จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
- taizukey
- ขาประจำ
- โพสต์: 204
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 มี.ค. 2012, 15:38
- team: One Sby
- Bike: Tarmac SL3 S-works
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผมว่าวิ่งแล้วมันเหนื่อยง่าย เหนื่อยแล้วมันก็ท้อ ท้อแล้วก็หมดแรง
แต่จักรยานถึงเหนื่อยก็ยังปั่นไปได้เรื่อยๆนะครับ ช้าๆก็ยังมีระยะ
แต่จักรยานถึงเหนื่อยก็ยังปั่นไปได้เรื่อยๆนะครับ ช้าๆก็ยังมีระยะ
- TOURRIT
- ขาประจำ
- โพสต์: 194
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 22:49
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
สมัยขี่จักรยานใหม่ๆ ก็เคยถามคำถามนี้เหมือนกัน
กับตัวผม วิ่ง เหนื่อย สะใจ เหงื่อท่วมตัวทุกครั้งที่วิ่ง (ประมาณ 6กม.ครับ) แต่แลกกับเจ็บเข่าบ้าง กับสถานที่จำเจ
จักรยานเหนื่อยน้อยกว่า ค่อยๆไปเรื่อยๆ แต่เซฟเข่าได้เยอะ กับได้เปลี่ยนบรรยากาศ ซอกแซกไปได้เรื่อย ไม่จำเจครับ
แต่ทุกอย่างก็ดีกับร่างกายเราครับ
กับตัวผม วิ่ง เหนื่อย สะใจ เหงื่อท่วมตัวทุกครั้งที่วิ่ง (ประมาณ 6กม.ครับ) แต่แลกกับเจ็บเข่าบ้าง กับสถานที่จำเจ
จักรยานเหนื่อยน้อยกว่า ค่อยๆไปเรื่อยๆ แต่เซฟเข่าได้เยอะ กับได้เปลี่ยนบรรยากาศ ซอกแซกไปได้เรื่อย ไม่จำเจครับ
แต่ทุกอย่างก็ดีกับร่างกายเราครับ
- เสือปลา
- ขาประจำ
- โพสต์: 1788
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 21:04
- Tel: 089-1295718
- team: 40UP BMX Racing Team
- Bike: MTB:Yeti SB66 Enduro Bike / Dartmoor Hornet 4X / Araya Muddy Fox / BMX:GT Speed Series,Merida Crarera
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
จากข้อมูล...วิ่งจ๊อกกิ้งและเดินเร็วๆจะประโยชน์สูงประหยัดสุด ว่ายน้ำก็ดี แต่เลือกที่จะปั่นจักรยานแทนการออกกำลังแบบอื่นๆ เพราะมันสนุกและมันส์ที่สุด...Chalong เขียน:ตัวอย่างพลังงานที่ใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ
http://adia.exteen.com/20070512/entry
เดินช้า 1 ชั่วโมง - 150 กิโลแคลอรี
เดินธรรมดา 1 ชั่วโมง - 300 กิโลแคลอรี
เดินเร็ว 1 ชั่วโมง - 420 - 480 กิโลแคลอรี
เดินขึ้นบันได 1 ชั่วโมง - 600 - 1080 กิโลแคลอรี
ขี่จักรยาน 1 ชั่วโมง - 250 - 600 กิโลแคลอรี
วิ่งจ็อกกิ้ง 1 ชั่วโมง - 600 - 750 กิโลแคลอรี
ว่ายน้ำ 1 ชั่วโมง - 260 - 750 กิโลแคลอรี
- hisoft
- ขาประจำ
- โพสต์: 594
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2011, 23:05
- team: MixVR
- Bike: STRiDA, Trek 1.2 2012
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ออกกำลังกาย ผมใช้วิ่งครับ แต่ถ้าเดินทางระยะไกลหน่อย (หลายโล หรือต้องไม่ให้เหงื่อออก) ผมใช้จักรยาน
ปั่นจักรยานถ้าหักโหมนิดนึง (พยายามทำความเร็ว 40+ ต่อเนื่องนาน ๆ ส่วนมากคือเร่งบ่อยเพราะรถเมืองไทย) ผมจะเริ่มมีอาการเจ็บเข่า แต่วิ่ง 10 กม. ผมก็ยังไม่เคยเจ็บเข่านะครับTOURRIT เขียน:สมัยขี่จักรยานใหม่ๆ ก็เคยถามคำถามนี้เหมือนกัน
กับตัวผม วิ่ง เหนื่อย สะใจ เหงื่อท่วมตัวทุกครั้งที่วิ่ง (ประมาณ 6กม.ครับ) แต่แลกกับเจ็บเข่าบ้าง กับสถานที่จำเจ
จักรยานเหนื่อยน้อยกว่า ค่อยๆไปเรื่อยๆ แต่เซฟเข่าได้เยอะ กับได้เปลี่ยนบรรยากาศ ซอกแซกไปได้เรื่อย ไม่จำเจครับ
แต่ทุกอย่างก็ดีกับร่างกายเราครับ
- VIT-YA
- ขาประจำ
- โพสต์: 353
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 19:17
- Tel: 0661459551
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ดีทั้งคู่ครับ สำหรับผมปั่นจักรยาน 1-2 วัน วิ่งสัก 1 วัน สลับกันไปครับ เพราะตอนที่เราปั่นจักรยานกล้ามเนื้อบางส่วนมันไม่ค่อยได้ทำงาน เลยชดเชยด้วยการวิ่งต่อด้วยกายบริหารช่วงเอว-หน้าท้อง-แขน-ไหล่
-
- สมาชิก
- โพสต์: 10
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ธ.ค. 2011, 04:47
- team: ''E.n.O.l.A''
- Bike: Matts 40 :D
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ในแง่ของวิทยาศาสตร์การกีฬานั้น กีฬาทั้งสองแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียกันคนละแบบค่ะ
การวิ่งและการปั่นจักรยานนั้น เป็นการออกกำลังกายพัฒนาระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด ชนิด Weight bearing Exercise เหมือนกัน
ซึ่งการออกกำลังกายแบบ Weight bearing exercise นี้ คือ
การออกกำลังกายชนิดที่มีการออกแรงต้านของฝ่าเท้าลงสู่พื้นโลกเหมือนกัน ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ค่ะ (พบมากในเพศหญิง)
อีกแบบ Non-weight bearing exercise อย่างเช่นกีฬาว่ายน้ำนั้น จะไม่มีการออกแรงต้านในแนวดิ่งในรูปแบบดังกล่าวค่ะ
ส่วนข้อเสียในระยะยาวของการวิ่งและการปั่นจักรยานในแง่ของเวชศาสตร์การกีฬานั้น แบ่งได้ดังนี้ค่ะ
การวิ่ง - เกิดแรงกระแทกของระยางค์ส่วนล่างมาก ในระยะยาวอาจส่งผลต่อข้อเท้าและข้อเข่า ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบๆข้อไม่มากพอ
การปั่นจักรยาน - เกิดแรงกดในกระดูกสันหลังได้มาก อาจจะส่งผลให้เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังได้ ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกลุ่มแกนกลางร่างกายไม่มากพอ
ถ้าถามว่าในแง่ของสุขภาพ ระหว่างวิ่งกับปั่นจักรยาน กีฬาชนิดใดดีกว่ากัน
อาจจะตอบได้ว่า การปั่นจักรยาน(แบบนั่งพิงพนักในการปั่น)ดีกว่า เพราะช่วยลดปัญหาทั้งในกระดูกสันหลัง ข้อเข่า และข้อเท้า ได้ค่ะ
การวิ่งและการปั่นจักรยานนั้น เป็นการออกกำลังกายพัฒนาระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด ชนิด Weight bearing Exercise เหมือนกัน
ซึ่งการออกกำลังกายแบบ Weight bearing exercise นี้ คือ
การออกกำลังกายชนิดที่มีการออกแรงต้านของฝ่าเท้าลงสู่พื้นโลกเหมือนกัน ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ค่ะ (พบมากในเพศหญิง)
อีกแบบ Non-weight bearing exercise อย่างเช่นกีฬาว่ายน้ำนั้น จะไม่มีการออกแรงต้านในแนวดิ่งในรูปแบบดังกล่าวค่ะ
ส่วนข้อเสียในระยะยาวของการวิ่งและการปั่นจักรยานในแง่ของเวชศาสตร์การกีฬานั้น แบ่งได้ดังนี้ค่ะ
การวิ่ง - เกิดแรงกระแทกของระยางค์ส่วนล่างมาก ในระยะยาวอาจส่งผลต่อข้อเท้าและข้อเข่า ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบๆข้อไม่มากพอ
การปั่นจักรยาน - เกิดแรงกดในกระดูกสันหลังได้มาก อาจจะส่งผลให้เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังได้ ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกลุ่มแกนกลางร่างกายไม่มากพอ
ถ้าถามว่าในแง่ของสุขภาพ ระหว่างวิ่งกับปั่นจักรยาน กีฬาชนิดใดดีกว่ากัน
อาจจะตอบได้ว่า การปั่นจักรยาน(แบบนั่งพิงพนักในการปั่น)ดีกว่า เพราะช่วยลดปัญหาทั้งในกระดูกสันหลัง ข้อเข่า และข้อเท้า ได้ค่ะ
- Meow-Meow
- ขาประจำ
- โพสต์: 1297
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ต.ค. 2011, 22:17
- Bike: Cinelli Xperiance;Giant Yukon ปี2000
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
วิ่งไม่ไหวครับ ปอดกับหัวใจทำงานมากเกินไป ผมหนักเกือบจะร้อย วิ่งแค่ไม่ถึง 2km แค่นี้ก้อหอบแดรกลงไปนอนแล้วครับ(ตัวเองเปนหอบอยู่แล้ว)
แต่จักรยานนี่ ขนาดเพิ่งกลับมาขี่วันแรกๆ ผมสามารถขี่ได้เกือบ 30km โดยไม่ต้องพัก แถมไม่เหนื่อยมาก แค่จิบน้ำไปเรื่อยๆก้อพอ ... ตอนแรกตั้งไว้ที่ 10km พอถึงระยะแล้วยังไม่ถึงกับเหนื่อยแค่เหงื่อออกชุ่มๆ เลยต่ออีกนิด ๆๆๆๆ จนถึง 30km
แต่ตอนนี้ขี่ได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์
นี่ว่าจะหา Trainer มาใช้อยู่ครับ จะได้ขี่ได้ตลอดทุกวัน
ปอลิง เสาร์อาทิตย์นี้สู้แดดไม่ไหวจริง จะปั่นเย็นก้อยังไม่ได้ซื้อไฟหน้ามาติด ไม่กล้าปั่น
แต่จักรยานนี่ ขนาดเพิ่งกลับมาขี่วันแรกๆ ผมสามารถขี่ได้เกือบ 30km โดยไม่ต้องพัก แถมไม่เหนื่อยมาก แค่จิบน้ำไปเรื่อยๆก้อพอ ... ตอนแรกตั้งไว้ที่ 10km พอถึงระยะแล้วยังไม่ถึงกับเหนื่อยแค่เหงื่อออกชุ่มๆ เลยต่ออีกนิด ๆๆๆๆ จนถึง 30km
แต่ตอนนี้ขี่ได้เฉพาะเสาร์อาทิตย์
นี่ว่าจะหา Trainer มาใช้อยู่ครับ จะได้ขี่ได้ตลอดทุกวัน
ปอลิง เสาร์อาทิตย์นี้สู้แดดไม่ไหวจริง จะปั่นเย็นก้อยังไม่ได้ซื้อไฟหน้ามาติด ไม่กล้าปั่น
- tamvader
- ขาประจำ
- โพสต์: 939
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 15:58
- team: 99 Craft / storm bike / CMDF line: tamvader
- Bike: TREK BIANCHI
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
สำหรับผมวิ่งแล้วผอม
จักรยานขี่แล้วอ้วน เพราะกินเสร็จก็ขี่ได้เลย ก็เลยกินแหลก
ผมยิ่งขี่น้ำหนักก็ยิ่งขึ้น เวรแท้ๆ พยายามขี่ให้เยอะทั้งทริปร้อยโลสองร้อยโล ก็น้ำหนักไม่ลง
ก่อนที่จะมาขี่จักรยานมีวิ่งบ้าง พอมาขี่แล้วก็หยุดวิ่งเลยคิดว่ามันทดแทนกันได้
ไม่ใช่เลยครับ พอหยุดวิ่งกลายเป็นน้ำหนักขึ้นทันที
ตอนนี้เปลี่ยนแผนใหม่ขี่บ้างวิ่งบ้าง ที่มาวิ่งเพราะว่าขึ้นเขาไม่ไหวมันหนักยืนปั่นแล้วเหนื่อยไว เลยมาซ้อมวิ่งแทน
จริงๆแล้วการวิ่งไม่ทำให้เข่าเสื่อมนะครับ ที่เราบาดเจ็บเป็นเพราะกล้ามเนื้อเราไม่ฟิตแล้วไม่ออกกำลังเกินลิมิตของมัน อย่างจักรยานผมก็บาดเจ็บจากการฝึกรอบขาสูงๆแล้วเกียวืดบ่อยๆ ส่วนวิ่งถ้ายังไม่มีกล้ามเนื้อก็อย่าวิ่งเร็วเกินไป ไม่งั้นเจ็บนั่นนี่แล้วก็มาโทษว่าวิ่งไม่ดีอีก
จักรยานขี่แล้วอ้วน เพราะกินเสร็จก็ขี่ได้เลย ก็เลยกินแหลก
ผมยิ่งขี่น้ำหนักก็ยิ่งขึ้น เวรแท้ๆ พยายามขี่ให้เยอะทั้งทริปร้อยโลสองร้อยโล ก็น้ำหนักไม่ลง
ก่อนที่จะมาขี่จักรยานมีวิ่งบ้าง พอมาขี่แล้วก็หยุดวิ่งเลยคิดว่ามันทดแทนกันได้
ไม่ใช่เลยครับ พอหยุดวิ่งกลายเป็นน้ำหนักขึ้นทันที
ตอนนี้เปลี่ยนแผนใหม่ขี่บ้างวิ่งบ้าง ที่มาวิ่งเพราะว่าขึ้นเขาไม่ไหวมันหนักยืนปั่นแล้วเหนื่อยไว เลยมาซ้อมวิ่งแทน
จริงๆแล้วการวิ่งไม่ทำให้เข่าเสื่อมนะครับ ที่เราบาดเจ็บเป็นเพราะกล้ามเนื้อเราไม่ฟิตแล้วไม่ออกกำลังเกินลิมิตของมัน อย่างจักรยานผมก็บาดเจ็บจากการฝึกรอบขาสูงๆแล้วเกียวืดบ่อยๆ ส่วนวิ่งถ้ายังไม่มีกล้ามเนื้อก็อย่าวิ่งเร็วเกินไป ไม่งั้นเจ็บนั่นนี่แล้วก็มาโทษว่าวิ่งไม่ดีอีก
บริการบ้านพัก@เกาะสีชัง
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php? ... 8#p4561448
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php? ... 8#p4561448
- เล้งชลบุรี
- ขาประจำ
- โพสต์: 754
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ย. 2008, 02:44
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
อย่างนี้ผมก็มาถูกทางแล้วซิครับ ขี่เป็นรถประหลาดมาเกือบ3ปีzoromonz เขียน:ในแง่ของวิทยาศาสตร์การกีฬานั้น กีฬาทั้งสองแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียกันคนละแบบค่ะ
การวิ่งและการปั่นจักรยานนั้น เป็นการออกกำลังกายพัฒนาระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด ชนิด Weight bearing Exercise เหมือนกัน
ซึ่งการออกกำลังกายแบบ Weight bearing exercise นี้ คือ
การออกกำลังกายชนิดที่มีการออกแรงต้านของฝ่าเท้าลงสู่พื้นโลกเหมือนกัน ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ค่ะ (พบมากในเพศหญิง)
อีกแบบ Non-weight bearing exercise อย่างเช่นกีฬาว่ายน้ำนั้น จะไม่มีการออกแรงต้านในแนวดิ่งในรูปแบบดังกล่าวค่ะ
ส่วนข้อเสียในระยะยาวของการวิ่งและการปั่นจักรยานในแง่ของเวชศาสตร์การกีฬานั้น แบ่งได้ดังนี้ค่ะ
การวิ่ง - เกิดแรงกระแทกของระยางค์ส่วนล่างมาก ในระยะยาวอาจส่งผลต่อข้อเท้าและข้อเข่า ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบๆข้อไม่มากพอ
การปั่นจักรยาน - เกิดแรงกดในกระดูกสันหลังได้มาก อาจจะส่งผลให้เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังได้ ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกลุ่มแกนกลางร่างกายไม่มากพอ
ถ้าถามว่าในแง่ของสุขภาพ ระหว่างวิ่งกับปั่นจักรยาน กีฬาชนิดใดดีกว่ากัน
อาจจะตอบได้ว่า การปั่นจักรยาน(แบบนั่งพิงพนักในการปั่น)ดีกว่า เพราะช่วยลดปัญหาทั้งในกระดูกสันหลัง ข้อเข่า และข้อเท้า ได้ค่ะ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 26
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2012, 23:24
- Bike: bianchi kuma 5300
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
มิน่า ผมได้คำตอบแล้วว่าเซียนจักรยานหลายๆคนแถวบ้านผม ทำไมท่านดูมีความสมบูรณ์กันเหลือเฟือ ทั้งๆที่แต่ละคนนั่นขี่กัน av 40+ ทั้งนั้นtamvader เขียน:สำหรับผมวิ่งแล้วผอม
จักรยานขี่แล้วอ้วน เพราะกินเสร็จก็ขี่ได้เลย ก็เลยกินแหลก
ผมยิ่งขี่น้ำหนักก็ยิ่งขึ้น เวรแท้ๆ พยายามขี่ให้เยอะทั้งทริปร้อยโลสองร้อยโล ก็น้ำหนักไม่ลง
ส่วนตัวผมว่ากันจริงๆชอบวิ่งมากกว่าครับ เพราะรู้สึกว่ามันสะใจดี วิ่งทีเหงื่อแตกโซมตัว แต่ขี่จักรยานมันรู้สึกเรื่อยๆไปหน่อย ขี่เสร็จไม่ค่อยรู้สึกสะใจเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นผมขี่ช้าไปก็ได้
อีกอย่างที่ผมชอบวิ่งมากกว่า ก็คือ มันไม่ต้องเตรียมอะไรมากครับ เปลี่ยนเสื้อ+กางเกง ใส่รองเท้าแล้วลุยเลย
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1034
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2011, 12:08
- Tel: Pm ครับไม่รับโทร
- Bike: trek4400
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผมขี่จักรยานแล้ว บางทีก็เสียวหัวเข่า บางทีก็ไม่เสียวzoromonz เขียน:ในแง่ของวิทยาศาสตร์การกีฬานั้น กีฬาทั้งสองแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียกันคนละแบบค่ะ
การวิ่งและการปั่นจักรยานนั้น เป็นการออกกำลังกายพัฒนาระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด ชนิด Weight bearing Exercise เหมือนกัน
ซึ่งการออกกำลังกายแบบ Weight bearing exercise นี้ คือ
การออกกำลังกายชนิดที่มีการออกแรงต้านของฝ่าเท้าลงสู่พื้นโลกเหมือนกัน ซึ่งจะสามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ค่ะ (พบมากในเพศหญิง)
อีกแบบ Non-weight bearing exercise อย่างเช่นกีฬาว่ายน้ำนั้น จะไม่มีการออกแรงต้านในแนวดิ่งในรูปแบบดังกล่าวค่ะ
ส่วนข้อเสียในระยะยาวของการวิ่งและการปั่นจักรยานในแง่ของเวชศาสตร์การกีฬานั้น แบ่งได้ดังนี้ค่ะ
การวิ่ง - เกิดแรงกระแทกของระยางค์ส่วนล่างมาก ในระยะยาวอาจส่งผลต่อข้อเท้าและข้อเข่า ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบๆข้อไม่มากพอ
การปั่นจักรยาน - เกิดแรงกดในกระดูกสันหลังได้มาก อาจจะส่งผลให้เป็นโรคเกี่ยวกับกระดูกสันหลังได้ ถ้าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกลุ่มแกนกลางร่างกายไม่มากพอ
ถ้าถามว่าในแง่ของสุขภาพ ระหว่างวิ่งกับปั่นจักรยาน กีฬาชนิดใดดีกว่ากัน
อาจจะตอบได้ว่า การปั่นจักรยาน(แบบนั่งพิงพนักในการปั่น)ดีกว่า เพราะช่วยลดปัญหาทั้งในกระดูกสันหลัง ข้อเข่า และข้อเท้า ได้ค่ะ
พอเสียวก็ไปวิ่งบ้าง แต่ชอบขี่จักรยานมากกว่า แต่อยากรู้ข้อมูล เพื่อเป็นความรู้ครับ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- keepmoment
- ขาประจำ
- โพสต์: 1485
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 21:50
- Bike: P2
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผมเคยได้ีรับความรู้มาว่า จากบอร์ดแห่งนี้ หลายๆคนบอกว่า วิ่งแล้วเจ็บเข่า
วิ่งแล้วเข่าเสีย อย่างโ่น้นอย่างนี้
ก็เชื่อครับตอนแรก เพราะว่า ก็เจ็บเข่าจริงๆ
แต่หลังจากผมสนใจไตรกีฬาแล้ว ความเชื่อนั้น ถูกลบล้างออกไปเกือบหมด
จริงอยู่ว่าเจ็บเข่า แต่มันเป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่ที่ขี่จักรยานแทบจะไม่อยากวิ่ง พอไปวิ่งทีนึง กล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่เคยใช้ มันก็ระบมครับ
ตอนแรกๆผมก็เป็น จนหลังๆ ผมวิ่งบ่อยขึ้น และวิ่งโดยไม่เอาส้นเท้าลง ใช้ฝ่าเท้าลง ลดอาการกระแทกไปยังเข่า แค่สัปดาห์ที่สองในการวิ่ง
(ผมสองวันสามวันวิ่งทีนึง) ผมสามารถวิ่งไป ทีละ 6 โลโดยไม่เจ็บเข่าแล้ว
สำหรับปั่นจักรยาน ผมมองว่า เป็นกีฬาที่ไม่น่าเบื่อ คือไปได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยไว เพราะว่าใช้กำลังค่อนข้างน้อย HR ขึ้นสูงช้ากว่าวิ่งครับ คือไปเนิบๆนานๆได้มากกว่า เน้นความทนทานความต่อเนื่องได้มากกว่า
แต่วิ่ง เหนื่อยกว่าแน่ๆ และทำให้หัวใจ และปอดแข็งแรงกว่าปั่นจักรยานแหงๆ จริงๆผมก็ไม่ชอบเท่าไรครับ วิ่งเนี่ย มันน่าเบื่อ ........ แต่มันเรียกเหงื่อได้ดี และทำให้เราอึดได้ดีกว่า ขี่จักรยานห้าสิบโลไปเรื่อยๆ ผมว่ามันก็ไปได้่เรื่อยๆครับ แต่วิ่ง เหยาะๆไปเรื่อยสักหกโล ถ้าทำทุกวันๆ ๆ ไปเรื่อยๆ ผมว่ามันทำให้ผมฟิต และเหนื่อยง่ายได้ดีกว่าครับ
แต่จักรยานสนุกกว่าครับ ได้เห็นอะไรมากกว่า ได้รับลม และอยู่กับการออกกำลังกายแบบสนุกสนานได้ยาวกว่าครับ
สรุป ผมทำหมดครับ สลับๆ กัน
วิ่งแล้วเข่าเสีย อย่างโ่น้นอย่างนี้
ก็เชื่อครับตอนแรก เพราะว่า ก็เจ็บเข่าจริงๆ
แต่หลังจากผมสนใจไตรกีฬาแล้ว ความเชื่อนั้น ถูกลบล้างออกไปเกือบหมด
จริงอยู่ว่าเจ็บเข่า แต่มันเป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่ที่ขี่จักรยานแทบจะไม่อยากวิ่ง พอไปวิ่งทีนึง กล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่เคยใช้ มันก็ระบมครับ
ตอนแรกๆผมก็เป็น จนหลังๆ ผมวิ่งบ่อยขึ้น และวิ่งโดยไม่เอาส้นเท้าลง ใช้ฝ่าเท้าลง ลดอาการกระแทกไปยังเข่า แค่สัปดาห์ที่สองในการวิ่ง
(ผมสองวันสามวันวิ่งทีนึง) ผมสามารถวิ่งไป ทีละ 6 โลโดยไม่เจ็บเข่าแล้ว
สำหรับปั่นจักรยาน ผมมองว่า เป็นกีฬาที่ไม่น่าเบื่อ คือไปได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยไว เพราะว่าใช้กำลังค่อนข้างน้อย HR ขึ้นสูงช้ากว่าวิ่งครับ คือไปเนิบๆนานๆได้มากกว่า เน้นความทนทานความต่อเนื่องได้มากกว่า
แต่วิ่ง เหนื่อยกว่าแน่ๆ และทำให้หัวใจ และปอดแข็งแรงกว่าปั่นจักรยานแหงๆ จริงๆผมก็ไม่ชอบเท่าไรครับ วิ่งเนี่ย มันน่าเบื่อ ........ แต่มันเรียกเหงื่อได้ดี และทำให้เราอึดได้ดีกว่า ขี่จักรยานห้าสิบโลไปเรื่อยๆ ผมว่ามันก็ไปได้่เรื่อยๆครับ แต่วิ่ง เหยาะๆไปเรื่อยสักหกโล ถ้าทำทุกวันๆ ๆ ไปเรื่อยๆ ผมว่ามันทำให้ผมฟิต และเหนื่อยง่ายได้ดีกว่าครับ
แต่จักรยานสนุกกว่าครับ ได้เห็นอะไรมากกว่า ได้รับลม และอยู่กับการออกกำลังกายแบบสนุกสนานได้ยาวกว่าครับ
สรุป ผมทำหมดครับ สลับๆ กัน
- Fastcat4100
- ขาประจำ
- โพสต์: 153
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 14:25
- Tel: 0868346051
- Bike: Trek
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผมทำทั้ง 2 อย่าง
ถ้าต้องให้เลือกแค่อย่างเดียว ผมเลือกวิ่งไม่ลังเล
วิ่ง 5 กม. 0.5 ชม. จะต้องปั่นจักรยานความเร็ว 27 สัก 2 ชม.ถึงจะเหนื่อยเท่ากัน
ผมว่าจักรยานน่าเบื่อกว่า ถ้าคิดแบบนี้
การไปวิ่งตามงานวิ่ง มันมันส์กว่า ปั่นจักรยานหลายเท่านัก
ถ้าต้องให้เลือกแค่อย่างเดียว ผมเลือกวิ่งไม่ลังเล
วิ่ง 5 กม. 0.5 ชม. จะต้องปั่นจักรยานความเร็ว 27 สัก 2 ชม.ถึงจะเหนื่อยเท่ากัน
ผมว่าจักรยานน่าเบื่อกว่า ถ้าคิดแบบนี้
การไปวิ่งตามงานวิ่ง มันมันส์กว่า ปั่นจักรยานหลายเท่านัก
สำหรับชาวเสือ โลกกว้าง แต่ทางนั้นแคบ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1373
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 21:20
- Tel: 0819555673
- team: SAHAKIJ JOHO..KORATBIKE... P.C.S.Clycling Team Korat
- Bike: KONA KHS TREK GIANT SCOTT ANCHOR
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผมคิดว่ามันมีประโยชน์ทั้งสองอย่างนั่นแหละครับ แต่ในทางกลับกัน มันก็มีทั้งประโยชน์และมีโทษ พอๆกันแหละครับ ทางที่ดีควรเดินสายกลางครับ
- avatarno
- สมาชิก
- โพสต์: 69
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2011, 07:23
- Bike: Scpeialized AlleZ C2 Red
Re: จักกยานVSวิ่ง ในแง่ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผมก็วิ่งมาก่อนขี่จักรยานครับ วันละห้ากิโลทุกๆวัน วิ่งมาได้ปีนึง ก็หันมาขี่จักรยานด้วย จากที่สัมผัสทั้งสองอย่าง ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ในระยะเบื้องตนของการออกกำลังกาย
การวิ่งนี่จะละเอียดอ่อนมากกว่าการขี่จักรยานระดับนึงครับ เพราะเน้นสรีระของคนวิ่งมากๆ เริ่มตั้งแต่การเลือกรองเท้า ลักษณะของเท้า อุ้งเท้าสูงต่ำ ขาโก่งมั้ย การวิ่งใช้การลงน้ำหนักด้านนอกด้านในของฝ่าเท้า น้ำหนักตัวของคนวิ่ง หน้าเท้ากว้างกว่าปกติมั้ย ถ้าเลือกรองเท้าไม่ดีก็จะมีผลต่อร่างกาย บางคนเริ่มวิ่งคิดว่ารองเท้าอะไรก็วิ่งได้ เลือกถูกๆไว้ก่อน ก็เป็นที่มาทำให้เข่า ขา ข้อเท้า เจ็บได้ง่าย ก็เลยสรุปว่าเข่า ข้อเสียได้ง่ายครับ
การขี่จักรยานในเริ่มแรกก็อาจจะแค่หาขนาดรถที่พอดีกับตัว ปรับระดับแฮนด์ เสต็ม เบาะ ให้เข้ากับรถ เวลาออกกำลังก็สามารถผ่อนหนักผ่อนเบาได้มากกว่าจักรยาน การทิ้งน้ำหนักก็ทิ้งไปที่เบาะนั่ง แรงกระแทกก็จะน้อยหน่อย
ผมว่าการออกกำลังทั้งสองอย่างก็ให้ผลต่อสุขภาพทั้งสองอย่างครับ เพราะกล้ามเนื้อที่ใช้ก็คนละส่วนกัน อยู่ที่เราเลือกแล้วละครับ แต่ที่สำคัญก็คือการปรับอุปกรณ์ต่างๆให้เราสามารถออกกำลังได้โดยที่ไม่เจ็บป่วยก่อนที่ได้จะได้สุขภาพดีๆนะครับ
การวิ่งนี่จะละเอียดอ่อนมากกว่าการขี่จักรยานระดับนึงครับ เพราะเน้นสรีระของคนวิ่งมากๆ เริ่มตั้งแต่การเลือกรองเท้า ลักษณะของเท้า อุ้งเท้าสูงต่ำ ขาโก่งมั้ย การวิ่งใช้การลงน้ำหนักด้านนอกด้านในของฝ่าเท้า น้ำหนักตัวของคนวิ่ง หน้าเท้ากว้างกว่าปกติมั้ย ถ้าเลือกรองเท้าไม่ดีก็จะมีผลต่อร่างกาย บางคนเริ่มวิ่งคิดว่ารองเท้าอะไรก็วิ่งได้ เลือกถูกๆไว้ก่อน ก็เป็นที่มาทำให้เข่า ขา ข้อเท้า เจ็บได้ง่าย ก็เลยสรุปว่าเข่า ข้อเสียได้ง่ายครับ
การขี่จักรยานในเริ่มแรกก็อาจจะแค่หาขนาดรถที่พอดีกับตัว ปรับระดับแฮนด์ เสต็ม เบาะ ให้เข้ากับรถ เวลาออกกำลังก็สามารถผ่อนหนักผ่อนเบาได้มากกว่าจักรยาน การทิ้งน้ำหนักก็ทิ้งไปที่เบาะนั่ง แรงกระแทกก็จะน้อยหน่อย
ผมว่าการออกกำลังทั้งสองอย่างก็ให้ผลต่อสุขภาพทั้งสองอย่างครับ เพราะกล้ามเนื้อที่ใช้ก็คนละส่วนกัน อยู่ที่เราเลือกแล้วละครับ แต่ที่สำคัญก็คือการปรับอุปกรณ์ต่างๆให้เราสามารถออกกำลังได้โดยที่ไม่เจ็บป่วยก่อนที่ได้จะได้สุขภาพดีๆนะครับ