![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14525219_1196034347133503_3132976165734922124_o.jpg)
ถ้าพูดถึงไมล์จักรยานแบบ gps ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด ใครบ้างไม่คิดถึง Garmin ? นับตั้งแต่อดีตที่ออกซีรี่ส์ 6 และ 3 ออกมาก็ได้รับความนิยมฮิตติดลมบนทันที และถึงจุดพีคสุดด้วยรุ่นยอดนิยมของชาวโลกอย่าง Garmin EDGE 500 ที่ทำให้เสียง "ปี๊บ" ของการเริ่มปั่นจักรยาน เป็นอีกเสียงที่ได้ยินไปหมดทุกงานปั่น ไม่น้อยไปว่าเสียงเอาคลีทล็อคบันไดเวลาออกตัว ในขณะที่ซีรี่ส์ 8 อย่าง Edge 800 ก็เป็นรุ่นที่มีแผนที่และได้รับความนิยมไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งเดิมทีความแตกต่างระหว่าง ซีรีส์ 5 (500, 510, 520) กับซีรี่ส์ 8 (800, 810) คือเสป็คการประมวลผลและฟังก์ชั่นแผนที่นั่นเอง
ดังนั้นในกลุ่มนักปั่นหรือนักแข่งที่ไม่ได้ต้องการแผนที่นำทาง จึงเทไปเล่นซีรี่ส์ 5 กันเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะ 500 ที่ยังคงเห็นโปร(ส่วนน้อย)ใช้อยู่ และ 510 ที่เป็นที่นิยมสูงที่สุด ต่อมาก็คือ 520 ที่เพิ่งออกมาไม่นานมานี้ ด้วยเหตุที่ไม่จำเป็นต้องเล่นแผนที่ และขนาดเล็ก กับน้ำหนักเบากว่ากันพอสมควร
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14468480_1196034227133515_7164497398202459156_o.jpg)
แต่แล้ว 820 ก็ออกมา ฉีกหลักการเดิมไปทั้งหมด เพราะหลักๆแล้วรุ่นนี้คือ EDGE ที่มีแผนที่ แต่ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา บางไม่ต้านลม ตามไสตล์นิยมของนักแข่ง พ่วงมากับสมรรถนะประมวลผลแบบรุ่นสูงสมซีรี่ส์ 8 จะพูดให้เข้าใจง่ายกว่านั้น มันคือซีรี่ส์ 5 อย่าง EDGE 520 ที่ใส่แผนที่มาให้ แถมหน้าจอสัมผัส และฟังก์ชั่นอื่นๆอีกเพียบ ทาง Garmin เองวางเป้าเอาไว้ให้กลายเป็นที่นิยมของนักแข่งแทนที่การใช้งานซีรี่ส์ 5 ให้ได้
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14480469_1196034247133513_7851761034765271933_o.jpg)
ลองมาดูกันคร่าวๆก่อนครับว่า EDGE 820 มีอะไรน่าสนใจบ้าง สำหรับราคาค่าตัวยกชุด(bundle) ครบทุกอย่างสองหมื่นมีทอน กำลังเตรียมวางขายในต้นเดือนตุลาคมนี้
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14444962_1196034310466840_8193447913487222076_o.jpg)
ฟังก์ชั่นเด่นของ 820
-หน้าจอสี 2.3 นิ้ว ระบบสัมผัส รองรับการสัมผัสผ่านถุงมือได้
-Incident Detection ตรวจสัมผัสแรงกระแทกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และ ส่งข้อความเตือนไปยังหมายเลขที่บันทึกไว้ได้
-Group Track ติดตามตำแหน่งของเพื่อนที่ร่วมปั่นกันได้ (ร่วมกับสมาร์ทโฟน)
-รอบรับการประมวลผมค่ากายภาพต่างๆกับ Power Meter (เยอะครับเดี๋ยวมาเล่า)
-สามารถควบคุมอุปกรณ์เสริมต่างๆได้ เช่นไฟจักรยาน และเรดาร์จักรยาน
-นำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยว มีแผนที่ประเทศไทย (ของ NOSTRA )
-Thai Smart Notifications แสดงชื่อสายเรียกเข้า ข้อความ และอีเมลบนหน้าจอได้ (รองรับภาาษาไทยด้วยนะครับ)
-รับสัญญาณดาวเทียมได้รวดเร็วและระบุตำแหน่งได้แม่นยำด้วยระบบ GPS + GLONASS + Altimeter
-แบทเตอรี่ใช้งานได้ 12 ชั่วโมง และเพิ่มโหมดประหยัดพลังงาน ใช้งานต่อนเื่อง 24 ชั่วโมงได้
-กันน้ำมาตรฐาน IPX7 (ความลึก 1 เมตรได้ 30 นาที)
-รองรับการส่งสัญญาณไร้สายทั้ง ANT+, Blutooth และ wi-fi
-สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทเทรนเนอร์ต่างๆได้ (เพื่อปรับหนืดตามต้องการหรือปรับหนืดตามเส้นทางที่บันทึกเอาไว้ จำลองความหนืดมาปั่นบนเทรนเนอร์ได้)
-มีโหมด Indoor Mode ใช้งานในร่ม ตัดการรับสัญญาณดาวเทียมอัตโนมัติ
-หน่วยความจำ 8 GB ไม่รองรับการใส่การ์ดหน่วยความจำ เหลือใช้จริง 6.1 GB
-เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ผ่าน Garmin Connect และ Garmin Express
-Strava Live Segment แสดงและแจ้งเตือนจากแอพฯสตราว่าได้
-ส่งเสียงบอกโซน, เส้นทาง และความเร็วเข้าหูฟังได้ (ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน)
![รูปภาพ](http://www.capitalcycles.co.nz/image/cache/data/product/garmin/garmin520splash2-800x600.jpg)
แต่สิ่งที่เด่นที่สุดของ Edge 820 คือการเปลี่ยนหน้าจอทั้งหมด (จะเรียกว่า Interface หรือ UI ก็ได้ครับ) แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากภาพด้านบนเป็นหน้าจอแบบเดิมของ EDGE 510, 810, 520, 1000 ซึ่งหน้าที่แตกต่างคือหน้าแรกและการเรียงคำสั่งต่างๆ หน้าจอแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือ ด้านบนสุดปรับและควบคุมชุดรับส่งสัญญาณต่างๆ, ตัวเลือกโปรไฟล์จักรยาน, ตัวเลือกโปรไฟล์การปั่น และส่วนล่างสุดสำหรับคำสั่งและการตั้งค่า คราวนี้ปรับมาใหม่เป็น 3 ปุ่มหลักและฟังก์ชั่นควบคุมที่ดึงลงมาจากด้านบน (คล้ายๆ Notification ของ iPhone และ Android ครับ)
![รูปภาพ](https://static.garmincdn.com/en/products/010-01626-00/g/cf-lg.jpg)
หน้าจอแบบใหม่อาจจะทำให้งงๆในตอนแรก แต่โดยรวมแล้วยังจัดหมวดหมู่เหมือนเดิม ดังนั้นจับมาเล่นไปสักพักก็จะชินได้ไม่ยาก ผมได้เครื่องทดสอบมาแล้วก็ทำการตั้งค่าต่างๆทั้งหมด ตั้งแต่การแสดงผล น้ำหนัก โซน วัตต์ ตลอดจนตั้งค่าเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้คู่มือ ยิ่งถ้าผ่าน EDGE รุ่นก่อนๆมาแล้ว ก็บอกได้เลยว่าสะดวกแน่นอน เผลอๆจะใช้งานง่ายกว่าเดิมด้วยครับ เพราะรู้สึกว่าเข้าถึงคำสั่งต่างๆง่ายขึ้นเยอะ
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14468597_1196034353800169_6980637180545864047_o.jpg)
ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก (เท่าๆกับ 520) เล็กกว่า 510 และแน่นอนว่าเล็กกว่า 810 กับ 1000 มาก (แน่นอนครับ ก็ EDGE 1000 ขนาดเค้าได้สมาร์ทโฟนเครื่องนึงเลย) บนเครื่องมีปุ่มกด 3 ปุ่มเท่านั้น ด้านซ้ายเป็นปุ่มเปิดปิด ในรุ่นเก่าใช้กดเพื่อปรับความสว่างหน้าจอได้ แต่ในรุ่น 820 เปลี่ยนไปปรับจากแถบตั้งค่าที่ดึงลงมาจากด้านบนแทน ปุ่มด้านข้างจึงมีหน้าที่แค่ปิดเปิดเครื่องตามปกติ และเข้าสู่โหมดหลับ (Sleep Mode) ที่สามารถพักหน้าจอเอาไว้แต่ยังคงบันทึกข้อมูลการปั่นปกติ
ด้านล่างมีปุ่มมาตรฐาน 2 ปุ่มคือ ปุ่ม Lap สำหรับกดแบ่งรอบการปั่น(ซ้าย) และปุ่มเริ่มต้น-สิ้นสุดการบันทึก(ขวา) อันนี้มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้วครับ ไม่เปลี่ยน ไม่แปลง และคิดว่าคงไม่เปลี่ยนไปอีกหลายๆรุ่น หน้าจอควบคุมด้วยการสัมผัสทั้งหมด ความลื่นถือว่าลื่นไหลขึ้นกว่า 810 มากๆๆๆ แตะแล้วไปเลย ถึงจะยังไม่ติดนิ้วเท่าสมาร์ทโฟน แต่ก็ไวขึ้นกว่ารุ่นพี่ รุ่นพ่อมากทีเดียว ยิ่งถ้าใครมาจาก EDGE 510 ล่ะก็ .... คนละเรื่องเลยครับ
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14444684_1196034377133500_5978352049896644513_o.jpg)
ที่ผมว่าครบนั้นคือ ฟังก์ชั่น(ที่โม้ไว้ด้านบน) มาแบบครบจริงๆครับ แถมยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ไม่ต้านลม หน้าจอสัมผัส เรปียบเปรยง่ายๆก็เหมือนกับจับเอา 520 มาเปลี่ยนเป็นจอสัมผัส ใส่ฟังก์ชั่นแบบรุ่นใหญ่อย่าง 1000 เต็มเหนี่ยว ไปเลย ใครอยากได้ฟังก์ชั่นเยอะๆแต่ไม่อยากเล่นตัวใหญ่ๆ ใครอยากใ้แบบกระทดรัดแต่ไม่อยากใช้แบบปุ่มกด ... 820 กลายเป็นทางเลือกที่เข้ามายืนอยู่ตรงกลางพอดิบพอดี
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14525229_1196034400466831_8049211351750048866_o.jpg)
ในกล่องมาครบชุด พร้อมที่ยึดไมล์ทั้งสองแบบ, สายฮาร์ทเรทคาดอก, เซ็นเซอร์รอบขา และความเร็ว สายชาร์จ (ตัวทดสอบที่ผมได้ ไม่มีหัวปลั๊กและคู่มือมาให้ครับ แต่เชื่อว่าตัวปกติน่าจะมีมาให้อย่างแน่นอน) จากข้อมูลของผู้นำเข้า การจัดจำหน่ายในต้นเดือนหน้าจะมีแต่แบบ bundle ครบชุดเท่านั้น ยังไม่มีแผนจัดจำหน่ายแบบแยกเฉพาะตัวเครื่องอย่างเดียว อันนี้เป็นอุปสรรคสำหรับหลายๆคนอย่างแน่นอน ใครที่มีตัวเก่าๆอยู่แล้ว ก็คงมีเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ต่างๆอยู่แล้ว คงไม่อยากได้มาอีกชุด ที่สำคัญ อย่างผมเองไม่ค่อยสนใจเซ็นเซอร์อื่นๆเท่าไหร่ สายคาดอกก็มีแล้ว รอบขาก็ไม่ต้องการ เพราะผมได้ค่ารอบขามาจากวัตต์อยู่แล้ว อยากได้ไมล์อย่างเดียว ก็ต้องคิดหนักเลยว่าถ้าซื้อยกกล่อง จะเอาของที่เหลือไปทำอะไรดีหนอ?? ดูแล้วลาภจะไปตกที่ ผบ. ที่บ้านอย่างแน่นอน
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/t31.0-8/14525202_1196034223800182_5341485281677494479_o.jpg)
หน้าจอแสดงข้อมูลได้ 10 ช่องต่อหนึ่งหน้า แต่พี่หมอลูฯ และหลายๆท่านลงความเห็นตรงกันว่า หากแสดงเต็มเหนี่ยวมันเล็กไปหน่อยสำหรับการใช้งานบนจักรยาน (โดยเฉพาะกับ สว.) ผมทดลองดูว่าใหญ่สุดที่แสดงได้คือการแสดง 4 ช่องข้อมูล เพราะต่อให้ปรับเหลือน้อยกว่า 4 ตัวหนังสือ(ตัวเลข) ก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นแล้ว เทียบกับรุ่นพี่อย่าง 810 ต้องบอกเลยครับว่าต่างกันมากจริงๆ ใครไม่ชอบตัวเล็กๆอ่านยากๆ เห็นทีจะต้องอยู่กับซีรี่ส์เก่าต่อไป หรือขยับขยายโครงการไปเล่น EDGE 1000 กันเลย ... แต่ก็ต้องเข้าใจนะครับ เครื่องมันเล็ก ให้ใช้ได้สะดวกไม่เทอะทะบนการปั่น เน้นกลุ่มเป้าหมายไปในสายจริงจังหน่อย หรือพวกนักแข่ง หน้าจอแค่สองนิ้วกว่า จะให้ตัวเลขออกมาตัวเท่าเล็บหัวแม่เท้าก็คงจะยาก อันนี้ต้องเลือกครับ อยากได้ตัวใหญ่ก็ต้องเล่นรุ่นใหญ่ๆ อยากได้เครื่องเล็กๆก็ต้องได้เลขเล็กๆ
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14517566_1194734667263471_82845191534353117_n.jpg?oh=6b6b49b865d4a87eee04028bb87882d9&oe=586D99B0)
ด้านน้ำหนักที่โดดเด่นกันบ้างครับ สำหรับ EDGE 810 มีน้ำหนักราวๆ 100 กรัม ส่วน 510 มีน้ำหนักเครื่อง 82 กรัม และ EDGE 820 มีน้ำหนักเพียง 65 กรัมเท่านั้น (เกือบครึ่งเดียวของ 810) ผมไม่บรรยายเยอะแล้วกันครับ เรื่องน้ำหนักเป็นเหมือนพิธีกรรมลึกลับของนักปั่นกันอยู่แล้ว ยิ่งเบายิ่งดี เบาได้เบาดี ขีดละหมื่นก็ยอม
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14469705_1194734700596801_7434790274940736473_n.jpg?oh=c5b125ba81d91cf1f03d6a6676b4e299&oe=58764B0A)
ใครน่าจะ"โดน" กับเจ้า 820 ?
อย่างที่บอกเลยครับ ถ้าใครอยากได้เครื่องเล็กๆ ไม่อยากได้เครื่องใหญ่ อยากได้จอสัมผัส และฟังก์ชั่นต่างๆที่ว่ามา ก็ไม่มีตัวเลือกอื่นๆแล้ว โดยเฉพาะถ้าเป็นสาวก Garmin และจะยิ่งเหมาะมากหากเป็นคนที่ใช้ 510 มาก่อน (หรือจะ 500 เลยก็ได้) แล้วตอนที่ 520 ออกมารู้สึกว่าไม่คุ้มที่จะเปลี่ยนเพราะเปลี่ยนจากสัมผัสไปเป็นปุ่มกดและดูไม่ได้มีอะไรเพิ่มมากนัก นี่เป็นโอกาสที่เหมาะมากที่จะอัพข้ามรุ่นมาเล่น 820 เพราะเฟิร์มแวร์ของ 510 ไม่น่าจะอัพเกรดมาเล่นฟังก์ชั่นต่างๆเหล่านี้ได้อีกแล้ว (ลำพังกดแล้วคิดให้ทันใจก็เหนื่อยแล้ว) เรื่องแผนที่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีแต่อาจไม่เหมาะสำหรับการใช้นำทางแบบฮาร์ดคอร์ เพราะถ้าต้องการแบบนั้น เพิ่มเงินแล้วไปเล่น EDGE 1000 จะดูง่ายกว่ามาก ไม่ต้องมาทดส่งแผนที่แคบๆบนหน้าจอไม่กี่นิ้ว
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14433170_1194734757263462_3494584160119787385_n.jpg?oh=0816d1c941392454702fa0f1cf6954b6&oe=587B1FC6)
ถ้าสรุปกันให้ดีจริงๆแล้วกลุ่มเป้าหมายของ EDGE 820 หนักไปทางสาย Performance มากกว่าสายท่องเที่ยว แม้จะมีแผนที่ก็จริง โดยรวมๆรับรองว่าจะทำให้การปั่นจักรยานสนุกขึ้นอ่างแน่นอน ยิ่งหากท่านมีพาวเวอร์มิเตอร์อยู่แล้ว ร่วมกับสายฮาร์ทเรท เจ้านี่จะช่วยติดตามพัฒนาการของการปั่นของท่านได้อย่างง่ายดาย (520 ก็ทำได้เช่นกัน)
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14457442_1194734673930137_8745134010427970020_n.jpg?oh=a532df354e3527c55aa4b49691200305&oe=5875436D)
ทั้งหมดนี้ก็ต้องชั่งใจกันแล้วล่ะครับ เพราะไมล์จักรยานอันละสองหมื่น (ครบชุด) ยอมรับว่าไม่ใช่น้อยๆเลย แต่ก็ยอมรับกันอีกเช่นกันว่าอย่างไรเสีย Garmin ก็คือ Garmin ที่ออกแบบการใช้งานมาได้ถึงอกถึงใจมาก การทำงานร่วมกับแอพฯต่างๆก็สะดวก โอกาสนี้ ช่วงปลายปี โบนัสจะมา ใครยังคิดไม่ออกว่าจะกำเงินไปหาอะไรมาเล่นเสริมความสนุกให้กับการปั่นจักรยาน ลองเล็งๆมาที่ EDGE 820 ดูครับ
![รูปภาพ](https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/14520503_1194734787263459_1660712312257696813_n.jpg?oh=7ddd4f720beda108df91945af346f91c&oe=58634C7E)
พบกันใหม่กับตอนต่อไป รีวิวการใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ และจะจับลงน้ำดูซิว่า กันน้ำ 1 เมตรที่ว่า จะเอาอยู๋แค่ไหน?
ถ้าพัง Garmin ห้ามคิดเงินผมนะ (เห็นรีวิวฝรั่งเอาไอโฟนแช่น้ำจนพังกันไปเลย)[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 045865.jpg[/homeimg]