ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
Guidevoyage
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 16:46
Tel: 0909275115
Bike: araya federal
ติดต่อ:

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย Guidevoyage »

รูปภาพ

รูปภาพ

"จำปาลาว" เป็นเหมือนบ้านหลังแรกที่ในลาว ที่ผมมีโอกาสได้พักทั้งขาไปและขากลับ จากวังเวียง - หลวงพระบางแล้วรู้สึกสบายใจ ปลอดภัยเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
มนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของลาวในความรู้สึกผม คงเป็นภาพเด็กๆปั่นจักรยานไปโรงเรียน เห็นทีไรนึกถึงตอนตัวเองเป็นเด็กๆ ไม่ได้ปั่นจักรยานไปโรงเรียนเหมือนในรูปหรอกนะครับ นั่งรถสวนไปโรงเรียนเช้า - เย็นทุกวัน เกือบ 50 km (รถรับส่งนักเรียนไปโรงเรียน สาเหตุที่เรียกรถสวนเพราะ รับส่งเด็กนักเรียนที่บ้านอยู่ไกล เด็กที่บ้านอยู่ในสวนยางพาราตามที่ต่างๆ ไปส่งในเมือง)

ปล.ภาพเด็กปั่นจักรยานไปโรงเรียน ไม่ใช่ผมถ่ายนะครับ เป็นภาพจากพี่ชั้ยพี่ที่ดูแลจำปาลาวถ่ายจาก ipod แล้วมอบให้ผมตอนออกไปปั่นจักรยานเที่ยวด้วยกันตอนเช้าครับ : )

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

หลังฟ้าผ่า พายุเข้าฝนตกช่วงเย็นที่วังเวียงตลอด 3 วัน วันที่ 4 ผมตัดสินใจออกเดินทางปั่นจักรยานจากวังเวียงเข้าเมืองเวียงจันทร์
เส้นทางวันแรกจากวังเวียงไปโพนโฮง (ถึงที่พัก) 86 กิโลเมตร สำหรับการปั่นลงเขานับเป็นเรื่องที่สนุกมาก มีถนนลูกรังบ้างบางช่วง ก่อนจะขึ้นเนินและเข้าสู่ทางเรียบอีกครั้ง ระหว่างปั่นลงเขาก่อนเข้าเมืองหินเฮิบ ผมบังเอิญเจอนักปั่นชาวสิงคโปร์(ปั่นลุยเดี่ยวมาเหมือนกัน)ตรงสะพานข้ามแม่น้ำหินเฮิบ (ชื่อเมืองอะไรสักอย่างข้างทางมีร้านขายปลาเยอะๆ ถามชาวบ้านตรงนั้นก็เรียกหินเฮิบเหมือนกัน) ต่างคนต่างโบกมือหากันแต่ไกล ความรู้สึกวินาทีนั้นเหมือนเจอเพื่อนสนิทที่คุ้นเคย สนิทกันมานาน..

เราจอดจักรยานทักทายกันบนสะพานยืนคุยกันเหมือนเพื่อนที่รู้จักกันจริงๆ เหมือนเพื่อนสนิทที่เคยนอนหมอนเดียวกัน ห่มผ้าผืนเดียวกันก็ไม่ปาน (เว่อร์ไปนิดนึงครับ แต่ก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ) Alan ปั่นจักรยานจากสิงค์โปร์ผ่านมาเลเซีย ไทย ตอนนี้กำลังจะไปหลวงพระบางและจุดสิ้นสุดของแพลนอยู่ที่ต้าลี้ประเทศจีนครับ (ตอนนั้นในใจคือโครตเจ๋งเลยหว่ะ!! เดี๋ยวเอาบ้างๆ ขอให้ไปถึงไซ่ง่อนเวียดนามก่อนเถ๊อะ จะได้มีเรื่องเล่าสูสีกัน 555)
เราสองคนมีอะไรคล้ายๆกัน คุยกันแล้วถูกคอสนุกมากครับ เราพลัดกันถ่ายรูปทั้งรูปคู่และรูปอีกคน
คุยเรื่องตลกเกี่ยวกับกล้วยน้ำหว้าที่เราพกติดตัวไปด้วยเหมือนกัน ที่ต่างคนต่างพกเพราะมันช่วยเพิ่มพลังงานได้มากจริงๆ เสียดายถ้ามีขายกล้วยหอมคงดีกว่านี้ ^^"
แถมต่างคนต่างถามถึงของใช้ที่พลัดกันถามถึงยี่ห้อ จนอดขำกร๊ากก ไม่ได้ถึงความเหมือนของกันและกัน (จะบังเอิญใช้ของยี่ห้อเดียวกันเยอะไปมั้ย!! นึกว่ามีจิตสัมผัสต่างคนต่างรุ้ว่าอีกคนอยากใช้ยี่ห้ออะไรแล้วซื้อตามเสียอย่างนั้น 555) และที่ยิ่งขำคือระหว่างยืนคุยกันรถบรรทุกวิ่งผ่านสวนทางยิ่งทำให้สะพานสั่นตึ๊กๆ ยิ่งทำให้เราหัวเราะกร๊ากก ถึงความตกใจของกันและกัน 555

ก่อนแยกกันเดินทางต่อ ผมสังเกตเห็นเค้าคล้องหูฟังที่คอ เลยถามเขาว่าตอนปั่นจักรยาน ยูฟังเพลงอะไร.. ??
เขาตอบกลับมาว่า ไอฟังหลักคำสอนศาสนาเชนก่อนยื่นมาให้ผมฟัง เล่นเอาผมอึ้งไปเลย!!
เขาบอกว่าเขาอิสระสำหรับการนับถือศาสนา เขาสนใจคำสอนของทุกศาสนา ชอบฟังแล้วเอามาปรับใช้ให้ชีวิตมีความสุขมากกว่า!!
เยี่ยมยอดกระเทียมดองนักเดินทางมั้ยละครับ พิมพ์ไปก็คิดถึง Alan ไปครับไม่รู้ว่า ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเดาไม่ผิดคงกลับไปสิงคโปร์แล้ว?

รูปภาพ

รูปภาพ

ปั่นต่อมาได้สักพักก็ผ่านสะพานหินเฮิบ มุมสวยบรรยากาศดีเลยแวะถ่ายรูปสักหน่อยครับ ปั่นมาอีกสักพักใหญ่ๆ..
เผลอแปบเดียวมาถึงเมืองโพนโฮงแล้ว เลยปั่นขึ้นไปวัดที่เห็นตั้งแต่ตอนขาไปแล้วว่าขากลับจะมาขอพระท่านค้างคืนที่นี่ พอเข้าไปถึงวัดเป็นอันต้องผิดหวังเพราะกางเต๊นท์นอนไม่ได้ พระที่วัดแนะนำให้ไปพักวัดเล็กๆข้างหน้าอยู่ข้างทางออกจากเมืองไป 3-4 กิโลเมตรเห็นจะได้

หลังไปถึงวัดติดต่อ จั๊ว (สามเณร) ที่อยู่ในวัดเพียงองค์เดียวให้ติดต่อนายบ้านมาตรวจพาสปอตเพื่อขอกางเต๊นท์ค้างขึ้นเสร็จแล้ว ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพร้อมลูกน้องก็มาตรวจพาสปอตและอณุญาตให้ค้างคืนนอนได้..

..และที่นี่เป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต!!!
ผมไม่ขอเล่าบนโลกออนไลน์นะครับ มีโอกาสได้พบกันคงได้เล่าให้ฟังครับ!!!

หลังตื่นเช้ามากินข้าวก้นบาตรจั๊ว นั่งคุยกับคุณยายหลายคนที่มาทำบุญตักบาตรตอนเช้าเสร็จแล้ว คุณยายแต่ละคนก็จัดแจงข้าวเหนียวพร้อม ผักลวก (ไม่รู้ผักอะไร หลายผัก) น้ำพริกปลาร้าให้กับไข่ต้มอีก 1 ฟองใส่ถุงรวมกันให้ ขอบคุณคุณยายทุกคนมากๆนะครับ :)

ระยะทางจากโพนโฮงเข้าเวียงจันทร์จากที่ผมพัก 66 กิโลเมตรกว่าๆครับ ปั่นไปเหนื่อยก็พัก ไม่ได้เร่งรีบอะไร
แต่ต้องไปให้ถึงกงสุลไทยตอนบ่ายโมงครึ่งเพื่อติดต่อสอบถามเรื่องพาสปอต !

หลายคนเข้ามาอ่านอาจจะ งง ว่าทำไมต้องไปกงสุลติดต่อเรื่องพาสปอต!
ขอท้าวความสักนิด ช่วงที่ผมปั่นกลับมาวังเวียงนั้นเป็นช่วงที่ไทยพึ่งประกาศสถานการณ์เคอร์ฟิวส์ไป เลยมีข้อบังคับห้ามคนไทยเข้า - ออกประเทศ
ผมมาปั่นจักรยานที่ประเทศลาว มีแพลนว่า พอครบ 30 วันแล้วจะจ็อบพาสปอตออกที่มุกดาหาร แล้วจ็อบเข้าสะหวันนะเขตที่ลาวใหม่ เพื่อไม่ให้เสียค่าปรับ
จากนั้นก็ปั่นเข้าเมือง ดานัง เวียดนามต่อเพื่อปั่นลงเวียดนามใต้ไปให้ถึงไซ่ง่อน (โอจิมินต์) ในอีก 1 เดือนแล้วบินกลับมาไทย

ถ้าจะให้เข้าใจง่ายขึ้นคือผมไม่ได้ทำวีซ่าครับ แต่ใช้สิทธิเข้าออกประเทศในอาเซียน 30 วัน คือใช้ได้ทั้งใน ลาวและเวียดนาม จึงมีผลทำให้เมื่อครบ 30 วันแล้วถ้าผมจ็อบกลับมาไทยแล้วจ็อบกลับลาวไม่ได้
แพลนนี้จะล่มไม่ได้เข้าเวียดนาม แถมต้องกลับไทยตั้งแต่ 20 กว่าวันแรก
และ อีกกรณีคือ ผมจ็อบกลับไทยไม่ได้เลย ก็เป็นต่างดาวอยู่ลาวไปก่อน 555 เลยต้องมาติดต่อกงสุลไทยเพื่อขอคำตอบเรื่องการจ็อบเข้าจ็อบออกครับ

แต่.. ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งคือปั่นไปให้ถึงด่านลาวป่าวแล้วจ็อบเข้าเวียดนามให้ทัน ภายใน 7 วันกับระยะทาง 646 กิโลเมตร
เช็คสภาพอากาศ : ตั้งแต่มะรืนจนถึงวันจันทร์หน้า (7 วันนับจากวันพรุ่งนี้)
ฝนฟ้าคะนอง 42 - 47 % ของพื้นที่ (เวียงจันทร์ - สะหวันนะเขต )
2 วันแรก ลมทางทิศตะวันออกพัดเข้าฝั่ง 4 km/h
5 วันที่เหลือ ลมพัดทางทิศใต้ขึ้นเหนือ 4 km/h
(ลมพัดสวนทางปั่นทุกวันเลย ==) ซึ่งผมบอกกับตัวเองว่า ไม่ทันแน่ๆ T_T
แถมยังต้องรอคอนเฟริมเรื่องพาสปอตจากกงสุลไทย ในเวียงจันทร์ที่กำลังจะปั่นไปถามให้ทันตอนบ่ายนี้อีก และที่สำคัญวันนี้วันศุกร์!!!
ถ้าผมไปแล้วไม่ได้คำตอบหรือเกิดเหตุไม่คาดคิด ทำให้ผมต้องรออีก 2 วันจนถึงวันจันทร์เพื่อรอคำตอบเกี่ยวกับเรื่องพาสปอต!!
งั้นหมายความว่า โอกาสได้ไปน้อยยิ่งน้อยกว่าเดิม และได้ข้ามกลับฝั่งที่หนองคายแน่ๆ ทริปล่มชัวร์ๆ T_T

ที่สำคัญกว่านั้นคือตอนนั้นที่เวียดนาม มีประท้วงเรื่องน้ำมันกับประเทศจีน มีการประท้วงและบุกเข้าทำลายโรงงานของคนจีนในเวียดนาม
และตอนนั้นโรงงานคนไทยก็โดนทำลายไปด้วยบางส่วนเพราะมีคนจีนทำงานข้างใน คนเวียดนามเลยคิดว่าเป็นโรงงานคนจีนจึงเข้าไปทำลาย

ผมจึงติดต่อไปหาพี่ที่รู้จักที่เวียดนามทั้ง ไซ่ง่อน ดานัง ฮานอย ทุกคนบอกว่าปลอดภัยดีครับ เข้ามาเที่ยวได้ไม่มีอะไรหรอก เค้าไม่ทำอะไรนักท่องเที่ยว
ด้วยความหวั่นๆจึงติดต่อไปสถานฑูต ได้คำตอบกลับมาว่า ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินทางเข้าเวียดนามในช่วงนี้ เพราะตอนนี้ที่สถานฑูตและกงสุลไทยในเวียดนามเองกำลังติดต่อให้คนไทย
เดินทางกลับไทย และกำลังเตรียมย้ายคนไทยที่ทำงานในสถานฑูตและกงสุลไทยในเวียดนามกลับไทย

ยิ่งฟังยิ่งเฟลล จะบ้าตายย! ต่อให้วันพรุ่งนี้ผมยกจักรยานขึ้นรถบัสไปลงที่ด่านลาวป่าวเลยก็ใช่ว่า
คุณพ่อคุณแม่จะวางใจให้ผมปั่นจักรยานเข้าเวียดนามแน่ๆ และที่สำคัญที่สุดไม่ได้ปั่นจักรยานตามแพลนที่วางเอาไว้ T__T

****ผมได้พิมพ์อธิบายเรื่องนี้ไว้ในโพสก่อนหน้าแล้วเกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกประเทศลาว และ เวียดนาม

รูปภาพ


บ่ายโมงครึ่งหลังจอดแวะกินข้าวเหนียวกับลวกผักที่คลุกเคล้ากับน้ำพริกปลาร้าข้างทางจากคุณยายหลายคนที่ใส่ถุงให้เมื่อตอนเช้า
ผมก็ปั่นจักรยานมาถึงกงสุลไทยประจำกรุงเวียงจันทร์ เพื่อติดต่อสอบถามเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกนอกประเทศ หลังจากสอบถามจนได้เรื่องได้ราวปรากฎว่ากลับไปจ็อบหนังสือเดินทางที่ไทยได้แต่อาจจะกลับเข้ามาเที่ยวลาวต่อไม่ได้
ตอนนั้นผมเลยตัดสินใจเป็นไงเป็นกันหว่ะ! ปั่นต่อไปตามเส้นทางที่วางแผนไว้ จากนั้นค่อยว่ากันถ้าทันก็เข้าด่านลาวป่าว เวียดนาม ถ้าไม่ทันก็จ็อบกลับไทย และถ้าโชดดีจ็อบกลับลาวได้ แล้วค่อยว่ากันใหม่ ดูสถานการณ์ประท้วงในเวียดนามอีกที ...

หลังจากออกจากกงสุล ผมปั่นจักรยานไปหาตู้ ATM ใกล้ๆ ประตูชัย แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างเอาซะเลย !!!
บัตร ATM ผมเกิดกดเงินไม่ได้มาเสียดื้อๆ จนต้องไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร เจ้าหน้าที่บอกว่าๆ ไม่ทราบสาเหตุ
ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลืออยู่ 60,000 กีบ (240บาท) คงไม่มีที่พึ่งไหนพอจะช่วยได้เท่าวัด เลยปั่นไปขอพึ่งใบบุญพระพุทธศาสนาที่วัดโพนชัย
เจ้าอาวาสท่านก็เมตตาช่วยเหลือให้ที่กางเต็นท์นอนอีกครั้ง..
กราบขอบพระคุณในความเมตตาของเจ้าอาวาสอีกครั้งนะครับ : )

------------
"ชีวิตไม่เคยแน่นอน การเดินทางก็ไม่เคยแน่นอนเช่นกัน
เมื่อหมดทางเลือก จงเลือกทางที่เลือกได้ นั้นคือการอยู่และยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น "

ตอนนี้ตาผมเริ่มล้าแล้วครับ ดูท่าคืนนี้คงเล่าไม่จบ พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อนะครับ สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์
Guidevovage
"การเดินทาง"

มันเป็นความงาม
มันคือความหมาย
มันมีเรื่องราว
มันคือชีวิตของผม

Guideyoyage
https://www.facebook.com/Guide.GF.Srinakorn
Guidevoyage
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 16:46
Tel: 0909275115
Bike: araya federal
ติดต่อ:

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย Guidevoyage »

ช่วงเวลากลับมาพักที่เวียงจันทร์ 3 วัน..
เช้าปั่นจักรยานออกกำลังกาย เดินฟังเพลงที่ริมโขง สายๆอ่านหนังสือ.. บ่ายบ้างซักผ้า บ้างปั่นจักรยานไปเที่ยวที่ที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยว
คงไม่ต้องบอกว่าที่ไหนบ้าง หลายๆคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว.. บ้างก็ออกไปนั่งอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ใกล้ตลาดเช้า
ตอนนั้นชีวิตผมดูว่างมากครับ เงินก็ไม่มี บัตร ATM ก็ยังกดไม่ได้ ต้องรอวันจันทร์ 555

รูปภาพ

ตอนเย็นวันแรกที่ปั่นกลับมาถึงเวียงจันทร์ ผมปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองไปเจอร้านหนังสือบรรยากาศดีมาก
มีหนังสือ 2 เล่มที่หยิบขึ้นมาอ่านแล้วถูกใจอย่างมาก ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากซื้อเก็บไว้อ่านตอนเดินทางต่อ แต่ติดตรงที่.. มีเงินเหลืออยู่ 60,000 กีบ (240 บาทไทย)
เลยได้บอกตัวเอง เอาไว้กลับไปหาซื้ออ่านที่ไทยแล้วกัน
หลังจากออกมาจากร้านหนังสือ ผมปั่นจักรยานวนอยู่รอบถนนริมโขงแวะผ่านร้านกาแฟที่ตั้งใจไว้ว่าขากลับมาจากหลวงพระบางจะแวะมานั่งจิ๊บกาแฟอ่านหนังสือ อย่างสบายใจ พักเอาแรงสักหน่อย
แต่ตอนนี้คงไม่ใช่ T_T

หลังจากวันแรกซื้อของใช้ที่จำเป็นกับนมกล่องเพื่อเอาไว้สำรองมื้อเย็นกับม่าม่าที่ได้จากครูบาในวัดโพนชัยแล้ว
เงินในกระเป๋าก็หร่อยหรอ จำได้ว่าตอนนั้นมีเงินเหลือทั้งตัวอยู่ 40 บาท ต้องใช้ไปอีก 3 วันให้ถึงเช้าวันจันทร์
เพื่อจะได้ติดต่อกับธนาคารเกี่ยวกับบัตร ATM ตอนเช้าก็กินข้าวก้นบาตรที่วัด แบ่งข้าวเหนียวไว้กินตอนเที่ยงกับม่าม่า
เย็นก็ม่าม่าอีกตามเคย..

ช่วงกลางคืนวันที่สองก็ตั้งสเตตัสขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องผ่านแดน มีพี่ๆนักปั่นติดต่อเข้ามาช่วยหลายคน
(ผมโพสใน Pantip bike กรุ๊ปบน FB ขอบคุณพี่ๆทุกคนอีกครั้งนะครับ)
และถกเถียงกับน้าและพี่นักปั่นอีกหลายคนเกี่ยวกับแพลนที่จะเดินทางต่อว่าแพลนไหนดี..
(สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปตอนเช้าวันจันทร์นั่่นแหละ เก็บของปุ๊บ กินข้าวเสร็จปั๊บแพ็คสัมภาระใส่จักรยาน กราบลาเจ้าอาวาสวัดโพนชัย
แล้วปั่นไปถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร สรุปกดเงินได้แล้ว แต่บัญชีผมไม่ขึ้นยอดเงินเพราะเหตุขัดข้องระหว่างบัญชีกับบัตร ATM
คือใส่บัตรกดเงินในตู้ได้ทำรายกายได้ตามปกติ แต่ใส่บัตรแล้วกดเงินออกมาไม่ได้เพราะ บัญชีไม่ขึ้นยอดเงิน ก็ไปทั้งที่มีเงินติดตัวอยู่เท่านั้นแหละ แค่40 บาท)

เป็นอีกคืนหนึ่งที่คุยกับเพื่อนสนิทผ่าน FB ว่าจะหาเงินยังไงดี เพราะมีเงินเหลือแค่นี้เดินทางต่อไม่ได้แน่ๆ
ต้องรอจนกว่าทางธนาคารที่ไทยจะติดต่อประสานงานให้ เพื่อนเลยเสนอให้ไปร้องเพลงเปิดหมวก ผมเลยบอกท่าจะไม่ไหว เพราะเสียงไม่ได้เรื่องมีหวังเค้าปารองเท้าใส่ 555
ให้ไปเต้นเปิดหมวกก็ยิ่งแล้ว แถมจากที่ไปปั่นริมโขงตอนเย็นมาทั้งสองวัน ไม่มีใครเปิดหมวกที่ตลาดเย็น (ตลาดนัดกลางคืน)ริมโขงเลย..
สรุปเพื่อนก็บอก เดี๋ยวหาวิธีได้แหละ ไกด์ซะอย่าง เรื่องแค่นี้เอง.. สรุปคือคุยกับจบที่ตรงนี้ เพื่อนก็ปล่อยให้ผมคิดต่อเฉยเลย 555
(ตอนนั้นที่พิมพ์ไปก็ขำตัวเองไปเอาไงดีหว่ะ คิดไม่ออก ถ้าพรุ่งนี้จนหนทางก็จะอยู่อย่างยอมรับกับสิ่งที่มีอยู่นี่แหละ 555)
ขณะเดียวกันก็มีอาจารย์ที่คณะติดต่อมาสอบถามถึงความเป็นมาเป็นไปเห็นว่าไม่มีเงินใช้
อาจารย์จะให้เพื่อนที่เวียงจันทร์เอาเงินมาให้ใช้ก่อน แต่ด้วยความเกรงใจได้แต่กล่าวขอบคุณอาจารย์
ส่วนอาจารย์อีกคนก็ประสานงานเพื่อนที่ลาวเกี่ยวกับเรื่องหางานให้ทำให้ (ถึงจะแห้วเพราะงานส่วนมากเป็นงานที่ทำระยะยาวไม่มีงานทำเป็นรายวัน)
และประสานงานเรื่องการเดินทางเข้า - ออกประเทศไทยให้
ขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่านเป็นอย่างสูงครับที่ให้การช่วยเหลือ ^__^

รูปภาพ

วันต่อมา..
วิธีแลกเงินเท่าที่ผมคิดได้และได้ทำไปแล้ว (จากตอนแรกว่าจะเปิดหมวกร้องเพลงแบบจริงๆจังๆ เพราะไม่เห็นมีคนทำในตลาดเย็น (ตลาดนัดกลางคืน)เลยจะขอทำคนแรกซะเลย
แต่คิดไปคิดมาชาวบ้านที่เดินซื้อของที่ ตลาดเย็นคงปารองเท้าใส่แน่ๆ 555 ถ้าจะเต้นเกรงว่าจะโดนอัดคลิปลงยูทูปให้อายขายหน้าประชาชี ว่าไอบ้านี่! เต้นไม่เป็นแล้วยังจะมาเต้นอีก 555
และถ้าให้ทำอย่างอื่นก็ไม่รู้จะทำอะไร กับการเปิดหมวก555)

ท้าวความซะยาวเลยครับ สุดท้ายวิธีการที่ผมทำคือไปติดต่อร้านที่ขายตั๋วรถบัสที่จะเดินทางไปที่ต่างๆ ทั้งในลาว ไทย เวียดนาม กับร้านขายตั๋วแพ็คเก็ตท่องเที่ยว
ต่อรองช่วยเค้าขาย แล้วขอ 10%จากการขายครับ (เผื่อจะหาร้านที่ใจดียอมช่วย เพราะสงสารที่ไม่มีตังค์หรือนเพราะน่าจะช่วยเค้าขายได้ก็ไม่รู้ จริงๆคงเป็นเพราะเล่าเรื่องเดินทางให้ป้าแกฟังนี่แหละครับ
แต่ก็นะเผื่อจะเจอร้านนี้เล่นเอาเหงื่อเต็มหลัง ปั่นจักรยานไปนู้นทีนี้ที สนุกดีครับ ^^)

พอได้แพ็คเก็ตแล้วก็จักรยานวนรอบแถวที่ฝรั่งพักเยอะๆ โซนร้านอาหารกับวัดใกล้ๆ แล้วก็สังเกตพวกแบกเป้
(บางทีเค้าหาที่พักก็ช่วยๆกันไป ว่าไปทางไหนที่พักราคาถูก แต่แนะนำอะไรไม่ได้มากเพราะไม่มีข้อมูล บอกได้แค่ซอย)
แล้วก็สังเกตพวกที่เดินถามชาวบ้านกับเดินดูร้านพวกขายตั๋วร้านอื่นนั่นแหละ ถ้าเค้าไม่โอเคร้านที่ดู ก็เค้าไปทักเค้าดู
โครตดีใจครับ ได้เงินมา 120 บาทไทย ดีใจจนกอดป้าคนลาวเจ้าของร้าน ลืมบอกไปแกชื่อป้าใหม่ ร้านอยู่ตรงใกล้ๆ ซอยทะลุไปริมโขงครับ
ตอนนั้นเสียดายแบตโทรศัพท์หมด ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ วันจันทร์หลังจากผมไปธนาคารเสร็จแวะมาหาที่ร้านจะขอถ่ายรูปเก็บไว้
แต่ป้าใหม่แกข้ามไปซื้อของฝั่งไทยซะงั้น ชวดไม่ได้เจอกัน T__T

ช่วงเวลาอยู่ต่างแดนคนเดียว ไม่มีเงินติดตัวเลย นี่ก็สนุกเหมือนกันนะครับ! ^^
มันกลายเป็นข้อจำกัดของชีวิตที่สามารถลบความกลัวต่างนานา เพื่อเอาชีวิตรอด
พยายามปรับเปลี่ยนมุมมองกับสิ่งต่างๆที่พบเจอ เปลี่ยนเป็นไอเดียแลกเงิน(แลกข้าวกินประทังชีวิตเสียมากกว่า!)
นับว่าชีวิตนี้เกิดมาพอคุ้มค่ากับค่าหนังสือที่คุณพ่อคุณแม่ส่งเสียให้อยู่บ้าง..

รูปภาพ

เย็นวันนี้เลยเป็นวันได้ไปนั่งจิ๊บกาแฟอย่างสบายใจ เอ้ยย!! จะบ้าเร๊อะะ!!
เอาเงินไปซื้อเสบียงไว้เดินทางต่อสิ!
หลังจากได้เงินมาก็เอาไปซื้อกล้วยหอม น้ำเปล่า ขนมปังกับนม ถ้าจำไม่ผิดซื้อโค้กกับนมกล่องด้วยมั้ง !?
เหมือนวันฉลองชัยปลดแอกอาการหิวโซของตัวเองประมานนั้นครับ 555
สรุปเหลือเงิน 40 บาทเท่าเดิม =='

ระหว่างที่พักที่วัดโพนชัย ผมมีโอกาสได้สนทนานักศึกษาลาวบ้าง เนื่องจากมีงานที่จับกลุ่มทำร่วมกับสามเณรที่เรียนอยู่ที่วัดโพนชัยพอดี
ยิ่งคุยเหมือนยิ่งเปิดหน้าต่างให้เห็นถึงอีกมุมมองจากผู้คนในประเทศเพื่อนบ้าน

ช่วงเย็นคืนสุดท้ายที่เวียงจันทร์หลังฉลองชัยกับการหาเงินได้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการไปปั่นจักรยานไปออกกำลังกายเรียบแม่น้ำโขง หลังไปติดต่อกันสามวัน ทำให้รู้ว่าคนลาวนิยมออกกำลังกายกันมาก
โดยเฉพาะวัยรุ่นที่มาปั่นจักรยานและวิ่งออกกำลังกาย ส่วนผู้หญิงวัยทำงานจะชอบเต้นแอโรบิคกันอย่างมาก
ที่ถนนริมโขงยังเป็นที่ที่วัยรุ่นมาฝึกเต้นบีบอย เล่นสเก็ตบอร์ด ตีแบด และเล่นฟุตซอลตรงสนามใกล้ๆอีกด้วย
แถมพื้นที่ติดถนนริมโขงยังเป็นตลาดถนนคนเดินไว้ต้อนรับชาวต่างชาติและคนลาวเองที่หลังออกกำลังกายเสร็จสามารถมาจับจ่ายซื้อของได้เลยโดยไม่ต้องเดินทางไกลให้เสียเวลา
นับว่าเป็นการวางผังเมืองให้สอดคล้องกับตลาดเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี : )

ช่วงกลางคืนสามเณรในวัดมาชวนผมเล่นเกมส์เกมส์เชาว์ปัญญาคณิตศาสตร์ด้วยกัน เพื่อทบทวนโจทย์ไปสอบวันพรุ่งนี้
ซึ่งมีสามเณรคนอื่นมาๆเล่นด้วย นับเป็นคืนที่ทำเอาปวดหัว มึนตีบ เล่นไป ฮาไป น้ำตาไหล ปวดสมองกันไปครับ
เช่น..
1. หยิบมะนาว 2 ลูก ออกจาก มะนาว 3 ลูก จะได้อะไร?
2. หัวไก่มากกว่าหัวหมูอยู่ 2 หัว ขาหมูมากกว่าขาไก่อยู่ 2 ขา ไก่กับหมูรวมกันมีกี่ตัว

ลองตอบกันดูนะครับ ;))

จริงๆโจทย์บางข้อไม่ได้อยากอะไรเลย แต่เป็นความงุนงงกับโจทย์และท่าทางคิดเลขแต่ละคนที่ช่วยกันคิดมากกว่า ที่ชวนตลกและเฮฮาไปด้วยกัน
หลังท้องแข็งเพราะเสียงหัวเราะอยู่นานจนดึก ผมขอตัวไปนอนพักผ่อน เผื่อพรุ่งนี้อยากเก็บสัมภาระแพ็คใส่จักรยานแล้วเดินทางเลย
(และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ 555)
"การเดินทาง"

มันเป็นความงาม
มันคือความหมาย
มันมีเรื่องราว
มันคือชีวิตของผม

Guideyoyage
https://www.facebook.com/Guide.GF.Srinakorn
Guidevoyage
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 130
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 16:46
Tel: 0909275115
Bike: araya federal
ติดต่อ:

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย Guidevoyage »

10 โมงเช้า อากาศกำลังดีที่เมืองเวียงจันทร์ หลังจัดการกับบัตร ATM ให้กดเงินได้
แต่กดเงินออกมาไม่ได้เพราะ ยอดเงินไม่ขึ้นในบัญชี ไหนๆก็เก็บของออกมาแล้ว ก็ตั้งใจก็ปั่นไปอย่างนั้นกับเงินที่เหลืออยู่ติดตัว 40 บาทนั่นแหละครับ 555
โชคยังดีที่เตรียมเสบียงไปเผื่อไว้แล้วบ้าง..

เป้าหมายต่อไปเราอยู่ที่เมืองปากซัน แขวงสะหวันนะเขต ฝั่งตรงข้าม อ.บึงกาฬบ้านเรา ระยะทาง 150 กิโลเมตร ผมปั่นด้วยความสบายใจกับเส้นทางที่จะเจอข้างหน้า
เพราะได้พูดคุยถามทางกับสามเณรที่วัดโพนชัยที่กางเต็นท์นอนได้ความว่าเส้นทางจากเมืองเวียงจันทร์ไปจนถึงท่าแขกนั้นเป็นเส้นทางราบถนนลาดยางมะตรอยอย่างดี
ปั่นสบายแน่นอน ฟังแล้วก็โล่งอกสบายใจ แหม่ ทางราบ ปั่นสบาย..

หลังจากปั่นผ่านสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้ของประเทศลาว หอประชุมแห่งชาติ..
แวะถามทางจากรถบัสที่จอดรับผู้โดยสารข้างทางที่จะแยกไปสะหวันนะเขตซะหน่อยเพื่อความมั่นใจ
ปั่นออกมาสักพักก็ผ่านออกมาย่านชานเมืองที่พอมีบ้านคนให้เห็นบ้าง สภาพอากาศแดดไม่ร้อนเท่าไหร่ 34 องศา มีลมพัดสวนทางบ้างในช่วงบ่าย ตามแอพพิเคชั่นมือถือที่แสดงผลว่าไว้
สองข้างทางนอกจากบ้านเรือนที่พักอาศัย สลับกับทุ่งนา ส่วนแดดบนหัวก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากปั่น มาได้ 3 ชั่วโมงแรก กับ 62 กิโลเมตรก็แวะพักซื้อข้าวข้างทางกินเติมพลัง
เมนูง่ายๆแต่ให้พลังงานสูง ข้าวเหนียวกับลาบวัว ต่อรองราคากับแม่ค้าขอซื้อ แค่ 10,000กีบ(40บาท)ได้มั้ย เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีอยู่เท่านี้ 555
(บางร้านในลาวให้มาถึงกับกินไม่หมด คือเยอะมากๆต้องห่อเก็บไว้กินระหว่างทางปั่น)
หลังกินข้าวเสร็จเสร็จพึ่งคิดได้ อ้าว!ทำไมไม่กินขนมปังหว้าา แล้วแบบนี้จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของกินข้างหน้า เงินก็ยิ่งไม่มีอยู่
พอคิดได้ก็สายไปซะแล้ว =='


รูปภาพ

รูปภาพ

หลังจากอิ่มท้องพักเอาแรง ก็เริ่มปั่นต่อถนนสองข้างทางเริ่มมีภูเขามาให้เห็นบ้าง ริมทางบ้างช่วงเป็นป่าสลับทุ่งนาของชาวบ้าน
ช่วงเย็นขณะกำลังปั่น เหลือระยะทาง 32 km สุดท้ายก่อนเข้าเมืองปากซัน เหมือนความซวยจะมาเยือน
เด็กนักเรียนวัยรุ่นขับมอเตอร์ไซค์ 2 คัน สวนทางผ่านไป ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจ ปั่นไปสักพัก มองไปข้างหน้าไม่มีรถสวนมา เลยเริ่มเอ๊ะใจ!

เลยหันแว๊บกลับไปดู เด็กนักเรียนวัยรุ่นขับมอเตอร์ไซค์ที่พึ่งสวนทางไป ขับตีคู่ 2 คันขึ้นมาแซงผมที่กำลังปั่นจักรยานอยู่ขึ้นไปข้างหน้าพอมองไปข้างหน้า..ไม่มีรถวิ่งมาสักคัน หันไปดูข้างหลังก็ไม่มีรถ
ได้แต่บอกตัวเอง ซวยแน่ๆ!!สักพักเด็กนักเรียนวัยรุ่นวนกลับรถไปเลนซ้ายทั้ง 2 คัน แล้วตะโกนทัก Hello ใส่ผม(สงสัยคิดว่าเราเป็นฝรั่ง)
พร้อมกับก้อนหิน 4 ก้อน ลอยมาเลยครับ ลูกพอๆเท่ากำปั้น บอกตัวเองครั้งที่สอง "เจ็บแน่ๆ!!"

ปั่นหลบก็ไม่ทัน..ก้อนแรกโดนหมวกจักรยานเต็มๆ ทำเอาเซเกือบเสียหลักลงข้างทาง อีก 2 ก้อน โดนชายโครงซ้ายไปหนึ่ง ใต้สะโพกขวาตรงขาอีกหนึ่ง
ส่วนอีกลูกนับว่าฝีมือยังไม่แม่นพอโดนกระเป๋าจักรยานแทน! (ปาไม่แม่นเลย พลาดตั้งหนึ่ง ฝีมือมีแค่นี้คิดจะมาปาหิน ก็ฝีมือแค่นี้แหละทำเอาเจ็บจนปั่นต่อไม่ได้T_T)
จะตะโกนเรียกใครช่วยก็ไม่ได้ ได้แต่ปั่นถี่ๆหนีให้เร็วที่สุด ปั่นไปก็หันหันกลับไปมอง ดีนะไม่ขับตามมา ไม่งั้นคงเจ็บตัวกว่าเดิมแน่ๆ เจ็บกายไม่เท่าไหร่ แต่โครตเจ็บใจ!!

****นับเป็นบทเรียนที่ดีให้ระมัดระวังตัวมากขึ้นสำหรับการเดินทางไกลคนเดียว..

รูปภาพ

หลังทนฝืนอาการปวดใต้สะโพกปั่นมาได้อีก 2 กิโลเมตรเห็นร้านค้ากับโรงงานข้างทาง
เลยแวะจอดขอความช่วยเหลือซึ่งชาวบ้านก็ช่วยออกมาดูแลบอกว่าถ้าวัยรุ่นผ่านมาอีกเดี๋ยวจะแจ้งทหารให้
ไม่ต้องเป็นห่วงนั่งพักก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ หลังทายาเคาเตอร์เพนพอทุเลาอาการได้บ้างผมอดทนปั่นต่อได้อีก 7-8 กิโลเมตร
ก่อนที่จะจอดข้างทางยืนโบกรถกระบะเพราะปั่นต่อไม่ไหวแล้ว ฟ้าเริ่มมืด นาฬิกาบอกเวลา 6 โมงกว่าๆ
ชาวบ้านออกมาโบกรถให้แต่ก็ไร้วี่แววรถจะจอด ก่อนที่ลุงคนหนึ่งที่มาช่วยโบกรถจะเอ่ยปากแนะนำให้ไปนอนที่วัดที่ห่างออกไปอีก 5 กิโลเมตร
ซึ่งผมได้ปฏิเสธไปเพราะปั่นต่อไม่ไหวแล้ว จนแล้วจนรอด เวลา 1 ทุ่มเจ้าหน้าที่ทหารได้ออกมาขอตรวจเอกสารการเดินทางท่องเที่ยวและช่วยดูแลยืนโบกรถกับชาวบ้านด้วย

เกือบ 2 ทุ่มผมได้ขึ้นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่วิ่งจากเมืองเวียงจันทร์ - เมืองสะหวันนะเขต
ก่อนขึ้นรถเมล์เลยถามเด็กยกของว่าเท่าไหร่ เด็กยกของขึ้นรถบอกว่าไปถึงแค่ปากซัน ทั้งคนทั้งจักรยาน 200 บาทไทยนะ
ผมก็ตอบตกลงไปแล้วบอกว่าไปถึงปากซันแล้วผมจะกดตู้ ATM จ่ายเงินให้นะ เพราะตอนนี้ไม่มีเงินสักบาทเลย
แล้วก็เดินไปขึ้นรถก่อนจะรีบพิมพ์มือถือรีบทักไปหาเพื่อนสนิทเพื่อให้ช่วยโอนเงินมาให้ สัญญาณ 3G ในมือถือเครือข่ายลาวก็ติดๆดับๆ
ตลอดระยะทาง 32 กิโลเมตร ที่นั่งรถไปรอเพื่อนตอบกลับมาเรื่องโอนเงินมาให้ ทำใจผมเต้นตุ๊บๆตัีบๆ ตลอดทั้งทาง เพราะหมายความว่าถ้าโอนเงินมาให้ไม่ทันก่อนลงรถ
มีหวังได้เคลียร์กับเจ้าจองรถกันยาว และลำบากผู้โดยสารคนอื่นๆแน่ๆ หลังจากพิมพ์ตอบกันไปตอบกันมากับเพื่อนสนิทอยู่นาน
ผมก็นั่งรถเมล์มาถึงปากซัน เพื่อนส่งข้อความผ่านแชทมาพอดีว่าโอนเงินให้แล้ว วินาทีนั้นคือลุ้นเอาว่า จะกดเงินได้มั้ย ?

ที่ต้องลุ้นเพราะว่าขนาดมีเงินในบัญชียังกดออกมาไม่ได้..
ตอนนั้นคือ หวังพึ่งปาฏิหารย์ล้วนๆครับ ขอให้กดเงินได้ ขอให้กดเงินได้ ขอให้กดเงินได้
ถ้ากดไม่ได้คือ ซวย!!!

ก่อนถึงจุดจอดรถก็ถามคนขับกับภรรยาแกว่า เมืองปากซันมีตู้บัตร Visa มั้ย ? เพราะถ้าไม่มีผมไม่มีเงินให้นะครับ
แกเลยบอกว่ามีเดี๋ยวขับรถไปจอดใกล้ๆ ค่ารถคนกับจักรยาน รวมแล้ว 400 บาท นะ
วินาทีในใจตอนนั้นคือ อ้าว!!เด็กยกของบอกรวมทั้งคนทั้งจักรยาน 200 บาทนี่หว่า ไง 400 บาทเฉยเลย!!
จะเถียงก็คงไม่ได้เพราะ ถ้าเกิดเขาหาเรื่องทะเลาะกันนี่คงเรื่องบานปลาย แถมเราเป็นคนต่างถิ่นอีก
เกิดมีเรื่องเถียงไปคงไม่ขึ้น เลยจำใจลงจากรถเดินขากระเผลกเดินไปตู้ ATM ฝั่งตรงข้ามถนน

ไปถึงปุ๊บพนมมือ ตั้งใจอธิฐานเลยครับ ขอคุณพระคุณเจ้า พระคุณพ่อพระคุณแม่ช่วยผมให้กดเงินจากตู้ ATM ได้ด้วยนะครับ
เสียบบัตรไปก็ใจเต้นตึ๊กตั๊กๆ ลุงที่จะมากดเงินข้างหนังก็จ้องกดดันกันจังเลย =='
พอกดเลขบัตรเสร็จ วินาทีนั้นคือ กดปุ่มจำนวนเงินกีบในธนาคาร
เสียงดังอีดแอ๊ดๆๆในตู้ พร้อมกับเงินไหลออกมาจากช่องรับเงิน
ตอนนั้นคือดีใจ เย้ๆ กดได้แล้วโว๊ยยย!! จนลุงข้างหลังแกตกใจ 555
ขอบคุณปาฏิหารย์ที่ช่วยชีวิตไว้นะครับ กดมา 250,000 กีบ (เทียบค่ามาตรฐานเวลาเทียบเงินที่ลาวจะเท่ากับ1,000 บาท ไม่ว่าค่าเงินจะลงไปหรือ 243.xx = 1บาท หรือจะ 24x.xx ก็ตาม)
ขอบคุณเพื่อนรักที่ช่วยเหลือตลอด ครั้งนี้ได้ช่วยชีวิตผมไว้อีกครั้ง

ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินค่ารถเมล์และรับกระเป๋าพร้อมกับจักรยานคู่ใจ! ซื้อน้ำสปอนเซอร์ กับ น้ำโค้กดื่มเต็มท้องให้หายจุใจความเหนื่อยและความซวยที่เจอวันนี้..
กินไปก็พูดคุยเล่าเรื่องที่เจอให้กับเจ้าของร้านขายของชำฟัง แกเลยแนะนำให้ปั่นย้อนกลับไปทางที่มาเกือบครึ่งกิโลเมตร มีเก้สเฮ้าส์ราคาถูกคืนละ 200 บาท
จำชื่อเก้สเฮ้าส์ไม่ได้ ตอนนั้นคือ อยากหาที่พัก ไปกินข้าว อาบน้ำทายาแล้วนอน พอปั่นไปถึงเช็คอินแล้วก็คำแนะนำร้านอาหารที่ยังเปิดขาย
หลังจัดแจงสัมภาระเรียบร้อยผมก็ปั่นจักรยานออกมานั่งกินข้าวเปียกรอบดึก นั่งคุยกับแม่ค้าที่ขายของริมถนนกลางเมือง
และได้รับคำปลอบใจจากเรื่องราวที่เจอ ให้ถือว่าเป็นคราวเคราะห์เดี๋ยวมันก็ผ่านไป (ไม่ผ่านไปได้ไงหล่ะ ก็มันผ่านมาแล้ว แต่ความเจ็บนี่สิ ยังช้ำให้เห็นที่ซี่โครงกับขาอยู่เลย T_T)
ก่อนจะฝืนปั่นกลับเขยกขาค่อยๆ ปั่นจักรยานกลับมาที่พัก อาบน้ำทายาแล้วหลับเป็นตาย..

"ทุกการเดินทางมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเสมอ ไม่เว้นแม้แต่การปั่นจักรยาน!!"


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย Guidevoyage เมื่อ 08 ม.ค. 2015, 18:57, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
"การเดินทาง"

มันเป็นความงาม
มันคือความหมาย
มันมีเรื่องราว
มันคือชีวิตของผม

Guideyoyage
https://www.facebook.com/Guide.GF.Srinakorn
nuno007
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 275
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2012, 23:02
Tel: 0840127009
team: Pantera
Bike: ,merida scultura903 , an.design

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย nuno007 »

น้องใช้กล้องอะไรครับ ภาพสวยมากเลย
mermirud
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 191
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 22:12
team: SCC
Bike: Trek FX 7.3 / Araya Federeal - T / May be rit

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย mermirud »

ตอนเช้าจะมาอ่านครับ ใช้ araya เหมือนกัน แต่ของผมรุ่นแฮนตรง ไว้ซักวันจะตามไปครับ
LIVESTRONG
รูปประจำตัวสมาชิก
naigod
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4972
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 มี.ค. 2011, 08:10
team: fb/NaigodSecondHandBikes
Bike: X-FREE by KHS
ตำแหน่ง: สวนใหญ่ นนทบุรี
ติดต่อ:

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย naigod »

มาปักหมุดไว้ก่อน :)
...สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ.."ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"...
กบนอกกะลา : ธุรกิจรถจักรยานมือสองในประเทศไทย
Donate PromptPay 0819032006
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19852
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..ขอบคุณครับ..ที่สรุปทริปให้ทราบ.." (เขียนน่าอ่าน ๆ ได้ ๑ หน้าแล้ว)
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
jozilla
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 122
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2010, 17:25
Tel: XXX
team: ยังหาอยู่จ้า
Bike: Fuji Touring 2011,Giant TCR SLR 2 2015

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย jozilla »

ติดตามอ่านมาตลอด ทั้งชื่นชมในความกล้าและแอบอิจฉาไปพร้อมกันด้วยครับ :D
ความสุขเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่
รูปประจำตัวสมาชิก
bluestranger
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 353
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ธ.ค. 2013, 10:49

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย bluestranger »

ขึ้นต้นเป็นทริปใสๆ แต่จบลงแบบหนักหน่วง เข้มข้น
น้องไกด์ เห็นชัดโตกว่าอายุมาก การเตรียมตัว ทำการบ้าน การแก้ไขปัญหา แบกรับความกดดัน
ทำได้ดีชนิดน้าเองยังอาย
ทริปนี้เป็นประสบการณ์ที่มีค่าของน้องจริงๆ
ขอให้ทริปหน้าราบรื่นนะครับ
ประสาท พาศิริ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 438
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 20:27
Bike: Thorn Sherpa MK3 (2012) / RIT (2014) / Cinelli Bootleg Hobo (2013)

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย ประสาท พาศิริ »

เยี่ยม ;)
"Nothing compares to the simple pleasure of a bike ride." John F. Kennedy.
รูปประจำตัวสมาชิก
DTH_123
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 63
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2013, 15:24
Tel: (0867835220ยกเลิก)095-8716081
team: Bike for family
Bike: DAHON,JAVA X1
ตำแหน่ง: นนทบุรี

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย DTH_123 »

**เก่งมากเลยครับ. :)
ไฟล์แนบ
DSC_29322.JPG
DSC_29322.JPG (93.08 KiB) เข้าดูแล้ว 1213 ครั้ง
รูปประจำตัวสมาชิก
ARMY_RETURN
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 128
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2013, 10:14
Bike: Araya Federal/trek/merida

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย ARMY_RETURN »

เก่งจริง ๆ สุดยอดในความกล้า ไม่รู้จะชื่นชมยังไง สุดยอดครับ...น้อง
ปั่นไปเรื่อย
รูปประจำตัวสมาชิก
S.watchara
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 156
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 22:22
Tel: 08184162xx
team: Bang Pa-In Cycling Club
Bike: Giant, Araya, Miyata

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย S.watchara »

ทำได้ดีเกินอายุเลยน้อง ขี่มาหลายปียังไม่ได้เท่านี้เลย
ชื่นชม :D เรียบเรียงราวเรื่องแบบ ค่อยเป็นค่อยไป
ได้ช่วยแชร์ประสบการณ์แก่ผู้ที่คิดจะไปลองปั่นต่างแดนดูบ้าง
จะคอยติดตาม ตอนต่อไป....
การมีความหวังเป็นสิ่งที่ดี และสิ่งที่ดีๆมันก็ไม่มีวันมลาย
การปั่นจักรยานเปรียบเหมือนได้ร่ำสุรากับคนรู้ใจ แม้เพียงหนึ่งจอกก็สุขใจ
รูปประจำตัวสมาชิก
สิงห์-บ้านบึงพระ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 146
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ส.ค. 2010, 11:56
Tel: 081xxxxxxx
team: มากับพระ
Bike: เหล็ก+อลูมิเนียม

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย สิงห์-บ้านบึงพระ »

คนชื่อไกด์ แต่ได้ปั่นจักรยานท่องเที่ยวได้ไกลจัง :lol: :lol: :lol:
ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดี
รูปประจำตัวสมาชิก
Witit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 212
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2013, 19:43
Tel: 0818511926
Bike: Gary Fisher / TrinX / Araya Touring

Re: ลุยเดี่ยว!! ปั่นเลาะลาว 1,500 km+ (มือใหม่หัดปั่น โพสแรกครับ)

โพสต์ โดย Witit »

รอติดตามต่อครับ ยอมรับว่าสุดยอด มีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดีมากครับ เหมาะกับการเป็นแนวทางให้กับคนอีกหลายๆคนครับ
ใช้สองล้อไม่ง้อน้ำมัน ปั่นเรื่อยเรื่อย เหนื่อยก็พัก
............Banchang Rayong...........
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ทัวร์ริ่ง (Touring)”