......จักรยานธุดงค์..........

ห้องนี้เทียบได้กับ "ห้องนั่งเล่น" ในกระดานเดิมนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19849
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สาธุ.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D อรุณสวัสดิ์ พี่เนตรหลานนกและท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน เรามาต่อกันด้วยชีวิตคืออะไรอีกสักนิดครับ ว่า เมื่อเราทราบว่าตัวเรานั้นประกอบด้วยกายใจแล้ว กายก็มีทุกข์ของกาย ใจก็มีทุกข์ของใจ ต้องรู้จักแยกกายแยกใจให้ออก กายป่วยแต่ใจไม่ป่วยแต่บางคน ป่วยกายและใจก็ป่วยตามไปด้วย ดังที่ได้ยินคำเปรียบเปรยอยู่เสมอว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว"

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดภิกษุที่ป่าประดู่ลาย โดยทรงหยิบใบไม้ขึ้นมากำหนึ่ง แล้วถามภิกษุว่า ใบไม้ในกำมือของพระองค์ กับใบไม้ทั้งหมดในป่าประดู่นี้ ใบไม้ที่ไหนมากกว่ากัน ภิกษุก็ได้ตอบว่า ใบไม้ในป่านี้ทั้งหมด มีมากกว่าในกำมือของพระองค์ พระองค์จึงทรงตรัสต่อไปว่า "เรื่องที่เรารู้น่ะเท่าใบไม้ทั้งป่า แต่ที่นำมาสอนเธอเท่ากับใบไม้ในกำมือ คือ สอนแต่เรื่อง "ทุกข์กับเรื่องดับทุกข์" เท่านั้น

ดังนั้นเรื่องของทุกข์และการดับทุกข์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราทุกคนจำเป็นที่จะต้องรู้เมื่อโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วในชาตินี้ นั่นก็คือการรู้ในเรื่อง "อริยสัจ ๔" นั่นเอง หลวงตาฝากไว้ว่า ขอให้เราทุกคนที่เกิดมาแล้วในโลกนี้ ไม่ว่าในชาตินี้จะเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน จะมีหรือไม่มี แค่ไหนอย่างไรก็ตาม ขอให้ใช้ธรรมะนี้เป็นหลักประกันของชีวิตไว้ เราต้องประกันชีวิตของเราไว้ด้วย ทาน ศีล ภาวนา สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราปลอดภัย อุ่นใจ สามารถวางใจได้ทั้งในชาตินี้และชาติต่อไป ว่าเราไปดีแน่นอน และอย่างน้อยที่สุด เรายังสามารถแก้ไขปัญหาชีวิตได้ทั้งหมดในชาติปัจจุบันนี้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย

มีสามสิ่งนี้ จึงมีการเกิด...

กัมมัง เขตตัง ... กรรมเป็นผืนนา
วิญญาณัง พีชัง....วิญญาณเป็นพืช
ตัณหา สิเนโห.....ตัณหาเป็นยางเหนียวในพืช ทำให้งอกงามในผืนนา


จากวีดีโอเรื่องส่วนตัวที่ผมนำเสนอและเกิดอาการท้อใจกับการนำธรรมะมาฝากให้กับมวลมิตรสหายทั้งใน Line หรือใน Facebook จนวันหนึ่งผมต้องกลับมาสำรวจตัวเอง และทราบแน่ชัดว่ามีผู้สนใจเพียง ร้อยละ ๑๗ เท่านั้น ไม่แปลกครับเพราะพุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้มีปัญญา กับผู้มีวาสนาบารมีเท่านั้น สัตว์โลกที่จะเข้าถึงธรรมเข้าถึงธรรมะจึงมีน้อยนักเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนใบไม้ในกำมือของพระพุทธเจ้า

ผมไม่เคยนำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับ ตำรวจตระเวนชายแดน หรือที่พระราชาแห่งแคว้นที่พวกเราเทอดทูนบูชา(ร.๙)ทรงเรียกพวกเราว่า "ตำรวจป่า" เคยคิดที่จะนำมาเล่าให้ฟังแต่เรื่องมันยาวถ้านำมาเล่าแบบตัวอักษร ผู้สนใจที่จะอ่านจริง ๆ ก็ ๑๗ เปอร์เซ็นต์ ๕๕๕.ไหน ๆ ผมก็เปิดเผยภาพลักษณ์ของตัวเองแล้วก็ขออนุญาตนำประวัติที่มีคนนำเสนอไว้ใน ยูทูป เกี่ยวกับเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศเรียกขานว่า ตชด.เก็บมาให้ท่านผู้มีเกียรติได้รับทราบนะครับ เชิญครับ :) :D



http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: ทุกข์เพราะความคิด

คนเราส่วนใหญ่มักทุกข์เพราะความคิด
ทุกข์เพราะไม่มีสติ
ปล่อยใจปรุงแต่งไปตามความโกรธ
ปรุงแต่งไปตามความโลภทและความหลงไม่รู้
ชอบเก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดให้รกหัว ให้รกใจตัวเอง

เมื่อมีความทุกข์ใจเกิดขึ้น ผู้คนก็มักโทษสิ่งภายนอก
แต่ลืมมองกลับมาที่ตนเอง
ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะใจที่ต่อต้าน ผลักไส
หรือปฏิเสธสิ่งนั้นต่างหาก จึงทำให้เป็นทุกข์

หินก้อนใหญ่ แม้จะหนักเพียงใด
ถ้าเราไม่แบกมันเอาไว้ ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย
แต่ผู้คนจำนวนไม่น้อย แบกหินเอาไว้
ทั้ง ๆ ที่บ่นว่าเหนื่อย....แต่ก็ไม่ยอมปล่อยเสียที
ผู้คนเหล่านี้ต่างโทษว่าหินหนัก
แต่ลืมถามตนเองว่า แบกมันทำไม ?
เพียงแค่ปล่อยมันลง ความเหนื่อยก็มลายหายไป :) :)






:) :D ไปอยู่เชียงรายกับลูกชายได้อุ้มหลานน้อย ดูแลหลานน้อยทำให้นึกถึงบรรยากาศที่เราเลี้ยงลูกเรา แล้วก็มีเวลาย้อนคิดนะว่า...ชีวิตคนเราก็เท่านี้ เกิด เป็นเด็กเรียนหนังสือ โตทำงาน ออกงานแก่ สุดท้ายตาย นี่ตัวผมเองเหลือเวลาออกไม่เท่าไหร่ ก็จะลาโลกนี้แล้ว โอ...ช่างเที่ยงแท้แน่นอนจริง ๆ วัฏฏสงสาร คิด ๆ ยิ่งทำให้เบื่อที่จะเกิดอีกเหลือเกิน เมื่อคิดได้แบบนี้ทำให้เราย้อนคิดว่า ชีวิตที่เหลือนี่ทำบุญสุนทานเพื่อเป็นเสบียง..เพียงพอแล้วยัง

ท่านผู้ใดที่คลิกเข้าไปชมสไลด์โชว์ที่นำมาเสนอ เป็นงานแต่งานลูกชายเพื่อนรุ่น ๒ ของเราคือ ร.ต.ต.มนัส สวนฤทธิ์ ท่านจะเห็นภาพที่ผมชนแก้วคล้องแขน ดื่มกับเพื่อน..ท่านที่ตามติดผมมาตลอด..คงคิดว่า..ตะบะแตกแล้ว ๕๕๕ ผมเลิกอบายมุขทั้งหมดทั้งสิ้นและหันมากินอาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ทุกชนิด (มังสวิรัติ) เป็นเวลา ๒๘ ปีเต็ม ๆ อย่างเข้าปีที่ ๒๙ แล้ว ท่านครับตะบะไม่แตกหรอกครับ ภาพนี้เป็นภาพที่เพื่อน ๆ เขาอยากทบทวนความหลัง และแชร์ไปในไลน์ให้เพื่อนที่ไม่ได้ไปร่วมงานชม ปรากฏว่าได้ผลมีคอมเม้นท์จากเพื่อเยอะเลย พูดเป็นเสียงเดียวว่า "เฮ้ย..ตะบะแตกแล้ว นี่ละมันไม่เที่ยง" ฯ น้ำในแก้วคล้ายเหล้า คือโค๊กบาง ๆ ผสมโชดาเยอะ ๆ สีก็จะเหมือนน้ำเหล้า ก็แค่นั้นเอง ส่วนท่าดื่ม..นี่แหละสันดานที่ฝังลึกของอำนาจความชั่วร้าย..มันไม่ลืม ใคร ๆ เห็นก็เสมือนจริงทุกประการ :D :D
ไฟล์แนบ
อยู่เชียงรายเดินทางไปเมืองน่าน เส้นทางลัดที่ใกล้ที่สุดคือ ไปปทางเทิงจะมีทางแยกขวาไปจุน ขึ้นดอยหลวงออกน่านเส้นนี้ถือได้ว่าใกล้ บรรยากาศเรียกว่าสวยงามเป็นอะไรที่ยังเดิม ๆ ถ้าปั่นจักรยานเส้นนี้ใช่เลย ไม่ต้องไปปั่นในลาวครับ เส้นนี้มันทะลุฟ้าได้เช่นกัน
อยู่เชียงรายเดินทางไปเมืองน่าน เส้นทางลัดที่ใกล้ที่สุดคือ ไปปทางเทิงจะมีทางแยกขวาไปจุน ขึ้นดอยหลวงออกน่านเส้นนี้ถือได้ว่าใกล้ บรรยากาศเรียกว่าสวยงามเป็นอะไรที่ยังเดิม ๆ ถ้าปั่นจักรยานเส้นนี้ใช่เลย ไม่ต้องไปปั่นในลาวครับ เส้นนี้มันทะลุฟ้าได้เช่นกัน
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (3).JPG (267.95 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
จุดพักรถเป็นที่สำหรับชมวิวทิวทัศน์เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ เส้นทางนี้เขาค่อนข้างสูงชันทางคดเคี้ยวพอควร อย่าประมาทถึงจุดพักควรพักจะได้ชมวิวสวย ๆ อย่าเอาแต่คร่ำเคร่งกับการเดินทาง ๕๕๕ เช่นกันเราพักรถและทานอาหารกัน ปล่อยให้เจ้าหลานน้อยวิ่งเล่นเป็นที่สนุกสนาน ลมพัดนำอากาศหนาวเย็ยมาด้วยเรียกว่าได้ใจกับความหนาว เป็นความสุขเล็ก ๆ ของครอบครัว (หรือนี่คือวิถีชีวิตของคนแก่ ฯ )
จุดพักรถเป็นที่สำหรับชมวิวทิวทัศน์เพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ เส้นทางนี้เขาค่อนข้างสูงชันทางคดเคี้ยวพอควร อย่าประมาทถึงจุดพักควรพักจะได้ชมวิวสวย ๆ อย่าเอาแต่คร่ำเคร่งกับการเดินทาง ๕๕๕ เช่นกันเราพักรถและทานอาหารกัน ปล่อยให้เจ้าหลานน้อยวิ่งเล่นเป็นที่สนุกสนาน ลมพัดนำอากาศหนาวเย็ยมาด้วยเรียกว่าได้ใจกับความหนาว เป็นความสุขเล็ก ๆ ของครอบครัว (หรือนี่คือวิถีชีวิตของคนแก่ ฯ )
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (10).JPG (240.97 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (16).JPG
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (16).JPG (417 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
S__34226178.jpg
S__34226178.jpg (240.34 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
S__34226179.jpg
S__34226179.jpg (345.22 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
S__34226180.jpg
S__34226180.jpg (204.26 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (12).JPG
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (12).JPG (217.91 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
ถึงเมืองน่านแต่ไปบ้านเพื่อนไม่ถูกแน่ เพราะน่านเดี๋ยวนี้เจริญมาก ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ใครเคยได้ยินคนเก่า ๆ เขาเล่าเป็นเรื่องขบขัน(หรือจริง) ว่าเมืองน่าน ไปเอาไม้เอกจากเมืองงาวมาใช้ แต่ก่อนเรียกเมือง นาน ถ้าแบบนี้ใคร ๆ คงไม่อยากมาเที่ยวเมืองน่านแน่ ๆ เพราะมันคง นาน กว่าจะถึงส่วนเมือง งาว ก็คงยินดีให้ยืมไปใช้แน่นนอน เพราะถ้าเมือง งาว มีไม้เอกสะกดมันก็จะกลายเป็นเมืองของคนไม่รู้อะไร เพราะคำว่า ง่าว ภาษาพื้นเมืองแปลว่า คนโง่ เรื่องของภาษาก็เอามาเป็นเรื่องขำกันได้ นี่คือเสน่ห์ของภาษาไทย.
ถึงเมืองน่านแต่ไปบ้านเพื่อนไม่ถูกแน่ เพราะน่านเดี๋ยวนี้เจริญมาก ๆ ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ใครเคยได้ยินคนเก่า ๆ เขาเล่าเป็นเรื่องขบขัน(หรือจริง) ว่าเมืองน่าน ไปเอาไม้เอกจากเมืองงาวมาใช้ แต่ก่อนเรียกเมือง นาน ถ้าแบบนี้ใคร ๆ คงไม่อยากมาเที่ยวเมืองน่านแน่ ๆ เพราะมันคง นาน กว่าจะถึงส่วนเมือง งาว ก็คงยินดีให้ยืมไปใช้แน่นนอน เพราะถ้าเมือง งาว มีไม้เอกสะกดมันก็จะกลายเป็นเมืองของคนไม่รู้อะไร เพราะคำว่า ง่าว ภาษาพื้นเมืองแปลว่า คนโง่ เรื่องของภาษาก็เอามาเป็นเรื่องขำกันได้ นี่คือเสน่ห์ของภาษาไทย.
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (20).JPG (244.45 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
เราไปรอเพื่อน ฮ่อ อยู่ที่วัดพันต้นก่อนจะเข้าตัวเมืองน่าน โทร ฯ ให้ท่านฮ่อออกมารับ พบกันต้องตกใจนิดหน่อย ดูเหมือนเพื่อนเราจะหง่อมลงไปพอสมควร <br /><br />สำหรับ ฮ่อ นี้มีประวัติครับแต่ก่อนเราไม่ได้เรียก ฮ่อ เราเรียก นัด ๆ แต่มีวันหนึ่งนั่งรถโดยสารถูกตำรวจตรวจบัตรประชาชน เพราะหน้าตาเพื่อนคนนี้เหมือนชาวต่างชาติจีนฮ่อ วันนั้นพวกเรากำลังเมาสุราเรียกว่าเกือบมีเรื่องกับตำรวจภูธร จากวันนั้นมนัสก็เลยได้ฉายา &quot;มนัส..เจ๊กฮ่อ เรียกสั้น ๆ ว่า ไอ่ฮ่อ&quot;<br /><br />ความชราไม่เคยปราณีใครถึงเวลามันก็มาหาแน่นอน วันนี้ท่านมนัสก็เหมือนพวกเราทั่ว ๆ ไปแต่มีโรคที่ต้องกินยาเป็นประจำเลยทำให้ร่างกายเชื่องช้าลงไป นี่แหละรังของโลกที่ต้องคอยดูแลรักษา เป็นทุกข์ นะครับ.
เราไปรอเพื่อน ฮ่อ อยู่ที่วัดพันต้นก่อนจะเข้าตัวเมืองน่าน โทร ฯ ให้ท่านฮ่อออกมารับ พบกันต้องตกใจนิดหน่อย ดูเหมือนเพื่อนเราจะหง่อมลงไปพอสมควร

สำหรับ ฮ่อ นี้มีประวัติครับแต่ก่อนเราไม่ได้เรียก ฮ่อ เราเรียก นัด ๆ แต่มีวันหนึ่งนั่งรถโดยสารถูกตำรวจตรวจบัตรประชาชน เพราะหน้าตาเพื่อนคนนี้เหมือนชาวต่างชาติจีนฮ่อ วันนั้นพวกเรากำลังเมาสุราเรียกว่าเกือบมีเรื่องกับตำรวจภูธร จากวันนั้นมนัสก็เลยได้ฉายา "มนัส..เจ๊กฮ่อ เรียกสั้น ๆ ว่า ไอ่ฮ่อ"

ความชราไม่เคยปราณีใครถึงเวลามันก็มาหาแน่นอน วันนี้ท่านมนัสก็เหมือนพวกเราทั่ว ๆ ไปแต่มีโรคที่ต้องกินยาเป็นประจำเลยทำให้ร่างกายเชื่องช้าลงไป นี่แหละรังของโลกที่ต้องคอยดูแลรักษา เป็นทุกข์ นะครับ.
แต่งงานลูกเจ๊กฮ่อ ๑๔ ม.ค (29).JPG (215.72 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
เนื่องจากต้องต้อนรับพรรคพวกที่เดินทางมาจากหลาย ๆ ที่ จนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แม่เจ้าบ่าวก็ต้องถูกบรรดาแม่บ้านจับมาแต่งตัวเสียใหม่ ทั้งผัดหน้าแต่งตาทรงผม เพื่อให้ดูดีสมเป็นแม่เจ้าบ่าว
เนื่องจากต้องต้อนรับพรรคพวกที่เดินทางมาจากหลาย ๆ ที่ จนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง แม่เจ้าบ่าวก็ต้องถูกบรรดาแม่บ้านจับมาแต่งตัวเสียใหม่ ทั้งผัดหน้าแต่งตาทรงผม เพื่อให้ดูดีสมเป็นแม่เจ้าบ่าว
IMG_3074.JPG (271.96 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
ส่วนเจ๊กฮ่อเช่นกัน ผมต้องถอดเนคไทให้และจัดการเปลี่ยนโฉมให้พ่อเจ้าบ่าวเสียใหม่ เป็นที่รู้กันงานแต่งลูกชายลูกสาว คนเป็นพ่อ-แม่ เอาแต่ดูแลงานของลูกให้เรียบร้อยจนลืมตัวเองไม่ค่อยให้ความสำคัญ
ส่วนเจ๊กฮ่อเช่นกัน ผมต้องถอดเนคไทให้และจัดการเปลี่ยนโฉมให้พ่อเจ้าบ่าวเสียใหม่ เป็นที่รู้กันงานแต่งลูกชายลูกสาว คนเป็นพ่อ-แม่ เอาแต่ดูแลงานของลูกให้เรียบร้อยจนลืมตัวเองไม่ค่อยให้ความสำคัญ
IMG_3075.JPG (170.02 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
S__33988616.jpg
S__33988616.jpg (154.95 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
IMG_E3032.JPG
IMG_E3032.JPG (135.01 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
IMG_E3033.JPG
IMG_E3033.JPG (147.58 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
IMG_E3039.JPG
IMG_E3039.JPG (233.94 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
ในวันงานท่านนายกสมาคมไลอ้อนกาญจนบุรี ขึ้นกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาว ในนามของญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าสาว ท่านพูดว่า &quot;ไม่เคยเห็นเลยว่าคนแก่ ๆ ที่เป็นเพื่อนฝูงกันตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ จะรวมตัวกันได้เหนียวแน่นดังเช่นตำรวจตระเวนชายแดน รู้สึกทึ่งมาก&quot;
ในวันงานท่านนายกสมาคมไลอ้อนกาญจนบุรี ขึ้นกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาว ในนามของญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าสาว ท่านพูดว่า "ไม่เคยเห็นเลยว่าคนแก่ ๆ ที่เป็นเพื่อนฝูงกันตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ จะรวมตัวกันได้เหนียวแน่นดังเช่นตำรวจตระเวนชายแดน รู้สึกทึ่งมาก"
IMG_E3040.JPG (242.39 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
IMG_3016 (3).JPG
IMG_3016 (3).JPG (166.91 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
ภาพนี้แหละครับที่เป็นที่ฮือฮาและวิภาควิจารณ์ในหมู่เพื่อนฝูง แม้แต่พวกที่ไปร่วมงานแปลกใจร้องตะโกนกันลั่นงาน เฮ้ย ๆ มหา....ตะบะแตกแล้วโว้ย พรรคพวกตบมืองชอบใจ คิดนะครับว่า.สงสัยอยากให้เรากลับไปเป็นคนเดิมที่ &quot;หัวทิ่มบ่อ&quot; เมื่อโพสต์ส่งไปทางไลน์ก็มีคอมเม้นต์กลับมามากมาย<br /><br />สุดท้ายต้นคิดคือท่าน สุพล ฟูมูลเจริญ (คนที่คล้องแขน) ต้องเฉลยว่าเป็นการทบทวนความหลังแค่นั้นจริงแล้วเป็น โซดา + โค๊ก เลยดูเหมือนเหล้า
ภาพนี้แหละครับที่เป็นที่ฮือฮาและวิภาควิจารณ์ในหมู่เพื่อนฝูง แม้แต่พวกที่ไปร่วมงานแปลกใจร้องตะโกนกันลั่นงาน เฮ้ย ๆ มหา....ตะบะแตกแล้วโว้ย พรรคพวกตบมืองชอบใจ คิดนะครับว่า.สงสัยอยากให้เรากลับไปเป็นคนเดิมที่ "หัวทิ่มบ่อ" เมื่อโพสต์ส่งไปทางไลน์ก็มีคอมเม้นต์กลับมามากมาย

สุดท้ายต้นคิดคือท่าน สุพล ฟูมูลเจริญ (คนที่คล้องแขน) ต้องเฉลยว่าเป็นการทบทวนความหลังแค่นั้นจริงแล้วเป็น โซดา + โค๊ก เลยดูเหมือนเหล้า
IMG_3015 (1).JPG (163.1 KiB) เข้าดูแล้ว 192 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »



:idea: :idea: สมัยที่หลวงปุ่ดุลย์ อตุโล ยังมีชีวิตอยู่ เกิดไฟไหม้ใหญ๋ที่จังหวัดสุรินทร์ หลายคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว มีญาติโยมหลายคนมากราบท่าน แล้วก็ตัดพ้อว่า....อุตส่าห์ทำบุญทำกุศล ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่าไม่ขาด ปฏิบัติธรรมมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ทำไม ? ธรรมะไม่ช่วยคุ้มครองเขาให้พ้นจากไฟไหม้

หลวงปู่อธิบายว่า

ไฟมันทำตามหน้าที่ของมัน...ธรรมะไม่ได้ช่วยใครในลักษณะนั้น หมายความว่า ความอันตรธาน ความวิบัติ ความเสื่อมสลาย ความพลัดพรากจากกัน สิ่งเหล่านี้มันมีประจำโลกอยู่แล้ว ผู้มีธรรมะ ผู้ปฏิบัติธรรมะ เมื่อประสบกับภาวะเช่นนั้นแล้ว จะวางใจอย่างไรจึงไม่ทุกข์...อย่างนี้ต่างหาก ไม่ใช่ธรรมะช่วยไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย ไม่ให้หิว ไม่ให้ไฟไหม้..ไม่ใช่อย่างนั้น
:idea: :idea:
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:lol: :lol: เมื่อวันที่ ๑๕ มค.๖๑ ตามทะเบียนบ้านผมอายุครบ ๖๘ ปีเต็มย่าง ๖๙ ทั้ง Line ทั้ง Facebook บรรดาเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ต่างก็อวยพรวันเกิดให้ ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คำอวยพร อยากจะเล่าอดีตสั้น ๆ เกี่ยวกับ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเองครับ

ความจริงที่จริง ๆ แล้ววันเกิดที่แท้จริงของผมคือวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๔๙๓ (พ่อบันทึกไว้ในสมุดทะเบียนทหารกองเกิน) เมื่อจะเข้า รร.พี่สาวถึงเกณฑ์ก่อน(พี่กับผมห่างกันหัวปีท้ายปี)แต่ผมไม่ถึงพ่อก็เลยขึ้นอายุของผมเพื่อจะได้ให้เข้า รร.ไปพร้อมกับพี่สาว เป็น ๑๕ มค.๒๔๙๓ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๒ เป็นวันที่ดวงตาเห็นธรรมผมประกาศเลิกอบายมุขทั้งหมดทั้งสิ้น ขอหันหน้าเข้าวัดประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง เรียกว่าเต็มสูบ ๕๕.ผมจึงถือวันที่ ๑ มค.๓๒ เป็นวันเกิดของผม คือเกิดทางธรรมของผม ขณะนี้ผมจึงมีอายุ ๒๘ ปีบริบูรณ์ :D :D

:o :o พอเราประกาศหันหน้าเข้าหาธรรมก็มีบททดสอบต่าง ๆ คือผมเจอปัญหาหลากหลายเรื่องมากมาย บางเรื่องแทบทนไม่ได้ แต่ด้วยสัจจะที่เราให้ไว้ เราต้องทนให้ได้พยายามกัดฟันอดทน ข่มใจ สุดท้ายไม่ไหวระเบิดครับ ถูกคำสั่งโยกย้ายด่วน เพื่อน ๆ วงในก็ต่างพยายามให้ความช่วยเหลือ เอาใจช่วย มีวันหนึ่งนายใหญ่คนที่เหมือนจะแกล้งและเอาเรื่องผม เดินผ่านหน้าบ้านที่ช้างเผือก ผมชักปืนแล้วเล็งจ่อไปที่หัว พลันก็มีเสียดังก้องรูหู "ฆ่าเขาทำไม ๆ ๆ " ผมสดุ้งเก็บปืนรีบขับรถหนีออกจากพื้นที่ไปตั้งสติ เมื่อตั้งสติได้ปรากฏขับรถถึงเชียงรายครับ เส้นทางที่ไปออกทางลำปางเข้าพะเยา ๕๕๕.

วันนั้นถ้าผมลั่นไก เจ้านายก็เป็น ศพ นึกภาพผมจะต้องหนีหัวซุกหัวซุน คงหนีไปเป็นเสนาธิการทหารว้าแดงแน่นอน ความทุกข์ที่มีก็จะยิ่งประดังเข้ามา และแน่นอนคงไม่มีวันนี้วันที่อยู่สุขสบายเสวยสุขทุกวัน นี่แหละครับ ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ผมเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ครับ ทีนี้เรามาศึกษาเรื่องครั้งพุทธกาลครับ :D :D


:idea: :idea: พระปฏาจาราเถรี(ภิกษุณีผู้ทุกข์ทรมานมากที่สุด)

“ปฏาจารา” พระสาวิการูปหนึ่ง เป็นธิดาของเศรษฐีในกรุงสาวัตถีเป็นหญิงรูปร่างงดงามและได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ครั้นนางมีอายุได้ 16 ปีได้หลงรักชายคนใช้ในบ้านของตนเอง ต่อมาบิดามารดาได้จัดเตรียมหาชายหนุ่มในชนชั้นเดียวกันมาแต่งงานด้วยนางจึงได้นัดแนะให้ชายคนใช้พาหนี แล้วไปสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในชนบทอันทุรกันดารแห่งหนึ่ง ชีวิตเริ่มแรกของนางปฏาจารามีความสุขมาก เพราะได้อยู่ใกล้ชิดกับชายคนรัก เวลาผ่านไปไม่นาน นางปฏาจาราตั้งครรภ์ ครั้นถึงเวลาใกล้คลอดนางมีความกังวลใจ เพราะไม่มีบิดามารดาและญาติอยู่ใกล้ชิด นางจึงขอร้องให้สามีพากลับไปหาบิดามารดา สามีปฏิเสธคำขอร้อง เพราะกลัวเกรงบิดามารดาของนางจะเอาโทษ

นางจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านเพียงลำพัง นางได้คลอดบุตรคนแรกในระหว่างทางเมื่อสามีตามไปพบ เขาได้ชี้แจงเหตุผลต่างๆ จนพานางกลับบ้านสำเร็จ เวลาต่อมา นางได้ตั้งครรภ์อีกเป็นครั้งที่สองและได้ขอร้องสามีเหมือนครั้งก่อน แต่สามีปฏิเสธคำขอร้องเช่นนั้นอีกนางจึงพาบุตรน้อยผู้กำลังหัดเดินหนีออกจากบ้าน ในระหว่างทางนางปวดท้องอย่างรุนแรง เพราะกำลังจะคลอดบุตรฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก สามีตามไปพบนางดิ้นทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายฝนจึงไปตัดไม้เพื่อนำมาทำที่กำบังฝนชั่วคราว แต่เขาถูกงูพิษกัดถึงแก่ความตาย

นางปฏาจาราคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แล้วนางอุ้มทารกและจูงบุตรน้อยตามไปพบศพของสามีจึงมีความเศร้าโศกเสียใจมาก นางตัดสินใจจะพาบุตรไปหาบิดามารดาในเมือง
เมื่อนางมาถึงลำธารใหญ่ที่น้ำกำลังไหลเชี่ยวนางไม่อาจจะพาบุตรข้ามน้ำพร้อมกันได้ จึงให้บุตรคนโตยืนรอที่ฝั่งข้างหนึ่งแล้วอุ้มทารกแรกเกิดเดินข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง และวางทารกน้อยไว้ที่อันเหมาะสม

ขณะเดินข้ามน้ำมาถึงกลางน้ำ เพื่อรับบุตรคนโตนางเห็นเหยี่ยวตัวหนึ่งกำลังบินโฉบลงเพื่อจิกทารก เพราะมันเข้าใจว่าเป็นก้อนเนื้อนางจึงยกมือขึ้นไล่เหยี่ยว แต่ไม่อาจช่วยชีวิตทารกน้อยได้ เพราะเหยี่ยวมองไม่เห็นอาการของนางที่ขับไล่จึงเฉี่ยวทารกน้อยของนางไป

บุตรคนโตมองเห็นนางยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ก็เข้าใจว่ามารดาเรียกตนจึงก้าวลงสู่แม่น้ำอันเชี่ยวและถูกน้ำพัดพาหายไป

นางปฏาจาราได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในเวลาใกล้กัน แต่นางยังตั้งสติได้นางเดินร้องไห้เข้าไปสู่เมืองสาวัตถีและได้ทราบข่าวจากชาวเมืองคนหนึ่งในระหว่างทางว่าลมและฝนได้พัดเรือนบิดามารดาของนางพังทลาย และเจ้าของบ้านก็ตายไปด้วย

ครั้นเมื่อนางทราบช่าวเช่นนี้ ก็ไม่อาจตั้งสติได้ นางสลัดผ้านุ่งทิ้งแล้ววิ่งบ่นเพ้อด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า เข้าไปวัดพระเชตวันมหาวิหารขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัทประชาชนเห็นนางแล้วร้องบอกกันว่าคนบ้าๆ อย่าให้เข้ามา

พระพุทธองค์ตรัสว่าปล่อยให้นางเข้ามาเถิด แล้วตรัสเรียกเตือนสตินางกลับได้สติ เกิดความละอายนั่งลง ใครคนหนึ่งในที่ประชุมนั้นโยนผ้าให้นางนุ่งห่มพระองค์ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดกับนางโดยย่อว่า ปิยชนมีบุตรเป็นต้น ไม่สามารถข้องกับคนที่ตายแล้วได้ ผู้รักษาศีลแล้วพึงชำระทางไปพระนิพพาน นางฟังพระธรรมเทศนา อันแสดงถึงความไม่เที่ยงแท้ของสรรพสิ่งพิจารณาไปตามพระธรรมเทศนานั้นแล้วได้บรรลุโสดาปัตติผล และทูลขออุปสมบทพระองค์จึงทรงอนุญาตให้นางบวชในสำนักนางภิกษุณี

ต่อมานางภิกษุณีปฏาจาราได้ฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธองค์ว่าคนที่ไม่เห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ แม้มีชีวิตอยู่ร้อยปีก็ไม่ประเสริฐเท่าคนที่มีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวแต่มองเห็นความเสื่อมสิ้นไปในเบญจขันธ์ เมื่อจบพระธรรมเทศนานางภิกษุณีปฏาจาราก็ได้บรรลุพระอรหัตผล

พระปฏาจาราเถรีมีความชำนาญในพระวินัยมากจนได้รับการยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุณีทั้งหลายผู้ทรงพระวินัย และพระปฏาจาราเถรีได้เป็นกำลังในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา


:) :) สุขทุกข์อยู่ที่ใจ สุขทุกข์นี้ไม่ได้อยู่ที่สิ่งภายนอก แต่มันอยู่ที่ใจของเรา อยู่ที่เราจะมองอย่างไร เราจะวางใจอย่างไร ได้อะไรมากมายก็เป็นทุกข์ได้ ถ้าหากว่าใจเรามันยังอยากได้มากกว่านั้น

ถ้าเราไม่เห็นความจริงของกายและใจ หรือเห็นความจริงของสิ่งต่าง ๆ ที่เรียกว่าสังขาร ทั้งรูปธรรมและนามธรรมในลักษณะนี้ เราก็จะเป็นทุกข์เมื่อต้องเจอความจริงที่แปรเปลี่ยนเป็นนิจ ไม่ต่างจากเอาตัวไปขวางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ถ้าเราเอาตัวไปขวางมันเราก็จะถูกกระแสน้ำพัดพาไป

คนเราทุกข์เพราะความยึดมั่นในตัวตน ก็เพราะเหตุนี้เรามักจะสร้างตัวตนขึ้นมาด้วยความไม่รู้ด้วยความหลง เต็มไปด้วยความอยากเต็มไปด้วยความยึด เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็อยากก็ยึดให้มันคงที่ เราจึงปฏิเสธความจริงขัดขวางความจริง ทวนกระแสความจริงตลอดเวลา เพราะพอยึดอะไรว่าเป็นตัวตน ก็จะนึกว่ามันเที่ยง พอเกิดความแปลเปลี่ยน เราก็เลยเป็นทุกข์ ทุกวันนี้คนเราทุกข์เพราะไม่รู้จักวางใจให้ถูกต้อง เราเอาใจของเราขวางความจริง ขวางความจริงก็ไม่ต่างจากขวางกระแสน้ำ สติทำให้รู้อาการของใจ

แต่ปัญญาทำให้เรารู้สัจธรรมของชีวิต รวมทั้งของจิตของใจ เมื่อรู้เช่นนี้เราก็จะเข้าถึงความสงบ เป็นความสงบภายในที่ไม่อาศัยสิ่งแวดล้อมภายนอก นี่แหละคือ ที่พระพุทธเจ้าค้นพบ

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เรามีความสุข..แต่พระองค์ สอนให้เรารู้จักทุกข์ เรียนรู้ทุกข์ และเข้าใจทุกข์ แล้วกลับไปแก้ ตรงเหตุที่ทำให้เราเกิดทุกข์

ถ้าท่านมีทุกข์ ขอให้พ้นทุกข์...ถ้าท่านมีสุขอยู่แล้ว ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้น

รักษาตนด้วยการเสพธรรมะ ด้วยการเจริญธรรมะ ด้วยการทำให้มากด้วยธรรมะ รักษาผู้อื่นด้วยความอดทน ด้วยการไม่เบียดเบียน ด้วยเมตตาจิต ด้วยความรักใคร่เอ็นดู

ทุกสิ่งเริ่มต้นที่ใจ ดับลงที่ใจ เมื่อเราดูแลใจให้เป็นปกติ ความสุขก็จะอยู่เคียงข้างเรา "รักษาใจให้ดีเท่านั้น แล้วอย่างอื่นจะดีไปด้วย" :lol: :lol:



http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19849
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"........สาธุ........" (ขอบคุณมากครับ)

"..สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ ขออนุญาตก๊อปไปไว้ที่ห้องลุงเนตรคุย ฯ ด้วยนะครับ.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

ลุงเนตร เขียน:"........สาธุ........" (ขอบคุณมากครับ)

"..สุข ทุกข์ อยู่ที่ใจ ขออนุญาตก๊อปไปไว้ที่ห้องลุงเนตรคุย ฯ ด้วยนะครับ.."
:) :D อรุณสวัสดิ์ครับ พี่เนตรที่เคารพ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับพี่ และขอให้พี่หายไว ๆ นะครับจะได้เห็นพี่ปั่นจักรยานเดินทางอีก :) :D

:idea: :idea: แนวทางและวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง

“หัวใจ” ของการปฏิบัติธรรม “เพื่อความพ้นทุกข์” นั้น ต้องทำความเข้าใจวิธีปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้าไม่รู้วิธีและหลงทางก็จะทำให้เสียเวลา ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง หรือไม่ประสบความสำเร็จ กว่าจะลองผิดลองถูก กว่าจะเข้าใจ ก็อาจเสียเวลาไปนาน

สมัยเมื่อพระพุทธเจ้าท่านยังทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงเน้นสอนและแสดงโทษของการยึดมั่นในอุปาทาน “ขันธ์ทั้ง 5 เป็นตัวทุกข์” พระองค์ทรงแสดงธรรม เพื่อการ “ตรัสรู้” เพื่อเข้าสู่มรรคผลนิพพาน คือพระองค์จะทรงหยิบยกและแสดงธรรมในเรื่อง “อริยสัจ 4” เป็นส่วนมาก และในการแสดงธรรม “อริยสัจ 4” แต่ละครั้งนั้นจะมีทั้งอุบาสก อุบาสิกา พระภิกษุสงฆ์ และพระภิกษุณี ได้ดวงดาเห็นธรรมเป็นจำนวนมาก

ในอริยสัจ 4 พระองค์จะทรงเน้นแสดง “ตัวสมุทัย” คือเหตุให้เกิดทุกข์ ได้แก่ “ตัณหา” ความอยากได้และความไม่อยากได้ในกองขันธ์ 5 อันเป็นเหตุปัจจัยส่งผลให้เรา “เป็นสุขและเป็นทุกข์” เช่น เวลาขันธ์ 5 เป็นสุข ก็ยึดไว้ เวลาขันธ์ 5 เป็นทุกข์ ก็ผลักไส จึงเกิดความลำบาก เพราะพยายามที่จะแก้ไขคือ อยากวิ่งหนีทุกข์และอยากวิ่งหาสุข

แต่โดยความเป็นจริงของสัตว์และมนุษย์ เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว มีแต่กองแห่งทุกข์ หาความสุขไม่เจอ เท่าที่สังเกตดูมีแต่ทุกข์น้อยกับทุกข์มากเท่านั้นเอง ฉะนั้นจึง “มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป” (หมายเหตุ: จากหนังสือ “พุทธทาสลิขิต” อธิบายว่า ความสุข คือ ความทุกข์ที่พอดีสำหรับทน)

รวมแล้วขณะที่ยังมีชีวิตคือมีขันธ์ 5 อยู่ เราจะต้องอยู่กับกองแห่งทุกข์อยู่ตลอด มีวิธีเดียวที่จะไม่ทุกข์ คือไม่มาเกิดอีก เมื่อไม่มาเกิดอีกก็ไม่มีขันธ์ ถ้าไม่มีขันธ์ก็ไม่มีทุกข์ เพราะทุกข์มีที่ขันธ์ ไม่ใช่มีที่จิต แต่เหตุที่มาเกิดอีกเพราะความหลง ได้แก่ “อวิชชา” คือความไม่รู้ความจริง ไปยึดขันธ์ 5 ว่าเป็นตัวเป็นตน จิตจึงเกาะติดขันธ์ 5 ทำให้พาให้เวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น และก็มาทุกข์เพราะขันธ์ 5 “อยู่ทุกชาติไป” นี่คือเหตุให้เกิดทุกข์

เราต้องมาทำลายเหตุของการเกิดก่อน คือทำลายความยึดมั่นในกองขันธ์ 5 ให้ได้ และจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องมาพิจารณากาย-ใจ คือขันธ์ 5 นี้ โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์ โดยความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน เพื่อให้จิตเกิดความเบื่อหน่าย แล้วจิตจะถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นในกาย-ใจ นี้เสียได้ จิตจะไม่หลงไปเกาะติดกับขันธ์ คือถอนตัวเป็นอิสระอยู่เหนือขันธ์ ทั้งที่มีความทุกข์ของขันธ์อยู่ “แต่จิตสบาย” ไม่ทุกข์ไปกับขันธ์ เพราะยอมรับความจริงว่าเกิดมามีขันธ์ก็ต้องทุกข์แบบนี้ “ไม่มีใครหนีพ้น”

จงพิจารณาว่าก่อนที่เราจะเกิดมาเป็นมนุษย์ เราก็ไม่มีรูปกายนี้มาก่อน เมื่อเกิดมามี “รูปกาย” แล้วจึงมี “เวทนา” ความสุข-ทุกข์-เฉย ๆ ตามมา จึงมี “สัญญา” ความจำได้หมายรู้ตามมา จึงมี “สังขาร” ความคิดปรุงแต่งตามมา จึงมี “วิญญาณ” ความรับรู้ รับทราบตามมา เมื่อรูปกายนี้ดับ เวทนาก็ดับ สัญญาก็ดับ สังขารก็ดับ วิญญาณก็ดับ จึงไม่เหลือความเป็นเราอยู่ตรงไหนอีกเลย นี่แหละที่เราหลงกัน จึงเรียกว่า “หลงสมมติ หลงของชั่วคราว” ทั้งที่ยึดเอาไว้ ก็ยึดไม่ได้ แก้ไขก็ไม่ได้ แล้วแต่เขาจะเป็นไป และท้ายที่สุดก็ดับสลาย ตายจากไปไม่มีเหลือ และขณะอยู่ก็เป็นทุกข์ด้วย ทุกข์ตลอดเวลาที่เราอาศัยเขาอยู่

เมื่อเรามาพิจารณากาย-ใจ โดยความเป็นทุกข์และเป็นธรรมชาติของเขา ว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์อันหนึ่งของธรรมชาติ ซึ่งเป็นไปตามสภาวะของเขา โดยไม่มีใครไปบังคับบัญชาเขาได้ “แม้แต่เราผู้ที่ไปรู้สมมตินี้ ก็เกิดมาจากธรรมชาติเช่นกัน หาได้เป็นตัวเป็นตนไม่”

เมื่อพิจารณา “กาย” กับ “ใจ” ว่าเป็นธรรมชาติที่เกิดดับ หาความเป็นตัวเป็นตนไม่ได้ จิตก็จะปล่อยวาง “รูปขันธ์” และ “นามขันธ์” เสียได้ จึงต้องทำบ่อย ๆ พิจารณาขันธ์ 5 และการทำงานของขันธ์ 5 โดยแยกให้เห็นหน้าที่แต่ละตัวและอาการต่าง ๆ ของเขาชัดเจน มองหาและสังเกตอยู่ตลอดเวลา ทำได้ทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน เพราะการที่เรากำหนดดูอยู่ที่กาย ก็เป็นสมาธิอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายเอาความสงบ เพราะความสงบตรัสรู้ไม่ได้ เพราะขณะที่มีความสงบตัวสังขารจะไม่ทำงาน เมื่อสังขารไม่ทำงานจะเกิดปัญญาไม่ได้ ต้องอาศัยการคิดค้นจึงจะรู้ความจริง

เมื่อเข้าใจความจริงแล้ว จึงปล่อยวางตัวสังขารอีกที เพราะคิดค้นจึงรู้ เมื่อรู้แล้ว จึงปล่อยวางความคิดไปเพราะความคิดก็เป็นเพียง “สังขารขันธ์” เป็นของสมมติ เป็นของไม่เที่ยงเช่นกัน ทำและพิจารณาอย่างนี้ไปนาน ๆ ก็จะเกิดความชำนาญขึ้นเอง เมื่อชัดเจนขึ้น จิตจะยอมรับเอง และจะปล่อยวางในที่สุด

ถ้ายังไม่ปล่อยวางก็ทำต่อไป จนเข้าไปเห็นความจริง แล้วจิตจะยอมรับ ทำซ้ำ ๆ โดยการหาเราในความเป็นรูปและหาเราในความเป็นนาม ว่ามีเราอยู่ตรงไหน ให้เน้นดูใน “ธาตุทั้ง 4” ในกายนี้ว่ามีเราอยู่ตรงไหน ในเมื่อหาเราในธาตุทั้ง 4 ที่กายว่าไม่มีเราแล้ว ก็ยก “นามทั้ง 4” ขึ้นมาหาว่ามีเราอยู่ตรงไหน เมื่อนามทั้ง 4 ไม่มีเราแล้ว ก็ย้อนกลับมาหาเราในตัวผู้รู้ ว่ามีเราอยู่ตรงไหน

ทั้งที่ตัวผู้รู้ก็เป็น “วิญญาณขันธ์” นั่นเอง ก็ไม่เที่ยงเช่นกัน เมื่อเห็นอย่างนี้จะมีอะไรให้หลง เพราะทุกอย่างเป็นสมมติของขันธ์ 5 ทั้งหมดเลย “จึงต้องวางทั้งหมด จะได้ชื่อว่าปล่อยวางสมมติเพื่อเข้าสู่ความเป็นวิมุติ คือหลุดพ้นจากการยึดมั่นในสมมติทั้งปวง...” โดย..พระอาจารย์ชานนท์ ชยนนฺโท



http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19849
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สวัสดีครับ ขอบคุณมาก สำหรับสิ่งดี ๆ ที่นำมามอบไว้ให้.."
(แนวทางและวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง../..ชัดแจ้งมาก ปุถุชนระดับบัวใต้น้ำ พอเข้าใจ..)
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: อรุณสวัสดิ์ พี่เนตรหลานนกและทุก ๆ ท่านครับ ผมดีใจที่สุดครับที่ทราบ (แนวทางและวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง../..ชัดแจ้งมาก ปุถุชนระดับบัวใต้น้ำ พอเข้าใจ..) หวังว่าทุกท่านจะได้นำไปทดลองฝึกปฏิบัติเพื่อบุญกุศลต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่เจ็บป่วยต้องนอนติดเตียงเป็นเวลาที่เหมาะมาก ๆ เลย..อย่าพลาดโอกาสครับ

ชีวิตนี้ใครกำหนด

ชีวิตนี้ใครกำหนดให้ดี ให้ชั่ว มีแต่กรรมเท่านั้นกำหนดไว้ ให้พบให้เจอกับสิ่งนั้น ๆ ทุกคนต่างวาระต่างจิตต่างใจ และเขามีเวลาของเขาอยู่แล้วด้วยกฏแห่งกรรม

ถ้ากรรมจัดสรรเวลาให้เหมาะสม..เขาก็จะเห็นความจริงได้เช่นกัน เพราะไม่มีอะไรฟลุ๊กและไม่มีความบังเอิญในทุกสรรพสิ่ง ทุกอย่างล้วนตกอยู่ใใต้กฏแห่งของธรรมชาติ คือกรรมทั้งนั้น เราเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมส์ของสมมุติ เป็นเพียงผู้ทำหน้าที่เดินไปตามกติกาที่โลกเขากำหนด

บางครั้งอาจจะเล่นผิดกติกาไปบ้างนั่นก็ยังถืออยู่ในเกมส์ชีวิต เมื่อถึงเวลาก็ต้องละทิ้งการละเล่นที่มีกฏเกณฑ์มากมาย เมื่อเขากำหนดเอาไว้ ให้คืนกลับสู่ธรรมชาติของความไม่มีอะไรเลย นี่คือชีวิตจริงที่ทุกคนต้องได้ผ่านและหนีความจริงนี้ไปได้ จงเตือนตนเตือนใจไว้ว่า เราหนีไม่พ้นความจริงนี้ จะได้ไม่หลงใหลไปกับเกมส์ชีวิต

เล่นจนเพลินก็จะไม่ต่างอะไรกับเด็กติดเกมส์เล่นจนลืมวันลืมคืน ไม่สนใจกับอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร ? จะเกิดจะแก่จะตายอีกไหม ? ก็ไม่เคยเอามาเตือนตน สุดท้ายก็ตายและตกอยู่ในวงเวียนกรรมคือสังสารวัฏต่อไปไม่จบสิ้น เพราะมัวแต่หลงในกติกาที่เขาสมมุติไว้นั่นแหละ :idea: :idea:


......ไปคลิกฟังพระนางปฏาจารากันต่อครับ :) :D



ไฟล์แนบ
AAk4nqy.jpg
AAk4nqy.jpg (140.03 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAk7ZnV.jpg
AAk7ZnV.jpg (148.22 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
เมื่อวานนี้ ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๑ หลวงพี่ พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ท่านเกษียณอายุแล้วออกบรรพชาอุปสมบถเลย ทิ้งทางโลกอย่างไม่อาลัยท่านมีบุญวาสนาจริง ๆ ขณะนี้เป็นเถระแล้วครับคือบวชได้ ๑๐ กว่าพรรษาแล้ว ท่านโทร ฯ แจ้งผมและคูรนายกับลุงป๊อกว่า มีบุญใหญ่รออยู่ที่วัดดอยเวียงเป็นการชุมนุมเหล่าบรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า มาร่วมกันปฏิบัติธรรมประจำปีทุกปีในวันที่ ๑๕ - ๓๐ มกราคม <br /><br />ปีนี้มีพระมาร่วม ๑๐๐ รูป เราทั้ง ๓ ได้นำน้ำดื่มอาหารแห้ง ไข่เค็ม ไข่ดิบ ผลไม้ ไปถวายร่วมบุญ ขอให้ทุกท่านร่วมอนุโมทนาเอาบุญร่วมกันนะครับ
เมื่อวานนี้ ที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๑ หลวงพี่ พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ท่านเกษียณอายุแล้วออกบรรพชาอุปสมบถเลย ทิ้งทางโลกอย่างไม่อาลัยท่านมีบุญวาสนาจริง ๆ ขณะนี้เป็นเถระแล้วครับคือบวชได้ ๑๐ กว่าพรรษาแล้ว ท่านโทร ฯ แจ้งผมและคูรนายกับลุงป๊อกว่า มีบุญใหญ่รออยู่ที่วัดดอยเวียงเป็นการชุมนุมเหล่าบรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า มาร่วมกันปฏิบัติธรรมประจำปีทุกปีในวันที่ ๑๕ - ๓๐ มกราคม

ปีนี้มีพระมาร่วม ๑๐๐ รูป เราทั้ง ๓ ได้นำน้ำดื่มอาหารแห้ง ไข่เค็ม ไข่ดิบ ผลไม้ ไปถวายร่วมบุญ ขอให้ทุกท่านร่วมอนุโมทนาเอาบุญร่วมกันนะครับ
AAk48kl.jpg (130.17 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAk48km.jpg
AAk48km.jpg (187.57 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAkgrPs.jpg
AAkgrPs.jpg (143.01 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAkqmBB.jpg
AAkqmBB.jpg (193.01 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAkrl5U.jpg
AAkrl5U.jpg (204.3 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAk4dkT.jpg
AAk4dkT.jpg (350.53 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAk4dkW.jpg
AAk4dkW.jpg (296.26 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
AAkrvCi.jpg
AAkrvCi.jpg (274.03 KiB) เข้าดูแล้ว 203 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 23 ม.ค. 2018, 03:54, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
ลุงเนตร
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19849
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
Tel: 0898133936
team: อิสระ
Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
ติดต่อ:

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย ลุงเนตร »

"..สาธุ.../..ขอบคุณมากครับ สำหรับแก่นธรรมะ.."
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
รูปประจำตัวสมาชิก
Saturn Sky
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 44127
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 17:24
Tel: ☎ หมดเวลา 555+☎
team: ช่วงสับสน555
Bike: ★จำยี่ห้อไม่ได้อ่ะ5555..•
ตำแหน่ง: secret

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Saturn Sky »

สาธุในธรรมค่ะคุณพี่แดง มารายงานความคืมหน้าค่ะ แอ๋วไป 4สังเวชนียสถานมาแล้วนะคะ ซาบซึ้งสุดใจจริง ๆ ค่ะ เส้นสายธรรมแห่งนี้ ยังมีเราเดินไปด้วยกันนะคะ แม้อาจไม่ได้ทักทายกัน แต่ยังเดินตามคุณพี่แดงอยู่นะคะ
เปล่า"หยิ่ง"!!! แค่ นิ่ง ดูเชิง
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:idea: :idea: อวิชชาเป็นเหตุให้เกิดแล้วเกิดอีก แล้วเมื่อไหร่จะเลิกยึดติดกับกติกากฏเกณฑ์สมมุติบัญญัติ มาอยู่กับความจริงของธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ที่ไม่มีบัญญัติไม่มีกติกาไม่มีกฏเกณฑ์ แต่มีเพียงแค่ธรรมชาติของกายใจ ที่เต็มไปด้วยธาตุทั้งสี่ เขาทำหน้าที่เย็นร้อนอ่อนแข็ง ซึ่งอยู่เหนือบัญญัติทั้งปวง เขามี เขาเป็นปกติธรรมดามากี่ล้านปีแล้ว แล้วใครล่ะที่ไปหลงใหลไปกับสิ่งนั้น ๆ ชีวิตนี้ใครกำหนด ?

ทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ถ้ามันดีให้มีความสุขกับมันเพราะมันจะอยู่กับเราไม่นาน ถ้ามันไม่ดี ก็อย่าไปกังวลเพราะมันจะอยู่กับเราอีกไม่นานเหมือนกัน ไม่มีใครช่วยเหลือเราได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าเราจะสุขหรือทุกข์ก็ตาม นอกจากตัวของเราเองเท่านั้น หมั่นฝึกใจให้ยอมรับสภาพความเป็นจริงอันนี้ไว้ และอดทนให้ได้ในทุกสถานการณ์ ด้วยใจที่สงบและปล่อยวาง
:idea: :idea:
Saturn Sky เขียน:สาธุในธรรมค่ะคุณพี่แดง มารายงานความคืมหน้าค่ะ แอ๋วไป 4สังเวชนียสถานมาแล้วนะคะ ซาบซึ้งสุดใจจริง ๆ ค่ะ เส้นสายธรรมแห่งนี้ ยังมีเราเดินไปด้วยกันนะคะ แม้อาจไม่ได้ทักทายกัน แต่ยังเดินตามคุณพี่แดงอยู่นะคะ
:) :D :D อรุณสวัสดิ์ครับคุณน้องแอ๋ว หายหน้าไปนานเลยนะครับ ขอบอกว่าดีใจสุด ๆ ทีญาติธรรมไม่ลืมกัน และดีมาก ๆ ที่ทราบข่าวว่าได้เดินทางไปยัง ๔ สังเวชนียสถานเรียบร้อยแล้ว ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษขออภัยครับที่ไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้ สาเหตุเนื่องมาจากคุณพี่เองต้องเตรียมตัวกลับไปอเมริกาอีกรอบ คุณน้องคิดดูนะครับอเมริกาเงินเขาใหญ่กว่าเรา ๓๐ เท่า ต้องเตรียมตัวเตรียมใจอันเนื่องด้วยตัวเราฐานะแค่เพียงพออยู่พอกิน ไปครั้งหนึ่งสองคนก็หลายแสนอยู่

แผนเดิมเราจะกลับไปอินเดียตามที่เจ้าลูกชายบุญธรรมจากอินเดียวางโปรแกรมไว้ให้ แต่ปรากฏน้องสาวที่อยู่เมกา แจ้งว่าหลานสาวบินไปเรียน ป.โท ที่ลอนดอนเมื่อ ๒ ปีที่แล้วตอนนี้จบแล้ว จบเมื่อเดือน ธันวาปีที่แล้ว และหลานสาวคนเล็กก็จบ ป.ตรี เมือ่กลางปี ๒๕๖๐ เช่นกัน ในเดือนมีนาคมนี้ อากาศกำลังดีไม่หนาวจัดที่ Newark Delaware น้องสาวบอกให้เตรียมตัวไปร่วมฉลองความสำเร็จกับหลานสาวทั้งสอง และตั้งแต่วันที่หลานคนโตไปเรียน ป.โท เราก็เริ่มเก็บตัว(เก็บเงิน)เดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ก็จะบินไปร่วมฉลองความสำเร็จของหลานสาวทั้งสอง ไปคราวนี้จะไปอยู่นานพอสมควร สำหรับอินเดียกลับมาเลียแผลให้หายสนิทอีกครั้งจะเดินทางไปอีกแน่นอน ถ้ายังอยากไปอีกเรียนเชิญนะครับ สำหรับผมไปแล้วจะอยู่นานครับอย่างน้อยก็เดือนขึ้นไปครับ เตรียมตัวนะครับ

คงจะเป็นบุญของกระทู้นี้ ที่หวังใจว่าจะมีโชคได้ ร่วมเสพภาพ อันเป็นมหากุศลของคุณน้อง กับ ๔ สังเว ฯ ในครั้งนี้ด้วยนะครับ กราบอนูโมทนา..สา..ธุ ครับ :) :)


Facebook ลงภาพรำลึกย้อนหลัง ๕ ปี ก็เลยเก็บมาลงเป็นวีดีโอฝากไว้ที่ YouTube ขอบคุณทั้งยูทูปและเฟชบุคครับ พอได้รำลึกนึกถึง :) :D
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดง ลุงเนตรและทุกท่าน

ไม่ได้เข้าเวบนี้มาหลายวันเลยครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Deang-sarapee
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4343
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
Tel: 0814730594
team: รักรถรักธรรม
Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย Deang-sarapee »

:) :D เมื่อพูดถึงอินเดียอาจมีหลายคนคนคิดนะครับว่า "ทำไมต้องไปอินเดีย?" ก็นั่นนะซิ ทำไม? ทำไม? อย่าลืมนะครับอินเดียเป็นแดนดินถิ่นเกิดพระพุทธเจ้านะครับ !

ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านพระอานนท์ผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก ทูลถามว่า "ถ้าพุทธบริษัท ผู้มิได้เห็นพระพุทธองค์ ระลึกนึกถึงพระพุทธองค์ จะให้ทำอย่างไร ? พระพุทธเจ้าข้า" สมเด็จพระพุทธองค์ได้ทรงประทานมรดกธรรม = พินัยกรรม แก่พวกเราด้วยพระดำรัสว่า "ดูก่อนอานนท์สถานที่ ๔ ตำบลนี้ เป็นที่ควรจะดูควรจะเห็น ชวนให้เกิดสังเวช แห่งกุลบุตรผู้มีใจเลื่อมใสในเราตถาคต"

สถานที่ ๔ ตำบลนั้น อยู่ที่ไหนบ้างเล่า? คือที่ซึ่งกำหนดว่า

- ณ ที่นี้แล พระตถาคตเจ้า ประสูติ ปัจจุบันอยู่ในประเทศเนปาล
- ณ ที่นี้แล พระตถาคตเจ้า ตรัสรู้ อยู่ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย
- ณ ที่นี้แล พระตถาคตเจ้า ทรงแสดงปฐมเทศนา ประเทศอินเดีย
- ณ ที่นี้แล พระตถาคตเจ้า ปรินิพพาน อยู่กุสินารา ประเทศอินเดีย

เพราะว่า ผู้ที่ไปดู ไปกราบไหว้บูชาสังเวชยนียสถานเหล่านี้ ด้วยความเคารพเลื่อมใสแล้ว ครั้นเวลาตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์(โลกในปรารถนา)

โปรดเข้าใจว่า การไปเยี่ยมชมสังเวชนียสถาน ไม่ใช่ข้อบังคับในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ตรัสเพียงว่า "เป็นที่ชวนให้เกิดธรรมสังเวช" สังเวชแปลว่า ความหวนรำลึกถึง...

พระพุทธเจ้า ตรัสถึงสถานที่เหล่านี้ โดยเรียกว่า ตำบลทั้ง ๔ ทั้งนี้ก็เผื่อมีผู้ถามขึ้นว่า ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว ควรทำอย่างไร? จะไปตามหาพระองค์ท่านได้ที่ไหน เมื่อมีคนผู้ถาม ต้องการสิ่งที่เป็นรูปธรรม พระพุทธเจ้าจึงตรัสถึงสถานที่ อันเป็นรูปธรรมคือ เห็นได้ สัมผัสได้ และ ถ้าคุณมีบุญพอ ก็อาจบรรลุธรรมได้ด้วย = ได้สัมผัสถึงบรรยากาศตรงนั้น เสมือนหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ขณะกำลังพระชนม์อยู่จริง ๆ ผู้ที่ได้รับผลดังกล่าว ก็เพราะมีศรัทธาเลื่อมใส ที่สะสมมานาน เริ่มตั้งแต่

- ความยากลำบาก ในการสะสมเงินทอง ซึ่งกว่าจะหามาได้ แล้วซื้อตั๋วทัวร์ จนได้มากราบไหว้ สังเวชนียสถาน คราวนี้(สมใจ)
- กว่าจะเดินทางรอนแรมมาถึง อาจได้สัมผัสถึงพระเมตตามหากรุณาของพระพุทธองค์ ในขณะใดขณะหนึ่งได้ หรืออาจได้สัมผัส ปีติ ที่บังเกิดขึ้นเอง อย่างท่วมท้น ณ ที่ใดที่หนึ่ง ในบรรดาสถานที่ ๔ ตำบลนี้ ก็อาจมีได้

การไปทัวร์อินเดียต้องเตรียมตัว และเตรียมใจหลายอย่างเหมือนกันเช่น ไปไหนมาไหนต้องแทรกคนเป็นพัน เป็นหมื่น แถมจะต้องหลบกองขี้วัว และมูลสัตว์สารพัด การไปกับทัวร์อินเดีย อย่าไปคาดหมายว่า "ทัวร์" จะหรูหราเหมือนกับที่ไปเที่ยวยังประเทศอื่น ๆ เพราะประเทศอินเดีย มีข้อจำกัดด้านความสะดวกสบาย ทัวร์ไหนก็เนรมิตให้ไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ ก็มีความสะดวกสบายมากกว่าแต่ก่อนมากพอสมควร

ถ้าเราทำใจล่วงหน้าว่า ไปไหว้พระพุทธเจ้าครั้งนี้ ทุกอย่างควรจะอยู่บนพื้นฐานของความอดทน อดกลั้น การให้อภัยกัน การให้ทาน ความมีเมตตา ความระมัดระวังสำรวม เพียงแค่นี้ก็ดูเหมือนว่า..ได้สัมผัสกับการปฏิบัติธรรมของจริง ! ของพระพุทธเจ้ากันแล้ว

ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมไปไหว้พระที่อินเดียในช่วง เดือนตุลาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ เพราะอากาศอยู่ในช่วงกำลังเย็นสบาย จะรู้สึกสดชื่น! :) :D
ไฟล์แนบ
หลวงพี่ พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ฯ ท่านได้แนะนำสถานที่อีกที่หนึ่งที่สัปปายะมาก ๆ โดยเฉพาะสุภาพสตรี ให้เป็นที่ปฏิบัติธรรม และเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ผมได้มีโอกาสไปสัมผัส พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นที่เหมาะมาก ๆ ตามที่หลวงพี่แนะนำ เช้านี้ก็ขอนำมาฝากญาติธรรมทุก ๆ ท่าน มีโอกาสไป - มา ผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะเยี่ยมชมครับ เป็นสำนักของแม่ชีหญิง ซึ่งท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ จรัล และหลวงปู่ทอง สถานที่นี้หลวงปู่ทองท่านได้รับบริจาคจากเศรษฐี เพื่อให้สร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ต่อมาหลวงพ่อทองได้ให้ หลวงพี่และหลวงพ่อธนากร แห่งวัดบ้านโป่ง แม่ขะจาน ไปดูแล แต่ด้วยสถานที่นี้เหมาะที่จะเป็นของแม่ชี ปรากฏทั้งหลวงพ่อหลวงพี่อยู่ไม่ได้มีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย จนต้องถอยและหาคนมาอยู่จนได้แม่ชีหญิง นี่แหละมาดูแลทำให้สถานที่แห่งนี้เจริญขึ้นมาก<br /><br />ถ้าท่านเจอหลวงพี่ธนิตศักดิ์ สอบถามท่าน ๆ จะเล่าให้ฟังอย่างสนุกสนาน ช่วงนี้หลวงพี่จำอยู่ที่วัดตาณังเนัง อ.ดอยสะเก็ด ถ้าไปหา ให้ถามคนวัดว่า &quot;พระนายพล&quot; ทุกคนจะรู้จักครับ.
หลวงพี่ พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ฯ ท่านได้แนะนำสถานที่อีกที่หนึ่งที่สัปปายะมาก ๆ โดยเฉพาะสุภาพสตรี ให้เป็นที่ปฏิบัติธรรม และเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๑ ผมได้มีโอกาสไปสัมผัส พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นที่เหมาะมาก ๆ ตามที่หลวงพี่แนะนำ เช้านี้ก็ขอนำมาฝากญาติธรรมทุก ๆ ท่าน มีโอกาสไป - มา ผ่านไปผ่านมาก็อย่าลืมแวะเยี่ยมชมครับ เป็นสำนักของแม่ชีหญิง ซึ่งท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อ จรัล และหลวงปู่ทอง สถานที่นี้หลวงปู่ทองท่านได้รับบริจาคจากเศรษฐี เพื่อให้สร้างเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ต่อมาหลวงพ่อทองได้ให้ หลวงพี่และหลวงพ่อธนากร แห่งวัดบ้านโป่ง แม่ขะจาน ไปดูแล แต่ด้วยสถานที่นี้เหมาะที่จะเป็นของแม่ชี ปรากฏทั้งหลวงพ่อหลวงพี่อยู่ไม่ได้มีเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย จนต้องถอยและหาคนมาอยู่จนได้แม่ชีหญิง นี่แหละมาดูแลทำให้สถานที่แห่งนี้เจริญขึ้นมาก

ถ้าท่านเจอหลวงพี่ธนิตศักดิ์ สอบถามท่าน ๆ จะเล่าให้ฟังอย่างสนุกสนาน ช่วงนี้หลวงพี่จำอยู่ที่วัดตาณังเนัง อ.ดอยสะเก็ด ถ้าไปหา ให้ถามคนวัดว่า "พระนายพล" ทุกคนจะรู้จักครับ.
AAk48kl.jpg (130.17 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
เมื่อท่านถึง อ.เวียป่าเป้า ให้สังเกตุธนาคารออมสินนะครับ ถ้ามาทางเชียงใหม่ ป้ายขะอยู่ทางขวามือ และถ้ามาทางเชียงรายป้ายจะอยู่ทางซ้ายมือ <br /><br />มาทางเชียงใหม่จะถึงธนาคารออมสินก่อนนะครับแล้วค่อย ๆ ขับรถเลยไปอีกสัก ๒๐๐ ม.ครับ ส่วนถ้ามาทางเชียงรายเข้าเวียงป่าเป้าแล้วเมือท่านมองเห็นป้ายธนาคารออมสินให้ชลอรถนะครับ เพราะทางเช้ายังไม่ถึงธนาคารคงอีกสัก ๒๐๐ ม.เช่นกัน ป้ายจะอยู่ซ้ายมือก่อนถึงธนาคารนะครับ
เมื่อท่านถึง อ.เวียป่าเป้า ให้สังเกตุธนาคารออมสินนะครับ ถ้ามาทางเชียงใหม่ ป้ายขะอยู่ทางขวามือ และถ้ามาทางเชียงรายป้ายจะอยู่ทางซ้ายมือ

มาทางเชียงใหม่จะถึงธนาคารออมสินก่อนนะครับแล้วค่อย ๆ ขับรถเลยไปอีกสัก ๒๐๐ ม.ครับ ส่วนถ้ามาทางเชียงรายเข้าเวียงป่าเป้าแล้วเมือท่านมองเห็นป้ายธนาคารออมสินให้ชลอรถนะครับ เพราะทางเช้ายังไม่ถึงธนาคารคงอีกสัก ๒๐๐ ม.เช่นกัน ป้ายจะอยู่ซ้ายมือก่อนถึงธนาคารนะครับ
IMG_3129.JPG (216.07 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3131.JPG
IMG_3131.JPG (252.4 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3124.JPG
IMG_3124.JPG (341.37 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3107.JPG
IMG_3107.JPG (416.96 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3108.JPG
IMG_3108.JPG (454.32 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3109.JPG
IMG_3109.JPG (317.93 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3110.JPG
IMG_3110.JPG (320.66 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3111.JPG
IMG_3111.JPG (409.89 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3112.JPG
IMG_3112.JPG (390.4 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3113.JPG
IMG_3113.JPG (352.96 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3114.JPG
IMG_3114.JPG (406.69 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3115.JPG
IMG_3115.JPG (445.64 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3117.JPG
IMG_3117.JPG (349.38 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
IMG_3120.JPG
IMG_3120.JPG (280.66 KiB) เข้าดูแล้ว 186 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
รูปประจำตัวสมาชิก
NOKNICE
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 10311
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2

Re: ......จักรยานธุดงค์..........

โพสต์ โดย NOKNICE »

สวัสดีครับลุงแดงและทุกท่าน
ตอบกลับ

กลับไปยัง “คุยนอกเรื่องใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับจักรยาน”