เมื่อยขาไม่หาย
- bom001
- ขาประจำ
- โพสต์: 304
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 พ.ย. 2011, 09:11
- Tel: 0822556611
- team: หมูป่า โป่งน้ำร้อน
- Bike: mongoose. scott
- ตำแหน่ง: จันทบุรี
เมื่อยขาไม่หาย
ผมปั่นทุกวัน30-50กม. มีอาการเมื่อยขาไม่หายวันใหนออกรอบยาวหน่อยจะล้ามากเพี่อนๆมีวิธีแก้อาการบ้างไม๊ครับ
ไอ้เขี้ยวตัน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
- koboku
- ขาประจำ
- โพสต์: 6710
- ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2009, 14:08
- team: ต่อนยอน
- Bike: FALCON & TCR
Re: เมื่อยขาไม่หาย
ลองพักมั่งสิครับ
- titon7524
- สมาชิก
- โพสต์: 70
- ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2008, 14:49
- Tel: 0812659619
- team: พอเพียงอย่างเพียงพอ
- ตำแหน่ง: สภ.ปราสาท ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ 32140
Re: เมื่อยขาไม่หาย
ถ้าเป็นไปได้ให้ถ่ายรูปด้านข้างขณะปั่นจะได้ช่วยดูครับ แต่ถ้าสันนิษฐานไว้ก่อนคือตำแหน่งหัวเขาเวลากดบันไดลงเมื่อขาจานอยู่แนวขนานพื้น หัวเขาไม่ตรงหรือเยื้องมากเกินไปกับแกนบันได ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักครับ
หรือถ้าเซตจักรยานลงตัวแล้วลองดูเทคนิคการปั่นทางไกล โดยคุณเมาธา เปรมแสง
ผมขอเตือนนักขี่จักรยานทางไกลทั้งต่อเนื่องติดด่อกันหลายวันหรือวันเดียวก็ตามหรือเพื่อออกกำลังกายเพื่อสุขภาพครับ
-ข้อแรกสำคัญที่สุด อย่าผลักดันตัวเอง ตามคนที่มีความสามารถสูงกว่าโดยเด็ดขาด
-ข้อสองเดินทางเป็นกลุ่มเอาคนที่มีความสามารถน้อยสุดมาเป็นตัวตั้ง คือเป็นตัวมาตรฐานการเดินทางครับ
-ข้อสามประชุมหารือกันก่อนออกเดินทาง ให้ทุกคนยอมรับวิธีการตามข้อสองให้ได้
-ข้อสี่ควบคุมการขี่ให้อยู่ไม่ให้เกินโซน2ของการออกกำลังกายคือประมาณ65-75%ของความสามารถสูงสุด
ของคนที่มีความสามารถน้อยที่สุดขณะนั้นครับ
-ข้อห้าห้ามขี่แบบบ้าพลังอัดแข่งกันไปเหนื่อยแล้วพัก หายเหนื่อยแล้วขี่ต่อครับ ซึ่งมีข้อเสียอย่างมากมาย
วิธีนี้ไม่สามารถนำมาขี่ทางไกลได้ครับ แม้แต่ แล้มป์ แชมป์3 สมัยก็ไม่ใช้วิธีขี่แบบนี้ครับ
-ถ้าใช้วิธีตามข้อห้า ผลเสียคือ
1. การหลั่งของกรดแลคติคอย่างรวดเร็วเพราะเข้าสู่โซนอแนโรบิค กรดนี้มีผลทำลายกล้ามเนื้อ
มีอาการดังนี้คือหลังจากหยุดพักแล้วขี่ต่อ จะปวดล้ากล้ามเนื้อทั้งๆที่มีแรงขี่ต่อ กรดนี้ร่างกายสร้าง
เป็นอัตโนมัตืเพื่อหยุดให้เราทรมานร่างกายอีกต่อไป คือคูณต้องหยุดขี่นั่นเอง
2.กรดนี้จะสะสมอยู่ในร่างกายอีก 2-3 วันซึ่งจะมีผลกับการขี่วันต่อไป ถ้ายังใช้การขี่แบบนี้อยู่
กรดก็จะหลั่งสะสมเพื่มอีก ถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการขี่ ท่านก็จะมีอาการจมกรดในที่สุดครับ
3. เสี่บงต่อการทำงานของหัวใจอยู่ใน MAX HR บ่อยเกินไป หัวใจก็โต ผลเสียเฉียบพลัน
ต่อหัวใจอีกมากมาย
4. การใช้พลังงานไม่สมดุล เพราะโซนนี้เป็นโซนอแนโรบิคซึ่งใช้พลังงานจากคารโบไฮเดรต80-90%ที่เหลือเป็นไขมัน เมี่อเชื้อเพลิงจากคาร์โบไฮเดรตหมดเราก็ล้าและหมดแรงในที่สุด ทำให้ขาดความทนทาน ระยะทางการขี่ต่อวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใช้การขี่โซน2ซึ่งเป็นโซนแอโรบิคร่างกายจะใช้พลังงาน ไขมัน/คาร์โบไฮเดรต 50/50 โดยประมาณ ซึ่งทำให้การเผาผลาญหมดจด และสมดุล ทำให้ขี่ได้ทนทานและได้ระยะทางต่อวันมากและร่างกายไม่เสียหายครับ
5. การหลั่งอะดีนาลีน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แก่ หง่อม
6. เกิดการสูญเสียน้ำอย่างรุนแรง และสูญเสียเกลือแร่มากับเหงื่อซึ่งเหงื่อมีหน้าที่ระบายความร้อน
- ข้อหก ก่อนออกเดินทางดื่มน้ำให้เพียงพอ แล้วดื่มน้ำแบบจิบทุกๆ20นาที
อย่ารอจนกระหายน้ำ ถ้ามีอาการกระหายน้ำแสดงว่าร่างกายเราขาดน้ำแล้วครับ
ข้อระวังการขาดน้ำอย่างรุนแรง จะมีอาการ ดังนี้คือเมื่อหยุดพักเหงื่อจะออกอย่างมาก
จนโชกตัว ตัวจะเย็นอาจเกิดการช์อคหมคสติได้ครับ วัธีแก้ไขคือ นอนราบ สักพักแล้วดื่มน้ำ
อีกสักพักค่อยดื่มเกลือแร่ตาม นอนจนดีชึ้น แล้วไปพักผ่อนต่อ โดยหยุดขี่ต่อทันทีครับ
อาการที่ว่านี้ภาษาออกกำลังกายเรียกว่า เกิดอาการ BONK ครับ
ขี่แล้ววูบ ขี่แล้วหน้ามืด เป็นลม สาเหตุส่วนมากเกิดจากอาการนี้ทั้งนั้นครับ
@ ถ้าขาดน้ำแต่ไม่มากจะปวดหัวครับแล้วปวดมากด้วย แบบนี้เรียกว่า BURN ครับ บางท่าน
เข้าใจผิดนึกว่าความดันขึ้น ตกใจไปกันใหญ่ครับ
การขี่จักรยานแล้วใช้พฤติกรรมแบบที่กล่าวถึงข้อห้าข้างบนนี้ มีค่าเท่ากับ คุณกำลังทำร้ายตัวเอง หรือ
คุณกำลังพยายามฆ่าตัวตายนั่นเองครับ
ติดตามเนื้ออื่นได้ครับ http://203.121.145.180/forum/viewtopic. ... e875b1fca1
หรือถ้าเซตจักรยานลงตัวแล้วลองดูเทคนิคการปั่นทางไกล โดยคุณเมาธา เปรมแสง
ผมขอเตือนนักขี่จักรยานทางไกลทั้งต่อเนื่องติดด่อกันหลายวันหรือวันเดียวก็ตามหรือเพื่อออกกำลังกายเพื่อสุขภาพครับ
-ข้อแรกสำคัญที่สุด อย่าผลักดันตัวเอง ตามคนที่มีความสามารถสูงกว่าโดยเด็ดขาด
-ข้อสองเดินทางเป็นกลุ่มเอาคนที่มีความสามารถน้อยสุดมาเป็นตัวตั้ง คือเป็นตัวมาตรฐานการเดินทางครับ
-ข้อสามประชุมหารือกันก่อนออกเดินทาง ให้ทุกคนยอมรับวิธีการตามข้อสองให้ได้
-ข้อสี่ควบคุมการขี่ให้อยู่ไม่ให้เกินโซน2ของการออกกำลังกายคือประมาณ65-75%ของความสามารถสูงสุด
ของคนที่มีความสามารถน้อยที่สุดขณะนั้นครับ
-ข้อห้าห้ามขี่แบบบ้าพลังอัดแข่งกันไปเหนื่อยแล้วพัก หายเหนื่อยแล้วขี่ต่อครับ ซึ่งมีข้อเสียอย่างมากมาย
วิธีนี้ไม่สามารถนำมาขี่ทางไกลได้ครับ แม้แต่ แล้มป์ แชมป์3 สมัยก็ไม่ใช้วิธีขี่แบบนี้ครับ
-ถ้าใช้วิธีตามข้อห้า ผลเสียคือ
1. การหลั่งของกรดแลคติคอย่างรวดเร็วเพราะเข้าสู่โซนอแนโรบิค กรดนี้มีผลทำลายกล้ามเนื้อ
มีอาการดังนี้คือหลังจากหยุดพักแล้วขี่ต่อ จะปวดล้ากล้ามเนื้อทั้งๆที่มีแรงขี่ต่อ กรดนี้ร่างกายสร้าง
เป็นอัตโนมัตืเพื่อหยุดให้เราทรมานร่างกายอีกต่อไป คือคูณต้องหยุดขี่นั่นเอง
2.กรดนี้จะสะสมอยู่ในร่างกายอีก 2-3 วันซึ่งจะมีผลกับการขี่วันต่อไป ถ้ายังใช้การขี่แบบนี้อยู่
กรดก็จะหลั่งสะสมเพื่มอีก ถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการขี่ ท่านก็จะมีอาการจมกรดในที่สุดครับ
3. เสี่บงต่อการทำงานของหัวใจอยู่ใน MAX HR บ่อยเกินไป หัวใจก็โต ผลเสียเฉียบพลัน
ต่อหัวใจอีกมากมาย
4. การใช้พลังงานไม่สมดุล เพราะโซนนี้เป็นโซนอแนโรบิคซึ่งใช้พลังงานจากคารโบไฮเดรต80-90%ที่เหลือเป็นไขมัน เมี่อเชื้อเพลิงจากคาร์โบไฮเดรตหมดเราก็ล้าและหมดแรงในที่สุด ทำให้ขาดความทนทาน ระยะทางการขี่ต่อวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใช้การขี่โซน2ซึ่งเป็นโซนแอโรบิคร่างกายจะใช้พลังงาน ไขมัน/คาร์โบไฮเดรต 50/50 โดยประมาณ ซึ่งทำให้การเผาผลาญหมดจด และสมดุล ทำให้ขี่ได้ทนทานและได้ระยะทางต่อวันมากและร่างกายไม่เสียหายครับ
5. การหลั่งอะดีนาลีน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แก่ หง่อม
6. เกิดการสูญเสียน้ำอย่างรุนแรง และสูญเสียเกลือแร่มากับเหงื่อซึ่งเหงื่อมีหน้าที่ระบายความร้อน
- ข้อหก ก่อนออกเดินทางดื่มน้ำให้เพียงพอ แล้วดื่มน้ำแบบจิบทุกๆ20นาที
อย่ารอจนกระหายน้ำ ถ้ามีอาการกระหายน้ำแสดงว่าร่างกายเราขาดน้ำแล้วครับ
ข้อระวังการขาดน้ำอย่างรุนแรง จะมีอาการ ดังนี้คือเมื่อหยุดพักเหงื่อจะออกอย่างมาก
จนโชกตัว ตัวจะเย็นอาจเกิดการช์อคหมคสติได้ครับ วัธีแก้ไขคือ นอนราบ สักพักแล้วดื่มน้ำ
อีกสักพักค่อยดื่มเกลือแร่ตาม นอนจนดีชึ้น แล้วไปพักผ่อนต่อ โดยหยุดขี่ต่อทันทีครับ
อาการที่ว่านี้ภาษาออกกำลังกายเรียกว่า เกิดอาการ BONK ครับ
ขี่แล้ววูบ ขี่แล้วหน้ามืด เป็นลม สาเหตุส่วนมากเกิดจากอาการนี้ทั้งนั้นครับ
@ ถ้าขาดน้ำแต่ไม่มากจะปวดหัวครับแล้วปวดมากด้วย แบบนี้เรียกว่า BURN ครับ บางท่าน
เข้าใจผิดนึกว่าความดันขึ้น ตกใจไปกันใหญ่ครับ
การขี่จักรยานแล้วใช้พฤติกรรมแบบที่กล่าวถึงข้อห้าข้างบนนี้ มีค่าเท่ากับ คุณกำลังทำร้ายตัวเอง หรือ
คุณกำลังพยายามฆ่าตัวตายนั่นเองครับ
ติดตามเนื้ออื่นได้ครับ http://203.121.145.180/forum/viewtopic. ... e875b1fca1
การปั่นจักรยานคือการแข่งขัน แต่มันก็เป็นสิ่งที่สนุกด้วย
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3014
- ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2008, 18:27
- ตำแหน่ง: พระราม2ปากซอย24
- ติดต่อ:
Re: เมื่อยขาไม่หาย
ก่อนและหลัง ขี่จักรยานต้องยืดเส้น-คลายกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บ เมื่อยล้าได้ครับ http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 1&start=45
---->>>>>hs0chq<<<<<----
รถไม่แพง แรงก้อ..งั้นๆ
รับสั่งทำเทรนเนอร์ลูกกลิ้ง http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=251133
รายระเอียดเทรนเนอร์บน Facebook http://facebook.com/hs0chq
รถไม่แพง แรงก้อ..งั้นๆ
รับสั่งทำเทรนเนอร์ลูกกลิ้ง http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 4&t=251133
รายระเอียดเทรนเนอร์บน Facebook http://facebook.com/hs0chq
- เด็กราดรีขี่4300
- ขาประจำ
- โพสต์: 13038
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 11:01
- Tel: 081-9951152
- team: LoveBike
- Bike: จักรยานเก่าๆ
Re: เมื่อยขาไม่หาย
ปั่นหนักไหมพี่ ถ้าปั่นหนักต้องพักให้ร่างกายมันซ่อมมั้งนา
เสริมโปรตีนเข้าไปหน่อย
เสริมโปรตีนเข้าไปหน่อย
- bom001
- ขาประจำ
- โพสต์: 304
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 พ.ย. 2011, 09:11
- Tel: 0822556611
- team: หมูป่า โป่งน้ำร้อน
- Bike: mongoose. scott
- ตำแหน่ง: จันทบุรี
Re: เมื่อยขาไม่หาย
titon7524 เขียน:ถ้าเป็นไปได้ให้ถ่ายรูปด้านข้างขณะปั่นจะได้ช่วยดูครับ แต่ถ้าสันนิษฐานไว้ก่อนคือตำแหน่งหัวเขาเวลากดบันไดลงเมื่อขาจานอยู่แนวขนานพื้น หัวเขาไม่ตรงหรือเยื้องมากเกินไปกับแกนบันได ทำให้กล้ามเนื้อทำงานหนักครับ
หรือถ้าเซตจักรยานลงตัวแล้วลองดูเทคนิคการปั่นทางไกล โดยคุณเมาธา เปรมแสง
ผมขอเตือนนักขี่จักรยานทางไกลทั้งต่อเนื่องติดด่อกันหลายวันหรือวันเดียวก็ตามหรือเพื่อออกกำลังกายเพื่อสุขภาพครับ
-ข้อแรกสำคัญที่สุด อย่าผลักดันตัวเอง ตามคนที่มีความสามารถสูงกว่าโดยเด็ดขาด
-ข้อสองเดินทางเป็นกลุ่มเอาคนที่มีความสามารถน้อยสุดมาเป็นตัวตั้ง คือเป็นตัวมาตรฐานการเดินทางครับ
-ข้อสามประชุมหารือกันก่อนออกเดินทาง ให้ทุกคนยอมรับวิธีการตามข้อสองให้ได้
-ข้อสี่ควบคุมการขี่ให้อยู่ไม่ให้เกินโซน2ของการออกกำลังกายคือประมาณ65-75%ของความสามารถสูงสุด
ของคนที่มีความสามารถน้อยที่สุดขณะนั้นครับ
-ข้อห้าห้ามขี่แบบบ้าพลังอัดแข่งกันไปเหนื่อยแล้วพัก หายเหนื่อยแล้วขี่ต่อครับ ซึ่งมีข้อเสียอย่างมากมาย
วิธีนี้ไม่สามารถนำมาขี่ทางไกลได้ครับ แม้แต่ แล้มป์ แชมป์3 สมัยก็ไม่ใช้วิธีขี่แบบนี้ครับ
-ถ้าใช้วิธีตามข้อห้า ผลเสียคือ
1. การหลั่งของกรดแลคติคอย่างรวดเร็วเพราะเข้าสู่โซนอแนโรบิค กรดนี้มีผลทำลายกล้ามเนื้อ
มีอาการดังนี้คือหลังจากหยุดพักแล้วขี่ต่อ จะปวดล้ากล้ามเนื้อทั้งๆที่มีแรงขี่ต่อ กรดนี้ร่างกายสร้าง
เป็นอัตโนมัตืเพื่อหยุดให้เราทรมานร่างกายอีกต่อไป คือคูณต้องหยุดขี่นั่นเอง
2.กรดนี้จะสะสมอยู่ในร่างกายอีก 2-3 วันซึ่งจะมีผลกับการขี่วันต่อไป ถ้ายังใช้การขี่แบบนี้อยู่
กรดก็จะหลั่งสะสมเพื่มอีก ถ้าไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการขี่ ท่านก็จะมีอาการจมกรดในที่สุดครับ
3. เสี่บงต่อการทำงานของหัวใจอยู่ใน MAX HR บ่อยเกินไป หัวใจก็โต ผลเสียเฉียบพลัน
ต่อหัวใจอีกมากมาย
4. การใช้พลังงานไม่สมดุล เพราะโซนนี้เป็นโซนอแนโรบิคซึ่งใช้พลังงานจากคารโบไฮเดรต80-90%ที่เหลือเป็นไขมัน เมี่อเชื้อเพลิงจากคาร์โบไฮเดรตหมดเราก็ล้าและหมดแรงในที่สุด ทำให้ขาดความทนทาน ระยะทางการขี่ต่อวันจะน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใช้การขี่โซน2ซึ่งเป็นโซนแอโรบิคร่างกายจะใช้พลังงาน ไขมัน/คาร์โบไฮเดรต 50/50 โดยประมาณ ซึ่งทำให้การเผาผลาญหมดจด และสมดุล ทำให้ขี่ได้ทนทานและได้ระยะทางต่อวันมากและร่างกายไม่เสียหายครับ
5. การหลั่งอะดีนาลีน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แก่ หง่อม
6. เกิดการสูญเสียน้ำอย่างรุนแรง และสูญเสียเกลือแร่มากับเหงื่อซึ่งเหงื่อมีหน้าที่ระบายความร้อน
- ข้อหก ก่อนออกเดินทางดื่มน้ำให้เพียงพอ แล้วดื่มน้ำแบบจิบทุกๆ20นาที
อย่ารอจนกระหายน้ำ ถ้ามีอาการกระหายน้ำแสดงว่าร่างกายเราขาดน้ำแล้วครับ
ข้อระวังการขาดน้ำอย่างรุนแรง จะมีอาการ ดังนี้คือเมื่อหยุดพักเหงื่อจะออกอย่างมาก
จนโชกตัว ตัวจะเย็นอาจเกิดการช์อคหมคสติได้ครับ วัธีแก้ไขคือ นอนราบ สักพักแล้วดื่มน้ำ
อีกสักพักค่อยดื่มเกลือแร่ตาม นอนจนดีชึ้น แล้วไปพักผ่อนต่อ โดยหยุดขี่ต่อทันทีครับ
อาการที่ว่านี้ภาษาออกกำลังกายเรียกว่า เกิดอาการ BONK ครับ
ขี่แล้ววูบ ขี่แล้วหน้ามืด เป็นลม สาเหตุส่วนมากเกิดจากอาการนี้ทั้งนั้นครับ
@ ถ้าขาดน้ำแต่ไม่มากจะปวดหัวครับแล้วปวดมากด้วย แบบนี้เรียกว่า BURN ครับ บางท่าน
เข้าใจผิดนึกว่าความดันขึ้น ตกใจไปกันใหญ่ครับ
การขี่จักรยานแล้วใช้พฤติกรรมแบบที่กล่าวถึงข้อห้าข้างบนนี้ มีค่าเท่ากับ คุณกำลังทำร้ายตัวเอง หรือ
คุณกำลังพยายามฆ่าตัวตายนั่นเองครับ
ติดตามเนื้ออื่นได้ครับ http://203.121.145.180/forum/viewtopic. ... e875b1fca1
ไอ้เขี้ยวตัน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
- bom001
- ขาประจำ
- โพสต์: 304
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 พ.ย. 2011, 09:11
- Tel: 0822556611
- team: หมูป่า โป่งน้ำร้อน
- Bike: mongoose. scott
- ตำแหน่ง: จันทบุรี
- bom001
- ขาประจำ
- โพสต์: 304
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 พ.ย. 2011, 09:11
- Tel: 0822556611
- team: หมูป่า โป่งน้ำร้อน
- Bike: mongoose. scott
- ตำแหน่ง: จันทบุรี
Re: เมื่อยขาไม่หาย
วันนี้ไปลองมาแล้วครับขี่ช้ากว่าทุกวันปรกติขี่ประมาณ30-40กม/ชมวันนี้ขี่แบบสบายๆ20-27กม/ชมระยะทางประมาณ35กมใช้เกียเบาๆแบบขี่สบายๆกลับมาไม่มีอาการล้าที่ขาขี่สนุกขึ้นกลับมายังลองบนเทนเนออีก20นาทีสบายๆเลยครับอ้อผมลืมบอกผมขี่เสือภูเขาครับแล้วเมื่อวานก็พัก1วันขอบคุณมากเลยครับ
ไอ้เขี้ยวตัน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
- Dhandranunda
- ขาประจำ
- โพสต์: 9598
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
- Tel: 083970โหลโหลโหล
- team: ไม่มี
- Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX
Re: เมื่อยขาไม่หาย
ขอถามหน่อยครับ คือจะไปทริปประเพณีกทม หัวหิน ทีนี้ช่วงนี้รถผมพัง กำลังรอคันใหม่ ไม่ได้ปั่นมา 2 อาทิตย์ หลังจากได้รถใหม่มาจะมีเวลาแค่ 3 วันเองก็จะถึงวันกำหนดเดินทาง เห็นว่าเขาจะปั่นกันประมาณ 30-35
ยังไม่เคยปั่นรวดเดียวร่วม 200 ก.ม กลัวว่าการขาดการซ้อมจะทำให้ร่างกายทนไม่ไหว คิดว่าจะทำยังไงดีครับ ควรยกเลิกมั้ย
หรือไปได้เท่าที่ทำได้ แล้วขึ้นรถเซอร์วิสถ้าไปไม่ไหว
ยังไม่เคยปั่นรวดเดียวร่วม 200 ก.ม กลัวว่าการขาดการซ้อมจะทำให้ร่างกายทนไม่ไหว คิดว่าจะทำยังไงดีครับ ควรยกเลิกมั้ย
หรือไปได้เท่าที่ทำได้ แล้วขึ้นรถเซอร์วิสถ้าไปไม่ไหว
ขวด
The Power Of Slow Ride
The Power Of Slow Ride
- bom001
- ขาประจำ
- โพสต์: 304
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 พ.ย. 2011, 09:11
- Tel: 0822556611
- team: หมูป่า โป่งน้ำร้อน
- Bike: mongoose. scott
- ตำแหน่ง: จันทบุรี
Re: เมื่อยขาไม่หาย
ผมว่าถ้ามีโอกาศและเวลาก็น่าจะไปเอาแค่ไปไหวครับเก็บไว้เป็นประสพการผมก็อยากไปแต่ไม่มีโอกาศถ้าเป็นผมนะครับจะซ้อมแบบเบา
ๆไม่ให้ร่างกายล้ามากเพราะมีเวลาซ้อมน้อยไปแล้วก็ไปปั่นด้วยใจครับแข่งกะตัวเองหัวหินทริปในฝันครับอันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ๆไม่ให้ร่างกายล้ามากเพราะมีเวลาซ้อมน้อยไปแล้วก็ไปปั่นด้วยใจครับแข่งกะตัวเองหัวหินทริปในฝันครับอันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ไอ้เขี้ยวตัน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
หมูป่าโป่งน้ำร้อน
- SekRanger
- ขาประจำ
- โพสต์: 678
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 12:11
- team: ห่อหมกทีม
- Bike: หมอบ Masi Alare สีดำเดิมๆ
- ตำแหน่ง: ถ.เทพารักษ์ กม.3 สมุทรปราการ
Re: เมื่อยขาไม่หาย
คิดว่า overtrained ครับ
ควรมีวันพักบ้าง ใจเราไหว แต่ร่างกายมันมีขีดจำกัดของมันครับ
ควรมีวันพักบ้าง ใจเราไหว แต่ร่างกายมันมีขีดจำกัดของมันครับ
เป้าหมายแรกของมือใหม่ แซงขาแรงที่สนามบินฯ ด้วยรถเดิมๆ
[เอ็น - ดู - หลาน]
[เอ็น - ดู - หลาน]
- aatmatnavoy
- ขาประจำ
- โพสต์: 120
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 13:53
- Tel: 0837555509
- Bike: louis garneau ทัวริ่ง จ้า
Re: เมื่อยขาไม่หาย
เหมือนผมเป๊ะเลย ต้องพักบ้างครับ เเล้วจะดีขึ้น....
- curfew race-bike
- ขาประจำ
- โพสต์: 104
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2012, 19:43
- team: bike-samin
- Bike: vintage
- ตำแหน่ง: กรุงเทพ
- Dhandranunda
- ขาประจำ
- โพสต์: 9598
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:58
- Tel: 083970โหลโหลโหล
- team: ไม่มี
- Bike: Merida Matts 70d /Masi Triple CX
Re: เมื่อยขาไม่หาย
ผมมีอาการปวดร้าวหัวไหล่ลามมาถึงต้นแขนข้างซ้ายครับ ข้างขวาไม่เป็น อาการมือชาก็เป็นบ้างธรรมดาครับ ใช้ปลอกแฮนด์ลดมือชาแบบป้าน ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรจึงเป็นข้างเดียว หรือว่าแขนซ้ายขวามันไม่เท่ากัน ระยะเอื้อมจึงต่างกันเล็กน้อย
ขวด
The Power Of Slow Ride
The Power Of Slow Ride