การฝึกยืดกล้ามเนื้อบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และการกายภาพบำบัดรักษาอาการปวดหลังด้วยตนเอง

[Tukky]

ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่มอบให้ทุกคน อ่านแล้วไปลองทำดู
เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ สำหรับมือใหม่หัดขี่จักรยานค่ะ

[openroad]

สวัสดีครับ กลับมาจากเชียงใหม่เมื่อวานครับได้ไปเที่ยวสวนสัตว์เชียงใหม่มาด้วยครับ ไปดูหลินปิง หลินฮุยและช่วงช่วง มาครับ
ขอขอบคุณพี่ Tukky ที่เข้ามาให้กำลังใจนะครับ
ขอตอบคำถามแรกก่อนเกี่ยวกับ ความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับการใช้เท้านวด หรือให้ลูกหลานขึ้นไปเหยียบ หรือให้หมอนวดเหยียบจริงๆหลักการนวดที่ถูกต้องในแต่ละศาสตร์ก็มีหลักการที่แตกต่างกันออกไป เช่น การกดจุดและฝังเข็มเน้นลมปราณ นวดแบบอินเดียก็เน้นลมหายใจคล้ายๆกับหลักการของโยคะ นวดแบบไทยใช้การจับเส้นและธาตุต่างๆ เช่น ธาตุไฟ การนวดด้วยเท้าก็เช่นกันเป็นศาสตร์ของการนวดชนิดหนึ่งครับ ในสปาระดับห้าดาวนั้นจะมีเตียงนวดที่มีราวอยู่ด้านบนเพื่อที่จะให้หมอนวดขึ้นไปจับราว แล้วใช้นิ้วเท้า ฝ่าเท้า ส้นเท้า นวดให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะหมอนวดผู้หญิงนั้นถ้าต้องการนวดให้แรงและเข้าถึงเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ อาจจำเป็นต้องใช้เท้านวด แทนที่จะใช้นิ้วมือหรือข้อศอกซึ่งอาจจะไม่มีแรงพอ ในการนวดแบบไทยนั้นจะมีคำว่าธาตุอยู่ ถ้าหมอนวดมีความแข็งแรงของข้อนิ้วและข้อมือต่ำ อาจทำให้ธาตุของลูกค้า แทรกเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เพราะเวลานวดลูกค้า เวลากด(Action) จะมีแรงสะท้อน(Reaction) กลับมาสู่ผู้นวดเสมอครับ ทำให้ผู้นวดมีการเจ็บนิ้วและข้อมือได้ง่าย หมอนวดบางคนถึงกับป่วยเลยก็เยอะ ข้อดีของการนวดด้วยนิ้วจะทำให้สามารถรับรู้และสัมผัสถึง จุดกดเจ็บ(Injury spot) ได้โดยง่าย แต่ถ้าใช้เท้าก็อาจจะสัมผัสและรู้สึกได้ยากกว่าครับ แต่ถ้านวดตามแบบแผนไม่ใช่การรักษาก็ไม่มีความแตกต่างกัน นอกจากแรงที่กดของเท้าจะมากกว่านิ้วและข้อศอกเท่านั้นเอง ส่วนถ้าเราให้ลูกหลาน หมอนวดที่ไม่มีความชำนาญ ขึ้นไปเหยียบก็ทำให้เกิดอันตรายได้โดยง่าย ในกรณีของลูกหลานผมกลัวเด็กจะเหยียบพลาดแล้วตกมาหัวแตกมากกว่าครับ จะเหยียบให้เกิดการบาดเจ็บต่อคนอายุเยอะนั้นค่อนข้างยากยกเว้นแต่จะเหยียบลงไปบริเวณส่วนของข้อต่อ และกระดูกสันหลังนะครับ(คนแก่ไขมันเยอะ ไม่ต้องกลัวเจ็บหรอกครับ 555) แต่ถ้าคนโดนเหยียบนั้นมีการบาดเจ็บหรือเป็นผู้ป่วยที่เกี่ยวกับข้อต่อ กระดูก กล้ามเนื้ออักเสบ ผมไม่แนะนำให้ใช้การนวดแบบเหยียบ หรือจริงๆแล้ว การนวดโดยผู้ที่ไม่ชำนาญเฉพาะด้านครับ เพราะจะทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น จนอาจไม่สามารถกลับมาดีดังเดิมได้ครับ ตัวผมเองไม่เคยใช้เท้าเหยียบเวลารักษาลูกค้านะครับ เพราะแค่ใช้นิ้วก็พอเพียงแล้ว มากที่สุดคือใช้ข้อศอกกรณีต้องนวดนักกีฬาครับ แต่ผมเคยลองใช้บริการนวดโดยการใช้เท้าเหยียบครั้งนึงครับ ที่ อ.เชียงคาน จ.เลย ชื่อร้าน ยองเส้นให้แหลก หมอนวด ชื่อป้าก้อย อายุหกสิบกว่าละครับ คุณป้าแกช่างประยุกต์การนวดโดยใช้เท้าแต่แกจะจับกับผ้าขาวที่พาดกับขื่อในบ้านนั้นแหละครับ เป็นเตียงนวด สปาห้าดาวยังอายม้วนเลยทีเดียว ตอนไปให้แกนวดก็ต้องรอคิวนานมาก ไม่ใช่จะนวดกันได้ง่ายๆ ผมไปเชียงคานไม่ได้ไปเพราะจะไปเที่ยวนะครับ อยากไปดูว่าหมอนวดที่ใช้เท้านวด แล้วเค้าว่าเก่งมากๆๆนั้นเป็นอย่างไร ผมลองนวดแล้วต้องขอบอกว่าคุณป้าแกเก่งมากและเป็นมืออาชีพมากๆ ขยันศึกษาหาความรู้ทั้งจากวิทยาศาสตร์ด้านสรีรวิทยา และภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวไทลือ ผมยังขอถ่ายรูปคู่กับป้าก้อยมาด้วยซ้ำไปครับ ตอบมาซะยาวยืดนะครับ ไม่รู้ว่าตรงไหม แต่อยากจะบอกว่าถ้าพี่ๆเพื่อนท่านใด อยากจะใช้การนวดเพื่อคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการเจ็บ รักษาโรคต่างๆตามที่เค้าโฆษณากัน ก็อยากให้ใช้บริการหมอนวดที่มีความรู้จริงๆ แล้วอย่าเปลี่ยนหมอนวดบ่อยๆ หาหมอนวดคู่ใจจะดีกว่า หมอนวดจะได้รู้ว่าเรามีการบาดเจ็บตรงไหน ชอบการนวดแบบไหน และต้องการนวดแบบไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับ

[openroad]

เดียวพรุ่งนี้มาว่าต่อกันเรื่องของ Pelvic floor และตอบคำถามของคุณ ospop นะครับ

[เณรแอร์]

ขอบคุณครับ

[s_prom]

ขอบคุณครับคุณไก่ ตอนนี้อาการของผมดีขึ้นเกือบเป็นปกติ รักษาอาการโดย ยืดกล้ามเนื้อ ประคบด้วยลูกประคบสมุนไพร(ซื้อจากรพ.)นอกจากมีสรรพคุณทางยาแล้วความร้อนช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น(คิดเออออเอาเองใช่รึเปล่าหมอ) เหยียบเน้นเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อเท่านั้น และหยุดพักการใช้กล้ามเนื้อชั่วคราว ถ้ามีการใช้ก็ไม่ให้เกินกำลัง คาดว่าอีกไม่นานสามารถออกทรปได้

[openroad]

ถูกต้องแล้วครับพี่ s_prom การประคบด้วยร้อนทำให้เส้นเลือดขยายตัวได้ดี กล้ามเนื้อคลายตัว เส้นเอ็นต่างๆ "ผ่อนคลายลง" ผสมกับการนวดไล่เส้นเพื่อขับของเสียออก กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เลือดเดินทางดีขึ้นครับ ดีใจจริงๆครับที่อาการต่างๆดีขึ้น แต่อย่าต่ั้งอยู่บนความประมาทนะครับ จะให้หายและดีขึ่นจริงๆต้องใช้เวลาไม่ตำ่กว่า 4 เดือน ผมอยากให้เรียกว่า ยังอยู่ในขั้น rehapability ละกันครับ ถ้าจะออกทริปก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ เอาใจช่วยอย่างแรง

[เสือแมว]

มายืนยันครับ การยืดกล้ามเนื้อมีประโยชน์มากจริงๆ ผมปั่นจากภูหินล่องกล้า ออก 6 โมง ไปภูทับเบิก ลงภูทับเบิกกินข้าวเที่ยงที่บ้านน้ำก้อ อ.หล่มสัก กลับถึงพิษณุโลก 2 ทุ่ม 200 กม. กล้ามเนื้อยังรับไหวครับ แต่ส่วนที่รับไม่ได้คือ ก้นแตกครับ

[openroad]

เก่งโคตรๆอะครับ พี่เสือแมว

[openroad]

(ขอระบายหน่อยนะครับ ผมได้เขียนเกี่ยวกับ power house อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง พอเขียนเสร็จ ก็อัพโหลดรูป พออัพเสร็จไอ้ที่เขียนมาหายไปหมดครับ เขียนยาวมากผมนี่เป็นละอ่อนสำหรับการใช้อินเตอร์เน็ตจริงๆ ต้องมาเขียนใหม่หมด )
Pelvic=เพลวิค=เกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน
Pelvis=เพลวิส=กระดูกเชิงกราน
floor=พื้น=ในที่นี้แปลว่าชั้นในสุด ชั้นล่างสุด
Pelvic floor คือกลุ่มของกล้ามเนื้อชั้นในของช่วงกลางลำตัว(Trunk) และกล้ามเนื้อรอบกระดูกเชิงกราน(Pelvis) ทำหน้าที่สร้างความมั่นคง ความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เช่น การก้มตัว การยืดตัว การเอี้ยวตัว การอยู่นิ่ง โดยปัจจัยที่สำคัญต่อความแข็งแรงของ Pelvic floor คือ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก สรีระของกระดูกสันหลังของแต่ละคน ความยืดหยุ่นของร่างกาย ในบริเวณช่วงกลางลำตัว ช่วงกลางลำตัวมีกระดูสันหลังอยู่ 5 ข้อ และกระดูกเชิงกรานอีก 1 อัน การกระโดด การพุ่งตัว การยกตัว การวิ่งแบบสปีด การปั่นแบบเพิ่มความเร็ว การยืน การเดิน จะเรียกว่าทุกการเคลื่อนไหวที่ต้องการพลังจำเป็นต้องมีช่วงกลางลำตัวที่แข็งแรง กล้ามเนื้อในบริเวณนี้ คือ
1. กล้ามเนื้อหน้าท้องชั้นบน(Rectus abdominis) จะเป็นกล้ามเนื้อที่ติดกับผิวหนังและชั้นไขมัน ทำงานเมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกาย
2. กล้ามเนื้อหน้าท้องชั้นลึก(Transverse abdominis) กล้ามเนื้อหน้าท้องที่ติดกับอวัยวะภายใน เช่น ช่องท้อง ลำไส้ ทำงานเมื่อร่างกายอยู่กับที่ ไม่มีการเคลื่นไหว และที่สำคัญที่สุดคือ "เมื่อเรากำลังจะเกิดการเคลื่อนไหว"
3. กล้ามเนื้อหน้าท้องด้านข้างชั้นบน(External oblique) หรือ สีข้าง
4. กล้ามเนื้อหน้าท้องด้านข้างชั้นใน(Internal oblique) หรือ สีข้าง สังเกตว่าภาษาไทยและภาษาอังกฤษจะเรียกต่างกันครับ ของเค้ามีทั้ง นอก-ใน ของเราเรียกแค่ สีข้าง
5. กล้ามเนื้อหลังล่าง(back extensor) ในกลุ่มกล้ามเนื้อหลังล่างมีอยู่มากมายครับ เช่น multifidis sacrospinalis มีอีกเยอะครับ แสดงว่าคนที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลังล่าง เช่น โรคปวดหลัง โรคหลังล่างเสื่อม โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หรือ โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม โรคพวกนี้เป็นชนิดเรื้อรังและเกิดจากตัวของผู้ป่วยเองเป็นสำคัญ คือ ไม่ดูแลร่างกายเลย ใครเป็นโรคนี้แล้วรักษาไม่หายนะครับ(เหมือนเป็นขนมหวานของหมอ คลีนิก โรงพยาบาล เพราะค่ารักษาแพง เลือดโชกทีเดียว ) ต้องจำไว้ครับ เน้นป้องกัน อย่าเน้นรักษา เน้นเข้มแข็ง ไม่ให้อ่อนแอ
6. กล้ามเนื้อรอบบริเวณของกระดูกเชิงกราน เช่น กล้ามเนื้อก้น กล้ามเนื้อรอบอวัยวะเพศ เช่นการฝึกขมิบ ฝึกคล้ายๆกับการกลั้นฉี่
ทั้ง 6 กลุ่มกล้ามเนื้อก็คือ บ่อเกิดของพลังที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของร่างกายครับ ไว้ผมจะค่อยๆลงท่าออกกำลังกาย และท่ายืดกล้ามเนื้อ พร้อมรูปประกอบให้ดูครับ

[openroad]

รูปต่อนะครับ เดียวคืนนี้มาตอบกระทู้ของคุณ ospop

[s_prom]

ขอบคุณมากครับคุณไก่ที่แบ่งปันความรู้และช่วยเหลือชาวเราจักรยาน บางครั้งการทำกิจกรรมเกินสังขารตัวเอง ความรู้ที่ได้รับช่วยให้รู้จักพิจารณาสังขารบ้าง เพื่อลดหรือป้องกันอาการบาดเจ็บ สำหรับผู้ที่มีการบาดเจ็บก็พอจะพิจารณาตัวเอง ว่าควรจะหาทางออกอย่างไร การสร้างความตระหนักจึงคิดว่าสำคัญกว่าการมานั่งแก้ปัญหา

[openroad]

ผมตอบกระทู้ให้คุณ ospop สองรอบครับ ข้อมูลหายสองรอบ

[openroad]

จากข้อมูลของคุณ ospop ผมคิดว่าน่าจะเกิดจากการขาดวิตามิน B ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับการส่งกระแสประสาท เมื่อขาดจะทำให้เกิดการชาที่ปลายนิ้วและอุ้งมือเพราะเป็นส่วนที่โดนกดทับเนื่องจากการปั่นจักรยานครับ และขอแนะนำให้ฝึกความแข็งแรงของข้อมือ อุ้งมือ และนิ้วมือ โดยการบีบลูกบอลยางง่ายๆแต่ได้ผลเป็นอย่างมากผมได้ถ่ายรูปประกอบมาให้ด้วยครับ ส่วนการเสริมหรือทานวิตามิน B เสริมก็ควรทานควบคู่กันไปด้วย

[ospop]

ขอบคุณ คุณopenroad มาครับ
วันนี้ไปงาน bangkok bicycle sunday มาครับ
ก็ยังชาอยู่ครับ ชานิ้วเดิมเลยครับ
แต่จะทำตามที่คุณ openroad แนะนำนะครับ
ขอบคุณมากครับ


ส่วนตรงที่ว่าพิมพ์อยู่แล้วเน็ทหลุดเน็ทเน่า ผมว่าพิมพ์ที่ word notepad แล้วเซฟไว้ก่อนดีกว่าครับ แล้วก็ copy ข้อความมาลงที่เว็บครับ

[openroad]

ขอบคุณที่แนะนำครับคุณ ospop เดียวพรุ่งนี้ผมจะลงรายละเอียดของ วิตามินกลุ่ม B Complex และท่าการฝึกข้อมือและอุ้งมืออย่างละเอียดอีกทีครับ พรุ่งนี้มีเวลาว่างพอสมควรทีเดียว