REVIEW
รีวิวรถเสือจักรยานหมอบ โดย วอร์เรน รอซซิทเทอร์-ไบค์เรดาร์
(Warren Rossiter-Bike Radar)
2 พฤศจิกายน 2557
รถจักรยานเสือหมอบ GT รุ่น Grade Carbon Ultegra
ราคา 124,500 บาท
ยานพาหนะคู่กายคุณสำหรับขี่ทางไกล และเกิดมาเพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทาง
ไม่น่าประหลาดใจ หากคำว่าตำนานของ GT จะหมายถึง เจ้ารถคันนี้รองรับงานลุยวิบากได้สบายเหมือนกับที่ตำนาน BMX และเสือภูเขาได้ทำไว้แล้วเช่นกัน
โรเบิร์ต สมิธ
GT รุ่น Grade Carbon Ultegra
เดวิด คอเดอรี/Immediate Media-นิตยสาร Cycling Plus
เจ้า Grade ถูกออกแบบมาสำหรับงานเอนกประสงค์และรองรับระยะทางไกล และขี่ได้สบายตัวตลอดทั้งวัน
เดวิด คอเดอรี/Immediate Media-นิตยสาร Cycling Plus
ตะเกียบท่อนั่งที่บางเฉียบแต่ซ่อนเอาไว้ด้วยความแข็งแกร่ง แกนโครงสร้างทำด้วยเส้นใยแก้วความแข็งสูง ห่อหุ้มด้วยช้นของเส้นใยคาร์บอน
โรเบิร์ต สมิธ
ปลายแฮนด์ที่เผยออกข้างอีกเล็กน้อยตามสไตล์ของรถแบบครอส ช่วยในการคุมรถได้มั่นใจ เมื่อต้องเผชิญกับรอยต่อถนน
โรเบิร์ต สมิธ
...การที่ GT สามารถสรรค์สร้างรถที่สามารถจะบริหารจัดการรีดสมรรถนะของรถออกมา ทั้งความลื่นไหล และการทำความเร็วบนถนนดำพร้อมสรรพได้ภายในคันเดียวกัน นับว่าประทับใจมาก
โรเบิร์ต สมิธ
คำวิจารณ์จาก Bike Radar
GT-Grade เป็นสุดยอดรถสำหรับการขี่ทางไกล ที่สามารถลุยไปได้ทุกที่
จักรยาน GT ได้หล่อมหลอมและสั่งสมชื่อเสียงมาอย่างยาวนานด้วยจักรยาน BMX และจักรยานเสือภูเขา เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1970 จนถึง 1980 และยังคงต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้
และล่าสุดก็ได้สนับสนุนทีมแข่งครอบครัวแอธเธอตัน (Attherton Family) ที่นำชัยชนะจากสนามแข่งรถวิบากหลายรายการมาสู่ GT อีกครั้ง จักรยาน GT เริ่มต้นกิจการขึ้นที่แคลิฟอเนียร์
ซึ่งได้ผลิตรถจักรยานสำหรับแข่งขันระดับโอลิมปิคในประเภทรถลู่ และได้เป็นสปอนเซอร์ทีมแข่งรถเสือหมอบ Lotto และ Saturn มาก่อนหน้านี้ด้วย
และสำหรับปี 2015 นี้ GT ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆต่อไปอย่างยิ่งใหญ่สำหรับรถเสือหมอบที่กำลังจะมาถึงมือท่านในไม่ช้านี้
Highs: จุดเด่น: สมรรถนะรถ และการขี่ที่ยอดเยี่ยม รองรับทุกสภาวะพื้นผิวถนน
Lows: พื้นฐานองศารถและรูปแบบรถมีต้นแบบมาจากเสือภูเขา ซึ่งอาจจะไม่ถูกโฉลกกับทุกคน
จัดหามาประจำการ: ถ้าคุณต้องการรถที่มีความเป็นอัตลักษณ์เฉพาะตน และพร้อมสรรพด้วยสมรรถนะของรถชั้นเยี่ยม
รถเสือหมอบ GT รุ่น Grade อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่ได้รวมสุดยอดนวัตกรรมของรถที่ GT เคยผลิตมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยทีเดียว และจัดอยู่ในสายการผลิตที่เพิ่มเติมพิเศษมาจากปรกติ
แน่นอนว่าเทคโนโลยีหลายอย่างยังคงเป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
สิ่งที่โดดเด่นมากเป็นพิเศษของเฟรมตัวนี้คือ ตะเกียบโซ่ด้านท้ายที่โค้งงอนขึ้น และตะเกียบท่อนั่งที่โค้งและเพรียวบางสุดๆ ซึ่งจะช่วยในเรื่องการซับแรงและความนุ่มสบายตลอดการขี่
และที่ขาดไม่ได้คือ GT ยังคงค็อนเซ็ปต์รถไว้เหมือนเดิมคือ “Triple triangle” (โครงสร้างเฟรมที่มีรูปสามเหลี่ยมอยู่ 3 ตำแหน่งบนเฟรม)
ส่วนของตะเกียบท่อนั่งนั้นผลิตจากเส้นใยแก้วชนิดแข็งพิเศษเป็นแกนกลางแล้ว ห่อหุ้มด้วยชั้นของเส้นใยคาร์บอนดานนอก
ซึ่งทางทีมวิศวร GT ได้เรียกชื่อผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ว่า “Dual Fiber Dynamic Technology” (เทคโนโลยีการประสานเส้นใยสองชั้น)
และอ้างว่าครบครันทั้งคุณสมบัติเรื่องความแข็งแรงและความนุ่มนวลโดยธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนทำให้คุณขี่ได้สบายตัวโดยไม่ต้องสงสัย
ตะเกียบท่อนั่งของรถ GT ที่เพรียวบางสุดๆ ประกอบขึ้นจากแกนที่ทำด้วยวัสดุใยแก้วชนิดแข็งพิเศษ และห่อหุ้มด้วยเส้นใยคาร์บอนไว้ภายนอก
GT-Grade เป็นรถที่ออกแบบมาสำหรับงานเอนกประสงค์ ครอบคลุมทุกเส้นทาง ทั้งไกลและใกล้ ให้ความนุ่มสบายตัวตลอดการขี่ได้ทั้งวัน GT เชื่อว่า
คำว่า “ตัวแข่งทางหินกรวด gravel racer” นั้น อาจจะตรงตัวไปหน่อย แต่ด้วยคุณสมบัติของเจ้า Grade ที่มีอยู่นี้ ก็รองรับงานแข่งขันทางไกล ถนนดำ และหินกรวด ด้วยความมั่นใจ
องศาท่อหน้าค่อนข้างจะลาดเล็กน้อย ส่งผลให้ท่อหน้าไม่ตั้งชันมากนัก และด้วยท่อหน้าที่เสริมให้สูงขึ้นเพื่อช่วยเรื่องความนุ่มสบายขณะขี่
ตัวเฟรมออกแบบมาเพื่อรองรับกับยางได้กว้างถึง 35 ม.ม. เพื่อเพิ่มศักยภาพในการขี่ได้ทุกเส้นทางที่คุณต้องการ
ดร็อปเอาท์ของตะเกียบพัฒนามาใช้แกนปลดขนาด 15 ม.ม.แบบสอดแกน (ดร็อปเอาท์แบบปลายปิด) เพื่อความเที่ยงตรงในการบังคับเลี้ยว
และรองรับแรงกระทำและแรงบิดที่เกิดขึ้นจากหยุดล้อด้วยระบบเบรคไฮดรอลิค
คุณสามารถใช้รถคันนี้กับเส้นทางครอสได้สบายด้วยอัตราทดจานหน้า 52/36 ฟัน และชุดเฟืองหลัง 11-32 ฟัน (อาจจะทำให้คนที่ขี่รถครอสเกิดอาการงงๆว่ามาได้อย่างไร!)
ซึ่งอัตราทดนี้ก็ครอบคลุมทุกเส้นทาง ทำให้มันเป็นรถเอนกประสงค์ใช้งานได้หลากหลายจริงๆ ทีมทดสอบได้ขี่เจ้า Grade ไปบนเส้นทางหินกรวด และทางซิงเกิลแทร็ค (ทางแคบๆ)
จึงได้ตระหนักและเข้าใจว่าทำไม GT จึงได้พัฒนาและสร้างเจ้า Grade ขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น รถรองรับทุกสภาพพื้นผิว เส้นทางที่เราจัดให้มันเต็มๆ
ปราศจากข้อสงสัยที่ว่า GT เป็นบริษัทจักรยานที่มีตำนานอันยาวนานทางด้านจักรยานวิบากมาก่อน
ผลการทดสอบบนถนนดำ พบว่ามันขี่ได้ราบรื่น รวดเร็วปราดเปรียว ผลตอบรับเป็นที่น่าประทับใจมาก แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือมันให้ความรู้สึกดีมากบนเส้นทางถนนทางราบ หรือถนนดำ
เพียงแต่คุณเติมแรงดันยางลงไปอีกนิดหน่อย มันก็ตอบสนองด้วยการพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และอย่างน่าประหลาดใจ การจัดสมดุลระหว่างความเร็ว ความราบรื่น และความนุ่มนวล
จัดว่าอยู่ระดับเดียวกับ Cannondale รุ่น Synapse ได้เลยทีเดียว
ด้านท้ายรถที่มีตะเกียบหลังถ่างกว้าง เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติคล้ายรถหางอ่อน (softtail) นุ่มนวลเป็นธรรมชาติ
ทำให้มันเป็นรถที่จัดว่าขี่ได้สบายบั้นท้ายที่สุดคันหนึ่งเท่าที่เราเคยทำการทดสอบมาก่อนหน้านี้เลย แฮนด์ติดรถสไตล์ครอสเป็นแบบที่ผายปลายทั้งสองข้างออกเล็กน้อย
ช่วยในการคุมรถได้อย่างมั่นใจเมื่อเผชิญกับรอยต่อถนนหรือทางวิบาก
ชุดล้อทนทาน และชุดขับเคลื่อน และการบังคับควบคุม ทำให้เจ้า Grade เป็นรถเอนกประสงค์อย่างแท้จริง
(รถทดสอบติดตั้งชุดขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า Shimano รุ่น Di2 แต่รถในสายการผลิตจะติดตั้งมาเป็นชุดสายเคเบิลพื้นฐาน รุ่น Ultegra และระบบเบรกไฮดรอลิค รุ่น R685 แทน)
ไม่ว่าเส้นทางจะเป็นหินกรวด ทางฝุ่นสกปรก โคลน ถนนดำ ไม่ว่าจะขี่แบบสปอร์ตหรือถนนใหญ่ ทุกเส้นทาง ครบ 360 องศา
ถ้าคุณมีงบประมาณสำหรับรถเพียงคันเดียว เจ้า Grade ตอบโจทย์คุณได้เลย
คุณลักษณะจำเพาะของรถ (รถทดสอบ)
ชื่อรุ่น: GT รุ่น Grade Carbon Ultegra โดย GT
ราคาโดยประมาณ: ราคา 124,500 บาท
ขนาดเฟรม: 51cm/53cm/55cm/56cm/58cm
กระโหลก: Praxis Works PF30 (Press Fit-แบบไร้เกลียว) พร้อมกับตัวแปลงสำหรับใช้กับเฟรมกะโหลกเกลียว BSA
เบรค: ไฮดรอลิค Shimano รุ่น R685 hydraulic พร้อมกับผ้าเบรคที่มีครีบระบายความร้อน และใบดิสค์แบบเซ็นเตอร์ล็อครุ่น Ice Tech
เฟืองหลัง: Shimano รุ่น Ultegra 11 สปีด 11-30 ฟัน
โซ่: Shimano 11 สปีด
ชุดจานหน้า: Shimano รุ่น Ultegra 52/36 ฟัน ขาจาน 172.5 ม.ม.
ตะเกียบ: คาร์บอน GT ซางเรียว 1 1/8 -1 ¼ นิ้ว, ดร็อปเอาท์แบบปิด สอดแกนปลด 15 ม.ม.
ระยะอ็อฟเซ็ตของตะเกียบ: 4.5
วัสดุเฟรม: คาร์บอน GT EnduRoad
สับจาน: แบบแคล็มป์รัดท่อนั่ง
น้ำหนักล้อหน้า: 1,450 กรัม
แฮนด์: คาร์บอน GT Drop Tune Ultra light มุมก้มเทียบกับสเต็ม 14 องศา กว้าง 42 ซ.ม.
ชุดถ้วยคอ: แบบฝัง Integrated TH ลูกปืนตลับ
ตีนผี: Shimano รุ่น Ultegra 11 สปีด
ยางนอก: Continental รุ่น Grand Sport Race 700x28 ม.ม.
น้ำหนักล้อหลัง: 1850 กรัม
อาน: Fizik รุ่น Aliante
องศาท่อนั่ง: 72.5
หลักอาน: คาร์บอน FSA รุ่น K-Force Light เยื้องหลัง 20 ม.ม. ขนาด 27.2 ม.ม.
มือเกียร์: Shimano รุ่น BR-R685, 11 สปีด
สเต็ม: อะลูมีเนียม รุ่น 3T Forged Alloy SL ยาว 12.5 ซ.ม.
ระยะเทรล: 6.7
น้ำหนักรถทั้งคัน: 8.63 ก.ก. (19.03 ปอนด์)
ชุดล้อ: ขอบ Stan’s รุ่น Grail, ดุม DT Swiss รุ่น 240 แบบแกนสอด 15 ม.ม. 28 รู หน้า/หลัง
ปีที่ผลิต: 2015
ความสูงของกระโหลกจากพื้น: 28 ซ.ม.
ความยาวตะเกียบโซ่: 43 ซ.ม.
ความยาวท่อนั่ง: 52 ซ.ม.
ระยะพื้นถึงเป้า (standover): 82 ซ.ม.
ความยาวท่อบน: 57.5 ซ.ม.
ความยาวฐานล้อ: 103 ซ.ม.
ขนาดเฟรมที่ทดสอบ: 58 ซ.ม.
