ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
พอดีลูกเค้าซื้อจักรยานให้เป็นของขวัญปีใหม่ พอได้รถใหม่ก็เริ่มฟุ้งซ่าน อยากจะลองรถ ก็เลยวางแผนปั่นจักรยานเที่ยว หลังจากศึกษาเส้นทางระยะหนึ่งก็สรุปได้ว่าจะปั่นไปเที่ยวเวียดนาม โดยวางแผนจะปั่นจากตราดเข้าเขมรที่เกาะกง จากเกาะกงก็จะปั่นไปกัมปอต ไปสีหนุวิลล์แล้วไปเข้าวียดนามที่ ฮา เตียน จากนั้นก็จะปั่นลัดเลาะตามสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงไปโฮจิมินท์ซิตี้ แล้วก็จะไปดูทะเลทรายที่มุยเน่แล้วนั่งรถไฟไปเว้ เที่ยวเว้ ฮอย อันแล้วปั่นเข้าลาวที่อัดตะปือ เพื่อจะไปเซกอง ปากซอง และปากเซ
แต่.....มีแต่ก็เพราะว่าเวลาหาข้อมูลหลงเข้าเวปพันทิป บังเอิญมีคนมาขอความเห็นว่าระหว่าง มุยเน่ กับดาลัดช่วงเดือนมกราคมนี้ควรไปที่ไหนดี ปรากฎว่าร้อยละเก้าสิบห้าบอกว่าไปดาลัต ไอ้ผมก็ประเภทเชื่อคนง่ายเสียด้วย ดาลัดก็ดาลัด ว่าแล้วก็มาวางเส้นทางใหม่เป็นดังนี้
วันแรก กทม.-ตราด (๓๑๖ ก.ม.) โดยรถทัวร์
วัน ๒ ตราด-เกาะกง (๑๐๗ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๓ เกาะกง- อันดง ตึก (๑๐๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๔ อันดง ตึก-กัมปอต (๑๔๐ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๕ กัมปอต-ฮา เตียน (๗๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๕ ฮา เตียน – โฮจิมินท์ซิตี้ (๓๐๖ ก.ม.) รถทัวร์ หมายเหตุ เวลาไม่พอครับถ้าปั่นจักรยานก็ต้องใช้เวลาถึงสามวัน
วัน ๖ โฮจิมินท์ซิตี้ – วันพัก เที่ยวชมเมือง
วัน ๗ โฮจิมินท์ซิตี้ – วันพัก เที่ยวชมเมือง
วัน ๘ โฮจิมินท์ซิตี้-ดินท์ กวน (๑๑๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๙ ดินท์ กวน-เบ๋า ล๊อค (๘๔ ก.ม.) จักรยาน หมายเหตุ วันนี้ต้องปั่นบนเขาเลยวางระยะทางแค่นี้
วัน ๑๐ เบ๋า ล๊อค-ดาลัด (๑๒๐ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๑ ดาลัด – วันพัก เที่ยวชมเมือง
วัน ๑๒ ดาลัด – วันพัก เที่ยวชมมเอง
วัน ๑๓ ดาลัด-คอน ตุม-ง็อก หอย รถทัวร์
วัน ๑๔ ง็อก หอย-อัดตะปือ (๑๕๔ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๕ อัดตะปือ-เซกอง (๗๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๖ เซกอง-ปากซอง-ปากเซ (๑๓๕ ก.ม.) จักรยาน อันนี้คุณหางแฮ้ม กูรูเส้นทางประเทศลาวบอกว่าวันเดียวปั่นได้อยู่แล้ว
วัน ๑๗ ปากเซ - วันพัก คงจะไปเก็บน้ำตกแถวใกล้ๆ ปากเซ
วัน ๑๘ ปากเซ-อุบล (๔๕ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๘ อุบล-กทม. รถทัวร์
สมบัติที่หอบไปนอกจากเสื้อผ้าก็มีแค่นี้ล่ะครับ
กำหนดเดินทาง
วัน ๐๑ (๘ ม.ค. ๕๖) กรุงเทพฯ – ตราด
ใช้บริการ บขส. ครับ ตีตั๋วคนแก่ถูกดี บริการก็ใช้ได้แถมจักรยานไม่ต้องเสียค่าระวาง ประหยัดไว้ก่อนงานนี้ไปยาว เดี๋ยวไปอดตายกลางทาง (ฮา)
จัดการห่อหุ้มรถหน่อย ยังใหม่อยู่ (ตลอดทริปหุ้มครั้งเดียวนี่แหละครับ ๕๕ ๕๕)
รถออกสี่ทุ่ม กำหนดถึงตราดตีสี่ หลับมาตลอดทาง มาสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเอะอะ หยิบโทรศัพท์มาดูเวลาเพิ่งจะตีสาม แต่พนักงานประจำรถบอกตราดแล้วค่ะ อ้าวแล้วตรูจะทำอย่างไร ลงรถมาแบบงงๆ เอารถมาประกอบ ดูเวลาตีสามสิบห้าเอง เลยปั่นเข้าไปตลาดตามล่าหาเซเว่น ได้กาแฟร้อนแก้วหนึ่ง ซดกาแฟหมดตัดสินใจว่าอยู่ไปก็เสียเวลาเปล่าๆ ว่าแล้วลุยโลด ตีสามสี่สิบห้าปั่นจากตราดไปคลองใหญ่ (บ้าเปล่า) ผู้ใหญ่อายุเกินห้าสิบควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง ๕๕ ๕๕
วัน ๐๒ (๐๙ ม.ค. ๕๖) ตราด – เกาะกง (๑๐๒ ก.ม.)
ออกจากตราดก็เจอเนินซึมยาว แวะพักตู้ยามบ้านแหลมกลัด ไม่ได้ดูตาแมวว่าระยะทางเท่าไหร่ แต่เป็นช่วงเวลาตีห้ากว่าๆ
แล้วไต่เนินจนถึงปากทางเข้าหาดราชการุนย์ แวะพักกินของว่างที่ได้รับจาก บขส. บอกแล้วงานนี้ประหยัดไว้ก่อน หลังของว่างก็กินยา ถ่ายรูป อันนี้ไม่น่าจะใช่ศาลนะครับเพราะมีพระพุทธรูปอยู่ข้างใน ขออภัยลืมจดรายละเอียดมาครับ
.
ออกจากปากทางหาดราชการุนย์ ทางก็เป็นเช่นนี้แหละครับ มีเนินให้กดบันไดเล่นแก้เซ็งตลอดทางจนถึงคลองใหญ่ ระยะทางประมาณ ๗๔ ก.ม.
เล่นลูกระนาดขนาดใหญ่มาจนแรงหมด หมดแรงก็ถึงสี่แยกเข้าคลองใหญ่ ว่าแล้วกันหันหัวเข้าคลองใหญ่ จ๊ะเอ๋กับผู้โชคร้าย ร้านข้าวมันไก่สั่งทีเดียว สองจานเลยแม่ค้าถึงกับเหวอ คงคิดว่าตาแก่นี่ตายอดตายอยากมาจากไหน จัดการข้าวมันไก่เรียบร้อยก็ตามหาเซเว่น เกเตอเรด ๑ ขวด จัดไป จากนั้นก็กระดืบๆ ออกจากจากคลองใหญ่ มุ่งหน้าหาดเล็ก เฮ้อเลี้ยวปุ๊บก็เจอปั๊บเนินลูกย่อมๆ อะเด็กๆ ปั่นขึ้นชิว ชิว แต่ยิ่งปั่นทำไมเนินมันย่อมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ระยะทาง ๑๕ ก.ม. ปั่นเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านหาดเล็ก จนถึง ก.ม.สุดท้ายนั้นแหละถึงได้ทิ้งดิ่งลงยันด่านตรวจคนเข้าเมือง เอ๊ย..ออกเมือง
ซื้อซิมเขมรแถวหน้าด่านในราคา ๑๕๐ บาท รู้สึกว่าแพงไปหน่อยแต่คนขายบอกว่ามีเงินให้ ๔ เหรียญ (อเมริกัน – จากนี้ถ้าหน่วยเงินเป็นเหรียญโปรดเข้าใจว่าเป็นอเมริกันดอลล่าร์นะครับ) ยื่นเอกสารทำเรื่องผ่านแดน ก่อนจะเข้าเขมรก็เช็คหน่อยว่าเงินในโทรศัพท์มีอยู่เท่าไหร่เพราะจะโทรบอกลูก ปรากฎว่ามีอยู่ .๒๐ เหรียญกับอีก ๓.๘๐ เหรียญ ที่ให้ใช้โทรได้เฉพาะในเครือข่ายเท่านั้น เกิดอาการหงุดหงิดเล็กน้อย แต่มานึกดีๆ คนขายก็ไม่ได้โกหก แต่ตรูโง่เอง ยัง ยังไม่หมดข้ามมาฝั่งเขมร โดนจนท. อนามัย ยิงวัดอุณหภูมิโดนไปอีกยี่สิบบาท ที่กลุ่มฝรั่งไม่เห็นโดน นี่แหละครับไอ้ใบเหลืองๆ นี่ ๒๐ บาท
เอาบัตรเข้าเมืองมากรอกแล้วไปยื่น ต.ม. ถาม Thailandia บอกเยส เค้าบอกว่า Thailandia จ่ายมา สองร้อยบาท จะบ้าเหรอ ฝรั่งไม่เห็นเห็นต้องจ่าย ถามไปว่าเป็นค่าอะไรก็ตอบไม่ได้แถมเนียนทำเป็นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ซักไปซักมาเค้าบอกร้อยหนึ่งก็ได้ ค้นกระเป๋ามีเงินไทยอยู่ ๗๐ บาท ขอต่อเหลือ ๗๐ บาท จนท. ส่ายหัวดิก ไม่ได้ร้อยบาทไม่ให้เข้า เฮ้อ...ผีถึงป่าช้าแล้ว ไม่จ่ายก็ต้องดันเนินกลับตราด ก็เลยควักให้ไป ๑๐ เหรียญ จนท. ทอนให้ สองร้อยบาท คิดผิดนะนี่ที่ผ่านเขมร ครั้งแรกในชีวิตที่เดินทางเข้าเขมรก็เจอแบบนี้เลย เข็ดบักข้องด้องเลยงานนี้ ออกจากด่านก็เนินยิ้มต้อนรับอีกแล้ว ก่อนถึงเนินก็มีคาสิโนต้อนรับเรียงรายสองฝั่งทาง รูปนี่หันหลังกลับไปถ่ายรูปก่อนดันเนินครับ
พ้นเนินไหลลงไปได้หน่อยก็เจอเนินซึมยาวจนถึงเกาะกงเลย ก่อนเข้าเกาะกงเจอป้าย Pay Toll Ahead เอาอีกแล้วคงต้องโดนเขมรฟันอีกแน่ๆ จำยอมปั่นจักรยานเข้าไปเทียบ เจอนางอัปสร เอ๊ย นางฟ้าเขมร ถามว่า How much? นางฟ้าตอบกลับมาว่า Free, bicycle free. แหมอยากจะหอมแก้มน้องสักฟอด กำลังว่าจะขอถ่ายรูปโดนรถเก๋งบีบแตรไล่ อดเลย ค่าผ่านทางที่เค้าเก็บเป็นค่าใช้สะพานซึ่งทอดข้ามทะเลมีความยาว ๑.๙ ก.ม. ปั่นสบายๆ ไม่มีเสียวเหมือนสะพานเข้าปากเซ
ถึงตัวเมืองเกาะกง ใช้เวลาไป ๕ ช.ม. ๔๒ นาที กับระยะทาง ๑๐๗ ก.ม.
เสียเวลาตระเวณหาที่พักจนเกือบเที่ยง ไปได้ที่ Bluemoon Guesthouse ในราคา ๖ เหรียญ หรือ ๑๘๐ บาท เป็นห้องพัดลมมีเครื่องทำน้ำอุ่น มีโทรทัศน์ ฟรีไวไฟ สภาพห้องตามรูปเลยครับ
ห้องสะอาดพอสมควร เอาเป็นว่าคุ้มราคา ๑๘๐ บาทล่ะครับ เจ้าของพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเป็นอดีต Park Ranger ตอนนี้นอกจากทำบ้านพักแล้วยังจัดทัวร์เดินป่าด้วย เห็นรูปฝรั่งไปกันเยอะเหมือนกัน อาบน้ำเสร็จก็ปั่นไปหาข้าวกิน เจอร้านคนเวียด เห็นลูกค้าเยอะดี ไปด้อมๆ มองๆ ได้พะโล้กับข้าวเปล่า ๑ จาน ชุดนี้ ๑ เหรียญ ๓๐ บาท ไม่แพง ไม่โดนฟัน
เกาะกงเป็นเมืองเล็กๆ ภายในตัวเมืองไม่มีแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติแวะมาเพราะเป็นทางผ่านไปสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลนักท่องเที่ยวประเภท Backpacker จะนิยมไปกัน แหล่งท่องเที่ยวของเกาะกงจะเป็นการชมธรรมชาติในละแวกใกล้เคียง ซึ่งมีทั้ง ป่า ภูเขา และน้ำตก ปั่นจักรยานไปถ่ายรูปแถวสะพาน ๒-๓ รูป ช่วงนี้มีการร่วมจัดงาน OTOP ระหว่างจังหวัดเกาะกงกับจังหวัดตราดบริเวณเชิงสะพาน แต่ไม่ได้เข้าไปดู อันนี้ไม่มีค่าผ่านประตูหรอกครับ แต่จักรยานเข้าไม่ได้ กลับไปนอนเอาดีกว่าพรุ่งนี้ต้องปั่นอีกยาว
ตอนเย็นออกไปหาข้าวกินแถวริมทะเล จะมีแผงขายอาหารปิ้ง ย่าง เยอะมากส่วนมากก็จะเป็นอาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอยแครง แต่ผมเป็นความดันโลหิตสูงหมอห้ามอาหารทะเล ก็เลยไปได้อาหารยอดฮิตของอินโดจีน ก็คือบาเก็ตยัดใส้ หรือข้าวจี่ของลาวนั่นแหละครับ ๑ เหรียญ ๓๐ บาท เอ่อค่อยคบกันได้หน่อย แล้วก็ปั่นกลับบ้านพัก ระหว่างทางก็เจอสาวญวนนุ่งสั้น ชวนให้เข้าไปใช้บริการมาสซาส พรุ่งนี้พี่ต้องใช้พลังงานอีกเยอะน้องเอ๋ย ขอกลับไปพักผ่อนดีกว่า
หมายเหตุ สะพานเกาะกง ลงทุนสร้างและบริหารโดยคนไทย ค่าผ่านทางสำหรับ รถยนต์ ๔,๘๐๐ เรียลหรือ ๔๔ บาท จักรยานยนต์ ๑,๒๐๐ เรียล หรือ ๑๑ บาท
แต่.....มีแต่ก็เพราะว่าเวลาหาข้อมูลหลงเข้าเวปพันทิป บังเอิญมีคนมาขอความเห็นว่าระหว่าง มุยเน่ กับดาลัดช่วงเดือนมกราคมนี้ควรไปที่ไหนดี ปรากฎว่าร้อยละเก้าสิบห้าบอกว่าไปดาลัต ไอ้ผมก็ประเภทเชื่อคนง่ายเสียด้วย ดาลัดก็ดาลัด ว่าแล้วก็มาวางเส้นทางใหม่เป็นดังนี้
วันแรก กทม.-ตราด (๓๑๖ ก.ม.) โดยรถทัวร์
วัน ๒ ตราด-เกาะกง (๑๐๗ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๓ เกาะกง- อันดง ตึก (๑๐๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๔ อันดง ตึก-กัมปอต (๑๔๐ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๕ กัมปอต-ฮา เตียน (๗๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๕ ฮา เตียน – โฮจิมินท์ซิตี้ (๓๐๖ ก.ม.) รถทัวร์ หมายเหตุ เวลาไม่พอครับถ้าปั่นจักรยานก็ต้องใช้เวลาถึงสามวัน
วัน ๖ โฮจิมินท์ซิตี้ – วันพัก เที่ยวชมเมือง
วัน ๗ โฮจิมินท์ซิตี้ – วันพัก เที่ยวชมเมือง
วัน ๘ โฮจิมินท์ซิตี้-ดินท์ กวน (๑๑๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๙ ดินท์ กวน-เบ๋า ล๊อค (๘๔ ก.ม.) จักรยาน หมายเหตุ วันนี้ต้องปั่นบนเขาเลยวางระยะทางแค่นี้
วัน ๑๐ เบ๋า ล๊อค-ดาลัด (๑๒๐ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๑ ดาลัด – วันพัก เที่ยวชมเมือง
วัน ๑๒ ดาลัด – วันพัก เที่ยวชมมเอง
วัน ๑๓ ดาลัด-คอน ตุม-ง็อก หอย รถทัวร์
วัน ๑๔ ง็อก หอย-อัดตะปือ (๑๕๔ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๕ อัดตะปือ-เซกอง (๗๒ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๖ เซกอง-ปากซอง-ปากเซ (๑๓๕ ก.ม.) จักรยาน อันนี้คุณหางแฮ้ม กูรูเส้นทางประเทศลาวบอกว่าวันเดียวปั่นได้อยู่แล้ว
วัน ๑๗ ปากเซ - วันพัก คงจะไปเก็บน้ำตกแถวใกล้ๆ ปากเซ
วัน ๑๘ ปากเซ-อุบล (๔๕ ก.ม.) จักรยาน
วัน ๑๘ อุบล-กทม. รถทัวร์
สมบัติที่หอบไปนอกจากเสื้อผ้าก็มีแค่นี้ล่ะครับ
กำหนดเดินทาง
วัน ๐๑ (๘ ม.ค. ๕๖) กรุงเทพฯ – ตราด
ใช้บริการ บขส. ครับ ตีตั๋วคนแก่ถูกดี บริการก็ใช้ได้แถมจักรยานไม่ต้องเสียค่าระวาง ประหยัดไว้ก่อนงานนี้ไปยาว เดี๋ยวไปอดตายกลางทาง (ฮา)
จัดการห่อหุ้มรถหน่อย ยังใหม่อยู่ (ตลอดทริปหุ้มครั้งเดียวนี่แหละครับ ๕๕ ๕๕)
รถออกสี่ทุ่ม กำหนดถึงตราดตีสี่ หลับมาตลอดทาง มาสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเอะอะ หยิบโทรศัพท์มาดูเวลาเพิ่งจะตีสาม แต่พนักงานประจำรถบอกตราดแล้วค่ะ อ้าวแล้วตรูจะทำอย่างไร ลงรถมาแบบงงๆ เอารถมาประกอบ ดูเวลาตีสามสิบห้าเอง เลยปั่นเข้าไปตลาดตามล่าหาเซเว่น ได้กาแฟร้อนแก้วหนึ่ง ซดกาแฟหมดตัดสินใจว่าอยู่ไปก็เสียเวลาเปล่าๆ ว่าแล้วลุยโลด ตีสามสี่สิบห้าปั่นจากตราดไปคลองใหญ่ (บ้าเปล่า) ผู้ใหญ่อายุเกินห้าสิบควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครอง ๕๕ ๕๕
วัน ๐๒ (๐๙ ม.ค. ๕๖) ตราด – เกาะกง (๑๐๒ ก.ม.)
ออกจากตราดก็เจอเนินซึมยาว แวะพักตู้ยามบ้านแหลมกลัด ไม่ได้ดูตาแมวว่าระยะทางเท่าไหร่ แต่เป็นช่วงเวลาตีห้ากว่าๆ
แล้วไต่เนินจนถึงปากทางเข้าหาดราชการุนย์ แวะพักกินของว่างที่ได้รับจาก บขส. บอกแล้วงานนี้ประหยัดไว้ก่อน หลังของว่างก็กินยา ถ่ายรูป อันนี้ไม่น่าจะใช่ศาลนะครับเพราะมีพระพุทธรูปอยู่ข้างใน ขออภัยลืมจดรายละเอียดมาครับ
.
ออกจากปากทางหาดราชการุนย์ ทางก็เป็นเช่นนี้แหละครับ มีเนินให้กดบันไดเล่นแก้เซ็งตลอดทางจนถึงคลองใหญ่ ระยะทางประมาณ ๗๔ ก.ม.
เล่นลูกระนาดขนาดใหญ่มาจนแรงหมด หมดแรงก็ถึงสี่แยกเข้าคลองใหญ่ ว่าแล้วกันหันหัวเข้าคลองใหญ่ จ๊ะเอ๋กับผู้โชคร้าย ร้านข้าวมันไก่สั่งทีเดียว สองจานเลยแม่ค้าถึงกับเหวอ คงคิดว่าตาแก่นี่ตายอดตายอยากมาจากไหน จัดการข้าวมันไก่เรียบร้อยก็ตามหาเซเว่น เกเตอเรด ๑ ขวด จัดไป จากนั้นก็กระดืบๆ ออกจากจากคลองใหญ่ มุ่งหน้าหาดเล็ก เฮ้อเลี้ยวปุ๊บก็เจอปั๊บเนินลูกย่อมๆ อะเด็กๆ ปั่นขึ้นชิว ชิว แต่ยิ่งปั่นทำไมเนินมันย่อมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ระยะทาง ๑๕ ก.ม. ปั่นเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านหาดเล็ก จนถึง ก.ม.สุดท้ายนั้นแหละถึงได้ทิ้งดิ่งลงยันด่านตรวจคนเข้าเมือง เอ๊ย..ออกเมือง
ซื้อซิมเขมรแถวหน้าด่านในราคา ๑๕๐ บาท รู้สึกว่าแพงไปหน่อยแต่คนขายบอกว่ามีเงินให้ ๔ เหรียญ (อเมริกัน – จากนี้ถ้าหน่วยเงินเป็นเหรียญโปรดเข้าใจว่าเป็นอเมริกันดอลล่าร์นะครับ) ยื่นเอกสารทำเรื่องผ่านแดน ก่อนจะเข้าเขมรก็เช็คหน่อยว่าเงินในโทรศัพท์มีอยู่เท่าไหร่เพราะจะโทรบอกลูก ปรากฎว่ามีอยู่ .๒๐ เหรียญกับอีก ๓.๘๐ เหรียญ ที่ให้ใช้โทรได้เฉพาะในเครือข่ายเท่านั้น เกิดอาการหงุดหงิดเล็กน้อย แต่มานึกดีๆ คนขายก็ไม่ได้โกหก แต่ตรูโง่เอง ยัง ยังไม่หมดข้ามมาฝั่งเขมร โดนจนท. อนามัย ยิงวัดอุณหภูมิโดนไปอีกยี่สิบบาท ที่กลุ่มฝรั่งไม่เห็นโดน นี่แหละครับไอ้ใบเหลืองๆ นี่ ๒๐ บาท
เอาบัตรเข้าเมืองมากรอกแล้วไปยื่น ต.ม. ถาม Thailandia บอกเยส เค้าบอกว่า Thailandia จ่ายมา สองร้อยบาท จะบ้าเหรอ ฝรั่งไม่เห็นเห็นต้องจ่าย ถามไปว่าเป็นค่าอะไรก็ตอบไม่ได้แถมเนียนทำเป็นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ซักไปซักมาเค้าบอกร้อยหนึ่งก็ได้ ค้นกระเป๋ามีเงินไทยอยู่ ๗๐ บาท ขอต่อเหลือ ๗๐ บาท จนท. ส่ายหัวดิก ไม่ได้ร้อยบาทไม่ให้เข้า เฮ้อ...ผีถึงป่าช้าแล้ว ไม่จ่ายก็ต้องดันเนินกลับตราด ก็เลยควักให้ไป ๑๐ เหรียญ จนท. ทอนให้ สองร้อยบาท คิดผิดนะนี่ที่ผ่านเขมร ครั้งแรกในชีวิตที่เดินทางเข้าเขมรก็เจอแบบนี้เลย เข็ดบักข้องด้องเลยงานนี้ ออกจากด่านก็เนินยิ้มต้อนรับอีกแล้ว ก่อนถึงเนินก็มีคาสิโนต้อนรับเรียงรายสองฝั่งทาง รูปนี่หันหลังกลับไปถ่ายรูปก่อนดันเนินครับ
พ้นเนินไหลลงไปได้หน่อยก็เจอเนินซึมยาวจนถึงเกาะกงเลย ก่อนเข้าเกาะกงเจอป้าย Pay Toll Ahead เอาอีกแล้วคงต้องโดนเขมรฟันอีกแน่ๆ จำยอมปั่นจักรยานเข้าไปเทียบ เจอนางอัปสร เอ๊ย นางฟ้าเขมร ถามว่า How much? นางฟ้าตอบกลับมาว่า Free, bicycle free. แหมอยากจะหอมแก้มน้องสักฟอด กำลังว่าจะขอถ่ายรูปโดนรถเก๋งบีบแตรไล่ อดเลย ค่าผ่านทางที่เค้าเก็บเป็นค่าใช้สะพานซึ่งทอดข้ามทะเลมีความยาว ๑.๙ ก.ม. ปั่นสบายๆ ไม่มีเสียวเหมือนสะพานเข้าปากเซ
ถึงตัวเมืองเกาะกง ใช้เวลาไป ๕ ช.ม. ๔๒ นาที กับระยะทาง ๑๐๗ ก.ม.
เสียเวลาตระเวณหาที่พักจนเกือบเที่ยง ไปได้ที่ Bluemoon Guesthouse ในราคา ๖ เหรียญ หรือ ๑๘๐ บาท เป็นห้องพัดลมมีเครื่องทำน้ำอุ่น มีโทรทัศน์ ฟรีไวไฟ สภาพห้องตามรูปเลยครับ
ห้องสะอาดพอสมควร เอาเป็นว่าคุ้มราคา ๑๘๐ บาทล่ะครับ เจ้าของพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเป็นอดีต Park Ranger ตอนนี้นอกจากทำบ้านพักแล้วยังจัดทัวร์เดินป่าด้วย เห็นรูปฝรั่งไปกันเยอะเหมือนกัน อาบน้ำเสร็จก็ปั่นไปหาข้าวกิน เจอร้านคนเวียด เห็นลูกค้าเยอะดี ไปด้อมๆ มองๆ ได้พะโล้กับข้าวเปล่า ๑ จาน ชุดนี้ ๑ เหรียญ ๓๐ บาท ไม่แพง ไม่โดนฟัน
เกาะกงเป็นเมืองเล็กๆ ภายในตัวเมืองไม่มีแหล่งท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติแวะมาเพราะเป็นทางผ่านไปสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลนักท่องเที่ยวประเภท Backpacker จะนิยมไปกัน แหล่งท่องเที่ยวของเกาะกงจะเป็นการชมธรรมชาติในละแวกใกล้เคียง ซึ่งมีทั้ง ป่า ภูเขา และน้ำตก ปั่นจักรยานไปถ่ายรูปแถวสะพาน ๒-๓ รูป ช่วงนี้มีการร่วมจัดงาน OTOP ระหว่างจังหวัดเกาะกงกับจังหวัดตราดบริเวณเชิงสะพาน แต่ไม่ได้เข้าไปดู อันนี้ไม่มีค่าผ่านประตูหรอกครับ แต่จักรยานเข้าไม่ได้ กลับไปนอนเอาดีกว่าพรุ่งนี้ต้องปั่นอีกยาว
ตอนเย็นออกไปหาข้าวกินแถวริมทะเล จะมีแผงขายอาหารปิ้ง ย่าง เยอะมากส่วนมากก็จะเป็นอาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอยแครง แต่ผมเป็นความดันโลหิตสูงหมอห้ามอาหารทะเล ก็เลยไปได้อาหารยอดฮิตของอินโดจีน ก็คือบาเก็ตยัดใส้ หรือข้าวจี่ของลาวนั่นแหละครับ ๑ เหรียญ ๓๐ บาท เอ่อค่อยคบกันได้หน่อย แล้วก็ปั่นกลับบ้านพัก ระหว่างทางก็เจอสาวญวนนุ่งสั้น ชวนให้เข้าไปใช้บริการมาสซาส พรุ่งนี้พี่ต้องใช้พลังงานอีกเยอะน้องเอ๋ย ขอกลับไปพักผ่อนดีกว่า
หมายเหตุ สะพานเกาะกง ลงทุนสร้างและบริหารโดยคนไทย ค่าผ่านทางสำหรับ รถยนต์ ๔,๘๐๐ เรียลหรือ ๔๔ บาท จักรยานยนต์ ๑,๒๐๐ เรียล หรือ ๑๑ บาท
แก้ไขล่าสุดโดย oldhippie เมื่อ 16 ก.ค. 2013, 12:06, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง
- hotman4567
- ขาประจำ
- โพสต์: 136
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2012, 22:36
- Tel: 08x-xxxxxxx
- team: เสือน่องเหี่ยว
- Bike: van
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
โอ้ววว สวดยอด ลุยเดี่ยวเลยนะครับ
รอติดตามอยู่ครับ เป็นทริปที่ น่าสนใจครับ โดยเฉพาะปั่นเดี่ยว
รอติดตามอยู่ครับ เป็นทริปที่ น่าสนใจครับ โดยเฉพาะปั่นเดี่ยว
Lonely trip กับจักรยานคู่ใจ
- #วันละนิด
- สมาชิก
- โพสต์: 12
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ต.ค. 2012, 00:23
- Tel: -
- team: Bikebacking
- Bike: TREK 3900
- ติดต่อ:
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ติดตามด้วยอีกคนครับผม, สุดยอดเลยครับดูจากจุดพักแต่ละที่
นันทบุรี ศรีนครน่าน
- phirun
- สมาชิก
- โพสต์: 56
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2012, 12:58
- Tel: 086-8509136
- team: -
- Bike: peugeot , miyata
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ขอติดตามเพื่อหาข้อมูลด้วยครับ เป็นเส้นทางที่กำลังเล็งไว้พอดี อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกันเผื่อจะปั่นเดี่ยวตามรอยบ้างครับ
- punya467
- ขาประจำ
- โพสต์: 2222
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2012, 14:55
- team: Rayong road bike, On/Off cycling
- Bike: NICH LTD
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ขอเกาะล้อไปด้วยครับ
ลูกเผลอแล้วเจอกัน
- thumnoon
- ขาประจำ
- โพสต์: 803
- ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 13:05
- Tel: 0898652936
- team: korat
- Bike: trek
- ติดต่อ:
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ขอเกาะหน้าแฮนด์ไปแล้วกัน
โยกทุกมอ ดันทุกเนิน
- น้านนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 786
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 22:03
- team: ยังไม่กล้าเข้ากลุ่ม กลัวปั่นไม่ทันครับ "เกรงว่าจะไปเป็นภาระ"
- Bike: WHEELLER PRO320 "ม่วง+ดำ" 18/12/2555 >>> ขี่วันแรก 19/12/2555
- ตำแหน่ง: ถนน345 จ.ปทุมธานี
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
แล้วจะมีที่เหลือให้ผมเกาะ ไหมนี่thumnoon เขียน:ขอเกาะหน้าแฮนด์ไปแล้วกัน
งั้นผมเกาะซี่ลวด ไปแล้วกัน
.. น้านนท์ .. Line id: cok.uz
- e21smn
- ขาประจำ
- โพสต์: 1501
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2011, 22:02
- Tel: JACK
- team: Shinozawa Team
- Bike: Salsa Ala Carte , Fourteen , Dahon Boardwalk , Winspeed LR II
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
นับถือครับ อยากไปแต่ใจไม่แกร่งพอ
พม่าตรึงใจ ธค 2559
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=1559891
สบายดีหลวงพระบาง กพ 59
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=1407851
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=1559891
สบายดีหลวงพระบาง กพ 59
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=56&t=1407851
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
วัน ๐๓ (๑๐ ม.ค. ๕๖) Koh Kong – Andong Tuek (๑๐๒ ก.ม.)
ทางหลวงหมายเลข ๔๘
ผิวจราจร – ราดยาง
สภาพการจราจร – รถไม่มาก
ป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยว ตอนออกจาก Koh Kong
จากที่ได้ศึกษาข้อมูลจากนักปั่นจักรยานต่างชาติบอกว่าจาก Koh Kong – Ta Tai (สะพานแรก) เป็นทางราบ แต่ความจริงที่ค้นพบ ทางราบแค่ ๓ ก.ม. แรกเท่านั้น ที่เหลือมีแต่เขาไม่มีเราเลยจน ก.ม. สุดท้ายถึงได้ปักหัวลง Ta Tai สรุป ๒๐ ก.ม. ช่วงนี้ทางราบแค่ ๓ ก.ม. อีก ๑๗ ก.ม. ที่เหลือเขาทั้งนั้น
มีแต่หลักไม่มีตัวเลข แล้วจะรู้ไหมนี่ว่าต้องปั่นกี่ ก.ม.
หลักฐานว่าทางไม่ราบ
ถ่ายย้อนทางที่ผ่านมา
แวะดื่มกาแฟร้านที่ตีนสะพาน Ta Tai กาแฟ ๒ แก้ว น้ำดื่ม ๒ ขวดเป็นเงิน ๓๐ บาท เจ้าของร้านผู้ชายพูดภาษาไทยได้ สอบถามเส้นทางได้ความว่าทางข้างหน้าก็ขึ้นเขาและสูงกว่าที่ผ่านมา เฮ้อ! ที่ผ่านมาก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว แล้วนี่สูงกว่าอีก จะรอดไหมนี่ ไม่มีทางเลือกเพราะเลือกที่จะมาแล้ว
สะพาน Ta Tai ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย ถ่ายมาดูราบแต่จริงๆแล้วโค้งลงไปตีนเขาอีกฝั่งหนึ่ง
วิวถ่ายจากสะพาน Ta Tai
อีกด้านของสะพาน Ta Tai
จักรยานเสือสำอางค์เอามาออกทริป จะรอดไหมนี่
ว่าแล้วก็ก้มหน้าปั่นต่อไป พอปั่นข้ามสะพานก็เงยหน้าขึ้นมาดู ป๊าด...มันจะสูงชันอะไรปานนั้น หน้าจานกลาง หลังเฟืองใหญ่สุดยังกดไม่ลง ต้องเปลี่ยนหน้าเป็นเล็กสุด ถึงจะค่อยๆ กระดืบ กระดืบขึ้นไปด้วยความเร็ว ๗-๘ ก.ม./ช.ม. กว่าจะถึงยอดระยะทางประมาณ ๗ ก.ม. หยุดพักทุก ๓๐๐ – ๕๐๐ เมตร
รูปนี้ข้ามถนนมาถ่ายฝั่งตรงข้ามที่จะไหลลง Ta Tai
ยึดแนวทางผู้ชำนาญการไต่เขาของ thaiMTB คุณแม่บักข้าวเหนียว (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ตรงนี้วิวสวยหยุดถ่ายรูป วิวไม่สวยก็หยุดถ่ายรูปจักรยาน ถ่ายรูปตัวเอง ถ่ายรูปถนน ฯลฯ
ยึดหลักคุณแม่บักข้าวเหนียวโดยเคร่งครัด ถ่ายรูปจักรยาน
หลักฐานว่าทางขึ้นเขา ไม่ใช้ทางราบ
จนถึงยอดเขาใช้เวลาไป ๑ ช.ม. ๑๗ นาที แค่ ๗ ก.ม.นะครับ ถึงยอดก็เจอแผงขายของข้างทางมาตั้งดักอยู่
เลยจัดโค้กมา ๑ ขวด บิสกิต ๑ ห่อ เป็นเงิน ๔,๕๐๐ เรียล จำไม่ได้แล้วว่ากี่บาท ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวเลย เพราะออกปั่นก่อนร้านข้าวเปิด ยังดีที่มีกล้วยตากติดไปได้อาศัยรองท้อง ๒-๓ ลูกเพื่อจะได้กินยา น้องคนขายน่ารักดี ขี้อายขอถ่ายรูปวิ่งไปหลบหลังพ่อเรียกยังไงก็ไม่ยอมออกมา คุยภาษาอังกฤษพอได้นิดหน่อย พอสื่อสารกันรู้เรื่อง สอบถามได้ความว่าจากจุดนี้ไปเป็นทางลงเขาและจะต้องไปเจอเนินอีก ๒-๓ ลูก ก่อนถึง Tra Peang Roung
ทางลงเขาช่วงจากแผงขายของ
สภาพทางเป็นอย่างที่น้องเขาบอกส่วนมากเป็นทางลงสลับทางราบ จนกระทั่งก่อนถึง Tra Peang Roung สัก ๗ ก.ม. ก็เจอเนินชันๆ ๒ เนินแล้วก็ลาดลง Tra Peang Roung
แวะกินข้าวตรงจุดพักรถข้างทางเป็นข้าวราดพะโล้ กับผัดเผ็ดเนื้อสัตว์อะไรสักอย่างฟังไม่ออก ซื้อน้ำติดมา ๒ ขวด รวมเป็นเงิน ๗,๐๐๐ เรียล ซื้อข้าวต้มมัดเป็นเสบียง ๒ มัด ๑,๐๐๐ เรียล พอดีแม่ค้าข้าวต้มมัดพูดภาษาไทยได้ถามเส้นทางข้างหน้าได้ความว่าจากสะพานสอง (Tra Peang Roung Bridge) ถึงสะพานสาม Andoung Tuek (แม่ค้าเรียกบ่อน้ำ) ยังมีเขาให้ไต่อยู่ แต่จากสะพานสามไปสะพานสี่ (Sre Ambel) เป็นทางราบ
สะพาน Tra Peang Roung ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยเช่นกัน
เขียนบันทึกและพักพอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางต่อ มีเนินซึมยาวๆ หลายช่วงสลับกับเขาที่ไม่ชันมาก ระหว่างทางจะเจอป้ายนี้ครับ ป้ายยอดนิยมใครผ่านมาก็ต้องถ่ายรูปคู่ มาคนเดียวก็เลยถ่ายจักรยานแทน โชคดีครับไม่มีช้างมาไล่
ปั่นมาจนกระทั่งตาแมวบอกระยะทาง ๙๕.๕ จาก Koh Kong ก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจที่ว่าจะไม่เข็นลองดูจากรูปแล้วกันครับ มาถึงตรงนี้น้ำหมด ข้าวต้มมัดหมด (ท่านที่จะตามรอยล้อเมื่อถึง Tra Peang Roung ให้ตุนน้ำตุนเสบียงมาเยอะๆนะครับ เพราะจาก Tra Peang Roung มา ปั่นกลางป่ากลางเขาตลอดไม่มีบ้านคน ไม่มีร้านค้าเลยครับ)
เข็นขึ้นมาถึงนั่งหอบแฮก แฮก อยู่ข้างทาง ตาบังเอิญเหลือบไปเห็นถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตรตั้งอยู่เดินเข้าไปดู อ้าวมีน้ำ ใสด้วย ก้นถังมีเศษปูน เศษ ทรายอยู่ แต่ไม่สนใจครับคว้าขวดมากรอกแล้วก็ยกดื่ม อัก อัก จากนั้นก็เอาน้ำเทราดหัว ราดตัว แล้วก็นั่งพักเหนื่อย จังหวะนั้นก็มีรถ Land Cruiser ขับสวนลงมาเป็นครอบครัวชาวตะวันตก เค้าจอดรถตะโกนถามว่า Are you OK? ก็ตอบไปว่า OK เค้าถามกลับมาว่า Do you want a lift? อ้าว ไปคนละทางจะมาชวนขึ้นรถ ก็เลยบอกไปว่า No, thank you. เค้าก็ขับเลยไป ส่วนผมก็จัดการเข็นต่อเพราะจะถึงยอดเขาแล้ว สักครู่รถคันเดิมก็มาจอดเทียบแล้วก็ถามว่ามาจากไหน จะไปไหน ก็เลยบอกไปว่าวันนี้จะไปนอน Andoung Tuek แล้วพรุ่งนี้จะปั่นไป Kampot เค้าก็บอกว่าทางจาก Sre Ambel ไป Kampot ค่อนข้างอันตราย เพราะทางแคบ ไม่มีไหล่ทาง แถมข้างทางก็เป็น Loose gravel ไม่ควรปั่นไปแนะนำให้ขึ้นรถไปดีกว่า ก็ขอบคุณเค้าแล้วเค้าก็ขับรถเลยขึ้นไป อ้าวไปทางเดียวกันนี่ ว้ารู้อย่างนี้ติดรถไปด้วยก็ดี เข้าใจว่าเค้าคงขับผ่านช่วงผมกำลังเอาน้ำราดศีรษะ ดูถ้าอาการหนักเลยขับรถย้อนกลับมาสอบถาม ประทับใจในความมีน้ำใจของเค้าเป็นชาวแคนาดาทำงานอยู่พนมเปญ เข็นจักรยานถึงยอดเขาก็ไหลลง ไหลลงยาวจนก่อนเข้า Andoung Tuek แวะร้านข้างทางซัดโค้กไป ๒ กระป๋อง ๑ เหรียญ เรียกความสดชื่นกลับมาได้เยอะเลย วันนี้พักที่ Andoung Tuek ที่นี่มี Guesthouse อยู่แห่งเดียว อยู่ซ้ายมือก่อนถึงสะพานราคา ๕ เหรียญ ห้องน้ำรวม ห้องพัก ๖ ห้องแต่มีห้องน้ำ+ ส้วมอยู่ห้องเดียว
อันที่จริง Sre Ambel ก็อีกแค่ ๔๐ ก.ม. แต่พลังหมดแล้วฝืนไปอาจตายได้ ที่ Guesthouse ห้องน้ำไม่มีสบู่ให้ เลยปั่นไปซื้อสบู่ เสบียง น้ำ แถวสะพานหมดไป ๖,๐๐๐ เรียล จ่ายไป ๒ เหรียญได้ทอนมา ๒,๐๐๐ เรียล กินอาหารเย็นที่ซื้อมา เขียนบันทึกแล้วนอน
ทางหลวงหมายเลข ๔๘
ผิวจราจร – ราดยาง
สภาพการจราจร – รถไม่มาก
ป้ายบอกแหล่งท่องเที่ยว ตอนออกจาก Koh Kong
จากที่ได้ศึกษาข้อมูลจากนักปั่นจักรยานต่างชาติบอกว่าจาก Koh Kong – Ta Tai (สะพานแรก) เป็นทางราบ แต่ความจริงที่ค้นพบ ทางราบแค่ ๓ ก.ม. แรกเท่านั้น ที่เหลือมีแต่เขาไม่มีเราเลยจน ก.ม. สุดท้ายถึงได้ปักหัวลง Ta Tai สรุป ๒๐ ก.ม. ช่วงนี้ทางราบแค่ ๓ ก.ม. อีก ๑๗ ก.ม. ที่เหลือเขาทั้งนั้น
มีแต่หลักไม่มีตัวเลข แล้วจะรู้ไหมนี่ว่าต้องปั่นกี่ ก.ม.
หลักฐานว่าทางไม่ราบ
ถ่ายย้อนทางที่ผ่านมา
แวะดื่มกาแฟร้านที่ตีนสะพาน Ta Tai กาแฟ ๒ แก้ว น้ำดื่ม ๒ ขวดเป็นเงิน ๓๐ บาท เจ้าของร้านผู้ชายพูดภาษาไทยได้ สอบถามเส้นทางได้ความว่าทางข้างหน้าก็ขึ้นเขาและสูงกว่าที่ผ่านมา เฮ้อ! ที่ผ่านมาก็แทบเอาชีวิตไม่รอดแล้ว แล้วนี่สูงกว่าอีก จะรอดไหมนี่ ไม่มีทางเลือกเพราะเลือกที่จะมาแล้ว
สะพาน Ta Tai ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย ถ่ายมาดูราบแต่จริงๆแล้วโค้งลงไปตีนเขาอีกฝั่งหนึ่ง
วิวถ่ายจากสะพาน Ta Tai
อีกด้านของสะพาน Ta Tai
จักรยานเสือสำอางค์เอามาออกทริป จะรอดไหมนี่
ว่าแล้วก็ก้มหน้าปั่นต่อไป พอปั่นข้ามสะพานก็เงยหน้าขึ้นมาดู ป๊าด...มันจะสูงชันอะไรปานนั้น หน้าจานกลาง หลังเฟืองใหญ่สุดยังกดไม่ลง ต้องเปลี่ยนหน้าเป็นเล็กสุด ถึงจะค่อยๆ กระดืบ กระดืบขึ้นไปด้วยความเร็ว ๗-๘ ก.ม./ช.ม. กว่าจะถึงยอดระยะทางประมาณ ๗ ก.ม. หยุดพักทุก ๓๐๐ – ๕๐๐ เมตร
รูปนี้ข้ามถนนมาถ่ายฝั่งตรงข้ามที่จะไหลลง Ta Tai
ยึดแนวทางผู้ชำนาญการไต่เขาของ thaiMTB คุณแม่บักข้าวเหนียว (ขออนุญาตเอ่ยนาม) ตรงนี้วิวสวยหยุดถ่ายรูป วิวไม่สวยก็หยุดถ่ายรูปจักรยาน ถ่ายรูปตัวเอง ถ่ายรูปถนน ฯลฯ
ยึดหลักคุณแม่บักข้าวเหนียวโดยเคร่งครัด ถ่ายรูปจักรยาน
หลักฐานว่าทางขึ้นเขา ไม่ใช้ทางราบ
จนถึงยอดเขาใช้เวลาไป ๑ ช.ม. ๑๗ นาที แค่ ๗ ก.ม.นะครับ ถึงยอดก็เจอแผงขายของข้างทางมาตั้งดักอยู่
เลยจัดโค้กมา ๑ ขวด บิสกิต ๑ ห่อ เป็นเงิน ๔,๕๐๐ เรียล จำไม่ได้แล้วว่ากี่บาท ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าวเลย เพราะออกปั่นก่อนร้านข้าวเปิด ยังดีที่มีกล้วยตากติดไปได้อาศัยรองท้อง ๒-๓ ลูกเพื่อจะได้กินยา น้องคนขายน่ารักดี ขี้อายขอถ่ายรูปวิ่งไปหลบหลังพ่อเรียกยังไงก็ไม่ยอมออกมา คุยภาษาอังกฤษพอได้นิดหน่อย พอสื่อสารกันรู้เรื่อง สอบถามได้ความว่าจากจุดนี้ไปเป็นทางลงเขาและจะต้องไปเจอเนินอีก ๒-๓ ลูก ก่อนถึง Tra Peang Roung
ทางลงเขาช่วงจากแผงขายของ
สภาพทางเป็นอย่างที่น้องเขาบอกส่วนมากเป็นทางลงสลับทางราบ จนกระทั่งก่อนถึง Tra Peang Roung สัก ๗ ก.ม. ก็เจอเนินชันๆ ๒ เนินแล้วก็ลาดลง Tra Peang Roung
แวะกินข้าวตรงจุดพักรถข้างทางเป็นข้าวราดพะโล้ กับผัดเผ็ดเนื้อสัตว์อะไรสักอย่างฟังไม่ออก ซื้อน้ำติดมา ๒ ขวด รวมเป็นเงิน ๗,๐๐๐ เรียล ซื้อข้าวต้มมัดเป็นเสบียง ๒ มัด ๑,๐๐๐ เรียล พอดีแม่ค้าข้าวต้มมัดพูดภาษาไทยได้ถามเส้นทางข้างหน้าได้ความว่าจากสะพานสอง (Tra Peang Roung Bridge) ถึงสะพานสาม Andoung Tuek (แม่ค้าเรียกบ่อน้ำ) ยังมีเขาให้ไต่อยู่ แต่จากสะพานสามไปสะพานสี่ (Sre Ambel) เป็นทางราบ
สะพาน Tra Peang Roung ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยเช่นกัน
เขียนบันทึกและพักพอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางต่อ มีเนินซึมยาวๆ หลายช่วงสลับกับเขาที่ไม่ชันมาก ระหว่างทางจะเจอป้ายนี้ครับ ป้ายยอดนิยมใครผ่านมาก็ต้องถ่ายรูปคู่ มาคนเดียวก็เลยถ่ายจักรยานแทน โชคดีครับไม่มีช้างมาไล่
ปั่นมาจนกระทั่งตาแมวบอกระยะทาง ๙๕.๕ จาก Koh Kong ก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจที่ว่าจะไม่เข็นลองดูจากรูปแล้วกันครับ มาถึงตรงนี้น้ำหมด ข้าวต้มมัดหมด (ท่านที่จะตามรอยล้อเมื่อถึง Tra Peang Roung ให้ตุนน้ำตุนเสบียงมาเยอะๆนะครับ เพราะจาก Tra Peang Roung มา ปั่นกลางป่ากลางเขาตลอดไม่มีบ้านคน ไม่มีร้านค้าเลยครับ)
เข็นขึ้นมาถึงนั่งหอบแฮก แฮก อยู่ข้างทาง ตาบังเอิญเหลือบไปเห็นถังน้ำมัน ๒๐๐ ลิตรตั้งอยู่เดินเข้าไปดู อ้าวมีน้ำ ใสด้วย ก้นถังมีเศษปูน เศษ ทรายอยู่ แต่ไม่สนใจครับคว้าขวดมากรอกแล้วก็ยกดื่ม อัก อัก จากนั้นก็เอาน้ำเทราดหัว ราดตัว แล้วก็นั่งพักเหนื่อย จังหวะนั้นก็มีรถ Land Cruiser ขับสวนลงมาเป็นครอบครัวชาวตะวันตก เค้าจอดรถตะโกนถามว่า Are you OK? ก็ตอบไปว่า OK เค้าถามกลับมาว่า Do you want a lift? อ้าว ไปคนละทางจะมาชวนขึ้นรถ ก็เลยบอกไปว่า No, thank you. เค้าก็ขับเลยไป ส่วนผมก็จัดการเข็นต่อเพราะจะถึงยอดเขาแล้ว สักครู่รถคันเดิมก็มาจอดเทียบแล้วก็ถามว่ามาจากไหน จะไปไหน ก็เลยบอกไปว่าวันนี้จะไปนอน Andoung Tuek แล้วพรุ่งนี้จะปั่นไป Kampot เค้าก็บอกว่าทางจาก Sre Ambel ไป Kampot ค่อนข้างอันตราย เพราะทางแคบ ไม่มีไหล่ทาง แถมข้างทางก็เป็น Loose gravel ไม่ควรปั่นไปแนะนำให้ขึ้นรถไปดีกว่า ก็ขอบคุณเค้าแล้วเค้าก็ขับรถเลยขึ้นไป อ้าวไปทางเดียวกันนี่ ว้ารู้อย่างนี้ติดรถไปด้วยก็ดี เข้าใจว่าเค้าคงขับผ่านช่วงผมกำลังเอาน้ำราดศีรษะ ดูถ้าอาการหนักเลยขับรถย้อนกลับมาสอบถาม ประทับใจในความมีน้ำใจของเค้าเป็นชาวแคนาดาทำงานอยู่พนมเปญ เข็นจักรยานถึงยอดเขาก็ไหลลง ไหลลงยาวจนก่อนเข้า Andoung Tuek แวะร้านข้างทางซัดโค้กไป ๒ กระป๋อง ๑ เหรียญ เรียกความสดชื่นกลับมาได้เยอะเลย วันนี้พักที่ Andoung Tuek ที่นี่มี Guesthouse อยู่แห่งเดียว อยู่ซ้ายมือก่อนถึงสะพานราคา ๕ เหรียญ ห้องน้ำรวม ห้องพัก ๖ ห้องแต่มีห้องน้ำ+ ส้วมอยู่ห้องเดียว
อันที่จริง Sre Ambel ก็อีกแค่ ๔๐ ก.ม. แต่พลังหมดแล้วฝืนไปอาจตายได้ ที่ Guesthouse ห้องน้ำไม่มีสบู่ให้ เลยปั่นไปซื้อสบู่ เสบียง น้ำ แถวสะพานหมดไป ๖,๐๐๐ เรียล จ่ายไป ๒ เหรียญได้ทอนมา ๒,๐๐๐ เรียล กินอาหารเย็นที่ซื้อมา เขียนบันทึกแล้วนอน
แก้ไขล่าสุดโดย oldhippie เมื่อ 23 มิ.ย. 2013, 10:35, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
เดี๋ยวซี่ลวดขาดครับ มานั่งบนกระดิ่งดีกว่าน้านนท์ เขียน: แล้วจะมีที่เหลือให้ผมเกาะ ไหมนี่
งั้นผมเกาะซี่ลวด ไปแล้วกัน
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
เกาะล้อหน้านะครับ หลังหนักแล้วครับpunya467 เขียน:ขอเกาะล้อไปด้วยครับ
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ยินดีครับ อยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหลังไมค์ไปได้ครับphirun เขียน:ขอติดตามเพื่อหาข้อมูลด้วยครับ เป็นเส้นทางที่กำลังเล็งไว้พอดี อายุก็รุ่นราวคราวเดียวกันเผื่อจะปั่นเดี่ยวตามรอยบ้างครับ
- chenosuke
- ขาประจำ
- โพสต์: 267
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2012, 13:44
- team: จักรยาน บ้านปทุม
- Bike: ให้เป็นจักรยานก้อพอ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ปูเสื่อแถวหน้า สุดยอดครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 2059
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2012, 11:51
- Tel: 0812683291
- Bike: Araya Excella Race, Tern Clutch, Splading, Bridgestone Grandtech
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
พี่ๆแถวหน้าช่วยก้มหัวหน่อย แถวสองมองไม่เห็นจอครับchenosuke เขียน:ปูเสื่อแถวหน้า สุดยอดครับ
ขี่จนกว่าจะหมดแรง
- เอ หมวกฟาง
- ขาประจำ
- โพสต์: 7270
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2008, 18:10
- team: ทีมหอยทาก ปั่นเล่นๆ อยู่แถวสมุทรสงคราม
- Bike: DEAN