ThaiMTB.com

ยังไม่เป็นโจรห้าร้อย แต่เป้าตั้ง เอ๊ย ตั้งเป้าว่าภายในปีนี้ (ฟังดูนานจัง) จะไปให้ครบให้ได้
ตอนนี้เริ่มวางเป้าหมายแล้วว่าสงกรานต์ปีหน้าผมจะไปเขาใหญ่ให้ได้
ยอมรับเลยว่าตอนแรกไม่รู้เรื่องอะไรเลย รู้แต่ว่าผมสูง 175 ต้องใช้ mtb size 18
อย่าไปเอาเสือหมอบมันไปไม่ได้ทุกที่ ก็เชื่อเค้าพาไปซื้อจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ
ทั้งจักรยาน เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์นิดหน่อย เช่น ไฟหลัง ไมล์
กลับไปรับเมียไม่ทันโดนด่าเลยไปทำไรมาถึงมาช้า อ้อมๆ แอ้มๆ ว่ารอพี่เค้าประกอบจักรยานให้

อีกสองวันก็ไปทัวร์กับเขาเลย ตามคาดอยู่หลังสุด เหนื่อยแทบตาย เลยสัญญากับตัวเองว่า
ต่อไปจะต้องตามทันพวกนี้ให้ได้ เลยมาหาความรู้เพิ่มเติม ได้รู้จักการฝึกรอบขา HR วิธีการฝึก
ยอมรับว่าเจ้าของกระทู้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาก ตอนนี้สัปดาห์กว่า ๆ ลดมาได้ 0.6 kg จาก 102.6 kg
เหลือ 102.0 หวังว่าสิ้นปีจะได้เลิกเป็นหนุ่มเกินร้อยกะเค้าได้ซะที
อย่างอื่นค่อยมาว่า กันทีหลัง เอาแค่ต่ำร้อยก็พอใจแล้วสำหรับปีนี้

เพิ่งปั่นมาได้ 3 เดือนกว่าครับ ผมก็ได้ข้อมูลการเริ่มต้นปั่นจากกระทู้นี้เช่นกัีน จุดประสงค์ต้องการออกกำลังกายไม่อยากเจ็บป่วยออดๆแอดๆตอนแก่ ก็เลยสนใจการปั่นจักรยานแทนเพราะน่าจะเล่นได้นานและไม่เบื่อเพราะเปลี่ยนเส้นทางไปได้เรื่อยๆ

จากไ่ม่รู้เรื่องอะไรเลย เริ่มจากหาข้อมูลซื้อรถก่อน พอดีสนใจรถรุ่นเดียวกัน merrida matts 40d ก็เลยเสริชมาเจอกระทู้นี้แล้วก็่อ่านหาข้อมูลเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ได้ความรู้เรื่องการเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์พอสมควร ตอนแรกนึกว่า 500 กม.แรกคงจะยากน่าดู ปรากฏว่าสบายๆครับปั่นไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้อัพอุปกรณ์อะไรกับรถมากนอกจากเปลี่ยนเป็นบันไดคลีทเพื่อดึงสมรรถนะในการปั่นออกมาได้เต็มที่ ผ่านไปประมาณ 3 เดือนกว่าๆ (มีหยุดช่วงน้ำท่วมไปช่วงนึง) ก็ถึง 500 กม.แล้ว ผลที่ได้มาคือน้ำหนักลดไปเฉลี่ยเดือนละ 1 กิโล และร่างกายฟิตขึ้น

ผมจะมาแชร์เรื่องอุปกรณ์ตัวช่วยออกกำลังก็แล้้วกันครับ เพราะพบว่ามันทำให้ออกกำลังได้สนุกขึ้นในการได้ดูได้วัดการพัฒนาสมรรถภาพร่างกายตัวเอง

เริ่มต้นแรกๆหลังจากได้รถแล้ว ก็สนใจเรื่องการวัด Heart Rate ทดลองอุปกรณ์มาหลายตัว สุดท้ายด้วยความขี้เกียจไม่อยากคอยจำ ก็เลยหาเป็นอุปกรณ์สายรัดอกที่ส่งสัญญานเข้าไปที่เครื่องรับที่ไอโฟนแทน โดยใช้โปรแกรม app ชื่อ cyclemeter เป็นตัวแสดงผล คราวนี้อุปกรณ์มันจะแสดงผลและบันทึกข้อมูลไว้ในโทรศัพท์ตลอดเวลาเลย เรียกมาดูทีหลังได้



หลังจากศึกษาไปเรื่อยๆ เริ่มหันมาสนใจการวัดรอบขา ก็เลยเพิ่มอุปกรณ์อีกชิ้น เป็นเซ็นเซอร์วัดความเร็วและรอบขา ที่ส่งไปแสดงผลที่ไอโฟนเหมือนเดิม



หลังจากทดลองใช้ไปสักพัก ก็เลิกใช้ไมล์ติดรถและนาฬิกา HRM ตัวเก่า เพราะใช้ไอโฟนสะดวกกว่ามาก โปรแกรมมันจะแสดงและบันทึกผลไ้ว้ตลอดเวลา หลังจากปั่นเสร็จก็เรียกข้อมูลเก่ามาดูเพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงแก้ไขได้เลย จากนิสัยการขี่แบบเดิมบางจังหวะที่ปั่นความเร็วเปลียนแปลงไม่มาก แต่ Heart Rate และ รอบขา มันโดดขึ้นเกินลิมิตที่ตั้งไว้ไปเยอะ ถ้าใช้อุปกรณ์แบบเก่าจะเห็นค่าตัวเลขแค่จุดนั้นๆ แต่พอดูด้วยโปรแกรมแสดงผลเป็นกราฟจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนมาก ทำให้เริ่มปรับปรุงการปั่นในช่วงหลังๆสามารถทำกราฟความเร็ว, Heart Rate และรอบขา ให้อยู่ในระดับเดียวกันเป็นกราฟแนวนอนนิ่งๆได้ ผลก็คือปั่นได้ไกลขึ้น เหนื่อยน้อยลง



นอกจากนั้นโปรแกรมมันยังบันทึกเส้นทางและหลักกิโลไว้บนแผนที่ได้ด้วย อันนี้ทำให้ง่ายในการวิเคราะห์เส้นทางปั่นได้ภายหลัง และยังสามารถแชร์แผนที่เส้นทางนี้ขึ้นไปบนเน็ต เพื่อให้คนอื่นโหลดไปดูหรือปั่นตามด้วยโปรแกรมเดียวกัน ซึ่งผมก็เข้าไปโหลดเส้นทางของเพื่อนเอามาวิเคราะห์ก่อนจะออกไปปั่นตามได้บ่อยๆ



การมีตัวช่วยในการปั่นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นครับ แต่ก็เริ่มมีปัญหาชีวิตอื่นคือ ต้องหาเส้นทางใหม่ๆมาปั่นอยู่ตลอดเพื่อให้ไม่เบื่อ บางทีต้องขนใส่รถยนต์ขับไปไกลๆเพื่อไปปั่นเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ก็คิดว่าเป็นการลงทุนชีวิตเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยตอนแก่ครับ เป้าหมายตอนนี้ก็คือให้ฟิตจนสามารถปั่นระยะ 50 กม. 100 กม. ได้เหมือนเสือมือเก่าได้บ้าง

sportivo เขียน:เพิ่งปั่นมาได้ 3 เดือนกว่าครับ ผมก็ได้ข้อมูลการเริ่มต้นปั่นจากกระทู้นี้เช่นกัีน จุดประสงค์ต้องการออกกำลังกายไม่อยากเจ็บป่วยออดๆแอดๆตอนแก่ ก็เลยสนใจการปั่นจักรยานแทนเพราะน่าจะเล่นได้นานและไม่เบื่อเพราะเปลี่ยนเส้นทางไปได้เรื่อยๆ

จากไ่ม่รู้เรื่องอะไรเลย เริ่มจากหาข้อมูลซื้อรถก่อน พอดีสนใจรถรุ่นเดียวกัน merrida matts 40d ก็เลยเสริชมาเจอกระทู้นี้แล้วก็่อ่านหาข้อมูลเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ได้ความรู้เรื่องการเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์พอสมควร ตอนแรกนึกว่า 500 กม.แรกคงจะยากน่าดู ปรากฏว่าสบายๆครับปั่นไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้อัพอุปกรณ์อะไรกับรถมากนอกจากเปลี่ยนเป็นบันไดคลีทเพื่อดึงสมรรถนะในการปั่นออกมาได้เต็มที่ ผ่านไปประมาณ 3 เดือนกว่าๆ (มีหยุดช่วงน้ำท่วมไปช่วงนึง) ก็ถึง 500 กม.แล้ว ผลที่ได้มาคือน้ำหนักลดไปเฉลี่ยเดือนละ 1 กิโล และร่างกายฟิตขึ้น

ผมจะมาแชร์เรื่องอุปกรณ์ตัวช่วยออกกำลังก็แล้้วกันครับ เพราะพบว่ามันทำให้ออกกำลังได้สนุกขึ้นในการได้ดูได้วัดการพัฒนาสมรรถภาพร่างกายตัวเอง

เริ่มต้นแรกๆหลังจากได้รถแล้ว ก็สนใจเรื่องการวัด Heart Rate ทดลองอุปกรณ์มาหลายตัว สุดท้ายด้วยความขี้เกียจไม่อยากคอยจำ ก็เลยหาเป็นอุปกรณ์สายรัดอกที่ส่งสัญญานเข้าไปที่เครื่องรับที่ไอโฟนแทน โดยใช้โปรแกรม app ชื่อ cyclemeter เป็นตัวแสดงผล คราวนี้อุปกรณ์มันจะแสดงผลและบันทึกข้อมูลไว้ในโทรศัพท์ตลอดเวลาเลย เรียกมาดูทีหลังได้



หลังจากศึกษาไปเรื่อยๆ เริ่มหันมาสนใจการวัดรอบขา ก็เลยเพิ่มอุปกรณ์อีกชิ้น เป็นเซ็นเซอร์วัดความเร็วและรอบขา ที่ส่งไปแสดงผลที่ไอโฟนเหมือนเดิม



หลังจากทดลองใช้ไปสักพัก ก็เลิกใช้ไมล์ติดรถและนาฬิกา HRM ตัวเก่า เพราะใช้ไอโฟนสะดวกกว่ามาก โปรแกรมมันจะแสดงและบันทึกผลไ้ว้ตลอดเวลา หลังจากปั่นเสร็จก็เรียกข้อมูลเก่ามาดูเพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงแก้ไขได้เลย จากนิสัยการขี่แบบเดิมบางจังหวะที่ปั่นความเร็วเปลียนแปลงไม่มาก แต่ Heart Rate และ รอบขา มันโดดขึ้นเกินลิมิตที่ตั้งไว้ไปเยอะ ถ้าใช้อุปกรณ์แบบเก่าจะเห็นค่าตัวเลขแค่จุดนั้นๆ แต่พอดูด้วยโปรแกรมแสดงผลเป็นกราฟจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนมาก ทำให้เริ่มปรับปรุงการปั่นในช่วงหลังๆสามารถทำกราฟความเร็ว, Heart Rate และรอบขา ให้อยู่ในระดับเดียวกันเป็นกราฟแนวนอนนิ่งๆได้ ผลก็คือปั่นได้ไกลขึ้น เหนื่อยน้อยลง



นอกจากนั้นโปรแกรมมันยังบันทึกเส้นทางและหลักกิโลไว้บนแผนที่ได้ด้วย อันนี้ทำให้ง่ายในการวิเคราะห์เส้นทางปั่นได้ภายหลัง และยังสามารถแชร์แผนที่เส้นทางนี้ขึ้นไปบนเน็ต เพื่อให้คนอื่นโหลดไปดูหรือปั่นตามด้วยโปรแกรมเดียวกัน ซึ่งผมก็เข้าไปโหลดเส้นทางของเพื่อนเอามาวิเคราะห์ก่อนจะออกไปปั่นตามได้บ่อยๆ



การมีตัวช่วยในการปั่นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นครับ แต่ก็เริ่มมีปัญหาชีวิตอื่นคือ ต้องหาเส้นทางใหม่ๆมาปั่นอยู่ตลอดเพื่อให้ไม่เบื่อ บางทีต้องขนใส่รถยนต์ขับไปไกลๆเพื่อไปปั่นเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ก็คิดว่าเป็นการลงทุนชีวิตเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยตอนแก่ครับ เป้าหมายตอนนี้ก็คือให้ฟิตจนสามารถปั่นระยะ 50 กม. 100 กม. ได้เหมือนเสือมือเก่าได้บ้าง

คำถามเดียวเลยครับ

ราคาเท่าไร และซื้อที่ไหน

มีรุ่นที่ใช้ Bluetooth ไหม จะได้ใช้กับมือถือเครื่องไหนก็ได้

breeze เขียน:
คำถามเดียวเลยครับ

ราคาเท่าไร และซื้อที่ไหน

มีรุ่นที่ใช้ Bluetooth ไหม จะได้ใช้กับมือถือเครื่องไหนก็ได้

ซื้อที่ ebay ครับ 100 กว่าเหรียญ พิมพ์คำว่า wahoo fitness ใน ebay หรือ google ก็ได้ครับ อยากให้มีคนเล่นเยอะๆก็ดีจะได้มาแลกเปลี่ยนไฟล์แทร็คกัน รุ่นที่ใช้บลูทูธก็น่าจะมีลองเซิร์ชหาคำว่า heart rate strap bluetooth ดู

app โปรแกรมประเภทเดียวกันนี้บนโทรศัพท์ระบบ android ที่ได้รับความนิยมคือ endomondo ครับ

ชื่นชอบกระทู้นี้มากเลยครับ อ่านเเล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาเยอะมากเลยครับคุณ breeze
ผมเริ่มปั่นจักรยานได้เกือบๆสองปีเเล้ว เเต่ก้อเป็นพวกหยิบโหย่ง (ประมาณว่าไม่เป็นชิ้่นเป็นอัน)
เนื่องจากตอนนั้นผมยังไม่เเต่งงาน อีกทั้งยังปั่นคนเดียวเบื่อมากเลยครับ
มีอยู่ช่วงนึงหลังจากเรียนจบมาใหม่ๆ ผมมีโอกาสได้ทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ พอรู้ว่าที่ทำงานเค้ามีห้องอาบน้ำ ห้องล็อคเกอร์
ก้อไม่รอช้าครับ เตรียมตัวเตรียมใจเพื่อปั่นจักรยานมาทำงาน กิจวัตรของผมเป็นอยุ่อย่างนี้ได้เกีอบสิบเดือนบอกตามตรงร่างกายช่วงนั้นฟิตมาก
ยิ่งปั่นก้อยิ่งสนุก ไม่เหนื่อยง่าย(ตอนนั้นผมมีน้ำหนักอยู่ประมาณ 65 kg.)
ตอนนั้นยังคงชอบเป็นเสือภูเขาอยู่เพราะตั้งใจไว้เเต่เนิ่นๆเเล้วว่าจะไม่เปลี่ยนเเปลงไปเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด

เเต่เเล้วฟ้าก้อกลั่นเเกล้งเมื่อผมมีโอกาสได้ลองจับ ลูบ คลำ เเล้วก้อปั่นมัน เป็นเรื่องครับเลยต้องสอยมาอีกคันเป็น Bianchi nirone7 shimano2300
ผมปั่นเเบบไม่มีเพื่อน ไม่มีกลุ่มเเต่ในซอยบ้านก้อเริ่มมีคนเห็นชอบด้วย ประมาณว่าสนใจอยากปั่นบ้าง
หลังจากซื้อเสือบหมอบมาปั่นได้ไม่นานผมก้อต้องหยุดไป(เกือบยาว)
หลังจากต้องเเต่งงานบวกทั้งต้องปรับตัวให้เข้ากับที่บ้านเเฟนผม เรื่องเวลาเลยลดเหลือน้อยลง เเละน้อยลงเรื่อยหลังเลิกงานเคยมีเวลาก้อไม่มีเวลาเหมือนก่อน
เลยตัดสินใจซื้อ Trainer เเบบสามลูกกลิ้งมาปั่นได้ซักพักก้อเบื่อเพราะว่าไม่มีเพื่อน (ผมอยู่เเถววัดลาดบัวขาว ย่านสะพานสูงครับ)
ผมขอสรุปเเล้วกันกลัวยาว 55
ตอนนี้ก้อไม่ค่อยได้ปั่นเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลาซักเท่าไหร่จะปั่นได้ก้อวันเสาร์ช่วงเช้าปั่นไปสวนหลวงร.๙ เเล้วก้อปั่นกลับ
เเต่ด้วยเวลาที่น้อยนิดทำให้น้ำหนักผมตอนนี้กระโดดไปอยู่ที่ 77.2 kg.(เศร้ามาก)
หลังจากอ่านกระทู้นี้ก้อเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาเรื่อยๆ รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาอยากปั่นทุกๆวันเลยครับ
ขอบคุณพี่ breeze มากเลยครับ เป็นกำลังใจให้ด้วยคับ

sportivo เขียน:เพิ่งปั่นมาได้ 3 เดือนกว่าครับ ผมก็ได้ข้อมูลการเริ่มต้นปั่นจากกระทู้นี้เช่นกัีน จุดประสงค์ต้องการออกกำลังกายไม่อยากเจ็บป่วยออดๆแอดๆตอนแก่ ก็เลยสนใจการปั่นจักรยานแทนเพราะน่าจะเล่นได้นานและไม่เบื่อเพราะเปลี่ยนเส้นทางไปได้เรื่อยๆ

จากไ่ม่รู้เรื่องอะไรเลย เริ่มจากหาข้อมูลซื้อรถก่อน พอดีสนใจรถรุ่นเดียวกัน merrida matts 40d ก็เลยเสริชมาเจอกระทู้นี้แล้วก็่อ่านหาข้อมูลเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ได้ความรู้เรื่องการเตรียมตัวเตรียมอุปกรณ์พอสมควร ตอนแรกนึกว่า 500 กม.แรกคงจะยากน่าดู ปรากฏว่าสบายๆครับปั่นไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้อัพอุปกรณ์อะไรกับรถมากนอกจากเปลี่ยนเป็นบันไดคลีทเพื่อดึงสมรรถนะในการปั่นออกมาได้เต็มที่ ผ่านไปประมาณ 3 เดือนกว่าๆ (มีหยุดช่วงน้ำท่วมไปช่วงนึง) ก็ถึง 500 กม.แล้ว ผลที่ได้มาคือน้ำหนักลดไปเฉลี่ยเดือนละ 1 กิโล และร่างกายฟิตขึ้น

ผมจะมาแชร์เรื่องอุปกรณ์ตัวช่วยออกกำลังก็แล้้วกันครับ เพราะพบว่ามันทำให้ออกกำลังได้สนุกขึ้นในการได้ดูได้วัดการพัฒนาสมรรถภาพร่างกายตัวเอง

เริ่มต้นแรกๆหลังจากได้รถแล้ว ก็สนใจเรื่องการวัด Heart Rate ทดลองอุปกรณ์มาหลายตัว สุดท้ายด้วยความขี้เกียจไม่อยากคอยจำ ก็เลยหาเป็นอุปกรณ์สายรัดอกที่ส่งสัญญานเข้าไปที่เครื่องรับที่ไอโฟนแทน โดยใช้โปรแกรม app ชื่อ cyclemeter เป็นตัวแสดงผล คราวนี้อุปกรณ์มันจะแสดงผลและบันทึกข้อมูลไว้ในโทรศัพท์ตลอดเวลาเลย เรียกมาดูทีหลังได้



หลังจากศึกษาไปเรื่อยๆ เริ่มหันมาสนใจการวัดรอบขา ก็เลยเพิ่มอุปกรณ์อีกชิ้น เป็นเซ็นเซอร์วัดความเร็วและรอบขา ที่ส่งไปแสดงผลที่ไอโฟนเหมือนเดิม



หลังจากทดลองใช้ไปสักพัก ก็เลิกใช้ไมล์ติดรถและนาฬิกา HRM ตัวเก่า เพราะใช้ไอโฟนสะดวกกว่ามาก โปรแกรมมันจะแสดงและบันทึกผลไ้ว้ตลอดเวลา หลังจากปั่นเสร็จก็เรียกข้อมูลเก่ามาดูเพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงแก้ไขได้เลย จากนิสัยการขี่แบบเดิมบางจังหวะที่ปั่นความเร็วเปลียนแปลงไม่มาก แต่ Heart Rate และ รอบขา มันโดดขึ้นเกินลิมิตที่ตั้งไว้ไปเยอะ ถ้าใช้อุปกรณ์แบบเก่าจะเห็นค่าตัวเลขแค่จุดนั้นๆ แต่พอดูด้วยโปรแกรมแสดงผลเป็นกราฟจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนมาก ทำให้เริ่มปรับปรุงการปั่นในช่วงหลังๆสามารถทำกราฟความเร็ว, Heart Rate และรอบขา ให้อยู่ในระดับเดียวกันเป็นกราฟแนวนอนนิ่งๆได้ ผลก็คือปั่นได้ไกลขึ้น เหนื่อยน้อยลง



นอกจากนั้นโปรแกรมมันยังบันทึกเส้นทางและหลักกิโลไว้บนแผนที่ได้ด้วย อันนี้ทำให้ง่ายในการวิเคราะห์เส้นทางปั่นได้ภายหลัง และยังสามารถแชร์แผนที่เส้นทางนี้ขึ้นไปบนเน็ต เพื่อให้คนอื่นโหลดไปดูหรือปั่นตามด้วยโปรแกรมเดียวกัน ซึ่งผมก็เข้าไปโหลดเส้นทางของเพื่อนเอามาวิเคราะห์ก่อนจะออกไปปั่นตามได้บ่อยๆ



การมีตัวช่วยในการปั่นทำให้ชีวิตง่ายขึ้นครับ แต่ก็เริ่มมีปัญหาชีวิตอื่นคือ ต้องหาเส้นทางใหม่ๆมาปั่นอยู่ตลอดเพื่อให้ไม่เบื่อ บางทีต้องขนใส่รถยนต์ขับไปไกลๆเพื่อไปปั่นเปลี่ยนบรรยากาศ แต่ก็คิดว่าเป็นการลงทุนชีวิตเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยตอนแก่ครับ เป้าหมายตอนนี้ก็คือให้ฟิตจนสามารถปั่นระยะ 50 กม. 100 กม. ได้เหมือนเสือมือเก่าได้บ้าง

เป็นอะไรที่ไฮโซโก้เก๋มากครับ อิจฉาเลยทีเดียว 55

และแล้วก็มีเวลาอ่านจนครบทุกหน้า แถมพ่วงไปหน้าความรู้อื่นๆ อีกด้วย..

สั่ง จักยานเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวเองไปแล้ว ยังไมได้

Merida Matts 500 D ขนาด 18 นิ้ว กับ ส่วนสูง 182 น้ำหนัก 95 ไม่รู้ว่าพอดีหรือเปล่า..

ตอนนี้ก็ได้แต่รอ โดยการปั่นคันเก่าที่มีอยู่ไปพลางๆ พยายามควบคุมเวลา และจังหวะการปั่น

วันแรก เมือยก้น กับน่อง ที่ไม่เจ็บเพราะเตรียมตัวมาดี ซื้อเบาะนิ่มๆ กับที่รองเบาะมาใช้

ถือว่า คิดถูก การเตรียมตัวสำหรับจะปั่น ควรศึกษาหาข้อมูลให้ดีก่อน จะช่วยให้รอดพ้นจากการเจ็บก้นได้

สำหรับเรื่องน่อง เป็นธรรมดา หลังจากหยุดพักไป 3 วัน อาทิตย์ที่ 2 นี้ ไม่เมื่อยน่องแล้ว เวลาปั่นก็จะพยายามควบคุมรอบขาให้สม่ำเสมอ

ถ้าขึ้นเนินก็จะใช้เกียร์ช่วย จะไม่ฝืนใช้แรง เวลาลงเนินก็เช่นกัน จะควบคุมรอบขาให้คงที่ ไม่ให้เร็จจนเกินไป

ใกล้ถึงจุดหมาย ก็ลดเกียร์ลง เพื่อให้ปั่นได้เบาขึ้น (รอบขาเท่าเดิม) เพื่อขาจะได้ไม่หยุดทำงานในทันที

เท่าที่เล่ามา เป็นการเตรียมตัว ก่อนออกสตาร์ท เท่านั้น

ยังไม่จับไมล์ รอรถใหม่อยู่ จะไปพร้อมๆ กัน ปีหน้า 2555 มันแน่..

ตอนนี้อายุ 50 ไม่อยากอยู่ด้วยการกินยาทุกมื้อ ทุกวัน เหมือนหลายๆ คน.

ขอมาร่วมก๊วน ชวนปั่น ด้วยคน ก็แล้วกัน..

ว่าจะรออ่านของคนอื่นบ้าง พอดี เมื่อเช้าก็ทำเหมือนทุกวัน ตื่นมา ทำธุระส่วนตัวเสร็จ จูงรถออกปั่นไปหาเพื่อนร่วมทางยามเช้าใกล้ๆ บ้าน

พอไปถึงบ้านเพื่อนปรากฏว่า เบาะหลวม เลยต้องปรับ แต่ด้วยความทีอยากจะออกไปปั่นไวๆ ก็เลยทำแบบลวกๆ

ผลปรากฏว่า ไปได้ประมาณ 500 เมตร เบาะหลวมอีก..ลองโยกขยับทั้งๆ ที่รถวิ่งอยู่ ..

ได้ยินเสียงดัง "กรึ๊บ." แล้วก็ตามด้วยเสียงโลหะหล่นกระทบพื้น..น๊อตยึดเบาะขนาดเบอร์ 14 หักสองท่อน..

ได้จูงรถกลับบ้านแต่เช้าเลย ดีนะที่ยังไปไม่ไกล ความเร็วก็ไม่มาก (ปรกติกก็ไม่เร็วอยู่แล้ว )

ก็เลยนึกถึงข้อความในกระทู้ที่เตือนให้ตรวจเช็คอุปกรณ์ ก่อนออกเดินทางขึ้นมาทันที

ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็จริง แต่มันก็เป็นเรื่องที่สอนเราให้รู้ว่า ถ้าเราละเลยเรื่องการตรวจสอบอุปกรณ์เมื่อใด อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ........

ฉะนั้น "ตั้งสติ ก่อน สตาร์ท" เอ๊ย..การตรวจสอุปกรณ์ ก่อนปั่น และ หลังปั่น เป็นเรื่องที่ควรทำให้ติดเป็นนิสัย.......

วันแรกที่เริ่มปั่นประมาณกลางเดือน พย ที่ผ่านมาได้ 15 กิโลเมตรดีใจมากและคิดว่าไกลพอแล้วครับ แต่พอปั่นไปเรื่อยๆในทุกวันหยุดระยะทางต่อทริปก็เพิ่มเรื่อยๆ เมื่อปีใหม่ปั่นเดี่ยวมีนบุรีออกลาดกระบังออกอ่อนนุชไปฉะเชิงเทราแล้วเข้าสุวินทวงศ์กลับมาบ้าน นับระยะทางได้ 94 กิโลเมตร นั่นก็คือไกลที่สุดแล้ว
ตอนนี้ระยะทางต่อทริปถ้าได้ 50-60 กม กำลังพอดี ถ้าได้แค่ 30 กม รู้สึกว่าไม่อิ่มอยากไปต่อครับ ระยะทางรวมที่ปั่นมาประมาณเกือบ 2 เดือนได้มา 1200 กมแล้วและตั้งใจว่าจะทำให้ถึง 5000 กมให้ได้ในปีนี้
อยากลองออกทริปไกลๆสัก 2-3 วันแต่ไม่กล้าครับกลัวแรงหมดแล้วไปใหนไม่รอดคงต้องสัก 6 เดือนข้างหน้าดูกำลังก่อนว่าใหวและคงที่หรือเปล่าถึงลุยดู

e21smn เขียน:วันแรกที่เริ่มปั่นประมาณกลางเดือน พย ที่ผ่านมาได้ 15 กิโลเมตรดีใจมากและคิดว่าไกลพอแล้วครับ แต่พอปั่นไปเรื่อยๆในทุกวันหยุดระยะทางต่อทริปก็เพิ่มเรื่อยๆ เมื่อปีใหม่ปั่นเดี่ยวมีนบุรีออกลาดกระบังออกอ่อนนุชไปฉะเชิงเทราแล้วเข้าสุวินทวงศ์กลับมาบ้าน นับระยะทางได้ 94 กิโลเมตร นั่นก็คือไกลที่สุดแล้ว
ตอนนี้ระยะทางต่อทริปถ้าได้ 50-60 กม กำลังพอดี ถ้าได้แค่ 30 กม รู้สึกว่าไม่อิ่มอยากไปต่อครับ ระยะทางรวมที่ปั่นมาประมาณเกือบ 2 เดือนได้มา 1200 กมแล้วและตั้งใจว่าจะทำให้ถึง 5000 กมให้ได้ในปีนี้
อยากลองออกทริปไกลๆสัก 2-3 วันแต่ไม่กล้าครับกลัวแรงหมดแล้วไปใหนไม่รอดคงต้องสัก 6 เดือนข้างหน้าดูกำลังก่อนว่าใหวและคงที่หรือเปล่าถึงลุยดู

เยี่ยมครับ อย่างนี้ไม่เรียกน้องใหม่แล้ว ไปได้ถึง 100 กิโลเมตร ก็ถือว่าสุดยอดแล้วครับ

การปั่นจักรยานไกลๆ มีหลักคิดง่ายๆ ต้องถามตัวเองว่าปั่นเพื่ออะไร

เพื่อทำสถิติ อย่างนี้วางแผนเส้นทางปั่นมันไปเลยทั้งวัน สัก 200 กิโลเมตรก็ถือว่า ปั่นจักรยานทางไกลได้แล้ว

แต่ถ้าเพื่อท่องเที่่ยว แนะนำว่าวันละ 100 กิโลเมตร จะดีกว่า เพราะจะมีแรงเหลือ มีเวลาเหลือเพียงพอต่อการแวะพักและเที่ยวในเส้นทางที่เราปั่นผ่าน

อยู่แถวๆ มีนบุรี แนะนำ ลองปั่นไประยองก็ได้ครับ 3 วัน ถ้าเวลาไม่ได้ ขากลับก็รถไฟก็ได้ครับ

ของขวัญปีใหม่สำหรับตัวเองมาแล้วครับ...

อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ว............



ไมล์สะสมตอนนี้...



พรุ่งนี้เช้าไข่แตก..ได้เท่าไร ได้อะไรมาบ้าง จะมารายงานให้ทราบ ครับ.....

T_lek เขียน: ของขวัญปีใหม่สำหรับตัวเองมาแล้วครับ...

อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ว............



ไมล์สะสมตอนนี้...



พรุ่งนี้เช้าไข่แตก..ได้เท่าไร ได้อะไรมาบ้าง จะมารายงานให้ทราบ ครับ.....

รถสวยครับ
เป็นกำลังใจให้ไข่ใบแรก แตกซะที

เสือพ่อลูกอ่อน เขียน:

T_lek เขียน: ของขวัญปีใหม่สำหรับตัวเองมาแล้วครับ...

อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมแล้ว............



ไมล์สะสมตอนนี้...



พรุ่งนี้เช้าไข่แตก..ได้เท่าไร ได้อะไรมาบ้าง จะมารายงานให้ทราบ ครับ.....

รถสวยครับ
เป็นกำลังใจให้ไข่ใบแรก แตกซะที

ระวังไข่จะแตกจริงๆ ด้วยรองเท้าติดคลิต นะครับ

ฝึกปลดให้เร็ว มีสตินะครับ

ของผมปั่นมา จะครบ 3000 กิโลเมตรแล้ว ยังไม่ได้ซื้อรองเท้าจักรยานจริงจังเลย

breeze เขียน:
ระวังไข่จะแตกจริงๆ ด้วยรองเท้าติดคลิต นะครับ

ฝึกปลดให้เร็ว มีสตินะครับ

ของผมปั่นมา จะครบ 3000 กิโลเมตรแล้ว ยังไม่ได้ซื้อรองเท้าจักรยานจริงจังเลย

ไปมาแล้ว 1 รอบ ประมาณ 27 กม. (ใช้เวลา 1 ชม.) แต่ได้บทเรียนมาอย่างคือ

การติดตั้งไมล์ ไม่ถูกต้อง ปรากฎว่าไมล์ไม่เดิน ผลก็เลยออกมาปั่นฟรี ไข่ไม่แตก....

ขอบคุณสำหรับคำเตือนเรื่องรองเท้า

เตรียมตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ผมตั้งล็อคคลิตไว้อ่อน และเป็นคลิตปลดเร็ว เลยไม่มีปัญหา ใกล้หยุดก็ปลดเตรียมไว้ก่อนเลยครับ..

พรุ่งนี้ เปลี่ยนเส้นทาง ไกลกว่าเดิม หวังว่าไข่คงจะแตก

น้ำหนักชั่งเมื่อเช้า (หลังปั่น) 91 กก....

อีกไม่กี่วันพี่ตี๋เล็ก อาจแซงผมก็ได้ ผมตอนนี้สามร้อยฝ่าๆ แต่อยากให้น้ำหนักมันลดมากกว่าอย่างอื่น ตอนนี้เป็นผู้ชายเกินร้อยมาหลายเดือนแล้ว
เห็นน้ำหนักตอนไปชั่งแล้วทำใจไม่ได้สักที