Full Spec Review KEMO KE-R5
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Full Spec Review KEMO KE-R5
Full Spec Review KEMO KE-R5
KEMO เป็นจักรยานเสือหมอบระดับแข่งขัน สัญชาติอิตาลี ที่ผ่านกระบวนการวิศวกรรมจากสวิสเซอร์แลนด์ ที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดจักรยานมาได้ไม่กี่ปี แต่ด้วยประสพการณ์จากผุ้ออกแบบจักรยานยี่ห้อยักษ์ใหญ่ที่เป็นตำนานอย่าง มิสเตอร์มาริโอ โคมาลลี่ ที่เคยเป็นหัวหน้าทีมออกแบบให้กับจักรยาน KUOTA มาเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ ทำให้แบรนด์ KEMO ถูกจับตามองในงาน Eurobike ทันทีที่เปิดตัว และไม่นานหลังจากเปิดตัว ในปี 2014 ก็ได้ทดสอบจักรยานของตนกับเส้นทางการแข่งขันอาชีพด้วยการสนับสนุนทีม Bretagne Seche Environmenti เข้าลงแข่งขัน Tour de France และการร่วมทำทีมอาชีพหญิง Astana-BePink และ Velocio-BePink ในปี 2014 และ 2015 เป็นเครื่องยืนยันมาตรฐานของจักรยานค่ายใหม่นี้ได้อย่างชัดเจน
KE-R5
เมื่อมองย้อนไปยังตำนาน KUOTA ค่ายรถตำนานนี้มีชื่อเสียงมาด้วยเสือหมอบแบบแอโร่ไดนามิคส์หรือ Aerodynamics Road Bike ที่โดดเด่นตั้งแต่ก่อนยุคที่กระแสการได้เปรียบทางด้านแอโร่ฯจะเข้ามามีน้ำหนักในการออกแบบมากอย่างทุกวันนี้ และด้วยมันสมองเดียวกัน ร่วมกับวิทยาการก้าวหน้าของยุคปัจจุบัน ทำให้ KEMO ส่งรถเสือหมอบแอโร่ฯเข้าสู่ตลาดด้วย KE-R5 เสือหมอบแอโร่ฯที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร จากการออกแบบ วัสดุ และองค์ประกอบที่ใส่ลงมาในเฟรมจักรยานแข่งขันพันธุ์แท้ตัวนี้
เฟรม KE-R5 ถือเป็นเสือหมอบแอโร่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเสือหมอบแอโร่ฯ และ เสือหมอบทั่วไป มีการออกแบบดึงเอาจุดเด่นของจักรยานทั้งสองรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะองศาของเฟรมที่ สั้น กระชับ การออกแบบช่วงส่งกำลังที่หนาและแข็งแกร่งด้วยการเลือกใช้คาร์บอนพิเศษเสริมเข้าไปจากจุดอื่นๆ ทำให้เฟรมจัวนี้มีความ"สติฟ" หรือส่งกำลังได้ดีมากๆ โดยเฉพาะในจุดสำคัญอย่าง กระโหลก, ตะเกียบโซ่ (Chain Stay) และท่อคอ ทั้ง 2 องค์ประอบนี้ทำให้สะท้อนเจตจำนงค์ในการออกแบบของมิสเตอร์โคมาลลี่ ที่ต้องการสร้างเสือหมอบแอโร่ฯที่ไม่ได้หนืด ตื้อแบบรถทางเรียบ แต่เป็นเสือหมอบที่พร้อมจะพุ่ง และกระชากตัวเองไปข้างหน้าทันทีที่ส่งกำลังลงไป
รูปทรงของเฟรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆได้แก่
1.ส่วนครึ่งหน้าที่ออกแบบให้มีความแอโร่ฯในปัจจัยแวดล้อมการใช้งานจริงเป็นหลัก
2.ส่วนครึ่งหลังที่ออกแบบในแนวคิดของเสือหมอบถนนแบบที่วไป เน้นความสติฟและความสบายในการขี่
วัสดุที่เลือกใช้ได้แก่คาร์บอนเกรด 40T เป็นหลัก ซึ่งจุดเด่นของคาร์บอนแบบ 40T High Modulus นอกจากความสามารถในการรับแรงที่ดี ยังสามารถกระจายแรงและซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมากๆเช่นกัน เทียบกับคาร์บอนทั่วไปที่นิยมในตลาดจักรยานถือว่าอยู่ตรงกลางระหว่าง T700 และ T800 มีข้อดีและด้อยที่ทำให้ 40T มีลักษณะเด่นเหมาะกับแนวการออกแบบที่ต้องการตอบโจทย์ได้ง่าย ซึ่งจุดเด่นอย่างแรกที่ทุกคนที่ได้ลองสัมผัส KE-R5 รับรู้ได้ทันทีได้แก่
1.คงามสติฟ (Stiffness)
ด้วยองค์ประกอบทั้งคาร์บอน และการออกแบบในจุดสำคัญที่กล่าวมาทั้งหมด ส่งผลให้เฟรมมีการตอบสนองต่อแรงกระทำที่ดีมาก ทั้งการนั่งปั่นและยืนกระแทกส่งแรงลงไป เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เสือหมอบแอโร่ฯ แต่เป็นรถทั่วไป และจุดเด่นนี้ที่ทำให้เสือหมอบแอโร่ฯคันนี้ตอบสนองได้ดีบนเนิน และการสปรินท์ที่ความเร็วสูงๆ
2.การควบคุมรถที่คล่องตัว
องศาของเฟรมที่จัดว่า"กระชับ" ระยะต่างๆค่อนข้างสั้น เป็นเอกลักษณ์เด่น นอกจากรองรับกับนักปั่นร่างเล็กหรือผู้หญิงได้เป็นอย่างดี (เพราะมีการทดสอบและพัฒนาร่วมกับทีมอาชีพหญิง) ทำให้รถมีความปราดเปรียวสูงมาก จุดศูนย์ถ่วงต่ำ วงเลี้ยวแคบ ตอบสนองการยืนโยกได้ดี ซึ่งนี่ไม่ใช่นิสัยปกติของเฟรมแอโร่ฯแม้แต่นิดเดียว ใครที่ได้ขี่เฟรมแอโร่ฯจะรู้สึกได้ถึงความ"นิ่ง" แต่สำหรับเจ้า KE-R5 ตัวนี้ มันออกจะเป็นรถที่"ว่องไว"มากกว่า
3.แอโร่ไดนามิคส์
แน่นอนที่มันยังมีความไหลของรถแอโร่ฯอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ไหลนิ่งแบบรถแอโร่ฯจ๋าๆหลายๆตัวที่นิยมกัน แต่ท่ความเร็วสูงทะลุ 35-38 กม./ชม. ขึ้นไปแล้ว KE-R5 สามารถช่วยคงความเร็วได้ดีไม่เลวเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการขี่เดี่ยวหรือกลุ่มก็ตาม โดยเฉพาะสถานการณ์ลมที่มาจากทิศทางเฉียงมากๆที่เป็นจุดอ่อนของพวกเฟรมแอโร่ฯทรงหยดน้ำ(Airflow) ทั้งคัน ทรงท่อของ KE-R5 ออกแบบมาให้รับกับทิศทางลมได้ดี มันอาจจะไม่ได้ลู่ลมมากในทิศทางลมด้านข้าง แต่มันช่วยให้เกิดแรงฉุดหลังท่อจากกระแสอกาศวนน้อยลงได้มากกว่าทรงทั่วไป จุดเด่นด้านแอโร่ฯจาก Spec ที่ได้มาจากผู้ผลิตได้แก่
1.ตะเกียบหน้า ทรงแบนและแคบชิดกับล้อมากๆ ทำให้อากาศทีไหลผ่านล้อมาหาตะเกียบวิ่งเรียบติดตะเกียบไปด้านหลังมากที่สุด และบังคับให้อากาศยังคงไหลติดกับแนวระนาบล้อต่อไปจนชนกับขอบล้อหลัง
2.ท่อล่าง ที่ออกแบบมารับพอดีกับล้อหลัง โดยเฉพาะล้อขอบสูงที่จะส่งให้อากาศมีความเร่งเข้าหาแนวท่อล่าง แนวท่อล่างจะผลักให้อากาศผ่านไปชิดผิวต่อไปยังกระบอกน้ำที่ติดอยู่ เพราะการออกแบบคำนึงถึงการใช้งานจริงๆ กระบอกน้ำทั้ง 2 ตัวจะกลายเป็นตัวช่วยบังคับอากาศให้วิ่งตรงต่อไปได้ ไม่เกิดกระแสวนอยู่ด้านหลัง
3.ท่อนั่งและแนวหลักอาน เลือกใช้ท่อทาง Airflow ที่มีประสิทธิภาพในการบีบบังคับให้อากาศไหลไปบรรจบกันด้านหลังได้ดีที่สุด หลังท่อนั่งอากาศจะถูกผลักให้วิ่งไปตามแนวของล้อ เนื่องจากบทบาทของครึ่งหลังของเฟรมถูกลดลงด้วยสรีระของนักปั่นเอง ทำให้มิสเตอร์โคมาลลี่ตัดสินใจลดความแอโร่ฯของครึ่งหลังลง ไปใส่ความสติฟแทน เพื่อจุดเด่นที่มากกว่า และตัดสินใจเลือกใช้ทรง Airfoil ที่หลักอาน เพราะกระแสอากาศมุมเฉียงส่งผลกระทบต่อมิติช่วงนี้น้อยกว่าครึ่งหน้าของเฟรมมาก
เมื่อเปรียบเทียบ KE-5 กับเฟรมแบบอื่นๆ ในอุโมงค์ลม จากนั้นประเมินแรงฉุด(drag)ที่เกิดขึ้นทั้งแบบ dynamic drag และ static drag พบว่า ที่มุมเฉียงมากๆ KE-R5 สามารถทำความได้เปรียบลดแรงฉุดโดยรวมได้มากกว่าเฟรมแอโร่ฯที่เน้นความแอโร่ฯด้านหน้าตรงเป็นหลัก และเมื่อเทียบกับเฟรมกลุ่ม semi-aero (ขอไม่เอ่ยยี่ห้อ แต่เป็นกลุ่มเสือหมอบทั่วไปที่ใส่ความแอโร่ฯเข้ามาเป็นจุดเด่น) พบว่าได้เปรียบในเกือบทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ผลต่างที่ชัดเจนเกิดจากครึ่งหน้าโดยเฉพาะท่อล่างและตะเกียบของ KE-R5
สำหรับเสป็คน้ำหนักของเฟรม KE-R5 ถือเป็นจุดที่ดูด้อยที่สุด เนื่องจากคาร์บอน 40T ซับแรงและกระจายแรงได้ดีก็จริง แต่มีความแข็งไม่เท่ากับเกรดที่สูงกว่าอย่าง 50T ที่เทียบชั้นได้เหนือ T800 ใกล้กับ T1000 ที่โด่งดัง แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง มิสเตอร์โคมาลลี่เลือกใช้เจ้า 40T นี้เป็นหลัก ทำให้เฟรมต้องใช้วัสดุมากหน่อยในหลายๆส่วน และส่งผลให้เฟรมเป็นเฟรมที่ไม่ได้เบาหวิว เฟรมไซส์ XS มีน้ำหนักชั่งจริงรวมดร็อปเอาท์, รัดหลักอาน, ที่ยึดหลักอาน และชุดร้อยสาย 1150g น้ำหนักเคลมรวมฮาร์ดแวร์อยู่ที่ 1100 กรัม แน่นอนเมื่อเทียบกับน้ำหนักเฟรมแอโร่ฯยุคใหม่และที่กำลังจะออกที่ชั่งจริงกันได้ที่ 970-990 กรัมกัน ช่องว่าง 150-180 กรัม (เกือบสองขีด) อาจทำให้หลายๆคนหน้าเบ้กับเสป็คนี้ได้ แต่ลองมาดูเสป็คน้ำหนักชิ้นอื่นๆ เช่น ตะเกียบไม่ตัดซาง 348 กรัม, หลักอานไม่ตัดเลย 217 กรัม พบว่าหลักอานจัดว่ามีน้ำหนักเบาไม่เลวเลยทีเดียว ส่งผลให้รวมน้ำหนักเฟรมเซ็ทพร้อมฮาร์ดแวร์อยู่ที่ประมาณ 1715 กรัม ถือว่ามีน้ำหนักรวมเฟรมเซ็ทที่ไม่เลวเลยทีเดียว ใกล้เคียงกับน้ำหนักรวมของเสือหมอบแอโร่ฯคายยักษ์ใหญ่ชื่อดังอีกหลายๆตัว
สุดท้ายสรุปภาพรวมของเฟรมนี้ที่รวมทั้งการขี่จริงและเสป็คที่ได้มา มันคือเฟรมแอโร่ฯที่"แปลก" เพราะน้ำหนักรถไม่ได้เบามากนัก แต่ขี่แล้วพุ่งดีมากๆ ส่วนสำคัญคือกระโหลกและการส่งกำลังที่ดี ไหลไม่มากนักถ้าเทียบกับพวกแอโร่ฯสุดขีด แต่ไหลดีมากพอที่จะคงความเร็วไว้ได้ ที่ความสูงมากๆได้จุดเด่นทั้งเรื่องแอโร่ฯและความสติฟมาร่วมกัน ดังนั้นสปรินท์กระชากไปได้ง่ายขึ้น เรียกว่าหมดเฟืองจานใหญ่กันได้ไม่รู้ตัว บนเขาอาจจะไม่ได้พุ่งพรวดๆแบบรถทั่วไป แต่คุณสมบัติโดยรวมตามด้านบนทำให้มันมั่นคงพอที่จะขึ้นเขาได้หนักแน่น การลงเขาและเข้าโค้งก็ถือว่าดีมาก จาก Lateral Stiffness ของช่วงหน้าและองศากับจุดศูนย์ถ่วง ทำให้เป็นรถที่เทโค้งได้คมมากๆ
ใครจะเหมาะกับเฟรมตัวนี้?
-ถ้าคุณอยากได้เฟรมแอโร่ฯที่ไม่ตื้อ ขี่แล้วพุ่งดี ไหลได้
-ถ้าคุณเบื่อรถแอโร่ฯที่ตื้อ ทื่อ นิ่งดีแต่ไม่มันส์
-ถ้าคุณบอกลารถทั่วไปที่พอเจอลมแล้วไปไม่ออก
ทางที่เหมาะ ... ทางราบ, ทางราบเลี้ยวโค้งมาก, ทางสลับเนินเขาขึ้นลง, เขายาวๆแต่ไม่ชันมาก, เขาชันแต่สั้น
งบประมาณและความคุ้มค่า
เรื่องนี้สำคัญครับ ยุคนี้ต้องดูราคากันด้วย ผคนไทยดูราคากันก่อนมานานแล้ว) ค่าตัวสินสอดเฟรมตัวนี้ราคาเต็มๆอยู่ที่ 8x,xxx เรียกว่าค่าตัวสูงทีเดียวเทียบกับตัวเลือกที่มีหลายๆตัว แต่ก็ถือว่าถูกมากๆกับตัวเทียบอีกหลายแบรนด์ หากเอาไปเทียบกับแบรนด์เอเชีย หรือเฟรมจีน เฟรมไต้หวัน แน่นอนว่ามันดูราคาแพงมากๆ แต่ถ้าลองเทียบกับเฟรมที่มีสัญชาติเดียวกันจะพบว่าในกลุ่มเฟรมอิตาลีด้วยกัน KE-R5 เป็นรถระดับแข่งขันที่ย่อมที่สุดตัวหนึ่ง โดยเฉพาะโปรโมชั่นเปิดตัวที่กระแทกราคาลงมาเหลือ 6x,xxx ต้นๆ เพื่อความเข้าใจง่าย ผมจะยกตัวอย่างจัดชุดคอมโบให้ดูว่างบมีเท่าไหร่ จะจับจองสู่ขอมาได้อะไรบ้าง
ชุดคุ้มค่า 85,000 บาท
KE-R5 + Shimano 105 (ล้อเริ่มต้น + อะไหล่อลูฯ) 7.9 กก.
KE-R5 + Sram Apex (ล้อเริ่มต้น + อะไหล่อลูฯ) 7.8 กก.
ชุดขาแรง 100,000 บาท
KE-R5 + Sram Force (ล้อกลางๆ + อะไหล่อลูฯ) น้ำหนัก 7.45 กก.
KE-R5 + Shimano Ultegra (ล้อกลางๆ + อะไหล่อลูฯ) 7.6 กก.
KE-R5 + Sram Rival (ล้อคาร์บอน + อะไหล่อลูฯ) น้ำหนัก 736 กก.
ชุดโปรหล่อด้วย 120,000 บาท
KE-R5 + Shimano Dura Ace 9000 (ล้อกลางๆ+อะไหล่อลูฯ) น้ำหนัก 7.3 กก.
KE-R5 + Sram Red น้ำหนัก (ล้อกลางๆ+อะไหล่อลูฯ) 7.17 กก.
KE-R5 + Sram Force (ล้อคาร์บอนยางฮาล์ฟ + อะไหล่คาร์บอน) 7.1 กก.
KE-R5 + Ultegra Di2 (ล้อกลางๆ + อะไหล่อลูฯ) 7.55 กก.
ชุดเทพไม่คาใจ 150,000-170,000 บาท
KE-R5 + Shimano Dura Ace 9000 (ล้อคาร์บอนยางฮาล์ฟ+อะไหล่คาร์บอน) น้ำหนัก 7.0 กก.
KE-R5 + Sram Red (ล้อคาร์บอนยางฮาล์ฟ + อะไหล่คาร์บอน) น้ำหนัก 6.87 กก.
จากคอมโบทั้งหลายที่ยกตัวอย่างมากะคร่าวๆจะเห็นได้ว่า ในงบที่ซื้อเฟรมระดับหรูได้แต่เฟรม หรือแถมเบาะมาอีกอย่าง ก็สามารถได้เสป็ครถแข่งขันน้ำหนักพิกัด UCI ที่เป็นแบรนด์สัญชาติอิตาลีได้แล้ว ยิ่งถ้าลองดูชุดโปรหล่อที่ว่ากันด้วยความแรงเข้าว่า งบเท่านี้ได้เฟรมยี่ห้อตลาดซักตัวนึงยังไม่ได้ชุดขับและชิ้นอื่นๆ แต่เจ้า KE-R5 สามารถประกอบอาวุธหนักได้แล้ว น้ำหนักและเสป็คพร้อมแข่งขันได้แน่นอน ทั้งนี้จะคุ้มหรือไม่ในแต่ละชุด ต้องอยู๋ที่การเลือกอะไหล่มาประกอบกันด้วย แน่นอนว่าถ้าอยากให้มันเทพระดับคุณชายเทพมาจุตินั้น รับรองว่ามีสามแสนก็หมดสามแสนได้แบบนั้นเราไม่คิดนะครับ
ใครอยากรู้ฟิลลิ่งการขี่ แบบ user review ลองย้อนกลับไปอ่านบทความเก่า
รีวิว : KEMO KE-R5 รถแอโร่ แบรนด์ใหม่จากอิตาลี ใครชอบความเป็นตัวเอง ไม่ควรพลาด
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1214377
ข้อมูลทีม Astana BePink/ Velocio-BePink
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1243535[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 061357.jpg[/homeimg]
เมื่อมองย้อนไปยังตำนาน KUOTA ค่ายรถตำนานนี้มีชื่อเสียงมาด้วยเสือหมอบแบบแอโร่ไดนามิคส์หรือ Aerodynamics Road Bike ที่โดดเด่นตั้งแต่ก่อนยุคที่กระแสการได้เปรียบทางด้านแอโร่ฯจะเข้ามามีน้ำหนักในการออกแบบมากอย่างทุกวันนี้ และด้วยมันสมองเดียวกัน ร่วมกับวิทยาการก้าวหน้าของยุคปัจจุบัน ทำให้ KEMO ส่งรถเสือหมอบแอโร่ฯเข้าสู่ตลาดด้วย KE-R5 เสือหมอบแอโร่ฯที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร จากการออกแบบ วัสดุ และองค์ประกอบที่ใส่ลงมาในเฟรมจักรยานแข่งขันพันธุ์แท้ตัวนี้
เฟรม KE-R5 ถือเป็นเสือหมอบแอโร่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเสือหมอบแอโร่ฯ และ เสือหมอบทั่วไป มีการออกแบบดึงเอาจุดเด่นของจักรยานทั้งสองรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะองศาของเฟรมที่ สั้น กระชับ การออกแบบช่วงส่งกำลังที่หนาและแข็งแกร่งด้วยการเลือกใช้คาร์บอนพิเศษเสริมเข้าไปจากจุดอื่นๆ ทำให้เฟรมจัวนี้มีความ"สติฟ" หรือส่งกำลังได้ดีมากๆ โดยเฉพาะในจุดสำคัญอย่าง กระโหลก, ตะเกียบโซ่ (Chain Stay) และท่อคอ ทั้ง 2 องค์ประอบนี้ทำให้สะท้อนเจตจำนงค์ในการออกแบบของมิสเตอร์โคมาลลี่ ที่ต้องการสร้างเสือหมอบแอโร่ฯที่ไม่ได้หนืด ตื้อแบบรถทางเรียบ แต่เป็นเสือหมอบที่พร้อมจะพุ่ง และกระชากตัวเองไปข้างหน้าทันทีที่ส่งกำลังลงไป
รูปทรงของเฟรมแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆได้แก่
1.ส่วนครึ่งหน้าที่ออกแบบให้มีความแอโร่ฯในปัจจัยแวดล้อมการใช้งานจริงเป็นหลัก
2.ส่วนครึ่งหลังที่ออกแบบในแนวคิดของเสือหมอบถนนแบบที่วไป เน้นความสติฟและความสบายในการขี่
วัสดุที่เลือกใช้ได้แก่คาร์บอนเกรด 40T เป็นหลัก ซึ่งจุดเด่นของคาร์บอนแบบ 40T High Modulus นอกจากความสามารถในการรับแรงที่ดี ยังสามารถกระจายแรงและซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมากๆเช่นกัน เทียบกับคาร์บอนทั่วไปที่นิยมในตลาดจักรยานถือว่าอยู่ตรงกลางระหว่าง T700 และ T800 มีข้อดีและด้อยที่ทำให้ 40T มีลักษณะเด่นเหมาะกับแนวการออกแบบที่ต้องการตอบโจทย์ได้ง่าย ซึ่งจุดเด่นอย่างแรกที่ทุกคนที่ได้ลองสัมผัส KE-R5 รับรู้ได้ทันทีได้แก่
1.คงามสติฟ (Stiffness)
ด้วยองค์ประกอบทั้งคาร์บอน และการออกแบบในจุดสำคัญที่กล่าวมาทั้งหมด ส่งผลให้เฟรมมีการตอบสนองต่อแรงกระทำที่ดีมาก ทั้งการนั่งปั่นและยืนกระแทกส่งแรงลงไป เหมือนกับว่ามันไม่ใช่เสือหมอบแอโร่ฯ แต่เป็นรถทั่วไป และจุดเด่นนี้ที่ทำให้เสือหมอบแอโร่ฯคันนี้ตอบสนองได้ดีบนเนิน และการสปรินท์ที่ความเร็วสูงๆ
2.การควบคุมรถที่คล่องตัว
องศาของเฟรมที่จัดว่า"กระชับ" ระยะต่างๆค่อนข้างสั้น เป็นเอกลักษณ์เด่น นอกจากรองรับกับนักปั่นร่างเล็กหรือผู้หญิงได้เป็นอย่างดี (เพราะมีการทดสอบและพัฒนาร่วมกับทีมอาชีพหญิง) ทำให้รถมีความปราดเปรียวสูงมาก จุดศูนย์ถ่วงต่ำ วงเลี้ยวแคบ ตอบสนองการยืนโยกได้ดี ซึ่งนี่ไม่ใช่นิสัยปกติของเฟรมแอโร่ฯแม้แต่นิดเดียว ใครที่ได้ขี่เฟรมแอโร่ฯจะรู้สึกได้ถึงความ"นิ่ง" แต่สำหรับเจ้า KE-R5 ตัวนี้ มันออกจะเป็นรถที่"ว่องไว"มากกว่า
3.แอโร่ไดนามิคส์
แน่นอนที่มันยังมีความไหลของรถแอโร่ฯอยู่ แม้ว่าจะไม่ได้ไหลนิ่งแบบรถแอโร่ฯจ๋าๆหลายๆตัวที่นิยมกัน แต่ท่ความเร็วสูงทะลุ 35-38 กม./ชม. ขึ้นไปแล้ว KE-R5 สามารถช่วยคงความเร็วได้ดีไม่เลวเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นการขี่เดี่ยวหรือกลุ่มก็ตาม โดยเฉพาะสถานการณ์ลมที่มาจากทิศทางเฉียงมากๆที่เป็นจุดอ่อนของพวกเฟรมแอโร่ฯทรงหยดน้ำ(Airflow) ทั้งคัน ทรงท่อของ KE-R5 ออกแบบมาให้รับกับทิศทางลมได้ดี มันอาจจะไม่ได้ลู่ลมมากในทิศทางลมด้านข้าง แต่มันช่วยให้เกิดแรงฉุดหลังท่อจากกระแสอกาศวนน้อยลงได้มากกว่าทรงทั่วไป จุดเด่นด้านแอโร่ฯจาก Spec ที่ได้มาจากผู้ผลิตได้แก่
1.ตะเกียบหน้า ทรงแบนและแคบชิดกับล้อมากๆ ทำให้อากาศทีไหลผ่านล้อมาหาตะเกียบวิ่งเรียบติดตะเกียบไปด้านหลังมากที่สุด และบังคับให้อากาศยังคงไหลติดกับแนวระนาบล้อต่อไปจนชนกับขอบล้อหลัง
2.ท่อล่าง ที่ออกแบบมารับพอดีกับล้อหลัง โดยเฉพาะล้อขอบสูงที่จะส่งให้อากาศมีความเร่งเข้าหาแนวท่อล่าง แนวท่อล่างจะผลักให้อากาศผ่านไปชิดผิวต่อไปยังกระบอกน้ำที่ติดอยู่ เพราะการออกแบบคำนึงถึงการใช้งานจริงๆ กระบอกน้ำทั้ง 2 ตัวจะกลายเป็นตัวช่วยบังคับอากาศให้วิ่งตรงต่อไปได้ ไม่เกิดกระแสวนอยู่ด้านหลัง
3.ท่อนั่งและแนวหลักอาน เลือกใช้ท่อทาง Airflow ที่มีประสิทธิภาพในการบีบบังคับให้อากาศไหลไปบรรจบกันด้านหลังได้ดีที่สุด หลังท่อนั่งอากาศจะถูกผลักให้วิ่งไปตามแนวของล้อ เนื่องจากบทบาทของครึ่งหลังของเฟรมถูกลดลงด้วยสรีระของนักปั่นเอง ทำให้มิสเตอร์โคมาลลี่ตัดสินใจลดความแอโร่ฯของครึ่งหลังลง ไปใส่ความสติฟแทน เพื่อจุดเด่นที่มากกว่า และตัดสินใจเลือกใช้ทรง Airfoil ที่หลักอาน เพราะกระแสอากาศมุมเฉียงส่งผลกระทบต่อมิติช่วงนี้น้อยกว่าครึ่งหน้าของเฟรมมาก
เมื่อเปรียบเทียบ KE-5 กับเฟรมแบบอื่นๆ ในอุโมงค์ลม จากนั้นประเมินแรงฉุด(drag)ที่เกิดขึ้นทั้งแบบ dynamic drag และ static drag พบว่า ที่มุมเฉียงมากๆ KE-R5 สามารถทำความได้เปรียบลดแรงฉุดโดยรวมได้มากกว่าเฟรมแอโร่ฯที่เน้นความแอโร่ฯด้านหน้าตรงเป็นหลัก และเมื่อเทียบกับเฟรมกลุ่ม semi-aero (ขอไม่เอ่ยยี่ห้อ แต่เป็นกลุ่มเสือหมอบทั่วไปที่ใส่ความแอโร่ฯเข้ามาเป็นจุดเด่น) พบว่าได้เปรียบในเกือบทุกสถานการณ์ ทั้งนี้ผลต่างที่ชัดเจนเกิดจากครึ่งหน้าโดยเฉพาะท่อล่างและตะเกียบของ KE-R5
สำหรับเสป็คน้ำหนักของเฟรม KE-R5 ถือเป็นจุดที่ดูด้อยที่สุด เนื่องจากคาร์บอน 40T ซับแรงและกระจายแรงได้ดีก็จริง แต่มีความแข็งไม่เท่ากับเกรดที่สูงกว่าอย่าง 50T ที่เทียบชั้นได้เหนือ T800 ใกล้กับ T1000 ที่โด่งดัง แต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง มิสเตอร์โคมาลลี่เลือกใช้เจ้า 40T นี้เป็นหลัก ทำให้เฟรมต้องใช้วัสดุมากหน่อยในหลายๆส่วน และส่งผลให้เฟรมเป็นเฟรมที่ไม่ได้เบาหวิว เฟรมไซส์ XS มีน้ำหนักชั่งจริงรวมดร็อปเอาท์, รัดหลักอาน, ที่ยึดหลักอาน และชุดร้อยสาย 1150g น้ำหนักเคลมรวมฮาร์ดแวร์อยู่ที่ 1100 กรัม แน่นอนเมื่อเทียบกับน้ำหนักเฟรมแอโร่ฯยุคใหม่และที่กำลังจะออกที่ชั่งจริงกันได้ที่ 970-990 กรัมกัน ช่องว่าง 150-180 กรัม (เกือบสองขีด) อาจทำให้หลายๆคนหน้าเบ้กับเสป็คนี้ได้ แต่ลองมาดูเสป็คน้ำหนักชิ้นอื่นๆ เช่น ตะเกียบไม่ตัดซาง 348 กรัม, หลักอานไม่ตัดเลย 217 กรัม พบว่าหลักอานจัดว่ามีน้ำหนักเบาไม่เลวเลยทีเดียว ส่งผลให้รวมน้ำหนักเฟรมเซ็ทพร้อมฮาร์ดแวร์อยู่ที่ประมาณ 1715 กรัม ถือว่ามีน้ำหนักรวมเฟรมเซ็ทที่ไม่เลวเลยทีเดียว ใกล้เคียงกับน้ำหนักรวมของเสือหมอบแอโร่ฯคายยักษ์ใหญ่ชื่อดังอีกหลายๆตัว
สุดท้ายสรุปภาพรวมของเฟรมนี้ที่รวมทั้งการขี่จริงและเสป็คที่ได้มา มันคือเฟรมแอโร่ฯที่"แปลก" เพราะน้ำหนักรถไม่ได้เบามากนัก แต่ขี่แล้วพุ่งดีมากๆ ส่วนสำคัญคือกระโหลกและการส่งกำลังที่ดี ไหลไม่มากนักถ้าเทียบกับพวกแอโร่ฯสุดขีด แต่ไหลดีมากพอที่จะคงความเร็วไว้ได้ ที่ความสูงมากๆได้จุดเด่นทั้งเรื่องแอโร่ฯและความสติฟมาร่วมกัน ดังนั้นสปรินท์กระชากไปได้ง่ายขึ้น เรียกว่าหมดเฟืองจานใหญ่กันได้ไม่รู้ตัว บนเขาอาจจะไม่ได้พุ่งพรวดๆแบบรถทั่วไป แต่คุณสมบัติโดยรวมตามด้านบนทำให้มันมั่นคงพอที่จะขึ้นเขาได้หนักแน่น การลงเขาและเข้าโค้งก็ถือว่าดีมาก จาก Lateral Stiffness ของช่วงหน้าและองศากับจุดศูนย์ถ่วง ทำให้เป็นรถที่เทโค้งได้คมมากๆ
ใครจะเหมาะกับเฟรมตัวนี้?
-ถ้าคุณอยากได้เฟรมแอโร่ฯที่ไม่ตื้อ ขี่แล้วพุ่งดี ไหลได้
-ถ้าคุณเบื่อรถแอโร่ฯที่ตื้อ ทื่อ นิ่งดีแต่ไม่มันส์
-ถ้าคุณบอกลารถทั่วไปที่พอเจอลมแล้วไปไม่ออก
ทางที่เหมาะ ... ทางราบ, ทางราบเลี้ยวโค้งมาก, ทางสลับเนินเขาขึ้นลง, เขายาวๆแต่ไม่ชันมาก, เขาชันแต่สั้น
งบประมาณและความคุ้มค่า
เรื่องนี้สำคัญครับ ยุคนี้ต้องดูราคากันด้วย ผคนไทยดูราคากันก่อนมานานแล้ว) ค่าตัวสินสอดเฟรมตัวนี้ราคาเต็มๆอยู่ที่ 8x,xxx เรียกว่าค่าตัวสูงทีเดียวเทียบกับตัวเลือกที่มีหลายๆตัว แต่ก็ถือว่าถูกมากๆกับตัวเทียบอีกหลายแบรนด์ หากเอาไปเทียบกับแบรนด์เอเชีย หรือเฟรมจีน เฟรมไต้หวัน แน่นอนว่ามันดูราคาแพงมากๆ แต่ถ้าลองเทียบกับเฟรมที่มีสัญชาติเดียวกันจะพบว่าในกลุ่มเฟรมอิตาลีด้วยกัน KE-R5 เป็นรถระดับแข่งขันที่ย่อมที่สุดตัวหนึ่ง โดยเฉพาะโปรโมชั่นเปิดตัวที่กระแทกราคาลงมาเหลือ 6x,xxx ต้นๆ เพื่อความเข้าใจง่าย ผมจะยกตัวอย่างจัดชุดคอมโบให้ดูว่างบมีเท่าไหร่ จะจับจองสู่ขอมาได้อะไรบ้าง
ชุดคุ้มค่า 85,000 บาท
KE-R5 + Shimano 105 (ล้อเริ่มต้น + อะไหล่อลูฯ) 7.9 กก.
KE-R5 + Sram Apex (ล้อเริ่มต้น + อะไหล่อลูฯ) 7.8 กก.
ชุดขาแรง 100,000 บาท
KE-R5 + Sram Force (ล้อกลางๆ + อะไหล่อลูฯ) น้ำหนัก 7.45 กก.
KE-R5 + Shimano Ultegra (ล้อกลางๆ + อะไหล่อลูฯ) 7.6 กก.
KE-R5 + Sram Rival (ล้อคาร์บอน + อะไหล่อลูฯ) น้ำหนัก 736 กก.
ชุดโปรหล่อด้วย 120,000 บาท
KE-R5 + Shimano Dura Ace 9000 (ล้อกลางๆ+อะไหล่อลูฯ) น้ำหนัก 7.3 กก.
KE-R5 + Sram Red น้ำหนัก (ล้อกลางๆ+อะไหล่อลูฯ) 7.17 กก.
KE-R5 + Sram Force (ล้อคาร์บอนยางฮาล์ฟ + อะไหล่คาร์บอน) 7.1 กก.
KE-R5 + Ultegra Di2 (ล้อกลางๆ + อะไหล่อลูฯ) 7.55 กก.
ชุดเทพไม่คาใจ 150,000-170,000 บาท
KE-R5 + Shimano Dura Ace 9000 (ล้อคาร์บอนยางฮาล์ฟ+อะไหล่คาร์บอน) น้ำหนัก 7.0 กก.
KE-R5 + Sram Red (ล้อคาร์บอนยางฮาล์ฟ + อะไหล่คาร์บอน) น้ำหนัก 6.87 กก.
จากคอมโบทั้งหลายที่ยกตัวอย่างมากะคร่าวๆจะเห็นได้ว่า ในงบที่ซื้อเฟรมระดับหรูได้แต่เฟรม หรือแถมเบาะมาอีกอย่าง ก็สามารถได้เสป็ครถแข่งขันน้ำหนักพิกัด UCI ที่เป็นแบรนด์สัญชาติอิตาลีได้แล้ว ยิ่งถ้าลองดูชุดโปรหล่อที่ว่ากันด้วยความแรงเข้าว่า งบเท่านี้ได้เฟรมยี่ห้อตลาดซักตัวนึงยังไม่ได้ชุดขับและชิ้นอื่นๆ แต่เจ้า KE-R5 สามารถประกอบอาวุธหนักได้แล้ว น้ำหนักและเสป็คพร้อมแข่งขันได้แน่นอน ทั้งนี้จะคุ้มหรือไม่ในแต่ละชุด ต้องอยู๋ที่การเลือกอะไหล่มาประกอบกันด้วย แน่นอนว่าถ้าอยากให้มันเทพระดับคุณชายเทพมาจุตินั้น รับรองว่ามีสามแสนก็หมดสามแสนได้แบบนั้นเราไม่คิดนะครับ
ใครอยากรู้ฟิลลิ่งการขี่ แบบ user review ลองย้อนกลับไปอ่านบทความเก่า
รีวิว : KEMO KE-R5 รถแอโร่ แบรนด์ใหม่จากอิตาลี ใครชอบความเป็นตัวเอง ไม่ควรพลาด
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1214377
ข้อมูลทีม Astana BePink/ Velocio-BePink
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1243535[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 061357.jpg[/homeimg]
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
- cocodie
- ขาประจำ
- โพสต์: 480
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2012, 18:18
- Tel: 0993969224
- team: bangpra chonburi
- Bike: RIDLEY
- ตำแหน่ง: 221/3 ม.10 bangpra sriracha chonburi 20110
- ติดต่อ:
- punya467
- ขาประจำ
- โพสต์: 2222
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2012, 14:55
- team: Rayong road bike, On/Off cycling
- Bike: NICH LTD
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
คอนเอามาทดสอบไม่ได้ใส่ล้อนี้ครับ ...ใส่จัวปกติที่ขี่บ่อยๆจะได้ตัดปัจจัยล้อออกไปpunya467 เขียน:รีวิวรถ แต่อยากได้รีวิวล้อด้วยน่ะครับ #Xentis
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
-
- สมาชิก
- โพสต์: 32
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มิ.ย. 2013, 11:30
- Tel: 0818019179
- Bike: cervelo
- ติดต่อ:
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
เคโมขี่ดีกว่าที่คิดมากเลยครับงานสีก้อเนียนมาก เคยใช้เฟรมแสนกว่าของยี่ห้ออื่่นมาก่อนบอกได้เลยว่าขี่ดีไม่แพ้กัน แถมมีเงินเหลือไว้อัพล้ออีกบานถ้างบสองแสนได้อะไหล่ท้อปทั้งคัน ประหยัดค่าเฟรมอีกแสนนึงเอาไปซื้อกระเป๋าให้เมียใช้ดีกว่าชีวิตจะได้ดี้ดี
- thiranuts
- ขาประจำ
- โพสต์: 212
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 12:01
- Tel: 085-851-0545
- team: HATC CYCLING CLUB, Ayutthaya Family (AF), Team Bike&Body
- Bike: Propel Advance SL ISP+Dura Ace11+Zipp 404 / KEMO KE-R5+105+Mavic Ksyrium
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
ก่อนอื่นขออกตัวว่าไม่ใช่มืออาชีพแต่อย่างไรนะครับ เพียงแค่สนใจในการออกแบบจักรยานองศาแปลกๆ เลยได้รับโอกาศดีๆในการทดลองเจ้ารถ ขี้โม้คันนี้
ความเชื่อในหัวของผมยังมีเสมอว่ารถทุกคันในระดับนี้มันมีดีในคาแร๊คเตอร์ของมันทั้งหมด เว้นแต่จะเด่นด้อยหรือเอาด่้านใดมาชดเชยอีกด้านสำเร็จหรือไม่
ก่อนนี้เคยอ่าน รีวิวจากคุณ Giro เกี่ยวกับรถตัวนี้ ซึ่งความรู้สึกที่นึกได้แว่บแรกมันคือ "Semi Aero"??? จนกระทั่งได้มาลองของจริง
Spec Kemo KE-R5
+105 (5800)
+Mavic Ksyrium
+Hand,Stem FSA SL-K (Alu)
น้ำหนักรวมๆ 8.3 ไม่รวมขากระติก
ครั้งแรกที่มอเตอร์เวย์ 100 km .ขี่คล้ายเซอร์กิตเรซที่ความเร็ววัตต์โซน 2 แต่มีช่วงท้ายๆที่ได้กระทืบลองการขึ้นสะพาน รถมาไวใช้ได้แต่ไม่ได้ขึ้นเข้าจี๊ดเหมือนออล์ราวน์ทั่วไป แต่ถ้าเทียบกะรถที่เคยขี่เจ้า Kemo ขึ้เขามีชีวตชีวากว่่านิดหน่อย
ทางราบด้วยล้อขอบ 30 ลองแช่ที่ 35-40 รถทรงความเร็วได้ดีพอควร แต่ไม่ได้ลองที่ความเร็วสูงกว่านั้นเพราะไม่มีแรง 5555
ครั้งที่สอง วังน้ำเขียว ครั้งนี้ระยะ 100 โลเท่ากัน ถือว่าเป็นการพารถ Aero มาลองในด้านที่มันไม่ถนัดอีกครั้ง แต่ผลที่ได้ก็ยังถือว่าน่าพอใจขึ้นเขายืนใส่ได้ แรงไม่หาย รถไม่ยวบ ทางไหลทางลง อัดไหลได้ไวตามสไตล์รถแอโร่
สรุป รถดีขี่สนุก สีจัดจ้าน ส่วนตัวติดว่าเหมาะกับคนที่ปั่นทางรับสลับเนิน จะสนุกกับมันมาก บังคับเลี้ยวง่ายกว่ารถแอโร่ทั่วไป ข้อนึงจากใจคือ รถมันแข็งสะใจจริงๆ
ปล.ถ้ามีโอกาสอยากเอาล้อขอบสูงยางฮาร์ฟไปลองใส่เพื่อดูการแช่ย่านความเร็วสูงอีกครั้ง
ความเชื่อในหัวของผมยังมีเสมอว่ารถทุกคันในระดับนี้มันมีดีในคาแร๊คเตอร์ของมันทั้งหมด เว้นแต่จะเด่นด้อยหรือเอาด่้านใดมาชดเชยอีกด้านสำเร็จหรือไม่
ก่อนนี้เคยอ่าน รีวิวจากคุณ Giro เกี่ยวกับรถตัวนี้ ซึ่งความรู้สึกที่นึกได้แว่บแรกมันคือ "Semi Aero"??? จนกระทั่งได้มาลองของจริง
Spec Kemo KE-R5
+105 (5800)
+Mavic Ksyrium
+Hand,Stem FSA SL-K (Alu)
น้ำหนักรวมๆ 8.3 ไม่รวมขากระติก
ครั้งแรกที่มอเตอร์เวย์ 100 km .ขี่คล้ายเซอร์กิตเรซที่ความเร็ววัตต์โซน 2 แต่มีช่วงท้ายๆที่ได้กระทืบลองการขึ้นสะพาน รถมาไวใช้ได้แต่ไม่ได้ขึ้นเข้าจี๊ดเหมือนออล์ราวน์ทั่วไป แต่ถ้าเทียบกะรถที่เคยขี่เจ้า Kemo ขึ้เขามีชีวตชีวากว่่านิดหน่อย
ทางราบด้วยล้อขอบ 30 ลองแช่ที่ 35-40 รถทรงความเร็วได้ดีพอควร แต่ไม่ได้ลองที่ความเร็วสูงกว่านั้นเพราะไม่มีแรง 5555
ครั้งที่สอง วังน้ำเขียว ครั้งนี้ระยะ 100 โลเท่ากัน ถือว่าเป็นการพารถ Aero มาลองในด้านที่มันไม่ถนัดอีกครั้ง แต่ผลที่ได้ก็ยังถือว่าน่าพอใจขึ้นเขายืนใส่ได้ แรงไม่หาย รถไม่ยวบ ทางไหลทางลง อัดไหลได้ไวตามสไตล์รถแอโร่
สรุป รถดีขี่สนุก สีจัดจ้าน ส่วนตัวติดว่าเหมาะกับคนที่ปั่นทางรับสลับเนิน จะสนุกกับมันมาก บังคับเลี้ยวง่ายกว่ารถแอโร่ทั่วไป ข้อนึงจากใจคือ รถมันแข็งสะใจจริงๆ
ปล.ถ้ามีโอกาสอยากเอาล้อขอบสูงยางฮาร์ฟไปลองใส่เพื่อดูการแช่ย่านความเร็วสูงอีกครั้ง
- lingyangseng
- สมาชิก
- โพสต์: 85
- ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2012, 20:14
- Tel: 0896578677
- team: Al-Sadeeq Team
- Bike: TREK 8500
- ตำแหน่ง: PATTANI
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
ชื่อเพราะ (ขี้โม้) น่าสนใจมากครับ ดูมีมิติดี ติดที่งบ ต้องทำหนังสือยื่นของบถึง ผบทบ - -' หัวจะแตกไหมงานนี้
-----ผู้ชายเปื้อนฝุ่น กอดไม่อุ่นเหมือนคนมีตังค์-----
----------------Al-Sadeeq Cycling Club---------------
-------------------------PATTANI-----------------------
----------------Al-Sadeeq Cycling Club---------------
-------------------------PATTANI-----------------------
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 118
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2011, 14:56
- Bike: Giant Propel, Neobike
- ติดต่อ:
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
ผมได้มีโอกาสลองใช้ Kemo KE-R4 มาสักพักโดยใช้ขี่ทั้งทางราบและขึ้นเขา
ทางราบ
ทดลองขี่ที่สนามเขียวดูรู้สึกว่ารักษาความเร็วได้ดีมาก ได้ฟีลลิ่งแบบรถหมอบแอโร่และถ้าได้ล้อขอบสูงก็ยิ่งน่าจะช่วยตรงนี้ได้อีก แล้วก็รู้สึกว่านุ่มดีเวลาเจอพื้นผิวขรุขระ อันนี้รู้สึกได้เลยฮะ
ขึ้นเขา
อันนี้ชอบมากเพราะช่วงท่อนอนระยะมันกระชับๆ รู้สึกว่ามันโยกมัน แล้วก็บังคับดีฮะ
ประมาณนี้ นอกนั้นได้ยินว่า R4 จะหนักกว่า R5 นิดนึง แต่ขี่นุ่มกว่า
ทางราบ
ทดลองขี่ที่สนามเขียวดูรู้สึกว่ารักษาความเร็วได้ดีมาก ได้ฟีลลิ่งแบบรถหมอบแอโร่และถ้าได้ล้อขอบสูงก็ยิ่งน่าจะช่วยตรงนี้ได้อีก แล้วก็รู้สึกว่านุ่มดีเวลาเจอพื้นผิวขรุขระ อันนี้รู้สึกได้เลยฮะ
ขึ้นเขา
อันนี้ชอบมากเพราะช่วงท่อนอนระยะมันกระชับๆ รู้สึกว่ามันโยกมัน แล้วก็บังคับดีฮะ
ประมาณนี้ นอกนั้นได้ยินว่า R4 จะหนักกว่า R5 นิดนึง แต่ขี่นุ่มกว่า
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
สมาชิกใหม่ชาว"เคโม" ครับ KE-R5 Super Record รถอิตาลี่ + เกียร์อิตาลี่
เข้ากันแบบดูดี ปกตินักปั่นอิตาลี่มีเอกลักษณ์อย่างนึงนะครับ พวกนี้จะเน้นความเนี๊ยบ รถสะอาด ของเรียบร้อย เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ซิปรูดเก็บสวยงาม หายากที่นักปั่นอิตาลี่จะไม่ดูแลตัวเอง
เกียร์กับเฟรมอิตาลี่คู่นี้ก็ไม่ต่างกัน เกียร์ทำงานได้ดีแต่ไม่ทิ้งความสวยงามของเส้นสายและการออกแบบ ส่วนเฟรมที่มีลวดลายสีสันสวยแปลกตา
form and function มาเต็ม ต้องมาลองขี่ครับ และบอกไว้ก่อนเลยว่าเฟรมนี้เป็นรถสำหรับสมรรถนะแข่งขันแท้ๆตัวนึง ลองเบาๆหยุมหยิมไม่ค่อยรู้เรื่องครับ ใครได้กระทืบเต็มๆ รับรองว่ามีติดใจกันทุกคน
เข้ากันแบบดูดี ปกตินักปั่นอิตาลี่มีเอกลักษณ์อย่างนึงนะครับ พวกนี้จะเน้นความเนี๊ยบ รถสะอาด ของเรียบร้อย เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน ซิปรูดเก็บสวยงาม หายากที่นักปั่นอิตาลี่จะไม่ดูแลตัวเอง
เกียร์กับเฟรมอิตาลี่คู่นี้ก็ไม่ต่างกัน เกียร์ทำงานได้ดีแต่ไม่ทิ้งความสวยงามของเส้นสายและการออกแบบ ส่วนเฟรมที่มีลวดลายสีสันสวยแปลกตา
form and function มาเต็ม ต้องมาลองขี่ครับ และบอกไว้ก่อนเลยว่าเฟรมนี้เป็นรถสำหรับสมรรถนะแข่งขันแท้ๆตัวนึง ลองเบาๆหยุมหยิมไม่ค่อยรู้เรื่องครับ ใครได้กระทืบเต็มๆ รับรองว่ามีติดใจกันทุกคน
- ไฟล์แนบ
-
- 1.jpg (89.12 KiB) เข้าดูแล้ว 8642 ครั้ง
-
- 2.jpg (90.73 KiB) เข้าดูแล้ว 8642 ครั้ง
-
- 3.jpg (80.18 KiB) เข้าดูแล้ว 8642 ครั้ง
-
- 4.jpg (100.29 KiB) เข้าดูแล้ว 8642 ครั้ง
-
- 5.jpg (94.59 KiB) เข้าดูแล้ว 8642 ครั้ง
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 119
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2015, 17:03
- Tel: 087-6772994
- team: เสืออยากปั่นแต่แรงไม่มี
- Bike: Mosso
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
สวยและออกแบบมาน่าขี่มากครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 162
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2014, 10:09
- ติดต่อ:
Re: Full Spec Review KEMO KE-R5
ได้รับความรู้มากเลยค่ะ
ทางเราบริการรับทำหมวกทุกชนิด โดยโรงงานหมวกชั้นนำอันดับ1 รับทำหมวกแก๊ป หมวกฮิปฮอป ปีกรอบ capbkk.com
พร้อมรับทำหมวกแก๊ป หมวกจักรยาน รับทำหมวก ติดต่อได้ที่ fastcap88.com
พร้อมรับทำหมวกแก๊ป หมวกจักรยาน รับทำหมวก ติดต่อได้ที่ fastcap88.com