หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
- a lone wolf
- ขาประจำ
- โพสต์: 446
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2010, 01:57
- Bike: kona sutra
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
มันเหนื่อยครับ เหนื่อยเหมือนที่มีคนหลายคนบอกเอาไว้
หมาป่าเดียวดายต้องรอร่วมสองเดือนนั่นล่ะครับกว่าความเหนื่อยจะคลายแล้วก็สรุปทริปมาสู่กันฟัง....
สองเดือนที่แล้ว วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฏาคม ถ้าจำกันได้ก็วันเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศเพื่อหาผู้แทนเข้าสภาและหารัฐบาลใหม่กัน
หมาป่าเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำวันเสาร์ กินอาหารแป้งเยอะๆ สัมภาระใส่กระเป๋าข้างเรียบร้อยไว้ตั้งแต่ก่อนนอน
ตื่นเช้าอาบน้ำอาบท่าอาราธนาคุณพระคุณเจ้าแขวนคอ แล้วก็ขี่จักรยานไปโรงเรียนข้างๆบ้านที่เป็นหน่วยเลือกตั้ง
เข้าคิวรอหย่อนบัตรครับทั้งสส.เขตและสส.สัดส่วน ไปถึงแปดโมงสิบห้านาทีนี่ก็คิวยาวพอควรแล้วล่ะครับ
เวลาใส่หมวกกันน๊อคจักรยานยืนรอคิวเลือกตั้งนี่ก็มีคนมองดูเยอะเช่นกัน ดูโดดเด่นกว่าชาวบ้านเขา
แต่ตอนตรวจบัตรประชาชนนั่นก็ถอดนะครับ กลัวเจ้าหน้าที่เขาไม่ยอมให้เลือกตั้งเพราะใส่หมวกแล้วดูเทียบกับบัตรประชาชนลำบาก
หย่อนบัตรเสร็จ ล้อก็เริ่มหมุน แต่หมุนไปร้านข้าวหน้าเป็ดก่อน กินข้าวเช้าเรียกแรงตามธรรมเนียม
ภารกิจขึ้นเขาใหญ่นี้ถือเป็นการฝึกซ้อมเดินทางไกลก่อนจะขี่ขึ้นเชียงใหม่ไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพตามที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้สำเร็จในปี 2554 นี้
คนกรุงเทพนั้นหาภูเขาซ้อมไม่ได้ จะขี่ขึ้นที่จอดรถบนตึกออฟฟิศ รปภ.เขาก็ไม่อนุญาตด้วยกลัวว่าจะไปทิ่มกับรถยนต์ที่วิ่งสวนทางลงมา แล้วอีกอย่างมันก็คงไม่เหมือนกับขี่ขึ้นเขาจริงๆ
ช่วงขึ้นดอยขุนตาลตรงลำปาง และสำคัญสุดช่วงขึ้นดอยสุเทพ หมาป่าจึงจำต้องมาขี่ที่เขาใหญ่นี้ก่อน ไม่งั้นคงไม่หาญกล้าขี่ไปเชียงใหม่โดยไม่ซ้อมอย่างแน่นอน
จบข้าวหน้าเป็ดพร้อมกับน้ำมะตูมแช่เย็นหมาป่าปั่นจากถนนเฉลิมกระเกียรติฯแถวสวนหลวง ร.9 ไปเส้นทางคุ้นชินเข้าอ่อนนุชไปทางพระจอมเกล้าลาดกระบัง แล้วยิงยาวไปทางถนนฉลองกรุงมุ่งสู่อำเภอหนองจอกครับ
ทริปนี้หมาป่าอาศัยว่าเป็นคนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะไม่ไปทางรังสิตและนครนายก แต่จะไปที่จังหวัดปราจีนผ่านทางฉะเชิงเทรา
เส้นทางสบายๆที่หนองจอกที่เคยมาขี่ครั้งหนึ่งแล้วและเคยผจญภัยเล็กๆในทริปร้อยกิโลทริปแรกที่เคยเขียนสรุปไว้
หนองจอกตัดเข้าทุ่งมุ่งตะวันออกไปตามถนนเทศบาลเข้าสู่อำเภอบางน้ำเปรี้ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา
ทุ่งนา ทุ่งนา และทุ่งนา สลับด้วยบ้านคน
แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ครับ หมาป่าเลี่ยงสาย 304 ด้วยถนนเทศบาล แล้วไปเข้า 3841 ต่อด้วย 3481(เลขใกล้กันจัง) ช่วงบางน้ำเปรี้ยว จะมุ่งหน้าไปอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี
ขี่ไปพอเที่ยงปั๊บ ร้านอาหารกลางทุ่งก็โผล่มาทันที เป็นอาหารไทยภาคกลางแนวสวนอาหาร ชื่อร้าน “ลูกทุ่ง”
ความจริงก่อนหน้าที่จะมาเที่ยงที่นี่ก็มีร้านอาหารมาตลอดทาง แต่เกือบทุกร้านจะเป็นอาหารมุสลิมครับ
แถวหนองจอก บางน้ำเปรี้ยว พี่น้องชาวไทยมุสลิมมีเยอะ ร้านอาหารมุสลิมก็เลยเยอะไปด้วย
หมาป่าไม่ถนัดข้าวหมกไก่ หรือซุปหางวัว ด้วยจมูกไม่คุ้นกับรสเครื่องเทศครับ
มื้อเที่ยงนี้ ข้าวสวยร้อนๆ ไข่เจียวหมูสับ กับต้มยำปลาช่อนใส่เห็ดนางฟ้า จิบโค้กอีกขวด เฮ่อ ไปได้อีกยาวล่ะ
ถนนในวันเลือกตั้งนี้รถน้อยดีนะครับ เพราะผู้คนคงไม่ค่อยเดินทางไกลบนถนนข้ามจังหวัดกัน
หมาป่าใช้จาน 3 เฟือง 6 ขี่ไปเรื่อยๆ ยี่สิบกิโลเมตรก็พักเสียที ลมตีบ้างสปีดก็อยู่แถว 20-25 กม.ต่อชม.
ตอนเริ่มเข้าปราจีนบางช่วงจะมีต้นไม้เขียวๆครึ้มอยู่ข้างทาง ไหล่ทางแคบ แต่ก็ขี่ได้สบายดีไม่หวาดเสียวครับ
ถึงอำเภอบ้านสร้างนั้นหมาป่าจำเป็นต้องแวะเข้าไปวนในตลาดในอำเภอครับด้วยว่าหิวกาแฟสดเต็มกำลัง
แต่แปลกครับ ทั้งตลาดบ้านสร้างไม่มีร้านไหนขายกาแฟสดเลย
ไปได้กินกาแฟตรงร้านใกล้แม่น้ำ แต่ก็เป็นเนสกาแฟชงกับน้ำตาล...ดีกว่าไม่มีกินครับ
กินกาแฟเสร็จ หมาป่าก็ยังวนรถในตลาดเพื่อหาเครื่องดื่มเกลือแร่กิน กลัวตะคริวน่ะครับ
เจอร้านตู้แช่ซื้อสปอนเซอร์หนึ่งขวด เจ้าของร้านเขาเปิดทีวีไว้ ตอนนั้นหลังบ่ายสามโมงสักห้านาที
โอววว์แม่เจ้า สรยุทธกำลังสัมภาษณ์อาจารย์สถาบันที่ทำเอ็กซิทโพลล์ และรายงานข่าวเป็นระยะ
โพลล์นั้นก็บอกว่าสามร้อยขึ้น โพลล์นี้ก็บอกว่าสองร้อยเก้าสิบห้า
เฮ่ออออออออออ .....เฮ่ออออออออออออ
ขี่มาเกือบร้อยโลจากสวนหลวงร. 9 อีกแค่ยี่สิบกว่าโลจากบ้านสร้างไปถึงอำเภอเมืองปราจีนเนี่ย หมาป่ารู้สึกว่าช่วงนี้เหนื่อยที่สุด ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ใจทดท้อ กายก็อ่อนเปลี้ย ฮ่าฮ่าฮ่า
ออกเดินทางจากบ้านสร้างด้วยใจที่สลาย มีฝนตกพรำๆเล็กน้อยเพื่อพรางน้ำตาหมาป่า
บางช่วงหยุดพักตรงศาลารอรถหน้าโรงเรียนยังได้ยินเขาขานเสียงนับคะแนนเลือกตั้งกันจ๋อยๆ
ช่วงนี้หมาป่าเริ่มพบหมาเยอะขึ้นครับ หมาไทยเฝ้าบ้านเฝ้าสวนนี่แหละครับ
มันออกมาไล่เห่าไล่กวดหมาป่าหลายช่วงครับ ประมาณว่าขี่ผ่านนี่มันแง่งมันวิ่งใส่กันจัง
ดังนั้นการตรวจการณ์หน้าต้องแม่นยำ
เพราะโดนหมาไล่ขย้ำบนถนนเลนสวนแบบสองเลนนี่เสียวรถที่วิ่งตามมาข้างหลังเป็นที่สุด
พอเห็นหมาหนึ่งหรือสองตัวออกมารับลมหน้าทางเข้าบ้านที่ริมถนน
หมาป่าก็หยุดดูรถหน้ารถหลังและขี่ข้ามไปอีกฝั่งของถนน ไปขี่ย้อนศรตรงนั้นจนกว่าจะผ่านบ้านที่หมาออกมานั่ง หมาป่าจึงจะข้ามถนนกลับมาขี่ชิดด้านซ้ายอีกที
หมามันฉลาดครับ มันจะไม่วิ่งข้ามถนนมาไล่กัดเราเช่นกัน...เพราะมันก็กลัวรถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วร้อยกว่าเหมือนๆกับเรา มันคงคิดว่าเสี่ยงแล้วไม่คุ้ม มัวแต่ไล่ลืมมองรถ ตายฟรี
ขี่ไปเรื่อยๆก็เจอถนนเส้นที่จะเข้าเมืองปราจีน หมาป่าเลี้ยวซ้ายแล้วลอดใต้สะพานรถข้าม ไปเส้นทางข้ามแม่น้ำที่ไม่ต้องขึ้นสะพานรถข้ามดังกล่าว มันมีเส้นเลาะๆไปครับ ไปข้ามแม่น้ำได้เช่นกัน แล้วก็เข้าตัวเมืองปราจีนเลย
ตอนนั้นสี่โมงกว่าแล้วล่ะครับ ฝนพรำ ยังครับหมาป่ายังไม่ขึ้นเขาใหญ่ในวันนี้ดอกครับ
หมาป่าจะไปนอนที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่ขออนุญาตไม่บอกชื่อ ในเวปเขาบอกว่าอยู่ในอำเภอเมือง
ในแผนที่ของรีสอร์ทดูเหมือนไปง๊ายง่าย ขี่สักห้านาทีจากดาว์ทาวน์ของเมืองก็น่าจะถึง
แต่ชีวิตไม่ง่ายเหมือนแผนที่ในเวปนะครับ
หมาป่าถามพี่คนขับวินมอเตอร์ไซค์เขาบอกว่าอยู่นอกเมืองออกไปอีกสิบกว่ากิโล
อยู่แถวถนนที่เขาขายส่งไม้ดอกไม้ประดับกันครับ เมืองปราจีนนี้มีตลาดค้าส่งต้นไม้ยาวเป็นหลายกิโลเมตรครับ
อยู่นอกเมืองออกไปอีก คนปลูกต้นไม้ก็จะปลูกกันแล้วมีหน้าร้านอยู่บนถนนสายนั้นรอให้มีพ่อค้ามารับไปซื้อไปขายปลีกต่ออีกที
หมาป่าก็ขี่อีกแล้วล่ะครับมุ่งไปหารีสอร์ทด้วยใจที่ทดท้อหลังจากพอจะทราบผลเลือกตั้งทั่วไป
โทรไปถามทางคนที่รีสอร์ทด้วยเพราะแผนที่ที่เขาให้นั้นหยาบมาก (ภาษาของยายหมาป่าแบบบ้านบ้าน จะบอกว่า “หยาบเป็นหีเป็ดเชียว”) ดูแล้วถ้าไม่เคยไปมาก่อนนี่จะดูไม่ออกเลยครับ เสกลผิด แทบไม่บอกถนน ไม่บอกทิศทางกันเอาเสียเลย ต้องใช้ปากถามคนครับ ถามไปเรื่อย
มันก็ไปได้นะครับ แดดเริ่มลดความแรงลง ฝนหยุด แต่หมาไม่หยุดครับ
หมาป่ายังคงเจอหมาเป็นระยะ ขี่ไปก็ต้องคอยตรวจการณ์ ชะลอรถ บีบเบรกและตวาดหมา
ไม่หนีไปขี่อีกฝั่งของถนนเพราะคราวนี้ถนนแคบรถใช้ความเร็วไม่เยอะ หมามันคงวิ่งข้ามถนนมาหาแน่
หมาป่าใช้วิธีมองหน้า ถ้ามันยังวิ่งใส่ก็บีบเบรก ตะโกนใส่หน้ามัน ก็รอดมาได้นะครับ แต่เหนื่อยว่าขี่แบบเพลินๆไม่ได้เท่านั้นเอง
ถึงรีสอร์ทตอนสักห้าโมงเย็นเห็นจะได้ มีหมาป่าเป็นแขกรายเดียวของวันนั้น
ห้องนอนราคา 600 บาท มีแอร์ มีโทรทัศน์ แต่ไม่มีน้ำอุ่น สภาพค่อนข้างโทรมน่ะครับ
แอร์ไม่เย็นเอาเสียเลย หมาป่าถึงที่พักเอารถเก็บในห้อง อยากกินข้าวเย็นแต่อย่างที่บอกว่าวันนี้มีหมาป่าเป็นแขกรายเดียวครัวปิด น้องที่รีสอร์ทแนะนำให้ไปหาข้าวกินที่ตลาดนัดที่เพิ่งขี่ผ่านมาสักสามร้อยเมตรก่อนถึงประตูรีสอร์ท
ไปก็ไปครับ ได้ข้าวเหนียวกับไก่ทอดมากินให้หนักท้องเข้าไว้
อยากกินเบียร์เป็นที่สุดเพื่อฉลองว่าขี่มาถึงปราจีน และพรุ่งนี้จะได้ขึ้นเขาใหญ่แล้ว แต่จนใจว่ามันเป็นวันเลือกตั้งน่ะครับ ไม่มีใครขายเบียร์หมาป่าเลย....แต่ในประเทศไทยเรานี้ เรื่องแค่นี้ไม่ใช่อุปสรรคดอกครับ
หมาป่าขี่กลับมารีสอร์ทและกระซิบบอกน้องคนที่เฝ้าห้องรับรองหมาป่าว่า พี่อยากกินเบียร์แต่เขาไม่ขายกัน หนูหาให้พี่ได้ไม๊
น้องเขายิ้มแล้วถามว่าพี่อยากได้กี่ขวดล่ะคะ ลีโอหรือช้าง หมาป่าบอก สิงห์ เอามาสองขวดนะจ๊ะ น้ำแข็งไม่ต้อง หนูมีขายในรีสอร์ทนี้หรือ? น้องบอกไม่มีหรอกคร่า...แต่เดี๋ยวจะลองหาดูแถวๆนี้แหละคร่า
เรื่องราวหลังจากนั้นก็คิดต่อกันเอาเองนะครับ เลยไม่อยากจะบอกชื่อรีสอร์ทน่ะครับ
นอนไม่ค่อยหลับครับ แอร์มันไม่เย็น นึกในใจว่าทำไมแอร์มันเก่านักหว่า
ขี้เกียจเปลี่ยนห้องกลางดึก จนเช้าตื่นมาตอนจะเก็บของออกเดินทางไปตีนเขาใหญ่นั่นแหละครับถึงได้รู้ว่าสวิทช์แอร์มันมีปัญหา มันเปิดแต่พัดลม แต่คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน พอหมาป่าไปขยับสวิทช์คอมเพรสเซอร์ก็ครางกระหึ่มทำงานขึ้นมา เฮ่อ หลงโง่อยู่ทั้งคืนนิเรา
วันนี้สินะที่จะขี่ขึ้นเขาใหญ่ สัมภาระที่หมาป่าใส่มาในกระเป๋า Pannier ทั้งสองใบนั้นเลียนแบบการขึ้นเชียงใหม่ที่เป็นเป้าหมายใหญ่อันทำให้เกิดมีการฝึกซ้อมในครั้งนี้
เสื้อผ้า เสบียง อุปกรณ์ซ่อมรถเบื้องต้น หนังสือ โซ่หนักสองกิโลพร้อมกุญแจเพื่อล๊อกรถ (โซ่นี้หมาป่าเลือกแบบใหญ่มาก เพื่อให้โขมยหันไปเล็งจักรยานคันอื่นที่โซ่เล็กกว่าแทน มัวมานั่งเลื่อยโซ่ของหมาป่าเนี่ยอาจไม่คุ้ม อิอิ) อีจุ๊กอีจิ๊กทั้งหลายรวมกันแล้วเกินสิบกิโลกรัมครับ รวมทั้งเผื่อที่ไว้ใส่ขวดน้ำสำรองด้วยเพราะว่าลำพังขวดน้ำที่ติดรถหมาป่าเกรงว่าจะไม่พอสำหรับขึ้นเขาใหญ่ซึ่งอาจมีร้านขายน้ำข้างทางขายน้อยในวันจันทร์แบบนี้
หมาป่ามีกางเกงขี่จักรยานแบบบุฟองน้ำรองก้นอยู่แค่สองตัว แบบแบบกางเกงผ้ายืดชั้นในแล้วมีผ้าชั้นนอกเย็บทับเป็นเหมือนกางเกงลำลองอีกชั้น (หมาป่าไม่ชอบกางเกงจักรยานชั้นเดียวแบบรัดและโชว์หำครับ มันระทึกใจเกินไป) เลยต้องมีการซักตอนกลางคืนที่ห้องน้ำในรีสอร์ท ผึ่งไว้พอเช้าก็ยังเปียกอยู่ เอาไปพาดไว้บนตะแกรงหลังรถ พบว่ามันก็ไม่ค่อยแห้งเท่าไรดอกครับ มีชื้นหมาดๆแม้จะขี่ขึ้นเขาใหญ่ทั้งวัน อันนี้เป็นบทเรียนในการเตรียมตัวขึ้นเชียงใหม่เช่นกันว่ามีสองทางเลือกคือ หากางเกงเพิ่ม หรือหาวิธีผึ่งเสื้อให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ (ใครมีทิปส์ในการตากผ้าบนจักรยานระหว่างขี่ช่วยแนะนำจักเป็นพระคุณยิ่งครับ)
หมาป่าขี่ออกจากรีสอร์ทแต่ไม่ได้ย้อนกลับเข้าไปทางตัวเมือง
หากมุ่งไปอีกทางสู่วงเวียนทางขึ้นเขาใหญ่ที่มีทางตัดมาจากนครนายก มีศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
อากาศยามเช้าสดใส กลิ่นยางไม้ลอยอวลอยู่ในอากาศบริสุทธิ์สูดได้เต็มปอด
มุ่งมาทางวงเวียนนี่จะมีผ่านค่ายทหาร และมีเนินน้อยๆเป็นระยะ ไม่หนักหนาครับ
หมาป่าขี่มาแวะตรงปั๊มปตท.ใกล้กับวงเวียนเพื่อเรียกความสดชื่นด้วยกาแฟสด หมาป่าตัวนี้วาสนาตัดไม่ขาด นอกจากเสพเบียร์แล้วยังต้องเสพกาแฟสดด้วยครับ เติมด้วยอามาซอนร้อนสักแก้วเพราะรู้ว่าวันนี้โอกาสหากาแฟสดกินบนเขาใหญ่คงใกล้ศูนย์เพราะเป็นวันธรรมดาร้านค้าคงไม่ค่อยเปิดแน่นอน
จากนั้นหมาป่าขี่วนรอบวงเวียนมุ่งขึ้นสู่ด่านเขาใหญ่
รีสอร์ท บ้านเรือนผู้คน ร้านค้าอยู่เต็มสองฝั่งทาง จากนั้นก็ค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆ
ถนนสายสวยสายสงบพามุ่งสู่ทิวเขาทะมึนครึ้มเขียวอยู่เบื้องหน้า วันธรรมดานี้สงบจริงๆนะครับ
ทัวร์ริ่งโครโมลี่อีเขียว Kona Sutra ของหมาป่าทำงานไปตามที่ถูกออกแบบมา
น้ำหนักของรถที่ค่อนข้างเยอะบวกกับสัมภาระที่จาน 3 เฟือง 6 ทำให้การ Cruise ยอดเยี่ยมได้ฟีลลิ่งและนำความสงบเข้าสู่จิตใจ
ยามสายลมรำเพยพัดผ่านหูและวงแขน มีมอเตอร์ไซค์ของเด็กนักเรียนอาชีวะชายหญิงที่คงโดดเรียนแซงไปบ้างสองสามคัน ช่างเป็นบรรยากาศแสนสบาย ขี่ไม่เหนื่อยเลยครับ
หมาป่าแวะเข้าเช็คอินที่รีสอร์ทตีนภูเขาใหญ่ชื่อ เขาใหญ่แกรนด์วิวรีสอร์ท สภาพดีกว่ารีสอร์ทเมื่อคืนมากมาย หากนั่งมองจากระเบียงจะเห็นทิวเขาใหญ่เขียวทะมึนเบื้องหน้าสมกับชื่อรีสอร์ทจริงๆครับ
เช็คอินไว้ก่อน แต่ไม่ได้เอาสัมภาระเก็บด้วยต้องการให้ร่างกายรับน้ำหนักใกล้เคียงกับการขึ้นดอยขุนตาล น้ำหนักสัมภาระที่ติดรถนั้นหมาป่าคัดแต่ของจำเป็นเพื่อการฝึกซ้อม น้ำติดรถขวด 800 ซีซี หนึ่งขวด น้ำดื่มสำรองขนาด 500 ซีซีอีกสามขวด ส่วนน้ำหนักความผิดหวังจากผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวาน หมาป่าทิ้งไว้เบื้องหลัง..... แล้วก็ขี่ออกมาจากเขาใหญ่แกรนด์วิว
ตอนขี่ออกมาจากเขาใหญ่แกรนด์วิว เลี้ยวขวามุ่งขึ้นประตูด่านเขาใหญ่ฝั่งปราจีน (ด่านเนินหอม) ตอนนั้นประมาณสิบโมงเศษๆครับ แดดเริ่มแรงขึ้น
จ้วงไม่กี่ทีจากปากทางรีสอร์ทก็ถึงด่านครับ
ค่าเข้าอุทยานของผู้ใหญ่ 40 บาท ค่ารถจักรยานอีก 20 บาท พี่คนขายตั๋วฉีกตั๋วให้แบบไม่ต้องถามไถ่เพราะคงคุ้นเคยกับคนขี่จักรยานขึ้นเขาใหญ่เป็นอย่างดี
หมาป่าเริ่มจ้วงขึ้นเนิน โอ้วววววววว์ แม่เจ้า กรมป่าไม้ควรย้ายบู๊ธขายตั๋วมาตั้งตรงพื้นราบก่อนถึงตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันสักร้อยเมตรจักดีกว่านี้มากเลยครับ จะได้มีแรงส่ง.....
หงษ์ทองไม่เคยรักใครจริง แรงดึงดูดของโลกก็ไม่เคยรักใครจริงเช่นกัน
คนที่ขี่จักรยานพื้นราบมาต่อเนื่องยาวนานเริ่มรับรู้ถึงความทรงพลังของมวลโลก
ความเร็วลดต่ำลงอย่างน่าตกใจ ที่น่าตกใจมากกว่าคือไม่นึกว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้
จาน 2 เฟือง 7 เริ่มถูกลดลงมาเหลือเฟือง 4 เสียงดังแต๊กๆๆ เพื่อให้ผ่านเนินแรกนี้ไปได้น่ะครับ ....”ใจต้องนิ่ง” หมาป่าบอกตัวเอง
ถ้าจำกันได้หัวเรื่องของสรุปทริปนี้คือ “ความไม่รู้เรื่องเขาใหญ่” หมาป่าขอเข้าเรื่องครับ
หมาป่าเสริชกระทู้เก่าๆเพื่ออ่านเรื่องเส้นทางสู่ปราจีนและการขี่ขึ้นเขาใหญ่
เสริชมาหลายกระทู้มากครับ จับความได้ว่าส่วนใหญ่นักจักรยานก็ขึ้นถึงเขาใหญ่กันได้ไม่ยากเย็นเกินไป
มีอยู่ท่านหนึ่งเขียนไว้ว่า..... “มันยากสุดก็แค่สองเนินแรกนั่นแหละ และพอเลยน้ำตกเหวนรกไปแล้วก็เริ่มขี่สบายแล้ว”
หมาป่าจำข้อความนี้ได้ติดหัวติดใจ และเก็บไว้บอกตัวเองครับ
ไม่ได้หาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก
หมาป่าจ้วงที่จาน 2 เป็นหลัก ความเร็วจะอยู่แถวสิบกว่า พอมันเริ่มลดลงมาถึงประมาณ 5 กม.หรือ 4 กม. ต่อชั่วโมง ตำแหน่งขาขนานพื้นก็จะสับเฟืองลงต่ำมาอีกหนึ่งตำแหน่งเพื่อให้มีกำลังต่อไปได้อีก เพราะความเร็วดังกล่าวรถก็จะเริ่มนิ่ง พยายามไม่กดตอนถีบลูกบันไดกลัวโซ่ขาดแบบที่มีการเตือนเอาไว้
งานนี้ห้ามหยุดกลางเนินเด็ดขาด เพราะหยุดแล้วต้องเข็นอย่างเดียว สตาร์ทต่อตรงกลางเนินด้วยการถีบไม่ไหวแน่นอน
หมาป่าพูดในใจตลอดครับ “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” พูดอยู่เกินยี่สิบครั้งแน่นอนครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
หยุดพักครั้งแรกที่ยอดเนินไหนก็ไม่รู้ จอดรถไว้ฝั่งซ้ายของถนน ซึ่งแดดมันร้อน
หมาป่าเดินถือกระติกน้ำมาอีกฝั่งซึ่งร่มกว่า “เอ๊ะ น้ำค้างยอดไม้มันตกหรือไงหว่า ฝนก็ไม่มีนิ” หมาป่าสงสัยบรรยากาศรอบตัวเอง เพราะว่าน้ำมันหยดลงมาโดนแขน หยดแหมะๆลงกางเกง “เอ๊ยย์ นี่มันเหงื่อตูเองนี่หว่า” เหงื่อหยดติ๋งๆแบบนี้น่ะครั้งหลังสุดมันยี่สิบกว่าปีมาแล้วครับ ที่เขาชนไก่ตอนเรียนมหาลัยปีหนึ่ง ตอนที่เขาให้แบก ปลย 88 เอ็มวันกาแรนด์ วิ่งขึ้นตีฐานข้าศึกบนเนินยอดเขาตอนสิบโมงเช้า มันหยดกันระดับนั้นเชียว
กินน้ำเสร็จ ก็จ้วงกันต่อ
รถที่ผ่านทางทั้งขับตามและสวนในช่วงสายวันจันทร์อย่างนี้มีน้อยมากครับ ส่วนใหญ่เป็นรถปิคอัพ
ใจนั้นบอกตัวเองว่าสองเนินเท่านั้นน่า จากนั้นก็จะสบายขึ้น เพราะเพื่อนในเวปเขาบอกไว้อย่างนั้นนิหน่า
ขี่ต่อไปอีก “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” ก็พร่ำบอกตัวเองในใจกันไป
ขาลงเนินก็ค่อยสบายหน่อย ขาขึ้นก็จ้วงกันไป
บางช่วงถนนลอดใต้ต้นไม้ครึ้ม ความชื้นทำให้ผิวถนนมีตะไคร่ ล้อจักรยานเวลาขี่บนตะไคร่ทางชันเนี่ยมันมีอาการฟรีนิดๆลื่นปื้ดๆพอให้ตกใจครับ
บางช่วงพักนอกจากกินน้ำก็งัดกล้วยตาก และขนมจันอับที่เมียห่อให้ขึ้นมากิน
งานนี้ไม่มีมื้อหนักพวกผัดกระเพราราดข้าวกล่อง เพราะกะว่าจะไปกินที่ที่ทำการ พระเจ้าตากตีเมืองจันทน์ทุบหม้อข้าวก่อนเข้าตีอย่างไร หมาป่าก็กะตีเขาใหญ่แบบนั้นล่ะครับ
มีช่วงหนึ่งพักบนยอดเนินเหมือนเดิม รถปิคอัพทะเบียนปราจีนวิ่งผ่านแล้วเขาคงเห็นอาการถือกระติกน้ำพร้อมยอมรับความเป็นจริงในชีวิตของหมาป่าแล้วตีความผิด พี่เขาชะลอรถเพื่อจะถามว่าโอเคมั๊ย มึงจะให้กูจอดรับไม๊? ก็ได้แต่ยิ้มและโบกมือยกสัญญานว่าโอเคจ้า ไปเหอะพี่ น้องยังไหว
ไหงน้ำตกเหวนรกมันไกลนักน๊อ?? หมาป่ารำพึงในใจ แล้วไอ้ยอดเนินสองเนินที่บอกว่าโหดที่สุดแล้วหลังจากนั้นจะสบายมันผ่านมาอ๊ะยังหว่า??? ไหงตูไม่ค่อยสบายอย่างที่เขาบอกแฮะ นี่มันก็หลายเนินแล้วนา
รถ Kona Sutra อีเขียวของหมาป่ามี 27 เกียร์ครับ มีบางจุดที่สับลงมาถึงจาน 1 เฟือง 2 แล้ว
หมาป่าตั้งสัตย์ปฏิญานตนไว้ในใจครับว่า ให้หนักยังไงก็ตาม จาน 1 เฟือง 1 นั้นจะไม่ยอมใช้เด็ดขาด
เป็นทหารก็จะบอกว่ากระสุนนัดสุดท้ายในแมกกาซีนนี้จะเก็บไว้ยิงตัวเองยามจนตรอก ไม่ยอมให้ข้าศึกจับเป็นเด็ดขาด
มันเป็นเกียร์จิตวิทยาน่ะครับ ..... หลอนจิตตัวเองว่า ยังไงก็ยังมีเกียร์เหลือ สบายใจได้น่ะหมาป่าเอ๊ย
โอว ความพยายามอยู่ที่ไหน น้ำตกเหวนรกก็อยู่ที่นั่นน่ะครับ
ในที่สุดหมาป่าก็มาถึงทางเข้าน้ำตกจนได้ แวะเข้าไปด้วยความสบายใจขึ้นมาเฮีอกหนึ่ง เพราะถึงน้ำตกเหวนรกแล้วอีกไม่นานก็คงถึงที่ทำการ (อย่าเพิ่งหัวเราะครับ หมาป่ารู้ว่าบางท่านเริ่มหัวเราะแล้ว)
หมาป่าเข้าไปเยี่ยว กินน้ำกินท่าอีกครั้ง เดินไปที่ด่านเฝ้าปากทางเดินเท้าเข้าน้ำตก
คุยกับพี่ผู้หญิงที่เฝ้าด่านอยู่ แกะกล้วยตากแบ่งให้พี่เขากิน พี่เขาอิดออดบอกว่าเป็นเบาหวาน
หมาป่าบอก เอาเหอะน่าคุณพี่ กินชิ้นสองชิ้นน้ำตาลมันยังไม่ทันขึ้นดอก พี่เขาเลยสนองอยากให้
พี่แกปอกลูกแก้วมังกรให้กินระหว่างคุยกันด้วยนะครับ หมาป่าก็สนองคุณเช่นกัน
คุยกันจุ๊กจิ๊กบอกว่าเนี่ยจริงๆผมอยากขี่ขึ้นยอดเรดาห์เขาเขียวด้วยน่ะนา แต่ดูสภาพตัวเองกว่าจะมาถึงน้ำตกแล้วก็คิดว่ารอบนี้ต้องปล่อยให้ยอดเขาเขียวรอไปก่อน คงไม่มีปัญญาแน่นอน เพราะคนเขาบอกว่ามันชันกว่าทางขึ้นเขาใหญ่ปกติมากมาย แรงที่เหลือคงไม่พอแล้วล่ะพี่
พี่เขาบอกว่า ต้องแข็งแรงนะคะคุณ เคยมีคนหนุ่มๆขึ้นไปแล้วหัวใจวายตายเลยค่ะ หมาป่าสยองเลยล่ะครับ พี่เขายังบอกต่ออีกว่าตรงปากทางขึ้นเขามีเครื่องวัดหัวใจไว้บริการด้วยนะคะ หมาป่างงงงว่าวัดยังไงหว่าแต่ไม่ได้ถามต่อ แต่เชื่อว่าคงไม่ได้จับวิ่งสายพานอ่านเส้นกราฟประสิทธิภาพของหัวใจแน่นอน
ปล. วันธรรมดาร้านอาหารที่น้ำตกเหวนรกไม่เปิดขายนะครับ จะไปหวังกินข้าวที่นี่เนี่ยไม่มีนะครับ บอกไว้สำหรับท่านที่จะขี่ตามรอยหมาป่ามา
ร่ำลาคุณพี่เฝ้าทางเข้าน้ำตกเสร็จก็ขี่ต่อด้วยใจที่มีเฮี่ยวมีแฮง เพราะนึกว่าเดี๋ยวสักพักก็จะถึงที่ทำการอุทยานแล้ว เออเว๊ยเขาใหญ่มันก็ไม่ได้ยากเกินพิชิตนี่หว่า
ฮ่าฮ่าฮ่า ความไม่รู้บางทีก็ฆ่าคน แต่ความไม่รู้ของหมาป่านี้กลับกระทำคุณให้ครับ
หมาป่าเสริชเน็ตตั้งเยอะ แต่ดันไม่ได้ศึกษาว่าเส้นทางเขาใหญ่จากปราจีนขึ้นไปถึงที่ทำการนั้นมันยาว 33 กิโลเมตร
และน้ำตกเหวนรกนับจากด่านเนินหอมนั้นมันแค่ 9 กิโลเมตร ยังต้องไปต่ออีกยี่สิบกว่ากิโล บนทางขึ้นเขาลงเนินขึ้นเนินลงเขาต่อไปเรื่อยๆ
หมาป่าคิดในใจตลอดว่า สองเนินแรกหินสุด ถึงน้ำตกเหวนรกแล้วสบาย ....เดี๋ยวสักพักก็ถึงที่ทำการ
ถ้าหมาป่ารู้ระยะทางแบบที่เขียนข้างบน บอกตามตรงครับว่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทำภารกิจนี้สำเร็จหรือเปล่า?
ขี่รถทางไกล ใจสำคัญที่สุดครับ ใจท้อกายก็ไม่สู้ไปด้วย
เรื่องมันดำเนินต่อไปซ้ำเหมือนที่เล่ามาแหละครับ ท่องบ่นในใจว่าไม่ได้มาเพื่อเข็น ใช้เกียร์ต่ำสลับสูงกันไปเรื่อย
มีบางช่วงหมาป่าเหนื่อยจนตาลายครับ เห็นหมีขออยู่ข้างทางตรงหางตาด้านขวา
ทำไมต้องเป็นหมีขอ ทำไมไม่เป็นหมีควาย หรือเป็นกวางเป็นเก้งเป็นสมเสร็จก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ
ช่วงจ้วงหายใจหอบเหงื่อหยดนั่น เห็นสัตว์ตัวไม่ใหญ่สีดำหางงอๆ อยู่ด้านขวาตรงไหล่ทาง สมองบอกตัวเองว่าเป็นหมีขอ แต่หันไปดูก็ไม่เห็น ก็แน่ชัดว่าตัวเองเหนื่อยจนตาลาย ขำตัวเองได้อีกน่ะครับ
นึกในใจว่าถ้าหมีโผล่มาจริงๆก็คงโดนตะปบตายแน่นอน ไม่มีแรงหนีแน่
ขี้ช้างนั้นก็เห็นตลอดทางแหละครับ ใหม่บ้างเก่าบ้าง นึกในใจว่าถ้าจะมาก็ขอให้เห็นตอนอยู่กันไกลๆนะพ่อช้างจ๋า แต่อย่ามาให้เห็นตัวนั่นน่ะดีที่สุด
ช่วงที่ถึงแอ่งกระทะรูปตัว U นี่ก็มันที่สุดเลยนะครับ
ถึงตอนนั้นน่ะจะกดเบรกชะลอขาลงก็ไม่เอาแล้ว เนื่องจากมันเป็นทางตรงเห็นทางข้างหน้าชัดเจน
ถ้าไม่ปล่อยลงมาเร็วสุด ขึ้นเนินตรงจุดที่แอ่งมันเงยขึ้นคงเป็นนรกของจริง
สับจาน 3 เฟือง 9 ลงมาเต็มที่ล่ะครับ ได้ที่ห้าสิบปลายนะครับ ไม่ถึงหกสิบ (สงสัยมีขืนตัวไว้ปล่อยฟรีขาโดยไม่รู้ตัวเพราะว่ากลัวง่ะ)
สนู๊กสนุกครับแอ่งตัว U เนี่ย
ขี่ไปก็ถึงทางแยกน้ำตกเหวสุวัตและทางขึ้นยอดเรดาห์เขาเขียวในที่สุดครับ
ได้แต่ฝากไว้ในใจว่าสักวันจะมาขี่ขึ้นเขาเขียว ตอนนี้ขอเอาเขาใหญ่ที่ที่ทำการก่อนแล้วกัน
สักพักขี่ผ่านสถานีวิจัยตรง ธนะรัชต์ลอดจ์ แล้วก็มุ่งผ่านทุ่งหญ้าบึงน้ำใหญ่ไปทางป้ายที่เขาบอกว่าไปที่ทำการอุทยาน แยกที่มีทางบอกไปบริเวณกางเต็นท์ผากล้วยไม้ให้แยกไปทางขวา แต่หมาป่าเบี่ยงไปทางซ้าย
บรรยากาศรื่นรมย์จริงๆครับ แดดแรง ลมพัดเย็นสบาย เหมือนขี่จักรยานบนยอดเขาในแคชเมียร์ยังไงยังงั้น (ไม่เคยไปหรอกครับ แต่ความอิ่มใจมันพาให้เพริดไปได้)
เอ๊ะแต่พอขี่ไปเรื่อยๆ ไหงทางมันลงหุบอีกหว่าเนี่ย
เริ่มกลัวครับ กลัวว่าตัวเองขี่ผ่านที่ทำการมาแล้ว (ดันไปสงสัยว่า สถานีวิจัยเป็นที่ทำการ หรือไม่ก็ที่ทำการอยู่ตรงผากล้วยไม้)
กลัวว่าขี่เลยแล้วจะไม่มีแรงย้อนกลับ ไม่ใช่ว่าขี่เพลินแล้วดันไปถึงด่านปากช่องเลย อิอิ
ตรงจุดนี้มีขี่สวนผ่านปิคอัพอยู่คันนึงด้วยนะครับ
รถบรรทุกคนมา คนที่นั่งข้างหลังกระบะเห็นหมาป่าก็ลุกขึ้นยืนชี้ไม้ชี้มือส่งเสียงดังทำนองด่าว่า “ไอ้บ้า”
หมาป่าโกรธวูบขึ้นมาเลยครับว่าทำไมต้องคุกคามกันอย่างนี้ด้วย
กะว่าถ้ามีการเอากระป๋องน้ำเขวี้ยงมาเนี่ย กูจะหยุดเอาเรื่องมึงแน่ๆ คงเป็นเพราะความเหนื่อยทำให้หมาป่าใจน้อยผิดปกติครับ
หมาป่าขี่ย้อนกลับไปที่สถานีวิจัยตรงข้างลานจอดฮ.อีกรอบ ตอนนั้นสักเกือบบ่ายสองได้แล้วมั๊งครับ
เหล่านักวิจัยเขานั่งล้อมวงบนพื้นกันอยู่ที่ชั้นสองมองเห็นชัดผ่านฝากระจก ไม่รู้กำลังวิจัยอะไรกันอยู่ เห็นถือการ์ดแผ่นงานวิจัยกันคนละสามสี่ใบ คลี่เป็นพัดอยู่ในมือ มีการทิ้งการ์ดงานวิจัยเป็นระยะ แถมบางคนมีการจั่วการ์ดงานวิจัยกองกลางขึ้นมาด้วย ^^
หมาป่าตะโกนถามว่าที่ทำการไปทางไหน เขาก็ตะโกนบอกว่าอยู่ทางที่หมาป่าขี่ย้อนกลับมานั่นแหละอีกราวๆกิโลเมตรเศษๆ เฮ่อค่อยอุ่นใจในการไปต่อครับ
จากนั้นหมาป่าก็ขี่ไปถึงที่ทำการ เอารถไปถ่ายรูปหน้าป้ายเป็นที่ระลึกดังแนบนี่แหละครับ
แปลกนะครับ เวลาดูรูปเพื่อนๆในเวปที่ขึ้นเขาใหญ่ เขาจะไปถ่ายกันหน้าป้ายที่ใหญ่กว่านี้
หมาป่ามองไม่เห็นป้ายที่ว่า เลยเดาว่ามันอาจจะอยู่ตรงผากล้วยไม้ที่หมาป่าไม่ได้เลี้ยวขวาไปตรงทางแยกก่อนถึงศูนย์วิจัย
บอกแล้วนี่ครับว่าขึ้นเขาใหญ่สำหรับหมาป่านี้มันเหนื่อยจริงๆ หมาป่าถ่ายรูปมาน้อยมากครับ
เลยมีรูปโชว์รูปนี้รูปเดียว....ด้วยว่าเหนื่อยจนไม่มีแรงถ่าย ฮ่าฮ่าฮ่า
ถ่ายเสร็จก็จูงจักรยานข้ามไปหาข้าวกลางวันกินที่โรงอาหารของนักท่องเที่ยว
อยากกินเบียร์สักกระป๋องเพื่อฉลอง แต่ว่าไม่มีเบียร์ขายเพราะเขาห้ามดื่มสุราในอุทยาน
กาแฟสดก็ไม่มีเพราะร้านปิดวันธรรมดาที่ไม่ใช่เสาร์อาทิตย์ที่มีนักท่องเที่ยวชุก
ได้อาศัยข้าวราดแกงและโค้กหนึ่งขวดเรียกแรงกลับคืนก่อนกลับลงมาทางปราจีนอีกรอบ
คนที่เห็นสภาพหมาป่านั่งตักข้าวกลางวันกินก็คงหัวเราะ เพราะกินข้าวแบบทอดอาลัยมาก
นับจากกินข้าวเสร็จก็ไม่มีอะไรต้องเล่าต่อแล้วล่ะครับ หัวเด็ดหัวมันนั้นอยู่ตอนขาขึ้นหมดสิ้น
ไว้รอเล่าต่อทริปหน้านะครับ ขึ้นเชียงใหม่ไปไหว้พระธาตุคงสรุปทริปได้ยาวกว่านี้
อ้อ...มีแถมต่อนิดนึง ตอนลงเขากลับไปที่รีสอร์ทฝั่งปราจีนนั้น หมาป่ารำพึงกับตัวเองครับ
ตอนที่ผ่านทางที่ขึ้นมา หมาป่ารำพึงว่า “กูขึ้นมาได้ไงวะเนี่ย” พร้อมทั้งยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจครับ
หมาป่าเดียวดายต้องรอร่วมสองเดือนนั่นล่ะครับกว่าความเหนื่อยจะคลายแล้วก็สรุปทริปมาสู่กันฟัง....
สองเดือนที่แล้ว วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฏาคม ถ้าจำกันได้ก็วันเลือกตั้งทั่วไปทั้งประเทศเพื่อหาผู้แทนเข้าสภาและหารัฐบาลใหม่กัน
หมาป่าเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำวันเสาร์ กินอาหารแป้งเยอะๆ สัมภาระใส่กระเป๋าข้างเรียบร้อยไว้ตั้งแต่ก่อนนอน
ตื่นเช้าอาบน้ำอาบท่าอาราธนาคุณพระคุณเจ้าแขวนคอ แล้วก็ขี่จักรยานไปโรงเรียนข้างๆบ้านที่เป็นหน่วยเลือกตั้ง
เข้าคิวรอหย่อนบัตรครับทั้งสส.เขตและสส.สัดส่วน ไปถึงแปดโมงสิบห้านาทีนี่ก็คิวยาวพอควรแล้วล่ะครับ
เวลาใส่หมวกกันน๊อคจักรยานยืนรอคิวเลือกตั้งนี่ก็มีคนมองดูเยอะเช่นกัน ดูโดดเด่นกว่าชาวบ้านเขา
แต่ตอนตรวจบัตรประชาชนนั่นก็ถอดนะครับ กลัวเจ้าหน้าที่เขาไม่ยอมให้เลือกตั้งเพราะใส่หมวกแล้วดูเทียบกับบัตรประชาชนลำบาก
หย่อนบัตรเสร็จ ล้อก็เริ่มหมุน แต่หมุนไปร้านข้าวหน้าเป็ดก่อน กินข้าวเช้าเรียกแรงตามธรรมเนียม
ภารกิจขึ้นเขาใหญ่นี้ถือเป็นการฝึกซ้อมเดินทางไกลก่อนจะขี่ขึ้นเชียงใหม่ไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพตามที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้สำเร็จในปี 2554 นี้
คนกรุงเทพนั้นหาภูเขาซ้อมไม่ได้ จะขี่ขึ้นที่จอดรถบนตึกออฟฟิศ รปภ.เขาก็ไม่อนุญาตด้วยกลัวว่าจะไปทิ่มกับรถยนต์ที่วิ่งสวนทางลงมา แล้วอีกอย่างมันก็คงไม่เหมือนกับขี่ขึ้นเขาจริงๆ
ช่วงขึ้นดอยขุนตาลตรงลำปาง และสำคัญสุดช่วงขึ้นดอยสุเทพ หมาป่าจึงจำต้องมาขี่ที่เขาใหญ่นี้ก่อน ไม่งั้นคงไม่หาญกล้าขี่ไปเชียงใหม่โดยไม่ซ้อมอย่างแน่นอน
จบข้าวหน้าเป็ดพร้อมกับน้ำมะตูมแช่เย็นหมาป่าปั่นจากถนนเฉลิมกระเกียรติฯแถวสวนหลวง ร.9 ไปเส้นทางคุ้นชินเข้าอ่อนนุชไปทางพระจอมเกล้าลาดกระบัง แล้วยิงยาวไปทางถนนฉลองกรุงมุ่งสู่อำเภอหนองจอกครับ
ทริปนี้หมาป่าอาศัยว่าเป็นคนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะไม่ไปทางรังสิตและนครนายก แต่จะไปที่จังหวัดปราจีนผ่านทางฉะเชิงเทรา
เส้นทางสบายๆที่หนองจอกที่เคยมาขี่ครั้งหนึ่งแล้วและเคยผจญภัยเล็กๆในทริปร้อยกิโลทริปแรกที่เคยเขียนสรุปไว้
หนองจอกตัดเข้าทุ่งมุ่งตะวันออกไปตามถนนเทศบาลเข้าสู่อำเภอบางน้ำเปรี้ยวของจังหวัดฉะเชิงเทรา
ทุ่งนา ทุ่งนา และทุ่งนา สลับด้วยบ้านคน
แดดไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ครับ หมาป่าเลี่ยงสาย 304 ด้วยถนนเทศบาล แล้วไปเข้า 3841 ต่อด้วย 3481(เลขใกล้กันจัง) ช่วงบางน้ำเปรี้ยว จะมุ่งหน้าไปอำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี
ขี่ไปพอเที่ยงปั๊บ ร้านอาหารกลางทุ่งก็โผล่มาทันที เป็นอาหารไทยภาคกลางแนวสวนอาหาร ชื่อร้าน “ลูกทุ่ง”
ความจริงก่อนหน้าที่จะมาเที่ยงที่นี่ก็มีร้านอาหารมาตลอดทาง แต่เกือบทุกร้านจะเป็นอาหารมุสลิมครับ
แถวหนองจอก บางน้ำเปรี้ยว พี่น้องชาวไทยมุสลิมมีเยอะ ร้านอาหารมุสลิมก็เลยเยอะไปด้วย
หมาป่าไม่ถนัดข้าวหมกไก่ หรือซุปหางวัว ด้วยจมูกไม่คุ้นกับรสเครื่องเทศครับ
มื้อเที่ยงนี้ ข้าวสวยร้อนๆ ไข่เจียวหมูสับ กับต้มยำปลาช่อนใส่เห็ดนางฟ้า จิบโค้กอีกขวด เฮ่อ ไปได้อีกยาวล่ะ
ถนนในวันเลือกตั้งนี้รถน้อยดีนะครับ เพราะผู้คนคงไม่ค่อยเดินทางไกลบนถนนข้ามจังหวัดกัน
หมาป่าใช้จาน 3 เฟือง 6 ขี่ไปเรื่อยๆ ยี่สิบกิโลเมตรก็พักเสียที ลมตีบ้างสปีดก็อยู่แถว 20-25 กม.ต่อชม.
ตอนเริ่มเข้าปราจีนบางช่วงจะมีต้นไม้เขียวๆครึ้มอยู่ข้างทาง ไหล่ทางแคบ แต่ก็ขี่ได้สบายดีไม่หวาดเสียวครับ
ถึงอำเภอบ้านสร้างนั้นหมาป่าจำเป็นต้องแวะเข้าไปวนในตลาดในอำเภอครับด้วยว่าหิวกาแฟสดเต็มกำลัง
แต่แปลกครับ ทั้งตลาดบ้านสร้างไม่มีร้านไหนขายกาแฟสดเลย
ไปได้กินกาแฟตรงร้านใกล้แม่น้ำ แต่ก็เป็นเนสกาแฟชงกับน้ำตาล...ดีกว่าไม่มีกินครับ
กินกาแฟเสร็จ หมาป่าก็ยังวนรถในตลาดเพื่อหาเครื่องดื่มเกลือแร่กิน กลัวตะคริวน่ะครับ
เจอร้านตู้แช่ซื้อสปอนเซอร์หนึ่งขวด เจ้าของร้านเขาเปิดทีวีไว้ ตอนนั้นหลังบ่ายสามโมงสักห้านาที
โอววว์แม่เจ้า สรยุทธกำลังสัมภาษณ์อาจารย์สถาบันที่ทำเอ็กซิทโพลล์ และรายงานข่าวเป็นระยะ
โพลล์นั้นก็บอกว่าสามร้อยขึ้น โพลล์นี้ก็บอกว่าสองร้อยเก้าสิบห้า
เฮ่ออออออออออ .....เฮ่ออออออออออออ
ขี่มาเกือบร้อยโลจากสวนหลวงร. 9 อีกแค่ยี่สิบกว่าโลจากบ้านสร้างไปถึงอำเภอเมืองปราจีนเนี่ย หมาป่ารู้สึกว่าช่วงนี้เหนื่อยที่สุด ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ใจทดท้อ กายก็อ่อนเปลี้ย ฮ่าฮ่าฮ่า
ออกเดินทางจากบ้านสร้างด้วยใจที่สลาย มีฝนตกพรำๆเล็กน้อยเพื่อพรางน้ำตาหมาป่า
บางช่วงหยุดพักตรงศาลารอรถหน้าโรงเรียนยังได้ยินเขาขานเสียงนับคะแนนเลือกตั้งกันจ๋อยๆ
ช่วงนี้หมาป่าเริ่มพบหมาเยอะขึ้นครับ หมาไทยเฝ้าบ้านเฝ้าสวนนี่แหละครับ
มันออกมาไล่เห่าไล่กวดหมาป่าหลายช่วงครับ ประมาณว่าขี่ผ่านนี่มันแง่งมันวิ่งใส่กันจัง
ดังนั้นการตรวจการณ์หน้าต้องแม่นยำ
เพราะโดนหมาไล่ขย้ำบนถนนเลนสวนแบบสองเลนนี่เสียวรถที่วิ่งตามมาข้างหลังเป็นที่สุด
พอเห็นหมาหนึ่งหรือสองตัวออกมารับลมหน้าทางเข้าบ้านที่ริมถนน
หมาป่าก็หยุดดูรถหน้ารถหลังและขี่ข้ามไปอีกฝั่งของถนน ไปขี่ย้อนศรตรงนั้นจนกว่าจะผ่านบ้านที่หมาออกมานั่ง หมาป่าจึงจะข้ามถนนกลับมาขี่ชิดด้านซ้ายอีกที
หมามันฉลาดครับ มันจะไม่วิ่งข้ามถนนมาไล่กัดเราเช่นกัน...เพราะมันก็กลัวรถยนต์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วร้อยกว่าเหมือนๆกับเรา มันคงคิดว่าเสี่ยงแล้วไม่คุ้ม มัวแต่ไล่ลืมมองรถ ตายฟรี
ขี่ไปเรื่อยๆก็เจอถนนเส้นที่จะเข้าเมืองปราจีน หมาป่าเลี้ยวซ้ายแล้วลอดใต้สะพานรถข้าม ไปเส้นทางข้ามแม่น้ำที่ไม่ต้องขึ้นสะพานรถข้ามดังกล่าว มันมีเส้นเลาะๆไปครับ ไปข้ามแม่น้ำได้เช่นกัน แล้วก็เข้าตัวเมืองปราจีนเลย
ตอนนั้นสี่โมงกว่าแล้วล่ะครับ ฝนพรำ ยังครับหมาป่ายังไม่ขึ้นเขาใหญ่ในวันนี้ดอกครับ
หมาป่าจะไปนอนที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่ขออนุญาตไม่บอกชื่อ ในเวปเขาบอกว่าอยู่ในอำเภอเมือง
ในแผนที่ของรีสอร์ทดูเหมือนไปง๊ายง่าย ขี่สักห้านาทีจากดาว์ทาวน์ของเมืองก็น่าจะถึง
แต่ชีวิตไม่ง่ายเหมือนแผนที่ในเวปนะครับ
หมาป่าถามพี่คนขับวินมอเตอร์ไซค์เขาบอกว่าอยู่นอกเมืองออกไปอีกสิบกว่ากิโล
อยู่แถวถนนที่เขาขายส่งไม้ดอกไม้ประดับกันครับ เมืองปราจีนนี้มีตลาดค้าส่งต้นไม้ยาวเป็นหลายกิโลเมตรครับ
อยู่นอกเมืองออกไปอีก คนปลูกต้นไม้ก็จะปลูกกันแล้วมีหน้าร้านอยู่บนถนนสายนั้นรอให้มีพ่อค้ามารับไปซื้อไปขายปลีกต่ออีกที
หมาป่าก็ขี่อีกแล้วล่ะครับมุ่งไปหารีสอร์ทด้วยใจที่ทดท้อหลังจากพอจะทราบผลเลือกตั้งทั่วไป
โทรไปถามทางคนที่รีสอร์ทด้วยเพราะแผนที่ที่เขาให้นั้นหยาบมาก (ภาษาของยายหมาป่าแบบบ้านบ้าน จะบอกว่า “หยาบเป็นหีเป็ดเชียว”) ดูแล้วถ้าไม่เคยไปมาก่อนนี่จะดูไม่ออกเลยครับ เสกลผิด แทบไม่บอกถนน ไม่บอกทิศทางกันเอาเสียเลย ต้องใช้ปากถามคนครับ ถามไปเรื่อย
มันก็ไปได้นะครับ แดดเริ่มลดความแรงลง ฝนหยุด แต่หมาไม่หยุดครับ
หมาป่ายังคงเจอหมาเป็นระยะ ขี่ไปก็ต้องคอยตรวจการณ์ ชะลอรถ บีบเบรกและตวาดหมา
ไม่หนีไปขี่อีกฝั่งของถนนเพราะคราวนี้ถนนแคบรถใช้ความเร็วไม่เยอะ หมามันคงวิ่งข้ามถนนมาหาแน่
หมาป่าใช้วิธีมองหน้า ถ้ามันยังวิ่งใส่ก็บีบเบรก ตะโกนใส่หน้ามัน ก็รอดมาได้นะครับ แต่เหนื่อยว่าขี่แบบเพลินๆไม่ได้เท่านั้นเอง
ถึงรีสอร์ทตอนสักห้าโมงเย็นเห็นจะได้ มีหมาป่าเป็นแขกรายเดียวของวันนั้น
ห้องนอนราคา 600 บาท มีแอร์ มีโทรทัศน์ แต่ไม่มีน้ำอุ่น สภาพค่อนข้างโทรมน่ะครับ
แอร์ไม่เย็นเอาเสียเลย หมาป่าถึงที่พักเอารถเก็บในห้อง อยากกินข้าวเย็นแต่อย่างที่บอกว่าวันนี้มีหมาป่าเป็นแขกรายเดียวครัวปิด น้องที่รีสอร์ทแนะนำให้ไปหาข้าวกินที่ตลาดนัดที่เพิ่งขี่ผ่านมาสักสามร้อยเมตรก่อนถึงประตูรีสอร์ท
ไปก็ไปครับ ได้ข้าวเหนียวกับไก่ทอดมากินให้หนักท้องเข้าไว้
อยากกินเบียร์เป็นที่สุดเพื่อฉลองว่าขี่มาถึงปราจีน และพรุ่งนี้จะได้ขึ้นเขาใหญ่แล้ว แต่จนใจว่ามันเป็นวันเลือกตั้งน่ะครับ ไม่มีใครขายเบียร์หมาป่าเลย....แต่ในประเทศไทยเรานี้ เรื่องแค่นี้ไม่ใช่อุปสรรคดอกครับ
หมาป่าขี่กลับมารีสอร์ทและกระซิบบอกน้องคนที่เฝ้าห้องรับรองหมาป่าว่า พี่อยากกินเบียร์แต่เขาไม่ขายกัน หนูหาให้พี่ได้ไม๊
น้องเขายิ้มแล้วถามว่าพี่อยากได้กี่ขวดล่ะคะ ลีโอหรือช้าง หมาป่าบอก สิงห์ เอามาสองขวดนะจ๊ะ น้ำแข็งไม่ต้อง หนูมีขายในรีสอร์ทนี้หรือ? น้องบอกไม่มีหรอกคร่า...แต่เดี๋ยวจะลองหาดูแถวๆนี้แหละคร่า
เรื่องราวหลังจากนั้นก็คิดต่อกันเอาเองนะครับ เลยไม่อยากจะบอกชื่อรีสอร์ทน่ะครับ
นอนไม่ค่อยหลับครับ แอร์มันไม่เย็น นึกในใจว่าทำไมแอร์มันเก่านักหว่า
ขี้เกียจเปลี่ยนห้องกลางดึก จนเช้าตื่นมาตอนจะเก็บของออกเดินทางไปตีนเขาใหญ่นั่นแหละครับถึงได้รู้ว่าสวิทช์แอร์มันมีปัญหา มันเปิดแต่พัดลม แต่คอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน พอหมาป่าไปขยับสวิทช์คอมเพรสเซอร์ก็ครางกระหึ่มทำงานขึ้นมา เฮ่อ หลงโง่อยู่ทั้งคืนนิเรา
วันนี้สินะที่จะขี่ขึ้นเขาใหญ่ สัมภาระที่หมาป่าใส่มาในกระเป๋า Pannier ทั้งสองใบนั้นเลียนแบบการขึ้นเชียงใหม่ที่เป็นเป้าหมายใหญ่อันทำให้เกิดมีการฝึกซ้อมในครั้งนี้
เสื้อผ้า เสบียง อุปกรณ์ซ่อมรถเบื้องต้น หนังสือ โซ่หนักสองกิโลพร้อมกุญแจเพื่อล๊อกรถ (โซ่นี้หมาป่าเลือกแบบใหญ่มาก เพื่อให้โขมยหันไปเล็งจักรยานคันอื่นที่โซ่เล็กกว่าแทน มัวมานั่งเลื่อยโซ่ของหมาป่าเนี่ยอาจไม่คุ้ม อิอิ) อีจุ๊กอีจิ๊กทั้งหลายรวมกันแล้วเกินสิบกิโลกรัมครับ รวมทั้งเผื่อที่ไว้ใส่ขวดน้ำสำรองด้วยเพราะว่าลำพังขวดน้ำที่ติดรถหมาป่าเกรงว่าจะไม่พอสำหรับขึ้นเขาใหญ่ซึ่งอาจมีร้านขายน้ำข้างทางขายน้อยในวันจันทร์แบบนี้
หมาป่ามีกางเกงขี่จักรยานแบบบุฟองน้ำรองก้นอยู่แค่สองตัว แบบแบบกางเกงผ้ายืดชั้นในแล้วมีผ้าชั้นนอกเย็บทับเป็นเหมือนกางเกงลำลองอีกชั้น (หมาป่าไม่ชอบกางเกงจักรยานชั้นเดียวแบบรัดและโชว์หำครับ มันระทึกใจเกินไป) เลยต้องมีการซักตอนกลางคืนที่ห้องน้ำในรีสอร์ท ผึ่งไว้พอเช้าก็ยังเปียกอยู่ เอาไปพาดไว้บนตะแกรงหลังรถ พบว่ามันก็ไม่ค่อยแห้งเท่าไรดอกครับ มีชื้นหมาดๆแม้จะขี่ขึ้นเขาใหญ่ทั้งวัน อันนี้เป็นบทเรียนในการเตรียมตัวขึ้นเชียงใหม่เช่นกันว่ามีสองทางเลือกคือ หากางเกงเพิ่ม หรือหาวิธีผึ่งเสื้อให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ (ใครมีทิปส์ในการตากผ้าบนจักรยานระหว่างขี่ช่วยแนะนำจักเป็นพระคุณยิ่งครับ)
หมาป่าขี่ออกจากรีสอร์ทแต่ไม่ได้ย้อนกลับเข้าไปทางตัวเมือง
หากมุ่งไปอีกทางสู่วงเวียนทางขึ้นเขาใหญ่ที่มีทางตัดมาจากนครนายก มีศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
อากาศยามเช้าสดใส กลิ่นยางไม้ลอยอวลอยู่ในอากาศบริสุทธิ์สูดได้เต็มปอด
มุ่งมาทางวงเวียนนี่จะมีผ่านค่ายทหาร และมีเนินน้อยๆเป็นระยะ ไม่หนักหนาครับ
หมาป่าขี่มาแวะตรงปั๊มปตท.ใกล้กับวงเวียนเพื่อเรียกความสดชื่นด้วยกาแฟสด หมาป่าตัวนี้วาสนาตัดไม่ขาด นอกจากเสพเบียร์แล้วยังต้องเสพกาแฟสดด้วยครับ เติมด้วยอามาซอนร้อนสักแก้วเพราะรู้ว่าวันนี้โอกาสหากาแฟสดกินบนเขาใหญ่คงใกล้ศูนย์เพราะเป็นวันธรรมดาร้านค้าคงไม่ค่อยเปิดแน่นอน
จากนั้นหมาป่าขี่วนรอบวงเวียนมุ่งขึ้นสู่ด่านเขาใหญ่
รีสอร์ท บ้านเรือนผู้คน ร้านค้าอยู่เต็มสองฝั่งทาง จากนั้นก็ค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆ
ถนนสายสวยสายสงบพามุ่งสู่ทิวเขาทะมึนครึ้มเขียวอยู่เบื้องหน้า วันธรรมดานี้สงบจริงๆนะครับ
ทัวร์ริ่งโครโมลี่อีเขียว Kona Sutra ของหมาป่าทำงานไปตามที่ถูกออกแบบมา
น้ำหนักของรถที่ค่อนข้างเยอะบวกกับสัมภาระที่จาน 3 เฟือง 6 ทำให้การ Cruise ยอดเยี่ยมได้ฟีลลิ่งและนำความสงบเข้าสู่จิตใจ
ยามสายลมรำเพยพัดผ่านหูและวงแขน มีมอเตอร์ไซค์ของเด็กนักเรียนอาชีวะชายหญิงที่คงโดดเรียนแซงไปบ้างสองสามคัน ช่างเป็นบรรยากาศแสนสบาย ขี่ไม่เหนื่อยเลยครับ
หมาป่าแวะเข้าเช็คอินที่รีสอร์ทตีนภูเขาใหญ่ชื่อ เขาใหญ่แกรนด์วิวรีสอร์ท สภาพดีกว่ารีสอร์ทเมื่อคืนมากมาย หากนั่งมองจากระเบียงจะเห็นทิวเขาใหญ่เขียวทะมึนเบื้องหน้าสมกับชื่อรีสอร์ทจริงๆครับ
เช็คอินไว้ก่อน แต่ไม่ได้เอาสัมภาระเก็บด้วยต้องการให้ร่างกายรับน้ำหนักใกล้เคียงกับการขึ้นดอยขุนตาล น้ำหนักสัมภาระที่ติดรถนั้นหมาป่าคัดแต่ของจำเป็นเพื่อการฝึกซ้อม น้ำติดรถขวด 800 ซีซี หนึ่งขวด น้ำดื่มสำรองขนาด 500 ซีซีอีกสามขวด ส่วนน้ำหนักความผิดหวังจากผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวาน หมาป่าทิ้งไว้เบื้องหลัง..... แล้วก็ขี่ออกมาจากเขาใหญ่แกรนด์วิว
ตอนขี่ออกมาจากเขาใหญ่แกรนด์วิว เลี้ยวขวามุ่งขึ้นประตูด่านเขาใหญ่ฝั่งปราจีน (ด่านเนินหอม) ตอนนั้นประมาณสิบโมงเศษๆครับ แดดเริ่มแรงขึ้น
จ้วงไม่กี่ทีจากปากทางรีสอร์ทก็ถึงด่านครับ
ค่าเข้าอุทยานของผู้ใหญ่ 40 บาท ค่ารถจักรยานอีก 20 บาท พี่คนขายตั๋วฉีกตั๋วให้แบบไม่ต้องถามไถ่เพราะคงคุ้นเคยกับคนขี่จักรยานขึ้นเขาใหญ่เป็นอย่างดี
หมาป่าเริ่มจ้วงขึ้นเนิน โอ้วววววววว์ แม่เจ้า กรมป่าไม้ควรย้ายบู๊ธขายตั๋วมาตั้งตรงพื้นราบก่อนถึงตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันสักร้อยเมตรจักดีกว่านี้มากเลยครับ จะได้มีแรงส่ง.....
หงษ์ทองไม่เคยรักใครจริง แรงดึงดูดของโลกก็ไม่เคยรักใครจริงเช่นกัน
คนที่ขี่จักรยานพื้นราบมาต่อเนื่องยาวนานเริ่มรับรู้ถึงความทรงพลังของมวลโลก
ความเร็วลดต่ำลงอย่างน่าตกใจ ที่น่าตกใจมากกว่าคือไม่นึกว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้
จาน 2 เฟือง 7 เริ่มถูกลดลงมาเหลือเฟือง 4 เสียงดังแต๊กๆๆ เพื่อให้ผ่านเนินแรกนี้ไปได้น่ะครับ ....”ใจต้องนิ่ง” หมาป่าบอกตัวเอง
ถ้าจำกันได้หัวเรื่องของสรุปทริปนี้คือ “ความไม่รู้เรื่องเขาใหญ่” หมาป่าขอเข้าเรื่องครับ
หมาป่าเสริชกระทู้เก่าๆเพื่ออ่านเรื่องเส้นทางสู่ปราจีนและการขี่ขึ้นเขาใหญ่
เสริชมาหลายกระทู้มากครับ จับความได้ว่าส่วนใหญ่นักจักรยานก็ขึ้นถึงเขาใหญ่กันได้ไม่ยากเย็นเกินไป
มีอยู่ท่านหนึ่งเขียนไว้ว่า..... “มันยากสุดก็แค่สองเนินแรกนั่นแหละ และพอเลยน้ำตกเหวนรกไปแล้วก็เริ่มขี่สบายแล้ว”
หมาป่าจำข้อความนี้ได้ติดหัวติดใจ และเก็บไว้บอกตัวเองครับ
ไม่ได้หาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมอีก
หมาป่าจ้วงที่จาน 2 เป็นหลัก ความเร็วจะอยู่แถวสิบกว่า พอมันเริ่มลดลงมาถึงประมาณ 5 กม.หรือ 4 กม. ต่อชั่วโมง ตำแหน่งขาขนานพื้นก็จะสับเฟืองลงต่ำมาอีกหนึ่งตำแหน่งเพื่อให้มีกำลังต่อไปได้อีก เพราะความเร็วดังกล่าวรถก็จะเริ่มนิ่ง พยายามไม่กดตอนถีบลูกบันไดกลัวโซ่ขาดแบบที่มีการเตือนเอาไว้
งานนี้ห้ามหยุดกลางเนินเด็ดขาด เพราะหยุดแล้วต้องเข็นอย่างเดียว สตาร์ทต่อตรงกลางเนินด้วยการถีบไม่ไหวแน่นอน
หมาป่าพูดในใจตลอดครับ “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” พูดอยู่เกินยี่สิบครั้งแน่นอนครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
หยุดพักครั้งแรกที่ยอดเนินไหนก็ไม่รู้ จอดรถไว้ฝั่งซ้ายของถนน ซึ่งแดดมันร้อน
หมาป่าเดินถือกระติกน้ำมาอีกฝั่งซึ่งร่มกว่า “เอ๊ะ น้ำค้างยอดไม้มันตกหรือไงหว่า ฝนก็ไม่มีนิ” หมาป่าสงสัยบรรยากาศรอบตัวเอง เพราะว่าน้ำมันหยดลงมาโดนแขน หยดแหมะๆลงกางเกง “เอ๊ยย์ นี่มันเหงื่อตูเองนี่หว่า” เหงื่อหยดติ๋งๆแบบนี้น่ะครั้งหลังสุดมันยี่สิบกว่าปีมาแล้วครับ ที่เขาชนไก่ตอนเรียนมหาลัยปีหนึ่ง ตอนที่เขาให้แบก ปลย 88 เอ็มวันกาแรนด์ วิ่งขึ้นตีฐานข้าศึกบนเนินยอดเขาตอนสิบโมงเช้า มันหยดกันระดับนั้นเชียว
กินน้ำเสร็จ ก็จ้วงกันต่อ
รถที่ผ่านทางทั้งขับตามและสวนในช่วงสายวันจันทร์อย่างนี้มีน้อยมากครับ ส่วนใหญ่เป็นรถปิคอัพ
ใจนั้นบอกตัวเองว่าสองเนินเท่านั้นน่า จากนั้นก็จะสบายขึ้น เพราะเพื่อนในเวปเขาบอกไว้อย่างนั้นนิหน่า
ขี่ต่อไปอีก “มาเพื่อชนะ ไม่ได้มาเพื่อเข็น” ก็พร่ำบอกตัวเองในใจกันไป
ขาลงเนินก็ค่อยสบายหน่อย ขาขึ้นก็จ้วงกันไป
บางช่วงถนนลอดใต้ต้นไม้ครึ้ม ความชื้นทำให้ผิวถนนมีตะไคร่ ล้อจักรยานเวลาขี่บนตะไคร่ทางชันเนี่ยมันมีอาการฟรีนิดๆลื่นปื้ดๆพอให้ตกใจครับ
บางช่วงพักนอกจากกินน้ำก็งัดกล้วยตาก และขนมจันอับที่เมียห่อให้ขึ้นมากิน
งานนี้ไม่มีมื้อหนักพวกผัดกระเพราราดข้าวกล่อง เพราะกะว่าจะไปกินที่ที่ทำการ พระเจ้าตากตีเมืองจันทน์ทุบหม้อข้าวก่อนเข้าตีอย่างไร หมาป่าก็กะตีเขาใหญ่แบบนั้นล่ะครับ
มีช่วงหนึ่งพักบนยอดเนินเหมือนเดิม รถปิคอัพทะเบียนปราจีนวิ่งผ่านแล้วเขาคงเห็นอาการถือกระติกน้ำพร้อมยอมรับความเป็นจริงในชีวิตของหมาป่าแล้วตีความผิด พี่เขาชะลอรถเพื่อจะถามว่าโอเคมั๊ย มึงจะให้กูจอดรับไม๊? ก็ได้แต่ยิ้มและโบกมือยกสัญญานว่าโอเคจ้า ไปเหอะพี่ น้องยังไหว
ไหงน้ำตกเหวนรกมันไกลนักน๊อ?? หมาป่ารำพึงในใจ แล้วไอ้ยอดเนินสองเนินที่บอกว่าโหดที่สุดแล้วหลังจากนั้นจะสบายมันผ่านมาอ๊ะยังหว่า??? ไหงตูไม่ค่อยสบายอย่างที่เขาบอกแฮะ นี่มันก็หลายเนินแล้วนา
รถ Kona Sutra อีเขียวของหมาป่ามี 27 เกียร์ครับ มีบางจุดที่สับลงมาถึงจาน 1 เฟือง 2 แล้ว
หมาป่าตั้งสัตย์ปฏิญานตนไว้ในใจครับว่า ให้หนักยังไงก็ตาม จาน 1 เฟือง 1 นั้นจะไม่ยอมใช้เด็ดขาด
เป็นทหารก็จะบอกว่ากระสุนนัดสุดท้ายในแมกกาซีนนี้จะเก็บไว้ยิงตัวเองยามจนตรอก ไม่ยอมให้ข้าศึกจับเป็นเด็ดขาด
มันเป็นเกียร์จิตวิทยาน่ะครับ ..... หลอนจิตตัวเองว่า ยังไงก็ยังมีเกียร์เหลือ สบายใจได้น่ะหมาป่าเอ๊ย
โอว ความพยายามอยู่ที่ไหน น้ำตกเหวนรกก็อยู่ที่นั่นน่ะครับ
ในที่สุดหมาป่าก็มาถึงทางเข้าน้ำตกจนได้ แวะเข้าไปด้วยความสบายใจขึ้นมาเฮีอกหนึ่ง เพราะถึงน้ำตกเหวนรกแล้วอีกไม่นานก็คงถึงที่ทำการ (อย่าเพิ่งหัวเราะครับ หมาป่ารู้ว่าบางท่านเริ่มหัวเราะแล้ว)
หมาป่าเข้าไปเยี่ยว กินน้ำกินท่าอีกครั้ง เดินไปที่ด่านเฝ้าปากทางเดินเท้าเข้าน้ำตก
คุยกับพี่ผู้หญิงที่เฝ้าด่านอยู่ แกะกล้วยตากแบ่งให้พี่เขากิน พี่เขาอิดออดบอกว่าเป็นเบาหวาน
หมาป่าบอก เอาเหอะน่าคุณพี่ กินชิ้นสองชิ้นน้ำตาลมันยังไม่ทันขึ้นดอก พี่เขาเลยสนองอยากให้
พี่แกปอกลูกแก้วมังกรให้กินระหว่างคุยกันด้วยนะครับ หมาป่าก็สนองคุณเช่นกัน
คุยกันจุ๊กจิ๊กบอกว่าเนี่ยจริงๆผมอยากขี่ขึ้นยอดเรดาห์เขาเขียวด้วยน่ะนา แต่ดูสภาพตัวเองกว่าจะมาถึงน้ำตกแล้วก็คิดว่ารอบนี้ต้องปล่อยให้ยอดเขาเขียวรอไปก่อน คงไม่มีปัญญาแน่นอน เพราะคนเขาบอกว่ามันชันกว่าทางขึ้นเขาใหญ่ปกติมากมาย แรงที่เหลือคงไม่พอแล้วล่ะพี่
พี่เขาบอกว่า ต้องแข็งแรงนะคะคุณ เคยมีคนหนุ่มๆขึ้นไปแล้วหัวใจวายตายเลยค่ะ หมาป่าสยองเลยล่ะครับ พี่เขายังบอกต่ออีกว่าตรงปากทางขึ้นเขามีเครื่องวัดหัวใจไว้บริการด้วยนะคะ หมาป่างงงงว่าวัดยังไงหว่าแต่ไม่ได้ถามต่อ แต่เชื่อว่าคงไม่ได้จับวิ่งสายพานอ่านเส้นกราฟประสิทธิภาพของหัวใจแน่นอน
ปล. วันธรรมดาร้านอาหารที่น้ำตกเหวนรกไม่เปิดขายนะครับ จะไปหวังกินข้าวที่นี่เนี่ยไม่มีนะครับ บอกไว้สำหรับท่านที่จะขี่ตามรอยหมาป่ามา
ร่ำลาคุณพี่เฝ้าทางเข้าน้ำตกเสร็จก็ขี่ต่อด้วยใจที่มีเฮี่ยวมีแฮง เพราะนึกว่าเดี๋ยวสักพักก็จะถึงที่ทำการอุทยานแล้ว เออเว๊ยเขาใหญ่มันก็ไม่ได้ยากเกินพิชิตนี่หว่า
ฮ่าฮ่าฮ่า ความไม่รู้บางทีก็ฆ่าคน แต่ความไม่รู้ของหมาป่านี้กลับกระทำคุณให้ครับ
หมาป่าเสริชเน็ตตั้งเยอะ แต่ดันไม่ได้ศึกษาว่าเส้นทางเขาใหญ่จากปราจีนขึ้นไปถึงที่ทำการนั้นมันยาว 33 กิโลเมตร
และน้ำตกเหวนรกนับจากด่านเนินหอมนั้นมันแค่ 9 กิโลเมตร ยังต้องไปต่ออีกยี่สิบกว่ากิโล บนทางขึ้นเขาลงเนินขึ้นเนินลงเขาต่อไปเรื่อยๆ
หมาป่าคิดในใจตลอดว่า สองเนินแรกหินสุด ถึงน้ำตกเหวนรกแล้วสบาย ....เดี๋ยวสักพักก็ถึงที่ทำการ
ถ้าหมาป่ารู้ระยะทางแบบที่เขียนข้างบน บอกตามตรงครับว่าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทำภารกิจนี้สำเร็จหรือเปล่า?
ขี่รถทางไกล ใจสำคัญที่สุดครับ ใจท้อกายก็ไม่สู้ไปด้วย
เรื่องมันดำเนินต่อไปซ้ำเหมือนที่เล่ามาแหละครับ ท่องบ่นในใจว่าไม่ได้มาเพื่อเข็น ใช้เกียร์ต่ำสลับสูงกันไปเรื่อย
มีบางช่วงหมาป่าเหนื่อยจนตาลายครับ เห็นหมีขออยู่ข้างทางตรงหางตาด้านขวา
ทำไมต้องเป็นหมีขอ ทำไมไม่เป็นหมีควาย หรือเป็นกวางเป็นเก้งเป็นสมเสร็จก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ
ช่วงจ้วงหายใจหอบเหงื่อหยดนั่น เห็นสัตว์ตัวไม่ใหญ่สีดำหางงอๆ อยู่ด้านขวาตรงไหล่ทาง สมองบอกตัวเองว่าเป็นหมีขอ แต่หันไปดูก็ไม่เห็น ก็แน่ชัดว่าตัวเองเหนื่อยจนตาลาย ขำตัวเองได้อีกน่ะครับ
นึกในใจว่าถ้าหมีโผล่มาจริงๆก็คงโดนตะปบตายแน่นอน ไม่มีแรงหนีแน่
ขี้ช้างนั้นก็เห็นตลอดทางแหละครับ ใหม่บ้างเก่าบ้าง นึกในใจว่าถ้าจะมาก็ขอให้เห็นตอนอยู่กันไกลๆนะพ่อช้างจ๋า แต่อย่ามาให้เห็นตัวนั่นน่ะดีที่สุด
ช่วงที่ถึงแอ่งกระทะรูปตัว U นี่ก็มันที่สุดเลยนะครับ
ถึงตอนนั้นน่ะจะกดเบรกชะลอขาลงก็ไม่เอาแล้ว เนื่องจากมันเป็นทางตรงเห็นทางข้างหน้าชัดเจน
ถ้าไม่ปล่อยลงมาเร็วสุด ขึ้นเนินตรงจุดที่แอ่งมันเงยขึ้นคงเป็นนรกของจริง
สับจาน 3 เฟือง 9 ลงมาเต็มที่ล่ะครับ ได้ที่ห้าสิบปลายนะครับ ไม่ถึงหกสิบ (สงสัยมีขืนตัวไว้ปล่อยฟรีขาโดยไม่รู้ตัวเพราะว่ากลัวง่ะ)
สนู๊กสนุกครับแอ่งตัว U เนี่ย
ขี่ไปก็ถึงทางแยกน้ำตกเหวสุวัตและทางขึ้นยอดเรดาห์เขาเขียวในที่สุดครับ
ได้แต่ฝากไว้ในใจว่าสักวันจะมาขี่ขึ้นเขาเขียว ตอนนี้ขอเอาเขาใหญ่ที่ที่ทำการก่อนแล้วกัน
สักพักขี่ผ่านสถานีวิจัยตรง ธนะรัชต์ลอดจ์ แล้วก็มุ่งผ่านทุ่งหญ้าบึงน้ำใหญ่ไปทางป้ายที่เขาบอกว่าไปที่ทำการอุทยาน แยกที่มีทางบอกไปบริเวณกางเต็นท์ผากล้วยไม้ให้แยกไปทางขวา แต่หมาป่าเบี่ยงไปทางซ้าย
บรรยากาศรื่นรมย์จริงๆครับ แดดแรง ลมพัดเย็นสบาย เหมือนขี่จักรยานบนยอดเขาในแคชเมียร์ยังไงยังงั้น (ไม่เคยไปหรอกครับ แต่ความอิ่มใจมันพาให้เพริดไปได้)
เอ๊ะแต่พอขี่ไปเรื่อยๆ ไหงทางมันลงหุบอีกหว่าเนี่ย
เริ่มกลัวครับ กลัวว่าตัวเองขี่ผ่านที่ทำการมาแล้ว (ดันไปสงสัยว่า สถานีวิจัยเป็นที่ทำการ หรือไม่ก็ที่ทำการอยู่ตรงผากล้วยไม้)
กลัวว่าขี่เลยแล้วจะไม่มีแรงย้อนกลับ ไม่ใช่ว่าขี่เพลินแล้วดันไปถึงด่านปากช่องเลย อิอิ
ตรงจุดนี้มีขี่สวนผ่านปิคอัพอยู่คันนึงด้วยนะครับ
รถบรรทุกคนมา คนที่นั่งข้างหลังกระบะเห็นหมาป่าก็ลุกขึ้นยืนชี้ไม้ชี้มือส่งเสียงดังทำนองด่าว่า “ไอ้บ้า”
หมาป่าโกรธวูบขึ้นมาเลยครับว่าทำไมต้องคุกคามกันอย่างนี้ด้วย
กะว่าถ้ามีการเอากระป๋องน้ำเขวี้ยงมาเนี่ย กูจะหยุดเอาเรื่องมึงแน่ๆ คงเป็นเพราะความเหนื่อยทำให้หมาป่าใจน้อยผิดปกติครับ
หมาป่าขี่ย้อนกลับไปที่สถานีวิจัยตรงข้างลานจอดฮ.อีกรอบ ตอนนั้นสักเกือบบ่ายสองได้แล้วมั๊งครับ
เหล่านักวิจัยเขานั่งล้อมวงบนพื้นกันอยู่ที่ชั้นสองมองเห็นชัดผ่านฝากระจก ไม่รู้กำลังวิจัยอะไรกันอยู่ เห็นถือการ์ดแผ่นงานวิจัยกันคนละสามสี่ใบ คลี่เป็นพัดอยู่ในมือ มีการทิ้งการ์ดงานวิจัยเป็นระยะ แถมบางคนมีการจั่วการ์ดงานวิจัยกองกลางขึ้นมาด้วย ^^
หมาป่าตะโกนถามว่าที่ทำการไปทางไหน เขาก็ตะโกนบอกว่าอยู่ทางที่หมาป่าขี่ย้อนกลับมานั่นแหละอีกราวๆกิโลเมตรเศษๆ เฮ่อค่อยอุ่นใจในการไปต่อครับ
จากนั้นหมาป่าก็ขี่ไปถึงที่ทำการ เอารถไปถ่ายรูปหน้าป้ายเป็นที่ระลึกดังแนบนี่แหละครับ
แปลกนะครับ เวลาดูรูปเพื่อนๆในเวปที่ขึ้นเขาใหญ่ เขาจะไปถ่ายกันหน้าป้ายที่ใหญ่กว่านี้
หมาป่ามองไม่เห็นป้ายที่ว่า เลยเดาว่ามันอาจจะอยู่ตรงผากล้วยไม้ที่หมาป่าไม่ได้เลี้ยวขวาไปตรงทางแยกก่อนถึงศูนย์วิจัย
บอกแล้วนี่ครับว่าขึ้นเขาใหญ่สำหรับหมาป่านี้มันเหนื่อยจริงๆ หมาป่าถ่ายรูปมาน้อยมากครับ
เลยมีรูปโชว์รูปนี้รูปเดียว....ด้วยว่าเหนื่อยจนไม่มีแรงถ่าย ฮ่าฮ่าฮ่า
ถ่ายเสร็จก็จูงจักรยานข้ามไปหาข้าวกลางวันกินที่โรงอาหารของนักท่องเที่ยว
อยากกินเบียร์สักกระป๋องเพื่อฉลอง แต่ว่าไม่มีเบียร์ขายเพราะเขาห้ามดื่มสุราในอุทยาน
กาแฟสดก็ไม่มีเพราะร้านปิดวันธรรมดาที่ไม่ใช่เสาร์อาทิตย์ที่มีนักท่องเที่ยวชุก
ได้อาศัยข้าวราดแกงและโค้กหนึ่งขวดเรียกแรงกลับคืนก่อนกลับลงมาทางปราจีนอีกรอบ
คนที่เห็นสภาพหมาป่านั่งตักข้าวกลางวันกินก็คงหัวเราะ เพราะกินข้าวแบบทอดอาลัยมาก
นับจากกินข้าวเสร็จก็ไม่มีอะไรต้องเล่าต่อแล้วล่ะครับ หัวเด็ดหัวมันนั้นอยู่ตอนขาขึ้นหมดสิ้น
ไว้รอเล่าต่อทริปหน้านะครับ ขึ้นเชียงใหม่ไปไหว้พระธาตุคงสรุปทริปได้ยาวกว่านี้
อ้อ...มีแถมต่อนิดนึง ตอนลงเขากลับไปที่รีสอร์ทฝั่งปราจีนนั้น หมาป่ารำพึงกับตัวเองครับ
ตอนที่ผ่านทางที่ขึ้นมา หมาป่ารำพึงว่า “กูขึ้นมาได้ไงวะเนี่ย” พร้อมทั้งยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจครับ
แก้ไขล่าสุดโดย a lone wolf เมื่อ 04 มิ.ย. 2014, 11:11, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง
It's not the years in your life but the life in your years that counts
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
- เสือ Spectrum
- ขาประจำ
- โพสต์: 4450
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:58
- Tel: -
- team: 99 City Bike
- Bike: LA Spectrum
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
กาแฟสดเป็นอันตรายสำหรับการปั่นฯ ขึ้นเขาครับ ถ้าปั่นฯ บนทางราบ "พอใหว" แต่ทางขึ้นเขานั้นชีพจรมีแต่จะขึ้นสูงตลอดเวลาและกาแฟสดเป็นตัว Booster อย่าง "ดีมาก" สำหรับชีพจรครับ
หมาป่าขี่มาแวะตรงปั๊มปตท.ใกล้กับวงเวียนเพื่อเรียกความสดชื่นด้วยกาแฟสด หมาป่าตัวนี้วาสนาตัดไม่ขาด นอกจากเสพเบียร์แล้วยังต้องเสพกาแฟสดด้วยครับ
หมาป่าเริ่มจ้วงขึ้นเนิน โอ้วววววววว์ แม่เจ้า กรมป่าไม้ควรย้ายบู๊ธขายตั๋วมาตั้งตรงพื้นราบก่อนถึงตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันสักร้อยเมตรจักดีกว่านี้มากเลยครับ จะได้มีแรงส่ง.....
ความเร็วลดต่ำลงอย่างน่าตกใจ ที่น่าตกใจมากกว่าคือไม่นึกว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้ จาน 2 เฟือง 7 เริ่มถูกลดลงมาเหลือเฟือง 4 เสียงดังแต๊กๆๆ เพื่อให้ผ่านเนินแรกนี้ไปได้น่ะครับ ....”ใจต้องนิ่ง” หมาป่าบอกตัวเอง..........
สำหรับเสือภูเขา/รถทัวริ่ง พอเริ่มแตะเนินผมว่าควรจะหาเกียร์ที่สามารถใช้รอบขา "ปานกลาง-คงที่" ไว้ก่อนเลยครับมันแทบจะเป็นเกียร์เดียวที่ใช้ขึ้นเขาเลยครับ ถ้าตั้งใจไว้ว่า "ขาไม่แตะพื้น" การเปลี่ยนเกียร์ไปมาเพื่อเรียกพลังหรือความเร็วบนทางขึ้นเขานั้นใช้ได้เฉพาะตอนแข่งขันความเร็วครับ แต่ถ้าเป็นการปั่นฯ ทั่วไปนี่มันเรียกความเหนื่อยถึงระดับ "ลงเข็น" ได้อย่างรวดเร็วครับ
อีกวิธีหนึ่งดูที่ความเร็ว "คงที่" ที่ปั่นฯ แล้วไม่เหนื่อยมากก็ได้ครับ สำหรับเสือภูเขา/ทัวริ่งนี่เป็นความเร็วอะไรก็ได้ที่ "เร็วกว่าเดิน"
ความเร็วในการเดินนี่อยู่ประมาณ 3 - 4 กม./ชม. เพราะฉะนั้นถ้าเข้าเกียร์ต่ำแล้วปั่นฯ ได้ช้ากว่าความเร็วที่ว่าก็ลงมาเข็นรถเสียดีๆ ดีกว่า
ความเร็วคงที่สำหรับมือใหม่ปั่นฯ ขึ้นเขานี่น่าจะอยู่ราวๆ 5 - 6 กม./ชม. สำหรับเสือภูเขาครับ ส่วนเสือหมอบจริงๆ ตัวเปล่าๆ นี่ ผมเคยเจอตอนขึ้นเขาใหญ่น่าจะอยู่ราวๆ 10 - 15 กม./ชม. แต่ไปถามเพื่อนผมที่ปั่นฯ เสือหมอบตัวจริงเขาบอกมีหน้าเขียว-หน้าเหลืองนิดหน่อยเหมือนกันครับ
ป้ายที่ว่าอยู่ตรงหน้าทางเข้า "น้ำตกเหวนรก" ครับ
แปลกนะครับ เวลาดูรูปเพื่อนๆในเวปที่ขึ้นเขาใหญ่ เขาจะไปถ่ายกันหน้าป้ายที่ใหญ่กว่านี้
เมื่อพ้นไปจากการ "แพ้" หรือ "ชนะ" เราก็จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มี "ความทุกข์ใจ"
- a lone wolf
- ขาประจำ
- โพสต์: 446
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2010, 01:57
- Bike: kona sutra
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
ฮ่าฮ่าฮ่า หมาป่า "เฉียดหัวใจวายตาย" ไปฉิวเฉียดเลยนะครับ พี่เสือ Spectrum
ขอบพระคุณสำหรับคำชี้แนะครับ
ยินดีอย่างยิ่งที่พี่เข้ามาเจิมกระทู้นี้ให้ครับ
It's not the years in your life but the life in your years that counts
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1643
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2009, 12:50
- ติดต่อ:
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
ยินดีด้วยครับพี่หมาป่าเดียวดายที่ทำสำเร็จ ผมยังไม่มีโอกาสปั่นยาวๆแบบนี้เลย เนื้อหาเขียนได้สนุกมากครับ วันหลังผมจะขอไปปั่นด้วย ตอนนี้ผมเพิ่งจะประกอบทัวริ่ง ยังลองปั่นได้ไม่เท่าไหร่ครับ
เรื่องกาแฟ ผมก็งงๆ เคยอ่านว่านักแข่งก็ใช้เป็นยากระตุ้นหัวใจที่ไม่ผิดกติกา บางสำนักว่ามันไปบล๊อกการดูดซึมน้ำ ผมเลยไม่ค่อยอยากดื่มกาแฟก่อนปั่น แต่เรื่องหัวใจเต้นแรงที่น่าจะเป็นตามที่พี่เสือ Spectrum กรุณาแนะนำไว้ รอบที่แล้วปั่นที่แก่งกระจานขากลับกิน Power Gel double Caffeine อัดขึ้นเนินเพลิน ตอนจบเพิ่งเห็นหัวใจขึ้นไปถึง 215 น่ากลัวจริงๆครับ
เรื่องกาแฟ ผมก็งงๆ เคยอ่านว่านักแข่งก็ใช้เป็นยากระตุ้นหัวใจที่ไม่ผิดกติกา บางสำนักว่ามันไปบล๊อกการดูดซึมน้ำ ผมเลยไม่ค่อยอยากดื่มกาแฟก่อนปั่น แต่เรื่องหัวใจเต้นแรงที่น่าจะเป็นตามที่พี่เสือ Spectrum กรุณาแนะนำไว้ รอบที่แล้วปั่นที่แก่งกระจานขากลับกิน Power Gel double Caffeine อัดขึ้นเนินเพลิน ตอนจบเพิ่งเห็นหัวใจขึ้นไปถึง 215 น่ากลัวจริงๆครับ
- เสือ Spectrum
- ขาประจำ
- โพสต์: 4450
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:58
- Tel: -
- team: 99 City Bike
- Bike: LA Spectrum
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
กระทู้เล่าได้สนุกสนานเหมือนเดิมครับ เสียดายแต่ว่ารูปน้อยไปหน่อย (สงสัยคงปั่นฯ เพลินไปหน่อย )
เท่าที่ทราบกาแฟมีผลต่อการเต้นของหัวใจกับหลายๆ คนครับ โดยเฉพาะช่วงออกกำลังกายหนักๆ ถ้าเลี่ยงได้ก็น่าจะเลี่ยงครับเพราะทำให้เสี่ยงกับอาการหัวใจวาย แต่ในประเด็นเป็นยาโด๊ปสำหรับการแข่งขันอาจจะเป็นในปริมาณควบคุมที่ไม่เป็นอันตรายมากก็ได้ครับ
สังเกตุจากตอนซ้อมปั่นฯ บนเทรนเนอร์ช่วง Warmup ถ้ารอกว่าจะเข้า Mode ที่ "เครื่องร้อน" จริงๆ มันนานเกินไปสำหรับเวลาแข่งครับ การกินกาแฟอาจจะช่วยไปกระตุ้นชีพจรให้เข้า Mode "เครื่องร้อน" ได้เร็วกว่านะครับ
เท่าที่ทราบกาแฟมีผลต่อการเต้นของหัวใจกับหลายๆ คนครับ โดยเฉพาะช่วงออกกำลังกายหนักๆ ถ้าเลี่ยงได้ก็น่าจะเลี่ยงครับเพราะทำให้เสี่ยงกับอาการหัวใจวาย แต่ในประเด็นเป็นยาโด๊ปสำหรับการแข่งขันอาจจะเป็นในปริมาณควบคุมที่ไม่เป็นอันตรายมากก็ได้ครับ
สังเกตุจากตอนซ้อมปั่นฯ บนเทรนเนอร์ช่วง Warmup ถ้ารอกว่าจะเข้า Mode ที่ "เครื่องร้อน" จริงๆ มันนานเกินไปสำหรับเวลาแข่งครับ การกินกาแฟอาจจะช่วยไปกระตุ้นชีพจรให้เข้า Mode "เครื่องร้อน" ได้เร็วกว่านะครับ
เมื่อพ้นไปจากการ "แพ้" หรือ "ชนะ" เราก็จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มี "ความทุกข์ใจ"
- lex devil
- ขาประจำ
- โพสต์: 1485
- ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ก.ค. 2011, 03:41
- Tel: -089-034-3000
- team: -เพื่อนปั่น วันหยุด
- Bike: แล้วแต่งาน 1แรงหมา 5แรงโม้
- ตำแหน่ง: 11/261 หมู่บ้าน สุขสันต์ 6 แขวง หลักสอง เขต บางแค กทม 10160
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
ชอบครับ ต่อเร็วๆครับ อยากมีโอกาศแบบนี้บ้าง
ทริปเล็ก ๆ ของคนกลุ่มเล็ก ๆ http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=538596
. เที่ยวซะ ตอนที่ยังไปเองได้......กินซะ ตอนที่ยังกินเองได้
. เที่ยวไป กับเพื่อนที่ใจ.....ตรงกัน .
. It's my life ......@ Power Under Control
. เที่ยวซะ ตอนที่ยังไปเองได้......กินซะ ตอนที่ยังกินเองได้
. เที่ยวไป กับเพื่อนที่ใจ.....ตรงกัน .
. It's my life ......@ Power Under Control
- charliephuket
- สมาชิก
- โพสต์: 45
- ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ต.ค. 2009, 13:07
- Tel: 0845512817
- Bike: ปัจจุบัน MERIDA ,LA
- ตำแหน่ง: ต.วิชิต เมือง ภูเก็ต
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
เห็นชัดว่าพี่เค้าตั้งใจ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 23
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2011, 15:24
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
สวดดยอดดเลย ขึ้นทางปราจีน ขนาดขับรถยนต์ผมก้อว่ามันไกลน่ะครับ พี่นี้สุดยอดทั้งใจและกายเลย
- เสือดอนโพธิ์
- ขาประจำ
- โพสต์: 5462
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 06:28
- Tel: 081-8011920
- team: ฅน....ครยก บ้านนา..ทีม
- Bike: klein Specialized Roubaix sl2 trek2300 Giant tcr advanced sl isp
- ตำแหน่ง: บ้านนา นครนายก
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
ยินดีด้วยครับสำหรับครั้งแรก....สำหรับครั้งต่อๆไป เขาเขียว เหวสุวัติ และด่านปากช่องยังรออยู่นะครับ มาบ่อยๆเนินมันจะเตี้ยลง ทางมันจะสั้นลง ความสวยงามของสองข้างทางจะค่อยๆโผล่ขึ้นมาให้เราเห็น
ชีวิต......
ยังมีความสุขในแบบที่เราไม่เคยรู้จักอีกเยอะแยะ
ยังมีความสุขในแบบที่เราไม่เคยรู้จักอีกเยอะแยะ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 7223
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ค. 2009, 15:35
- Tel: 0862240407
- team: ยังไม่มีทีมใด กล้าให้ ซบอก...
- Bike: trek 4300 wsd. SOMA SAGA
- ติดต่อ:
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
สุดยอด รุ่น พี่...เสือดอนโพธิ์ เขียน:ยินดีด้วยครับสำหรับครั้งแรก....สำหรับครั้งต่อๆไป เขาเขียว เหวสุวัติ และด่านปากช่องยังรออยู่นะครับ มาบ่อยๆเนินมันจะเตี้ยลง ทางมันจะสั้นลง ความสวยงามของสองข้างทางจะค่อยๆโผล่ขึ้นมาให้เราเห็น
แอบมา อ่าน เรื่อง..สนุกค่ะ.. เด๋ว ตามไป ติด ติด...
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
.พูดคุยผ่านทางเฟสบุค
https://www.facebook.com/usanee.puangsuwan
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
ชีวิตมีวันสิ้น...คนไม่มีวันพอ
.พูดคุยผ่านทางเฟสบุค
https://www.facebook.com/usanee.puangsuwan
- BikeSunday
- ขาประจำ
- โพสต์: 506
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 15:19
- Bike: Pixie, Peter Pan, Little Imp
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
รู้สึกผิดที่อ่านกระทู้นี้ด้วยความสำราญ
ไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของคุณหมาป่า
ถ้าไม่มีรูปมาโชว์ ไม่เชื่อว่าขึ้นเขาใหญ่มาแล้วนะเนี่ย
เป็นแฟนคลับตามอ่านกระทู้มาตลอดด้วยสองสาเหตุ
1.เขียนหนังสืออ่านสนุก ชวนติดตาม
2.มีความชมชอบบางอย่างที่เหมือนกัน พี่มีรถทัวริ่งที่ตั้งชื่อว่า "Lone Wolf"
ไม่เห็นใจในความทุกข์ยากของคุณหมาป่า
ถ้าไม่มีรูปมาโชว์ ไม่เชื่อว่าขึ้นเขาใหญ่มาแล้วนะเนี่ย
เป็นแฟนคลับตามอ่านกระทู้มาตลอดด้วยสองสาเหตุ
1.เขียนหนังสืออ่านสนุก ชวนติดตาม
2.มีความชมชอบบางอย่างที่เหมือนกัน พี่มีรถทัวริ่งที่ตั้งชื่อว่า "Lone Wolf"
แก้ไขล่าสุดโดย BikeSunday เมื่อ 10 มิ.ย. 2014, 22:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
"If you want to make big tracks on the land, you got to step out and start walking."
Louis l'amour ; How the west was won.
Louis l'amour ; How the west was won.
- SART.RED
- ขาประจำ
- โพสต์: 178
- ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2009, 18:35
- Tel: 0819302387
- team: Local ROAD&aYUTTHAYa
- Bike: GT Teramoto , T.RED
- ตำแหน่ง: 69/132 อยุธยา
- ติดต่อ:
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
ดีใจ ทำได้ เหนื่อย แต่ก็สนุกมัน ฮา แบบว่าไม่ออก เหงื่อล้วน ฮาๆๆ
ขอให้สนุกกันต่อไป ล้อล้อสร้างโลกยินดี
นักเขียนสะด้วย ออกสักเล่ม เลยดีหงะ e book ลงทุนไม่ต้องอยากงานดาวน์โหลดเอา
ขอให้สนุกกันต่อไป ล้อล้อสร้างโลกยินดี
นักเขียนสะด้วย ออกสักเล่ม เลยดีหงะ e book ลงทุนไม่ต้องอยากงานดาวน์โหลดเอา
- ไฟล์แนบ
-
- อดีตเดี่ยว ปัจจุบันมาคู่ฮาๆๆDouble touring
- SPM_A0019.jpg (50.04 KiB) เข้าดูแล้ว 5914 ครั้ง
-
- ทัวร์เดี่ยว
- DSC01151 (Small).JPG (28.39 KiB) เข้าดูแล้ว 5914 ครั้ง
- paeng&aty
- ขาประจำ
- โพสต์: 207
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 09:01
- Tel: 0891302554
- team: เพื่อนจักรยานราชบุรี
- Bike: Bainchi
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
ผ่านตาชื่อ หมาป่าเดียวดาย หลายครั้งที่ดู Web นี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามาอ่าน
เขียนได้น่าอ่านและสนุกมากๆเลยค่ะ ขนาดว่ารูปน้อยก็ยังไม่เบื่อ แอบหัวเราะขำเอาเป็นเอาตายกับทีมงานวิจัยที่คุณหมาป่าไปเจอเข้า
เก่งมากค่ะ บางครั้งความไม่รู้ก็ช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ความรู้มากไปอาจทำให้กลัวและกังวลจนไม่กล้าออกเดินทางก็ได้นะคะ
ขอให้โชคดีกับการเดินทางไปดอยสุเทพ จะคอยอ่าน Review ค่ะ
เขียนได้น่าอ่านและสนุกมากๆเลยค่ะ ขนาดว่ารูปน้อยก็ยังไม่เบื่อ แอบหัวเราะขำเอาเป็นเอาตายกับทีมงานวิจัยที่คุณหมาป่าไปเจอเข้า
เก่งมากค่ะ บางครั้งความไม่รู้ก็ช่วยให้เราประสบความสำเร็จ ความรู้มากไปอาจทำให้กลัวและกังวลจนไม่กล้าออกเดินทางก็ได้นะคะ
ขอให้โชคดีกับการเดินทางไปดอยสุเทพ จะคอยอ่าน Review ค่ะ
- tunaja
- ขาประจำ
- โพสต์: 4815
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2010, 14:43
- Tel: 089-4170790
- team: ปั่นกินลมขอนแก่น , บึงแก่นนคร , บึงทุ่งสร้าง
- Bike: ขายหมดแย้ว !?!
- ตำแหน่ง: ลับเฉพาะคนรู้ใจ ?
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
บรรยายซะเห็นภาพเลยครับ ขนาดนั่งอ่านยังรู้สึกเหนื่อยเป็นพัก ๆ
ทีแรกกะว่าจะไปปั่นขึ้นเขาฝั่งปราจีนมั่งเหมือนกัน เห็นทีว่าจะต้องคิดใหม่เสียแล้วครับ
ขอเตรียมตัวให้ดีกว่าเดิมเสียก่อน เดี๋ยวเสือภูเขา จะกลายเป็นแมวซะก่อน
ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับที่พิชิตได้สำเร็จดังที่ได้ตั้งใจไว้ครับ
รอติดตามชมทริปในครั้งหน้าด้วยนะครับ
ทีแรกกะว่าจะไปปั่นขึ้นเขาฝั่งปราจีนมั่งเหมือนกัน เห็นทีว่าจะต้องคิดใหม่เสียแล้วครับ
ขอเตรียมตัวให้ดีกว่าเดิมเสียก่อน เดี๋ยวเสือภูเขา จะกลายเป็นแมวซะก่อน
ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับที่พิชิตได้สำเร็จดังที่ได้ตั้งใจไว้ครับ
รอติดตามชมทริปในครั้งหน้าด้วยนะครับ
กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าไม่มีมัน ก็ไม่สำคัญหน่ะซิ
ชนะใดหาสำคัญไม่ แค่เพียงชนะใจ นั่นก็พอแล้ว
ชนะใดหาสำคัญไม่ แค่เพียงชนะใจ นั่นก็พอแล้ว
- somchaitu
- ขาประจำ
- โพสต์: 761
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2011, 01:29
- Bike: MTB - ROAD BIKE
- ติดต่อ:
Re: หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
เป็นความรู้สำหรับฝึกปั่นขึ้นเขาใหญ่ในอนาคต ไม่รู้อีกกี่ปี ? ? ? ขอเซ็ฟไว้ครับจะอ่านซ้ำๆ สำหรับก้าวแรกของผม -> ขึ้นเขาใหญ๋
http://www.iamboon.bloggang.com
Do You Hear The People Sing....