ปั่น 6 โมงเช้า ควรทานอาหารตอนตี 4

[Hi There]

ตื่นตอนเช้าออกกำลังกายทันที ตับต้องดึงสารอาหารที่เอาไปเก็บไว้เมื่อคืน
ออกมาใช้่ใหม้่ ทำอย่างนี้บ่อยๆ ทุกๆวัน ตับจะัต้องทำงานหนักแค่ไหน
จะทนสภาพนี้ได้นานเท่าไร เพราะไม่ได้พักเลย เหมือนคนกินเหล้า
แล้วไม่กินอาหร ตับต้องไปดึงสารอาหารจากที่ต่างๆมาให้แอลกอฮอลเผาผลาญ
มากๆเข้านานๆเข้า ในตัวมีแต่ไขมันกลายเป็นตับแข็ง

ทีนีถ้าจะทำให้ถูกต้องก็ต้องกินอาหารเสียก่อน แต่ต้องรอถึง 2 ชม.
จึงไปออกกำลังกายได้

เพราะหลังกินอาหาร 2 ชม จะมีเลือดมารอรับอาหารที่จะถูกย่อยที่กระเพาะ
และลำไส้เป้นจำนวนมากหลังจากอาหารถูกดูดซึเข้ามาในเลือดแล้ว
เลือดจะพาสารอาหารแจกจ่ายไปยังอวัยวะต่างๆของร่างกาย

ถ้าออกกำลังกายหนักๆตอนนี้เช่นวิ่งออกกำลังซึ่งต้องการเลือดมาเลี้ยงที่ขาที่ใช้วิ่ง 20 เท่าตัว
ของสภาวะปกติ + เลือดที่มากองที่กระเพาะ ทำให้เลือดเลี้ยงสมองไม่พอทำให้เป็นลม หรือ เ้ลี้ยง
กล้ามเนื้อหัวใจไม่พอ ทำให้่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน



ออกกำลังตอนเช้าหรือตอนเย็นดี
โดย นพ. เสก อักษรานุเคราะห์

[Hi There]

RIP


http://www.bikeloves.com/board_bpmtbtri ... p?qID=2334

[Hi There]

ต่อครับ...

ทีนีถ้าจะทำให้ถูกต้องก็ต้องกินอาหารเสียก่อน แต่ต้องรอถึง 2 ชม.
จึงไปออกกำลังกายได้ เช่นกินอาหารตี5 7โดมงเช้าจึงจะออกกำลังได้
จะมีใครทำอย่างนี้บ้าง ฉะนั้นฝรั่งจึงมีแต่คำว่า morning walk
ไม่เคยได้ยิน morning jogging เลย นั่นคือออกกำลังกายเบาๆได้
เช่นเิดิน* ก่อนเดินก็กินอาหารเบาๆเช่น แซนวิช1 ชิ้นกับโอวันติน1ถ้วย
ซึ่งจะใช้เวลาย่อย 1/2-1 ชม ก็พอ ...


------------------------------------------------------------
*ถ้าเป็นพวกเรา ก็อาจจะปั่นฉิวๆ หรือเร็วกว่าพวกจักรยานแม่บ้านนิดหน่อย

[Hi There]

เพื่อนๆที่ชอบไป สู้แค่หมด หรือไปทานอาหารกลางทาง
ทานเสร็จก็อย่ารีบ รออาหารมันย่อยสักพักก่อน ค่อยปั่นต่อ

[jamzkub]

ผมปั่นเช้าออกตี 4 ครึ่ง งี้ไม่ตื่นขึ้นมากินตั้งแต่ตี 2 เลยหรือครับ

[green_t]

ผมปั่นเช้าออกตี 4 ครึ่ง งี้ไม่ตื่นขึ้นมากินตั้งแต่ตี 2 เลยหรือครับ

เหมือนกันเลย

[naa_tae]

ต้องอ่านให้จบอีกหน่อย คร้าบ
บทความข้างต้นนี่ก็ออกจะด่วนสรุป ปุบปับไปหน่อย ทั้งนี้เพราะรายละเอียดปลีกย่อยมันยังมีอีกครับ

อาทิ เช่น ในช่วงเช้าหลังจากตื่นนอน ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะต่ำที่สุด เพราะเหตุผลคร่าวๆดังที่บทความนี้ว่าไว้ แต่ในความเป็นจริงก็คือ ระดับน้ำตาลในเลือดนั้นจะถูกควบคุมไว้ด้วยHormoneหลายๆตัว เช่น Hormoneจากต่อมหมวกไต , Hormoneจากตับอ่อน ซึ่งHormoneเหล่านี้จะมีระดับที่เปลี่ยนแปลงไปในรอบวัน หรือทีเรียกว่า diurnal variation หรือเหมือนที่เขาอธิบายง่ายๆว่าในร่างกายเราจะมี Bioclock ทำหน้าที่คล้ายนาฬิกาปลุกว่าถึงเวลาที่จะต้องหลั่งHormoneตัวโน้นตัวนี้ ครับเวลาที่เรานอนหลับนั้น Hormoneที่ทำหน้าที่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดจะมีปริมาณที่น้อยกว่าในเวลาที่เราตื่น

ถ้าเราออกกำลังกายตอนเช้าหลังจากตื่นนอนใหม่ๆจะมีข้อเสียตรงที่
1. ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในปริมาณที่ต่ำ
2. กล้ามเนื้อ เอ็น พังผืด ยังไม่ได้รับการยืด
3. ระดับอุณหภูมิในร่างกายยังต่ำอยู่

พูดง่ายๆว่าเหมือนกับเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ทำการwarm up มาเลย ประสิทธิภาพต่างๆของร่างกายจึงยังไม่ดีพอ หากจะออกกำลังกายในช่วงเช้าต้องทำเช่นไร
1. คุณต้องวอร์มอัพมากกว่าที่เคยทำในการออกกำลังกายตอนเย็น เพื่อให้อุณหภูมิของร่างกายไต่ระดับขึ้นมาถึงระดับที่เหมาะสม และต้องยืดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นให้ดีเสียก่อน เพื่อลดอาการบาดเจ็บ
2. คุณจะออกกำลังกายได้ในระดับที่ไม่สูงนัก เพราะระดับน้ำตาลในเลือดที่ยังต่ำอยู่ จะทำให้คุณไม่สามารถออกกำลังกายที่ระดับความหนักมากๆได้ ที่เขาขู่ไว้หนะใช่เหมือนกัน แต่ข้อเท็จจริงก็คือ หากคุณเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายเบาๆ ร่างกายจะใช้พลังงานจากภายในกล้ามเนื้อมาเป็นพลังงานในช่วงแรกก่อน แล้วจึงเอาน้ำตาลในเลือดมาใช้เป็นพลังงาน และร่างกายจะเริ่มสลายไขมันมาใช้เป็นแหล่งต้นกำเนิดพลังงาน ยิ่งคนออกกำลังกายเบาเท่าไหร่ จุดสมดุลที่ไขมันจะถูกใช้เป็นพลังงานได้พอเพียงก็จะมาถึงเร็วยิ่งขึ้น ( ลองอ่านดูในเรื่อง HRM บอกอะไรเราได้บ้าง ) แน่นอนครับ มันต้องใช้เวลา หากคุณออกกำลังในระดับAerobicเพียวๆ ไม่มีการกระหน่ำAnaerobic แบบหัวใจเต้นทะลุ 92% MHR หละก้อ ไขมันมันจะถูกเอามาใช้เป็นพลังงานได้ดี )

ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งก็คือ ตับจะสะสมGlycogen คิดเป็นพลังงานสำรองได้ประมาณ 2200 KCal ซึ่งหากคุณเริ่มออกกำลังกายเบาๆไปเรื่อยๆ ร่างกายก็จะส่งสัญญาณให้ไปกดATM เบิกน้ำตาลจากตับออกมาให้ใช้ได้เอง และถ้าคุณไม่ได้เล่นอะไรที่มันหนักหนาสาหัสอย่างที่ผมบอกไว้แล้วข้างต้น แน่นอนครับ ไขมันที่เหลือคิดเป็นพลังงานสะสมหลายหมื่นKCal ในร่างกายก็จะถูกนำมาใช้เช่นกัน เพียงแต่บางครั้งอาจจะต้องเบิกน้ำตาลมาใช้ล่วงหน้าก่อน ถ้าทุนรอนคุณไม่ดีเพราะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ กว่าสัญญาณATMจะส่งไปถึงตับได้ บางทีก็อาจจะชักหน้าไม่ถึงหลังเหมือนกัน

ข้อเท็จจริงที่จะต้องแจ้งให้ทราบก็คือว่า ร่างกายเป็นระบบอัจฉริยะ ไม่ใช่เครื่องจักรที่ไม่มีชีวิต หากคุณเริ่มต้นออกกำลังกายในทุกๆเช้าติดต่อกัน BioclockของคุณจะถูกResetใหม่ ระดับHormoneที่เกี่ยวข้อง เช่น Stress hormone ก็จะเลื่อนปรับเวลาทำการให้หลั่งออกมาเร็วขึ้น ไม่งั้นพวกนักมวยที่ตื่นมาวิ่งตอนเช้าคงจะตายกันหมดโลกแล้ว ที่เขาไม่ตายเพราะว่าเขาฝึกแบบนั้นมาช้านานแล้ว ร่างกายเขาปรับตัวได้ ร่างกายมีการใช้ไขมันเป็นพลังงาน และเบิกจ่ายน้ำตาลจากการสลายไกลโคเจนในตับและกล้ามเนื้อได้เร็วทันท่วงที ระดับของStress hormone ก็ปรับเปลี่ยนเวลาทำการ ทำให้มีระดับHormoneเหล่านี้เพียงพอสำหรับการใช้งานในยามเช้า อ้อ แล้วนักกีฬากลุ่มนี้เขารับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเป็นปริมาณที่สูง ร่วมกับการฝึกอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจึงมีไกลโคเจนสะสมทั้งที่ในตับ และในกล้ามเนื้อได้มากกว่าพวกเราที่ไม่ได้ฝึกแบบนั้น

ฉะนั้น ไม่มีใครตายจากการออกกำลังกายอย่างถูกวิธีในยามเช้า
จาก
http://www.bikeloves.com/board_qa/show_ ... p?qID=7446

[ไข่ดาว]

ขอบคุณสำหรับบทความที่เป็นประโยชน์ครับ

ผมเองก็ตื่น ตี 4 - 4 ครึ่ง เพื่อปั่นจักรยาน ช่วงแรกๆ ยอมรับว่ามีปัญหามาก เพราะจะเพลียและง่วงนอนในตอนสายๆและเย็นๆ แต่ดึกๆกลับนอนไม่ค่อยดีนัก คือมักจะตื่นบ่อยๆ เป็นแบบนี้อยู่นานครับ ร่วมเดือนถึงจะปรับตัวได้ นาฬิกาผมมันคงจะ Vintage หน่อย ปรับเวลาช้า

[Hi There]

จากหนังสือ
สารพันปัญหาสุขภาพ
ศาสตราจารย์กิตตคุณ นพ. เสก อักษรานุเคราะห์
ผอ.ศูนย์เวชาศาสตร์ฟื้นฟู สภากาชาดไทย

พิมพ์ครั้งที่ 1 จำนวน 7000 เล่ม
พิพม์ครั้งที่ 2 จำนวน 10 000 เล่ม

[Hi There]

When you eat, a large amount of blood rushes to your belly to absorb nutrients from the food that you just ate. When you exercise, large amounts of blood is rush to your large muscles - arms, legs, heart, etc. So, when you eat right before exercising, your body has to choose where to send the blood. Usually the big muscles win, so your stomach is left without very much support for digestion & ends up cramping and feeling not so great.


This is an article I found from University of Iowa
http://www.uihealthcare.com/topics/spor ... r5118.html

Eating before exercise

A common question people ask is, "Should I eat before I exercise?" The answer depends on how much you eat, how long you wait before exercising, and the type of exercise you do.

When a large meal is eaten, blood is sent to the intestines to pick up the nutrients from digestion. If vigorous exercise is attempted within a few minutes after a large meal, blood is sent to the working muscles and away from the intestines. This can cause nausea, cramps in the side, and general discomfort. On the other hand, a slow easy walk can be taken after a large meal without disturbing the digestive process.

It is best to have nothing in the stomach and intestines for 2 to 3 hours before high intensity, vigorous exercise. Drinking water is acceptable during this time to prevent dehydration.

In a general sense, it is better to exercise first and eat later. But if you must eat before exercise is attempted, eat carbohydrate foods, such as fruits, vegetables, and grains. These foods are digested faster and more easily than proteins and fats. Carbohydrates will be removed from the intestinal system faster allowing more vigorous exercise to be attempted sooner.

[ton091]

ผมไม่เคยตื่นมากินข้าวตอนตี4 ซะทีนะคับ รู้สึกว่ามันเร็วเกินไป กลางวันเพลียด้วบ
แต่ตอนเช้าผมปั่นปกติ 10-20 โล โดยไม่กินอะไรไปก็ไม่เห็นเป็นไร

แต่ผมว่า ถ้ากลัวน้ำตาลต่ำมาก กินน้ำหวานก่อนปั่นไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องรอย่อย ถึง 2 ชม. ดูดซึมได้เลย

[Hi There]

naa_tae ครับ นั่นเขาตอบไว้ ก.ย. 49

ส่วนเรื่องน่าเสียดายเกิดขึ้นเมื่อ มิ.ย. 50 ครับ

[Hi There]

คือผมเชื่อ ศาสตราจารย์กิตตคุณ นพ. เสก อักษรานุเคราะห์ มากกว่าครับ

[thew vw]

[buble]

คือผมเชื่อ ศาสตราจารย์กิตตคุณ นพ. เสก อักษรานุเคราะห์ มากกว่าครับ

ทุกคนมีสิทธิ ที่จะเลือกว่าจะเชื่ออะไร มันไม่จำเป็นว่าต้องเชื่อคุณ

กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

1.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา ประเภท "เขาว่า" "ได้ยินมาว่า" ทั้งหลาย

2.อย่าได้ยึดถือถ้อยคำสืบๆกันมา ประเภท "ใครๆว่า" "โบราณว่า" ตามกระแส

3.อย่าได้ยึดถือโดยความตื่นข่าวว่า เข่าว่าอย่างนี้ ประเภทข่าวลือ ข่าวโคมลอย ทั้งหลาย

4.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าไปตามตำรามากนัก ตำราว่าอย่างนั้น ต้องออกมาเป็นอย่างนั้น เท่านั้น เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่าลืมว่า ตำราบางเล่ม คนแต่งก็มั่วมาบ้าง เขียนไม่ครบบ้าง ใส่ไข่เอาเองบ้าง คนมีกิเลสไปแก้ไขตำรา คนมีผลประโยขน์ ไม่แก้ไขตำราเท่ากับเราโดนหลอก

5.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง เช่น เข้าใจเอาเอง หรือข้อมูลไม่พอ ใจร้อนเดาสุ่มเอา มั่วๆ เอา

6.อย่าได้ยึดถือโดยการคาดคะเน การคาดการณ์ตามประวัติศาสตร์ ตามสถิติ ความน่าจะเป็น ซึ่งอาจจะผิดก็ได้ เพราะเห็นแค่ร้อย อย่าเหมาว่าที่ร้อยเอ็ดจะเป็นไปด้วย

7.อย่าได้ยึดถือตรึงตามอาการ อย่าเห็นว่าอาการแบบนี้ น่าจะเป็นแบบนี้ ให้คิดเผื่อๆไว้ด้วย เช่น เห็นคนไข้เป็นแบบที่เคยรักษาคนอื่นๆมาก่อน อย่าไปตรึกเอาเองว่าเป็นแบบนั้น เห็นเงาก็จ่ายยาได้ เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า อย่าเข้าข้างตนเอง นั่งสมาธิเห็นโน่น เห็นนี้ อย่านึกว่าเป็นจริง เพราะอาจจะเป็นจิตหลอกจิต

8.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกันกับทิฐิของตัว อย่าเอาความเห็นของตนเป็นใหญ่ อะไรที่ตรงกับที่ตนคิดไว้เท่านั้นที่เชื่อได้ คนคิดแบบนี้ ดื้อตายชัก

9.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ ระวังจะโดนหลอก อย่าลืมว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
10.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา การยึดอาจารย์ของตนเองมากไป ก็ไม่ดี ควรทำตาม ทดสอบดู ถ้าผิดพลาดก็ไม่ต้องเชื่อ ถ้าทำแล้วดีขึ้นก็แสดงว่าเชื่อได้

ที่มา : http://www.easyinsurance4u.com/buddha4u/kalamasutta.htm


ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น

เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องเชื่อคุณ