ThaiMTB.com

ไปเช็คดูแล้วถ้าเปลี่ยนเป็น xtr จะได้เบากว่าเดิมอีก 3 ขีดกว่า กับการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วขึ้น คิดว่าคุ้มค่าสำหรับค่าตัว สองหมื่น
อ้อ ถ้าเปลี่ยนน่าจะไปเล่น step จานหน้าสองฟัน 44-30t ส่วนเฟืองหลังเสือหมอบ 11-28t จากของเดิม จานหน้า44-32-22tส่วนเฟืองหลังเป็น 11-27t
หรือจะเล่น step 44-30t กับ 11-34tหรือ11-36t dynasty เต็มตัว ข้อมูลเพิ่มเติม รถเสือหมอบตอนนี้ใช้จานหน้าคอมแพค 50-34t เฟืองหลังใช้ 11-25t
คุยกับเสือนุ แม่สายทีไร นอนไม่หลับทุกที มีการบ้านให้คิดสุดคืน ๆ ถ้าได้เปลี่ยน xtr อีกทีก็มันส์แน่ ๆ คิดว่า 44-30tกับ 11-28t น่าจะเวิร์คสุด เมื่อเทียบกับน้ำหนักรถที่จะลดลง กับ การใช้งานของเดิม
ถ้าสามารถใช้ จานหน้า32ฟัน เฟืองหลังใบสาม ขึ้นดอยได้ เฟืองหลังใช้เสือหมอบได้ ไม่มีปัญหาเพราะเฟืองหลังใบสามคือเฟือง 28 กับ 26 คิดไปคิดมาขึ้นดอยช้างมูบไม่ไหวแน่ สรุป จริง ๆ ใช้ 44-30tกับ 11-34t น่าจะดีที่สุด ต้องเลือกระหว่างความละเอียดเกียร์กับ เฟืองหลังใหญ่ขึ้น ไว้ขึ้นดอยชัน ๆ แต่มันก็ไม่น่าจะต่างกับระบบเดิม 44-32-22t กับ 11-27t คิดแล้วปวดหมอง ไม่ลองถึงไม่รู้ เฟืองหลัง 27ซี่สำหรับเฟืองเมาเท่น ก็คือ จานหน้าใบ 1 จานหลังใบ 3
ที่เคยใช้ 50-34t คู่กับ 11-25t เสือหมอบ
44-32-22t กับ 11-34t xt เก้าสปีด
44-32-22t กับ 11-27t ร้อคกี้
และ 42-32-22t กับ 11-34t xt สิบสปีด

ไม่เคยสนใจเฟืองมันซะที ใส่แล้วปั่นได้ก็โอเคแล้ว...

เมื่อวานเห็นเสือตี๋ใหญ่แอบไปซุ่มฟิตที่หนองเก้าห้องคนเดียว ปั่นแซงรถเครื่องสบายๆยาวๆ

การเลือกเฟืองเป็นการเลือก ระบบทดเกียร์ที่เหมาะกับขาเราที่สุด และใช้เกียร์ได้เกือบครบ
อีกอย่างเกียร์หนัก กับเกียร์เบา ในความเร็วเท่ากัน เกียร์เบาจะเซฟเข่ามากกว่า
คิดว่าไม่อั้พแล้ว เช็คราคาแล้วตกอยู่สามหมื่น แพงไป

จริง ๆ คิดดูแล้วจานหน้าที่เหมาะคือ 42-28t ส่วนเฟืองหลัง 11-28t เกียร์เบาสุด ratio คือ 1:1 เฟืองหน้า 28 ต่อเฟืองหลัง 28
รับรองซอยขึ้นดอย แรง แต่จะเสียทางเรียบตรงที่ซอยแหลกเหมือนกัน แต่ลองไปคิดเล่น ๆ ดู ถ้า เฟืองหน้า 22 ต่อ เฟืองหลัง 22 เหมือนกัน
ratio ก็ 1:1 เหมือนกัน แบบไหนจะปั่นดีกว่ากัน ถ้าอยากลองก็จานหน้าใบ 1 เฟืองหลังใบ 4 เทียบกับ จานหน้าใบ 2 กับเฟืองหลังใบ 1
ส่วนตัวคิดว่าอยู่ที่ สปีดการหมุนจานหน้า ถ้าคนชอบปั่นหนักใช้สปีดช้าก็ต้องจานหน้าใบ 2 แต่ถ้าคนชอบซอย สปีดเร็ว ก็ต้องจานหน้าใบ 1

เพราะว่าจานหน้า ใบสอง มี 32 ฟัน ส่วนใบหลังมี 22 ฟัน ใน1รอบ ใบสองหมุนไป 32 ฟัน ในขณะที่ใบ 1 หมุนเพียง 22 ฟัน ถ้าจะให้ใบ 1 หมุนให้ได้ 32 ฟันจะต้องปั่น 1.45 รอบมาจาก 10/22 ดังนั้นแล้วใครที่บอกว่าใช้จานหนักขึ้นดอยจะไปเร็ว ก็ไม่ใช่เสมอไป บางทีจานเบาแต่ซอย สามารถจะขึ้นดอยเร็วได้เหมือนกัน แต่ถ้าใครสามารถ หนักและซอยได้ นั่นคือขาเทพ ดังนั้นหลักการปั่นคือหา ratio ที่เหมาะสมสำหรับขาตัวเอง เพราะแต่ละคนสปีดการซอยขาไม่เท่ากัน และสปีดการซอยก็ไปเกี่ยวข้องกับความยาวขาจาน ขาจานที่สั้นจะซอยได้ดีกว่าขาจานที่ยาว สำหรับคนขาสั้นนะ โดยส่วนตัวเสือหมอบใช้ขาจานยาว 165 โชคดีที่ไปได้ของเสือยศมา เสือภูเขา 170 เพราะ ขาสั้น แต่ซอย ข้อเสียคือ วิ่งทางเรียบสู้คนที่สามารถใช้ขาจานที่ยาวกว่าไม่ได้ แต่ได้เปรียบทางดอย เพราะสามารถหมุนจานหน้าได้เร็วกว่า ทฤษฎีคิดเองล้วน ๆ ผิดถูกไม่ว่ากันนะครับ
ข้อสังเกตุอีกอย่างคือ ทำไม ขาจานเสือหมอบจะต้องสั้นกว่าเสือภูเขา คิดว่าอยู่ที่ ratio เพราะเสือหมอบมี ratio ที่สูงกว่า เกียร์เบาสุดคือ 34:25 คิดเป็น 1.36 ถ้าจะให้ปั่นเบาสบายก็เลยต้องซอยถี่กว่า เวลาขึ้นดอยชัน ๆ ยาว ๆ ยังไงเสือหมอบก็เสียเปรียบวันยังค่ำ กลับกันทางเรียบเสือหมอบกิน เพราะเสือภูเขา ratio ต่ำซอยยิก ๆ

และก็เซ็ตรถให้เบาที่สุด กับ แอโร่ว์ที่สุด จบเลยมี 6 ข้อ 1. เลือกเกียร์ 2. รถเบา 3. กดหน้าต่ำ 4. ความยาวช่วงขา 5.ลื่น 6. เฟรมดี

นั่นคือ ที่มาความแรง ของเสือจุน ที่ใคร ๆ ก็มักจะถามว่าทำไมพักนี้ขาแรง ๆ แต่ถ้าไปใช้ spe รับรองไม่แรง เพราะเซ็ตรถไว้ลงดอยในป่า(กลัวตกเขา)
เข้าป่าทักษะไม่ดี เลยต้องเซ็ตรถให้เสียเปรียบเข้าไว้

เอาจาน xt ถอดเฟืองใบเล็กออกดีมั้ง