรดไบค์
3. เวลาและความมุ่งมั่น แน่นอน ต้องเจียดเวลามาให้กับจักรยาน บางส่วนก็ต้องเบียดเบียนมาจากเวลาอื่น ๆ เราสามารถจัดการได้และทำใจได้ไหม ถ้าได้ ก็อยู่ที่ความมุ่งมั่น หรือ Commitment เพราะถ้าจะให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ต้องอาศัย Strong Commitment และให้เวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง
4. งบประมาณ เรื่องใหญ่มาก ถ้าเลือกซื้อให้ถูกวิธี รถราคาระดับหมื่น ก็ใช้งานได้ทนทาน และดีไม่แพ้รถราคาระดับแสน โดยเฉพาะถ้าเพิ่งเริ่ม จะไม่เห็นความแตกต่าง จนเมื่อกำลังและทักษะ พัฒนาสูงขึ้น ถึงจะแยกแยะออก อย่างน้อยควรมีประมาณหมื่นต้น ๆ ราคารถใกล้ ๆ หมื่น ปัจจุบันราคาลดลงมามากแล้ว เมื่อก่อนรถอย่างเดียวก็ต้องเริ่มต้นที่หมื่นสาม
ที่เหลือเป็น หมวกประมาณ พันต้น ๆ ต่ำกว่าไม่แนะนำ เพราะไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และน้ำหนักมากทำให้ปวดหัว กางเกงและถุงมือ อีกประมาณพันครึ่ง ถึงเกือบสองพัน แล้วแต่รสนิยม กางเกงจำเป็นเพราะมีแผ่นชามัวร์หรือใยสังเคราะห์รองป้องกันการกระแทกเสียดสี ถุงมือเอาไว้กันกระแทกกับแฮนด์ ถ้าพลาดล้มขึ้นมาก็จะป้องกันมือจากการบาดเจ็บ หรือช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ เสื้อยังไม่จำเป็น ใช้เสื้อยืดไปก่อนได้
ทั้งสี่ข้อเป็นคำถามให้ถามใจตัวเอง ต่อไปเป็นความเหมาะสมของแต่ละท่าน ว่าสมควรจะใช้รถแบบไหนดี ลองอ่านเกี่ยวกับประเภทรถดูแล้วตัดสินใจเอาเองนะว่าแบบไหนเหมาะที่สุด
เทรคคอร์ปอเรชั่น (TREK Corporation) ซึ่งเปรียบเสมือนโตโยต้าของจักรยาน เพราะผลิตจักรยานตั้งแต่สำหรับเด็กเล็ก ๆ ไปจนถึง Madone จักรยานเสือหมอบซึ่งออกแบบในอุโมงลม ให้แลนซ์ อาร์มสตรอง ปั่นจนเป็นแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรอง ถึง 6 สมัยซ้อน ได้ระบุไว้ในเวปไซท์ ( http://www.trekbikes.com ) ของเขา โดยแบ่งรถจักรยานเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ 5 กลุ่ม คือ
1. Road สำหรับทางเรียบ Mountain สำหรับออฟโรด
2. City & Bike Path สำหรับใช้ในเมือง ในหมู่บ้าน หรือในบ้านเมืองที่มีเลนจักรยาน
3. Special Bikes รถที่ออกแบบ สำหรับความต้องการพิเศษ
4. Kids & BMX จักรยานสำหรับเด็ก ๆ
5. WSD Woman Specific Design รถจักรยานที่ออกแบบสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ.....
ที่มา: ที่สุดขอยคำถามยอดฮิตเรือ่งการเลือกไซส์เฟรมและการเซ็ทอัพรถเสือหมอบสำหรับมือใหม่ มือเก่า มือกลาง มือดี มือแรง มือปลาหมึก
ทุกๆสัปดาห์จะมีคำถามแบบนี้มาเสมอๆ และทุกกระทู้ขายเฟรมเสือหมอบจะต้องมีคำถามควบคู่เสมอๆว่า "ผมสูง 170 จะขี่ได้มั้ย" ต่อไปนี้คือการใช้งานเวปไซท competitivecyclist หนึ่งในเวปที่สร้างระบบการวัดตัวและระยะการเซ็ทอัพรถมาให้เราใช้งานแบบครบวงจรแบบง่ายๆที่บ้าน อาศัยเพียงเครือ่งมือวัดนิดหน่อย คนรู้ใจช่วยวัด และ .... คอมพิวเตอร์ (ซึ่งคงไม่ยากหากคุณกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ แสดงว่าคุณมีหนึ่งในสามอุปกรณ์หลักในการวัดตัวแล้ว!!)
เริ่มต้นด้วยการใส่ URL หรือ ที่อยู่เวปไซท์ลงไปในช่องของ browser ของท่าน ไม่ว่าจะเป็น IE, Firefox, Safari ทุกอย่างใช้งานได้ไม่มีปัญหาหครับ เพียง copy ตรงนี้ไป...
http://www.competitivecyclist.com/za/CC ... ATOR_INTRO
อย่าลืมเปิดหน้าต่างใหม่ก่อนนะครับ อย่าใส่บนหน้าต่างนี้ เดี๋ยวจะโบกมือลาหน้าเวป ThaiMTB ไปซะก่อน
จากนั้นจะได้หน้านี้มาครับ ยังไม่ต้องสนอกสนใจอะไรมากมายนัก มองไปที่ด้านขวาล่างจะมีช่องให้เรากรอกข้อมุลเบื้องต้นลงไป ก็จัดการกรอกตามลำดับเสียให้เรียบร้อยครับ อันแรกคือ เพศของผู้ขี่ มีชายและหญิง ไม่มีอีแอบให้เลือกนะครับถ้าจิตใจและร่างกายไม่สามัคคีกันเลือกเพศขอให้เลือกตามร่างกายเป้นหลักครับ อีกอันคือเลือกมาตราวัด เลือกระบบเซ็นติเมตร(เมตริกซ์) หรือระบบนิ้ว-ฟุต(อิมพีเรียล)
เสร็จแล้วกดปุ่ม start ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการวัดตัวอย่างละเอียดครับ คำแนะนำของทางเวปนั้นย้ำว่าแต่ละข้อมุลควรวัดหลายๆรอบแล้วนำค่าที่ได้มาเฉลี่ยกัน ยิ่งละเอียดยิ่งดี ยิ่งแม่นยำยิ่งได้ระยะถูกใจกันได้ ทางเวปพบว่าส่วนมากจะไม่สำเร็จสมใจก็เพราะวัดแล้วคลาดเคลื่อนครับ ดังนั้นหาคนมาช่วยวัดซักคนก็ดีครับ วัดหลายๆรอบเอาชัวร์ใว้ก่อน
เอาล่ะครับ ช่องแรกแรกนี้คือขั้นตอนการวัดระยะ inseam หรือระยะขาด้านใน คำแนะนำก้คือให้ใส่กางเกงปั่นจักรยาน(หรือแก้ผ้าซะ) เท้าเปล่านะครับยืนแยกเท้าซัก 8 นิ้ว(20เซนต์)หันหลังชิดกำแพงมาร์คจุดตำแหน่งส้นเท้าและจุดตรงเป้า(ผมเอาสมุดซักเล่มมาเสียบเข้าหว่างขาซะแล้วมาร์คที่สันสมุดด้านติดเป้าตรงกำแพง) จากนั้นวัดระยะจากจุดแรกถึงจุดที่สอง **ห้ามเอาระยะจากกางเกงขายาวมาวัดนะครับ ระยะพวกนั้นจะสั้นกว่าระยะขาจริงสองนิ้ว!!
กดปุ่ม next step สู้หน้าต่อไปครับ
trunk หรือระยะตัวช่วงบน นั่งบนเก้าอี้(หรือพื้นแต่ต้องนั่งหลังตรงนะครับ) หลังตรงชิดผนัง ต้องให้แน่ใจว่าตั้งแต่ก้นจนถึงตลอดทั้งแผ่นหลังแนบผนังเอาใว้ จากนั้นมาร์คที่ระยะความสุงของกระดูหัวไหล่ช่วงที่ไหปลาร้าเรามาชนกับหัวไหล่นั่นล่ะ วัดตั้งแต่เก้าอี้(หรือพื้น)ดิ่งมาที่ระยะนี้ วัดสองข้างแล้วเฉลี่ยมาใส่นะครับ ใส่แล้วกด next step สู้ช่องต่อไป
forearm หรือแขนท่อนล่าง อันนี้วัดง่ายหน่อยครับ กำปากกาเมจิกซักแท่งเอาใว้ในอุ้งมือ กำให้มันตั้งฉากกับแนวแขนเรานะครับจากนั้นนั่ง(หรือยืนก็ได้)สบายๆงอศอกเป็นมุมแาก วัตถุที่กำควรชี้ชื้นฟ้า วัดจากกุ่งกลางของเจ้าวัตถุถึงกุ่งกลางของข้อต่อข้อศอกเรา นั่นล่ะครับ กรอกลงไปแล้วไปต่อขั้นต่อไปกันเลยดีกว่า
arm หรือความยาวแขน ยังคงกำแท่งปากกาแท่งเดิมนั่นนะครับ แต่ทีนี้ยืดแขนไปด้านหน้าให้สุดแขน อย่าให้ไหล่เอี้ยวไปด้วยนะครับ ถ้านั่งติดผนังก็ให้แผ่นหลังแปะผนังเอาใว้ให้มั่นทั้งสองด้าน วัดจากกุึ่งกลางแท่งเดิมมาที่ตรงรอยต่อกระดูกแขนกับหัวไหล่ วัดสองข้างเฉลี่ยแล้วกรอกลงไปในช่องต่อไป แล้วกด next ครับ
thigh หรือความยาวขาท่อนบน นั่งบนเก้าอี้ที่เมื่อนั่งแล้วขาเราจะห้อยลงมาทำมุมฉาก นั่งให้หลังชิดกำแพงตลอดตั้งแต่บั้นท้ายจนท่อนบนครับ วัดระยะจากผนังจนถึงสะบ้าเข่าด้านหน้าสุด วัดแล้วเฉลี่ยสองข้างมาลงในช่องต่อไปได้เลยครับ
lower leg แปลตรงตัวครับ ขาท่อนล่าง นั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมนะครับ นั่งให้ขางอทำมุมแากสบายๆเอาหนังสือปกแข็งซักเล่มมาวางบนเข่าทั้งสองข้าง(เล่มเดียวนั่นล่ะครับแต่วางบนขาสองข้าง) วัดจากพื้นจนถึงระดับของสมุดเล่นนี้ หาสองข้างแล้วเฉลี่ยนะครับ จากนั้นใส่ลงไปในช่องเลยครับ
sternal nortch หรือระยะช่วงตัวท้งหมด ยืนหลังตรงติดผนังแล้วหาตำแหน่งกุ่งกลางที่ไหปลาร้าสองข้างวิ่งมาชนกัน ตรงนั้นคือยอดของกระดูกหน้าอกพอดีๆครับ วัดจาดตรงนี้ลงไปถึงพื้นดิ่งลงไป นี่คือระยะของความยาวตั้งแต่ขาถึงช่วงตัวเราทั้งหมดครับ กรอกแล้วไปสู่ช่องสุดท้ายกันเลยครับ
อันสุดท้ายไม่ต้องบอกมากครับ ความสูงครับ ความสุงทั้งตัวไม่รวมเส้นผมครับ เมื่อกรอกแล้วกดปุ่มได้เลยครับ เข้าสู่หน้าต่อไปที่เรารอคอย
นี่คือผลสรุปรวมของค่าทั้งหมดที่เราได้มาครับโดยทางระบบจะคำนวนระยะทั้งหลายออกมาในรูปแบบของ frame geometry หรือ มิติของเฟรมที่เราสามารถนำไปใช้งานได้ทันที เพื่อความเข้าใจง่ายๆของคนหมู่มาก ผมจะอธิบายคำต่างๆง่ายๆดังนี้ครับ
seat tube range c-c
ระยะความยาวท่อนั่งวัดจากกุ่งกลางกระโหลก ไปจนถึงกึงกลางของแนวรอยต่อท่อนั่งและท่อบน
seat tube range c-t
ระยะความยาวท่อนั่งวัดจากกุ่งกลางกระโหลกไปจนถึงยอดสุดของท่อนั่ง
top tube range
นี่คือระยะที่สำคัญที่สุดสำหรับขนาดเฟรมครับ !! ค่าที่ได้นี้ไม่ใช่การวัดขากกุ่งกลางท่อคอไปหากึ่งกลางท่อนั่งดื้อๆนะครับมันคือค่า effective top tube หรือ horizental top tube พูดง่ายๆคือค่าท่อบนวัด"ชนาน"พื้นแบบท่อบนเสือหมอบแบบเก่า ไม่ใช่การวัดตามแนวเฟรมโสลปครับ
stem length
ความยาวเสต็ม
bb-saddle position
ระยะจากกึ่งกลางกระโหลกไปจนถึงบนสุดของเบาะนั่ง อย่าลืมว่าบันได คลีท และเบาะต่างๆมีค่าคาดเคลื่อนไม่เหมือนกัน ดังนั้นค่าที่ได้นี้มีระยะคลาดเคลื่อนได้ถึง 2 เซนต์ฯ ครับ ทางออกคือ.... ลองหาตามทฤษฏีท่าปั่นที่ดีอีกครั้งดีกว่าครับ
saddle-handle bar
ระยะจากเบาะถึงแฮนด์ วัดจากจมูกของเบาะไปจนถึงขอบท่อแฮนด์ด้านใกล้ตัว ค่านี้สำหรับการวาง CG หรือจุดศูนย์ถ่วงที่เหมาะสมบนจักรยานคัรบ
saddle set back
เป็นระยะที่สำคัญสำหรับการออกแรงอย่างมีประสิทธิภาพครับ วัดโดยการทิ้งลูกดิ่งจากจมูกของเบาะไปดุว่าเบานั้นอยู่ห่างจากกึ่งกลางของกระโหลกมากน้อยเท่าใด(กติกา UCI มีระบุขอบเขตุนี้ใว้ด้วย!!)
เอาล่ะครับ มาดุคำจำแนกประเภทของการเซ็ทรถกันเป็นสิ่งที่เราต้องรู้ก่อนที่เราจะนำค่าต่างๆพวกนี้ไปใช้งานเพื่อพิจารณาหาเฟรมและเซ็ทรถให้เหมาะสมกับตัวเรากันต่อไปครับ นอกจากเซ็ทรถให้เหมาะกับ"คนขี่"แล้ว ยังต้องเซ็ทรถให้เหมาะกับ"การขี่" อีกด้วยครับ ทางเวปไซท์ได้จำแนกการเซ็ทอัพรถเอาใว้สามแบบดังนี้ครับ
Competitive Fit
คือการเซ็ทรถที่เป็นค่าที่ได้จากประสบการณ์ของเวปไซท์ที่ได้มาจากการสังเกตุและมองดูลูกค้าที่มองหารถที่แรง ก้าวร้าว ดุดัน ซึ่งรถที่เซ็ทมาจากโรงงานในสมัยนี้ระดับบนๆมักจะมากับการเซ็ทรถแบบนี้ทั้งนั้น ท่าทางการขี่ที่ลู่ลม ก้มต่ำ แฮนด์ต่ำทิ้งน้ำหนักลงบนมือมากกว่าบนเบาะคือท่าทางที่ได้จากการเซ็ทอัพรถแบบนี้ครับ บางครั้งระดับเบาะและแฮนด์อยู่ห่างกันถึง 10 เซนต์ฯทีเดียว การเซ็ทอัพแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีความยืดหยุ่นของร่างกายที่ดี สามารถทนต่อการคุดคู้อยู่บนเฟรมเล็กๆได้นาน ดังนั้นในทางกลับกัน หากไม่ใช่นักปั่นระดับเข้มข้น บางครั้งท่าปั่นแบบโปรเช่นนี้ก็คือนรกบนเบาะจักรยานที่ระยะยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง !!
The Eddy Fit
ชื่อนี้มาจากท่าปั่นของนักปั่นในตำนานอย่าง Eddy Merckx หรือรู้จักกันดีในฉายา "ฮาร์นิบาล" นักปั่นเลือดเดือดโหดร้ายเกมส์ร้อนแรงจากยุค 70s-80s ดังนั้นไม่เกี่ยวกับความเร็วนะครับ !! คนมักจะเข้าใจว่าการเซ็ทแบบโปรแบบแรกให้ความเร็วสุงที่สุด ทว่าถ้าเป็นแฟนจักรยานรุ่นเก๋ากว่านั้นคงจะพอนึกออกว่าตาเอ็ดดี้แกไม่ได้ปั่นหวานเย็นอืดอาดแต่อย่างใดเลยครับ แต่เพราะกาลเวลาผ่านไป นักแข่งสมัยใหม่ได้รับรถที่สบายขึ้นจึงยอมเสียความสบายในท่าทางการปั่นไปให้กับการออกแรงที่มีประสิทธิผลสูงสุด อย่างไรก็ดี ในการแข่งทัวร์ยาวๆโหดๆ นักแข่งจำนวนหนึ่งฏ็ยังคงพบว่าภาพลักษณ์ท่าปั่นแบบยุค 70s นั้นดูจะเหมาะสมกว่า มีรายละเอียดเชิงลึกที่ทางเวปเค้าอธิบายแต่ขอยกไม่แปลแล้วกันครับ สรุปง่ายๆว่า อาจจะลำบากหากจะหาเฟรมสมัยใหม่ที่สามารถเซ็ทอัพแบบนี้ได้"สมบูรณ์"แบบเหมือนเฟรมยุคนั้น ทว่า ต่างคนต่างมีระยะที่ต่างกันครับ ไม่แน่ว่าเฟรมที่ออกแบบมาสมัยใหม่บางรุ่น บางพวก บางยี่ห้อ อาจไปตกหล่นอยุกับร่งกายของใครซักคนที่เหมาะอย่างไม่น่าเชื่อที่จะนำมาเซ็ทรถแบบนี้ ย้ำนะครับ ไม่ได้แปลว่าขี่ยบายแล้วจะช้า แต่มันคือ"สไตล์การขี่" ในเชิงลึกการออกแรงขี่ในยุค 70s กับสมัยนี้ก็ไม่เหมือนกันด้วยนะครับ
The French Fit
การเซ็ทรถแบบนี้ใช้แนวคิดตรงกันข้ามกับแบบแรกครับ คือมุ่งเน้นที่ความทนทานในการปั่นมากกว่า เฟรมใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเหมาะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า"ไปช้า" บนเส้นทางยาวๆขี่กัน 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง คนที่เซ็ทรถแบบแรกกะว่าจะไปเร็ว สุดท้ายบั้นปลายจะแป้กและแผ่วตรงกันข้ามกับคนที่เซ็ทรถแบบนี้จะรักษาระดับได้ง่ายกว่า เหตุผลง่ายๆก็เพราะการเซ็ทแบบแรกนั้นเซ็ทรถให้สามารถนำไปกระชาก ไปยิง ไปไล่ได้อย่างสนุกสนานมันส์เท้า แต่แบบที่สามนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางแบบ"คงที่" อาจสปรินท์ไม่ดีแต่จะสามารถรักษาความเร็วไปเรื่อยๆบนทางไกลได้ รถอาจดูไม่สวยงามดุดันนัก แต่หากคุณเป็นนักปั่นรถเสือถนนที่ไม่สนใจสายตาคนมอง ไม่สนใจอยากยิงก็ยิงไป เดี๋ยวอีกครึ่งวันเจอกันแถวๆเส้นชัยหรือจุดหมายปลายทาง นี่คือการเซ็ทรถที่เหมาะมากๆครับ อย่าลืมว่า ต่อให้แข็งแรงแค่ใหน แต่ถ้า"ความล้า"มาเยือน ไม่เหนื่อยก็ทรมานไม่หมดแรงก็ไม่อยากออกแรงแล้วนะครับ
อันนี้ผมขอเสริมเองอีกประเด็นว่า .... สมัยนี้บริษัทรถจักรยานออกแบบเฟรมมาหลายหลากเป้าหมาย ทางที่ดีก่อนที่จะนำค่านี้ไปเซ็ทรถล่ะก็ ลเือกเป้าหมายของเฟรมที่เรามองให้เหมาะด้ว เช่น ถ้าอยากเซ็ทรถแบบดุดันแบบ competitive แต่ดันไปเลือกรถในกลุ่มขี่สบายๆมาแทน ผลที่ได้ก็คือต้องเซ็ทรถยากกว่าเดิม ได้อรรถประโยชน์ไม่เต็มที่ ในทางกลับกัน หากไปซื้อรถที่มีมิติแบบโปรเน้นแข่งเน้นแรงแต่มาเซ็ทแบบ French Fit ก็จะพบว่าทำได้ยากยิ่งเหมือนกัน เชื่อว่าหลายๆท่านคงได้ศึกษามิติเฟรมมาดีแล้วว่าออกแบบรุ่นใดมาเพื่ออะไร แล้วจึงมาศึกษาเรื่องการวัดตัวนี้นะครับ
ขอบคุณ คุณ Giro เจ้าของบทความครับ
วิธีเอาหลักอานออก...ขอบคุณพี่aisบอกใว้.ถามกันมาเยอะ ผมจะเฉลยในกระทู้นี้เลย จะได้รู้กันว่าเอาหลักอานออกยังไง ครั้งผมก็ต๊าฟเกลียวที่ปลายหลักอาน หลังจากเอาส่วนหัวสำหรับยึดจับเบาะออก แล้วใช้ยางอุดที่ปลายหลักอานแล้วคว่ำหลักอานลง เอาน้ำมันโซล่าเทเข้าทางกระบอกใส่หัวกระโหลกทิ้งไว้หนึ่งคืน
หลังจากแช่น้ำมันโซล่าหนึึ่่งคืน เอาเพลาที่ปลายเป็นเกลียวขันเข้าไปในหลักอานแลัวใช้ลูกกระทุ้งกระแทกที่ปลายเพลาอีกด้านทำอยู่หลายครั้ง หลักอานไม่ขยับทำหลายๆครั้ง จนท่อยึดกับท่อนนั่งด้านบนร้าวนิดๆ สรุปว่าไม่ได้ผล
เลยต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายคือผ่าหลักอาน
อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแค่ใบเลื่อยตัดเหล็กไฮสปีด เศษผ้าสำหรับสำหรับจับใบเลื่อย ไขควงปากแบน ไฟฉายและค้อนกับลวดยาวอย่างน้อย 40 ซมกับปากกาแมจิค. ที่สำคัญต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อนและใช้สมาธิมากๆ
ก่อนอื่นหลักอานที่จะผ่า ต้องโผล่จากท่อนั่งอย่างน้อย 1 นิ้วไว้สำหรับเคาะ
เมื่ออุปกรณ์พร้อม ใช้ลวดหักปลายให้งอเป็นตะขอแหย่ปลายลวดด้านเป็นตะขอลงไปในหลักอาน เพื่อหาส่วนปลายหลักอาน เมื่อรู้ความลึึกและปลายหลักอาน ให้ใช้ปากกาขีดที่ท่อนั่งไว้เพื่อเวลาเลื่อยหลักอานจะได้กะความลึึกใบเลื่อยได้
ใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กสอดเข้าไปในหลักอาน อย่าให้คลองเลื่อยตรงร่องผ่าของท่อนั่ง เวลาเลื่อยให้วางใบเลื่อยหัวและปลายให้กินหรือเซาะเท่าๆกันและต้องหมั่นดูคลองเลื่อยบ่อยๆเพื่อกันใบเลื่อยกินท่อนั่ง ข้อสังเกตส่วนมากหลักอานจะเป็นอลูเมื่อเลื่อยจนคลองเลื่อยทะลุหลักอานใบเลื่อนจะลื่นเหมือนใบเลื่อยไม่คม ใช้ไฟฉายส่องไปในหลักอานว่าขาดออกจากกันหรือยัง ถ้าขาดออกจากกันแล้ว ให้ใช้ใบเลื่อย เลื่อยตรงกันข้ามกับคลองเลื่อยอันแรก จนท่อนั่งขาดออกจากกัน เมื่อเลื่อยจนขาดเป็น 2 ซีกแล้วใช้ค้อนเคาะปลายหลักอานเบาๆหลักอานจะขยับออกเพราะหลักอานมีช่องว่างของคลองเลื่อย ทำให้หลักอานที่ติดขยับและให้ตัวได้
ในกรณีที่หลักอานจมลึกปลายโผล่น้อย ให้ใช้ปลายไขควงแบนเข้าตรงรอยผ่าของท่อนั่งที่ใส่รัดหลักอาน ใช้ค้อนไขควงให้หลักขับจนหลุดออกจากกัน
ข้อควรระวังอย่าใจร้อนใช้ค้อนเคาะปลายหลักอาน ถ้ายังเลื่อยหลักอานยังไม่ขาดออกจากกัน เพราะจะทำให้คลองเลื่อยบีบเข้าหากันท่านจะเลื่อยซ้ำจะทำไม่ได้ ต้องเริ่มต้นใหม่หมดทำให้เสียเวลา
ข้อความของผมอาจจะทำให้อ่านแล้วสับสน ต้องขออภัยด้วยครับ
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเอาหลัดอานออกครับ
เสื้อผ้า (ส่วนตัว)
เสื้อปั่นจักรยาน (x2)
เสื้อยืดธรรมดา (x2)
เสื้อกันหนาว
กางเกงปั่นจักรยานแบบบ็อกเซอร์ (x2)
กางเกงขายาวแบบถอดขาได้ (x2)
กางเกงนอน (x2)
Base layer (ลองจอห์น)
กางเกงว่ายน้ำ
เสื้อกันฝน
กางเกงกันฝน
ผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว
ผ้า Buff
กางเกงใน (x4)
ถุงมือจักรยาน
ถุงเท้า (x3)
ถุงแขน
รองเท้าแตะ
รองเท้าปั่นจักรยานแบบลำลอง
รองเท้าสำหรับเดินป่า
แว่นตา, เลนส์กันแดด, ถุงเช็ดเลนส์
กระจกมองหลัง Take-a-Look
หมวกกันน็อค
หมวกปีกกว้าง
หมวกไหมพรม
เสื้อกั๊กสะท้อนแสง
แคมปิ้ง (สำหรับ 2 คน)
Ground sheet
เต๊นท์ (ใส่ในถุงกันน้ำ)
แผ่นรองนอน (x2)
ถุงนอน (x2)
หมอน (x2)
เป้ Daypack แบบบางๆ (x2)
อุปกรณ์อาบน้ำ (สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ฯลฯ) (x2)
ที่โกนหนวด + ใบมีด
ที่ตัดเล็บ
ปัตตาเลี่ยนพกพา
ฟองน้ำอุดหู (x2)
ทำอาหาร + ซักล้าง (สำหรับ 2 คน)
เครื่องกรองน้ำ Mini Filter
ชุดหม้อแค้มปิ้ง
ชุดจานแค้มปิ้ง
กล่องใส่ไข่กันกระแทก
อ่างน้ำพับได้ Ortlieb
ชุดเตาแค้มปิ้ง + ขวดน้ำมัน
ไฟแช็ค (x2)
สก็อตไบรท์
น้ำยาล้างจาน
แฟ๊บ
ไม้หนีบ
เจลล้างมือ
กระดาษทิชชู่ใหญ่
กระดาษเปียก
ถุงซิป
ถุงถนอมผ้า (x2)
จักรยาน + เครื่องมือ (สำหรับ 2 คน)
จักรยาน (x2)
กระเป๋าแพนเนียร์หลัง 2 คู่
กระเป๋าแพนเนียร์หน้า 1 คู่
กระเป๋า rack pack
กระเป๋าหน้าแฮนด์ (x2)
ถุงกระสอบสีๆลายทาง (x2)
กระบอกน้ำ (x5)
ล็อคจักรยาน (x2)
ยางใน (x4)
อแดปเตอร์วาวล์สูบลม
สูบพกพา
ชุดปะยาง + ที่งัดยาง
น็อต, แหวน สำรอง
สายรัดสัมภาระ (x4)
ตาข่ายรัดของ
เชือกร่ม 10 ม., 20 ม.
หนังยาง
Zip Tile คละไซส์
Duct Tape
ชุดซ่อมแผ่นรองนอน Thermarest
ผ้าขี้ริ้วเช็ดรถ
แปรงสีฟันเก่า
แถบรัดขากางเกง (x2)
ไฟคาดหัว (x2)
ไฟหน้ารถ (x2)
ไฟท้ายรถ (x2)
ข้อต่อโซ่ปลดเร็ว
สายเบรค + สายเกียร์ + ปลอกปิดปลายสาย
ผ้าเบรค (x2)
น้ำมันหยอดโซ่
มีดพับ Victorinox
อุปกรณ์พับ Leatherman
เครื่องมือพับ (แบบมีที่ตัดโซ่)
ประแจ + หกเหลี่ยมเพิ่มเติม
ที่ขันซี่ลวด
เครื่องถอดเฟืองพกพา NBT-2
เข็มกลัด
อิเลคโทรนิค + เอกสาร (สำหรับ 2 คน)
GPS + สาย Mini USB
Micro SD Card + Reader
Notebook + Adapter
Thumb Drive (x2)
โทรศัพท์มือถือ + สายชาร์ต
ที่ชาร์ตถ่าน
ถ่านชาร์ต AA, AAA
ปลั๊กสามตาเล็กๆ
กล้องดิจิตอล + แท่นชาร์ต
ขาตั้งกล้อง
แผนที่ (กระดาษ)
ตารางเวลา (กระดาษ)
ปากกา
สมุดจด + เบอร์โทรฉุกเฉิน
กระเป๋าเก็บเงินและเอกสารแบบคาดเอว (x2)
ยา + เบ็ดเตล็ด (สำหรับ 2 คน)
เบตาดีน
พลาสเตอร์ยา
ผ้าก็อช + เทปกาว
ไดฟีลีน
ยาแก้แพ้
พาราเซ็ตตามอล
แก้ท้องเสีย
ยาธาตุน้ำขาว
แก้เมารถ
ยาดม
Bethazone (ผิวหนังอักเสบ)
ผงเกลือแร่
สเปรย์กันยุง
ครีบกันแดด + ลิปสติก
เขาด่าว่าไม่กี่คำ... ทนไม่ได้..
แต่นำเรื่องที่เขาด่าว่าไปขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นปีๆ... ทนได้
บางทีไปทำร้ายเขา ฆ่าเขาจนต้องติดคุกหลายปี ทนได้
นี่คือ...เ รื่ อ ง แ ป ล ก แ ต่ จ ริ ง ข อ ง ม นุ ษ ย์
เด๋วนี้จะหาสุภาพบุรษ สุภาพสตรี ยากเต็มที เหมือนงมเข็ม
ในมหาสมุทรแล้วมั้ง คงเป็นเพราะว่า
[/color]
พระพุทธฎีกา
พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระอานนท์ และพระสาวกทั้งหลายก่อนที่จะดับขันธ์ปรินิพพาน ไว้ว่า
๑. ทรงอนุญาตไว้พระศาสนาได้ 5,000 ปี
๒. ล่วง 500 ปี หลังทรงปรินิพพานแล้ว จะไม่มีนางภิกษุณี
๓. ล่วง 1,000 ปี จะไม่มีพระอรหันต์ เหาะเหินเดินอากาศได้
๔. ล่วง 2,000 ปี จะไม่มีนักปราชญ์ เรียนพระไตรปิฎกจนจบ
๕. ล่วง 3,000 ปี จะไม่มีพระสงฆ์ร่วมอุโบสถ
๖. ล่วง4,000 ปีจะหาพระสงฆ์ที่ทรงไตรจีวรไม่มี
๗. ล่วง 5,000 ปี สงฆ์ จะมีแค่ผ้าเหลืองน้อยห้อยไว้ที่หูและผูกคอ
เริ่มเข้าสู่กาลียุคเต็มทีแล้วค่ะ ผ่านมา 2500 กว่า ๆ แล้ว มนุษย์ที่เป็นมนุษย์เริ่มหายากขึ้น
ทุกวันนี้มีแต่คน
กด http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=368757 วิธีเลือกซื้อจักรยานเสือหมอบ[/color][/size]?วิธีเลือกซื้อจักรยานเสือหมอบ
1. ต้องถามตัวเองก่อนว่า จะซื้อจักรยานเสือหมอบไปเพื่ออะไร เพื่อขี่ให้ได้สุขภาพดี เพื่อเป็นพื้นฐานของกีฬาอื่น ๆ เพื่อมุ่งมั่นจะเป็นนักกีฬา เพื่อลงแข่งขัน เพื่อความมัน ความสนุก เพื่อแก้เครียด เพื่อความเท่ หรือตามเพื่อน ๆ
2. ถ้าตอบในข้อแรก ได้ก็โอเค ชอบแบบไหน ชอบทางออฟโรด ชอบทางเรียบ ชอบขึ้นเขา ชอบทางราบ ชอบถนนในเมือง ชอบถนนในหมู่บ้าน
ถ้าชอบถนนในเมืองหรือในหมู่บ้าน ก็ไม่ต้องลงทุนมาก รถจ่ายตลาดก็พอ ถ้าชอบทางออฟโรด แบบที่พวกเราชอบกันอยู่ ก็เลือก เมาเท่นไบค์ ชอบทางเรียบก็เลือก โรดไบค์
3. เวลาและความมุ่งมั่น แน่นอน ต้องเจียดเวลามาให้กับจักรยาน บางส่วนก็ต้องเบียดเบียนมาจากเวลาอื่น ๆ เราสามารถจัดการได้และทำใจได้ไหม ถ้าได้ ก็อยู่ที่ความมุ่งมั่น หรือ Commitment เพราะถ้าจะให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ต้องอาศัย Strong Commitment และให้เวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 วัน วันละประมาณ 1 ชั่วโมง
4. งบประมาณ เรื่องใหญ่มาก ถ้าเลือกซื้อให้ถูกวิธี รถราคาระดับหมื่น ก็ใช้งานได้ทนทาน และดีไม่แพ้รถราคาระดับแสน โดยเฉพาะถ้าเพิ่งเริ่ม จะไม่เห็นความแตกต่าง จนเมื่อกำลังและทักษะ พัฒนาสูงขึ้น ถึงจะแยกแยะออก อย่างน้อยควรมีประมาณหมื่นต้น ๆ ราคารถใกล้ ๆ หมื่น ปัจจุบันราคาลดลงมามากแล้ว เมื่อก่อนรถอย่างเดียวก็ต้องเริ่มต้นที่หมื่นสาม
ที่เหลือเป็น หมวกประมาณ พันต้น ๆ ต่ำกว่าไม่แนะนำ เพราะไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย และน้ำหนักมากทำให้ปวดหัว กางเกงและถุงมือ อีกประมาณพันครึ่ง ถึงเกือบสองพัน แล้วแต่รสนิยม กางเกงจำเป็นเพราะมีแผ่นชามัวร์หรือใยสังเคราะห์รองป้องกันการกระแทกเสียดสี ถุงมือเอาไว้กันกระแทกกับแฮนด์ ถ้าพลาดล้มขึ้นมาก็จะป้องกันมือจากการบาดเจ็บ หรือช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้ เสื้อยังไม่จำเป็น ใช้เสื้อยืดไปก่อนได้
ทั้งสี่ข้อเป็นคำถามให้ถามใจตัวเอง ต่อไปเป็นความเหมาะสมของแต่ละท่าน ว่าสมควรจะใช้รถแบบไหนดี ลองอ่านเกี่ยวกับประเภทรถดูแล้วตัดสินใจเอาเองนะว่าแบบไหนเหมาะที่สุด
เทรคคอร์ปอเรชั่น (TREK Corporation) ซึ่งเปรียบเสมือนโตโยต้าของจักรยาน เพราะผลิตจักรยานตั้งแต่สำหรับเด็กเล็ก ๆ ไปจนถึง Madone จักรยานเสือหมอบซึ่งออกแบบในอุโมงลม ให้แลนซ์ อาร์มสตรอง ปั่นจนเป็นแชมป์ ตูร์ เดอ ฟรอง ถึง 6 สมัยซ้อน ได้ระบุไว้ในเวปไซท์ ( http://www.trekbikes.com ) ของเขา โดยแบ่งรถจักรยานเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ 5 กลุ่ม คือ
1. Road สำหรับทางเรียบ Mountain สำหรับออฟโรด
2. City & Bike Path สำหรับใช้ในเมือง ในหมู่บ้าน หรือในบ้านเมืองที่มีเลนจักรยาน
3. Special Bikes รถที่ออกแบบ สำหรับความต้องการพิเศษ
4. Kids & BMX จักรยานสำหรับเด็ก ๆ
5. WSD Woman Specific Design รถจักรยานที่ออกแบบสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ.....
ที่มา: ที่สุดขอยคำถามยอดฮิตเรือ่งการเลือกไซส์เฟรมและการเซ็ทอัพรถเสือหมอบสำหรับมือใหม่ มือเก่า มือกลาง มือดี มือแรง มือปลาหมึก
ทุกๆสัปดาห์จะมีคำถามแบบนี้มาเสมอๆ และทุกกระทู้ขายเฟรมเสือหมอบจะต้องมีคำถามควบคู่เสมอๆว่า "ผมสูง 170 จะขี่ได้มั้ย" ต่อไปนี้คือการใช้งานเวปไซท competitivecyclist หนึ่งในเวปที่สร้างระบบการวัดตัวและระยะการเซ็ทอัพรถมาให้เราใช้งานแบบครบวงจรแบบง่ายๆที่บ้าน อาศัยเพียงเครือ่งมือวัดนิดหน่อย คนรู้ใจช่วยวัด และ .... คอมพิวเตอร์ (ซึ่งคงไม่ยากหากคุณกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ แสดงว่าคุณมีหนึ่งในสามอุปกรณ์หลักในการวัดตัวแล้ว!!)
เริ่มต้นด้วยการใส่ URL หรือ ที่อยู่เวปไซท์ลงไปในช่องของ browser ของท่าน ไม่ว่าจะเป็น IE, Firefox, Safari ทุกอย่างใช้งานได้ไม่มีปัญหาหครับ เพียง copy ตรงนี้ไป...
http://www.competitivecyclist.com/za/CC ... ATOR_INTRO
อย่าลืมเปิดหน้าต่างใหม่ก่อนนะครับ อย่าใส่บนหน้าต่างนี้ เดี๋ยวจะโบกมือลาหน้าเวป ThaiMTB ไปซะก่อน
จากนั้นจะได้หน้านี้มาครับ ยังไม่ต้องสนอกสนใจอะไรมากมายนัก มองไปที่ด้านขวาล่างจะมีช่องให้เรากรอกข้อมุลเบื้องต้นลงไป ก็จัดการกรอกตามลำดับเสียให้เรียบร้อยครับ อันแรกคือ เพศของผู้ขี่ มีชายและหญิง ไม่มีอีแอบให้เลือกนะครับถ้าจิตใจและร่างกายไม่สามัคคีกันเลือกเพศขอให้เลือกตามร่างกายเป้นหลักครับ อีกอันคือเลือกมาตราวัด เลือกระบบเซ็นติเมตร(เมตริกซ์) หรือระบบนิ้ว-ฟุต(อิมพีเรียล)
เสร็จแล้วกดปุ่ม start ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการวัดตัวอย่างละเอียดครับ คำแนะนำของทางเวปนั้นย้ำว่าแต่ละข้อมุลควรวัดหลายๆรอบแล้วนำค่าที่ได้มาเฉลี่ยกัน ยิ่งละเอียดยิ่งดี ยิ่งแม่นยำยิ่งได้ระยะถูกใจกันได้ ทางเวปพบว่าส่วนมากจะไม่สำเร็จสมใจก็เพราะวัดแล้วคลาดเคลื่อนครับ ดังนั้นหาคนมาช่วยวัดซักคนก็ดีครับ วัดหลายๆรอบเอาชัวร์ใว้ก่อน
เอาล่ะครับ ช่องแรกแรกนี้คือขั้นตอนการวัดระยะ inseam หรือระยะขาด้านใน คำแนะนำก้คือให้ใส่กางเกงปั่นจักรยาน(หรือแก้ผ้าซะ) เท้าเปล่านะครับยืนแยกเท้าซัก 8 นิ้ว(20เซนต์)หันหลังชิดกำแพงมาร์คจุดตำแหน่งส้นเท้าและจุดตรงเป้า(ผมเอาสมุดซักเล่มมาเสียบเข้าหว่างขาซะแล้วมาร์คที่สันสมุดด้านติดเป้าตรงกำแพง) จากนั้นวัดระยะจากจุดแรกถึงจุดที่สอง **ห้ามเอาระยะจากกางเกงขายาวมาวัดนะครับ ระยะพวกนั้นจะสั้นกว่าระยะขาจริงสองนิ้ว!!
กดปุ่ม next step สู้หน้าต่อไปครับ
trunk หรือระยะตัวช่วงบน นั่งบนเก้าอี้(หรือพื้นแต่ต้องนั่งหลังตรงนะครับ) หลังตรงชิดผนัง ต้องให้แน่ใจว่าตั้งแต่ก้นจนถึงตลอดทั้งแผ่นหลังแนบผนังเอาใว้ จากนั้นมาร์คที่ระยะความสุงของกระดูหัวไหล่ช่วงที่ไหปลาร้าเรามาชนกับหัวไหล่นั่นล่ะ วัดตั้งแต่เก้าอี้(หรือพื้น)ดิ่งมาที่ระยะนี้ วัดสองข้างแล้วเฉลี่ยมาใส่นะครับ ใส่แล้วกด next step สู้ช่องต่อไป
forearm หรือแขนท่อนล่าง อันนี้วัดง่ายหน่อยครับ กำปากกาเมจิกซักแท่งเอาใว้ในอุ้งมือ กำให้มันตั้งฉากกับแนวแขนเรานะครับจากนั้นนั่ง(หรือยืนก็ได้)สบายๆงอศอกเป็นมุมแาก วัตถุที่กำควรชี้ชื้นฟ้า วัดจากกุ่งกลางของเจ้าวัตถุถึงกุ่งกลางของข้อต่อข้อศอกเรา นั่นล่ะครับ กรอกลงไปแล้วไปต่อขั้นต่อไปกันเลยดีกว่า
arm หรือความยาวแขน ยังคงกำแท่งปากกาแท่งเดิมนั่นนะครับ แต่ทีนี้ยืดแขนไปด้านหน้าให้สุดแขน อย่าให้ไหล่เอี้ยวไปด้วยนะครับ ถ้านั่งติดผนังก็ให้แผ่นหลังแปะผนังเอาใว้ให้มั่นทั้งสองด้าน วัดจากกุึ่งกลางแท่งเดิมมาที่ตรงรอยต่อกระดูกแขนกับหัวไหล่ วัดสองข้างเฉลี่ยแล้วกรอกลงไปในช่องต่อไป แล้วกด next ครับ
thigh หรือความยาวขาท่อนบน นั่งบนเก้าอี้ที่เมื่อนั่งแล้วขาเราจะห้อยลงมาทำมุมฉาก นั่งให้หลังชิดกำแพงตลอดตั้งแต่บั้นท้ายจนท่อนบนครับ วัดระยะจากผนังจนถึงสะบ้าเข่าด้านหน้าสุด วัดแล้วเฉลี่ยสองข้างมาลงในช่องต่อไปได้เลยครับ
lower leg แปลตรงตัวครับ ขาท่อนล่าง นั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมนะครับ นั่งให้ขางอทำมุมแากสบายๆเอาหนังสือปกแข็งซักเล่มมาวางบนเข่าทั้งสองข้าง(เล่มเดียวนั่นล่ะครับแต่วางบนขาสองข้าง) วัดจากพื้นจนถึงระดับของสมุดเล่นนี้ หาสองข้างแล้วเฉลี่ยนะครับ จากนั้นใส่ลงไปในช่องเลยครับ
sternal nortch หรือระยะช่วงตัวท้งหมด ยืนหลังตรงติดผนังแล้วหาตำแหน่งกุ่งกลางที่ไหปลาร้าสองข้างวิ่งมาชนกัน ตรงนั้นคือยอดของกระดูกหน้าอกพอดีๆครับ วัดจาดตรงนี้ลงไปถึงพื้นดิ่งลงไป นี่คือระยะของความยาวตั้งแต่ขาถึงช่วงตัวเราทั้งหมดครับ กรอกแล้วไปสู่ช่องสุดท้ายกันเลยครับ
อันสุดท้ายไม่ต้องบอกมากครับ ความสูงครับ ความสุงทั้งตัวไม่รวมเส้นผมครับ เมื่อกรอกแล้วกดปุ่มได้เลยครับ เข้าสู่หน้าต่อไปที่เรารอคอย
นี่คือผลสรุปรวมของค่าทั้งหมดที่เราได้มาครับโดยทางระบบจะคำนวนระยะทั้งหลายออกมาในรูปแบบของ frame geometry หรือ มิติของเฟรมที่เราสามารถนำไปใช้งานได้ทันที เพื่อความเข้าใจง่ายๆของคนหมู่มาก ผมจะอธิบายคำต่างๆง่ายๆดังนี้ครับ
seat tube range c-c
ระยะความยาวท่อนั่งวัดจากกุ่งกลางกระโหลก ไปจนถึงกึงกลางของแนวรอยต่อท่อนั่งและท่อบน
seat tube range c-t
ระยะความยาวท่อนั่งวัดจากกุ่งกลางกระโหลกไปจนถึงยอดสุดของท่อนั่ง
top tube range
นี่คือระยะที่สำคัญที่สุดสำหรับขนาดเฟรมครับ !! ค่าที่ได้นี้ไม่ใช่การวัดขากกุ่งกลางท่อคอไปหากึ่งกลางท่อนั่งดื้อๆนะครับมันคือค่า effective top tube หรือ horizental top tube พูดง่ายๆคือค่าท่อบนวัด"ชนาน"พื้นแบบท่อบนเสือหมอบแบบเก่า ไม่ใช่การวัดตามแนวเฟรมโสลปครับ
stem length
ความยาวเสต็ม
bb-saddle position
ระยะจากกึ่งกลางกระโหลกไปจนถึงบนสุดของเบาะนั่ง อย่าลืมว่าบันได คลีท และเบาะต่างๆมีค่าคาดเคลื่อนไม่เหมือนกัน ดังนั้นค่าที่ได้นี้มีระยะคลาดเคลื่อนได้ถึง 2 เซนต์ฯ ครับ ทางออกคือ.... ลองหาตามทฤษฏีท่าปั่นที่ดีอีกครั้งดีกว่าครับ
saddle-handle bar
ระยะจากเบาะถึงแฮนด์ วัดจากจมูกของเบาะไปจนถึงขอบท่อแฮนด์ด้านใกล้ตัว ค่านี้สำหรับการวาง CG หรือจุดศูนย์ถ่วงที่เหมาะสมบนจักรยานคัรบ
saddle set back
เป็นระยะที่สำคัญสำหรับการออกแรงอย่างมีประสิทธิภาพครับ วัดโดยการทิ้งลูกดิ่งจากจมูกของเบาะไปดุว่าเบานั้นอยู่ห่างจากกึ่งกลางของกระโหลกมากน้อยเท่าใด(กติกา UCI มีระบุขอบเขตุนี้ใว้ด้วย!!)
เอาล่ะครับ มาดุคำจำแนกประเภทของการเซ็ทรถกันเป็นสิ่งที่เราต้องรู้ก่อนที่เราจะนำค่าต่างๆพวกนี้ไปใช้งานเพื่อพิจารณาหาเฟรมและเซ็ทรถให้เหมาะสมกับตัวเรากันต่อไปครับ นอกจากเซ็ทรถให้เหมาะกับ"คนขี่"แล้ว ยังต้องเซ็ทรถให้เหมาะกับ"การขี่" อีกด้วยครับ ทางเวปไซท์ได้จำแนกการเซ็ทอัพรถเอาใว้สามแบบดังนี้ครับ
Competitive Fit
คือการเซ็ทรถที่เป็นค่าที่ได้จากประสบการณ์ของเวปไซท์ที่ได้มาจากการสังเกตุและมองดูลูกค้าที่มองหารถที่แรง ก้าวร้าว ดุดัน ซึ่งรถที่เซ็ทมาจากโรงงานในสมัยนี้ระดับบนๆมักจะมากับการเซ็ทรถแบบนี้ทั้งนั้น ท่าทางการขี่ที่ลู่ลม ก้มต่ำ แฮนด์ต่ำทิ้งน้ำหนักลงบนมือมากกว่าบนเบาะคือท่าทางที่ได้จากการเซ็ทอัพรถแบบนี้ครับ บางครั้งระดับเบาะและแฮนด์อยู่ห่างกันถึง 10 เซนต์ฯทีเดียว การเซ็ทอัพแบบนี้เหมาะกับผู้ที่มีความยืดหยุ่นของร่างกายที่ดี สามารถทนต่อการคุดคู้อยู่บนเฟรมเล็กๆได้นาน ดังนั้นในทางกลับกัน หากไม่ใช่นักปั่นระดับเข้มข้น บางครั้งท่าปั่นแบบโปรเช่นนี้ก็คือนรกบนเบาะจักรยานที่ระยะยาวนานกว่า 6 ชั่วโมง !!
The Eddy Fit
ชื่อนี้มาจากท่าปั่นของนักปั่นในตำนานอย่าง Eddy Merckx หรือรู้จักกันดีในฉายา "ฮาร์นิบาล" นักปั่นเลือดเดือดโหดร้ายเกมส์ร้อนแรงจากยุค 70s-80s ดังนั้นไม่เกี่ยวกับความเร็วนะครับ !! คนมักจะเข้าใจว่าการเซ็ทแบบโปรแบบแรกให้ความเร็วสุงที่สุด ทว่าถ้าเป็นแฟนจักรยานรุ่นเก๋ากว่านั้นคงจะพอนึกออกว่าตาเอ็ดดี้แกไม่ได้ปั่นหวานเย็นอืดอาดแต่อย่างใดเลยครับ แต่เพราะกาลเวลาผ่านไป นักแข่งสมัยใหม่ได้รับรถที่สบายขึ้นจึงยอมเสียความสบายในท่าทางการปั่นไปให้กับการออกแรงที่มีประสิทธิผลสูงสุด อย่างไรก็ดี ในการแข่งทัวร์ยาวๆโหดๆ นักแข่งจำนวนหนึ่งฏ็ยังคงพบว่าภาพลักษณ์ท่าปั่นแบบยุค 70s นั้นดูจะเหมาะสมกว่า มีรายละเอียดเชิงลึกที่ทางเวปเค้าอธิบายแต่ขอยกไม่แปลแล้วกันครับ สรุปง่ายๆว่า อาจจะลำบากหากจะหาเฟรมสมัยใหม่ที่สามารถเซ็ทอัพแบบนี้ได้"สมบูรณ์"แบบเหมือนเฟรมยุคนั้น ทว่า ต่างคนต่างมีระยะที่ต่างกันครับ ไม่แน่ว่าเฟรมที่ออกแบบมาสมัยใหม่บางรุ่น บางพวก บางยี่ห้อ อาจไปตกหล่นอยุกับร่งกายของใครซักคนที่เหมาะอย่างไม่น่าเชื่อที่จะนำมาเซ็ทรถแบบนี้ ย้ำนะครับ ไม่ได้แปลว่าขี่ยบายแล้วจะช้า แต่มันคือ"สไตล์การขี่" ในเชิงลึกการออกแรงขี่ในยุค 70s กับสมัยนี้ก็ไม่เหมือนกันด้วยนะครับ
The French Fit
การเซ็ทรถแบบนี้ใช้แนวคิดตรงกันข้ามกับแบบแรกครับ คือมุ่งเน้นที่ความทนทานในการปั่นมากกว่า เฟรมใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเหมาะ แต่ก็ไม่ได้แปลว่า"ไปช้า" บนเส้นทางยาวๆขี่กัน 8 ชั่วโมง 10 ชั่วโมง คนที่เซ็ทรถแบบแรกกะว่าจะไปเร็ว สุดท้ายบั้นปลายจะแป้กและแผ่วตรงกันข้ามกับคนที่เซ็ทรถแบบนี้จะรักษาระดับได้ง่ายกว่า เหตุผลง่ายๆก็เพราะการเซ็ทแบบแรกนั้นเซ็ทรถให้สามารถนำไปกระชาก ไปยิง ไปไล่ได้อย่างสนุกสนานมันส์เท้า แต่แบบที่สามนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางแบบ"คงที่" อาจสปรินท์ไม่ดีแต่จะสามารถรักษาความเร็วไปเรื่อยๆบนทางไกลได้ รถอาจดูไม่สวยงามดุดันนัก แต่หากคุณเป็นนักปั่นรถเสือถนนที่ไม่สนใจสายตาคนมอง ไม่สนใจอยากยิงก็ยิงไป เดี๋ยวอีกครึ่งวันเจอกันแถวๆเส้นชัยหรือจุดหมายปลายทาง นี่คือการเซ็ทรถที่เหมาะมากๆครับ อย่าลืมว่า ต่อให้แข็งแรงแค่ใหน แต่ถ้า"ความล้า"มาเยือน ไม่เหนื่อยก็ทรมานไม่หมดแรงก็ไม่อยากออกแรงแล้วนะครับ
อันนี้ผมขอเสริมเองอีกประเด็นว่า .... สมัยนี้บริษัทรถจักรยานออกแบบเฟรมมาหลายหลากเป้าหมาย ทางที่ดีก่อนที่จะนำค่านี้ไปเซ็ทรถล่ะก็ ลเือกเป้าหมายของเฟรมที่เรามองให้เหมาะด้ว เช่น ถ้าอยากเซ็ทรถแบบดุดันแบบ competitive แต่ดันไปเลือกรถในกลุ่มขี่สบายๆมาแทน ผลที่ได้ก็คือต้องเซ็ทรถยากกว่าเดิม ได้อรรถประโยชน์ไม่เต็มที่ ในทางกลับกัน หากไปซื้อรถที่มีมิติแบบโปรเน้นแข่งเน้นแรงแต่มาเซ็ทแบบ French Fit ก็จะพบว่าทำได้ยากยิ่งเหมือนกัน เชื่อว่าหลายๆท่านคงได้ศึกษามิติเฟรมมาดีแล้วว่าออกแบบรุ่นใดมาเพื่ออะไร แล้วจึงมาศึกษาเรื่องการวัดตัวนี้นะครับ
ขอบคุณ คุณ Giro เจ้าของบทความครับ
วิธีเอาหลักอานออก...ขอบคุณพี่aisบอกใว้.ถามกันมาเยอะ ผมจะเฉลยในกระทู้นี้เลย จะได้รู้กันว่าเอาหลักอานออกยังไง ครั้งผมก็ต๊าฟเกลียวที่ปลายหลักอาน หลังจากเอาส่วนหัวสำหรับยึดจับเบาะออก แล้วใช้ยางอุดที่ปลายหลักอานแล้วคว่ำหลักอานลง เอาน้ำมันโซล่าเทเข้าทางกระบอกใส่หัวกระโหลกทิ้งไว้หนึ่งคืน
หลังจากแช่น้ำมันโซล่าหนึึ่่งคืน เอาเพลาที่ปลายเป็นเกลียวขันเข้าไปในหลักอานแลัวใช้ลูกกระทุ้งกระแทกที่ปลายเพลาอีกด้านทำอยู่หลายครั้ง หลักอานไม่ขยับทำหลายๆครั้ง จนท่อยึดกับท่อนนั่งด้านบนร้าวนิดๆ สรุปว่าไม่ได้ผล
เลยต้องใช้ไม้ตายสุดท้ายคือผ่าหลักอาน
อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีแค่ใบเลื่อยตัดเหล็กไฮสปีด เศษผ้าสำหรับสำหรับจับใบเลื่อย ไขควงปากแบน ไฟฉายและค้อนกับลวดยาวอย่างน้อย 40 ซมกับปากกาแมจิค. ที่สำคัญต้องใจเย็นๆอย่าใจร้อนและใช้สมาธิมากๆ
ก่อนอื่นหลักอานที่จะผ่า ต้องโผล่จากท่อนั่งอย่างน้อย 1 นิ้วไว้สำหรับเคาะ
เมื่ออุปกรณ์พร้อม ใช้ลวดหักปลายให้งอเป็นตะขอแหย่ปลายลวดด้านเป็นตะขอลงไปในหลักอาน เพื่อหาส่วนปลายหลักอาน เมื่อรู้ความลึึกและปลายหลักอาน ให้ใช้ปากกาขีดที่ท่อนั่งไว้เพื่อเวลาเลื่อยหลักอานจะได้กะความลึึกใบเลื่อยได้
ใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กสอดเข้าไปในหลักอาน อย่าให้คลองเลื่อยตรงร่องผ่าของท่อนั่ง เวลาเลื่อยให้วางใบเลื่อยหัวและปลายให้กินหรือเซาะเท่าๆกันและต้องหมั่นดูคลองเลื่อยบ่อยๆเพื่อกันใบเลื่อยกินท่อนั่ง ข้อสังเกตส่วนมากหลักอานจะเป็นอลูเมื่อเลื่อยจนคลองเลื่อยทะลุหลักอานใบเลื่อนจะลื่นเหมือนใบเลื่อยไม่คม ใช้ไฟฉายส่องไปในหลักอานว่าขาดออกจากกันหรือยัง ถ้าขาดออกจากกันแล้ว ให้ใช้ใบเลื่อย เลื่อยตรงกันข้ามกับคลองเลื่อยอันแรก จนท่อนั่งขาดออกจากกัน เมื่อเลื่อยจนขาดเป็น 2 ซีกแล้วใช้ค้อนเคาะปลายหลักอานเบาๆหลักอานจะขยับออกเพราะหลักอานมีช่องว่างของคลองเลื่อย ทำให้หลักอานที่ติดขยับและให้ตัวได้
ในกรณีที่หลักอานจมลึกปลายโผล่น้อย ให้ใช้ปลายไขควงแบนเข้าตรงรอยผ่าของท่อนั่งที่ใส่รัดหลักอาน ใช้ค้อนไขควงให้หลักขับจนหลุดออกจากกัน
ข้อควรระวังอย่าใจร้อนใช้ค้อนเคาะปลายหลักอาน ถ้ายังเลื่อยหลักอานยังไม่ขาดออกจากกัน เพราะจะทำให้คลองเลื่อยบีบเข้าหากันท่านจะเลื่อยซ้ำจะทำไม่ได้ ต้องเริ่มต้นใหม่หมดทำให้เสียเวลา
ข้อความของผมอาจจะทำให้อ่านแล้วสับสน ต้องขออภัยด้วยครับ
ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการเอาหลัดอานออกครับ