รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

สอบถามเทคนิคการฝึกซ้อม/สุขภาพ/อาหาร เชิญห้องนี้เลย
รูปประจำตัวสมาชิก
DraftBeer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4495
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:08
Tel: 0814461178
team: รั้งท้ายทีมลื่นไหล
Bike: Dale-Red, Venge-Red, Titanos-XX1, Tendem, CRF250X, MSX
ตำแหน่ง: 15 ซ.ผาสุก2 ถ.กาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
ติดต่อ:

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย DraftBeer »

ถ้าใช้พลังงานมากกว่าผมเดาเอาว่า รอบจัดใช้พลังงานเยอะกว่า เพราะหัวใจเต้นเร็วกว่า

กดหนัก ขาล้า นานเข้าไม่มีแรงกด
รอบจัด 100+ หัวใจเต้นเร็ว หายใจไม่ทัน

ทั้งหนังทั้งรอบจัด ช็อค

สำหรับผม กดหนักบ้าง รอบจัดบ้าง สลับกันไป ถ้าดูดคนอื่น
แต่ถ้าขึ้นลาก ก็รอบมาตรฐาน กดตามแรงมีมีเหลือ
>>ห า ด ใ ห ญ่ ลื่ น ไ ห ล ► ► ► ► ที ม เ ร า ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ จั ก ร ย า น !

ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
ZeRoHero
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1227
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 20:10
Tel: 0836084250
team: DZG : Dream Zone Generation
Bike: RockMan slate3 bike
ตำแหน่ง: 90 โชคชับ 4 (54) ลาดพร้าว กรุงเทพ
ติดต่อ:

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย ZeRoHero »

ผมว่า.........

รอบจัดใช้แรงมากกว่านะครับเพราะต้องซอยขายิกๆๆๆๆนึกถึงตอนขึ้นเขาอย่างหอบเลยครับ

แต่ถ้าขาแรงเร่งรอบขาได้ถึงจังหวะของตัวเอาที่ปั่นแล้วสบายไม่ต้องเติมบ่อยก็น่าจะใช้แรงน้อยกว่าครับ
Life Cycles DZG

"All in or Nothing"

รูปประจำตัวสมาชิก
หน้าแง๊ว~*
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 2538
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ธ.ค. 2010, 21:15
Bike: wilier luna

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย หน้าแง๊ว~* »

มันบ่แน่ดอกนาย อยากรู้ต้องติด power meter วัดเทียบกัน ;)
(\_(\
(=' :')
(,(")(")
รูปประจำตัวสมาชิก
titon7524
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 70
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 14:49
Tel: 0812659619
team: พอเพียงอย่างเพียงพอ
ตำแหน่ง: สภ.ปราสาท ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ 32140

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย titon7524 »

ผมเปลี่ยนพฤติกรรมแบบนั้นแล้วครับ
บทความดีๆ ต้องขอบคุณ คุณเมธา เปรมแสง

การขี่จักรยานไม่ใช่ทำเลียนแบบนักแข่งทีมชาติหรือพวกแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์ ครับ เพราะไม่มืเหตุผล
อะไรที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะพถติกรรมต่างๆก็ไม่เหมือนกัน ผมถามจริงๆครับ ว่า มีอะไรบ้างที่ทำแล้วเป็น
ประโยชน์แก่เรา ขี่แบบนั้นทำแบบนั้นแล้วเราจะได้เป็นแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์หรีอครับ รวมทั้งพวกที่
ชอบแข่งในสนามและนอกสนาม ต้วยครับ มันภูมิใจนักหรือที่เราได้ชนะคนอื่นๆแค่ไม่กี่คนแค่คิดก็แพ้แล้วครับ
เราทำได้ก็แค่เลียนแบบครับ แต่ความเสียหายที่เกิดกับเรา ลองคิดดูนะ นักจักรยานที่ชอบแข่งขันทั้งหลาย
คุณรู้ไหมขี่อัดๆ 40-50 นะกดบันไดที ท่องไว้เลยครับ แลคติค แอนดีนาลีน ครับ นี่ยังไม่รวม หัวใจโต
และความไม่สมดุล ของการใช้พลังงานก็คือ ไขมัน กับ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งก่อให้เกิดโรคครับ ยิ่งทำทุกวัน
ยิ่งเปรียบเสมือน การพยายามฆ่าตัวตายครับ ไม่เห็นมันจะน่าสนใจอะไรเลยครับกับการขี่แบบนั้น
ถ้าเป็นเครื่องยนต์มันพังก็ยังพอเปลี่ยนได้ แต่นี่ตัวเรานะ พังแล้วจะโยนทิ้งก็ไม่ได้ อะไหล่ก็ไม่มีครับ
เราต้องพยายามรักษาเครื่องยนต์ตัวนี้ให้ทนทานและอยู่ได้นานที่สุดครับ อย่าทำกันเลยครับผมไม่เห็นจะมีความสุขตรง
ไหน เพราะความสุขที่เราทำสนองใจเรา แต่มันไปทำร้ายร่างกายเราอย่างมหันต์ครับ ตอนขี่นะเหนื่อยก็เหนื่อยแสนจะทรมานถ้าเป็นทำงาน
นะเราหยุดแล้ว แต่นียังทนขี่กันอยู่ได้ คนอะไรไม่รู้หาวิธีทรมานร่างกายได้ดีเหลือเกินครับ
มีสิ่งดีๆที่เราต้องทำกับจักรยานอีกเยอะครับ อย่างเช่น วิธีที่ผมแนะนำ ขี่ก็สนุก มีความสุขกับมัน ร่างกายก็แข็งแรง สมาธิก็ดี
ได้ฝึกจิตใจที่จะไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง ได้รับแอนโดฟินทุกวันเพราะหลังการขี่แล้วเราจะรู้สึกสดชื่น เท่ากับเราทำให้ร่างกายแข็งแรงครับ
เพราะเราขี่ในขอบเขตของแอโรบิคร่างกายก้ไม่ขาดออกซิเจน เลือดก็ไม่เป็นกรด ยิ่งขี่ยิ่งแข็งแรง เมื่อขี่ต่อไปเรื่อยๆการขยายขอบเขตทางแอโรบิค
ก็จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าเรานำทักษะนี้ไปใช้ขี่จักรยานทางไกลแบบความเป็นเลิศเราจะขี่ได้อย่างแข็งแกร่งครับ ไม่ภูมิใจหรือครับ
ถ้าเราขี่จักรยานทางไกล200กม/วัน แต่นักแข่งที่ชอบขี่40-50 เมื่อไปกับเรา ไม่สามารถขี่ได้ดีเท่าเรา หรืออาจทำไม่ได้เลย เพราะร่างกาย
เขาได้เสียหายไปแล้วจากการที่เขาทำร้ายร่างกายตัวเองทุกวันครับ
สำหรับผมภูมิใจครับที่ผมจะก้าวไปสูนักจักรยานทางไกลที่มีความสามารถในการพัฒนาการขี่จักรยานทางไกลได้มากที่สุดคนหนึ่ง
นักจักรยานหลายทีม ที่ได้สัมผัสกับผมในการขี่จักรยานทางไกล ยอมรับในวิธีการขี่จักรยานทางไกลแบบที่ผมพัฒนาขึ้นมาครับ

พัฒนาการขี่ทางไกลระดับทีมไม่มีคำว่าเร็วหรือช้าแต่ทุกคนต้องไปได้หมด
ครับ ซึ่งขี่ยากกว่าการขี่แบบเร็วครับ

และสุดท้ายการขี่จักรยานไม่ใช่เพียงเพื่อต้องการความเร็วเพียงอย่างเดียวครับ

ทริปจักรยานท่องเที่ยวแต่ขี่แบบแข่งขันมีเกือบในทุกทริปการเดินทางครับ ขี่กันไปแข่งกันไป
ทิ้งกันกระจัดกระจาย คนไหนแพ้กลับบ้านไปอัพรถใหม่ เป็นแบบนี้ทุกคน ทำเพียงเพื่อต้องการ
เอาชนะกันเองในกลุ่มเพียงไม่กี่คน สุดท้ายแตกความสามัคคี ที่จริงการขี่จักรยานมีสิ่งดีๆที่จะ
ต้องทำได้อีกเยอะครับ เราต้องเอาความสามารถที่เรามีมากกว่ามาพัฒนาทุกๆคนให้มีความ
สามารถเท่าเทียมกัน แต่ความสามารถที่เท่าเทียมกันนั้นก็ยังแตกต่างกันที่ความแข็งแรงที่ไม่เท่ากัน
แต่ทุกคนต้องมีทักษะเท่ากันครับ แล้วเรามาหาค่าเฉลี่ยที่ทุกคนสามารถเดินทางร่วมกันได้
ไม่มีเร็วไม่มีช้าทุกคนต้องไปพร้อมกันหมด คนที่แข็งแรงกว่าต้องเสียสละครับ เช่น
เดินทางแถวเรียงหนึ่ง ห้าคนแรกกับคนสุดท้ายต้องแข็งแรงกว่าคนอื่นในกลุ่ม คนที่หก เจ็ด
แปด เก้า เรียงลดหลั่นกันไป เพราะว่าเมื่อคนนำใช้แรง 100% คนที่สองเหลือประมาณ80%
คนที่สาม สี่ ห้า ก็ออกแรงน้อยกว่านี้แต่ความเร็วเท่ากันครับ นี่ไงครับคือการทำให้กลุ่มเดินทาง
ได้เร็วและแข็งแกร่ง ส่วนคนนำแข็งแรงอย่างเดียวนำไม่ได้ครับ ต้องทักษะสูงต้องรู้จัก
การลดแรงบนลูกบันไดเพี่อให้กลุ่มต่อเนื่องเมื่อเวลากลุ่มเริ่มขาดครับ ต้องขี่แบบเซพแรงได้
หมายถึงการออกแรงที่ลูกบันไดต้องเท่ากันใน5 สถานะคือ ลมนิ่ง สวนลม ตามลม ขึ้นเขา
ลงเขา และเมื่อต้องการเพิ่มคว่ามเร็วรอบต้องนิ่งแล้วต้องเป็นรอบที่คนที่มีความสามารถน้อยสุด
ในกลุ่มขณะนั้นทำได้และให้ประสิทธิภาพสูงสุดและคนที่มีความสามารถน้อยสุดขณะนั้นรู้สึก
สนุกกับการเดินทางไม่มีความรู้สึกว่าเป็นปมด้อยตลอดการเดินทางครับ
การปั่นจักรยานคือการแข่งขัน แต่มันก็เป็นสิ่งที่สนุกด้วย
รูปประจำตัวสมาชิก
เด็กป่าคลอก
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 122
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2008, 22:37
Tel: 0819793735
team: ทีม ศิษย์ครูหยา , Born free to tri
Bike: Tarmac sl5

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย เด็กป่าคลอก »

titon7524 เขียน:ผมเปลี่ยนพฤติกรรมแบบนั้นแล้วครับ
บทความดีๆ ต้องขอบคุณ คุณเมธา เปรมแสง

การขี่จักรยานไม่ใช่ทำเลียนแบบนักแข่งทีมชาติหรือพวกแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์ ครับ เพราะไม่มืเหตุผล
อะไรที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะพถติกรรมต่างๆก็ไม่เหมือนกัน ผมถามจริงๆครับ ว่า มีอะไรบ้างที่ทำแล้วเป็น
ประโยชน์แก่เรา ขี่แบบนั้นทำแบบนั้นแล้วเราจะได้เป็นแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์หรีอครับ รวมทั้งพวกที่
ชอบแข่งในสนามและนอกสนาม ต้วยครับ มันภูมิใจนักหรือที่เราได้ชนะคนอื่นๆแค่ไม่กี่คนแค่คิดก็แพ้แล้วครับ
เราทำได้ก็แค่เลียนแบบครับ แต่ความเสียหายที่เกิดกับเรา ลองคิดดูนะ นักจักรยานที่ชอบแข่งขันทั้งหลาย
คุณรู้ไหมขี่อัดๆ 40-50 นะกดบันไดที ท่องไว้เลยครับ แลคติค แอนดีนาลีน ครับ นี่ยังไม่รวม หัวใจโต
และความไม่สมดุล ของการใช้พลังงานก็คือ ไขมัน กับ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งก่อให้เกิดโรคครับ ยิ่งทำทุกวัน
ยิ่งเปรียบเสมือน การพยายามฆ่าตัวตายครับ ไม่เห็นมันจะน่าสนใจอะไรเลยครับกับการขี่แบบนั้น
ถ้าเป็นเครื่องยนต์มันพังก็ยังพอเปลี่ยนได้ แต่นี่ตัวเรานะ พังแล้วจะโยนทิ้งก็ไม่ได้ อะไหล่ก็ไม่มีครับ
เราต้องพยายามรักษาเครื่องยนต์ตัวนี้ให้ทนทานและอยู่ได้นานที่สุดครับ อย่าทำกันเลยครับผมไม่เห็นจะมีความสุขตรง
ไหน เพราะความสุขที่เราทำสนองใจเรา แต่มันไปทำร้ายร่างกายเราอย่างมหันต์ครับ ตอนขี่นะเหนื่อยก็เหนื่อยแสนจะทรมานถ้าเป็นทำงาน
นะเราหยุดแล้ว แต่นียังทนขี่กันอยู่ได้ คนอะไรไม่รู้หาวิธีทรมานร่างกายได้ดีเหลือเกินครับ
มีสิ่งดีๆที่เราต้องทำกับจักรยานอีกเยอะครับ อย่างเช่น วิธีที่ผมแนะนำ ขี่ก็สนุก มีความสุขกับมัน ร่างกายก็แข็งแรง สมาธิก็ดี
ได้ฝึกจิตใจที่จะไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง ได้รับแอนโดฟินทุกวันเพราะหลังการขี่แล้วเราจะรู้สึกสดชื่น เท่ากับเราทำให้ร่างกายแข็งแรงครับ
เพราะเราขี่ในขอบเขตของแอโรบิคร่างกายก้ไม่ขาดออกซิเจน เลือดก็ไม่เป็นกรด ยิ่งขี่ยิ่งแข็งแรง เมื่อขี่ต่อไปเรื่อยๆการขยายขอบเขตทางแอโรบิค
ก็จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าเรานำทักษะนี้ไปใช้ขี่จักรยานทางไกลแบบความเป็นเลิศเราจะขี่ได้อย่างแข็งแกร่งครับ ไม่ภูมิใจหรือครับ
ถ้าเราขี่จักรยานทางไกล200กม/วัน แต่นักแข่งที่ชอบขี่40-50 เมื่อไปกับเรา ไม่สามารถขี่ได้ดีเท่าเรา หรืออาจทำไม่ได้เลย เพราะร่างกาย
เขาได้เสียหายไปแล้วจากการที่เขาทำร้ายร่างกายตัวเองทุกวันครับ
สำหรับผมภูมิใจครับที่ผมจะก้าวไปสูนักจักรยานทางไกลที่มีความสามารถในการพัฒนาการขี่จักรยานทางไกลได้มากที่สุดคนหนึ่ง
นักจักรยานหลายทีม ที่ได้สัมผัสกับผมในการขี่จักรยานทางไกล ยอมรับในวิธีการขี่จักรยานทางไกลแบบที่ผมพัฒนาขึ้นมาครับ

พัฒนาการขี่ทางไกลระดับทีมไม่มีคำว่าเร็วหรือช้าแต่ทุกคนต้องไปได้หมด
ครับ ซึ่งขี่ยากกว่าการขี่แบบเร็วครับ

และสุดท้ายการขี่จักรยานไม่ใช่เพียงเพื่อต้องการความเร็วเพียงอย่างเดียวครับ

ทริปจักรยานท่องเที่ยวแต่ขี่แบบแข่งขันมีเกือบในทุกทริปการเดินทางครับ ขี่กันไปแข่งกันไป
ทิ้งกันกระจัดกระจาย คนไหนแพ้กลับบ้านไปอัพรถใหม่ เป็นแบบนี้ทุกคน ทำเพียงเพื่อต้องการ
เอาชนะกันเองในกลุ่มเพียงไม่กี่คน สุดท้ายแตกความสามัคคี ที่จริงการขี่จักรยานมีสิ่งดีๆที่จะ
ต้องทำได้อีกเยอะครับ เราต้องเอาความสามารถที่เรามีมากกว่ามาพัฒนาทุกๆคนให้มีความ
สามารถเท่าเทียมกัน แต่ความสามารถที่เท่าเทียมกันนั้นก็ยังแตกต่างกันที่ความแข็งแรงที่ไม่เท่ากัน
แต่ทุกคนต้องมีทักษะเท่ากันครับ แล้วเรามาหาค่าเฉลี่ยที่ทุกคนสามารถเดินทางร่วมกันได้
ไม่มีเร็วไม่มีช้าทุกคนต้องไปพร้อมกันหมด คนที่แข็งแรงกว่าต้องเสียสละครับ เช่น
เดินทางแถวเรียงหนึ่ง ห้าคนแรกกับคนสุดท้ายต้องแข็งแรงกว่าคนอื่นในกลุ่ม คนที่หก เจ็ด
แปด เก้า เรียงลดหลั่นกันไป เพราะว่าเมื่อคนนำใช้แรง 100% คนที่สองเหลือประมาณ80%
คนที่สาม สี่ ห้า ก็ออกแรงน้อยกว่านี้แต่ความเร็วเท่ากันครับ นี่ไงครับคือการทำให้กลุ่มเดินทาง
ได้เร็วและแข็งแกร่ง ส่วนคนนำแข็งแรงอย่างเดียวนำไม่ได้ครับ ต้องทักษะสูงต้องรู้จัก
การลดแรงบนลูกบันไดเพี่อให้กลุ่มต่อเนื่องเมื่อเวลากลุ่มเริ่มขาดครับ ต้องขี่แบบเซพแรงได้
หมายถึงการออกแรงที่ลูกบันไดต้องเท่ากันใน5 สถานะคือ ลมนิ่ง สวนลม ตามลม ขึ้นเขา
ลงเขา และเมื่อต้องการเพิ่มคว่ามเร็วรอบต้องนิ่งแล้วต้องเป็นรอบที่คนที่มีความสามารถน้อยสุด
ในกลุ่มขณะนั้นทำได้และให้ประสิทธิภาพสูงสุดและคนที่มีความสามารถน้อยสุดขณะนั้นรู้สึก
สนุกกับการเดินทางไม่มีความรู้สึกว่าเป็นปมด้อยตลอดการเดินทางครับ


+100 เลย แล้วก็เอา av มาบัฟกัน :lol: :lol: :lol:
storm rider gang ... หนึ่งก้าวที่ยาวไกล.. อาจหวั่นไหวและล้มลง หนึ่งก้าวที่มั่นคง.. แม้จะสั้นแต่ก็มั่นใจ..
รูปประจำตัวสมาชิก
DraftBeer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4495
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:08
Tel: 0814461178
team: รั้งท้ายทีมลื่นไหล
Bike: Dale-Red, Venge-Red, Titanos-XX1, Tendem, CRF250X, MSX
ตำแหน่ง: 15 ซ.ผาสุก2 ถ.กาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
ติดต่อ:

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย DraftBeer »

titon7524 เขียน:ผมเปลี่ยนพฤติกรรมแบบนั้นแล้วครับ
บทความดีๆ ต้องขอบคุณ คุณเมธา เปรมแสง

การขี่จักรยานไม่ใช่ทำเลียนแบบนักแข่งทีมชาติหรือพวกแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์ ครับ เพราะไม่มืเหตุผล
อะไรที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะพถติกรรมต่างๆก็ไม่เหมือนกัน ผมถามจริงๆครับ ว่า มีอะไรบ้างที่ทำแล้วเป็น
ประโยชน์แก่เรา ขี่แบบนั้นทำแบบนั้นแล้วเราจะได้เป็นแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์หรีอครับ รวมทั้งพวกที่
ชอบแข่งในสนามและนอกสนาม ต้วยครับ มันภูมิใจนักหรือที่เราได้ชนะคนอื่นๆแค่ไม่กี่คนแค่คิดก็แพ้แล้วครับ
เราทำได้ก็แค่เลียนแบบครับ แต่ความเสียหายที่เกิดกับเรา ลองคิดดูนะ นักจักรยานที่ชอบแข่งขันทั้งหลาย
คุณรู้ไหมขี่อัดๆ 40-50 นะกดบันไดที ท่องไว้เลยครับ แลคติค แอนดีนาลีน ครับ นี่ยังไม่รวม หัวใจโต
และความไม่สมดุล ของการใช้พลังงานก็คือ ไขมัน กับ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งก่อให้เกิดโรคครับ ยิ่งทำทุกวัน
ยิ่งเปรียบเสมือน การพยายามฆ่าตัวตายครับ ไม่เห็นมันจะน่าสนใจอะไรเลยครับกับการขี่แบบนั้น
ถ้าเป็นเครื่องยนต์มันพังก็ยังพอเปลี่ยนได้ แต่นี่ตัวเรานะ พังแล้วจะโยนทิ้งก็ไม่ได้ อะไหล่ก็ไม่มีครับ
เราต้องพยายามรักษาเครื่องยนต์ตัวนี้ให้ทนทานและอยู่ได้นานที่สุดครับ อย่าทำกันเลยครับผมไม่เห็นจะมีความสุขตรง
ไหน เพราะความสุขที่เราทำสนองใจเรา แต่มันไปทำร้ายร่างกายเราอย่างมหันต์ครับ ตอนขี่นะเหนื่อยก็เหนื่อยแสนจะทรมานถ้าเป็นทำงาน
นะเราหยุดแล้ว แต่นียังทนขี่กันอยู่ได้ คนอะไรไม่รู้หาวิธีทรมานร่างกายได้ดีเหลือเกินครับ
มีสิ่งดีๆที่เราต้องทำกับจักรยานอีกเยอะครับ อย่างเช่น วิธีที่ผมแนะนำ ขี่ก็สนุก มีความสุขกับมัน ร่างกายก็แข็งแรง สมาธิก็ดี
ได้ฝึกจิตใจที่จะไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง ได้รับแอนโดฟินทุกวันเพราะหลังการขี่แล้วเราจะรู้สึกสดชื่น เท่ากับเราทำให้ร่างกายแข็งแรงครับ
เพราะเราขี่ในขอบเขตของแอโรบิคร่างกายก้ไม่ขาดออกซิเจน เลือดก็ไม่เป็นกรด ยิ่งขี่ยิ่งแข็งแรง เมื่อขี่ต่อไปเรื่อยๆการขยายขอบเขตทางแอโรบิค
ก็จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าเรานำทักษะนี้ไปใช้ขี่จักรยานทางไกลแบบความเป็นเลิศเราจะขี่ได้อย่างแข็งแกร่งครับ ไม่ภูมิใจหรือครับ
ถ้าเราขี่จักรยานทางไกล200กม/วัน แต่นักแข่งที่ชอบขี่40-50 เมื่อไปกับเรา ไม่สามารถขี่ได้ดีเท่าเรา หรืออาจทำไม่ได้เลย เพราะร่างกาย
เขาได้เสียหายไปแล้วจากการที่เขาทำร้ายร่างกายตัวเองทุกวันครับ
สำหรับผมภูมิใจครับที่ผมจะก้าวไปสูนักจักรยานทางไกลที่มีความสามารถในการพัฒนาการขี่จักรยานทางไกลได้มากที่สุดคนหนึ่ง
นักจักรยานหลายทีม ที่ได้สัมผัสกับผมในการขี่จักรยานทางไกล ยอมรับในวิธีการขี่จักรยานทางไกลแบบที่ผมพัฒนาขึ้นมาครับ

พัฒนาการขี่ทางไกลระดับทีมไม่มีคำว่าเร็วหรือช้าแต่ทุกคนต้องไปได้หมด
ครับ ซึ่งขี่ยากกว่าการขี่แบบเร็วครับ

และสุดท้ายการขี่จักรยานไม่ใช่เพียงเพื่อต้องการความเร็วเพียงอย่างเดียวครับ

ทริปจักรยานท่องเที่ยวแต่ขี่แบบแข่งขันมีเกือบในทุกทริปการเดินทางครับ ขี่กันไปแข่งกันไป
ทิ้งกันกระจัดกระจาย คนไหนแพ้กลับบ้านไปอัพรถใหม่ เป็นแบบนี้ทุกคน ทำเพียงเพื่อต้องการ
เอาชนะกันเองในกลุ่มเพียงไม่กี่คน สุดท้ายแตกความสามัคคี ที่จริงการขี่จักรยานมีสิ่งดีๆที่จะ
ต้องทำได้อีกเยอะครับ เราต้องเอาความสามารถที่เรามีมากกว่ามาพัฒนาทุกๆคนให้มีความ
สามารถเท่าเทียมกัน แต่ความสามารถที่เท่าเทียมกันนั้นก็ยังแตกต่างกันที่ความแข็งแรงที่ไม่เท่ากัน
แต่ทุกคนต้องมีทักษะเท่ากันครับ แล้วเรามาหาค่าเฉลี่ยที่ทุกคนสามารถเดินทางร่วมกันได้
ไม่มีเร็วไม่มีช้าทุกคนต้องไปพร้อมกันหมด คนที่แข็งแรงกว่าต้องเสียสละครับ เช่น
เดินทางแถวเรียงหนึ่ง ห้าคนแรกกับคนสุดท้ายต้องแข็งแรงกว่าคนอื่นในกลุ่ม คนที่หก เจ็ด
แปด เก้า เรียงลดหลั่นกันไป เพราะว่าเมื่อคนนำใช้แรง 100% คนที่สองเหลือประมาณ80%
คนที่สาม สี่ ห้า ก็ออกแรงน้อยกว่านี้แต่ความเร็วเท่ากันครับ นี่ไงครับคือการทำให้กลุ่มเดินทาง
ได้เร็วและแข็งแกร่ง ส่วนคนนำแข็งแรงอย่างเดียวนำไม่ได้ครับ ต้องทักษะสูงต้องรู้จัก
การลดแรงบนลูกบันไดเพี่อให้กลุ่มต่อเนื่องเมื่อเวลากลุ่มเริ่มขาดครับ ต้องขี่แบบเซพแรงได้
หมายถึงการออกแรงที่ลูกบันไดต้องเท่ากันใน5 สถานะคือ ลมนิ่ง สวนลม ตามลม ขึ้นเขา
ลงเขา และเมื่อต้องการเพิ่มคว่ามเร็วรอบต้องนิ่งแล้วต้องเป็นรอบที่คนที่มีความสามารถน้อยสุด
ในกลุ่มขณะนั้นทำได้และให้ประสิทธิภาพสูงสุดและคนที่มีความสามารถน้อยสุดขณะนั้นรู้สึก
สนุกกับการเดินทางไม่มีความรู้สึกว่าเป็นปมด้อยตลอดการเดินทางครับ
เครียดไปหรือปล่าวครับ
>>ห า ด ใ ห ญ่ ลื่ น ไ ห ล ► ► ► ► ที ม เ ร า ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ จั ก ร ย า น !

ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
รูปประจำตัวสมาชิก
tum555
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 48
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2012, 09:45
Tel: 0860170109
team: Alone man
Bike: LG/Bianchi nirone 7

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย tum555 »

titon7524 เขียน:ผมเปลี่ยนพฤติกรรมแบบนั้นแล้วครับ
บทความดีๆ ต้องขอบคุณ คุณเมธา เปรมแสง

การขี่จักรยานไม่ใช่ทำเลียนแบบนักแข่งทีมชาติหรือพวกแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์ ครับ เพราะไม่มืเหตุผล
อะไรที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะพถติกรรมต่างๆก็ไม่เหมือนกัน ผมถามจริงๆครับ ว่า มีอะไรบ้างที่ทำแล้วเป็น
ประโยชน์แก่เรา ขี่แบบนั้นทำแบบนั้นแล้วเราจะได้เป็นแชมป์ ตรู เดอร์ ฟรองต์หรีอครับ รวมทั้งพวกที่
ชอบแข่งในสนามและนอกสนาม ต้วยครับ มันภูมิใจนักหรือที่เราได้ชนะคนอื่นๆแค่ไม่กี่คนแค่คิดก็แพ้แล้วครับ
เราทำได้ก็แค่เลียนแบบครับ แต่ความเสียหายที่เกิดกับเรา ลองคิดดูนะ นักจักรยานที่ชอบแข่งขันทั้งหลาย
คุณรู้ไหมขี่อัดๆ 40-50 นะกดบันไดที ท่องไว้เลยครับ แลคติค แอนดีนาลีน ครับ นี่ยังไม่รวม หัวใจโต
และความไม่สมดุล ของการใช้พลังงานก็คือ ไขมัน กับ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งก่อให้เกิดโรคครับ ยิ่งทำทุกวัน
ยิ่งเปรียบเสมือน การพยายามฆ่าตัวตายครับ ไม่เห็นมันจะน่าสนใจอะไรเลยครับกับการขี่แบบนั้น
ถ้าเป็นเครื่องยนต์มันพังก็ยังพอเปลี่ยนได้ แต่นี่ตัวเรานะ พังแล้วจะโยนทิ้งก็ไม่ได้ อะไหล่ก็ไม่มีครับ
เราต้องพยายามรักษาเครื่องยนต์ตัวนี้ให้ทนทานและอยู่ได้นานที่สุดครับ อย่าทำกันเลยครับผมไม่เห็นจะมีความสุขตรง
ไหน เพราะความสุขที่เราทำสนองใจเรา แต่มันไปทำร้ายร่างกายเราอย่างมหันต์ครับ ตอนขี่นะเหนื่อยก็เหนื่อยแสนจะทรมานถ้าเป็นทำงาน
นะเราหยุดแล้ว แต่นียังทนขี่กันอยู่ได้ คนอะไรไม่รู้หาวิธีทรมานร่างกายได้ดีเหลือเกินครับ
มีสิ่งดีๆที่เราต้องทำกับจักรยานอีกเยอะครับ อย่างเช่น วิธีที่ผมแนะนำ ขี่ก็สนุก มีความสุขกับมัน ร่างกายก็แข็งแรง สมาธิก็ดี
ได้ฝึกจิตใจที่จะไม่ทำอะไรตามใจตัวเอง ได้รับแอนโดฟินทุกวันเพราะหลังการขี่แล้วเราจะรู้สึกสดชื่น เท่ากับเราทำให้ร่างกายแข็งแรงครับ
เพราะเราขี่ในขอบเขตของแอโรบิคร่างกายก้ไม่ขาดออกซิเจน เลือดก็ไม่เป็นกรด ยิ่งขี่ยิ่งแข็งแรง เมื่อขี่ต่อไปเรื่อยๆการขยายขอบเขตทางแอโรบิค
ก็จะสูงมากขึ้นเรื่อยๆครับ ถ้าเรานำทักษะนี้ไปใช้ขี่จักรยานทางไกลแบบความเป็นเลิศเราจะขี่ได้อย่างแข็งแกร่งครับ ไม่ภูมิใจหรือครับ
ถ้าเราขี่จักรยานทางไกล200กม/วัน แต่นักแข่งที่ชอบขี่40-50 เมื่อไปกับเรา ไม่สามารถขี่ได้ดีเท่าเรา หรืออาจทำไม่ได้เลย เพราะร่างกาย
เขาได้เสียหายไปแล้วจากการที่เขาทำร้ายร่างกายตัวเองทุกวันครับ
สำหรับผมภูมิใจครับที่ผมจะก้าวไปสูนักจักรยานทางไกลที่มีความสามารถในการพัฒนาการขี่จักรยานทางไกลได้มากที่สุดคนหนึ่ง
นักจักรยานหลายทีม ที่ได้สัมผัสกับผมในการขี่จักรยานทางไกล ยอมรับในวิธีการขี่จักรยานทางไกลแบบที่ผมพัฒนาขึ้นมาครับ

พัฒนาการขี่ทางไกลระดับทีมไม่มีคำว่าเร็วหรือช้าแต่ทุกคนต้องไปได้หมด
ครับ ซึ่งขี่ยากกว่าการขี่แบบเร็วครับ

และสุดท้ายการขี่จักรยานไม่ใช่เพียงเพื่อต้องการความเร็วเพียงอย่างเดียวครับ

ทริปจักรยานท่องเที่ยวแต่ขี่แบบแข่งขันมีเกือบในทุกทริปการเดินทางครับ ขี่กันไปแข่งกันไป
ทิ้งกันกระจัดกระจาย คนไหนแพ้กลับบ้านไปอัพรถใหม่ เป็นแบบนี้ทุกคน ทำเพียงเพื่อต้องการ
เอาชนะกันเองในกลุ่มเพียงไม่กี่คน สุดท้ายแตกความสามัคคี ที่จริงการขี่จักรยานมีสิ่งดีๆที่จะ
ต้องทำได้อีกเยอะครับ เราต้องเอาความสามารถที่เรามีมากกว่ามาพัฒนาทุกๆคนให้มีความ
สามารถเท่าเทียมกัน แต่ความสามารถที่เท่าเทียมกันนั้นก็ยังแตกต่างกันที่ความแข็งแรงที่ไม่เท่ากัน
แต่ทุกคนต้องมีทักษะเท่ากันครับ แล้วเรามาหาค่าเฉลี่ยที่ทุกคนสามารถเดินทางร่วมกันได้
ไม่มีเร็วไม่มีช้าทุกคนต้องไปพร้อมกันหมด คนที่แข็งแรงกว่าต้องเสียสละครับ เช่น
เดินทางแถวเรียงหนึ่ง ห้าคนแรกกับคนสุดท้ายต้องแข็งแรงกว่าคนอื่นในกลุ่ม คนที่หก เจ็ด
แปด เก้า เรียงลดหลั่นกันไป เพราะว่าเมื่อคนนำใช้แรง 100% คนที่สองเหลือประมาณ80%
คนที่สาม สี่ ห้า ก็ออกแรงน้อยกว่านี้แต่ความเร็วเท่ากันครับ นี่ไงครับคือการทำให้กลุ่มเดินทาง
ได้เร็วและแข็งแกร่ง ส่วนคนนำแข็งแรงอย่างเดียวนำไม่ได้ครับ ต้องทักษะสูงต้องรู้จัก
การลดแรงบนลูกบันไดเพี่อให้กลุ่มต่อเนื่องเมื่อเวลากลุ่มเริ่มขาดครับ ต้องขี่แบบเซพแรงได้
หมายถึงการออกแรงที่ลูกบันไดต้องเท่ากันใน5 สถานะคือ ลมนิ่ง สวนลม ตามลม ขึ้นเขา
ลงเขา และเมื่อต้องการเพิ่มคว่ามเร็วรอบต้องนิ่งแล้วต้องเป็นรอบที่คนที่มีความสามารถน้อยสุด
ในกลุ่มขณะนั้นทำได้และให้ประสิทธิภาพสูงสุดและคนที่มีความสามารถน้อยสุดขณะนั้นรู้สึก
สนุกกับการเดินทางไม่มีความรู้สึกว่าเป็นปมด้อยตลอดการเดินทางครับ
เป็นความคิดที่ดีครับ นำไปใช้ในการเป็นหัวลากได้ อ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ ปั่นไม่เครียด ปั่นสนุกๆ ดีกว่า ปั่นเอาเร็วกว่าคนอื่นนะครับ
รถแพงแค่มายา รอบขาซิของจริง
รูปประจำตัวสมาชิก
Walkman
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 285
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2011, 09:14
Tel: 0846089110
team: จอมยุทธไ้ร้พรรค
Bike: Mini ไร้นาม
ตำแหน่ง: เชียงใหม่

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย Walkman »

อืม หนุกดี ได้ความรู้ :D
-----------------------------
"It's not nearly as light as newer bikes, but I think it'll work."
แม้จะไม่สวยหรู แต่ก็พอถูไถ >//<
blitzs
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 131
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ต.ค. 2011, 13:38
team: ไร้สังกัด
Bike: nirone 7 , fixed gear สีแดง

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย blitzs »

รอบขา 90-100 เป็น optimize cad ครับ
ช่วงรอบเท่านี้ เลือดยังไหลเวียนดีอยู่ กรดไม่คั่งครับ รอบต่ำกว่านี้ ออกแรงกดเยอะกว่า มี impact มากกว่า กล้ามเนื้อ ข้อ บาดเจ็บง่ายกว่า

รอบพอดี ดีกว่าครับ จัดเกิน กรดคั่ง ตะคริวกิน แรงเกิน แรงกดมาก กล้ามเนื้อฉีก ไม่ก็ข้อเสื่อม (แต่กล้ามเนื้อของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ผลที่ได้ก็ต่างกัน แต่ผมปั่นรอบจัด ได้เร็วกว่า ไกลกว่ารอบต่ำครับ)

ส่วนเรื่องหัวใจ นี่ขึ้นกะความฟิตครับ ไม่ว่าปั่นเร็วหรือหนัก ถ้า HR ไม่เกิน 75% ปลอดภัยแน่ๆครับ แต่ถ้าอัดแล้ว HR เกิน 80-90% ตลอด แล้วแต่ตำรา อันนั้นอาจทำให้หัวใจแย่ มากกว่าสร้างหัวใจให้แข็งแรง เป้าหมายแต่ะคนไม่เหมือนกัน จะเรียนแบบโปรไปทุกอย่างก็ไม่ไหวครับ นั่นเขาปั่นหาเงิน เสี่ยงบ้าง โหลดบ้าง ไม่แปลก
รูปประจำตัวสมาชิก
Dhandranunda
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 9598
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
Tel: 083970โหลโหลโหล
team: ไม่มี
Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย Dhandranunda »

อยากถามหน่อยครับ ในไมล์เวลาขึ้น 100-120 นี่มันคำนวณค่าเป็นต่อนาทีให้เรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ?

ผมคิดน่าจะใช่นะ เทียบกับไมล์บอกระยะทางมันยังคำนวณเป็น..../ กิโลเมตร (ตามที่เราตั้งไว้ตอนเซ็ตค่าไมล์)
ขวด

The Power Of Slow Ride
รูปประจำตัวสมาชิก
kbom
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 375
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2012, 16:04
Tel: 0814433523
team: Bamboo Bike
Bike: Bianchi Impulso 105

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย kbom »

น่าจะขาแรงนะครับ เพราะเวลาออกแรงปันที่เกียร์หนัก ความเร็วมาก ใช้แรงเยอะ ใช้พลังงานเยอะ ล้าเร็ว
ส่วนรอบจัด เนี้ยต้องสับรางดีๆ 5555 ล้อเล่น รอบจัดน่าจะใช้เกียร์เบา ใช้พลังงานน้อย ใช้ออกซิเจนเยอะ สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อแลกเอาของเสีย(กรดแลคติก) ออกมาเร็ว ทำให้ไม่กล้ามเนื้อไม่ล้า ปั่นได้ทนกว่า

สรุป ขาแรงใช้พลังงานมากกว่าในเวลาเท่ากัน ฟันธง 55555 :mrgreen:
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ มีแต่ไม่ได้ทำ
รูปประจำตัวสมาชิก
Dhandranunda
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 9598
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
Tel: 083970โหลโหลโหล
team: ไม่มี
Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX

Re: รอบจัด VS ขาแรง แบบไหนใช้พลังงานมากกว่ากัน

โพสต์ โดย Dhandranunda »

วันนี้ผมลองไปปั่นโดยเน้นรอบขาแทนใช้เกียร์หนัก ได้ AV CA 99 เรียกว่าปั่นเป็นหนูถีบจักรเลย ไม่รู้ดีหรือไม่ดีครับ คือปั่นช้าปั่นเร็วพยายามไม่เปลี่ยนเป็นเกียร์หนัก ใช้รอบขาแทน
ขวด

The Power Of Slow Ride
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เทคนิคการฝึกซ้อม/สุขภาพ/อาหาร”