Re: การฝึกยืดกล้ามเนื้อบริเวณส่วนต่างๆของร่างกายสำหรับเพื่อนนักปั่นที่มีปัญหาครับ
โพสต์: 27 มิ.ย. 2011, 00:33
ขอตอบพี่เสือแมว เกี่ยวกับการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อลดการเมื่อยล้า การปวดของกล้ามเนื้อหลังจากการปั่นและออกทริปยาว หรืออาจใช้ระหว่างทริปเพื่อให้การปั่นในวันต่อมาไม่ล้ามากเกินไป
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นอาการที่พบบ่อยมากซึ่ง สาเหตุส่วนใหญ่ได้แก่
- ออกกำลังกายหักโหมเกินไป ปั่นทริปยาวๆ หลายๆวัน
- อยู่ในท่าที่เสียสมดุลของกล้ามเนื้อ นั่งก้มอยู่บนหลังอาน การหดเข่า ยืดเข่าตลอดการปั่น การเกร็งกล้ามเนื้อหลัง คอ ท่อนแขน
- ออกแรงลาก เข็น ดัน จักรยานด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม(เพราะมันหนักมาก) กรณีปั่นขึ้นเขาแล้วหมดแรง
- เกิดความเครียดเกินไป ภายใต้ภาวะเครียดฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน(มีฤทธิ์คลายเครียด แก้ปวด) ลดน้อยลง ทำให้เกิดการเจ็บปวดให้ง่ายขึ้น แต่ถ้าทริปที่ปั่นสนุก เอ็นโดรฟินหลั่งมากก็จะทำให้สบาย มีความสุข การเมื่อยล้าจะลดลงอย่างอัศจรรย์ใจ
โดยปกติอาการปวดเมื่อยมักหายได้เองครับเมื่อได้รับการพักผ่อนที่พอเพียง เมื่อกล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย สิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดีขึ้นคือ การยืดกล้ามเนื้อ การนวด การประคบร้อน การอาบน้ำอุ่น และสุดท้ายการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ ข้อปฏิบัติ 4 อย่างแรกที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ เป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องซื้อหาดำเนินการได้เอง โดยเฉพาะการยืดกล้ามเนื้อและการปั่นแบบเบาๆก่อนจบทริประหว่างวัน ส่วนยาคลายกล้ามเนื้อต้องซื้อจากร้านยา ที่ถูกควรต้องได้รับคำแนะนำการใช้จากแพทย์หรือเภสัชกร
1. เมโทคาร์บามอล(METHOCARRAMOL)
ชื่อการค้า เช่น โรแบกซิน (ROBAXIN), มัยโอเมทอล (MYOMETHOU, รีแลกซอน (REZLAXON) เป็นต้น
สรรพคุณ : ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ผลข้างเคียง : ที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการตาพร่ามัว, เห็นภาพซ้อน, มึนงง, ง่วงนอน, รู้สึกคล้ายศีรษะลอยและปวดหัว
อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลง เมื่อร่างกายปรับตัวได้
ผลข้างเคียงที่พบน้อยคือ ทำให้มีไข้, คลื่นไส้
ผลข้างเคียงที่รุนแรงคือ ผื่นที่ผิวหนังและเยื่อบุจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ดังนั้น ถ้ามีอาการคัน, ผื่นขึ้น, คัดจมูก หรือจุดเลือดออกในตาระหว่างที่กินยานี้ ให้หยุดยาทันที และรีบไปพบแพทย์
ข้อควรระวัง : ถ้าเป็นโรคไตหรือโรคลมชักอยู่ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพราะการฉีดยาเมโทคาร์บามอล ทำให้โรคไตและโรคลมชักทรุดลง ถ้ากำลังกินยากันชัก, ยาแก้ปวด, ยานอนหลับ, ยาแก้ซึมเศร้า, ยาคลายกังวล (ยากล่อมประสาท) ต้องบอกให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
อย่าดื่มสุรา, เบียร์ หรือสิ่งมึนเมาทุกชนิดในระหว่างกินยาชนิดนี้ ถ้ากำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมลูก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ควรใช้ยานี้
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ :
ครั้งละ 1.5-2 กรัม (3-4 เม็ด) วันละ 4 ครั้งใน 3 วันแรก แล้วลดลงเหลือครั้งละ 1 กรัม (2 เม็ด) วันละ 4 ครั้ง ราคา ขนาดเม็ด 500 มิลลิกรัม
2. ไดอะซีแพม(DLAZEPAM)
เป็นยาคลายกังวลและมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อด้วย จึงนำมาใช้เพื่อแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ในทางปฏิบัติ อาการเกร็งกล้ามเนื้อ มักทำให้เกิดอาการปวดร่วมด้วยเสมอ จึงจำเป็นต้องให้ยาแก้ปวดร่วมด้วย ยาแก้ปวดที่ใช้ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อ อาจเป็นพาราเซตามอล หรือแอสไพรินก็ได้
วิธีบีบนวด, ประคบร้อน, ทำสมาธิ และอาบน้ำอุ่น ล้วนช่วยเสริมฤทธิ์การรักษาของยา สามารถใช้แทนยาได้ และช่วยให้สามารถลดขนาดยาให้น้อยลง
3. นอร์จีสิค(Norgesic)
คือยาที่เป็นส่วนผสมของพาราเซตตามอล และ ออร์ฟรีนาร์ดีน
ตัวยาพาราเซตตามอลจะไม่กัดกระเพาะ แต่ส่วนของ orphenadrine มีอาการข้างเคียง คือ มึนงงและง่วงนอน
ผลข้างเคียง ก็จะมีอาการ ผื่นขึ้น คัน หรือลมพิษ ใบหน้า ริมฝีปากหรือลิ้นบวม หายใจลำบาก มีไข้ เจ็บคอ สับสน ประสาทหลอน การมองเห็นเปลี่ยนไป ใจสั่น (palpitation) หรือชีพจรเต้นเร็ว มีเลือดออกหรือฟกช้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ บริเวณตาขาวหรือผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เหนื่อยหรืออ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ อาเจียน
4. ไดโคฟีแนค(Diclofenac) เป็นยาประเภท เอ็นเซด (NSAID) มีฤทธิ์ลด การอักเสบ ในโรค ข้ออักเสบ (arthritis) หรือ การบาดเจ็บ ชนิดเฉียบพลัน และสามารถใช้ลดอาการปวด ประจำเดือน
ชื่อทางการค้าดังนี้
โวลทาเรน® (Voltaren) โวลทารอล® (Voltarol) คาทาแฟลม® (Cataflam)
ส่วนประกอบหลัก
ชนิดป้องกันการถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะ (25 and 50 มก),
สูตรกระจายตัวเร็ว (50 มก),
สูตรควบคุมการปล่อยตัวยาช้าๆ (75, 100 or 150 มก),
ยาเหน็บ (50 and 100 มก),
ยาฉีด (50 and 75 มก)
5. ไอบูโปรเฟน(Ibuprofen) เป็นยาบรรเทาอาการปวดประเภทเอ็นเซด(nonsteroidal anti-inflammatory drug-NSAID)
ชื่อการค้ามีมากมาย เช่นแอกต์-3 (Act-3) แอดวิล (Advil) บรูเฟน (Brufen) โมตริน (Motrin) นูปริน (Nuprin) นูโรเฟน (Nurofen) อันนี้ลักลอบขายในไทยแบบผิดกฏหมาย
ไอบูโปรเฟนใช้รักษาข้ออักเสบ (arthritis) อาการปวดระดู (dysmenorrhoea) เป็นไข้ (fever) ยาบรรเทาปวด (analgesic) และ การอักเสบ ไอบูโปรเฟนเป็นผลงานการวิจัยและพัฒนาของ กลุ่มบริษัทบูตส์
ข้อบ่งใช้ไอบูโปรเฟนใช้รักษาโรคได้ดังตอไปนี้: รูมาตอยด์ อาร์ทริติส (rheumatoid arthritis) ออสทีโออาร์ทริติส (osteoarthritis) รูมาตอยด์ อาร์ทริติส ในเด็ก (juvenile rheumatoid arthritis) อาการปวดระดู (primary dysmenorrhoea) ไข้ (fever) รักษาอาการปวดและอักเสบทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง บรรเทาอาการ ปวดหัว โดยเฉพาะ ไมเกรน (migraine)
กลไกการออกฤทธ์ไอบูโปรเฟนเป็นเอ็นเซดที่เชื่อกันว่ามันมีฤทธ์ยับยั้งเอ็นไซม์ไซโคลออกซีจีเนส (COX) เป็นผลให้เกิดการยับยั้งการสังเคราะห์โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin)
ผลข้างเคียงพบว่าไอบูโปรเฟนที่ขนาดการใช้ต่ำๆ มีผลข้างเคียงต่อทางเดินอาหาร (gastrointestinal) น้อยมาก ในตำรับที่เป็นOTC (over-the-counter) จะระบุว่าปริมาณการใช้สูงสุดไม่ควรเกินวันละ 1.2 กรัม
จะเห็นว่าตัวยาสำหรับคลายกล้ามเนื้อนั้นมีผลข้างเคียงแอบแฝงมาทุกตัว(จะผลมากผลน้อยอยู่ที่ผู้ใช้) ผมเลยไม่รู้จะแนะนำยาแบบไหนที่จะให้พี่เสือแมวติดตัวไประหว่างทริปจริงๆครับ เพราะอาการแพ้ยา และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นในแต่ละคนไม่เท่ากัน(โดยส่วนใหญ่ นอร์จีสิกจะเป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะมีส่วนผสมของยาคลายกล้ามเนื้อน้อยที่สุด แต่ก็ทำให้เกิดอาการดื้อยามากที่สุดด้วยเช่นกันปกติใครทานยาตัวนี้ต้องมีอาการง่วงนอน มึนงง แต่พอกินบ่อยครั้งเข้าจะเห็นว่าไม่มีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นเลย) การทนทานต่อยาเป็นส่วนสำคัญครับ ของผมจะใช้ยาพาราเซตตามอลของไทลีนอลเป็นหลัก ถ้าไม่ไหวจริงๆ และเน้นการทานอาหารที่ถูกต้อง การยืดก่อนและหลังปั่น การวอร์มอัพและคูลดาวน์ในช่วงการเริ่มทริปและก่อนจบทริป ที่สำคัญมากที่สุดของผมคือ เลือกทริปการเดินทางที่ความสามารถของตัวเองไปถึงครับ ผมเป็นหมอที่ไม่แนะนำให้ลูกค้าใช้ยา แนะนำให้ใช้แพทย์ทางเลือกมากกว่าครับ ไม่รู้ว่าคำตอบจะตรงกับที่พี่เสือแมวถามหรือเปล่านะครับ ต้องขอโทษจริงๆที่แนะนำไม่ได้แต่ให้ข้อมูลไว้ตัดสินใจดีกว่าครับ
(ข้อมูลในเรื่องของยาบางส่วน ขอขอบคุณหนังสือหมอชาวบ้าน และ WIKI PEDIA ครับ)
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นอาการที่พบบ่อยมากซึ่ง สาเหตุส่วนใหญ่ได้แก่
- ออกกำลังกายหักโหมเกินไป ปั่นทริปยาวๆ หลายๆวัน
- อยู่ในท่าที่เสียสมดุลของกล้ามเนื้อ นั่งก้มอยู่บนหลังอาน การหดเข่า ยืดเข่าตลอดการปั่น การเกร็งกล้ามเนื้อหลัง คอ ท่อนแขน
- ออกแรงลาก เข็น ดัน จักรยานด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม(เพราะมันหนักมาก) กรณีปั่นขึ้นเขาแล้วหมดแรง
- เกิดความเครียดเกินไป ภายใต้ภาวะเครียดฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน(มีฤทธิ์คลายเครียด แก้ปวด) ลดน้อยลง ทำให้เกิดการเจ็บปวดให้ง่ายขึ้น แต่ถ้าทริปที่ปั่นสนุก เอ็นโดรฟินหลั่งมากก็จะทำให้สบาย มีความสุข การเมื่อยล้าจะลดลงอย่างอัศจรรย์ใจ
โดยปกติอาการปวดเมื่อยมักหายได้เองครับเมื่อได้รับการพักผ่อนที่พอเพียง เมื่อกล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย สิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้กล้ามเนื้อคลายตัวได้ดีขึ้นคือ การยืดกล้ามเนื้อ การนวด การประคบร้อน การอาบน้ำอุ่น และสุดท้ายการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ ข้อปฏิบัติ 4 อย่างแรกที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ เป็นสิ่งที่ทำได้โดยไม่ต้องซื้อหาดำเนินการได้เอง โดยเฉพาะการยืดกล้ามเนื้อและการปั่นแบบเบาๆก่อนจบทริประหว่างวัน ส่วนยาคลายกล้ามเนื้อต้องซื้อจากร้านยา ที่ถูกควรต้องได้รับคำแนะนำการใช้จากแพทย์หรือเภสัชกร
1. เมโทคาร์บามอล(METHOCARRAMOL)
ชื่อการค้า เช่น โรแบกซิน (ROBAXIN), มัยโอเมทอล (MYOMETHOU, รีแลกซอน (REZLAXON) เป็นต้น
สรรพคุณ : ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ผลข้างเคียง : ที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการตาพร่ามัว, เห็นภาพซ้อน, มึนงง, ง่วงนอน, รู้สึกคล้ายศีรษะลอยและปวดหัว
อาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลง เมื่อร่างกายปรับตัวได้
ผลข้างเคียงที่พบน้อยคือ ทำให้มีไข้, คลื่นไส้
ผลข้างเคียงที่รุนแรงคือ ผื่นที่ผิวหนังและเยื่อบุจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ดังนั้น ถ้ามีอาการคัน, ผื่นขึ้น, คัดจมูก หรือจุดเลือดออกในตาระหว่างที่กินยานี้ ให้หยุดยาทันที และรีบไปพบแพทย์
ข้อควรระวัง : ถ้าเป็นโรคไตหรือโรคลมชักอยู่ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพราะการฉีดยาเมโทคาร์บามอล ทำให้โรคไตและโรคลมชักทรุดลง ถ้ากำลังกินยากันชัก, ยาแก้ปวด, ยานอนหลับ, ยาแก้ซึมเศร้า, ยาคลายกังวล (ยากล่อมประสาท) ต้องบอกให้แพทย์ทราบล่วงหน้า
อย่าดื่มสุรา, เบียร์ หรือสิ่งมึนเมาทุกชนิดในระหว่างกินยาชนิดนี้ ถ้ากำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมลูก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ควรใช้ยานี้
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ :
ครั้งละ 1.5-2 กรัม (3-4 เม็ด) วันละ 4 ครั้งใน 3 วันแรก แล้วลดลงเหลือครั้งละ 1 กรัม (2 เม็ด) วันละ 4 ครั้ง ราคา ขนาดเม็ด 500 มิลลิกรัม
2. ไดอะซีแพม(DLAZEPAM)
เป็นยาคลายกังวลและมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อด้วย จึงนำมาใช้เพื่อแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ในทางปฏิบัติ อาการเกร็งกล้ามเนื้อ มักทำให้เกิดอาการปวดร่วมด้วยเสมอ จึงจำเป็นต้องให้ยาแก้ปวดร่วมด้วย ยาแก้ปวดที่ใช้ร่วมกับยาคลายกล้ามเนื้อ อาจเป็นพาราเซตามอล หรือแอสไพรินก็ได้
วิธีบีบนวด, ประคบร้อน, ทำสมาธิ และอาบน้ำอุ่น ล้วนช่วยเสริมฤทธิ์การรักษาของยา สามารถใช้แทนยาได้ และช่วยให้สามารถลดขนาดยาให้น้อยลง
3. นอร์จีสิค(Norgesic)
คือยาที่เป็นส่วนผสมของพาราเซตตามอล และ ออร์ฟรีนาร์ดีน
ตัวยาพาราเซตตามอลจะไม่กัดกระเพาะ แต่ส่วนของ orphenadrine มีอาการข้างเคียง คือ มึนงงและง่วงนอน
ผลข้างเคียง ก็จะมีอาการ ผื่นขึ้น คัน หรือลมพิษ ใบหน้า ริมฝีปากหรือลิ้นบวม หายใจลำบาก มีไข้ เจ็บคอ สับสน ประสาทหลอน การมองเห็นเปลี่ยนไป ใจสั่น (palpitation) หรือชีพจรเต้นเร็ว มีเลือดออกหรือฟกช้ำโดยไม่ทราบสาเหตุ บริเวณตาขาวหรือผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง เหนื่อยหรืออ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ หน้ามืด เป็นลม หมดสติ อาเจียน
4. ไดโคฟีแนค(Diclofenac) เป็นยาประเภท เอ็นเซด (NSAID) มีฤทธิ์ลด การอักเสบ ในโรค ข้ออักเสบ (arthritis) หรือ การบาดเจ็บ ชนิดเฉียบพลัน และสามารถใช้ลดอาการปวด ประจำเดือน
ชื่อทางการค้าดังนี้
โวลทาเรน® (Voltaren) โวลทารอล® (Voltarol) คาทาแฟลม® (Cataflam)
ส่วนประกอบหลัก
ชนิดป้องกันการถูกทำลายโดยกรดในกระเพาะ (25 and 50 มก),
สูตรกระจายตัวเร็ว (50 มก),
สูตรควบคุมการปล่อยตัวยาช้าๆ (75, 100 or 150 มก),
ยาเหน็บ (50 and 100 มก),
ยาฉีด (50 and 75 มก)
5. ไอบูโปรเฟน(Ibuprofen) เป็นยาบรรเทาอาการปวดประเภทเอ็นเซด(nonsteroidal anti-inflammatory drug-NSAID)
ชื่อการค้ามีมากมาย เช่นแอกต์-3 (Act-3) แอดวิล (Advil) บรูเฟน (Brufen) โมตริน (Motrin) นูปริน (Nuprin) นูโรเฟน (Nurofen) อันนี้ลักลอบขายในไทยแบบผิดกฏหมาย
ไอบูโปรเฟนใช้รักษาข้ออักเสบ (arthritis) อาการปวดระดู (dysmenorrhoea) เป็นไข้ (fever) ยาบรรเทาปวด (analgesic) และ การอักเสบ ไอบูโปรเฟนเป็นผลงานการวิจัยและพัฒนาของ กลุ่มบริษัทบูตส์
ข้อบ่งใช้ไอบูโปรเฟนใช้รักษาโรคได้ดังตอไปนี้: รูมาตอยด์ อาร์ทริติส (rheumatoid arthritis) ออสทีโออาร์ทริติส (osteoarthritis) รูมาตอยด์ อาร์ทริติส ในเด็ก (juvenile rheumatoid arthritis) อาการปวดระดู (primary dysmenorrhoea) ไข้ (fever) รักษาอาการปวดและอักเสบทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง บรรเทาอาการ ปวดหัว โดยเฉพาะ ไมเกรน (migraine)
กลไกการออกฤทธ์ไอบูโปรเฟนเป็นเอ็นเซดที่เชื่อกันว่ามันมีฤทธ์ยับยั้งเอ็นไซม์ไซโคลออกซีจีเนส (COX) เป็นผลให้เกิดการยับยั้งการสังเคราะห์โพรสตาแกลนดิน (prostaglandin)
ผลข้างเคียงพบว่าไอบูโปรเฟนที่ขนาดการใช้ต่ำๆ มีผลข้างเคียงต่อทางเดินอาหาร (gastrointestinal) น้อยมาก ในตำรับที่เป็นOTC (over-the-counter) จะระบุว่าปริมาณการใช้สูงสุดไม่ควรเกินวันละ 1.2 กรัม
จะเห็นว่าตัวยาสำหรับคลายกล้ามเนื้อนั้นมีผลข้างเคียงแอบแฝงมาทุกตัว(จะผลมากผลน้อยอยู่ที่ผู้ใช้) ผมเลยไม่รู้จะแนะนำยาแบบไหนที่จะให้พี่เสือแมวติดตัวไประหว่างทริปจริงๆครับ เพราะอาการแพ้ยา และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นในแต่ละคนไม่เท่ากัน(โดยส่วนใหญ่ นอร์จีสิกจะเป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะมีส่วนผสมของยาคลายกล้ามเนื้อน้อยที่สุด แต่ก็ทำให้เกิดอาการดื้อยามากที่สุดด้วยเช่นกันปกติใครทานยาตัวนี้ต้องมีอาการง่วงนอน มึนงง แต่พอกินบ่อยครั้งเข้าจะเห็นว่าไม่มีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นเลย) การทนทานต่อยาเป็นส่วนสำคัญครับ ของผมจะใช้ยาพาราเซตตามอลของไทลีนอลเป็นหลัก ถ้าไม่ไหวจริงๆ และเน้นการทานอาหารที่ถูกต้อง การยืดก่อนและหลังปั่น การวอร์มอัพและคูลดาวน์ในช่วงการเริ่มทริปและก่อนจบทริป ที่สำคัญมากที่สุดของผมคือ เลือกทริปการเดินทางที่ความสามารถของตัวเองไปถึงครับ ผมเป็นหมอที่ไม่แนะนำให้ลูกค้าใช้ยา แนะนำให้ใช้แพทย์ทางเลือกมากกว่าครับ ไม่รู้ว่าคำตอบจะตรงกับที่พี่เสือแมวถามหรือเปล่านะครับ ต้องขอโทษจริงๆที่แนะนำไม่ได้แต่ให้ข้อมูลไว้ตัดสินใจดีกว่าครับ
(ข้อมูลในเรื่องของยาบางส่วน ขอขอบคุณหนังสือหมอชาวบ้าน และ WIKI PEDIA ครับ)