จักรยานกับชายวัยสามสิบ
โพสต์: 15 ก.ค. 2019, 00:19
... ล็อกอินเข้ามาในเวปบอร์ดนี้ เลยลองเข้าไปดูกระทู้ที่เคยแสดงความคิดเห็น ขึ้นเป็นปี 2009!! ไม่ได้เข้าเวปบอร์ดนี้มาประมาณเกือบสิบปี ภาพสมัยตอนเป็นวัยรุ่นมหาวิทยาลัยที่นั่งหมกมุ่นดูแต่เวปบอร์ดจักรยานทั้งวัน มันหวนกลับมาอย่างบอกไม่ถูก
ตัวผมในวันนี้ ในวัย 30ปี แต่งงานและมีลูกชายอายุพึ่งครบ 4 เดือน ไปเมื่อวันที่เก้าที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ช่วงที่จักรยานฟิกเกียร์เริ่มเป็นที่รู้จักประมาณปี 2008-2009 ชีวิตผมก็มีจักรยานเป็นองค์ประกอบหนึ่งในชีวิตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รู้ตัวอีกทีมันก็กลายเป็นทั้งกีฬา ของสะสม ของเล่น ยานพาหนะ และสังคมของผมไปเสียแล้ว
ตั้งแต่เรียนจบมา ชีวิตก็ดำเนินเรื่อยไปตามปกติอย่างคนทั่วๆไป ทำงานประจำอยู่แถวบ้านได้ 5 ปี ประเภทที่ว่า ทำไปเล่นไป ไม่ได้คิดอะไร ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา ก็นั่นแหละครับ คงจะเหมือนหลายๆ คน ที่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า .. เราชอบอะไร? อาชีพหรือสิ่งที่เราอยากทำคืออะไร?
วันดีคืนดี แฟนผมดันลองทำธุรกิจออนไลน์ขึ้นมา ท่าทางดูพอไปได้ ผมก็ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนัก ลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่มาช่วยแฟนทำธุรกิจอย่างเต็มตัว ทุกอย่างก็โอเค มีแค่ช่วงแรกๆ ที่เราจะต้องปรับตัวนิดหน่อย ด้วยความที่ว่าเราเคยเป็นพนักงานประจำ ยังไงเสียสิ้นเดือนเงินก็ออก แต่สำหรับธุรกิจส่วนตัวนั้น..ไม่ใช่!
ธุรกิจของผมและแฟนดำเนินมาได้ปีนี้เข้าปีที่สาม พูดได้ว่าเป็นปีที่ยอดขายของเราลดลงเรื่อยๆ หรือไม่เต็มที่ก็เท่าเดิม ไม่ได้มีเพิ่มขึ้น แรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้นในครอบครัวของเราที่พึ่งจะมีเจ้าตัวน้อยเป็นสมาชิกใหม่อีกหนึ่งนั้น พูดได้ว่าทำให้เราทั้งสองคนตัองมานั่งจับเข่าคุยกันว่าเราควรทำอย่างไร? นอนคิดทุกคืน มีอาชีพและช่องทางการหาเงินมากมาย ที่ผ่านเข้ามาในความคิดของผม แต่ไม่มีอาชีพไหนที่ผมรู้สึกว่าเป็นตัวผมเองเลยสักภาพเดียว มันเลยย้อนกลับไปที่คำถามเดิมอีกครั้ง เราชอบ??? ... "จักรยาน"
เหมือนได้กลับหลังหันแล้วมองไปอีกด้าน พอได้คำตอบที่ว่าเราชอบจักรยาน เรื่องที่เอาไว้คิดก่อนนอนก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่า เราจะทำอาชีพอะไร หรือเราจะหาเงินยังไง แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่ว่า เราจะหาเงินจากจักรยานได้อย่างไร?
..และเหมือนว่าผมจะได้คำตอบ ผมพึ่งส่งใบสมัครออนไลน์ไปที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬาขนาดใหญ่บนห้างสรรพสินค้าชั้นนำเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะเข้าไปทำงานอยู่ที่แผนกจักรยาน ทั้งไปซ่อม ทั้งไปขาย และไปขี่ ดูเหมือนว่าชีวิตกำลังจะกลับเข้าสู่การเป็นพนักงานประจำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ความรู้สึกแตกต่างจากครั้งที่แล้ว ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร และเพื่ออะไร
ผมนั่งคิดอยู่นานว่าจะจบเรื่องนี้ยังไง มันจะจบได้ยังไง ก็ในเมื่อมันยังไม่เริ่มต้นเลย ..
ตัวผมในวันนี้ ในวัย 30ปี แต่งงานและมีลูกชายอายุพึ่งครบ 4 เดือน ไปเมื่อวันที่เก้าที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่ช่วงที่จักรยานฟิกเกียร์เริ่มเป็นที่รู้จักประมาณปี 2008-2009 ชีวิตผมก็มีจักรยานเป็นองค์ประกอบหนึ่งในชีวิตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน รู้ตัวอีกทีมันก็กลายเป็นทั้งกีฬา ของสะสม ของเล่น ยานพาหนะ และสังคมของผมไปเสียแล้ว
ตั้งแต่เรียนจบมา ชีวิตก็ดำเนินเรื่อยไปตามปกติอย่างคนทั่วๆไป ทำงานประจำอยู่แถวบ้านได้ 5 ปี ประเภทที่ว่า ทำไปเล่นไป ไม่ได้คิดอะไร ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์ลา ก็นั่นแหละครับ คงจะเหมือนหลายๆ คน ที่เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า .. เราชอบอะไร? อาชีพหรือสิ่งที่เราอยากทำคืออะไร?
วันดีคืนดี แฟนผมดันลองทำธุรกิจออนไลน์ขึ้นมา ท่าทางดูพอไปได้ ผมก็ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนัก ลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่มาช่วยแฟนทำธุรกิจอย่างเต็มตัว ทุกอย่างก็โอเค มีแค่ช่วงแรกๆ ที่เราจะต้องปรับตัวนิดหน่อย ด้วยความที่ว่าเราเคยเป็นพนักงานประจำ ยังไงเสียสิ้นเดือนเงินก็ออก แต่สำหรับธุรกิจส่วนตัวนั้น..ไม่ใช่!
ธุรกิจของผมและแฟนดำเนินมาได้ปีนี้เข้าปีที่สาม พูดได้ว่าเป็นปีที่ยอดขายของเราลดลงเรื่อยๆ หรือไม่เต็มที่ก็เท่าเดิม ไม่ได้มีเพิ่มขึ้น แรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้นในครอบครัวของเราที่พึ่งจะมีเจ้าตัวน้อยเป็นสมาชิกใหม่อีกหนึ่งนั้น พูดได้ว่าทำให้เราทั้งสองคนตัองมานั่งจับเข่าคุยกันว่าเราควรทำอย่างไร? นอนคิดทุกคืน มีอาชีพและช่องทางการหาเงินมากมาย ที่ผ่านเข้ามาในความคิดของผม แต่ไม่มีอาชีพไหนที่ผมรู้สึกว่าเป็นตัวผมเองเลยสักภาพเดียว มันเลยย้อนกลับไปที่คำถามเดิมอีกครั้ง เราชอบ??? ... "จักรยาน"
เหมือนได้กลับหลังหันแล้วมองไปอีกด้าน พอได้คำตอบที่ว่าเราชอบจักรยาน เรื่องที่เอาไว้คิดก่อนนอนก็ไม่ใช่เรื่องที่ว่า เราจะทำอาชีพอะไร หรือเราจะหาเงินยังไง แต่กลับกลายเป็นเรื่องที่ว่า เราจะหาเงินจากจักรยานได้อย่างไร?
..และเหมือนว่าผมจะได้คำตอบ ผมพึ่งส่งใบสมัครออนไลน์ไปที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬาขนาดใหญ่บนห้างสรรพสินค้าชั้นนำเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะเข้าไปทำงานอยู่ที่แผนกจักรยาน ทั้งไปซ่อม ทั้งไปขาย และไปขี่ ดูเหมือนว่าชีวิตกำลังจะกลับเข้าสู่การเป็นพนักงานประจำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ความรู้สึกแตกต่างจากครั้งที่แล้ว ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร และเพื่ออะไร
ผมนั่งคิดอยู่นานว่าจะจบเรื่องนี้ยังไง มันจะจบได้ยังไง ก็ในเมื่อมันยังไม่เริ่มต้นเลย ..