ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

เชิญชวนเพื่อนๆมาออกทริปแบบกันเอง ไม่มีทีมงานจัดการปั่นอย่างเป็นระบบมากนัก ดูแลกันเองพอสมควรในหมู่เพื่อนฝูง

ผู้ดูแล: ผู้ดูแลบอร์ดชมรมย่อย

grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

2 มี.ค.57 เผย..ช้างเผือก จตุลังคบาท ศาสตราวุธ กับยุทธการปลิดใบไม้ กิ่ง แดง

ในเวทีการเมืองระดับโลกนั้น บทบาทของรัฐมนตรีการต่างประเทศของสหรัฐ มีความสำคัญรองๆมาจากประธานาธิบดีเลยก็ว่าได้ ดังนั้นท่าทีความคิดเห็นของ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ จึงสะท้อน ถึงท่าทีของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ต่อการก่อการ้ายสากลในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี..

ท่าทีเปลี่ยนไปชัดเจนของสหรัฐก็เพราะว่าชายดูไบตอนนี้ ไม่ใช่ตัวละครที่สร้างผลประโยชน์ และความได้เปรียบให้กับอเมริกา ในภูมิภาคนี้อีกต่อไปแล้ว และชายดูไบก็เก็บความลับของสหรัฐไว้เยอะมาก ในฐานะขี้ข้าไส้ศึกที่อเมริกาหนุนในการล้มล้างการปกครองในประเทศไทย !!..จึงต้องดับเขาให้หายไปจากโลกนี้ เพราะผลงานที่ชายดูไบไม่มีอะไรสำเร็จเลย..เช่น

1. การเปลี่ยนแปลงการปกครอง การลดพระราชอำนาจ การลดบทบาทสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย ยังห่างไกลความจริงและคนไทยกลับจงรักภักดีหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
2. ผลประโยชน์บ่อน้ำมันตรงพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย ก็เจ๊งเพราะ ไทย-ขเมร เจรจาไม่ลงตัว ..กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษล่มไม่เป็นท่า
3. แผนจัดตั้งรัฐปัตตานี โดยชายดูไบอุดหนุนเงินทุนให้โจรแบ่งแยกดินแดน ก่อการร้ายฆ่าพระ เด็กนักเรียน ผู้หญิง ตอนนี้ก็มีแต่โจรวัยรุ่นที่ถูกปลุกปั่น ความรุนแรงที่ยากจะจบ..
4. สนามบินอู่ตะเภา จะเข้ามาใช้ก็โดนต่อต้าน..ฐานทัพเรือ ที่รัฐแดงปูเน่าไปทำสัญญากับกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ตอนนี้ก็กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตรู้เห็นกันไปทั่ว

จึงเกิดเกิดสัญญาณมรณะ จากมหาอำนาจ จอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาถี่ยิบในช่วงนี้ว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง..อาจจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย แต่หากยังไม่มีการปฏิรูประบอบประชาธิปไตย ที่สมบูรณ์ ปฏิบัติได้ และ ทำหน้าที่ได้ สิ่งที่มีกันอยู่ดาษดื่น ก็คือ การเลือกตั้งที่เป็นที่นิยม แต่ขาดการปฏิรูป มีการทุจริตคอรัปชั่นกันอย่างมหาศาล มีการเล่นพรรคเล่นพวกกันอย่างมโหฬาร และ มีการบิดเบือนกระบวนการทางประชาธิปไตยกันอย่างมหึมา!!..ฮูย..แสบเข้าไปทะลุหนังกำพร้าถึงกระดูก

ส่วนในปี 57 อเมริกายังรู้อีกว่าการก่อการร้ายสากล 100 % เกิดจากฝ่ายรัฐอั้งยี่แดงเองเป็นคนทำโดยไม่สนว่าจะพลาดมาโดนเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเขาได้ดักฟัง นายพลแมคอาร์เธอร์เมืองไทย “ป๊อบอาย” ที่ไปนอนที่แมนชั่นเพลินจิต แล้วนัดทีมงานแดงคุยวางแผนกันที่นั่น สถานทูตอเมริกา ได้ดักฟังได้หมด อีกทั้งอังกฤษเอง ก็แอบติดอุปกรณ์ดักฟังไว้เพียบเพื่อดักฟัง และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอเมริกา

นั่นเพราะ ไทยกับอเมริกามีความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย ตามกฎหมายที่เรียกว่า The USA Patriot Act หรือ Homeland Security สหรัฐเคยแจ้งเตือนไทยมาแล้ว หลังดักฟังคนดูไบขณะเดินทางไปมอนเตเนโกร สั่งเตรียมก่อวินาศกรรมกรุงเทพฯ

แก๊งค์อั้งยี่แดงเผาไทย จึงมีความพยายามซ้ำอีก ที่จะทำการก่อการร้ายสากลฆ่าเด็ก และทำร้ายผู้หญิง คนแก่ ที่เป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วให้ปึ้งเหม่งดึงสหประชาชาติ เข้ามาแทรกแซงกิจภายในประเทศ เพื่อต่อรองยื่นเงื่อนไขเจรจา 3 ข้อหลัก คือ ให้ชายดูไบ และตระกูล พ้นผิดทุกคดี , ได้เงินที่โกงไปและถูกยึดไปแล้ว 4.6 หมื่นล้าน คืนมา และบริษัทเผาไทย ได้สัมปทานประเทศ ครองอำนาจโกงประเทศไทยต่อไปให้สิ้นเนื้อประดาตัว

ต่อมาเลขา UN นาย ปัน คี มูน รับลูกอเมริกา ปฏิเสธคำเชิญของปึ้งเหม่งหัวแฉลบ ด่าจนหน้าแหกว่าไปเอาหลักการหรือแนวคิดมาจากไหน ที่จะไปเชิญเขามาแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะปัญหาความรุนแรงและความแตกแยกที่เกิดขึ้น รัฐบาลเทียมไทยต้องแก้ไขเอง เพราะ “ เป็นผู้สร้างความรุนแรงมันขึ้นมาเอง คนของรัฐแดงเองที่ทำร้ายผู้ชุมนุมที่ชุมนุมอย่างสงบ “ จึงไม่ควรที่จะดึงองค์กรใดๆจากต่างประเทศเข้ามาแทรกแซง รัฐบาลเทียมเป็นผู้ก่อต้องรับผิดชอบและแก้ไขให้ได้!!..เปรี๊ยะ หงาย เงิบ..เรื่องแก๊งค์แดงก่อการร้ายสากลเอง ดังไปถึง UN โน่น

ที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคง หลายหน่วยงาน ได้พบข้อพิรุธผิดปกติมากขึ้นในระยะ 2 เดือนนี้ คือ เหตุร้ายคล้ายๆ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้เกิดในกรุงเทพฯ โดยการบงการจากชายดูไบ วาดะห์ และเหล่าแก๊งค์ก่อการร้ายสากล คือ
1. การเตรียมคาร์บอมที่ใกล้ทำเนียบ แต่ถูกตรวจพบก่อน (เรื่องนี้ปิดข่าวเงียบมาก)
2. ระเบิดแสวงเครื่องที่เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ใน 3 จังหวัดไต้ เช่น ที่การประปานนท์ ที่ใช้ถังดับเพลิงใส่ระเบิด เหมือน 3 จังหวัด หวังสังหารแมงเม่าแดงพวกเดียวกันที่หน้า ปปช.เพื่อก่อให้ทุยแดงตกมันคนอื่น , ใช้ระเบิดท่อ PVC เหมือนที่ถูกการ์ด คปท.จับได้เป็นพนักงานของนกบิน แล้วพกบัตรโกตี๋ และขว้างใส่บ้านของแกนนำ กปปส.หลังเป่านกหวีดใส่หญิงกระบังลมในห้าง
4. มีเบาะแสการนำผู้ก่อความไม่สงบที่มอบตัวกับชายชุดดำ ขึ้นมาก่อเหตุ หรือเป็นแพะ เช่น กรณียิงขวัญควาย เพื่อป้ายสีชายชุดเขียว
5. บิ๊กบางคนของ ศอบต. แอบไปที่เกาะชายแดนเขมร ไปพบใครบางคนที่จะนำกองกำลังเขมรนอกคอก มาร่วมก่อการร้าย จนต่อมาปฏิบัติการที่ จ.ตราด จนเด็กตาย และคนไทยเจ็บจำนวนมาก ซึ่งนี้สหรัฐสืบได้ข้อมูลชัดเจนมาก
6. มีการใช้วัดแดงแห่งหนึ่ง ติดชายแดนเขมร เป็นที่พักพิงแก๊งค์ก่อการร้าย ก่อนข้ามพรมแดน เรื่องนี้ริดสีดวงรู้ดี และเคยสั่งการ จนท.ไม่ให้ไปตรวจที่วัดนั้น
7. มีความพยายามจะใช้คาร์บอม ที่ป๊อบอายเคยใช้ และโจรไต้ใช้ในตอนนี้ แต่จะใช้เป็นรถแท็กซี่ และรถมอเตอร์ไซต์ เก่า ที่ซ่องสุมแถวตึกร้าง เมืองเอก ปทุม ฯ , สมุทรปราการ
8. มีการใช้อาวุธสงครามปา หรือ ยิงถล่ม บุคคล สถานที่สำคัญ เช่น ที่เปาบุ้นจิ้นแพ่ง , อาญา , ที่พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมหลายครั้ง , ใส่วังสวนผักกาดเก่าแก่, ใกล้สถานที่ชุมนุม, ปาระเบิดใส่ขบวนมวลชนบรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัย (ออกหมายจับแล้ว) , ใส่ ศรส., ใส่เวทีแจ้งวัฒนะ (จุดนี้หลวงปู่จับตัวตำรวจเทียม 2 คน) , ใส่เวที กปปส.ระยอง, ตราด , ประตูน้ำ ฯลฯ

** และล่าสุดผู้สั่งการ ตกหลุมพรางจนเปิดเผยตัวตน สั่งสมุนไปปาระเบิดบ้านแกนนำที่เป่านกหวีดใส่ในห้าง กทม. และยิง M16 ,อาก้า ใส่บ้านแม่แกนนำที่โคราช จึงเป็นหลักฐานพิสูจน์เป็นรูปธรรมว่า “ ผัวสั่ง เมียจ่าย น้องทำ ลูกแก้ตัวให้ “ ทั้งหมดเป็นการสั่งการโดยผู้สั่งการตระกูลเดียวกัน และกระทำการก่อการร้ายสากล โดยทีมในเครือข่ายเดียวกันทั้งหมด กับแก๊งค์อั้งยี่แดงเมื่อปี 53 เหมือนที่บิ๊กชายชุดเขียว และ ผบ.หน่วยซีล บอกนั่นเอง

ช่วงผ่านมาไม่นานนี้ อเมริกา ต้องการพิสูจน์เรื่องก่อการร้ายสากล การมุ่งเปลี่ยนการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ของรัฐอั้งยี่แดง เขาจึงส่งทูตพบผู้นำฝ่ายค้าน และส่งคนไปพบสื่อมวลชนคนหนึ่งที่เชียงใหม่ แล้วเขาก็ลับ ลวง พราง โดยส่งคนไปพบแกนนำเสื้อแดง เพื่อดูการทำงานของขบวนการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ ผสานทุนนิยมสุดโต่ง เพราสหรัฐต้องการความมั่นใจให้เห็นด้วยตาของสายข่าวทูตเองว่า มีการวางแผนเปลี่ยนการปกครองเป็นคอมมิวนิวต์จริงหรือไม่ !!

แกนนำเสื้อแดงโดนลับ ลวง พราง ก็ดีใจ แห่กันไปรับ แล้วโฆษณาสรรพคุณกองกำลังติดอาวุธของตนเองว่ามีอาวุธจำนวนมาก และก่อเหตุรุนแรงไปทั่วเชียงใหม่เอง เพราะเข้าใจว่าสหรัฐจะสนับสนุนพวกตัวเอง แต่ไม่ฉุกคิดว่า “สหรัฐเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์ ” แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ที่ตั้งสถานีวิทยุเถื่อน และเป็นที่ปรึกษา รก.รตม.กิ๊ก กับมีวันนี้เพราะพี่ให้ (ที่มีเมียหลวงทำงานอยู่กับริดสีดวง) ถึงกับโม้ว่าการแบ่งแย่งเป็นประเทศล้านนา หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลานนา (สปป.ล้านนา) ชายดูไบสั่งให้เตรียมการมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว พวกเขาพร้อมจะก่อการร้ายแยกดินแดนออกมา

โดยการแยกตัวของ สปป.ล้านนา เป็นการแบ่งแยกการปกครอง เหมือนกับจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกง 1 ประเทศ 3 ระบอบการปกครอง และคุยโวว่าประชาชนภาคเหนือ 8 จังหวัด ร้อยละ 80 หรือประมาณ 4 ล้านคน มีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์แบ่งแย่งดินแดนเหมือนกันกับพวกเขา

สหรัฐที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาทางแนวคิดนี้กันมานานมาก กับรัสเซีย และจีน รวมทั้งปัญหาในทะเลจีนใต้ ที่กำลังตึงเครียดระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์จีน กับหลายประเทศที่อ้างการตรอบครอง เช่น ญี่ปุ่น , ฟิลิปปินส์ ฯลฯ เป้าหมายคือแหล่งน้ำมันในหมู่เกาะสเปชลี่ จึงต้องทำการซ้อมรบในไทย (คอบบร้าโกล) เพื่อขู่จีน และจีนก็สวนโดยการซ้อมยิงอาวุธในทะเลเช่นกัน

ตอนนี้ รัฐบาลอเมริกา จึงต้องการถีบหัวส่งชายดูไบมาก ถึงขั้น “เคลียร์” เขาให้หายไปจากโลกโดยแผน 2/1 (ขอปกปิดคำอธิบายรายละเอียดเพราะถือเป็นชั้นความลับสุดยอด) ที่จะปฎิบัติการเร็วๆ นี้..แต่บอกแนวทางกว้างๆ ให้สมุนแดงชายดูไบ ได้เตรียมจัดงานโศรกสลดไว้รอท่าได้เลย เพราะการข่าวความมั่นคงจากกรุงคาบูล อัฟกัน โดยหน่วยชีลลับในกรุงคาบูล ซึ่งเป็นพันธมิตรสหรัฐ ส่งการข่าวรายงานไปยัง ทำเนียบขาว แปลได้ว่า ชายดูไบ เป็นอาชญากรของโลก และมีสถานะเป็นผู้ก่อการร้าย ตัวสำคัญ

มีหลักฐานชัดเจน ว่าชายดูไบตั้งกองทุนลับ โดยมีคนในตระกูลโกงเงินประเทศไปเป็นเงินตระกูลตัวเอง ในรูปแบบโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ เช่น จำนำข้าว การประมูล สัญญาสัมปทานผูกขาด เพื่อนำไปสนับสนุนทุน ให้สั่งฆ่าพี่น้องมุสลิมที่ภาคใต้มานานนับ 10 ปี เพื่อให้ภาคใต้วุ่นวาย โดยมีกองกำลังใต้ดินวาะดะห์ และอีกหลายแก๊งค์ ฆ่าประชาชนชาวไทยด้วยกัน และสั่งฆ่าเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ที่จัดชุมนุมประท้วงมาตลอดจนถึงวันนี้..

และยังมีการสนับสนุนเงินทุนนี้ ให้กับขบวนการก่อการร้ายสากลอีกหลายประเทศ เช่น ในซูดาน ฯลฯ ตอนนี้ชายดูไบจึงมีสถานะ เหมือนหัวหน้าแก๊งค์ก่อการร้ายสากลเหมือนบินลาเดนนั่นเอง ที่คอยสนับสนุนเงินทุนที่โกงไปจากประเทศไทย และธุรกิจผูกขาดในหลายประเทศ ให้ก่อการร้ายทั่วโลก โดยมีสมุนแก๊งค์อั้งยี่แดงคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ เป็นกองกำลังติดอาวุธ เหมือนพวกตาลีบัน ของอัฟกานิสถาน ที่เคยปกครองประเทศราว 2 ปี ด้วยระบอบเผด็จการ ล้างสมอง และทำลายศาสนาอื่น จนหมดสิ้น เป็นอาชญากรของโลก จนลือลั่นไปทั่ว !!

ตอนนี้ รัฐบาลอเมริกา จำเป็นต้องถีบหัวส่งชายดูไบเสียแล้ว..เขาจึงส่งสัญญาณไม่หยุดขย่มให้ชายดูไบไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง ระเหเร่ร่อนไปประเทศนั้นประเทศนี้ เพื่อให้มีช่องว่างปฎิบัติการไม่เปิดเผย โดยอเมริกาสั่งหน่วยงานลับให้ปฎิบัติการตามแผน 2/1 เร็วๆ นี้!!..เอ..แผนนี้ เสธ ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะทำอะไร..เออว่าแต่บินลาเดน เขานอนๆ อยู่กับเมียและลูก แล้วเป็นอะไรตายนะ ใครจำได้บ้างป่ะ..ฮา

ในฝันจำได้ว่า หน่วยซีลของสหรัฐเป็นคนจัดการ ส่งกำลังลอบไปยิงตอนใกล้เช้า แล้วเอาศพไปโยนทิ้งลงทะเลภายใน 24 ชม. และมีอีกหลายคนที่เคยเป็นผู้นำประเทศ และหนุนการก่อร้าย ก็โดนไม่เหลือหรอ เช่น ซัดดัมอิรัก (เคยเป็นมิตรกันสมัยสหรัฐสู้กับอิหร่าน) ก็โดนจับแขวนคอโดยซ่อนมีดโกนไว้ในเชือก จนบาดคอเกือบขาด , กัดดาฟี ลิเบีย ที่โดนรุมแทง ยิงตายคาที , ผู้นำอียิปต์ และอีกหลายประเทศช่วงอาหรับสปริงส์ หลายคนไม่รอดชีวิตโดนหมดทั้งตระกูล

ส่วนในการเมืองระหว่างประเทศที่เปิดเผยได้ อเมริกาก็เป็นฝ่ายไล่บี้ รัฐบาลเทียมแดงขี้ข้าด้วยตัวเอง ตรงๆ !! โดย รมต. จอห์น เคอร์รี่ ยื่นคำขาดให้รัฐอั้งยี่แดงไทย รับผิดชอบตามไล่ล่าการก่อการร้ายฆ่าเด็กใน 2 เหตุการณ์สำคัญๆ ที่ เวทีมวลชน กปปส. จ.ตราด และ ที่หน้าบิ๊กซี ราชดำริ กรุงเทพฯ โดยไม่ชักช้า !!

เพราะตอนนี้จีนขยายอำนาจทางเศรษฐกิจลงมายังภูมิภาคนี้ และจีนยังมีสายสมพันธ์อันดีกับสถาบันชั้นสูง หากอเมริกายังขืนมัวโง่ใช้งานขี้ข้าชายดูไบ และรัฐอั้งอี่ก่อการร้ายสากลต่อไป มีหวังโดนจีนกวาดผลประโยชน์ในภูมิภาคนี้ไปแดกเรียบ แน่ๆ !! อเมริกาต้องการเตะสกัดขาจีน จึงจะต้องสลัดขี้ข้าไร้ชายดูไบออกไปไกลๆ ตัว เคลียร์เขาให้สาบสูญไปจากโลก และเลือกอนาคตใหม่ที่สดใส..เพราะบริษัทเผาไทยแพ้แน่ ๆ ระดับอเมริกาเขาไม่พลาดเรื่องการข่าวระหว่างประเทศ..ให้ทุยแดงบอกต่อๆ กันไปได้เลย..แพ้ 100%

รัฐบาลอเมริกาที่เขายึดประโยชน์ของชาติเขาเป็นสำคัญ จึงตัดสินใจเลือกข้าง โดยแสดงท่าทีถีบหัวส่งชายดูไบและบรรดาแก๊งค์อั้งยี่แดงเลย..เพราะหากสหรัฐก็ยังเดินยุทธศาสตร์ 2 ขาเหมือนเคยเมื่อก่อน เขาก็ไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร เพราะสิ่งที่กำนันและมวลมหาประชาชนทำ มันไม่มีในประวัติศาสตร์ชาติไทย หรือในโลก หรือตำรา

สถานการณ์ตอนนี้มันจึงเป็นช่วงท้ายเกม ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นใจเชิงบวก ให้กับมวลมหาประชาชน กปปส. ไปหมดทุกด้าน ทั้งด้านคดีความทางกฎหมายหลายสิบดี ที่กำลังฟันบั่นคอปูเน่า และเหล่าสมุนในเดือน มี.ค.57 และบิ๊กชุดเขียว เกิดการ”ปฏิวัติเงียบ” เดินเครื่องสั่งกำลังพลในเครื่องแบบเรือนหมื่น ออกมาอารักขารอบทีชุมนุม กปปส.เอาดื้อๆ และสั่งกองทัพภาค ให้ กอ.รมน.แต่ละจังหวัด อำเภอ ตำบล จัดการทางกฎหมาย กำราบพวกปลุกปั่นแบ่งแยกประเทศให้ถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก

กำนันจึงเล่นเพลย์ เซฟ ไม่ต้องไปแลกอะไรมาก เพราะที่ผ่านมา การชุมนุม กับ กิจกรรมขับเคลื่อนมวลชน ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นในหลายๆ ด้าน เปิดหูเปิดตาประชาชนให้คนไทยตาสว่างได้มหาศาล ผ่านสื่อในเครือข่ายไปทั่วประเทศ ทั่วโลก เป็นพ่อพระช่วยเหลือได้ใจชาวนารากหญ้า ไปกว่า 8 ล้านคน ส่งผลให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ประเมินทางวิชาการบริษัทเผาไทย มีคนเลือกเพียง 6.6 ล้านเสียงเท่านั้น ทั้งที่ไม่มีคู่แข่งเลย!!

พื้นที่สวนลุมฯ ขนาด 350 ไร่ ห้องอาบน้ำ 7 จุด ห้องสุขาอีก 7 จุด ไม่รวมห้องน้ำในสวนสาธารณะ มีอาคารสำหรับประชุมแกนนำ มีห้องสัมนาหลายห้อง ที่อยู่ภายใต้การสั่งการของผู้ว่า กทม. แกนนำไม่ต้องเดินสายวิ่งรอกหลายเวที มีร่มเงาต้นไม้ร่มรื่น กลางคืนอากาศเย็นสบาย ..เดินทางไปร่วมได้สะดวก การคืนพื้นที่ แยกปทุมวัน อโศก ราชประสงค์ ให้คนกรุงเทพฯ จะส่งผลให้ได้มวลชนเพิ่มมากขึ้น

มีข่าวรั่วจากสายลับมาว่า วันที่ 3-4 มี.ค.57 นี้ แก๊งค์แดงชั่วจะใช้อาวุธที่ซื้อมาเพิ่มก่อความรุนแรงในเวทีจุดเดิม เพื่อดิ้นสะบัดเฮือกสุดท้ายก่อนสิ้นลม การย้ายมารวมเสียในจุดสวนลุม จึงเหมือนทำลายแผนแก๊งค์แดงให้หงายเงิบ เพราะที่ใหม่มีการรักษาความปลอดภัยง่าย ระยะอาวุธวิถีโค้ง และตึกรอบโดยรอบไกลเกินระยะหวังผล มีชายชุดเขียวอารักขาโดยรอบเพียบ และการ์ดอีกหลายร้อยคนป้องกันได้หลายชั้น

มีนักรบป๊อบคอร์น (จากไหนไม่รู้) จะได้จัดตะลหลิ๋วคั่วป๊อบคอร์น ที่เต็มอัตราศึก คั่วป๊อบคอร์นร้อนๆ เอาไว้สวนหนักๆ เน้น ๆ ให้พวกแมงกุดจี่แดงที่มาก่อกวนได้จั๋งหนับ..อิ่มอารมณ์ สมใจอยาก จำจนตายไปถึงภพหน้า ช่วงเวลาที่เหลือช่วงเดือน มี.ค.57 นี้ ก็เหมือนเจ้าสาวจะแต่งงานนั่นแหละ มวลมหาประชาชน ต้องเก็บเนื้อเก็บตัว ขัดสีฉวีวรรณ อาบน้ำแร่แช่น้ำนม ลดน้ำหนัก ทำหน้า ทำผม ตัดชุดแต่งานสวยๆ รอวันประกาศชัยชนะ ปฏิรูปประเทศไทย..เรื่องอะไรเอาพิมเสนไปแลกเกลือให้โง่..ใกล้ถึงวันวิวาห์แล้วหนา ยอดดวงใจ..ฮา

ในนอกประเทศปล่อยให้อเมริกาปฏิบัติการ 2/1 กับชายดูไบไป ร่วมกับกองกำลังก่อการร้ายอัลกอร์อีดะห์ที่เขาประกาศแก้แค้นให้คนมุสลิมก่อนหน้า ในประเทศชายดูไบมีจุดอ่อน 2 จุดหลัก คือ จุดแรกคือครอบครัว ( พิสูจน์แล้วจากการตอบโต้ด้วยอาวุธ หลังการเป่านกหวีดใส่หญิงกระบังลม ) กับอีกจุด คือ เครือข่ายธุรกิจชิน ที่ตอนนี้ถูกโจมตีพินาศสันตะโรไปกว่า 6 หมื่นล้านบาทแล้ว

ต้องโจมตี 2 จุดนี้ให้พังคลืน จุดครอบครัวต้องใช้นกหวีดรุ่นใหม่ รุ่น “เก็บเสียง” ใครเจอไปเดินสมาชิกครอบครัวที่ไหน ก็อย่ากระโตกกระตาก อย่าวิ่งไล่ แต่ให้ลอบใช้ “นกหวีดเก็บเสียง” เล็งเป่าใส่แม่นๆ และให้เร่งประชาสัมพันธ์มวลมหาประชาชนกว่า 30-40 ล้านคนทั่วประเทศ “อุดหนุนให้หนัก” ไม่ลืมพระคุณ กับเครือข่ายธุรกิจเพิ่มขึ้นอีก ให้เจ๊งเกิน 2 แสนล้านบาท

ส่วนมวลชน กปปส.อีกส่วน ก็แนะนำว่าลองไปเที่ยวอีกจุดที่ “ตึกชิน 3” เพราะเป็นที่ตั้งสำนักงานของ บ.มูบาดาลา ปิโตรเลียม บ.พลังงาน ของรัฐอาบูดาบี เพราะมีการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในชื่อ“เพิร์ล ออยส์ (ประเทศไทย) ” บ.นี้ มีส่วนเกี่ยวข้องทางด้านธุรกิจพลังงานกับชายดูไบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการทำธุรกิจพลังงานในอ่าวไทย..ที่ตระกูลนี้นี้กำลัง “ฮุบทรัพยากรของชาติ”..ฮูย..ถ้าเจ๊งที่นี้..ซี๊ดแน่ๆ

ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ตามจุดชุมนุมเดิมที่ถูกเปิดคืนให้ชาว กทม...ก็ปล่อยให้
1. กำลังพลชายชุดเขียว (จตุลังคบาทช้างเผือก) ในเครื่องแบบขณะนี้ 8,500 นาย (ถ้าไม่พอก็เพิ่มได้อีกหลายหมื่น)..เขาดูแลรักษาความปลอยภัย ล้อมเป็นเปลือกดินสอ
2. มวลชน กปปส.(ช้างเผือกคู่บารมีพ่อ) ให้เหมือนใส้ดินสออยู่ตรงกลางอยู่เวทีสวนลุม
3. ให้นักรบป๊อบคอร์น (ศาสตราวุธ) เขาส่งหน่วยเดลิเวอรี่ เคลื่อนไหวไร้รูป ไร้นาม ไล่ล่าแมงกุดจี่แดง..ได้สะดวกโยธิน มันส์สะเด็ด ยิ่งขึ้น !!

เมื่อไฟเขียวเปิดวาบขึ้นแล้ว ต่อไปนี้อาจมีนักรบป๊อบคอร์นเปิดยุทธการ “ปลิดใบไม้แดง” เพื่อให้ร่วงหล่น ปลิดปลิวจาก กิ่ง ก้าน มากขึ้นเรื่อย ๆ จนต้นโกร๋น!! และคิวต่อไปจากใบไม้แดง ก็จะมีการตัดกิ่ง ก้าน ของต้นไม้แดง ตั้งแต่โคนต้นยันยอด แล้วมวลมหาประชาชน ก็ร่วมกับชาย 3 สี ชายชุดดำฝ่ายดี ช่วยกันระดมฟันโค่นต้นไม้อัปรีย์แดงให้ล้มครืนลงมา ล่มสลายเป็นโดมิโน่ เอาไปทำถ่านไม้ ย่างทุยแดงกินให้หนำใจ

ส่วนพวกหมาบ้าลอบกัดแก๊งค์โกตี๋ ปทุม ยิ้ม และศรรักษ์ กวป.ที่ประกาศผ่านสถานีวิทยุเอฟเอ็มเครือข่ายแดงว่า ให้แกนนำฮาดคอร์เสื้อแดงชายฉกรรน์บุกเข้าไปในค่าย จับตัว ผบ.กองพลที่ 1 รอ และ ผก.ราบที่ 11 รอ. ให้ได้ภายใน 7 วันนั้น..อย่าหวั่นไหวพวกกบฏน้ำลาย !!

โบราณว่า "หมาเห่าไม่กัด" แต่ถ้าหมาคิดจะกัด “ต้องตบปากหมา” บอกได้แค่นี้ !!

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai


____________________________________________________________

3.6
รูปภาพ
3.7
รูปภาพ
3.8
รูปภาพ
3.9
รูปภาพ
3.10
รูปภาพ
3.11
รูปภาพ

_______________________________________________________________
ระบอบทักษิณ กำลังจะอวสาน
Paisal Puechmongkol
บทวิเคราะห์ถึงเนื้อในกลวงของระบอบทักษิน
หมื่นทิวา พันราตรี
***ระบอบทักษิณ กำลังมัดคอตัวเอง ... ดาบนั้นคืนสนอง (แพ้ภัยตัวเอง)***
๑.จากภาพของการชุมนุมของกลุ่มพี่น้องเสื้อแดง ที่โคราช พบว่า
๑.๑. ระบบจำนำข้าว “ประชานิยมกลุ่มรากหญ้า” ทำพิษจริงๆ เสียมวลชนมหาศาล พลพรรคเสื้อแดงมาน้อยเกินคาด จนแกนนำต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ บทปลุกระดมที่เตรียมไว้ต้องเปลี่ยนโพยกลางอากาศ แต่ลืมแจ้งโพยที่เปลี่ยนให้กับสมาชิกที่ต้องขึ้นมาพูด เลยมีการผิดคิว ผสมเล่นนอกบทให้เห็น (Over Action) สรุป แผนที่จะยกพล เข้ากรุง ต้องยกเลิกไปเหมือนหลายๆครั้งที่ผ่านมา
๑.๒. กว่า ๙๐ % บอกได้เลยว่าจ้างมา ที่เหลือ ถูกหลอกมา ถูกบังคับ และมาแบบงงๆ ที่มาร่วมเพราะมีอุดมการณ์จริงๆ ไม่ถึง ๑% (ขนาดให้ สส.เผาไทย ทั้งกวาดทั้งต้อนมายังมาได้แค่นี้)

๒.ระบบ คอรัปชั่น กินหัวคิว หรือ ต้องมีผลประโยชน์ ที่เคยปลูกฝังไว้ ย้อนกลับมาหา แม้ว ในทุกๆภาระกิจ

๒.๑. ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมครั้งไหนๆ แกนนำกินหัวคิวเป็นทอดๆ แม้วจ่ายหัวละ ๕๐๐ – ๑,๐๐๐ บาทมาถึงมือผู้รับจริงๆ ไม่ถึง ๓๐๐ บาท หรือน้อยกว่านั้น บางกลุ่มที่เคยมาเพราะเกรงบารมีอิทธิพล ส.ส. โดยไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว การชุมนุมในปัจจุบัน มวลชนส่วนนี้จึงพยายาม “หลบได้ หลบ...หนีได้ หนี”

๒.๒. เพราะระบอบทุนทักษิณ ว่าด้วย “เงินเป็นหลัก” แกนนำหลายคนทำให้เห็นเองว่า... “สู้แล้วรวย”... คนอื่นๆเลยเอาอย่าง เพราะฉะนั้น ไอ้ที่ว่าจะมาด้วยใจ ไม่มีแล้ว สังเกตได้จากการชุมนุมแต่ละครั้ง “มาเร็ว ไปเร็ว” ถ้าจะให้อยู่ต่อต้องจ่าย OT.พูดง่ายๆ...“เงินไม่มา งานไม่เดิน”....ล่าสุด MOB เสื้อแดง ปิด ปปช. ประกาศว่าจะมาเป็นแสน ที่ไหนได้ ๒๐๐ คนยังไม่ถึง (จะเรียกว่าMOB ยังอายปาก) แต่เชื่อเหอะ...ลืมเติมเงินเมื่อไหร่กลับทันที!!...(สังเกตให้ดี ไม่มีแกนนำแถวหน้าให้เห็นในการปิด ปปช. ครั้งนี้...สงสัยค่าตัวไม่ถึง)

๒.๓. เพราะระบอบทุนทักษิณ ว่าด้วยเรื่อง “เงินและผลตอบแทน” ทำให้ กองกำลังติดอาวุธที่แม้วตั้งมา ต้องทบทวนว่า“ค่าจ้างเริ่มไม่คุ้ม” เพราะครั้งนี้ ไม่ได้รบกับทหารเหมือนอย่างปี ๕๓ แต่ปีนี้เจอพี่ๆ Popcorn ที่รบแบบกองโจร(รบนอกแบบ) แม้แต่ตะกวดแท้ๆ ยังเผ่นป่าราบ ณ ราชดำเนินมาแล้ว(เป็นอีกความอัปยศของวงการตะกวดไทย) ครั้งนี้กองโจรติดอาวุธของแม้วมาเจอ ..“กองโจร VS กองโจร”...ที่ไม่มีความเมตตา...ไม่มีเงื่อนไขทางกฎหมาย ไม่เหมือนทหาร(ทหารจะทำอะไรตาต่อตาฟันต่อฟัน ก็ลำบากติดขัดไปหมด) แต่พี่ๆ Popcorn ที่มียุทธวิธีและผ่านการรบนอกแบบมาโดยตรง(ศิษย์มีครู) แถมเป็นฝ่ายตั้งรับในที่ตั้ง วางแนวระวังป้องกันดักซุ่มไว้หลายชั้น ล่าสุดคืนวันที่ ๒๕ก.พ.๕๗ ถูกล่อมาเข้าพื้นที่สังหาร...เจอสอนมวยกลับไป...เลยต้องคิดแล้วคิดอีก จะคุ้มมั๊ยกับค่าจ้าง (ข่าวว่ากำลังเจรจาขึ้นค่าตัวกันอยู่) ดังนั้น กองกำลังติดอาวุธ ที่แกนนำคุยโม้ว่าจะใหญ่โตมโหฬาร จึงเป็นได้แค่เพียง...ฝูงหมาลอบกัด..รังแก“เด็กกับผู้หญิง” ไปวันๆ แถมลดจำนวนลงเรื่อยๆ

๒.๔. เพราะระบอบทุนทักษิณ ว่าด้วย “ระบบอุปถัมภ์” พวกใครพวกมัน เสื้อแดงแต่ละกลุ่มก็มีผู้นำของตัวเอง แข่งกันเอาหน้า ให้เข้าตานายใหญ่ ไม่มีใครมีสิทธิบัญชาการเด็ดขาด ต่างก็คิดว่า กูก็สายตรงนายใหญ่เหมือนกัน จึงเริ่มมีการ ตัดขากันเอง ในทุกๆระดับ จึงเห็นการเดินเกมที่ไม่เป็นเอกภาพ เล่นนอกบท ,ทำเกินสั่ง,
ปิดปากกันเอง ,เปลี่ยนม้ากลางศึก ,เสร็จศึกฆ่าขุนพล ฯลฯ หลายคนเริ่มกลัวจะเป็นอย่างเสธ แดง ที่พลาดเล่นนอกบทคิดว่า นายรัก เป็นสายตรงนายใหญ่ สุดท้ายตาย...ข้อหาห้ามแล้วไม่ฟัง (นึกดูดีๆ ช่วงที่เสธแดงถูกยิงตาย ขณะนั้นไม่มีแกนนำคนไหนอยู่ใกล้ๆ ในขณะเกิดเหตุ ไม่มีแม้แต่การปราศรัยขึ้นเวทีด้วยซ้ำ พูดตรงๆคือรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุกับเสธแดง เลยพากันหลบไปก่อน)

***๒.๕. กระแส แบ่งแยกประเทศ (ข้อนี้สำคัญที่สุด) ทำให้พรรคที่เคยร่วมรัฐบาล และข้าราชการ บิ๊กๆ รู้แล้วว่า นายกำลังจะทิ้งกู เริ่มลังเล…“ประเทศใหม่ของมึง กูจะไปอยู่ตรงไหน”....จับตาดู เมือง“บรรหารบุรี”เสื้อแดงตอนนี้แทบไม่มีบทบาท พรรคไอ้เตี้ย กำลังพยายามหาจุดยืนใหม่ เริ่มเกาะกระแส.. “รักชาวนา” เหมือนนางงามรักเด็ก..(ทั้งๆที่ พรรคไอ้เตี้ย เป็นฝ่ายยกมือสนับสนุนสุดตัว โครงการจำนำข้าว) ดังนั้น กระแสแบ่งแยกประเทศยิ่งแรง แนวร่วมยิ่งลดลง กลุ่มข้าราชการประจำ ไม่เล่นด้วยแน่ ธาริตฯ ,อดุลย์ฯ ,ภาราดรฯ แม้แต่เป็ดเหลิม ก็เริ่มหนาว
ยิ่งกลุ่มธุรกิจไม่ต้องพูดถึง ยังต้องทำมาหากินในเมืองไทยอีกนาน เพราะ แม้วเล่นแรงเกินเหตุ เปิดไพ่เร็วเกินไป ขืนร่วมลงเรือไปด้วย จะพากันไม่มีแผ่นดินจริงๆ ทีนี้แหละ “กบฏ” จริงๆ ไม่มีของปลอม ไม่มีของเทียม

สุดท้ายนี้ นึกถึงคำพูดของ ทักษิณฯ เคยบอกว่า “แพ้ใครไม่เป็น” คงจริง เพราะ ตอนนี้กำลัง “แพ้ภัยตัวเอง”…..เออ กูเริ่มเชื่อมึงแล้ว ไอ้แม้ว

________________________________________________
5.1
รูปภาพ
5.2
รูปภาพ
5.3
รูปภาพ
5.4
รูปภาพ
5.5
รูปภาพ
5.6
รูปภาพ
5.7
รูปภาพ
5.8
รูปภาพ
5.10
รูปภาพ
5.9
รูปภาพ
__________________________________________________

ยาวมาก แต่ตลกดี แก้เครียดได้ ข้อความยาวหน่อย แต่มันส์

ใครฝากไปบอกเสื้อแดงด้วย ว่าต่อไปนี้
นอกจากอีท่อน้ำเลี้ยงที่ศรส.ประกาศแล้ว

เสื้อแดงทั้งมวลต้องเลิกใช้บริการต่อไปนี้
เพิ่มเติมด้วย เพราะพนักงานเขาประท้วง
ต่อต้านรัฐบาลและการทำงานของพวกมึง
หรือไม่ก็ถูกล่าวหาว่าเป็นพวกกปปส.หมด
จากคำสัมภาษณ์ต่างๆ ที่ผ่านมาของเฉลิม

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ รวมถึง
การไฟฟ้า การประปา น้ำไฟอย่าใช้นะมึง
จุดเทียนกับตักน้ำจากบ่อคางคกมึงแดกเอา

เลิกแดกข้าวด้วย เพราะชาวนามาแล้ววว
แล้วเลิกหาหมอนะคะ ชมรมแพทย์ชนบท
ศิริราชราชวิถีพอสว.ห้ามเพราะมึงล้มเจ้า
ไปรพ.พระรามเก้าเลยถ้ามีปัญญาจ่ายนะ เพราะพ่อทักษิณของคุณเป็นเจ้าของแน่ะ

การบินไทย ออมสิน ธกส. ทอท. ห้ามหมด
เอาเงินใส่ตุ่มแทน แล้วอยากไปไหนเดินไป
ดีแทคทรูก็ห้ามนะ เชิญไปใช้เอไอเอสให้หมด

ซิบวีนัสมึงก็อย่านะ ก้มลงดูซิบในเสื้อผ้ามึงเลย
ถ้ามีให้ดึงออกอย่าหน้าด้านเก็บไว้ให้อายกู

อู๊ยปูนซีเมนต์ไทยไทยพาณิชย์ไม่ได้ด้วยนะ
ถ้าบ้านมึงใช้ปูนเขาเอาฆ้อนมาทุบทิ้งเลยค่ะ

มาม่าด้วยห้ามแดกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หิวก็ต้มฟางแดกกับน้ำโคลนแทนเอาละกัน

เดอะมอลล์ก็ห้ามพารากาอนเอมโพเรียมสยาม
เกษรเซ็นทรัลโรบินสันห้ามหมดจดเลยค่า
อนุญาตให้มึงไปพาต้าเยี่ยมกอริลล่าได้ที่เดียว

บิ๊กซี ท้อปส์ เทสโก้โลตัส แฟมิลีมาร์ทอีก
S&Pก็ด้วยเขาเอาตังค์ให้กำนันมาแล้ว
หิวเมื่อไหร่ก็แวะไปชายคาปลายทุ่งแล้วแดกขี้

เบียร์สิงห์เบียร์ช้างกระทิงแดงก็ห้ามด้วย
ลีโอไทเกอร์ช้างเอ็กซ์ปอร์ทแม่โขงแสงโสม
เค้าเครือข่ายเดียวกันหมดเลยนะค้ามึงจะว่าไง
ต้มข้าวเน่าของรัฐบาลมึงแดกแทนเบียร์ไปละกัน

อ้อ แล้วห้ามดูทีวีดูรายการที่ดาราเหล่านี้เล่นนะ
หรืองานที่เค้าทำงานที่เค้ากำกับพวกมึงก้อห้าม
เพราะเค้าออกมาสนับสนุนกปปส.มากน้อยตามลำดับ

นกฉัตรชัย, นกสินจัย, นกจริยา, จอห์นนี่
แอนโฟเน่, โดม, พลอย, โตโน่แตงโม,
พิศมัย, เกรียงไกร, สุพล, ป้าแจ๋ว ยุทธนา,
ป้าต้อ มารุต, พี่เป็ด อภิชาติ, ปอ ทฤษฎี, หมาก
ปริญญ์, โอปอลล์, หมอโอ๊ค, ชาคริต, วุ้นเส้น,
หนุ่ย นันทกานต์, อุ๊ หฤทัย, หมอก้อง, น๊อต
วรฤทธิ์, เอ็กซ์ ปิยะ, พี่ม้า อรนภา, ร้านโซดา,
ไวท์คาเฟ่, จี๊ดแสงทอง, แวร์โซ, ตุ๊ก ญานี,
เกลือเป็นต่อ, บอยพิษณุ, ชลิตเฟื่องอารมณ์,
ตุ๊กดวงตา, มยุรฉัตรเหมือน, เคนธีระเดช,
หน่อยบุษกร, ลูกเกดเมทินี, ไข่สมชาย,
นาการ่า, หนังสือลิปส์, แพรว, อิมเมจ,
พี่เอื้อง, ดีเจต้นหอม, ญาญ่าหญิง, ครูลิลลี่,
อ.ปิง, อ.จักษ์, ดร.เสรี, หมอพรทิพย์,
กอล์ฟเบญจพล, เจโจก้องปิ่นแมวจิระศักดิ์,
อ่ำอิงค์หงาดิโอฬารกัมปะนีเพชรโอสถานุ,
บอยพีซเจี๊ยบพิจิตรา, แนนชลิตาพี่หนูแหม่ม,
เหมี่ยวปวันรัตน์, ท็อปดารณีนุช, กลศ, ศานติ,
ตุ๊กดวงตา, โยยศวรรณ, ทาริกา, อ๊อดคีรีบูน,
ออดี้เป้สีน้ำจันทร์จิราจูแจ้งอ๊อฟปองศักดิ์,
อ.มิตซูโอะ, อ๊อฟพงษ์พัฒน์แดงธัญญา,
ปัญญา, วู้ดดี้, กนก, ธีระ, สุทธิชัย, เทพชัย,
อ.จตุพล, ต้นจักรกฤษณ์, สันติสุขจินตหรา,
เอิร์นกัลยากร, เป๊กผลิต, ปูปริศนา, ผอูญ,
บอยถกลเกียรติ, นิรนทร, เจี๊ยบวรรธนา,
บี๋คณาคำ, ฟักกลิ้งฮีโร่, ดีเจซี๊ดนรเศรษฐ,
เดือนไปรมา, กัปตัน, ณัฐเทพ, พี่บอยด์,
พลตัณฑ, เพชรมาร์ครูพี่โจ้, เป็ดมนต์ชีพ,
พี่ดี้นิติพงษ์, ครูชลิต, เปิ้ลหัทยาศรัณยู,
แท๊ค, เพ็ญพักตร์, ชุดาภา, ครูลักษณ์,
หมอหยองหมอช้าง, ปูโลกเบี้ยว, ดาหทัยรัตน์,
แหม่มธิติมา, มิคเบนซ์ชายวิกกี้,ศรีริต้าขันเงิน,
ไทเทเนียม, บุดด้าเบลส, คริสหอวัง, สัญญา,
ตุ๊กชนกวนันท์, หนังสือพลอยแกมเพชร,
วิลลี่เยลหลี, เบลลารานี, ฝันดีฝันเด่น ฯลฯ

ไม่รวมพวกที่ไม่เห็นไปเลือกตั้งด้วยนะ มีอาทิ
พี่เบิร์ด, อั้มพัชราภา, ตูนบอดี้, ชมพู่, วิทวัส,
อัสนีวสันต์, ซูโม่กิ๊ก, ติ๊กกลิ่นสี, ครูอ้วน,
โน๊ตอุดม, โน๊ตเชิญยิ้ม, ตั๊กลีลา, คริสติน่า,
ใหม่, มาช่า, ศรัณย่า, ดาเอนโดรฟิน,
กอล์ฟไมค, ทาทายัง, ฮันนี่ภัสสร, นานา,
พอลล่า,มาริโอ้, กุ๊บกิ๊บ,
ตู่ภพธรแสตมป์, พี่โจอี้บอย, แดนบีม,
เอกชมะนันท์, แอนดริว, บีเครสเชนโด้,
ก้อยรัชวิน, เป้อารักษ์, ดีเจบุ๊กโกะ, ดีเจนุ้ย,
แอมเสาวลักษณ์, เมย์เฟื่อง, แอฟสงกรานต์,
เปิ้ลนาครเสนาหอยอ๊อฟกีรติโก๊ะตี๋อารามบอย
ไก่สะมะ, คิมเบอร์ลีสมาร์ทแมทภีรนีย์, นุ่น,
แจ๊คแฟนฉันศรรามบอยปกรณ์มาร์กี้ราศี, ตั๊ก บงกช, ยศสินี, หน่องอรุโณชา ฯลฯ

ตรงนี้คือไม่เห็นว่าไปเลือกตั้งก็นับหมดนะ
เพราะธิดาแดงบอกแล้วคนออกไปเลือกตั้ง ทุกคนเป็นเสื้อแดง แล้วที่อยากเลือกตั้งทุกคน
กูเห็นเขาหน่วยเขาปิดเขายังไปสร้างหน่วยเอง
ยังมีอีป้าถือไฟฉายเดินฝ่าฝูงชนไปเลือกตั้ง
ไม่ไปเลือกตั้งก็สันนิษฐานไว้ก่อนได้เลย
ว่าไม่ใช่พวกเสื้อแดงแบบที่พวกมึงเป็นอยู่

พวกนี้มึงเห็นในทีวีมึงต้องทุบทีวีทิ้งเลยนะคะ
หวังดีค่ะกลัวพวกมึงเกิดแพ้ตัวบวมช็อคตาย

แล้วล่าสุดที่พวกมึงออกมาต่อต้านเจมส์จิ
แค่เพราะเจมส์จิไปบลูสกาย เลยไม่ดูหนังที่เจมส์จิเล่น งั้นก็กรุณาอย่าใช้ของสิ่งอัน
ที่เจมส์จิเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยนะคะ หรือ
ห้ามซื้อห้ามหาห้ามขายห้ามแดกห้ามแม่งหมด

อ้าวสัส ทีนี้พวกมึงจะติดต่อกันยังไง
ดีแทคกะทรูมึงอดแน่ เหลือแต่เอไอเอส...
ที่มีเจมส์จิเป็นพรีเซ็นเตอร์คร่าาาาสาาาาาาา
ต่อจากนี้มึงใข้นกพิราบสื่อสานเอาละกันสัส

แล้วถ้ามึงมีลูกห้ามส่งเข้าจุฬาธรรมศาสตร์
เกษตรสงขลาขอนแก่นรังสิตกรุงเทพนิด้า
รามคำแหงมหิดลมศว.อุเทนถวายปทุมวัน
มึงเข้าได้มหาลัยเดียวคือชินวัตรโอเคปร้ะ

สวนกุหลาบเทพศิรินทร์กรุงเทพคริสเตียน
อัสสัมชัญบดินทร์สตรีวิทย์ศึกษานารีราชินี
มาแตร์เตรียมอุดมปทุมคงคากับอีกร้อยแปดด้วย

โปรดฟังอีกครั้งนะคะอีดอกไม้
CR. Tamm Ishot
ไฟล์แนบ
25มค57_7.jpg
25มค57_7.jpg (31.21 KiB) เข้าดูแล้ว 492 ครั้ง
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

ไงล๊ะ ไล่ชาวอินเดียคนเดียว
ได้ศัตรูทั้งประเทศ สมน้ำหน้าทักษิณ
ภารกิจตีป่าล้อมโลกทักษิณ !!!
คำสั่ง 1542/ सेना प्रमुख 995
กองทัพสูงสุด INDIA ให้สัตยาบันต่อทหารไทยว่า ประเทศไทยคือมหามิตรของกองทัพ และชาติ INDIA ทั้งจะไม่มีการยอมรับรัฐบาลที่ฆ่าประชาชนแล้วขึ้นมามีอำนาจและขอห้าม นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าประเทศ INDIA โดยเด็ดขาด เพื่อก่อการในลักษณะใดๆ ที่อาจจะทำให้ประเทศไทยเสียหายได้ และหากยังมีกองกำลังติดอาวุธเข้ามาก่อความไม่สงบในแผ่นดินไทย " ซึ่งหากมีการรองขอจากทหารไทย ทางกองทัพ ARMY INDIA สูงสุด" พร้อมที่จะส่งกำลังทหาร หน่วย NAVY SEALS INDIA 2000 นายชุดแรกมาปราบปรามให้สิ้นซาก พวกอริราชศัตรูของชาติไทย ทั้งจะเป็นการมาช่วยเหลือประชาชนชาวไทย ให้ปลอดภัยจากกองกำลังใต้ดินของนายทักษิณฯ โดยจะโอนมอบอำนาจสั่งการทางทหารหน่วย NAVY SEALS INDIA ให้ขึ้นตรงต่อท่าน ผบ.ทบ ( พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ) หน่วย NAVY SEALS INDIA เป็นหน่วยเดียวของโลกที่มีฝีมือปฎิบัติการเด็ดขาด
ปราศจากการย่ำเกรงความตายเทียบเท่า หน่วย NAVY SEALS US.


________________________________________________________

ใกล้จบ... ทหารไม่เอารัฐบาล เพียงไม่ปฏิวัติ แต่ส่งกำลังช่วยม็อบตลอด ชัดเจน...
ตำรวจไม่กล้าแล้ว เลิกช่วยรัฐบาล ผบ.ตร.โดนแม่ด่าเรื่องในหลวง กลับลำไม่รับคำสั่งศรส. เหลือแต่ DSI ไม่มีกำลังพลมาก...
ทักษิณหันมาใช้บริการพัลลภ แต่ไม่หมู เพราะทหารซุ่มฝึกมาตั้งแต่ปี 53 เพื่อปราบกองกำลัง ไม่ทราบฝ่าย หลังจากเคยสูญเสียพล.อ.ร่มเกล้า คราวนี้ไม่ว่าพัลลภหรือโกตี๋ ออกมาคราวใด โดยสอยถอยกรูด สู้ไม่ได้เลย...
ทักษิณสั่งรวมพลเสื้อแดง ทุ่มเงินจ้าง ตั้งใจย้อนกลับถล่มกรุง แต่ไม่เหลือกำลังแล้ว รวมไม่ติด ฤทธิ์ที่ทำกะชาวนาวกกลับมาเล่นงาน ไม่มีชาวบ้านในมืออีกต่อไป...
จุดพลาดอันยิ่งใหญ่ของไอ้พวกลูกน้องไร้ปัญญา คือ จะจัดตั้งสปป.ล้านนา เรียบร้อย แบ่งแยกดินแดง ความผิดยิ่งใหญ่ไม่แพ้คอมมิวนิสต์ สะเทือนความมั่นคงแห่งชาติแล้ว เกินจุดที่ทหารจะอยู่เฉย คราวนี้ถ้ายังเหิมเกริม ไม่ถอย ไม่เก็บตัว ทหารจะออกปราบกองกำลังตจว. สนุกแน่...
แกนนำตัวเอ้ โดนหมายหัวแล้ว โกตี๋ ใกล้ต้องหนีหัวซุกหัวซุน พวกฮาร์ดคอร์... อยู่ไม่เป็นสุขแน่ ถึงขั้นออกมาป่วนไม่ได้ ทหารเจรจาให้กำนันรวมเวที เพื่อรวมกำลังพล ปราบกวาดล้างไอ้พวกเวรนี้...
ทักษิณ กำลังถูกทีมล่าสังหารล่าตัว ซุกซ่อนไม่เป็นกระบวนอยู่


__________________________________________________________
7.1
รูปภาพ
7.2
รูปภาพ
7.3
รูปภาพ
7.4
รูปภาพ
7.5
รูปภาพ
______________________________________________________________


เคยรู้ไหมครับ ภาคไหนเสียภาษีเท่าไหร่บ้าง

ผมเพิ่งได้เห็นข้อมูลนี้ เห็นแล้วบอกตรงๆว่า ไม่น่าเชื่อ ตกใจอยู่บ้าง ว่ามันเป็นแบบนี้จริงๆ ขนาดนี้จริงๆ เอาล่ะข้อมูลนี้บอกอะไรเราได้บ้าง

นี่คือข้อมูลการจัดเก็บรายได้ของประเทศ แบ่งแยกตามภาคส่วน มีภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสานและ กรุงเทพมหานคร โดยรายได้ส่วนใหญ่คือเกือบจะทั้งหมดการจัดเก็บมาจาก ภาษีของประชาชน ข้อมูลของปี 2553 - 2555

ข้อมูลพวกนี้บอกอะไรเราบ้าง

1. จำนวนประชากร แบ่งตามภาค ปี 2557(ข้อมูลจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล)

กรุงเทพมหานคร 7.9 ล้านคน

ภาคกลาง(ไม่รวมกรุงเทพฯ) 18.1 ล้านคน

ภาคเหนือ 11.3 ล้านคน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) 18.6 ล้านคน

ภาคใต้ 8.7 ล้านคน

2. กรุงเทพมหานคร จังหวัดเดียว เป็นจังหวัดที่ ประชาชนเสียภาษีมากที่สุด โดยมากกว่า ภาคเหนือทั้งภาค มากกว่าภาคกลางทั้งภาค มากกว่าภาคอีสานทั้งภาค และ มากกว่า ภาคใต้ทั้งภาค และที่น่าสนใจคือ

กรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว ประชาชนเสียภาษีมากกว่า ทุกภาคของประเทศรวมกัน คือประชาชนของทุกภาคเสียภาษีรวมกันน้อยกว่า กรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว

ประชากรของกรุงเทพมหานครจังหวัดเดียว 7.9 ล้านคนมีจำนวนน้อยที่สุด แต่เสียภาษีมากกว่าทุกภาคในประเทศไทยรวมกัน (ตรงนี้ต้องเข้าใจด้วยว่า มีคนจากต่างจังหวัดเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ด้วย)

3. ภาค ตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน) เป็นภาคที่มีจำนวนประชากรมากที่สุด ถึง 18.6 ล้านคน แต่เสียภาษีน้อยที่สุด

4. ภาค ใต้ มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในทุกภาค(ไม่นับรวมกรุงเทพฯ) แต่เสียภาษีมากกว่า ภาคเหนือ และ ภาคอีสาน

5. ภาคเหนือ และ ภาคอีสาน(ฐานเสียงเพื่อไทย ทักษิณ เสื้อแดง) มีประชากรรวมทั้งหมด ประมาณ30ล้าน หรือ ครึ่งนึงของทั้งประเทศ แต่เสียภาษีรวมกันแค่ 3เปอร์เซนต์ ของภาษีที่เก็บได้ทั้งประเทศ

อ่านไม่ผิดหรอกครับ 3 เปอร์เซนต์ เท่านั้น ทั้งๆที่จำนวนประชากรรวมกัน ครึ่งนึงหรือ 50เปอร์เซนต์ ของประเทศ

อีกครั้งนะครับ


ภาคเหนือและอีสาน เสียภาษีแค่ 3% ของทั้งประเทศ ทั้งที่จำนวนประชากรมี 50% ของประเทศ

จากข้อมูล ผมจะสรุปแบบนี้ได้ไหมครับ

1. คนส่วนใหญ่ที่เลือกเพื่อไทย เลือกทักษิณ ที่เป็นเสื้อแดง ไม่เสียภาษี หรือ เสียภาษีน้อยมากๆ

2. คนส่วนใหญ่ที่เลือกเพื่อไทย เลือกทักษิณ ที่เป็นเสื้อแดง เอาภาษีจากคนภาคอื่นที่ไม่ได้เลือกเพื่อไทย ไม่ได้เลือกทักษิณ และไม่ได้เป็นเสื้อแดง มาทำประชานิยมให้เค้าเหล่านั้น ทั้งๆที่ตัวเอง ไม่เสียภาษี

3. คนเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งที่เลือกทักษิณ ที่เป็นเสื้อแดง ไม่เสียภาษี แต่เพราะมีจำนวนมาก ทำให้กำหนดได้ว่า พรรคไหนจะเป็นรัฐบาล เพื่อมาบริหารเงินของ คนเสียงข้างน้อยจากการเลือกตั้งที่เค้าเสียภาษี

4. คนที่ไม่เสียภาษีเหล่านั้น เรียกร้องให้แบ่งแยกดินแดง จะตั้งประเทศล้านนา สปป.ล้านนาขึ้นมาใหม่ คิดดีแล้วเหรอครับ จะเอาเงินไหนบริหารประเทศครับ

5. คนที่ไม่เสียภาษีเหล่านั้น ยอมที่จะได้เงินเพียงเศษประชานิยม ไปเลือกทักษิณ โดยที่ไม่รู้เลยว่า รัฐบาลโกงเงินเข้ากระเป๋าตัวเองเท่าไหร่(เช่น จำนำข้าว) และสุดท้าย ประชานิยมนั้นก็ยังทำไม่ได้จริง 6เดือนยังไม่ได้เงิน ทำลายระบบการค้าข้าวของไทยที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานจนสิ้น

ปล. ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริง มิได้ต้องการที่จะแบ่งแยกหรือ ดูถูกใครทั้งนั้นทั้งสิ้น ย้ำว่าเป็นข้อมูลข้อเท็จจริงและ ต้องเข้าใจด้วยว่า คนต่างจังหวัดก็เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เยอะมาก เพราะเป็นเมืองหลวง ทำให้ กรุงเทพฯ เก็บภาษีได้เยอะที่สุด


และจากข้อมูลเหล่านี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทย ควรมีการปฎิรูปโดยด่วนครับ เพราะมองเห็นได้เลยว่า ประชาชนเสพติดประชานิยม และ ประชานิยมเหล่านั้นกำลังทำให้รากฐาน นิสัย คนไทยเปลี่ยนแปลง แทนที่จะขยันทำมาหากิน ช่วยตัวเอง ทำงาน หาเงิน ก็จะกลายเป็นแบมือขอประชานิยม เพียงเพื่อให้ได้เศษเงินเพียงเล็กน้อยจากรัฐบาล โดยรู้หรือไม่รู้เลยว่า เงินส่วนใหญ่ถูกโกงกินไปเท่าไหร่แล้ว และทำลายรากฐาน จริยธรรม สิ่งดีงาม ในประเทศไทยไปสิ้น

ปฏิรูปคือทางออกประเทศไทย

__________________________________________________________________

อนันต์ ประพงศ์
ตอบ จม. ท่านคำนูณ สิทธิสมาน
ต้องขอขอบคุณ คุณคำนูณ มา ณ ตรงนี้ ยังเอ่ยถึง ท่านอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ในเรื่องความคิดและทฤษฏีทางการเมือง ซึ่งมีปัญหาใหญ่ของชาติบ้านเมืองที่จะต้องแก้ไขให้เสร็จสิ้นไปโดยเร็วที่สุด โดยจะต้องทำให้ถูกหลักวิชา เท่านั้น จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมืองได้ และจะต้องมีการปฏิวัติประชาธิปไตยอย่างเดียวเท่านั้น ถึงจะทำให้บ้านเมืองปกติสุข การทำให้เรื่อง “ปฏิรูปประชาธิปไตย” หรือ “ปฏิรูปประเทศ” ไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ไม่มีฝ่ายไหนทำทั้งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ,กปปส., ฯลฯ ก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาของบ้านเมืองได้
ที่ปัญหาของบ้านเราเกิดปัญหาอยู่ทุกวันนี้และแก้ไขกันไม่ตกก็เพราะไม่ยอมปฏิวัติประชาธิปไตยนี้เองหละ มัวไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาประเทศจึงเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองอย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้
เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องคิดถูกเสียก่อนถึงจะทำทำถูกได้ แล้วจึงจะแก้ไขบ้านเมืองได้ ถ้าคิดไม่ถูกต่อให้มีมวลชนมากมายขนาดไหนก็ไม่สามารถทำให้บ้านเมืองสงบร่มเย็นได้
ในข้อเสนอของคุณคำนูณ สิทธิสมาน ที่ได้ข้อเสนอพื้นฐานแก่ กปปส. ที่มีด้วยกัน 3 ประการ หรือ 3 ไม่ ดังนี้
1) ไม่บังคับผู้สมัครส.ส.ให้ต้องสังกัดพรรคการเมือง
2)ไม่ให้อำนาจพรรคการเมืองขับไล่ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามคำบงการพ้นจากตำแหน่ง
3)ไม่บังคับว่านายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากส.ส.เท่านั้น
ในข้อเสนอพื้นฐาน 3 ไม่ที่คุณคำนูณ เสนอให้กับ กปปส ไปเป็นการบ้าน นั้น ในข้อที่หนึ่ง คือ ไม่บังคับผู้สมัคร สส. ให้ต้องสังกัดพรรคการเมือง เป็นเพียงข้อเสนอของเสรีภาพของบุคคลในทางการเมืองเพราะตามหลักการประชาธิปไตยข้อที่สอง ก็คือ เสรีภาพของบุคคล ซึ่งบุคคลจะต้องไม่มีการเอากฎหมายมีบังคับหรือมาทำลายเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน แต่บ้านเรานักวิชาการที่คุณคำนูณกล่าวมานั้น ได้เสนอเอากฏหมายมาทำลายเสรีภาพทางการเมืองของประชาชนจนหมดสิ้นแล้ว
การออกมาเดินถนนของประชาชนไม่ว่าฝ่ายไหน ทั้ง นปช., ทั้ง กปปส. ล้วนเป็นผลิตผลของนักกฏหมายที่ชูหน้าชูตาในสังคมทุกวันนี้ บางคนถึงกับเข้าไปเป็นนักวิชาการออกหัวคิดให้กับแกนนำม๊อบ ซึ่งนักวิชาการแทบทุกคนมีข้างแล้ว
ในข้อเสนอไม่ให้ สส. สังกัดพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน ที่มีแต่กลุ่มอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร และ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ที่เพียรเสนอทางแก้ไขเรื่อยมา
แต่ข้อเสนอเสรีภาพทางการเมืองของประชาชน ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง นั้น จะต้องอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยปวงชน คือ จะต้องมีการขยายอำนาจอธิปไตยปวงชนเสียก่อนแล้วค่อยทำให้เสรีภาพทางการเมืองของประชาชน เพราะถ้าเพียงแค่จะให้มีแค่การสมัคร สส. ไม่ต้องบังคับให้สังกัดพรรคการเมือง นั้น จะเป็นเพียงแค่เล่นงานอีกฝ่ายตรงข้ามกับคุณคำนูณ ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
เพราะปัญหาในสถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเสรีภาพทางการเมืองของประชาชนอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นเรื่องของอำนาจอธิปไตยของปวงชน ที่จะต้องปฏิบัติหรือสร้างให้เสร็จสิ้น
แม้ในเรื่องที่คุณคำนูณ เสนอให้กปปส. ให้เสรีภาพทางการเมือง โดยผู้ สมัคร สส . ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง ปัญหาที่สำคัญที่แก้ไขความคิดไม่ตกก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ข้อเสนอในข้อที่หนึ่งนี้คุณคำนูณ ให้มีการแก้ไขในกฏหมายรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ กปปส. ได้อำนาจและเป็นรัฐบาลแล้ว
ซึ่งในแนวทางและหลักการที่กลุ่มอาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร และพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เสนอ นั้น ไม่ได้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือ ที่เรียกว่าแนวทางรัฐธรรมนูญ จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ ซึ่งพิสูจน์ได้ชัดเจนแล้วว่า บ้านเรามีกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถึง 18 ฉบับ แล้ว แต่ก็ยังแก้ไขปัญหาการเมืองและบ้านเมืองไม่ได้
เพราะฉะนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็เพราะแนวทางรัฐธรรมนูญ ฝ่ายหนึ่งจะแก้รัฐธรรมนูญอีกฝ่ายหนึ่งไม่ให้แก้ เมื่อปัญหาทางการเมืองแก้ไขไม่ได้ จำเป็นที่ประชาชนจึงต้องลุกขึ้นเดินถนนและเกิดเหตุการณ์การเข่นฆ่ากัน ในใจกลางเมืองหลวงของประเทศ
ปัญหามาจากความไม่มีหลักการและทฤษฏีทางการเมือง คือ ไร้เดียงสาทางการเมือง และยังเข้าใจว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือบ้านเมืองจะแก้ไขให้เรียบร้อยไปได้ด้วยกฎหมาย
ซึ่งหลักการนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า กฎหมาย ไม่สามารถต้านทานอำนาจของประชาชนได้ ไม่ว่าฝ่ายไหน ดูจากการเคลื่อนไหวม๊อบของแต่ละฝ่ายล้วนกระทำผิดกฎหมายทั้งนั้น แต่ไม่สามารถนำมาลงโทษทางกฎหมายได้
ก็แสดงว่าอำนาจของประชาชนในทางการเมือง อยู่เหนือกว่าอำนาจตามกฎหมายในทางการเมือง
เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ จะต้องทำให้อำนาจอธิปไตยของปวงชน โดยขยายอำนาจอธิปไตยปวงชน เท่านั้น ถึงจะแก้ไขได้ มัวแต่ไปแก้ไขกฎหมายบ้านเมืองก็พังเสียก่อนเท่านั้นเอง
ในข้อเสนอพื้นฐานในข้อที่สองของคุณคำนูณ ที่ว่า
“2)ไม่ให้อำนาจพรรคการเมืองขับไล่ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามคำบงการพ้นจากตำแหน่ง”
ในข้อเสนอนี้ เป็นเรื่องกิจการภายในพรรค ซึ่งไปสอดคล้องกับข้อที่หนึ่ง คือ เมื่อประชาชนได้มีเสรีภาพทางการเมืองแล้ว หมายถึง อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของปวงชนแล้ว การบริหารกิจการของพรรคการเมืองจะเป็นเรื่องของอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองจะเป็นที่แสดงออกทางความคิดทางการเมืองของประชาชนแล้วมาร่วมกันทำกิจกรรมทางการเมืองร่วมกัน
การที่ สส. ของพรรคไม่ปฏิบัติตามคำบ่งการของพรรคการเมือง พรรคการเมือง นั้น ก็ย่อมจะมีสิทธิที่จะให้ สส. คนนั้น พ้นจากตำแหน่งได้
เพราะถ้าทำอย่างข้อเสนอของคุณคำนูณ ก็ยิ่งจะทำให้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ใช้ซื้อเอา ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับฝ่ายตรงข้ามในการใช้เงินซื้อ สส.จากพรรคการเมืองอื่น
แต่เรื่องนี้จะหมดสิ้นไปถ้าเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยแล้ว ประชาชนมีอำนาจอธิปไตย มีเสรีภาพของบุคคล มีความเสมอภาค มีหลักนิติธรรม และมีการปกครองจากการเลือกตั้ง
ในข้อเสนอพื้นฐานข้อที่สามว่า
“ 3)ไม่บังคับว่านายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากส.ส. เท่านั้น”
ในข้อเสนอนี้ นั้น ในรูปการปกครองของระบบรัฐสภา นั้น นายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นที่จะต้องมาจาก สส. ก็ได้ แต่บ้านเรามีการเรียกร้องและต่อสู้มานานจนแยกไม่ออกว่าระบบไหน เป็นอย่างไรมีรูปและเนื้อหาอย่างไหน การที่มีบทบัญญัติว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก สส. นั้น ก็เพราะหลังการรัฐประหาร ของคณะ รสช. เมื่อปี 2534 แล้ว พลเอกสุจินดา คราประยูร มาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยที่ไม่ได้เป็น สส. นักต่อต้านรัฐประหารทั้งหลาย ก็เรียกร้องว่าให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก สส. ถึงจะเป็นประชาธิปไตย
การมีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจาก สส. เป็นเผด็จการ
เพราะฉะนั้น เห็นด้วยในข้อเสนอนี้ ในระบบรัฐสภา ที่ไม่บังคับให้นายกรัฐมนตรีจะต้องมาจาก สส. ก็ได้ อันนี้เป็นระบบที่ใช้อยู่ของระบบรัฐสภา แต่ของบ้านเรามั่วไปหมด ไม่ระบบประธานาธิบดี หรือ ระบบรัฐสภา หรือ ระบบกึ่งประธานาธิบดี
แต่ถึงอย่างไรแล้ว ในข้อเสนอทั้งสาม ที่ไม่ได้มีข้อเสนอให้มีการขยายอำนาจอธิปไตยปวงชนกับเสรีภาพของบุคคลแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขบ้านเมืองได้
และอีกอย่างคุณคำนูณ สิทธิสมาน เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอย่างที่กล่าวมาว่าแนวทางรัฐธรรมนูญหรือ แนวทางลัทธิรัฐธรรมนูญเป็นแนวทางเผด็จการ ไม่ใช่แนวทางประชาธิปไตย
เมื่อเป็นแนวทางเผด็จการ จึงไม่สามารถที่จะนำไปสู่การปฏิบัติให้ปัญหาของชาติหมดไปได้
ใครก็ตามที่เสนอแนวทางเผด็จการไม่มีทางทำสำเร็จหลอกครับ
ขอตอบคำถามที่คุณคำนูณ สิทธิสมาน ให้ กปปส. ทำการบ้าน แต่ถึงแม้กลุ่ม กปปส. จะนำเอาไปใช้ก็ยิ่งจะเกิดเผด็จการยิ่งๆขึ้นเพราะเป็นแนวทางรัฐธรรมนูญ
ขอจบไว้แค่นี้ก่อน และขอนำเอาขอ้เสนอที่คุณคำนูณ ได้เสนอให้กับ กปปส. และโพสทูเดย์เอามาขยายต่อ ดังนี้

“ ส่งการบ้านกปปส. : '3 ไม่' เบื้องต้นของการปฏิรูปประเทศ
9 มีนาคม 2014 จากโพสทูเดย์
วันที่10 มีนาคม 2557 กปปส.จะเริ่มสัมมนาลงลึกแนวทางการปฏิรูปประเทศและการปฏิรูปการเมืองในเบื้องต้นหลังมีรัฐบาลคนกลาง
ขอส่งการบ้านด้วยการเสนอ “3 ไม่” เป็นข้อเสนอพื้นฐาน 3 ประการแรก
1) ไม่บังคับผู้สมัครส.ส.ให้ต้องสังกัดพรรคการเมือง
2)ไม่ให้อำนาจพรรคการเมืองขับไล่ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามคำบงการพ้นจากตำแหน่ง
3)ไม่บังคับว่านายกรัฐมนตรีจะต้องมาจากส.ส. เท่านั้น

ถ้าการปฏิรูปการเมืองหมายความถึงการทำลายระบอบทักษิณซึ่งเป็นพัฒนาการขั้นสูงสุดของระบอบเผด็จการรัฐสภาของนายทุนเจ้าของพรรคการเมือง ไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนขั้วอำนาจก็ไม่อาจจะเว้นการปฏิรูปใน 3 ประการนี้ได้
พูดเรื่องนี้มา20 ปีแล้วเป็นอย่างน้อย
เป็นสารัตถะหลักเดียวกับนักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัตน์ภายใต้การนำของท่านอาจารย์บรรเจิดสิงคะเนติ อันเป็นแนวคิดที่สืบทอดมาจากศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์
ขออนุญาตเผยแพร่คลิป “เกาะติดวิกฤตชาติกับศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์” อีกสักครั้ง ณ ที่นี้
ท่านอาจารย์อมรจันทรสมบูรณ์เคยไปอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศในหัวข้อ “ปฏิรูปประเทศ :ปฏิรูประบบรัฐสภาเพื่อการพัฒนาคุณภาพประชาธิปไตย” ให้กับสถาบันพระปกเกล้าในช่วงเดือนสิงหาคม 2553 นับถึงวันนี้ก็เกิน 3 ปีเต็มมาแล้วมา
อาศัยที่ถ้อยคำที่ท่านพูดบางคำบางประโยคนั้นดู “แรง” จึงทำให้ปรากฏเป็นข่าวฮือฮาในวงเล็ก ๆ อยู่วันหนึ่ง แต่ก็เท่านั้นเป็นข่าวพาดหัวอยู่วันเดียวแล้วก็เงียบหายไป เหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอดกับแนวคิดของท่านตั้งแต่ปี2535 เป็นต้นมา

โดยหลักแล้วแนวคิดนี้เห็นว่าปัญหาวิกฤตของประเทศเกิดจากระบอบเผด็จการรัฐสภาหรือระบบเผด็จการโดยพรรคการเมืองนายทุน
ถ้าจะแก้ไขก็มีแต่ต้องทำลายระบอบ/ระบบนั้นในทันที !
จริงๆแล้วสารัตถะของแนวความคิดนี้ไม่ต่างจากแนวความคิดปฏิวัติประชาธิปไตยของนักเคลื่อนไหวมวลชนกลุ่มหนึ่งที่สืบมรดกความคิดมาจากท่านอาจารย์ประเสริฐทรัพย์สุนทร แน่นอนพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธอยู่ในสกุลความคิดนี้ด้วย
วิธีการแก้ไขในเบื้องต้นที่ต้องทำทันทีก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างน้อยๆ 3 ประการที่กล่าวมา
จากนั้นขั้นต่อไปก็คือเริ่มกระบวนการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อการปฏิรูปการเมืองและการปฏิรูปประเทศโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้มีประสบการณ์ในการบริหารบ้านเมืองร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ โดยผ่านระบบการคัดเลือกจาก “รัฐบุรุษ” หรือ “ผู้นำ”ในความหมายของ Statesman ไม่ใช่ในลักษณะของ “สภา” หรือ “สมัชชา” ที่มีที่มาหลากหลาย
ขั้นสุดท้ายเมื่อได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะต้องทำเสร็จพร้อมกันแล้วให้นำมาผ่านการลงประชามติจากประชาชนโดยตรง
ไม่ว่าใครจะเห็นพ้องหรือเห็นต่างอย่างไรท่านอาจารย์อมรจันทรสมบูรณ์ก็ยืนยันของท่านอย่างนี้ มากว่า 20ปีแล้วนับตั้งแต่นำข้อเขียนเรื่อง “รัฐธรรมนูญ: โครงสร้างและกลไกทางกฎหมาย” เสนอต่อที่ประชุมในการสัมมนาทางวิชาการที่โรงแรมเอเซียจัดโดยสถาบันนโยบายศึกษา เมื่อเดือนกรกฎาคม 2534 และเป็นหัวหน้าคณะวิจัยรวมทั้งเขียนบทความต่อเนื่องด้วยตนเองตลอด2 ปีต่อมาก่อนจะตกรวบยอดเป็นบทสรุปด้วยการเขียนบทความขนาดยาวเรื่อง “Constitutionalism: ทางออกของประเทศไทย” ลงในนสพ.ผู้จัดการรายวันช่วงเดือนเมษายน2537 สมัยเมื่อผมเป็นบรรณาธิการข่าวการเมืองและบรรณาธิการบทความและจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มโดยสถาบันนโยบายศึกษาในอีก 3 เดือนต่อมาอย่างที่เล่าให้ฟังในตอนต้น
ท่านอาจารย์หมอประเวศวะสีก็เคยนำแนวคิดนี้ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของคณะกรรมการพัฒนา ประชาธิปไตย(คพป.) เมื่อปี 2537 อย่างจริงจัง
คุณบรรหารศิลปอาชานำมาหาเสียงเลือกตั้งในปี 2538เป็นสัญญาประชาคมของพรรคชาติไทยว่าถ้าได้เป็นรัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามแนวทางคพป.นี้และจะเพราะสัญญาประชาคมนี้หรือไม่ ไม่ทราบ แต่ท่านก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 21ของประเทศนี้หลังการเลือกตั้งครั้งนั้นและได้ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาศึกษาหาแนวทางทำตามสัญญาประชาคมโดยมีคุณชุมพลศิลปอาชาเป็นประธาน
เป็นรากฐานที่นำไปสู่การแก้ไขมาตรา211 รัฐธรรมนูญ 2534 ในปี 2539
ก่อให้เกิดสภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทำรัฐธรรมนูญ2540 ขึ้นมาในที่สุดแต่เป็นรูปแบบสภาหรือสมัชชา แตกต่างไปจากแนวคิดเดิม จึงก่อให้เกิดเป็นข้อจำกัดแม้นวัตกรรมทางการเมืองหลายอย่างจะมาจากแนวคิดวิชากฎหมายมหาชนยุคใหม่ที่นำเสนอโดยท่านอาจารย์อมรจันทรสมบูรณ์ แต่หลักสำคัญที่สุด 3 ประการข้างต้นไม่ได้รับการแก้ไขเพราะไม่สามารถยืนหยัด “ทานกระแส” ที่เชื่อผิดๆ ต่อ ๆ ตามกันมา
ผลที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญฉบับนั้นในที่สุดจึงคือการกระชับอำนาจให้กับระบบเผด็จการโดยพรรคการเมืองนายทุน
ท่านอาจารย์อมรจันทรสมบูรณ์ไม่ได้ย่อท้อ หรือเปลี่ยนแปลงความคิดท่านนำเสนอแนวคิดพื้นฐานของท่านอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งหนึ่ง 2 ศิษย์เอกอย่างท่านอาจารย์สมยศเชื้อไทยและท่านอาจารย์บรรเจิดสิงคเนติถึงกับก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาพรรคหนึ่งชื่อ “พรรคทางเลือกที่สาม”ในช่วงปี 2547 ช่วงวิกฤตเดือนมีนาคม - พฤษภาคม2553 ก่อนจะนองเลือดท่านก็เสนอทางออกของประเทศไทยอีกครั้งภายใต้แนวคิดพื้นฐานเดิมแต่ประยุกต์ไปตามสถานการณ์
เมื่อเกิดกระแส “ปฏิรูปประเทศ” ขึ้นควบคู่กันไปท่านก็ออกมาตอบโจทย์อีกว่าจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ครั้ง 2ขั้นตอน
เสนอตัวอย่าง “ร่างต้นแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย” ออกมาด้วย !
จุดอ่อนประการสำคัญของท่านอาจารย์อมรจันทรสมบูรณ์ก็คือภาคประชาชนส่วนหนึ่งกล่าวหาท่านว่าไม่เห็นพลังของมวลชนไปเน้นแต่ชนชั้นนำมากเกินไป
ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะเชื่อแนวทางการวิเคราะห์สังคมไทยตามหลักสังคมวิทยาการเมือง
เมื่อ2 ปีก่อนท่านวิจารณ์แนวทางตั้งสมัชชาของท่านอาจารย์หมอประเวศวะสีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไว้ว่าการแก้ปัญหาการปฏิรูปประเทศไม่ได้อยู่ที่จำนวนของสมัชชาและคาดหมายว่าสิ่งที่คณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปจะได้จากสมัชชาทั้ง 14 สมัชชา ก็คือ ความคิดเห็นที่หลากหลาย จนจับสาระและเหตุผลไม่ได้และไม่รู้ว่าจะทำให้ข้อเสนอเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างไร
อยากให้มวลชนกปปส.ลองพิจารณาแนวทางปฏิรูปประเทศของท่านอาจารย์อมรจันทรสมบูรณ์มาประยุกต์กับการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน แม้อาจจะเป็นแนวทางที่แตกต่างไปจากแนวทางสภาประชาชน-รัฐบาลประชาชน

จะอย่างไรลักษณะไหนเชื่อว่านักวิชาการเครือข่ายกปปส.น่าจะช่วยกันได้ โดยเฉพาะกลุ่มสยามประชาภิวัตน์
ในคลิปสัมภาษณ์ล่าสุดท่านอาจารย์อมรจันทรสมบูรณ์ก็ได้พูดถึงการปฏิวัติโดยประชาชนไว้ด้วย
แนวทางการขอพระราชทานรัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูปประเทศอาจเป็นหนึ่งในทางออกได้เมื่อเกิดสุญญากาศลักษณ์ใดลักษณ์หนึ่ง
ไฟล์แนบ
7มีค57_6.jpg
7มีค57_6.jpg (61.62 KiB) เข้าดูแล้ว 482 ครั้ง
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

9.1
รูปภาพ
9.2
รูปภาพ
9.10
รูปภาพ

เชื้อไม่ทิ้งแถว แนวไม่ทิ้งตระกูล ต่อเรืองของพวกแซ่คูอีกนิดครับ....
แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ หลวงวิพิธพจนการ (แจ่ม สูตะบุตร) ผู้เป็นคุณตาของ พ.ญ.สดใส เวชชาชีวะ (สกุลเดิม สูตะบุตร) มารดาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หรือนัยหนึ่ง หลวงวิพิธพจนการเป็นคุณตาทวด ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
2 ตระกูลนี้ ชำระแค้นกันมาเป็น 100 ปีเลยทีเดียว

_____________________________________________________
9.3
รูปภาพ
9.4
รูปภาพ
9.5
รูปภาพ
9.6
รูปภาพ
9.7
รูปภาพ
9.8
รูปภาพ
9.9
รูปภาพ
10.1
รูปภาพ
10.2
รูปภาพ
10.3
รูปภาพ
10.4
รูปภาพ
susukai kaki
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 578
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ต.ค. 2009, 01:23
Tel: 0245299642
team: พระราม4
Bike: จักรยานทั่วไป
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย susukai kaki »

คณะผ้าป่าจักรยาน สมุทรปราการ+กทม.----เพชรบุรี(วัดประดิษฐวนาราม)
เปลี่ยนแผนเดินทางตามนี้ครับ...
เวลา5.00-5.30 ของวันที่16มีค.2557 รวมตัวที่หน้าหมู่บ้านสุขสวัสดิ์นิเวศน์2(ข้างร้านเซเว่น)จากนั้น...
นำจักรยานขึ้นรถปิ๊กอัพไปปล่อยลงที่แยกคลองโคน...จากนั้นให้นักจักรยานปั่นจากแยกคลองโคน ผ่าน อ.บ้านแหลม--อ.เมืองเพชรบุรี---ถึงวัดประดิษฐวนาราม ระยะทางจากแยกคลองโคน-วัดประดิษฐ ประมาณ50กม.
***ชมรมจักรยาน เทศบาลเมืองปากน้ำ สมุทรปราการ ที่จะปั่นร่วมบุญทอดผ้าป่ากับ กลุ่มเจดีย์ไบค์ ให้มาที่จุดนัดพบหน้าหมู่บ้านสุขสวัสดิ์นิเวศน์2ตามเวลานัด..หรือจะไปพบกันที่แยกคลองโคนก็ได้ เวลานัดพบที่แยกคลองโคน (ประมาณ7.00-8.00)
**จึงแจ้งมาตามนี้ครับ...และขอขอบคุณนักจักรยานทุกท่านที่ร่วมรายการทำบุญกับ วัดประดิษฐวนาราม ในครั้งนี้ด้วยครับ...
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

13.1
รูปภาพ
13.2
รูปภาพ
13.3
รูปภาพ
13.4
รูปภาพ
13.5
รูปภาพ
_______________________________________________


อัญชะลี ไพรีรัก
ส่วนหนึ่งของสัมภาษณ์
ในนิตยสาร ดิฉัน
มีนาคม ๒๕๕๗

"วันรุ่งขึ้นสถานีโทรมาเลย ปองๆ ใจเย็นๆ หน่อยนะ สัมภาษณ์เขา (ทักษิณ) ใหม่ได้ไหม เอาแบบนั้นๆ ปองบอกไม่เอาหรอก แล้วตอนนั้นเขาซื้อโฆษณาเยอะมาก เป็นโฆษณาพรรคทั้งที่ยังไม่เลือกตั้ง โฆษณาทั้งวิทยุและโทรทัศน์ คือแกโปรยซะฉ่ำใจ ปองก็ตั้คำถามมากไป และเริ่มรู้สึกว่ามีปฏิกิริยามากขึ้น และรู้สึกว่านโยบายนี้ไม่เหมาะกับประเทศเราเลยนะ นโยบายและวิธีคิดของคุณทักษิณมันจะพาประเทศไปลงเหว คนก็ถามว่าทำไม ปองบอกฉันเคยอ่านอยู่เล่มนึง ก็ไปค้นใหญ่เลย"

"ก็ไปเจอว่าอาร์เจนตินา ซึ่งหลังสงครามโลกเคยเป็นประเทศที่ร่ำรวย จนได้ฉายา่าปารีสแห่งอเมริกาใต้ แต่ด้วยนโยบายประชานิยม ทำให้อาร์เจนตินาตกลงไปในหุบเหว และยังไม่ขึ้นมาจนบัดนี้ ผู้หญิงต้องขายผมไปทำวิก หรือก็ไม่ก็ต้องขายตัว คุ้ยเขี่ยอาหารเหมือนหนูกัน ก็เพราะประชานิยม โดยนักการเมืองเอามาให้ประชาชน ทำให้ประชาชนเสพติดจนงมงาย เสพติดฟุตบอล แซมบ้า และประชานิยม ปองบอก เฮ้ย ไมไ่ด้แล้ว อันนี้มันแบบเดียวกันเป๊ะเลยนะ"

"พอปี ๔๓ ปองทำ ITV เป็นสารคดีสั้นๆ ตอนนั้นคุณทักษิณเริ่มจะเขบมือบ ITV แล้ว ปองไปสัมภาษณ์หมอดูการเมืองชื่อดัง เขาบอกว่าคุณทักาิณจะพาให้บ้านเมืองวิบัติฉิบหาย แต่คุณทักษิณก็จะดวงแตก ประชาชนจะขับไล่ วันรุ่งขึ้นปองถูกตัดรายการเลย"

"วันนั้นปองขึ้นไปยืนบนชั้น ๒๗ ตึก TPI มองลงไปเห็นสาทร สีลม คิดว่าถ้าทำวิทยุชุมชนที่นี่ หันเสาอากาศสู่เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจของประเทศนี้ ที่นี่มีคนจากทั่วทุกสารทิศมาทำงานบนถนนเส้นนี้ นายทุนในประเทศไทยที่พัวพันกับนักการเมืองอยู่บนถนนเส้นนี้ ปองคิดว่าทุกคนต้องได้รู้ความจริงเรื่องคุณทักษิณว่าโกงกินขนาดไหน แล้วมันเริ่มจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวขนาดไหน ทุกคนต้องได้รู้ อย่าปฏิเสธว่าคุณไม่ได้ทำ ในเมื่อทีมงานของคุณทำ แล้วภายหลังเราก็ได้เห็นชัดเจนว่าเขาปฏิเสธไม่ได้เลย"

"ตอนเริ่มเวทีสามเสนปองไม่อยู่ ไปเที่ยวฝรั่งเศสกับเพื่อนๆ ๑๐ วัน ก็โดนโทรตามตัวทุกวัน กลับมาถึงกรุงเทพฯ เช้าวันศุกร์ก็โทรกันระงมจนปองต้องปิดโทรศัพท์ กินยาแล้วนอน เย็นวันศุกร์ปองก็ไปสามเสน เขาให้ขึ้นเวที บันไดมี ๖ ขั้น พอถึงขั้นที่ ๖ เขาก็ประกาศว่าอัญชะลีมาแล้ว ปองไม่ได้ขึ้นเวทีมานานแล้ว ตั้งแต่พันธมิตรครั้งที่ ๒ เลิก ได้แต่จัดในทีวี พอขึ้นเวทีคนก็บึ้มขึ้นมาเลย บันได ๖ ขั้นนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตปองให้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว มันไปไกลจนสุดกู่แล้ว"

"ทุกเช้า ปองจะเห็นคุณสุเทพตรวจตราที่ชุมนุมละเอียดยิบเลบ ทั้งอาหาร ส้วม เราได้เห็นนักเรียนนอกลูกผู้ลากมากดีอย่างณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เดินตัวดำเป็นเหนียง พุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ นักเรียนสวิส ทยา เอกณัฏ เข็ม-น้องเอกณัฏ แต่ละคนไปอยู่อังกฤษตั้งแต่สิบขวบ เป็นคุณหนู ปองเห็นลูกคุณหนูเดินในม็อบ จัดการดูแลส้วม อาหาร จานกรดาษ ช้อนพลาสติก การ์ด ขึ้นสิบล้อปราศัย ทุกเช้าตอนปองจัดรายการ คุณสุเทพจะซ้อนมอเตอร์ไซค์มาลงที่เต๊นท์ครัว เดินส่ายอาดๆ ไปเปิดฝาหมอแกง ประโยคที่ติดปากแกเลยคือ ถ้าแกเปิดหม้อแกง ถ้าตักขึ้นมาทัพพีนึงแล้วเห็นมีเนื้อสัตว์น้อย แกจะบอก ไอ้ลูกหมี เพราะลูกหมีดูครัวทั้งหมด มึงไปซื้อมาเติมเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าให้ประชาชนเขาด่ากู ไข่ต้มอีกแล้วเหรอ ทอดบ้างได้มั้ยล่ะ ครัวบอกไม่มีเงินไปซื้อน้ำมัน แกดูกระทั่งข้าว แกตักข้าวกินคำนึง นี่เอาข้าวอะไรมาหุง มึงไปซื้อข้าวดีๆ มาเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่มีสตางค์มาเอาสตางค์กูไป ส้วมเหม็น ถ้าแกเดินไปถ้ายังไม่ถึงส้วมแล้วมีกลิ่นลอยมา ไอ้ตั๊น มึงอย่าให้ประชาชนเขาด่ากู แกจะพอใจถ้าปเิดหม้อข้าวมาแล้วเม็ดข้าวเรียงสวย เดินไปดมห้องน้ำ โอเค ห้องน้ำหอมกรุ่นสะอาด น้ำท่าเรียบร้อย ผู้คนนอนกันอย่างดีในเต๊นท์ มีหมอน มีผ้าห่มเรียบร้อย"

"ไม่กลัวหรอกค่ะ สิ่งเดียวที่รู้สึกก็คือว่า มันไม่ยุติธรรม ปองพูดกับตัวเองตลอดว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะสิ่งที่เราทำมันไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของตัวเรา เราทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เราไม่ใช่คนเสียสละมากมายเลิศเลอ แล้วเราก็ไม่เคยฟูมฟาย หรือเรียกร้องอะไรจากการกระทำของเรา แต่เรารู้สึกมันไม่ยุติธรรมที่ออกหมายจับในพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วไม่ใช่ออกหมายจับอย่างเดียว ยังตั้งคณะไล่ล่าด้วย"

"เราต้องมีความหวัง ประเทศชาติจะต้องรองรับความฝันและความหวังของเราและลูกหลานเราได้ และไปแข่งกับคนอื่นได้ เราต้องไม่ตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับอาร์เจนติน่าที่จนกรอบ หรือไม่ต้องเป็นพลเมืองแบบฟิลิปปินส์ที่หนีไปทำงานเป็นคนใช้ในฮ่องกง ไปเป็นพยาบาลในอเมริกาทั้งๆ ที่มีความรู้มากมาย แทนที่จะอยู่ทำนุบำรุงประเทศ แล้วไม่อยากบ้านแตกสาแหรกขาดเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน"

"เมื่อก่อนเราถูกสอนให้ยกย่องคนดี แต่ตอนนี้คนไทยยกย่องคนมีเงิน โดยที่ไม่สนใจว่าเงินนั้นมาจากไหน บางคนทั้งที่รู้ว่าคนนี้ค้ายาเสพติด แต่ยังเฉิดฉายอยู่ในสังคม สื่อยังยกย่อง บางคนทุจริตคอร์รัปชั่นจากการโกงชาวนา โกงเด็ก โกงคนป่วยมา แต่คนก็ยังยกย่อง สังคมมันเปลี่ยนโฉมหน้าไปในวันที่เงินเข้ามามีบทบาท แล้วมันก็เปลี่ยนโฉมหน้าไปในวันที่เงินซื้อคนได้ พอเงินซื้อคนได้ คนถึงกลายเป็นปีศาจ"

"คนเราต้องรู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ เดี๋ยวนี้คนไม่รู้จักหนาที่ตัวเองและไม่รับผิดชอบ เงินทำให้คนแปรเปลี่ยน มันต้องเอามาตรฐานและภาพการใช้ชีวิตกลับคืนมา ไม่งั้นอนาคตเราลำบาก ประเทศไทยจะไม่ต่างไปจากฟิลิปปินส์ แล้วเราก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอก แต่เราไม่หนีไปไหน เราต้องอยู่ในประเทศไทย ฉะนั้นเราต้องจัดระเบียบบ้านเมืองด้วยตัวเรา ต้องสู้กับมันให้ได้ คนมันไม่ดีน่ะ ใครๆ ก็เห็นว่ามันไม่ดี แต่ทำยังไงให้มันลงได้"

"ที่สำคัญปองว่า คนจริง ใจจริงๆ จะชนะทุกสิ่ง ไม่มีแพ้ คนไทยไม่มีวันแพ้ คนดีไม่มีวันตาย คนไทยไม่มีวันแพ้ ปองมั่นใจ"

อัญชะลี ไพรีรัก
ส่วนหนึ่งของสัมภาษณ์
ในนิตยสาร ดิฉัน
มีนาคม ๒๕๕๗

_________________________________________________________

11 มี.ค.57 แฉ..ประธานแก๊งค์อั้งยี่แดงยอมรับถูกต้อนจนมุม พ้อสมุนหน้าตาไม่ดี

เมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มีบรรดา รก.รมต. อดีต ส.ส.บริษัทเผาไทย จำนวนหนึ่งเดินทางไปหาชายดูไบที่ปักกิ่ง ประเทศจีน เพื่อเลียและวางแผนเอาชนะรักษาอำนาจ โดยชายดูไบยังคงบังคับให้ปูเน่าอดทน อย่าลาออก และใช้มาตรการที่รุนแรงต่อฝ่ายต่อต้านต่อไป เพราะกลยุทธ์ก่อการร้ายสากลด้วยอาวุธ “ ผัวสั่ง เมียจ่าย น้องทำ ลูกแก้ตัวให้ “ ที่ผ่านมาถูกต้องแล้ว

ชายดูไบ เอ่ยปากยอมรับว่าตกอยู่ในสถานะเป็นรองยากลำบากโดนไล่ต้อนจนมุม และรู้ตัวว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาคงเป็นโมฆะ ให้ทำทุกวิธีที่บังคับพรรค ปชป.ให้ลงเลือกตั้งครั้งใหม่ให้ได้ เพราะมั่นใจว่าเลือกตั้งใหม่บริษัทเผาไทยก็สามารถใช้เงินซื้อเสียง หลอกต้มตุ๋นคนจน ให้ชนะได้อยู่ดี ( แต่ตอนนี้คนจนเขาเกลียดแดงทั้งแผ่นดินแล้วนะ)

แต่ยังประเมินว่าชายชุดเขียวจะไม่กล้ารัฐประหาร (ใช่รึ..ฮา) จึงสั่งการตรงให้แก๊งค์อั้งยี่แดง ขยายพื้นที่โจมตี และก่อวินาศกรรมในกรุงเทพฯ และปริมณทลให้กว้างขึ้น เพื่อให้กำลังชายชุดเขียวจากทัพภาค 1 กระจายกำลังให้มากที่สุด เพื่อลดทอนผลการปกป้องประชาชน

ชายดูไบ ได้บ่นตัดพ้อกับคนที่ไปพบว่า บริษัทเผาไทยมีคนเก่งๆ เยอะ ทั้งนักวิชาการ ด็อกเตอร์ ทูต แต่ไม่กล้าสู้กันเลย “คนหน้าตาดีไม่ออกมา พวกที่ออกมาหน้าตาไม่ค่อยดี “..(ฮ้าว..ฮา มีแต่นกแสก คางคก แรมบ๊อง พ่อไอ้ปื๊ด) คนจริงใจมีน้อย โดนวางยา เพราะหวังแต่เสวยอำนาจนานๆ..(รู้อีก ) ปูน่าไม่แข็ง คนรอบข้างไม่เป็นการเมือง คนที่เมืองไทย มันไม่ได้ดั่งใจ ( มันยิง M79 น้อยไปมั้ง..ว่าแล้วมันหักหลังลูกน้องทุกคน) ไม่เหมือนฝ่ายมวลชน กปปส.ที่มีคนมีความรู้ นักวิชาการออกมาเยอะแยะเลย (อันนี้จริง)

ส่วนพ่อไอ้ปื๊ด หลังจากลาหยุดไป 3 วัน ไปพบชายดูไบที่เมืองลอดช่อง รับงานภารกิจสำคัญ 2 อย่าคือ
- แผน 1 คือ สลายบังเกอร์ชายชุดเขียว เพื่อให้แก๊งค์อั้งยี่ยิงอาวุธวิถีโค้งใส่ผู้ชุมนุมได้
- แผน 2 คือ การขุ่มขู่คุกคาม ศาลไคฟง และองค์กรอิสระ แล้วไม่ให้ชายชุดเขียวไปคุ้มครอง

จากนั้นมันก็ไปพบเพื่อนลูกชายนักธุรกิจเมืองลอดช่อง ที่เอารถ Rolls-Royce มาฝากจอดที่บ้าน เรื่องการลงทุนการค้า และเป็นหุ้นส่วนธุรกิจท่าเรือ แล้วเป็ดเหลิม แห่งศูนย์รวมสัตว์ (ศรส.) ก็เดินตามแผนแรกทันที โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. สลายบังเกอร์ชายชุดเขียว เพื่อให้แก๊งค์อั้งยี่ยิงอาวุธวิถีโค้งใส่ผู้ชุมนุมได้

1.1 ร่วมกับนายพลป๊อบอาย เสธ.คัด ที่ติดตาม นักการเมืองลิง อดีตเคยสังกัด ศูนย์บู้พิเศษ และยังคงมีบ้านพักอยู่ภายในหน่วยที่เมืองลิง เขามักจะเข้าไปมีเอี่ยวฮั้วประมูลงาน และซุ้มมือปืน และมีส่วนพัวพันการวางและยิงระเบิด 8 จุด ใน กทม.

โดยจัดฉากให้เพื่อนไอ้ปึ๊ด ทำที่ติดต่อขอซื้ออาวุธอาวุธสงคราม M16 A1 พร้อมกระสุนเกือบ 2 พันนัด ปืนพกสั้น 11 มม. 1 กระบอก แก๊สน้ำตา 2 ลูก และแม็กบรรจุกระสุนปืน แบบสั้นและยาว พร้อมอาวุธปืน แล้วใช้ลูกน้องยศสิบ 2 คน ขนจากอุบล นำของใส่รถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อฟอร์ด สี่ประตู สีดำ ไปส่งของบนคอนโด อมันตา ลุมพินี ตึกสูง 61 ชั้น

จากนั้นก็ชี้เป้าให้ชายชุดดำคอยสะกัดจับ 2 สิบนั้น และรีบนำมาแถลงข่าว ถ่ายภาพ แชะๆ ๆ ครึกโครมทันที

1.2. ให้โกเต็กเจ้าเก่า ขึ้นเวทีระดมคนเสื้อแดง 20 คนมาฟัง ปลุกระดมให้คนกรุงเทพฯ เป็นล้าน บุกเข้ารื้อบังเกอร์ชายชุดเขียวรอบพื้นที่การชุมนุมของเวที กปปส.ทุกจุด (แล้วมันให้กำลังใจเอง) มันบอกว่าบังเกอร์ทำลายบรรยากาศของ กทม..มารื้อด้วยมือตนเองเลย โกเต็กเอ้ย!! จะได้มั่นใจว่าลมที่มันพัดผ่านรู ที่หัวและตัวหน่ะ มันเย็น..ฮา

1.3. เพื่อให้ดูเนียนเหมือนฝ่าเท้า พ่อไอ้ปืด มันยังมอบชายชุดดำยื่นคำร้องต่อศาลไคฟงรัฐธรรมนูญอีก อ้างมาตรา 68 ขอให้วินิจฉัยสั่งให้กลุ่ม กปปส.ยุติการชุมชุม เพราะไม่สงบ ปราศจากอาวุธ เป็นการล้มล้างการปกครองฯ โดยยื่นเอกสารจำนวน 30 หน้า พร้อมสำเนา 9 ชุด และภาพความรุนแรง ที่ปรากฏจากสื่อต่างๆ จำนวน 930 แฟ้ม ใส่ในกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ 60 กล่อง ด้วย..เออ..เอามันซิ

ไอ้ที่มันวางแผน และใช้ของหลวงมากมายหน่ะ ก็เพื่อให้ศาลฯ เห็นว่ามวลชน กปปส.มีอาวุธเต็มเลย ตัดจากหนังสือพิมพ์มาเพียบ ยิง M79 คนตายและเจ็บด้วย..อ้าว..ก็มันสั่งสมุนอันธพาลแดงมาก่อวินาศกรรมเองทั้งหมด มันยังด้านมาหลอกเปาบุ้นจิ้นอีก และแถมทำแบบนี้ ก็เพื่อดิสเครดิตชายชุดเขียว ว่าขายอาวุธ นิยมความรุนแรง ยกเลิกบังเกอร์ กดดันให้กลับเข้ากรมกองซะ..นะๆ..จะได้ให้ชายชุดดำฝ่ายชั่ว และแก๊งค์ก่อการร้ายสากลรับจ้าง มาใช้อาวุธ ป่วน กปปส. ได้สะดวกโยธิน !!

แต่บิ๊กสีเขียว ก็เข้าใจดีว่าเสื้อแดงคงเครียด ที่หาช่องโจมตีไม่ได้ถนัด อย่ากระนั้นเลย เอางี้สั่งให้ส่งกำลังพล เข้าควบคุมพื้นที่เคลื่อนไหวมวลชนฝ่ายเสื้อแดง และบล๊อคตึกชิน 3 ไปเลย จะได้ลบข้อครหา...ฮา แล้วก็ออกมายักคิ้วว่า ชายชุดเขียวดูแลทุกฝ่ายนะ ไม่ใช่ดูแลแต่ผู้ชุมนุม กปปส.เท่านั้น โดยเฉพาะเสื้อแดง ต้องส่งกำลังพลไปดูแลเป็นพิเศษให้หนำใจ ถ้าไม่พอให้แจ้งขอมาได้อีกนะ..จัดส่งไปเพิ่มได้อีกหลายพันคน..ฮา โดนย้อนเกล็ดซะแล้วเสื้อแดงเอ้ย !!

ส่วนพฤณ , สุเมธ , มนัส เปา , มนัส พรหม, เกียรติศักดิ์ , แจ๊ส ไม่ต้องน้อยใจ น้องๆ เขาช่วยตามประกบดูแลรักษาความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี จะเดินทางไปไหน ให้สื่อสารอะไรกัน น้องๆ เขาหวังดี เลยเกาะติดทุกระยะ เพื่อไม่ให้คลาดสายตา..ฮา

2. การขุ่มขู่คุกคาม ศาลไคฟง และองค์กรอิสระ แล้วไม่ให้ชายชุดเขียวไปคุ้มครอง

2.1 วันที่ 12 มี.ค. ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ จะวินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ว่าถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าอั้งยี่แพ้คดี ช่วงบ่าย ถึง กลางคืนเป็นต้นไป แมงเม่าแดงก็จะอาละวาดหนัก..และกินป๊อบกอร์นร้อนๆ หอมฉุย กันหลายตัว

2.2 วันที่ 13 มี.ค. เป็นต้นไปให้เครือข่าย กวป.ของโกเต็ก และแดงโคราช จะมาชุมนุมป่วนกดดัน ปปช.และศาลไคฟงฯ และหาจังหวะก่อเหตุรุนแรง และมีการข่าวลอดจากชายชุดดำฝ่ายดีมาว่า แก๊งค์ฮาร์ดคอร์กำลังมีแผนที่จะวางเพลิงเผา ป.ป.ช เพื่อทำลายหลักฐานเอกสารทุจจริต ของปูเน่า และของแก๊งค์อั้งยี่แดง เหมือนการเผาโกดังข้าวที่ผ่านๆ มา..แนะนำให้ผู้เกี่ยวข้องระวังเป็นพิเศษ

2.3 วันที่ 14 มี.ค.หรือ 17 มี.ค. ปึ้งเหม่งจะเชิญทูตประเทศต่าง ๆ มาแล้วจะร้องไห้โยเย ฟ้อง ว่า การชุมนุมของ กปปส.กระทบกับการเชื่อมั่นของต่างชาติ เลิกใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กันเถอะ

2.4 วันที่ 15 มี.ค. แรมบ๊อง (ผู้มีพี่ชาย เป็นแก๊งค์มอดไม้พะยูงเถื่อน ชื่อเชษฐ อายุ 58 ปี ที่ถูกจับได้และนำเงินสด 1.5 ล้านบาทติดสินบน) จะเปิดสมัครการ์ดกองโจรแบ่งแยกดินแดน อพปช.ในเขต กทม.และปริมณฑล มาลงชื่อรับค่าจ้าง คนละ 200 บาท และแจกเสื้อผ้าดำ 1 ชุด แล้วไปรับเงินจากหัวหน้าสายที่พามา เพื่อปกปิดไม่ให้ใครเห็นว่ามีการจ่ายเงินกัน..งานนี้คนเสื้อแดงถูกหลอกไปสมัครกับแรมบ๊อง มีรายชื่อในเอกสาร เป็นกบฏติดคุก ติดตารางอีกแล้ว..

2.5 วันที่ 15 มี.ค. กบฏแบ่งแยกดินแดน สปป.ล้านนา นกแสก และแก๊งค์ 18 มงกุฎคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ จะนัดชุมนุมมวลชนเสื้อแดงรับจ้าง โดยสร้างภาพให้เดินทางกันมาทั้งทางบกโดยรถ และทางเรือ ที่สนามกีฬา จ.อยุธยา สนนราคาจ้าง คือ 200 บาทต่อคน อยู่ถึงค่ำ และถ้าอยู่ดึก 500 บาท ใครเอารถพาคนมา ก็จ่ายเพิ่มคล้ายๆ ภาคเหนือและอีสาน เหมือนเคย

ที่นี่มีคนรับงานจัดคนไปม๊อบหลายคน เช่น เจ้าหน้าที่หญิงที่อยู่อนามัยสาสุขคนหนึ่ง ที่เคยรับงานจัดม๊อบทุกครั้งในเขตอยุธยา และ กทม. โดยช่วงชุมนุมปลาย พ.ย.56 ที่สนามรัชมังคลา เคยจัดคนขึ้นรถตู้มาหลายคัน แค่ชาวบ้านไม่กล้าลงจากรถ เพราะรู้ว่าแกนนำแดงหลอกมาตายอีกแน่ๆ รับเงินแล้วจึงขึ้นรถกลับอยุธยาทันที ส่งผลให้เจ้าหน้าที่คนนี้ ต้องคืนเงินให้แกนนำไปหลายแสนบาท..สุดท้ายเสื้อแดงที่มาก็ตายจริงๆ ไปหลายคน เพราะโดนการ์ดชุดดำยิง และเผากันเองจนตายคาในรถบัส..

งานนี้ข่าวว่าแกนนำแดง จะพยายามหาโอกาส ฆ่าพวกเดียวกันเองอีก แล้วโยนบาปให้ชายชุดเขียว และ กปปส.ตามมุกเดิม..ใครมีญาติแถวนั้นบอกต่อๆ ไปด้วย แกนนำเสื้อแดงจะหลอกไปฆ่าอีก อย่าเสี่ยงไปร่วม..เอ..แถวอยุธยา เศรษฐกิจดี พอจะขายข้าวโพด ให้แกนนำสัก 2 คนได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ !!

3. สถานการณ์น่าสนใจ

3.1 CNN สัมภาษณ์ปูเน่า กรณีเครื่องบินโบอิ้งมาเลย์ ตกหายไปในอ่าวไทย ปูเน่านายกเทียมฯ ทำท่า งงๆ แล้วตอบว่าไม่ทราบว่าเครื่องบินตก..เอื้อก..อับอายไปทั่วโลก เพราะขนาดไอ้จุก ไอ้แกละ แถวบ้านมันยังรู้กันหมดเลย

3.2 พ่อของเด็ก (เสือ เสื้อแดงมือขวาแจ๊ส) ที่ถูกแก๊งค์อั้งยี่แดงก่อการร้ายสากล ยิง M79 จากห้างพาราเดี้ยง มาใส่ตรงห้างบิ๊กซี่ถูกลูก มาติดต่ออดีต กปปส.คนหนึ่ง ขอความช่วยเหลือที่รัฐแดงหักหลัง ยังไม่จ่ายเงินเยียวยาลูก 7.5 ล้าน คูณ 2 คน = 15 ล้าน..อ้าว..ตอนแรก กปปส.เขาจะช่วยแต่ไม่เอาไง ไปหาแจ๊สที่เมียหลวงอยู่กับริดสีดวงซิ เขาเป็นกิ๊กกับปิ๊กนะ..!!

3.3 วันที่ 11 มี.ค. เวลา 22.50 น. แก๊งแดง ปาระเบิดใกล้ห้างโลตัส แจ้งวัฒนะ ห่างเวที กปปส. 500 เมตร ไม่มีคนเจ็บ และ เวลา 05.20 น. เกิดเหตุระเบิด ในพื้นที่ชุมนุมสวนลุม บริเวณระหว่างประตู 4-5 ล่าสุดอาการปลอดภัย การ์ดขึงตาข่ายกั้นตรงบริเวณเต้นท์สื่อ หลังเวทีสวนลุม เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดีลอบทำร้าย เพราะจุดอ่อนของอาวุธยิงวิถีโค้ง M79 คือ เป็นอาวุธที่แพ้ตาข่าย

3.4 หลวงปู่พุทธอิสระ นำข้าวเปลือก 2 รถบรรทุก ของชาวนาที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่เขานำไปขาย แล้วถูกลานรับซื้อข้าวอายัดเอาไว้ชำระหนี้ เงินต้น ดอกเบี้ย ไปเทหน้า ธกส.สำนักงานใหญ่ บอกเอามาขายให้ แล้วบริจาคเงินให้ ธกส. 15,000 บาท แต่มีข้อแม้แกมมัดมือชกว่า ต้องซื้อข้าว 24 ตัน ที่เทอยู่ด้วย..ฮา!! จน ธกส. ยอมจ่ายเงินค่าข้าวเปลือก 20 ตัน ในราคา 8,000 บาทต่อตัน รวมเป็นเงินประมาณ 2 แสนบาท ทำให้ชาวนายังคงเหลือหนี้อีก 60,000 กว่าบาท !! หลวงปูนำชาวนากลับแจ้งวัฒนะ

3.5 กองทัพชายชุดเขียว
- ที่พลม้า 2 รอ. จะออกให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบภัยแล้ง
- ทัพภาค 3 เริ่มต้นตั้งด่านตรวจทั่วจังหวัดภาคเหนือ ตรวจการเคลื่อนไหวของกบฎแบ่งแยกแผ่นดิน สปป.ล้านนา คาดว่าในพื้นที่ทัพภาคที่ 2 คงจะเริ่มที่อีสานเช่นเดียวกัน
- เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงชายชุดเขียว ตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของกำลังพล พันสื่อสารที่ 13 . พันราบที่ 2 ราบ 1 รอ. , พันปืนใหญ่ที่ 21 และพันม้าที่ 30 ที่ดูแลประชาชน มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 56 ที่ผ่านมา พร้อมนำของใช้ และขนม มอบให้กำลังใจ และบิ๊กชายชุดเขียวผู้ไม่ยิ้ม ฝากความห่วงใยและขอบคุณกำลังพล ที่ได้ทำงานอย่างหนัก คลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนมาเป็นระยะเวลาถึง 4 เดือน ขอให้ทุกคนภูมิใจ ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ที่ติดตัวไปตลอด
- ใน กทม.มีประช่าชนเอาเครื่องดื่ม ขนม อาหาร บรรจุเสร็จ (ป้องกันการลอบทำร้าย) ไปมอบให้ชายชุดเขียวตามบังเกอร์ต่างๆ เกือบ 200 จุด..แล้วส่งสายตายิ้มหวานให้แก่กัน..บังเกอร์บางจุด มีการประดับประดาสวยงาม และปลูกต้นข้าวโพด ฝักเบ่อเหร่อ จำนวนหลายต้น ที่หน้าบังเกอร์ด้วย เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนอย่างมาก..เอ..จะสื่อสารอะไรไปถึงแมงเม่าแดงไหมหนอ..ฮา
- ที่ด้านหน้าศาลแพ่ง ศาลอาญา และกรมส่งเสริมการค้าฯ ที่เคยถูกแก๊งค์อั้งยี่แดง วางระเบิดและยิง M-79 ใส่ พัน ปตอ.ที่ 1 รอ.และ พัน สห.ที่ 11 จัดจุดตรวจความมั่นคงคอยดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และชุดแพทย์ พยาบาล มาคอย ดูแลการจราจร และแจกจ่ายเวชภัณฑ์ ให้กับประชาชนที่เจ็บป่วย..ยินดีต้อนรับสาวๆ ที่จู่จะมาแกล้งเป็นลมแถวนั้นทุกคน..ฮา

มีคำของผู้การแดง ที่เข้าไปขอคืนพื้นที่การชุมนุมคนเสื้อแดง และโดนกองกำลังอาวุธทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ขาเกือบขาดเมื่อปี 53 พูดไว้อย่างน่าสนใจว่า '' ต่อไปนี้หากมีสิ่งใดหรือการกระทำจากบุคคลใดก็ตามที่จะกระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เราจะออกมาตอบโต้ทันที เป็นสิ่งเดียวที่เราไม่ยอมโดยเด็ดขาด ในฐานะของทหารรักษาพระองค์ ในฐานะทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นนายทหาร นายสิบ และพลทหาร อย่ามีสิ่งใดระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เราจะไม่ยอมเด็ดขาด..''

เสธ ฝันว่า ช่วง วันที่ 12 - 23 มี.ค. นี้ ชายชุดเขียวจำนวนมาก จะมีการจัดทัศนศึกษา ของกำลังพล และรถคั่วข้าวโพด รถขายไอติมหุ้มเกราะ ตะลิ๋วคั่วข้าวโพด ปริมาณมากมายมหาศาล ทางรถยนต์ ผ่านย่านเกียกกาย วิภาวดีรังสิต พหลโยธิน วังน้อย แจ้งวัฒนะ ศรีสมาน ทางด่วนอุดรรัถยา บางปะอิน ทางรถไฟย่านพหลโยธิน โคกกระเทียม..งานนี้คงได้ศึกษาหาความรู้กันครึกโครม ตูมตาม น่าดู..ฮา

แกนนำเสื้อแดง ยังคงใช้วิธีการ โฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวง ยุยง จ้าง ชาวบ้าน ซึ่งวิธีการที่ทำอยู่ใช้ใด้สมัยสงครามเย็นยุคคอมมิวนิสต์ มันใช้ไม่ใด้แน่นอนในยุคนี้ ที่ต้องใช้ความจริง ทุกอย่างที่แกนนำพูดออกมา ประชาชนเขาก็มีทีวีให้เลือกดู มีเฟส เปรียบเทียบ ชาวบ้าน ชาวนาถึงแม้เขาจะโดนบริษัทเผาไทย โกงชักดาบค่าจำนำข้าวทั้งแผ่นดิน แต่เขาก็ยังกินข้าว ทำให้ฉลาด

แต่พวกแกนนำ นปช.ยังแดกแต่ฟางข้าว สมองจึงกลวง เพราะขาดวิตามิน ที่ผ่านมามันจึงแสดงประจักษ์ ให้เห็นแล้วว่าว่า สิ่งที่แก๊งค์ 18 มงกุฎคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ทำ ได้ตีกลับทำลายบริษัทเผาไทย ด้วยกันเองจนย่อยยับพินาศ จนเดี๋ยวนี้แทบจะกลายเป็น “ เขตปลอดคนเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน “ อยู่แล้ว ประชาธิปไตยที่ซื้อและจ้างมา..มันไม่ใช่ประชาธิปไตย เงินซื้อได้ทุกอย่าง..ยกเว้นแค่ความฉลาดเท่านั้น !!

แต่ถ้าทุยแดง ยังอยากยอมโง่ ให้แกนนำเลวแล้วรวยหลอก กินฟางข้าวอยู่ ก็เอาวะ..ไหนๆ ก็ชอบแถสีข้างกันนัก ขอคิดวาทะกรรมเล่นด้วยคนสัก 3 ประเด็น นะ คือ

ภัยแล้งเกิดจากหญิงกระบังลมสั่งกราดยิง M16 ใส่บ้านประชาชนไทย ,
ชาวนาไม่ได้เงินจำนำข้าว เกิดจากเสื้อแดงยิง M79 ใส่ศาล และมวลมหาประชาชน ,
ข้าวราคาตก เพราะ นปช.ประกาศแบ่งแยกประเทศ สปป.ล้านนา..เออ..เอาบ้างซิ

หัวเราะกันให้เหงือกแห้ง และกันไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง..ฮา

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai

______________________________________________________
ไฟล์แนบ
13มีค57_6.jpg
13มีค57_6.jpg (42.72 KiB) เข้าดูแล้ว 451 ครั้ง
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

31 มี.ค.57 เปิดโปง..พิษปูเน่ากาลีบ้าน กาลีเมือง มันหนักหนา พาสมุนพินาศสิ้น

ตามทราบหลายคนทราบแล้วว่าชายดูไบ มีความเชื่อเรื่องคุณไสยทางพราหมณ์มาก เขาจะต้องมีการใช้หมอดูเพื่อแก้เคล็ด หรือสะกดสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เนืองๆ เช่น ในสมัยที่ชายดูไบเป็นนายกฯ ได้มีการสั่งย้ายศาลพระภูมิจากด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ย้ายไปยังด้านซ้ายของตัวตึก จนถูกถีบตกจากอำนาจ ออกจากตึกไทยคู่ฟ้าอย่างไม่มีวันกลับ เขาจึงพยายามแก้ของด้วยพิธีกรรมอื่นๆ หลายทาง เช่น การเดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่ในระดับเทพ หรือระดับเจ้าหัวเมือง อยู่หลายครั้ง ที่ผ่านมาก็ในพม่า ช่วงนี้ก็ที่ลาว

เมื่อคราเผาเมืองปี 53 อเวจีแดง นำพราหมณ์จากเมืองคอน ทำพิธีเทราดเลือดที่ธรณีประตูทางเข้า-ออก เป็นรูปกากบาท และใช้เท้าที่ชุ่มไปด้วยเลือด ยกขึ้นมายันเสาประตู หมายเลข 1 และ 2 ทางเข้าทำเนียบ ของตึกไกรสรไทยคู่ฟ้า เพื่อให้ชายดูไบ สามารถกลับเข้าทำเนียบได้อีกครั้ง อีกทั้งบริเวณทางเข้า-ออก นี้ เป็นเส้นทางเสด็จฯ เข้า-ออก ของพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกครั้งที่มีพิธีการสำคัญ ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย การทำพิธีครั้งนั้นคือเขาต้องต่อสู้ และยันคุณไสยสถาบันเบื้องสูงนั่นเอง แต่การกระทำของสมุนอเวจีแดงครั้งนั้น มีเจ้าหน้าที่จากกองอาคารสถานที่ มาเฝ้าจับตาดู จากนั้นได้รีบทำพิธีแก้ของโดยทันที

ตอนเขาไปพม่า ที่ปรึกษาฝ่ายไสยศาสตร์หม่อง ได้ดูดวงว่าปูเน่าต้องเข้าเหยียบทำเนียบให้ได้ภายใน 19 ก.พ.57 เพื่อไปทำพิธีแก้อาถรรพ์ มนต์ดำ กับพระพรหมหน้าตักกว้าง 24 นิ้ว ที่ประดิษฐานอยู่บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า จากปกติปิดสีทอง ปูเน่าต้องเอาสีชาดไปทาบนองค์พระพรหมทำให้เป็นสีแดงทั้งองค์ ถ้าทำไม่สำเร็จจะหลุดจากตำแหน่งนายก และถึงขั้นตายยกแผง หรือ ตายทั้งโคตร รวมทั้งชายดูไบจะกลับไทยไม่ได้อีกตลอดไป

เขาจึงสไกป์จี้มาสั่งพ่อไอ้ปื๊ดยิ๊กๆ ว่าต้องสลายการชุมนุมมวลมหาประชาชนให้ได้ก่อน 18 ก.พ.57 ดังนั้นจึงเห็นเป็ดเหลิมเริ่มแผนชั่ว สั่งสลายการชุมนุมในวันพระที่ 14 ก.พ.57 จนนักรบผ้าขาวม้าขู่ไปเปรี้ยงหนึ่งที่แจ้งวัฒนะ และมีโทรศัพท์ลึกลับไปบอกว่าวันนี้ “ ไฟแดง “ พร้อมขนรถคั่วข้าวโพดกันคึ่กๆ เข้ามาจากสระบุรี และที่เป้ดเหลิมลุยไปจับง่ามหนังสติ๊กได้นิดหน่อยที่จุด คปท.แล้วตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่ จนโดนระเบิดปิงปองลงใกล้ๆ จุดแถลงข่าว วิ่งหางจุกตูดอับอายข้ามกาแลคซี่ไปนั่นแหละ

ต่อมาชายดูไบก็ขันเกลียวเชนาะเป็ดหลิมยิ๊กๆ อีก ให้เปิดทางเข้าทำเนียบให้ปูเน่าให้ได้ก่อน 18 ก.พ.57 แถมปูเน่าลงทุนจี้เป็ดเหลิมอีกทาง ถามเป้ดเหลิมว่าจะเข้าทำเนียบเร็วสุดได้เมื่อไรทัน 19 ก.พ.57 ไหม ช่วงนี้แหละที่ให้คากคกตู่ ออกมาขย่มจะปลดเป็ดเหลิมทุกวันช่วงนั้น ว่า “ ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวออกไป “ เพื่อกดดันเป็ดเหลิมอีกทาง จน วันที่ 18 ก.พ.57 เป็ดเหลิมต้องใช้กำลังชายชุดดำ 2.8 หมื่นคน มาบุกตลุย และเกิดการปะทะกับนักรบป๊อบคอร์น 3 หมู่ จนแตกพ่ายกระจายไปนั่นแหละ

ผลจากเข้าไปทำพิธีคุณไสย์ในทำเนียบไม่ได้ครั้งนั้น ก็ส่งผลร้ายต่อปูเน่าสารพัดเรื่อยมา จนถึงขนาดหายตัวลึกลับไปอยู่เซพเฮ้าส์คอนโดกลางเมือง และสลับที่นอนไปเรื่อยๆ ไม่มีใครพบถึงราว 4-5 วัน โดยการบริหารประเทศผ่านทางเฟสบุ๊ก และเผชิญเหตุการณ์ร้ายหนักขึ้นเรื่อย ๆ เช่น

- ปปช.ชี้มูล นิชิน ประธานวุฒิ จนต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่กลางอากาศ , ตามมาด้วยขุนค้อน ประธาน ส.ส. และคิวต่อไป คือ ปูเน่า และลูกสมุน ที่ช่วยกันชักดาบเงินจำนำข้าวชาวนา และไซฟ่อนเงินออกไปฮ่องกง และเจ๊ ด.แดกข้าว นำเงิน 1 หมื่นล้านไปจดทะเบียนใหม่กับ กกต. ชื่อ บริษัทเพื่อประเทศไทยใหม่ รองรับการถูกยุบบริษัทเผาไทย

- ศาลไคฟงแพ่ง คุ้มครอง 9 ข้อ มวลมหาประชาประชาชน จนเป็ดเหลิมทำอะไรไม่ได้ ต้องนั่งดื่มไวน์อักๆๆ กับสมุนเลขา รมต.จับกัง เพื่อวางแผนร้าย สลายการชุมนุมรอบใหม่ก่อนสงกรานต์ (ไม่เข็ดอีก สั่งลูกน้องชายชุดดำมาตายอีกแล้ว)

- ศาลไคฟงอาญา รับฟ้องปูเน่า และสมุน ข้อหาสั่งฆ่าประชาชนตาย พยายามฆ่า และทำร้ายร่างกาย ในการสั่งสลายการชุมนุม 18 ก.พ.57 เพื่อจะเข้าไปทาสีแดงพระพรหม , ไม่อนุมัติหมายจับ ตามที่ชายชุดดำ และริดสีดวงขอไป อีกแทบทุกหมาย , คุ้มครองสาธิต ที่ถูกเนรเทศ , ให้ประกันแกนนำ และประชาชน ตามสิทธิที่ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญเคยตัดสินไว้ ฯลฯ

- ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ มีมติว่า พรบ.กู้ชาตินี้ใช้ชาติหน้า เป็นโฆฆะ ลาบลอยต่างๆ หายวับ และเสียเครดิต ที่ไปรับปากกับหลายประเทศไว้ จนเขาเลิกคบกันไปทั่ว , และมีมติว่า การเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะ ทุยแดงลงไปดิ้นๆๆ ในปลักโคลนโคลนกันทั้งแผ่นดิน จนบัดนี้ยังไม่เลิก งมโข่งขนาดไปแจ้งความกันที่โรงพัก เอาผิดเปาบุ้นจิ้นฯ หลายแห่ง เฮ้อ..มันทำได้ที่ไหนล่ะนั่น ไปดูข้อกฎหมายซะบ้าง มิน่าพวกที่ไปแจ้งความที่กองปราบ ชายชุดดำเขาไล่ตะเพิดออกมา เพราะคิดว่าพวกนี่ไปล้อเขาเล่น ในวันโกหกโลก

- มวลชนทุยแดงรับจ้าง จัดงานหวังให้เป็นลาวาแดง ที่อุดร ขอนแก่น เชียงใหม่ อยุธยา พัทยา ควักตังเติมเงิน หมดไปเกือบ 2 พันล้าน..ทุยแดงรับเงินแล้วกลับบ้านโลด กลายสภาพเป็นมวลมหาขยะแทนตัวคน จากลาวาแดงกลาย..เป็นประจำเดือนปริบๆ

- เปิดตัว สปป.ล้านนา ออกมาครึกโครม ด้วยปืน 10 ล้านกระบอก แอบติดป้ายไปทั่ว ชั่วข้ามคืน โดนประชาชนชักธงรบใส่ซะเอง ไปรุมกระชากป้ายแบบนี้ทิ้ง เอาไปห่อขี้ควาย แล้วขึ้นป้ายใหม่สวนที่เยอะกว่าว่า ต่อต้านการแบ่งแยกดินแดน พรึบเดียวทั่วประเทศไปหมด , ชายชุดเขียวเอง ก็งัดเอาอำนาจ กอ.รมน.มาไล่บี้ จนแก๊งค์นี้เหมือนหมาโดนสาดน้ำร้อน เหวอหนีตาย..ออกมาแก้ตัวว่าน้อยใจ มุกนี้จาก สปป.ล้านนา..กลายเป็นเพียงร้านอาหาร อีสานล้านนาไปอีก

- จะขอกู้เงินแบ๊งค์ไหน ไปจ่ายเงินจำนำข้าวที่ชักดาบชาวนามา ก็ไม่มีใครกล้าให้กู้ วิ่งหนีกันป่าราบ เพราะรู้ว่าไม่มีทางได้เงินคืนแน่ๆ เพราะขนาดชายดูไบ กับปูเน่า ไปทำบุญที่เชียงใหม่ ให้วัดออกค่าใช้จ่ายไปก่อน แค่นี้ยังชักดาบวัด ไม่เคยจ่ายคืนเขาเลยสักบาทจนบัดนี้

- ริดสีดวง จอมจับจู๋ จิ๋ม ปลอม เมียน้อยชื่อไก่ ก็โดนย้อนเกล็ดอีรุงตุงนัง เพราะดันให้เมียไปสร้างรีสอร์ทรุกที่ป่าสงวน ที่โคราช และไม่ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างอีก มายื่นย้อนหลังก็ไม่มีใครกล้าเซ็นต์ ตอนนี้คดีความก็เดินหน้าไปอยู่ และมีคดีของริดสีดวง ที่โดนฟ้องอาญาคาศาลอีกไม่ต่ำกว่า 1,000 คดี ถ้ารวมโทษติดคุกทุกคดีรวมกัน จะตกราว 1 แสนปี

- ปูเน่าก็ตกรถ ก้นจ้ำเบ้า จนบางวันไปเที่ยวก็เดินได้ แต่ถ้าวันไหนต้องมีเรื่องหนักๆ ก็จะเดินไม่ได้ขึ้นมาทันทีต้องนั่งรถเข็น หวยเลขท้ายรถที่เคยใบ้แม่น งวดนี้ทุยแดงก็กระเป๋าฉีกกันระนาว นั่งเอาเท้าก่ายหน้าผาก (แต่ของ เสธ ครั้งก่อนใบ้เลข 8 แม่นกว่า..เพราะโดนทั้งรางวัลที่ 1 และ 3 ตัวท้ายเลย..ฮา)

- หมดท่าขึ้นมา ก็หันไปใช้บริการแก๊งค์แดง กวป.ยิง M79 ไปทั่ว สุดท้ายโดนย้อนเกร็ด ชายชุดเขียวปล่อยพลังลมปราญ เชิญผู้การโอ๋กลับใจ และ ผกก.นนท์ เข้าไปกินกาแฟขมๆ ที่ พล.1รอ.ต่อมาในคืนนั้นเอง ก็เกิดมหกรรมจับแก๊งค์แดง กวป.คาหนังคาเขา พร้อมปืน M79 , ระเบิด RGD-5 , อาวุธปืนยิงสุทิน และคลังแสงอีกมหาศาล และห้ามประกันตัว แม้ว่า กวป.ขู่ว่าจะมาเผา และปล้นโรงพักนนท์ ชิงเอาคลังแสงคืน ตำรวจนนท์ ก็บ่ยั่น..ไล่ตะเพิดออกไปทันที !!..จนทำให้ศูนย์เพาะพันธ์สัตว์ของเป็ดเหลิม และริดสีดวง ใบ้แดกมาจนถึงปัจจุบัน ต้องให้โฆษกหญิง ออกมาแถเรื่องเศรษฐกิจไปโน่น..จนป่านนี้ย้อย กับมีวันนี้เพราะพี่ให้ ก็มึนแดก เพราะทุยแดงก็ด่าๆๆ ดิ้นๆๆๆ ตีอกชกตัว โหยหวน หวีดร้อง เหมือนเปรตโดนข้าวสารเสก ที่ ผกก.นนท์ ไม่ยอมให้มือปืนยิง M79 ใส่ศาล , ศรส., ปปช. และมือยิงสุทิน บางนา ประกันตัวไป แก๊งค์ชายชุดดำฝ่ายชั่วกลัวเสียมวลชนทุยแดงไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะว่า..ลมมันเย็น..(ฮา)

- พอเช้าวันต่อมาหลังแก๊งค์ กวป. 4 คน ถูกจับ ยังมึนไม่หาย ต่ออารมณ์ไม่ติด และเหวอๆ อยู่ หลวงปู่พุทธอิสระก็ชิงไปตลบหลังอีก นำรถแทรกเตอร์ และมวลชนชาวนา เข้าไปไถดันรื้อบังเกอร์ และยางรถยนต์แก๊งค์ กวป.ที่หน้าวังเดิมพระบรม (ป.ป.ช.) จนพวกนี้ที่ยังไม่ทันตั้งหลัก มีเพียงหรอมแหรม เพราะเติมเงินทุยแดงไม่ทัน..(ฮา..เงินของท่านหมดแล้ว โปรดเติมเงินด่วน) ต้องวิ่งกระเจิงเหมือนผึ้งแตกรัง แต่ไม่วายชั่ว ยิงปืนใส่มวลชนหลวงปู่ จึงโดนสันติอหิงสวน บรรเลงดนตรีพื้นบ้าน เสียงดัง ตุ๊บ พลั่ก โพล๊ะ จนจับการ์ด กวป.ได้ 2 คน ท่ามกลางหน้าตาบวมปูด ร่างกายฟกช้ำ เสธ คิดว่ามันคงสำนึกผิดน่ะ เลยเอาหัว หน้าตัวเอง โขกที่พื้นถนน..ส่วนพวกที่เหลือ วิ่งหนีหลายพันตีน เข้าไปในร้านอาหาร “ กินน้ำ” แถวหน้าวังเดิมพระบรม ( ป.ป.ช.) ที่ร้านนี้เจ้าของคือ เจ้าของมุ้งวังน้ำยม หูแหว่งเล่นบอลสุโขทัย ที่ชอบย้ายพรรค ทำให้แก๊งค์ กวป.หนีออกไปทางด้านหลังร้านได้ รอดการฟังดนตรีพื้นบ้านไปได้หวุดหวิด..ใครช่วยไปอุดหนุนร้านนี้ให้ถึงใจสุดๆ หน่อยนะ..เอาแค่ไม่เข้าร้านนี้สัก 50 ปีก็พอ..อย่านานนัก..ฮา

- อับดุล ที่โดนมนต์เขียวเป่ากระหม่อมยังมึนไม่หาย ต่อมาก็โดนรุ่นพี่ พระที่นับถือ แม่ ขอร้องแกมบังคับอีก และอาจได้ตำแหน่งสำคัญหลังเกษียณเชิดชูตระกูลไปตลอดชีวิต สั่งชายชุดดำฝ่ายดีรุกหนัก จับคลังแสงญาติเป็ดเหลิมบ้าง ไล่จับลูกน้องโกเต็กบ้าง จับอาวุธที่อุบลฯ ที่จะเอามาแยกประกอบระเบิดแสวงเครื่องบ้าง เป็นแบ็คให้ลูกน้องฝ่ายดีสายตรงบ้าง ไม่ให้ย้อย กับชายชุดดำฝ่ายชั่ว ไปทำอะไรได้ถนัด ทำให้ลูกน้องฝ่ายดี ทำงานได้สะดวกขึ้นเพราะมีแบ็คดี จึงลุยจับทุยแดงพกอาวุธ ไม่เว้นแต่ละวัน

- ใช้ให้แก๊งค์ กวป.ทำระเบิดแสวงเครื่องไปโยนใส่คนอื่น ไอ้คนหนึ่งที่เคยไปถีบพระที่หน้า ปปช.ก็ดันอยู่ในแก๊งค์นั้น ระเบิดที่พกในย่ามจะไปโยนใส่คนอื่น ดันทำงานก่อนระเบิดตูมใส่ตัวเอง ตายไป 2 คนรวด ร่างกายขาดครึ่ง แขนขากระจายไปคนละทิศละทาง เหมือนขาที่ถีบพระนั้นไม่มีผิด..” ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตาย”..เอ..วันนั้นรุมกระทืบพระองค์นี้ด้วยกัน ราว 15 คน นี่นะ..พวกที่เหลือก็นะ..อืมม..กุสะลาธรรมมา..ฮา

เขาเรียกกรรมร่วม พอคนแรกตาย คนที่เหลือก็ต้องตายหมดเร็วๆ นี้แหละ อาจโดนยิงตายจากพวกเดียวกันบ้าง ระเบิดตกใส่กันเองเวลาไปชุมนุมบ้าง ฯลฯ ไม่มีทางรอดหรอก ญาติๆ เพื่อนๆ มันพวกนี้รีบๆ ให้มันกินของอร่อยๆ นะ..เพราะเดี๋ยวก็ต้องทำบุญของอร่อยๆ ตามไปให้ทุกวันพระในนรกแล้ว..ไม่รอดแน่ๆ !!..ทุยแดงขวัญกระเจิง กระจายหมดแร้ววว..ฮา

- รังผลิตระเบิดซอยราษฎร์อุทิศ 25 มีนบุรี ของอดีต สส.เผาไทย ที่นำเขมรมาลงคะแนนนี้น่ะ มันเป็นแก๊งเดียวกับ “สมัย แดงเชียงใหม่” ที่เคยเช่าห้อง 202 สมานเมตตาแมนชั่น 5 ชั้น ตลาดบางบัวทอง เมื่อปี 53 เป็นที่เก็บ หรือประกอบระเบิดแสวงเครื่อง TNT น้ำหนัก 10 กก. แต่เกิดพลาด กรรมทำงานก่อนชนวนซะอีก ระเบิดทำงานตูมขึ้น ตาย 4 ราย จนตึกถล่ม..ในห้องที่เกิดเหตุยังพบซาก CD ที่เขียนปกว่า "รัฐไทยใหม่" กว่า 100 แผ่น..เลยกลายเป็นไปดู CD ในชาติใหม่แทน !! ไอ้พวกทุยแดงที่คิดจะแยกดินแดน สปป.ล้านนา จากประเทศไทยที่ศักดิ์สิทธิ์พวกนี้ ร่างกายพวกมันก็ต้องถูกกรรมแยกชิ้นส่วนเหมือนกัน..พวกนี้ไม่มีทางรอดแน่นอน..กรรมเดี๋ยวนี้มันเร็วขนาดติดระเบิดแล้ว พวกที่ไปชุมนุมกับทุยแดงก็จะโดนระเบิด ที่พวกการ์ดมันพกเข้าไปเองนั่นแหละ..ตูม..ขา แขน กระเด็น ลอยขึ้นไปบนเวที !!

- จำอันธพาลแดงกร่าง “อ้วน บัวใหญ่ ” ที่เป็นเสื้อแดงฮาร์ดคอร์จากโคราช ปี 53 ได้ไหม มันนี่แหละเป็นแกนนำ ร่วมกับยัพสิงห์บุรี พาทุยแดงบุกโรงพยาบาลจุฬา จนคนไข้ตกใจจ้าละหวั่น จนต้องย้ายพระสังฆราชที่กำลังป่วยไป รพ.อื่น..บาปกรรมแท้ๆ ต่อมาในวันที่ กีร์ อมฮอลล์ เล่นปาหี่ตะกายตึก กับชายชุดดำฝ่ายชั่ว ที่โรงแรมชายดูไบ ที่ลวงปู่ไปจองและได้เงินค่าเสียหายคืน ที่นนทบุรี (ที่ชายดูไบ ไปหลอกตบทรัพย์เขามา แลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีค้าขาย ด้วยวงเงิน 250 ล้านบาท )..อ้วน บัวใหญ่ ได้พา กี้ร์ตะกายตึก แหกวงล้อมชายชุดดำฝ่ายชั่ว แต่บังเอิญแสดงบทโอเวอร์เกินเหตุ คือ ไปตบหน้าชายชุดดำนายพลโทคนหนึ่ง ต่อหน้ากล้อง TV โชว์กร่างคนไทยไปทั่วประเทศ ต่อมาอ้วน บัวใหญ่ ก็พาทุยแดงจำนวนหลายร้อย บุกบ้านนักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่โคราช โดยมีเป้าหมาย “เผาให้ราบ” ครั้นชายชุดดำโคราชยกมาระงับเหตุ อ้วน บัวใหญ่ ก็ชักปืนจ่อที่หัวนายพลชายชุดดำคนหนึ่ง โชว์กร่างคนไทยทั้งประเทศอีก !!...สองเดือนต่อมา อ้วน บัวใหญ่ ถูกนักรบปริศนายิงทิ้งอยู่ข้างถนนเหมือนหมาขี้เรื้อน จนถึงบัดนี้ผ่านมาแล้วหลายปี ยังจับมือใครดมไม่ได้ ตายฟรีเหมือนเสธ..แดง

- ตอนนี้ทุยแดงตาสว่างกันเยอะแล้ว..เริ่มปิดปาก แฉ แก๊งค์เลวแล้วรวย ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนนี้แฉเรื่องแดงฆ่ากันเองมาอีกแล้ว เมื่อนายทองสุก และนางสงวน แปน้อย ชาว จ.ขอนแก่น ที่เป็นพ่อ แม่ ของ นายยืนยง แปน้อย อายุ 33 ปี ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ กลางเวทีการชุมนุมของทุยแดง นปช. ที่ย่านราชประสงค์ เมื่อปี 2553 เพราะต่อมามีผู้พบศพนายยืนยง ถูกอุ้มมายิงทิ้งในเขตท้องที่ สภ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี..หนึ่งในอดีตการ์ดแดง นปช. ที่เคยไปร่วมชุมนุม ปี 53 แต่ตอนนี้กลับใจแล้ว ได้เดินทางไปเป็นพยานบุคคล กับชายชุดดำ สภ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เพื่อยืนยันว่าผู้ตายที่พบเป็นการ์ดของกลุ่มแดง นปช. ที่ถูกส่งตัวเข้ามาช่วยคนเสื้อแดง ที่เวทีราชประสงค์ในกรุงเทพฯ เมื่อครั้งการชุมนุม เผาเมืองปี 2553 ต่อมาเกิดการขัดแย้งผลประโยชน์ ภายในกลุ่มแกนนำ นปช. ที่ผู้ตายได้ไปล่วงรู้ความลับมากจนเกินไป ในการอมหัวคิวมหาศาลของแก๊งค์แดง นปช. ( กีร์ อมฮอล์ ช่วงชุมนุมหลายเดือนนั้น ได้เงินค่าจ้างเดือนละ 1.5 ล้านบาท )

แกนนำเลวแล้วรวย จึงสั่งการ์ด นปช.ทั้งหมด 6 คน ร่วมกันอุ้มตัว นายยืนยง ไปที่บริเวณริมสระน้ำขนาดใหญ่ กลางสวนของ บ. เอฟพีที ในเส้นทางเข้าสู่หมู่บ้านดงไชยมัน ห่างจากถนนสาย ประจันตคาม-บ้านโคกขวาง ประมาณ 500 เมตร เขตพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 10 บ้านโคกไข่เต่า ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี แล้วจ่อยิงด้วยปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 7 นัด เข้าที่หัว 5 นัด ทางด้านหลัง 2 นัด ในตัวพกเครื่องรางของขลังติดตัว เป็นตะกรุด 1 เส้นยังเอาไม่อยู่..จนตอนเช้าในวันที่ 4 ต.ค.53 มีชาวบ้านพบกลายเป็นศพ ตรงนั้นเอง

พวกแก๊งค์อั้งยี่แดงนี่ การหักหลังผลประโยชน์ แล้วยิงพวกเดียวกันเอง มันเป็นเรื่องปกติ และเกิดขึ้นมานานแล้ว ดังนั้นชายดูไบ จึงต้องสั่งฆ่าขวัญควาย (พอไม่ตาย จึงร่วมกับนกแสก และวาดะห์หาแพะมาแทน) คิวรายต่อไปดังๆ ก็คากคกตู่ ใส้เดือนเต้น แรมบ้า กีร์ ครูใหญ่โรงเรียน นปช.ที่จ้างยิงวัดพระแก้ว , ทุบพระพรหมเอราวัน ฯลฯ และอีกหลายคนคงต้องถูกยิงบ้าง บอมกันเองบ้าง จนตายเป็นกอง ไม่รอดก็งานนี้แหละ

- ชายดูไบไปหม่อง ต่อมาเกิดแผ่นดินไหว พอเขาไปลาว เกิดไฟไหม้ยับเยินที่หลวงพระบาง ช่วงปูเน่ารับตำแหน่งใหม่ น้ำท่วมประเทศไทยซะยับเยินไปหมด นี่แสดงว่าธาติทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ต้องการคนตระกูลกาละกินีนี้แล้ว !!

- ร้อยวันพันปีไม่มีเคยมีข่าวร้ายของ นรต. พอปูเน่า ไปใช้สถานที่โรงเรียนชายชุดดำสามพรานไม่กี่ครั้ง ก็เกิดอุบัติเหตุ นรต.2 นาย ร่มไม่กางตกลงมาจากเครื่องบินร่างกายแหลก ท่ามกลางสายตาครูฝึก เพื่อน และพ่อแม่ ที่ตกตะลึง..ปูเน่าไปเหยียบที่ไหน เกิดเรื่องร้ายที่นั่นตามมา น่าแปลกสุดๆ ไหมนั่น ใครอยู่ใกล้รับใช้ปูเน่า คอยดูเถอะ..จะหาว่าไม่เตือน !!

นี่เอาเฉพาะที่ผ่านมาสำคัญๆ นะ นอกจากนี้ยังมีผลกรรมอีกเพียบ เล่ากันไม่หวาดไม่ไหว ผลจากการดวงขาดของปูเน่าครั้งนี้ มันผูกโยงความซวยไปถึงลูกน้องในเครือข่ายทุกคน ช่วงวันที่ 6 มี.ค.57 ปูเน่าหนีไปอีสาน ไปรดน้ำมนต์ และทำหน้าเหวอที่วัด และเป็นประธานถวายผ้าห่มองค์พระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร ที่เป็นพระธาตุที่เก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองคนอีสานมานานหลายชั่วอายุคน คนแก่บางคนว่าอาจถึง 1,000 ปี มีความศักดิ์สิทธิ์มาก แต่เพราะดวงปูเน่าวิบัติแล้ว ที่สั่งลูกน้องฆ่าผู้ชุมนุมตาย และเจ็บจำนวนมาก และไม่เอาเงินจำนำข้าว ที่ไซฟ่อนไปฮ่องกง 6 หมื่นล้านบาท มาจ่ายคืนชาวนา จนเขาฆ่าตัวตายไปกว่า 11 รายแล้ว..และมีชาวนาอีกกว่า 4 ล้านคน สวดมนต์สาปแช่งแก๊งค์อี่แดงทุกวันก่อนนอน !!

ความเป็นกาลีบ้าน กาลีเมือง มันหนักหนานัก ถึงขนาดเกิดอาเพศวิปริตธรรมชาติ เมื่อราววันที่ 20 มีนาคม 2557 เวลา 20.00 น. เกิดพายุหมุนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พัดเอาส่วนยอดสูงสุดของพระธาตุเชิงชุม สกลนคร จนหักสะบั้นตกลงมา เบื้องล่าง มีความยาวหลายเมตร หน่วยราชการในจังหวัดปิดข่าวกันให้แซด แต่ไหนเลยเราจะยอมให้เรื่องนี้เงียบ คนที่เป็นภัยต่อคนอีสานแบบนี้ ต้องลือ แฉ กันไปทั่วๆ ภาคอีสานเลย ว่าใครเป็น ส.ส. , ส.ว. , นักการเมือง , ข้าราชการ , ทุยแดงที่ไปต้อนรับ จะต้องโดนพระธาตุฯ สาบให้ได้รับทุกขเวทนา...เพราะผลของกาลกิณีปูเน่า ที่ไปเหยียบครั้งนั้น จนทำให้ลมพายุพิโรธ ลมประเภทนี้โบราณเรียก เวรัมภา คือเป็น ลมพายุ, ลมหัวด้วน, ลมร้าย พัดบ้านเรือนและต้นไม้หมด คล้ายกับลมบ้าหมูหรือ เพชรหึง, ลมพัดด้วยอำนาจเวรกรรม (เหมือน เวรัมภวาต) เคยมีกล่าวไว้ใน ลิลิตตะเลงพ่าย ตอน ลางร้ายของพระมหาอุปราชา และรำพึงถึงพระบิดา ว่า

พระฝืนทุกข์เทวษกล้ำ แกล่ครวญ ขับ คช บทจร จวน จักเพล้ บรรลุ พนมทวน เถื่อนที่ นั้นนา
เหตุ อนาถหนัก เอ้ อาจให้ชนเห็น ฯ เกิดเป็นหมอก มืดห้อง เวหา หนเฮย ลมชื่อ "เวรัมภา" พัดคลุ้ม หวนหอบหักฉัตรา คชขาด ลงแฮ แลธุลีกลัดกลุ้ม เกลื่อนเพี้ยงจักรผัน ฯ

แม้ว่าแก๊งค์อั้งยี่แดงจะสั่งทุยแดงลำปาง นุ่งขาวห่มขาว ทำพิธีบวงสรวงเจ้าแม่จามเทวี เสริมบารมีให้ปูเน่า ให้ครบ 9 วัด ก็ไม่มีผลแก้กรรมได้ ตรงข้ามกลับเป็นลางหนักเข้าไปอีก เพราะทำพิธี วางรูปปูเน่าบนโต๊ะ มีผลไม้วางด้านหน้า เหมือนเซ่นไหว้ศาลเพียงตา หรือคนตาย ที่นักโทษโบราณถูกตัดคอคาลานประหาร..ลูกน้องทุยแดงมันทำพิธีแช่งนายมัน !!

ต่อมา คปท.ทำการแก้เคล็ดอาถรรพ์ปูเน่า โดยบุกยกพระพุทธรูป พระพุทธชินราช นำไปประดิษฐานที่องค์พระพรหม ที่หลังคาทำเนียบฯ แล้วไปถอดธงชาติผืนเก่าที่แก๊งค์อั้งยี่แดง ทำพิธีลงอักขระขอมไว้ที่ผืนธงชาติ เพื่อสะกดความดีงาม ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คปท. ได้เอาออกไปจากดาดฟ้าของทำเนียบ แล้วเปลี่ยนเป็นธงชาติผืนใหม่แทนที่สะอาดบริสุทธิ์ จนเกิดอาทิตย์ทรงกลดในบัดดล แล้วทำความสะอาดรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยต่อ โดยใช้น้ำสะอาดล้างความสกปรก แบบ “ทวนเข็มนาฬิกา” เพื่อแก้เคล็ดไสย์ดำทุยแดง ที่ปี 53 เคยเอาสีแดงมาทาที่พานพระธรรมนูญ และปี 57 เอาผ้าดำมาห่มอนุสาวรีย์

ปึ้งเหม่ง ผู้เชื่อหมอดูงมงายสุดๆ ถึงกับสั่งในที่ประชุม ศอ.รส.ให้ไปนำอาจารย์คง เข้าไปทำพิธีแก้เคล็ดที่ทำเนียบ สั่งให้เอาพระพุทธชินราช และเอาธงชาติ ของ คปท.ออกไปจากทำเนียบ ต่อมามีการสั่งชายชุดดำที่เป็นหัวหน้าประจำทำเนียบฯ ให้ยกพระพุทธรูป พระพุทธชินราช ของ คปท. ที่นำมาประดิษฐาน ออกไปจากดาดฟ้า พอ คปท.ระแคะระคาย ก็ใช้เครื่องบินบังคับแบบโดรนติดกล้อง บินขึ้นไปตรวจดู จึงพว่าพระหายไปจริงๆ จึงบุกเข้าไปในทำเนียบอีกครั้ง จนชายชุดดำ 6 คน ต้องรีบนำพระพระพุทธชินราช กลับไปวางไว้ที่เดิม ที่พระพรหมเหนือหลังคาทำเนียบจนถึงปัจจุบัน..

ปูเน่าหมดดวงแล้ว ทุยแดงคนไหนที่ไม่รีบตีตัวจากออกมาให้ห่างไกล จะต้องได้รับคำสาบ ให้เกิดอาการเจ็บป่วยรายแรงทุกขเวทนา..สังเกตุไหมว่าคนใกล้ตัวป่วยเป็นมะเร็ง หรือโรคร้ายแรง ตายไปเรื่อยๆ เช่น หมักปากหมา หนั่นกินไวน์ น้องชายเตี้ยสุพรรณ ฯลฯ ทรัพย์สินที่หามาก็จะต้องหมดสิ้นเหมือนคำหลวงตาบัว..ต้องตายด้วยคมหอกดาบ อาวุธของมีคม..ครอบครัวพินาศ วันต่อๆ ไป จะมาทยอยเล่าว่า ทำไมเสื้อแดงต้องตายที่ราชประสงค์เมื่อปี 53 ที่นั่นมีสิ่งลึกลับอะไรที่แกนนำไปลบลู่ !!

ร.5 ท่าน "เลิกทาสให้ ไทยเป็นไทย ทั้งใจกาย" มาครบ 109 ปีแล้ว ชาวสยามพ้นจากความเป็นทาส ไพร่ มานานแล้ว ถ้าทุยแดงจะอยากกลับไปเป็นทาสให้แก๊งค์อั้งยี่แดงหลอกใช้จนตัวตายอีก ก็ต้องคิดหนักๆ
ที่แกนนำเลวแล้วรวยจะจัดระดมเสื้อแดงที่ถนนอักษะ ในวันเสาร์ที่ 5 เมษายน 57 เป็นต้นไปนั้น จำไม่ได้หรือ ว่าอักษะ มันคือ เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ที่ร่วมกันรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วพ่ายแพ้สงครามกันกระจุยกระจาย ชุมนุมที่ถนนอักษะ คือ ลางแพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว
การชุมนุมครั้งนี้ของทุยแดง จะมีคนไทย 1 ส่วน ที่เหลือ 9 ส่วน จะแรงงานพม่า เขมร และลาว ในเขตปริมณฑลใกล้ๆ แถวนั้น โดยเฉพาะแถวอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม ราชบุรี เพราะเพราะแรงงานต่างชาติพวกนี้ ถูกทุยแดงฆ่าไปก็ไม่มีญาติมาเอาเรื่องอยู่แล้ว แถมยังไม่ต้องเสียเงินค่าจ้างอีก อมค่าหัวคิวที่เบิกชายดูไบมาเอาดื้อๆ แบบนี้แหละ เพราะเป็ดเหลิมใช้อำนาจ รมต.จับกัง ไปบังคับเจ้าของโรงงานเขามา เขามาบ่นกันนะ

การชุมนุม 5 แสน ที่ว่าน่ะ เสธ ว่ามีตามลำดับดังนี้..แสนจะสกปรก / แสนจะดักดาน / แสนจะทุย / แสนจะหยาบคาย / แสนจะถ่อย สถุน

และรู้ไหมว่าแกนนำเลวแล้วรวย เขาจะพาทุยแดงไปรับกรรมใหญ่ เพราะสถานที่ และวันเวลาจัดชุมนุมทุยแดง ดันไปเบียดงานการกุศล MIRACLE OF LIFE ตรงแถวนั้นเป็นเขตวัง เป็นการเอาแรงงานพม่า เขมร มาเหยียบสถานที่สูงส่งเบื้องสูง ไม่เคารพสถานที่

ถนนเกือบทั้งเส้นอุทยาน เป็นเขตพระราชฐาน ใครไปร่วมแล้วจะรู้ว่าร้อนหรือหนาว..ทุยแดงที่ถูกหลอกจ้างไป งานนี้ชีวิตตนเอง และครอบครัว กำลังเดินเข้าไปในในวงเวียนกรรมหนักเสียแล้ว

จะเกิดแสนต่อๆ มา กับแกนนำ และบรรดาทุยแดงตามมา คือ แสนเจ็บปวด , แสนทรมาณ, แสนสยอง , แสนอาลัย !!

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai


________________________________________________________________________

29
รูปภาพ
29.1
รูปภาพ
29.2
รูปภาพ
29.3
รูปภาพ
29.4
รูปภาพ
29.5
รูปภาพ
29.6
รูปภาพ
29.7
รูปภาพ
29.8
รูปภาพ
29.9
รูปภาพ
29.10
รูปภาพ
29.11
รูปภาพ
29.12
รูปภาพ
29.13
รูปภาพ
29.14
รูปภาพ
29.15
รูปภาพ
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

ป.ป.ช.แย้มคดี"จำนำข้าว"

ชี้มูลนายกฯไม่รอบุญทรง

"วิชา มหาคุณ" ปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ระบุปัญหาทุจริตไทยใหญ่ระดับโลก พบมีเครือข่ายโยงต่างประเทศ แนะวิธีแก้ต้องรื้อกฎหมายทั้งระบบ ปัดยังไม่ได้รับหนังสือขอเพิ่มพยาน 4 ปากจากนายกฯ แย้มชี้มูล "ยิ่งลักษณ์" ไม่ต้องรอคดี "บุญทรง"

วานนี้ (5 เม.ย.) ที่ห้องประชุมสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "การทุจริต การเมือง ความอยู่รอดของประเทศ" เนื่องในวันสัญญา ธรรมศักดิ์ ประจำปี 2557 โดยระบุตอนหนึ่งว่า เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ไม่คิดว่ากระบวนการทุจริตจะซึมลึกขนาดชาติจะอยู่รอดหรือไม่รอด แต่พออยู่ในตำแหน่งมาระยะหนึ่งจึงได้ประจักษ์กับตนเองว่า คดีความเกี่ยวกับการทุจริตของประเทศไทย เป็นคดีความที่มีความร้ายแรงที่สุด ไม่อาจที่จะแก้ปัญหาได้ลำพัง เพราะเป็นปัญหาระดับโลก

ทั้งนี้ มีคดีความอยู่มากมายที่ค้นหาความจริงพบว่า มีสายโยงใยไปนอกประเทศ มีแนวโน้มนำทรัพย์สินออกไป รวมทั้งเชื่อมโยงเครือข่ายอาชญากรรมระหว่างประเทศ ถือว่ารุนแรงที่สุด แต่ละรัฐบาลเท่าที่บริหารกันมาไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกฎหมายที่มีอยู่ จึงต้องรื้อระบบกฎหมายทั้งระบบ

นายวิชา กล่าวต่อว่า ต่างชาติบอกว่าสาเหตุที่ประเทศไทยตกต่ำที่สุด ต้องอยู่ลำดับตามหลังประเทศฟิลิปปินส์ เพราะการบริหารราชการแผ่นดินกระทำโดยคนที่อยู่ระบบอุปถัมภ์โดยแท้ อุปถัมภ์กันตั้งแต่เริ่มต้น มีการวางคนในตำแหน่งตั้งแต่เริ่มบริหาร แล้วล้วงลูกไปถึงข้าราชการ ฉะนั้นการปฏิรูปไม่ใช่แนวทางของไทยเท่านั้น แต่เป็นแนวทางปฏิรูปของโลกที่เห็นตรงกันว่าต้องขจัดคนชั่วออกไปจากระบบให้ได้ ไม่มีทางอื่นเด็ดขาด จะมาบอกว่าปล่อยให้เข้ามาเดี๋ยว 4 ปีก็ไปคงไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วไม่ไป และไม่ยอมลุกออกโดยอันขาด เพราะได้วางกำลังไว้เสร็จสรรพแล้ว

ป.ป.ช.รู้ดีจำนำข้าว-เหตุทำวิจัย

ส่วนโครงการรับจำนำข้าวนั้น นายวิชา บอกว่า พระสยามเทวาธิราชมีจริง เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ป.ป.ช.ได้ทำงานวิจัยเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และองค์กรระหว่างประเทศได้บอกว่า ควรสร้างมาตรการป้องกันหรือใช้ระบบการวิจัยเป็นหลัก เพราะการวิจัยจะชี้ให้เห็นชัดเจนว่าไม่ได้มั่ว ฉะนั้นโครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตอย่างไร ลึกซึ้งอย่างไร เราได้ให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) วิจัยอย่างรอบด้าน และลึกมาก จึงสามารถบอกนายกฯว่า หากคุณไม่หยุด คุณมีปัญหาแน่ แล้วไม่ใช่เพิ่งเริ่มทำวิจัย เราทำมาตั้งแต่เริ่มต้นรัฐบาลชุดนี้แล้ว และได้เตือนแล้วด้วย

"กระบวนการอย่างนี้เหมือนพระพุทธศาสนา คือ ในทางวินัยจะต้องเตือนก่อน และเราเตือนคุณแล้ว เพราะงานวิจัยจะบอกว่าถ้าทำเรื่องนี้จะสูญสิ้นเรื่องกระบวนการผลิตข้าว ชาวนาจะจมปลัก จะไม่มีเงินเนื่องจากเงินต่างๆ จะหมุนเวียนจากงบประมาณแผ่นดินปีละ 2 แสนล้านบาทไปอยู่ในกำมือของบริษัท หรือพวกนักธุรกิจที่ได้วางแผนกันไว้ล่วงหน้า เหลือแค่เศษเสี้ยวให้ชาวนา"

แฉจำนำข้าว "คิดโกงไว้ล่วงหน้า"

นายวิชา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้ชาวนาไม่ได้ปลูกข้าวเพื่อการผลิตและส่งออก แต่ผลิตเพื่อเอาเงินจำนำ 15,000 บาท จะผลิตข้าวที่เลวอย่างไรก็ได้ 15,000 บาทหมด ไม่จำเป็นต้องได้พันธุ์ข้าวที่ดี เป็นการกลับหัวกลับหางกับการผลิตในอดีตกาล เนื่องจากในอดีตกาลเราผลิตเพื่อจะได้พันธุ์ข้าวที่ดีที่สุดในโลก ไม่มีพันธุ์ข้าวไหนจะดีเท่ากับประเทศไทยอีกแล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือนักวิชาการด้านนี้ล้วนแล้วแต่มีความเอาใจใส่การผลิตเพื่อการส่งออก

ทว่าเมื่อรัฐบาลรับซื้อข้าวทุกเมล็ด และไม่ใช่รับซื้อหลังจากสีข้าว แต่รับซื้อข้าวเปลือก ถามว่าแล้วจะผลิตเป็นข้าวชนิดไหน รู้หรือไม่ว่าข้าวชนิดดังกล่าวหน้าตาเป็นอย่างไร เป็นข้าวลาว ข้าวเขมร หรือข้าวพม่า ดูกันออกหรือไม่ แล้วรู้หรือไม่ตั้งแต่ปี 2555 ข้าวได้หายไปจากโกดัง 2 ล้านตัน และข้าวที่มีอยู่เป็นข้าวที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 2555 ปี 2556 หรือ ปี 2557 เราไม่มีทางรู้ เพราะคนคิดได้คิดแล้วว่าจะทำการทุจริตให้จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

นายวิชา กล่าวด้วยว่า เรื่องพืชผลทางการเกษตรไม่สามารถแยกแยะได้เลย ไม่เหมือนการทุจริตอย่างอื่น น่ากลัวที่สุด ชาวนาจะจมปลักอยู่อย่างนี้ มาเรียกร้องร้องเงินที่ยังไม่ได้ ระบบคล้ายๆ กับแชร์แม่ชม้อย ตอนนี้รัฐบาลขายข้าวไม่ได้ แล้วจะเอาเงินที่ไปไหนไปจ่ายชาวนา

"ตอนนี้ชาวนาไม่ต้องทำอะไร เพราะมีคนมารับซื้อนาอย่างเป็นหลักแหล่ง แม้แต่ในอาเซียนก็รู้ว่าคุณสามารถเข้ามาเป็นผู้ดูแลการผลิต รับซื้อแผ่นดิน หรือสวมสิทธิ์ได้ มีการไปสำรวจหรือไม่ว่าชาวนาจริงๆ เหลือกี่คนที่มีที่นาแล้วทำนา เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้พบกับคนจากไต้หวันที่มาเพื่อจะจองที่ในประเทศไทย ซึ่งจะไม่เหลืออะไรแล้ว เราไม่พูดความจริงวันนี้ไม่ได้ เพราะชาติเราจะไม่เหลือ" กรรมการ ป.ป.ช.กล่าว

ยังไม่ได้รับหนังสือนายกฯขอเพิ่มพยาน

ภายหลังการปาฐกถา นายวิชา ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอเพิ่มพยานอีก 4 ปากเพื่อชี้แจงคดีทุจริตโครงการจำนำข่าวว่า เบื้องต้นยังไม่เห็นหนังสือขอเพิ่มพยานจากนายกฯ ซึ่งหากหนังสือยังมาไม่ถึงก็ไม่สามารถนำเรื่องเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันที่ 8 เม.ย.นี้ได้

ส่วนพยาน 3 ปากที่อนุกรรมการได้อนุญาตให้มาชี้แจงตามที่นายกรัฐมนตรีขอไว้นั้น ขึ้นอยู่ว่าจะมาชี้แจงด้วยตนเอง หรือส่งมาเป็นเอกสาร เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ขอเพิ่มพยานมาชี้แจงเอง ก็แล้วแต่ว่าจะใช้วิธีการใดในการชี้แจง ไม่เกี่ยวกับ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม หากมีพยานคนใดคนหนึ่งจะขอเลื่อนการชี้แจง ระหว่างวันที่ 9-11 เม.ย.นั้น ก็ต้องมีเหตุผลเพียงพอในการเลื่อนการชี้แจง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯขอความเห็นใจในการขอเพิ่มพยานอีก 4 ปาก นายวิชา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องหารือกันในที่ประชุม ป.ป.ช.ก่อน แต่ส่วนใหญ่การที่จะพิจารณาสอบพยานนั้น ป.ป.ช.ใช้วิธีการเดียวกับศาล โดยถ้าเห็นว่าพยานปากนี้เกี่ยวข้องกับคดี ก็จะให้ชี้แจง ไม่ใช่ว่าขอมาทั้ง 100 ปาก จะต้องสอบครบทุกคน เพราะต้องพิจารณาเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องจริงๆ

ลั่นชี้มูลนายกฯไม่ต้องรอ"บุญทรง"

นายวิชา กล่าวด้วยว่า กรณีข้อกล่าวหาของนายกรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องชี้มูลพร้อมหรือหลังกรณี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพราะเป็นคนละส่วนกัน ไม่เหมารวมในการพิจารณาคดี เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นคดีที่เกิดจากความเสียหายที่เหตุเกิดขึ้นแล้ว ต้องดูว่าขณะนั้นนายกรัฐมนตรีได้ยับยั้งหรือไม่ ส่วนจะชี้มูลได้ภายในเดือน เม.ย.หรือเปล่า ส่วนตัวไม่อยากคาดการณ์ เพราะเกรงจะเป็นการตั้งธงไว้ก่อน

"ยืนยันว่า ป.ป.ช.ทำงานอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม เช่นเดียวกับที่ อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้เคยสอนไว้ เราใช้มาตรฐานเดียวกันกับการพิจารณาของศาล โดยจะดูที่ข้อเท็จจริงและเนื้อหาเป็นหลัก ยืนยันว่าผมไม่หวั่นไหวกับการโดนโจมตี เพราะแผ่นดินนี้ไม่ได้มีผมแค่คนเดียว บ้านเมืองนี้ต้องช่วยกัน" นายวิชากล่าว

Link: http://www.bangkokbiznews.com


______________________________________________________________________________



..สิ่งหนึ่งที่ชี้ว่า ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้ตกอยู่ในอำนาจทักษิณ โดยเฉพาะ “ทัพบก” ก็คือ... การย้าย“ผู้การแดง” เข้ามาเป็น ผบ.หน่วย พล.๑ รอ. ซึ่ง“ผู้การแดง” ท่านนี้เคยพิสูจน์ตนเองมาแล้วว่า ชื่อของท่านเป็น...“ของแสลง”...สำหรับ “กองโจรทักษิณ” ที่มุ่งจะทำร้ายประชาชนและสถาบันพระมหากษัตริย์... เพราะ”ผู้การแดง”เคยทำให้โจรเผาเมืองหวาดผวามาแล้วในปี ๕๓ และการย้าย “ผู้การแดง”มาพล.๑ รอ.ครั้งนี้ เป็นการกดดันและ “ส่งสัญญาณ”...ไปยัง.. “ทักษิณและกองโจร”...ว่า หากพวกมึง ก่อสงครามประชาชนหรือสงครามกลางเมือง พวกมึงได้เจอกับ “คู่ชก” ที่เหนือกว่าทุกกรณี แน่นอน

...มองต่ออีกนิดแม้จะพูดตรงๆไม่ได้ว่าทำเพื่อใครหรืออยู่ข้างใคร แต่ “กรรมชี้เจตนา”...ไล่เรียงดูตั้งแต่ตั้งแต่

....(๑) เหตุปะทะที่หลักสี่ จนกระทั่ง เหตุสลายการชุมนุมที่ราชดำเนินครั้งล่าสุดที่ทำให้...“กองทัพตำรวจ”...ขวัญกระเจิงหนีตายไม่เป็นท่า...เพราะถูกตีโต้กลับจากกองกำลังลึกลับที่ใช้...“ยุทธวิธีที่เหนือกกว่า” ...จน “ไอ้เหลิม” ออกปากเรียกว่าเป็น “กองกำลังมือที่สาม” ….ซึ่ง “กองกำลังมือที่สาม” นี้ ย่อมไม่ใช่“ลูกเสืงสำรอง”แน่นอน แต่ถ้าเป็น....“พยัคฆ์น้อย”...ล่ะก็ไม่แน่!! (ตามลอย.. “พยัคฆ์น้อย”..จากGoogle กันเอาเอง)..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผบ.ทบ. โปรดสังเกตุ เครื่องหมายบนหน้าอกเสื้อด้านขวา หมื่นทิวาฯไม่ได้บอกว่านะว่าเกี่ยวอะไรกัน เพียงแต่สงสัยว่าใครกันที่กล้า...“อนุมัติ”...ให้“กองกำลังมือที่สาม” จากแดนบูรพา ...ออกมา

...(๒)บังเกอร์ทหาร ที่อยู่มาตราบจนทุกวันนี้ แม้จะมีแรงกดดัน รอบด้าน ให้รื้อถอนจากการยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน แต่ก็มึนๆอยู่ต่อ ใครกันที่กล้าดื่อแพ่ง คงบังเกอร์ทหารไว้ ซึ่งการตั้งบังเกอร์ทหารเป็นการแสดงออกถึงการ “ปราม” ในลักษณะแสดงตนให้เห็น...ไม่ใช่การ “ปราบ”....ส่วนหน่วยที่ใช้ในการ “ล่าทำลาย” นั้น ไม่ต้อง!!...เพราะเป็นหน้าที่ของ ...กองกำลังมือที่สามเค้าทำกันอยู่ และหน่วยนี้แหละ ที่ทำให้พวกมันทำงานไม่ถนัดล่าสุดได้ข่าวว่า...เมื่อวันที่ ๒๙ มีค. มีกองโจรหลายกลุ่มพลาด ถูกเชิญไปกินข้าว จนตอนนี้ยังกินไม่อิ่ม......บางกลุ่มหนีรอด แต่พลาดทำระเบิดใส่ตัวเองตามที่เป็นข่าว...ส่วนกลุ่มที่เหลือก็ต้องไล่ล่าติดตามกันต่อไป ...ไม่เช่นนั้น วันที่ ๒๙ มีค.ที่ผ่านมา หากไม่ได้ กองกำลังมือที่สาม ที่ทำงานหลังฉากในการรักษาความปลอดภัยให้กับมวลมหาประชาชน คงมีเรื่องหน้าเศร้าเกิดขึ้นอีกเยอะ...เพราะพวกมันก็จัดกันมาไม่ใช่น้อย(ไว้มีโอกาสจะเล่าให้ฟัง)

...(๓) “เจ้าที่”...ที่แจ้งวัฒนะ หลวงปูแม้จะอยู่ถิ่นโจร แต่ก็เลือกชัยภูมิได้ถูกต้องแล้ว ข้างๆ เป็น ปตอ. ถัดมาอีกหน่อย เป็น ร.๑ พัน ๒ รอ. ถัดมาไม่ใกล้ไม่ไกลเป็น ร.๑๑ รอ. ขึ้นมาทางดอนเมือง เป็นกงทัพอากาศ เห็นมั๊ยล่ะ “เจ้าที่ทั้งแรงทั้งเยอะ ...แล้วใครกันล่ะที่เป็น พระพรหม คอยบอกเจ้าที่ให้ช่วยดูแลหลวงปูให้ดี

…จากที่เคยกล่าวมาในบทความครั้งก่อนๆ แม้สงครามระหว่างประชาชน หรือสงครามกลางเมืองยังไม่เกิด แต่ ณ ปัจจุบัน สงครามจิตวิทยา เกิดขึ้นแล้ว ติดตามด้วย... “สงครามใต้ดิน หรือสงครามเย็น”... ระหว่าง การติดตามไล่ล่าและสกัดกั้นของกองกำลังมือที่สาม กับ เหล่ากองโจรทักษิณ

…. มวลชนเสื้อแดงที่จะมาชุมนุมในวันที่ ๕ เมย.ก็ไม่ใช่คู่ชกของท่านแล้ว จะมามากหรือน้อย ก็ไม่เกี่ยวกับมวลมหาประชาชน

....เพราะแกนนำเสื้อแดง เขากำลังทำพิธีเรียกขวัญให้ทักษิณ จากผลพวงเมื่อวันที่ ๒๙ มีค.และข่มขวัญ “ผู้การแดง” เท่านั้น ขอเพียงท่านทั้งหลายอย่าหลงกลศึก “ยืมมือ ฆ่าคน”ผลักมิตรไปเป็นศัตรู....เราต้องเป็นผู้เล่น ไม่ใช่..“หมากในกระดาน”


______________________________________________________________________
6.1
รูปภาพ
6.2
รูปภาพ
6.3
รูปภาพ
6.4
รูปภาพ
6.5
รูปภาพ
6.6
รูปภาพ
6.7
รูปภาพ
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

8.1
รูปภาพ
8.2
รูปภาพ
8.3
รูปภาพ
8.4
รูปภาพ
8.5
รูปภาพ
8.6
รูปภาพ
8.7
รูปภาพ
8.8
รูปภาพ
8.9
รูปภาพ
8.10
รูปภาพ
8.11
รูปภาพ
8.12
รูปภาพ
8.13
รูปภาพ
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

20 เม.ย.57 แฉ..ที่มาขบวนการล้มเจ้า หมิ่นเบื้องสูง โดยสาธารณรัฐอั้งยี่แดง

พ.ศ. 2107 พระเจ้าบุเรงนอง แห่งพม่า ยกทัพมาตีเมืองพิษณุโลก สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เจ้าเมืองพิษณุโลก ที่ขึ้นกับกรุงศรีอยุธยา มีกำลังน้อยกว่ามาก จึงยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดี ทำให้พิษณุโลก ต้องแปรสภาพเป็นเมืองขึ้นของหงสาวดี แทนกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าบุเรงนอง ทรงขอพระนเรศวร ไปเป็นองค์ประกันที่หงสาวดีใน ทำให้พระองค์ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนตั้งแต่มีพระชนม์มายุเพียง 9 พรรษา การที่ได้เสด็จไปประทับอยู่หงสาวดีถึง 6 ปี ทรงทราบทั้งภาษา นิสัยใจคอ ตลอดจนล่วงรู้ความสามารถของพม่า

พ.ศ. 2111 พระเจ้าบุเรงนอง นำทัพเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา ทางด่านแม่ละเมา เมืองตาก รวม 7 ทัพ คือ พระมหาอุปราชา เจ้าเมืองแปร เจ้าเมืองตองอู เจ้าเมืองอังวะ เจ้าเมืองเชียงใหม่ และเชียงตุง เข้ามาทางเมืองกำแพงเพชร แต่กรุงศรีอยุธยา สามารถยันการโจมตีพม่าอยู่นาน 6 เดือน ต่อมาพม่าใช้เล่ห์กลให้มีใส้ศึกไทย ภายในเปิดประตูเมืองให้ จนวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2112 พม่าเข้าตีกรุงศรีอยุธยาทุกด้าน เข้าสู่พระนครสำเร็จ ,

พระเจ้าบุเรงนอง เข้ายึดทรัพย์สิน และได้ประทับอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา ราว 4 เดือน ช่วงนั้นประชากรรอบๆ กรุงศรีอยุธยา คาดว่ามีราวๆ 3 แสนคน พม่าจึงกวาดต้อนผู้คนกลับไปหงสาวดีเป็นจำนวนมาก โดยเหลือให้รักษาเมืองเพียง 1,000 คน คนที่เหลือก็หนีไปหลบอาศัยอยู่ที่อื่น บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างทั้งหลาย ถูกทำลายได้รับความเสียหายเป็นอันมาก อาณาจักรอยุธยาจึงตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเป็นเวลานาน 15 ปี

ต่อมาพระนเรศวร ได้หนีกลับมายังกรุงศรีอยุธยา โดยที่พระเจ้าบุเรงนอง ทรงยินยอมเนื่องมาจากพระสุพรรณกัลยาทรงขอไว้ มาถึงกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2115 สมเด็จพระมหาธรรมราชา พระราชทานนามให้พระองค์ว่า "พระนเรศวร" และโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระมหาอุปราชไปปกครองเมืองพิษณุโลก พระองค์ทรงปกครองเมืองอย่างดี และทรงเริ่มเตรียมการที่จะกอบกู้เอกราชของกรุงศรีอยุธยา คิดหาหนทางในการต่อสู้กับพม่า ทรงขวนขวายหาคนสำหรับทรงใช้สอย โดยฝึกทหารที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ตามวิธียุทธ์ของพระองค์

พระเจ้าบุเรงนอง แห่งหงสาวดีสิ้นพระชนม์ จึงมีการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ โดยกษัตย์นันทบุเรงได้ขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อแทน พ.ศ. 2126 พระเจ้าอังวะเป็นกบฏ เนื่องจากไม่พอใจกรุงหงสาวดี จึงแข็งเมืองพร้อมกับเกลี้ยกล่อมเจ้าไทยใหญ่อีกหลายเมือง ให้แข็งเมืองด้วย พระเจ้านันทบุเรงจึงยกทัพหลวงไปปราบ ในการนี้ได้สั่งให้เจ้าเมืองประเทศราช เช่น เมืองแปร ตองอู เชียงใหม่ กรุงศรีอยุธยา ให้ยกทัพไปช่วยด้วย สมเด็จพระมหาธรรมราชา แห่งอยุธยา จึงโปรดให้สมเด็จพระนเรศวร ยกทัพไปแทน พระองค์แสร้งเดินทัพช้าๆ พม่าระแวงพระองค์ที่ทรงเข้มเข็ง จึงหมายหักหลังลอบสังหาร

พ.ศ. 2127 พระนเรศวร ทรงยกกองทัพไทยถึงเมืองแครง ได้รับทราบแผนการพม่าจึงรวบรวมเหล่าบรรดาแม่ทัพ หัวเมือง ประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นต่อพม่า โดยได้ทรงหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร (พระน้ำเต้าทองคำ) ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดินว่า "ด้วยพระเจ้าหงสาวดี มิได้อยู่ในครองสุจริตมิตรภาพขัตติยราชประเพณี เสียสามัคคีรสธรรม ประพฤติพาลทุจริต คิดจะทำอันตรายแก่เรา ตั้งแต่นี้ไป กรุงศรีอยุธยาขาดไมตรีกับกรุงหงสาวดีมิได้เป็นมิตรร่วมสุวรรณปฐพีเดียวกันดุจดังแต่ก่อนสืบไป"

จากนั้นพระนเรศวร ได้ตรัสถามชาวเมืองแครง ว่าจะเข้าข้างฝ่ายใด พวกมอญต่างเข้ากับฝ่ายไทย พระองค์จึงประชุมทัพ แล้วทรงยกทัพจากเมืองแครงไปยังเมืองหงสาวดี โดยเกณฑ์ไพร่พลหัวเมืองต่างๆ ได้ประมาณ 1 แสนกว่าๆ ช่วงที่พระเจ้านันทบุเรง ยกทัพออกไปอังวะ

พระองค์เสด็จยกทัพข้ามแม่น้ำสะโตงไปใกล้ถึงเมืองหงสาวดี แต่พอดีทราบว่า พระเจ้านันทบุเรงมีชัยชนะเมืองกบฎอังวะแล้ว กำลังจะยกทัพกลับมาหงสาวดี พระนเรศวร เห็นว่าสถานการณ์ครั้งนี้ไม่เหมาะสมที่จะตีเอาเมืองหงสาวดีครั้งนี้ได้ จึงให้กองทัพแยกย้ายกัน เที่ยวบอกคนไทยที่พม่ากวาดต้อนไปแต่ก่อนตอนกรุงอยุธยาแตก ให้อพยพกลับบ้านเมืองของตนเอง ได้คนไทยมาประมาณหมื่นเศษ จึงให้กันหนีล่วงหน้าไปก่อน พระองค์ทรงคุมกองทัพตามปกป้องมาข้างหลัง

ฝ่ายพระมหาอุปราชาแห่งพม่าทราบข่าวว่า สมเด็จพระนเรศวรกวาดต้อนผู้คนไทยกลับ จึงได้ให้แม่ทัพสุรกรรมาเป็นกองหน้า พระมหาอุปราชาเป็นกองหลวงยกติดตามกองทัพไทยมาติดๆ ตามมาทันที่ริมฝั่งแม่น้ำสะโตง ที่ฝ่ายไทยได้ข้ามแม่น้ำไปแล้ว ได้มีการต่อสู้กันที่ริมฝั่งแม่น้ำ สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงปืนคาบชุดยาวเก้าคืบ ยิงถูกสุรกรรมา แม่ทัพหน้าพม่าตายบนคอช้าง กองทัพของพม่าเห็นแม่ทัพตาย ก็พากันแตกทัพหนีกลับไป พระแสงปืนที่ใช้ยิงสุรกรรมาตายบนคอช้างนี้ได้นามปรากฏต่อมาว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง" นับเป็นพระแสงอัษฎาวุธ อันเป็นเครื่องราชูปโภค ยังปรากฏอยู่จนถึงทุกวันนี้

พ.ศ. 2127 หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพได้ 7 เดือน พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง จัดทัพสองกองทัพให้ยกมาตีไทย แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกลศึก พระนเรศวรให้แม่ทัพยกทัพเรือไปยิงปืนใหญ่ดักข้าศึก และแต่งกองโจรเป็นทัพขนาดเล็กคอยดักฆ่าพม่า จนทัพพม่าทั้ง 2 ทัพแตกพ่ายหนีกระเจิงกลับไป , พ.ศ. 2129 พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรงยังไม่เข็ดหลาบในความพ่ายแพ้ จึงนำกองทัพจำนวน 250,000 คน หมายมั่นจะตีกรุงศรีอยุธยาให้ได้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของทหารไทยจึงรักษาที่มั่นเอาไว้ได้เสมอ พระนเรศวร เสด็จนำทัพออกปล้นค่ายพม่าซึ่งเป็นทัพหน้าของหงสาวดี ข้าศึกแตกพ่ายถอยหนี พระองค์จึงไล่ตีมาจนถึงค่ายหลวงของพระเจ้าหงสาวดี เสด็จลงจากม้าคาบพระแสงดาบ แล้วนำทหารปีนบันไดขึ้นกำแพงข้าศึก แต่ถูกพม่าใช้หอกแทงตกลงมาข้างล่าง จึงเสด็จกลับพระนคร พระแสงดาบนี้มีนามว่า “พระแสงดาบคาบค่าย”

พระเจ้าหงสาวดี สั่งว่า ถ้าพระนเรศวรออกมาอีก จะต้องจับพระองค์ให้ได้ถึงแม้ว่าจะใช้ทหารมากมายเพียงใด จึงวางแผนให้แม่ทัพลักไวทำมู นำทหารจำนวน 10,000 ไปดักจับพระนเรศวร พระองค์ จึงใช้พระแสงทวนแทงลักไวทำมูตายทันที แต่พระองค์ยังถูกล้อมอยู่และสู้กับทหารพม่า จำนวนมาก นานร่วมชั่วโมง จนทัพไทยตามมาทันช่วยเหลือจึงเสด็จกลับพระนครได้ สุดท้ายกองทัพหงสาวดีบอบช้ำ จากการสู้รบกับไทยอย่างมากจึงถอยทัพกลับไป

พระนเรศวร ทรงมีพระมเหสีราว 3-4 พระองค์ นับตั้งแต่พระองค์ประกาศอิสรภาพจากพม่าเป็นต้นมา หงสาวดีได้เพียรส่งกองทัพเข้ามาหลายครั้ง แต่ก็ถูกกองทัพกรุงศรีอยุธยาตีแตกพ่ายไปทุกครั้งเช่นกัน ตลอดการครองราชย์ของพระองค์ ส่วนใหญ่ต้องทำสงครามกับอาณาจักรเพื่อนบ้านหลายครั้ง เพื่อรักษาอาณาเขต ขยายอาณาจักร และปกป้องราษฎรของพระองค์ไม่ให้ถูกรังแกได้

ในยุคนั้นอาณาจักรอยุธยา จัดได้ว่ามีกำลังพลมากที่สุด ในที่ราบลุ่มภาคกลาง ถึงแม้พื้นที่จะไม่มาก แต่อุดมสมบูรณ์ ราษฎร์ดำรงชีวิตอยู่อาศัยได้ง่าย ประชากรเลยหนาแน่นกว่าแถบอื่น เมื่อมีประชากรมาก ก็สามารถมีไพร่พลเป็นทหารได้มาก คาดว่าในสมัยอยุธยามีประชากรไทยช่วงแรกๆ ประมาณ 3 แสนคน และขยายเป็นประมาณไม่เกิน 1 ล้านคน ในสมัยอดีตยามสงครามชายทุกคนคือทหาร ช่วงปลายๆ อาณาจักรฯ จึงมีจำนวนไพล่พลประมาณ 1 แสนคน อยุธยาจึงเป็นมหาอำนาจในแถบนี้มาอย่างยาวนานราว 417 ปี โดยมีกษัตริย์ 7 ราชวงศ์ รวม 33 พระองค์

ส่วนพม่าตอนนั้นมีหลายหัวเมืองขึ้น มีประชากรประมาณ 3-4 ล้านคน จำนวนทหารที่เกณฑ์ได้อยู่ที่ราวๆ 2 แสนคน แต่สมัยก่อนขณะเดินทัพ ก็จะตีหัวเมืองในทางผ่านทัพไปด้วย เลยได้กำลังเชลยจากในไทยมาเสริม จนกลายเป็นกองทัพใหญ่เพิ่มเติมทัพใหญ่ ซึ่งในภูมิภาคแถวนี้ถ้าไม่ใช่อาณาจักรใหญ่ๆ แล้ว หัวเมืองหลักมีทัพไพร่พลอย่างมากก็ไม่เกิน 3 หมื่นคน เช่น ล้านนา ทัพราว 2หมื่นคน , ล้านช้าง อาณาจักรใหญ่แต่คนน้อย ทัพไม่เกิน 5 หมื่น , เขมร ไพร่พลไม่เกิน 5 หมื่น , หัวเมืองเล็กต่างๆ กำลังพลอย่างมากก็ 1 หมื่นกว่าๆ , อังวะ , ตองอู , แปร ถ้าไม่ใช่ช่วงที่รุ่งเรืองมากๆ กำลังพลก็อยู่ราวๆ 3 หมื่น เท่านั้น , พอมาสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เริ่มมีการปรับปรุงระบบเกณฑ์ไพร่พลกันใหม่ ทำให้สมัยสงคราม 9 ทัพรัชกาลที่ 1 ไทยสามารถรวมกำลังทหารได้ถึงประมาณ 1.4 แสนคน มากกว่าตอนอยุธยาแตกครั้งที่ 2 ทั้งๆ ที่ไทยเสียไพร่พลไปมากเมื่อครั้งอยุธยาแตก

สมัยโบราณมีการศึกสงครามคุกคามไทยอยู่เสมอ และขอบเขตอาณาจักรเปลี่ยนไปมา ไม่คงที่อยู่นานนัก การที่มีศึกสงครามทำให้จำนวนราษฎร์ล้มตาย และบาดเจ็บพิการ อัตราการเพิ่มประชากรจึงไม่มากนัก ทั้งพระมหากษัตริย์ กับราษฎร มีจารีตประเพณีอยู่กันแบบเกื้อกูล คือ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นนักรบ ป้องปกประชาชน จากการข่มแหงรังแกของข้าศึก ส่วนราษฎรก็ขยายจำนวนลูกหลาน เพื่อให้ชายฉกรรจ์มาเป็นไพร่พลทหารของกษัตรย์ และคุ้มครองราษฏร คนที่เหลือก็ทำหน้าที่ผลิตอาหาร สร้างบ้านแปงเมือง ทำนุบำรงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม

ต่อมาราชวงศ์จักรี สมัยรัชกาลที่ 5 จำนวนประชากรไทยประมาณ 5.5 ล้านคน , รัชกาลที่ 6 ประมาณ 8.2 ล้านคน , รัชกาลที่ 7 ประมาณ 10 ล้านคน ,รัชกาลที่ 8 ประมาณ 12 ล้านคน ,ต้นรัชกาลที่ 9 ประมาณ 17.5 ล้านคน จนถึงปัจจุบัน 67 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 49.5 ล้านคนในรัชกาลที่ 9 หรือเพิ่มขึ้น 3.83 เท่า) ถือเป็นการเพิ่มขึ้นของลูกหลานคนไทยอย่างมหาศาล เป็นหลักฐานอันแสดงว่าราชอาณาจักรไทย ในรัชกาลของในหลวงพระองค์นี้ มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ มีความสุขสบาย ประชากรจึงเพิ่มพุ่งขึ้นมากถึงเกือบ 4 เท่า

ด้วยความเข้มแข็งของประเทศไทย ที่ปกครองโดยระบอบกษัตริย์ มายาวนานกว่า 800 ปี จนถึงปัจจุบันสถาบัน เป็นหลักฐานว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ สามารถนำพาอาณาจักร และประเทศให้รอดพ้นภัยคุกคามประชาชน รอดพ้นจากการล่าอาณานิคมของประเทศตะวันตก โดยให้ไปดูรอบประเทศไทย ที่มีการปกครองโดยระบอบกษัตริย์คู่ขนานกันมา ตั้งแต่ก่อนสมัยก่อนอาณาจักรสุโขทัย มีบางประเทศยกเลิกไปแล้ว เช่น พม่า ลาว ที่สมัยโบราณกษัตริย์เขาเข้มแข็งมาก , ส่วนมาเลเซีย กษัตริย์ของเขาคือ เจ้าผู้ครองรัฐทั้ง 9 รัฐ (จากทั้งหมด 13 รัฐ) ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ของประเทศคราวละ 5 ปี และหมุนเวียนกันไปตามลำดับ

กษัตริย์ เขมร ยกเลิกไประยะหนึ่ง ต่อมากลับมาสถาปนาใหม่ แต่ถูกลดบทบาท ศักดิ์ศรี อย่างมาก ถูกกดขี่จากฮวยเซ็ง นายกฯ เขมร อย่างมาก คฤหาสของฮวยเซ็งใหญ่โตหรูหรา อลังการ กว่าวังของกษัตริย์เขมรที่เก่ามาก แทบดูไม่ออกว่าเป็นวังของกษัตริย์เขมร จะเสด็จออกเยี่ยมประชาชนสักที ต้องให้ฮวยเซ็งอนุญาตก่อนอีกด้วย

ประเทศไทย สถาบันพระมหากษัตริย์ จึงถือเป็น "เสาหลัก" ทีมั่นคงของประเทศ ในการเผชิญกับภัยคุกคาม ทั้งทางเศรษฐกิจ และความยากจน ได้ผ่านการต่อสู้ทางวัฒนธรรม กับมหาอำนาจจักรวรรดินิยมมาหลายสมัย โดยพึ่งพระอัจริยภาพของพระมหากษัตริย์ของไทยแต่ละยุค ทำให้ประเทศไทย รอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของยุโรป เช่น สมัยรัชการที่ 4 – 6 พอถึงรัชกาลที่ 7 ลัทธิจักรวรรดินิยมอเมริกา แผ่ขยายเข้ามาในภูมิภาคเอซียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งเปลี่ยนรูปแบบการล่าอาณานิคม จากเดิมยกกองทัพเรือมาปิดอ่าว แล้วโจมตีด้วยอาวุธ และขอแบ่งปันดินแดน เปลี่ยนมาเป็นการแทรกแซงโดยระบบทุนนิยม และทางการเมือง

โดย 2 ประเทศนี้ได้ให้การสนับสนุน นายปรีดี เปลี่ยนแปลงการปกครอง ช่วงปี พ.ศ.2475 เพื่อล้มระบอบกษัตริย์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพียงเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบกษัตริย์ (สมบูรณาญาสิทธิราชย์) มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข พระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ ด้านการปกครอง ถูกโอนมาเป็นของรัฐบาลพลเรือน พระองค์จะทรงใช้พระราชอำนาจผ่านฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ในช่วงรัชกาลที่ 9 พระองค์ทรงใช้ทฤษฎี "เศรษฐกิจพอเพียง" ที่ได้รับการยกย่องไปทั่วโลกในการขจัดความยากจน แต่ทฤษฎีนี้กลับเป็นทฤษฎีที่ต้าน กระแสโลกาภิวัฒน์ ทุนนิยมตะวันตกอย่างได้ผลชงัด

จากนั้นมา “ขบวนการล้มเจ้า” ก็มีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องกันมา เริ่มจากเกิดรวมตัวของกลุ่มคอมมิวนิสต์ ก่อนปี พ.ศ.2500 ที่แผ่วมาก , วันเสียงปืนแตก 2508 , จนมาเป็นอดีตนักศึกษา และนักกิจกรรม ในยุค 14 ตุลาคม 2516 ต่อเนื่องมาจนถึง 6 ตุลาคม 2519 พวกนี้ในสมัยหนุ่มสาว ได้รับอิทธิพลทางความคิดจากลัทธิคอมมิวนิสต์ แนวทางสังคมนิยม ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นพวก “หัวก้าวหน้า” ขณะที่บางส่วนก็มีความเห็นในเชิงอุดมคติ ใฝ่ฝันจะเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ ทำให้เคยหลบหนีเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) จับอาวุธขึ้นสู้กับทหาร โดยฝันว่าจะสามารถ “ปลดแอก” นำไปสู่สังคมใหม่

เป้าหมายสูงสุด คือ การเปลี่ยนแปลงสังคมแบบถอนรากถอนโคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโค่นล้ม “สถาบันพระมหากษัตริย์” เหมือนกับกรณีปฏิวัติประชาชน ที่เกิดขึ้นในบางประเทศ เช่น ที่รัสเซีย ในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงยุคสงครามเย็น คือ ที่มีการแข่งกันเข้ามาอิทธิพลของมหาอำนาจทั้งสองฝ่าย ฝ่ายแรกเป็นฝ่ายทุนนิยมเสรี ที่นำโดยอเมริกา กับอีกฝ่าย คือ สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ นำโดยสหภาพโซเวียต และ จีน ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย ต่างมีจุดที่เหมือนกัน คือ ต้องการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย เพื่อครอบงำนักการเมืองจูงจมูกตามที่ประเทศเขาต้องการ เพราะเขารู้จุดอ่อนว่านักการเมืองไทย ละโมบโลภมาก และขี้โกง แบบหน้าด้าน

โซเวียต และ จีน จึงให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหว ของพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศต่างๆ ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในรูปแบบของเงินทุน อาวุธ และการสอนรูปแบบวิธีการ จนกระทั่งเกิดสงครามเวียดนาม และลุกลามเข้ามาจนทั่วภูมิภาคอินโดจีน และเข้ามาประเทศไทย ทางภาคอีสาน และภาคเหนือ เป็นหลัก แต่ด้วยโชคดีอย่างอัศจรรย์ ด้วยพระบารมี พระปรีชาสามารถ และด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล ของพระเจ้าอยู่หัว และราชวงศ์ทุกพระองค์ ที่ได้ทรงอุทิศพระวรกาย ทุ่มเท ทำพระองค์เป็นแบบอย่างกับราษฎร

และช่วงนั้นมี พล.อ.เปรม เป็นนายกฯ ได้ดำเนินนโยบาย 66/2523 สร้างความปรองดองกันในชาติ เพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ประกอบกับช่วงนั้นมีความขัดแย้งกันเอง ในกลุ่มประเทศคอมมิวนิสต์ ระหว่างจีน กับ รัสเซีย และประเทศไทยก็เปลี่ยนแปลงนโยบายเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสียใหม่กับจีน เช่น มีราชวงศ์ไทย ไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน และนายกฯ ไทยไปสามารถเจรจาให้จีน และรัสเซีย ยุติการสนับสนุนคอมมิวนิสต์ในไทย จนทำให้ พคท.ไทย อ่อนแอลงเรื่อยๆ และต้องปิดฉากการต่อสู้ด้วยอาวุธลงในเวลาต่อมา เกิดการวางปืน ยอมจำนน และจับมือกันกับทางการ จากคอมมิวนิสต์ มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แต่พวกกลุ่มอดีตนักศึกษาฝ่ายซ้ายจำนวนมาก ที่ส่วนใหญ่เคยอยู่ในเมือง ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพความยากลำบากในถิ่นธุระกันดารได้อีกต่อไป ทำให้อดีตกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ออกจากป่าสมรภูมิรบ หวนกลับคืนสู่เมืองมาใช้ชีวิตตามปกติ

แต่ก็ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่เรียกว่า “ซ้ายอกหัก” แม้ว่าจะออกมาจากป่า แต่คนกลุ่มนี้ยังไม่เคยละทิ้งความคิด ที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมตามอุดมคติดั้งเดิม ตามที่เคยใฝ่ฝันเอาไว้ โดยเฉพาะความพยายามในการ “โค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ “ เพื่อนำไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แต่พวกนี้ก็ต้องปรับวิธีการใหม่ โดยหันเข้าหาทุนนิยม ในจังหวะนั้นชายดูไบ ก็เข้าสู่วงการเมืองพอดี จึงกลายเป็นที่มาของ “คอมมิวนิสต์กลายพันธุ์ “ ร่วมกับ “ ทุนนิยมสุดโต่ง” สมประโยชน์กันทั้งความฝัน และอำนาจ ว่างั้นเถอะ ( ไปอ่านตอนเดิมรายละเอียดคอมมิวนิสต์ในไทยที่ https://www.facebook.com/media/set/?set ... 444&type=3 )

เริ่มแรก คอมมิวนิสต์กลายพันธุ์ พวกนี้ก็ใช้วิธี “ฝังตัว” ทำงานรับใช้ทุนนิยมสุดโต่ง ทั้งในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมไปถึงการปลูกฝังให้คำปรึกษา สร้างนโยบายทางการเมือง เพื่อผูกใจประชาชนรากหญ้า จนในที่สุดก็พัฒนากลายพันธุ์มาเป็น “ระบอบดูไบ” ที่เชื่อมโยงแบบพึ่งพาอาศัยกันแบบผีเน่า กับโลงผุ โดยมีเป้าหมายขั้นสุดท้ายคือต้อง “พลิกฟ้าคว่ำดิน” , คนกลุ่มนี้แทบบทั้งหมด ก็กลายเป็นมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “บริษัทไทยไม่รักไทย” ในเวลาต่อมา “ระบอบดูไบ” ขบวนการ “ล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า” ก็ถูกนำมาขยายแนวคิดสู่การปฏิบัติในเวลาต่อมา โดยมีเป้าหมายสำคัญ 5 ประการหลัก คือ
- สร้างระบบการเมืองพรรคเดียวเหมือนคอมมิวนิสต์
- สร้างระบบบริษัทการเมืองแบบรวมศูนย์กลางแนวฮิตเลอร์ผู้นำคนเดียวนำสูงสุด
- ทำลายความเข้มแข็งของระบบราชการแบบเก่า ให้รับใช้ระบบการเมืองอย่างเดียว ทำลายระบบคุณธรรมให้ยับเยิน
- แปลงสินทรัพย์ของรัฐส่วนรวมของชาติ มาเป็นทุนเข้ากระเป๋าพรรคพวกตนเอง
- บั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นเพียงสัญญลักษณ์ และล้มไปในที่สุด

เพื่อมุ่งทำให้ประเทศไทยเป็น “ระบอบสาธารณรัฐ” มีประธาธิบดีเป็นประมุข ชัดเจนมากขึ้นจาก ช่วงนายพลจิ๋ว พ้นนายกฯ และหวนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเผาไทย เขาเป็นผู้ร่วมขบวนการที่สร้างความปั่นป่วนใน เม.ย.53 นั่นเอง โดยนั่งสั่งการในรถตู้ ร่วมกับ นายพลป๊อบอาย เสธ แดง ให้ขนกองกำลังชุดดำติดอาวุธ ลงจากรถตู้หลายคัน ลงใกล้เชิงสะพานแห่งหนึ่งใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วโจมตีชายชุดเขียวคนไทยด้วยกันเอง และชายชุดกากี จนบาดเจ็บ ล้มตาย และเสธ เปา คือผู้เสียชีวิตในวันนั้นด้วย

โดยขบวนการดังกล่าว กระทำในหลายช่องทาง ในรั้วมหาวิทยาลัยก็ปลูกฝังความคิดล้มเจ้านี้ผ่านนักวิชากำกวมที่เห็นชัดหลายคนตอนนี้ ในสถาบันทางวิชาการ ในรัฐสภาโจ๊ก ในรัฐบาลเทียม แล้วใช้วิธีการเผยแพร่ความคิดซ้ำๆ ผิดๆ ผ่านทางสื่อมวลชนที่ซื้อไว้ เช่น ชายดูไบ ตั้งบริษัทไร่สีแดงผสมสีเหลือง 100 ล้านบาท แล้วให้สรยวยบริหาร , สถานีโว้ยทีวีของโอ้ค , เอเชียอาบแดดของคอมมิวนิสต์กลายพันธ์ , วิทยุชุมชน , หนังสือพิมพ์มติชิน , ข่าวไม่แห้ง , อินเตอร์เน็ต (จ้างทีมงานเงินเดือน 28,000 บาท) และสื่อไปยังประชาชน และเยาวชนรุ่นใหม่

รวมทั้งให้ทุนกับพวก กเรวราด เรียนไม่เก่ง นักเลงหัวไม้ คนตกงาน คนขับแท็กซี่ เช่น คากคกตู่ ใส้เดือนเต้น เจ๋ง กีร์ ชินหาบุญพาด ฯลฯ โดยสอดใส้คอมมิวนิสต์ นกแสก และโหวงเหวง คอยกำกับทิศทาง ในนามแก๊งค์อมเงินหัวคิวจัดม็อบ “ กลุ่ม เนรคุณป่วนชาติ (นปช.)” , กลุ่มโกเต็ก , กลุ่ม กวป. และอีกสารพัดกลุ่มนักเลงนอกกฎหมาย เคลื่อนไหวก่อความรุนแรงบนท้องถนน และมีหน้าที่ยิงหัวคนเสื้อแดงด้วยกันเอง ที่หลงผิดมาร่วมด้วย เพื่อสร้างสถานการณ์ป้ายความผิดให้สถาบันเบื้องสูง และชาย 3 สี , จึงเกิดการโจมตีใส่ร้าย สร้างข่าวเท็จ เกี่ยวกับ พระมหากษัตริย์ และเชื้อพระวงศ์ ตลอดมาตั้งแต่บางคนยังมีอายุน้อยๆ จนเป็นผู้ใหญ่อยู่ตอนนี้ แต่เริ่มหนักข้อเด่นชัดขึ้นแบบโจ่งแจ้ง ขบวนการใต้ดินเติบโต หลังปี 2545 โดย ชายดูไบ และบริษัทเผาไทย เป็นผู้อุปการุณอย่างเป็นทางการของแก๊งค์ล้มเจ้านี้ ชัดแบบหน้าด้านๆ ในช่วง 4 รัฐบาลเทียม คือ ชายดูไบ กุ๊กหมัก ชายซื้อตู้เย็นให้เมียน้อย และปูเน่า

ที่คนเหนือ และอีสาน บางคนยังไม่เชื่อว่า ชายดูไบ และ บริษัทเผาไทย ก็คือเจ้าของ “ บริษัทคอมมิวนิสต์กลายพันธ์แห่งประเทศไทย” และเป็นแก๊งค์ ที่อยู่เบื้องหลังการให้ร้าย ในหลวง และราชวงศ์ทุกประองค์ อย่างช้านานตลอดมานั้น..ขอให้คนเสื้อแดงทุกภาค ที่รักพระเจ้าอยู่หัว ให้รู้ความจริงเถิดว่า ในหลวง และราชวงศ์ ที่ท่านเคารพรัก “ กำลังถูกรังแกโดย ชายดูไบ และบริษัทเผาไทย “..ขอให้รีบบอกต่อๆ กันไป และออกมาแก้แค้นสั่งสอนเศษมนุษย์พวกนี้ ที่มันต้มตุ๋นท่านมาตลอดหลายสิบปี , “ขบวนการล้มเจ้า” หรือ “ขบวนการหมิ่นเบื้องสูง” รวมไปถึง “ขบวนการสาธารณรัฐ” ขยายพันธ์อย่างรวดเร็ว ในปัจจุบันจึงเกิดเว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ สร้างข่าวหมิ่น ให้ร้าย บิดเบือนและทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างภาพดึงเบื้องสูงลงมาให้เป็น “คู่ขัดแย้ง” กับบริษัทเผาไทยให้ได้

เมื่อไม่นานมานี้ มีการเปิดตัวกลุ่มการเมืองหนึ่ง ที่ตั้งขึ้นเพื่อล้มเจ้าโดยเฉพาะ โดยได้รับทุนหนุนจากบริษัทเผาไทย ไปจดทะเบียนกับ กกต.คือ “บริษัทคนธรรมดาแห่งประเทศไทย “ มีการเปิดตัวและนโยบายบริษัทที่ โรงแรม ดิอัมเมอรัล หัวหน้าบริษัท คือ ธนพร ที่มีตัวเอ้ล้มเจ้าไปร่วม เช่น นิธิ ม.เที่ยงคืน, สุธาชัย จอมประกันตัวผู้ต้องหาหมิ่นฯ , อั้ม เนโก๊ะ กระทิง ที่ชอบให้ผู้ชายรุมอัดก้นครั้งละหลายๆ คนพร้อมๆ กัน ไปสุมหัวกันอยู่ที่นั่น นโยบายบริษัทนี้ข้อแรก คือ ยกเลิก ม.112 พรรคล้มเจ้านี้ ก็คือ นอมินีของบริษัทเผาไทย นั่นเอง โดยวันเปิดตัวบริษัทล้มเจ้านี้ มีแจกันดอกไม้จากบริษัทเผาไทย มามอบให้แบบลับๆ หลังเวทีด้วย..

เนื้อหาต่อจากย่อหน้านี้ยาวมาก ไปอ่านรายละเอียดเนื้อหานี้เพิ่มเติมต่อ ที่ https://www.facebook.com/media/set/?set ... 444&type=1

@เสธ น้ำเงิน
ที่มา https://www.facebook.com/topsecretthai

“ หมายเหตุ ข้อความเพจนี้แต่ละตอน อาจมีแก้ไขดัดแปลงในภายหลัง ตามข้อมูลเพิ่มเติม หรือคำแนะนำที่สร้างสรรค์หลังการโพส จึงแนะนำว่าหากสนใจ ควรกดแชร์จากเพจต้นฉบับนี้ หากจะคัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด ของเนื้อหาไป ควรทิ้งเวลาราว 3 วัน และอ้างอิง เพจ แฉ..ความลับ @เสธ น้ำเงิน พร้อมลิ้งด้านล่าง เพื่อประโยชนสาธารณะ มาเช็คดูข้อความที่คัดลอกไป เทียบกับต้นฉบับจริง “
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

ฉากสุดท้ายของยิ่งลักษณ์

“สุมิตรา จันทร์เงา”สื่อมวลชนอาวุโสค่ายมติชน เขียนเฟซบุ๊กของเธอว่า“ผู้อำนวยการกับรองผู้อำนวยการของโรงเรียนทันวอนที่พานักเรียนไปทัศนศึกษาบนเรือเซวอลที่ล่ม ฆ่าตัวตายไปแล้วทั้งสองคน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เรือเฟอร์รี่ล่ม โดยรอง ผอ.ปลิดชีพด้วยความละอายใจที่หนีเอาตัวรอดออกมาจากเรือก่อนนักเรียน ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศจะลาออกทั้งคณะ หากไม่สามารถกู้เรือที่ล่มได้ ส่วนของไทย รัฐบาลทำประเทศชาติพังพินาศมาไม่รู้กี่เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องข้าว ยังคงหน้าด้านอยู่รักษาประชาธิปไตยต่อไป จิตสำนึกด้านความละอายไม่มีแม้แต่นิดเดียว!”

ข้อความเพียงไม่กี่บรรทัดบอกสภาพความ “โสโครก” ของนักการเมืองและระดับจิตของคนในสังคมไทยได้อย่างน่าคิด

ผมพูดมาตลอดว่า การอยู่ร่วมกันในสังคมมนุษย์นั้น มีกฏอยู่ 2 แบบ คือ

1.กฏที่เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ กฎหมาย
2.กฏที่มนุษย์ยึดถือผ่านการสั่งสอน เช่น จริยธรรม คุณธรรม ความละอายต่อบาป นิติรัฐ-นิติธรรม ธรรมาภิบาล ฯลฯ ว่าด้วยเรื่องของ “ธรรม” คือ สิ่งที่ควรประพฤติเป็นสำคัญ

ไม่ว่าจะทำผิดในกฏข้อหนึ่งข้อใด เป็นเรื่องที่คนทำจะต้อง “รู้สึก”และสังคมจะต้อง“ถือสา” ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนเป็นเยี่ยงอย่างชั่วๆ ทำให้ค่านิยมของคนทั้งสังคมเปลี่ยน และเพอกเฉยไม่เอาเรื่องเอาราว รอกฎหมายจัดการอย่างเดียว

สังคมมนุษย์ที่รอกฎหมายจัดการอย่างเดียว ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า จะมีมนุษย์ไว้ทำอะไร ไม่ต่างจากหัวตอรอหมาเดินมาเยี่ยวรด แล้วก็จากไป วันต่อไปก็มาเยี่ยวกันใหม่ อย่างนั้นหรือ?

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวก เพิกเฉยละเลย ปล่อยนักศึกษารามคำแหงถูกไล่ฆ่าทั้งวันทั้งคืน ไม่มีปฏิบัติการใดๆ ที่จะหยุดและช่วยชีวิต จนทหารต้องออกโรงช่วย สังคมไทยก็เฉย คงเพราะเด็กที่ตายไม่ใช่ลูกตัวเอง เลยไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ไม่เรียกหา “ความรับผิดชอบ”

กรณีเดียวกันนี้ ถ้าเกิดที่ประเทศเกาหลีใต้ จาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการซึ่งไปชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ใกล้ๆที่เกิดเหตุแค่ไม่กี่ก้าวตีน คงแถลงลาออก หรือไม่ก็ฆ่าตัวตายไปนานแล้ว รวมถึงนายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้วย ไม่ต้องพูดถึงนางยิ่งลักษณ์ ผู้ถ่างขาควบระหว่างเก้าอี้นายกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ต้องถามว่า วันนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สถานที่เกิดเหตุ จะอยู่ในสภาพใด ระหว่างตำรวจที่ลาออกจากราชการ หรือวิญญาณในปรโลก

แต่ประเทศไทย สังคมไทย มันไม่มีความแข็งแรงในเรื่องพวกนี้ เราจึงมีเยาวชนพลเมืองของเราที่ต้องวิ่งหนีลูกกระสุนปืน หลบซ่อนตัวตามตึกต่างๆ ขาดน้ำ ขาดอาหาร หาทางเอาชีวิตรอดให้ได้ด้วยตัวเอง ราวกับอยู่ในป่าดงดิบที่ไม่มีนายกฯ ไม่มีตำรวจ ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง

จบเรื่องแล้วก็จบกัน ไม่ขอโทษ ไม่เสียใจ ไม่ประกาศสักคำว่า จะเอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้จงได้ โดยไม่ช้า ---นั่นคือนางยิ่งลักษณ์ ผู้มีปัญหาเอ็นข้อเท้านานกว่าใครในโลก จากการตกรถตู้แค่ครั้งเดียว

เมื่อบ้านเมืองและผู้คนมันอ่อนปวกเปียกกันในเรื่องของจริยธรรม และ “ความรับผิดชอบทางสังคม” นักการเมืองมันก็ไม่สนใจสังคม เพราะสังคมไม่เอาเรื่องมัน มันก็ตอแหลไปวันๆ โกหกไปวันๆ ประกาศครอบครองพื้นที่ประชาธิปไตย แล้วเสือกไสฝ่ายตรวจสอบเป็นพวกนอกระบบประชาธิปไตยโดยมีสื่อโสเภณี นักกฎหมาย และนักวิชาการสารเลว ช่วยกันบิดเบือน สร้างความเชื่อที่คลาดเคลื่อน และใส่ความองค์กรอิสระกับศาลอย่างเป็นระบบ

เรากำลังอยู่ในประเทศที่ “โจรเสียงดัง” และ “คนไล่โจร” ถูกตีตราว่าเป็น “ผู้ร้าย” ขนาด ป.ป.ช. กับ ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำงานภายใต้กฎหมาย ยังมีขบวนการทำลายความน่าเชื่อถือไม่เว้นแต่ละวัน

1) ทำไม “ชัยเกษม นิติสิริ” ออกมามีบทบาทมากเหลือเกินในช่วงนี้

2) ศอ.รส. เป็นหน่วยงานที่รัฐบาลรักษาการตั้งขึ้น ใช้งบประมาณแผ่นดินจากภาษีประชาชนเป็นค่าใช้จ่าย แถลงการณ์นี้ใช้ “จินตนาการส่วนตัว” เพ้อเจ้อไปเองว่า ป.ป.ช.จะทำอย่างนั้น ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างนี้ ถือเป็นการก้าวก่ายการทำหน้าที่ขององค์กรอิสระและศาล ซึ่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย และเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางและถาวร กว่า ศอ.รส. ซึ่งเป็นเพียงหน่วยงานที่รัฐบาลที่ประชาชนไม่ยอมรับตั้งขึ้น จึงอยู่ในสภาพ “ขี้ข้ารักษานาย” ที่ไร้มารยาทอย่างยิ่งเท่านั้น

3) น่าสังเกตว่า เมื่อทั้ง 2 คดีนี้งวดเข้ามา เกิดการดิ้นรนขอเพิ่มพยานกับ ป.ป.ช. ไม่รู้จบ, ขอยืดเวลาให้ถ้อยคำแก่ศาล รธน., ให้นักกฎหมาย ซึ่งจำนวนมากเหมือน “นักกฎหมา” มากกว่า ออกมาสร้างความสับสนให้สังคม ด้วยการทำลายความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. และศาล เพื่อให้สังคมไม่เชื่อคำตัดสินไว้ล่วงหน้าแล้ว แถมให้ นปช. สายอันธพาล พูดจาในเชิงข่มขู่กดดันศาลกับ ป.ป.ช. อยู่ตลอดเวลา เรียกว่าใช้ทุกวิถีทาง เพื่อหาทางรอด

4) ศอ.รส. มีหน้าที่อะไร ในการ “ให้ความเห็นทางกฎหมาย” นี่เป็นแค่ “ความเสือก” ระดับที่บุพการี “ไม่สั่งสอน” ใช่หรือไม่ ชัยเกษมกับพวก ทำราวกับ ศอ.รส. เป็นกฤษฎีกา เป็นสำนักงานอัยการสูงสุดหรือเป็นองค์กรทางกฎหมาย ทั้งๆที่มีหน้าที่เป็นแค่“รปภ.”คือ ยามเฝ้าระวังสถานการณ์เท่านั้น หากห่วงใยบ้านเมืองอย่างบริสุทธิ์ใจ ก็แค่เตือนไปยังองค์กรอิสระกับศาล ถึงความเคลื่อนไหวของมวลชนทั้งสองฝ่ายที่น่าเป็นห่วงก็พอ ไม่ใช่ไปตัดสินเองแล้ว ว่าทั้งสองหน่วยงานจะตัดสินยังไง เพราะอะไร นั่นเป็นการ “ใส่ความ” อย่างมีเล่ห์เหลี่ยม เอาความรู้ทางกฎหมายที่มีมาหลบเลี่ยงเพื่อด่าศาลและ ป.ป.ช. ดักทางว่าจะตัดสินออกมาอย่างไร แล้วชิงสื่อสารกับสังคมว่า ตัดสินเช่นนั้นไม่ได้ สำหรับผม พฤติกรรมนี้ของชัยเกษมและคณะ เป็นความ “ระยำอย่างยิ่งยวด”

5) ต่อให้มีการตัดสินออกมาอย่างที่คาดการณ์ ก็ไม่ใช่ความผิดใดๆ ของ ป.ป.ช. กับศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดสุญญากาศ บ้านเมืองมีกฎหมาย อีนางโจรกับพวกทำผิดกฎหมาย แล้วเป็นผลให้เกิดสุญญากาศ ถามว่าโจรผิด หารือศาลผิด ก็ต้องอีนางโจรกับพวกสิครับ ที่ผิด จะมาโทษศาลได้ยังไง ใครก็ตามที่โทษศาลในสถานการณ์แบบนี้ได้ ผมถือว่า อ้ายอีผู้นั้นฝักใฝ่อยู่กับโจร มากกว่ากฎหมายและศาลครับ

6) การกล่าวว่า “เพราะเมื่อศาลรัฐธรรมนูญจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญเสียเอง คณะรัฐมนตรีก็ชอบที่จะทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยว่าคณะรัฐมนตรีต้องพ้นจากการอยู่ในตำแหน่งตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินจากรัฐธรรมนูญหรือไม่” เป็นความชั่วหลายชั้น 6.1 เริ่มจากใส่ความว่าศาลจะตัดสินอย่างนั้น, 6.2 ทำให้เข้าใจว่าตัดสินอย่างนั้นไม่ได้, ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ว่าองค์พระประมุขทรงมีพระราชอำนาจในการวินิจฉัย ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ เป็นเพียงการวินิจฉัยว่า ยิ่งลักษณ์ต้องสิ้นสุดสถานะความเป็นรัฐมนตรีเพราะเหตุกระทำผิดที่เข้าข่ายขัดต่อการสิ้นสุดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่เท่านั้น เป็นงาน “ธุรการ” ธรรมดาๆ ที่กฎหมายมอบหมายให้ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” ทำหน้าที่วินิจฉัย มิใช่องค์พระประมุข จะทำเรื่องนี้ให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเพื่ออะไร พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง ทำไมชัยเกษมคิดจะดึงพระองค์ท่านมาเป็นผู้วินิจฉัยเรื่องที่จะมีทั้งฝ่ายพอใจและไม่พอใจ เขาหวังผลอะไรจากการนี้ ลองตั้งสติแล้วคิดกันให้ถี่ถ้วนเถิดครับ

พี่น้องประชาชนครับ ท่านคือ “เจ้าของอำนาจอธิปไตย” ตามรัฐธรรมนูญ ท่านคือมนุษย์ที่รู้จักจริยธรรม มีต่อมแยกแยะผิดชอบชั่วดี ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของประเทศชาตินี้ อย่าปล่อยให้ใครมาบิดเบือนข้อกฎหมาย ทำผิดแล้วโทษกฎหมาย โทษศาล ทั้งดึงพระมหากษัตริย์ลงสู่ความขัดแย้ง

ยิ่งลักษณ์ทิ้งอำนาจที่ได้รับด้วยมือของเธอเองผ่านการยุบสภา ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ ขอ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” เธอกับพวก พยายามชิงอำนาจกลับด้วยการผลักดันการเลือกตั้งแต่ก็ล้มเหลว เมื่ออาจจะต้อง “พ้นสภาพโดยสิ้นเชิง” เพราะกฎหมายสั่ง ก็หันมาเล่นงานกฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมาย

ก็คิดดูเถิดครับ การกระทำนี้ในนาม ศอ.รส. ของชัยเกษม นิติสิริ กับพวก ท่านว่าใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ บริสุทธิ์ใจหรือมีเล่ห์กลทางการเมือง ผมเชื่อว่าประชาชนอ่านออก และโปรดติดตามพฤติกรรมของชัยเกษมกับพวกกันต่อไป

_________________________

'เจ้ปองเพิ่งรายงานเมื่อสักครู่ผ่านบลูสกาย นายทหารชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเจรจากับอีดอกงิ้ว กับนางกระบังลมอีอ้อ พร้อมเปิดสายกับไอ้แซ่คูทำลายชาติหน้าเหลี่ยม ทางทหารเสนอให้คนตระกูลชินวัตร ออกไปนอกประเทศสักพัก เมื่อบ้านเมืองเรียบร้อยจึงกลับมาแก้คดี ทั้งไอ้เหลี่ยมและเมียของมันยอม แต่ที่ต้องอึ้งและเรามวลมหาประชาชนเข้าใจผิดมาตลอดคือ คนที่ไม่ยอมคือ อีดอกงิ้ว มันตอบทหารว่า มันไม่ได้ทำอะไรผิด แค่นั่งหัวโต๊ะ ให้มันออกนอกประเทศ มันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? มันเป็นคนไทยเกิดที่นี่จะไปไหนมาไหนก็ได้ ทำไมต้องออกไปต่างประเทศ นายทหารบอกว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาคุณแล้ว มันยังเถียงว่ามันไม่ได้ทำอะไรผิดมันไม่ไป ไม่ออก ถ้าอยากให้ออกก็ทำปฏิวัติเลยมันท้า เป็นไงครับพี่น้องเราเจอกับคนโง่แต่ยอดชั่วเข้าให้แล้ว'
ไฟล์แนบ
dt032208-284-2.jpg
dt032208-284-2.jpg (107.31 KiB) เข้าดูแล้ว 417 ครั้ง
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

:idea:
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

:idea:
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

:idea:
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

:idea:
grit
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1000
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2012, 10:12
Tel: 0845152648
team: เทศบาลเมืองปากน้ำ
Bike: Universal
ติดต่อ:

Re: ลุ่มเจ้าพระยา Easylife Cycling

โพสต์ โดย grit »

:arrow:
ตอบกลับ

กลับไปยัง “จัดทริปย่อย”