เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
- Machonut
- ขาประจำ
- โพสต์: 1842
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.พ. 2012, 03:31
- Tel: 0845355858
- team: Bike Thailand & Novice Bkk
- Bike: Phaesant ,Radac ,Ecciti
- ตำแหน่ง: เสนานิคม1
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
เลือกวัสดุ ให้เหมาะสมกับความต้องการ
TS57.3 CS35± AV28 LT240
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 381
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2012, 21:10
- Tel: 0817350350
- team: ชมรม นครชัยศรี
- Bike: CROMORY
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ผมอีกคนที่หลงรักเฟรมโคโมครับที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เป็นรถที่ดีที่สุดแต่มันเหมาะกับผมมากที่สุด เคยซื้อ e5ปีนี้มาปั่นได้2เดือนก็ขายทิ้งเพราะไม่เข้ากับตัวเอง e5ความเร็ว38ก็ตายแล้วตกมาเหลือ20หมดคือหมดเลย แต่ถ้าเป็นโคโม38ลากได้เกิน10กมตกก็ยังแค่30สบาย ผมเป็นคนรอบขาไม่จัดอยู่ที่80-90ก็จะชอบแนวโคโมมากกว่าเพราะได้ไหล และจุดเด่นอีกอย่างคือไม่กลัวลม. ลมขนาดไหนก็ไปสบาย. เป็นรถที่คุ้มกับราคาครับราคาไม่เกิน20000ก็ได้รถที่ดีแล้วครับถึงแพงกว่านี้ก็ไม่ได้ปั่นได้เร็วกว่านี้เท่าไร. จริงๆแล้วถ้าอลูหรือคาร์บอนไม่กระชากโคโมก็ตามสบาย
ขาไม่แรง รอบไม่จัด เน้นอุปกรณ์
- kean016
- สมาชิก
- โพสต์: 70
- ลงทะเบียนเมื่อ: 25 มิ.ย. 2011, 10:49
- Tel: 08 8768 4978
- Bike: รถพับจีน, Merida S-Presso
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ชอบประโยคนี้จัง คำว่าดีที่สุดในโลกไม่มีอยู่จริงทั้งในทางโลกและทางธรรม
- DraftBeer
- ขาประจำ
- โพสต์: 4495
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:08
- Tel: 0814461178
- team: รั้งท้ายทีมลื่นไหล
- Bike: Dale-Red, Venge-Red, Titanos-XX1, Tendem, CRF250X, MSX
- ตำแหน่ง: 15 ซ.ผาสุก2 ถ.กาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
- ติดต่อ:
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ต้องค้นหาตัวเองก่อนให้เจอก่อน ว่าเราชอบแบบไหน
สมมุติว่าชอบ คาร์บอน
คาร์บอนแต่ละยี่ห้อ ก็นิสัยต่างกัน พุ่ง แข็ง กระด้าง นุ่ม ก็ว่ากันไป
หรือจะยี่ห้อเดียวกัน ก็มี รุ่น(ตัวท็อป) ที่ต่างกัน ให้เราเลือกตามความต้องการ
ฉะนั้นคำว่าที่สุดของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
สมมุติว่าชอบ คาร์บอน
คาร์บอนแต่ละยี่ห้อ ก็นิสัยต่างกัน พุ่ง แข็ง กระด้าง นุ่ม ก็ว่ากันไป
หรือจะยี่ห้อเดียวกัน ก็มี รุ่น(ตัวท็อป) ที่ต่างกัน ให้เราเลือกตามความต้องการ
ฉะนั้นคำว่าที่สุดของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน
>> ☞ ห า ด ใ ห ญ่ ลื่ น ไ ห ล ► ► ► ► ที ม เ ร า ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ จั ก ร ย า น !
ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
- wannabe
- ขาประจำ
- โพสต์: 1010
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 พ.ย. 2010, 21:47
- Tel: 0815542467
- Bike: ปั่นมันส์อยู่คันเดียว
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
โครโมเทพๆสมัยนี้ไม่เหมือนวินเทจสตีลจากวันวานไปเสียทีเดียวนะครับ
ถ้าอุตสาหกรรมจักรยานจะทำโครโมลี่เทพๆเบากว่าคาร์บอน ทำได้สบายครับ
Rodriguez Outlaw OX True Temper ทำอันเดอร์ลิมิต UCI ได้สบายๆ
แต่ต้นทุนการผลิตจะสูงกว่าการผลิตเฟรมคาร์บอนเป็นสิบๆเท่า ในขณะที่ขายได้ในช่วงราคาพอๆกัน
ถามว่าทำไมสตีลลดความนิยมและคาร์บอนได้รับความนิยม...
เพราะคนเคาะเครื่องคิดเลขนิยมครับ
ถ้าอุตสาหกรรมจักรยานจะทำโครโมลี่เทพๆเบากว่าคาร์บอน ทำได้สบายครับ
Rodriguez Outlaw OX True Temper ทำอันเดอร์ลิมิต UCI ได้สบายๆ
แต่ต้นทุนการผลิตจะสูงกว่าการผลิตเฟรมคาร์บอนเป็นสิบๆเท่า ในขณะที่ขายได้ในช่วงราคาพอๆกัน
ถามว่าทำไมสตีลลดความนิยมและคาร์บอนได้รับความนิยม...
เพราะคนเคาะเครื่องคิดเลขนิยมครับ
- kamolwat_t
- ขาประจำ
- โพสต์: 1371
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 17:50
- team: amis
- Bike: 16" Klein Pluse Comp '97 - 53 lemond zurich '97
เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ผมพิมพ์ต่อนี่นี่ชงมาม่า แน่นอน.... ขอให้ได้ ขอให้โดนรถที่ใช่เฟรมที่ชอบกันทุกคนนะครับ
Sport Science 27' CPEC
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 301
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ต.ค. 2012, 16:22
- Bike: Tern Link P9, Fuji Barracuda R, Surly LHT, Cervelo Rม่า, Giant Propel Adv SL
- ติดต่อ:
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
เฟรมโครโม ขี่เทมโป้ มั้นส์ มันส์
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 314
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2011, 08:09
- Tel: 086-976-3209
- team: ชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพบางไทร / ทีมเสืออิสระ
- Bike: หมอบสับถัง
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ผมว่า เสือหมอบโคโมรี... เป็นความลงตัวที่สุดไม่ใช่ดีที่สุด
"วัสดุโคโมรีกับศิลปะการออกแบบเสือหมอบยุคนั้นได้โคจรมาพบกัน
ผสมผสานความลงตัว การกลึงท่อกลมๆมีข้อลัก องศาเฟรมขนานกับพื้น เทคนิคการทำสี การสลักชื่อแบรด์ลงในตัวเฟรม
ทุกอย่างทำอย่างประณีต ทุกแบรนด์แข่งกันด้านคุณภาพสุดๆมากกว่าปริมาณ และส่วนใหญ่เจ้าของแบรด์ก็ควบคุมการผลิตด้วย
ทำให้เกิดสุดยอดจักรยานและศิลปะ ท้าทายกาลเวลาจนถึงปัจจุบัน จนบางรุ่นกลายเป็นตำนานให้ตามเก็บสะสม
และสุดท้ายมันก็มีคุณค่าทางจิตใจไงล่ะครับ"
สุดท้าย..พื้นฐานมนุษย์คือนักคิดนักประดิษฐ์นักทดลอง จึงทำให้ค้นพบเจอวัสดุอื่นๆที่เหมาะกับยุคสมัย
จึงทำให้เราได้เลือกใช้จักรยานวัสดุต่างๆตามกำลังทรัพย์และความชื่นชอบครับ
"วัสดุโคโมรีกับศิลปะการออกแบบเสือหมอบยุคนั้นได้โคจรมาพบกัน
ผสมผสานความลงตัว การกลึงท่อกลมๆมีข้อลัก องศาเฟรมขนานกับพื้น เทคนิคการทำสี การสลักชื่อแบรด์ลงในตัวเฟรม
ทุกอย่างทำอย่างประณีต ทุกแบรนด์แข่งกันด้านคุณภาพสุดๆมากกว่าปริมาณ และส่วนใหญ่เจ้าของแบรด์ก็ควบคุมการผลิตด้วย
ทำให้เกิดสุดยอดจักรยานและศิลปะ ท้าทายกาลเวลาจนถึงปัจจุบัน จนบางรุ่นกลายเป็นตำนานให้ตามเก็บสะสม
และสุดท้ายมันก็มีคุณค่าทางจิตใจไงล่ะครับ"
สุดท้าย..พื้นฐานมนุษย์คือนักคิดนักประดิษฐ์นักทดลอง จึงทำให้ค้นพบเจอวัสดุอื่นๆที่เหมาะกับยุคสมัย
จึงทำให้เราได้เลือกใช้จักรยานวัสดุต่างๆตามกำลังทรัพย์และความชื่นชอบครับ
- k3mountain
- ขาประจำ
- โพสต์: 487
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2010, 15:27
- Bike: Cervelo R3, Fuji Declaration , Khs team st , Mini java
- ตำแหน่ง: 115/2 ม.2 ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง 21210
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ผมปั่นเสือภูเขาโครโมรี่khs ฟิกเกียร์โครโมรี่ฟูจิ เสือหมอบคาร์บอนr3
ทั้งสามคัน ฟิกเกียร์แข็งที่สุด รองมาเสือหมอบr3 นุ่มสุดก็khs
ผมว่ามันอยู่ที่ วัสดุเบอร์โครโมรี่ ส่วนผสมคาร์บอน องศาท่อ ล้อ
ถ้าถามผม ปั่นชิลๆสนุกๆกินลม ทรงคลาสสิค ผมเชียร์โครโมรี่
แต่ถ้าเอาเร็ว ออกกำลังกายเข้มข้น ลงสนามแข่ง ขอคาร์บอนครับ
ทั้งสามคัน ฟิกเกียร์แข็งที่สุด รองมาเสือหมอบr3 นุ่มสุดก็khs
ผมว่ามันอยู่ที่ วัสดุเบอร์โครโมรี่ ส่วนผสมคาร์บอน องศาท่อ ล้อ
ถ้าถามผม ปั่นชิลๆสนุกๆกินลม ทรงคลาสสิค ผมเชียร์โครโมรี่
แต่ถ้าเอาเร็ว ออกกำลังกายเข้มข้น ลงสนามแข่ง ขอคาร์บอนครับ
- kamolwat_t
- ขาประจำ
- โพสต์: 1371
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 17:50
- team: amis
- Bike: 16" Klein Pluse Comp '97 - 53 lemond zurich '97
เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
จะว่าไป ช่วงที่ขี่โครโมกัน(97-02) พออลูราคาลงก็มาขี่อลูกันหมดนะครับพวกกลุ่มที่ขี่จริงจังน่ะ
ความนุ่มที่คนเดียวนี้เพรียกหาไม่ใช่สิ่งที่ต้องการในสนามแข่งครับ
ที่มันนุ่มนิ่มเพราะว่า โลหะมันท่อเล็กเลยให้ตัวได้ครับ
แต่บอกตามตรงว่าผมก็ไล่เก็บรถช่วงปีก่อน โครโมฯเลิกผลิตครับเป็นที่ระลึกมากกว่า โครโมโบราณ แบบที่มีลักข์ ไม่ใชแนวผมน่ะ 5555 โครโมหมอบเก่ายี่ปุ่นแบบ ราแดค ก็ไม่ใช่แนว
นี่แหละครับถึงบอกว่า ขอให้เจอที่ใช่ใช้ที่ชอบ 555
ความนุ่มที่คนเดียวนี้เพรียกหาไม่ใช่สิ่งที่ต้องการในสนามแข่งครับ
ที่มันนุ่มนิ่มเพราะว่า โลหะมันท่อเล็กเลยให้ตัวได้ครับ
แต่บอกตามตรงว่าผมก็ไล่เก็บรถช่วงปีก่อน โครโมฯเลิกผลิตครับเป็นที่ระลึกมากกว่า โครโมโบราณ แบบที่มีลักข์ ไม่ใชแนวผมน่ะ 5555 โครโมหมอบเก่ายี่ปุ่นแบบ ราแดค ก็ไม่ใช่แนว
นี่แหละครับถึงบอกว่า ขอให้เจอที่ใช่ใช้ที่ชอบ 555
Sport Science 27' CPEC
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ใช่ครับ มันเป็นเรื่องจริงที่ว่า จักรยานที่ผลิตขึ้นจากท่อsteel จะสามารถรังสรรค์งานศิลป์ได้อย่างที่ไม่มีวัสดุใดๆในยุคนั้น หรือ แม้ยุคนี้ก็เถอะจะทำมาทดแทนได้
ยกตัวอย่างเฟรมที่น่าสะสมอย่าง Colnago ท่อที่บางคนเรียกว่ากลีบมะเฟือง การรีดท่อลักษณะนั้นจะช่วยเพิ่มsurface tensionให้แก่ท่อ ทำให้ท่อมีความแข็งแรง และงดงาม ในขณะที่Aluminium ในยุคปัจจุบันก็พัฒนาระบบรีดท่อไปถึงขนาดที่เป็น Hydroforming ก็ยังไม่สามารถทำท่อในลักษณะนั้นได้ เนื่องจากค่าของแข็งที่น้อยกว่า จึงจำเป็นต้องใช้ท่อที่มีขนาดใหญ่ ผนังบางเพื่อลดน้ำหนักลงมาโดยยังแข็งแรง ในขณะที่คาร์บอนไฟเบอร์ก็ไม่สามารถปั้นออกมาในลักษณะดังกล่าวโดยที่ยังคงคุณสมบัติดีๆของเฟรมคาร์บอนในลักษณะที่เราใช้กันในปัจจุบันได้ ส่วนTitaniumไม่ต้องพูดถึง ในยุคนั้นแค่ 6-4 Ti ยังรีดแบบไร้ตะเข็บไม่ได้ ( แต่ปัจจุบันทำได้แล้ว ) แม้แต่ในยุคนี้ก็ยังติดขัดอยู่ที่ค่าความแข็งของวัสดุที่ทำให้ต้องรีดท่อในลักษณะที่ใหญ่กว่าโครโมลี่ หรือ steel ดีๆอยู่ดี
เสียดายตรงที่ว่าเฟรมSteelในยุคก่อน อาจจะมีความงดงงามเชิงศิลปะในลักษณะน่าสะสมก็ตาม แต่ความรูัทางโลหะวิทยาในยุคนั้นก็ยังไม่ได้ล้ำเท่าไหร่
เฟรมโครโมดีๆที่ทั้งstiff และซับแรงกระเทือนได้ดีๆนั้น จึงหาได้ยากมาก
พูดง่ายๆว่า เฟรมโครโมลี่ ส่วนใหญ่จะมีอาการย้วย เพราะท่อที่เล็ก และเน้นความงาม ครั้นจะทำให้ท่อใหญ่แต่บางแบบอลูมิเนียม ก็จะมีปัญหาเรื่อง"บุบ"ได้ง่ายๆ ( เคยเห็นกระป๋องโค๊กกันนะครับ บางเฉียบและแข็งแรง แต่พร้อมที่จะบุบได้ในทันที่ที่ถูกกระแทก
ผมเองก็มีเฟรมsteelดีๆอยู่เช่นกัน แต่เป็นเสือภูเขาของ Ritchey P-20 ก่อนหน้านี้ก็เคยมี Ritchey NiTi ( ทำจากsteel ตระกูล nitanium ที่เน้นส่วนผสมของ Nickel กับเจือ Titanium ) geometry เหมือนกันทุกอย่าง size เดียวกัน แต่ feeling คนละเรื่องกัน
เฟรมsteelดีๆ นั้นซับแรงได้ดี ในขณะเดียวกันก็ไม่ย้วย ยืนโยกได้ไม่บิดไม่เบี้ยว แต่ถึงจะไม่ย้วยยังไง ก็ไม่มีทางstiff เท่ากับเฟรมอลูมิเนียมได้อยู่ดี
แต่สำหรับเสือภูเขาที่ไม่ได้ขี่กันในทางเรียบแบบเสือหมอบ เฟรมอลูมิเนียมไม่ได้เปรียบเฟรมsteelดีๆเลย แถมยังเสียเปรียบในบางลักษณะเส้นทางด้วยซ้ำไป กระด้างเกินไป ควบคุมรถยากเกินไป เปลืองแรงมากไป
แต่สำหรับเสือหมอบแล้ว ก็เหมือนกับที่คุณ kamolwat_t กล่าวไว้นั่นแหละครับ กระด้างก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะปั่นบนถนนเรียบๆ ขอให้ย่ำแล้ววิ่ง ไม่ย้วย ไม่เปลืองแรง นักแข่่งโปรดปรานอยู่แล้วครับ
แต่ในยุคนั้น เฟรมอลูมิเนียมดีๆ มันแพงมาก ทั้งๆที่ราคาของเนื้อวัสดุถูกกว่า steel เสียอีก ซึ่งหากสืบเสาะค้นหาที่มาของต้นทุนกันแล้วก็จะรู้ว่า ต้นทุนในการผลิตเฟรมอลูมิเนียมดีๆนั้น สูงมาก ทั้งนี้เพราะว่าเฟรมอลูมิเนียมจะต้องได้รับการอบร้อน ( Heat treat ) ต้องเชื่อมด้วยเครื่องเชื่อมคุณภาพสูง ( TIG welding , หัวเชื่อมทังสเตน และพ่นแกสเฉื่อย เช่น argon ไปไล่ออกซิเจนออกจากบริเวณผิวงานในระหว่างเชื่อม ) ต้นทุนส่วนใหญ่จึงไปลงที่ค่าของHardware ทั้งหลาย เครื่องมือในการรีด ดัด เชื่อม อบ ในขณะที่ค่าแรงงานอาจจะไม่ได้ห่างกันมากมายกับเฟรมโครโมลี่ , ยกเว้นเฟรมโครโมลี่ที่วิจิตรบรรจงศิลป์แบบcolnago ท่อกลีบมะเฟือง ที่บรรจงทำงานpaint อย่างงดงาม อันนั้นต้นทุนแรงงานคงจะไม่ต้องพูดถึงกัน )
แต่ปัจจุบันเฟรมอลูมิเนียมถูกมาก เพราะ Hardwareเหล่านั้นคุ้มทุนไปหมดแล้ว เทคโนโลยี่ในการผลิตก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เฟรมที่ไม่ได้มาตรฐานจากการผลิตก็มีสัดส่วนที่ลดลงไปกว่าเดิม ราคาของเฟรมจึงลดลงมาอย่างไม่น่าเชื่อ
ในขณะที่คาร์บอนไฟเบอร์กลายเป็นของวิเศษในปัจจุบัน เทคโนโลยี่การผลิตได้รับการพัฒนาขึ้น บวกกับมันเป็นวัสดุที่สามารถออกแบบให้จักรยานมีนิสัยที่แตกต่างกันได้มากมาย อยากจะให้นุ่มนิ่ม หรือ แข็งกระด้างก็ทำได้ทั้งสิ้น
ที่สำคัญ คาร์บอนไฟเบอร์ราคาถูกลงกว่าสมัยก่อนด้วยเหตุผลคล้ายๆกับเฟรมอลูมิเนียม
ของที่ชอบ อาจจะไม่ใช่ของที่ใช่ เสมอไป
ยกตัวอย่างเฟรมที่น่าสะสมอย่าง Colnago ท่อที่บางคนเรียกว่ากลีบมะเฟือง การรีดท่อลักษณะนั้นจะช่วยเพิ่มsurface tensionให้แก่ท่อ ทำให้ท่อมีความแข็งแรง และงดงาม ในขณะที่Aluminium ในยุคปัจจุบันก็พัฒนาระบบรีดท่อไปถึงขนาดที่เป็น Hydroforming ก็ยังไม่สามารถทำท่อในลักษณะนั้นได้ เนื่องจากค่าของแข็งที่น้อยกว่า จึงจำเป็นต้องใช้ท่อที่มีขนาดใหญ่ ผนังบางเพื่อลดน้ำหนักลงมาโดยยังแข็งแรง ในขณะที่คาร์บอนไฟเบอร์ก็ไม่สามารถปั้นออกมาในลักษณะดังกล่าวโดยที่ยังคงคุณสมบัติดีๆของเฟรมคาร์บอนในลักษณะที่เราใช้กันในปัจจุบันได้ ส่วนTitaniumไม่ต้องพูดถึง ในยุคนั้นแค่ 6-4 Ti ยังรีดแบบไร้ตะเข็บไม่ได้ ( แต่ปัจจุบันทำได้แล้ว ) แม้แต่ในยุคนี้ก็ยังติดขัดอยู่ที่ค่าความแข็งของวัสดุที่ทำให้ต้องรีดท่อในลักษณะที่ใหญ่กว่าโครโมลี่ หรือ steel ดีๆอยู่ดี
เสียดายตรงที่ว่าเฟรมSteelในยุคก่อน อาจจะมีความงดงงามเชิงศิลปะในลักษณะน่าสะสมก็ตาม แต่ความรูัทางโลหะวิทยาในยุคนั้นก็ยังไม่ได้ล้ำเท่าไหร่
เฟรมโครโมดีๆที่ทั้งstiff และซับแรงกระเทือนได้ดีๆนั้น จึงหาได้ยากมาก
พูดง่ายๆว่า เฟรมโครโมลี่ ส่วนใหญ่จะมีอาการย้วย เพราะท่อที่เล็ก และเน้นความงาม ครั้นจะทำให้ท่อใหญ่แต่บางแบบอลูมิเนียม ก็จะมีปัญหาเรื่อง"บุบ"ได้ง่ายๆ ( เคยเห็นกระป๋องโค๊กกันนะครับ บางเฉียบและแข็งแรง แต่พร้อมที่จะบุบได้ในทันที่ที่ถูกกระแทก
ผมเองก็มีเฟรมsteelดีๆอยู่เช่นกัน แต่เป็นเสือภูเขาของ Ritchey P-20 ก่อนหน้านี้ก็เคยมี Ritchey NiTi ( ทำจากsteel ตระกูล nitanium ที่เน้นส่วนผสมของ Nickel กับเจือ Titanium ) geometry เหมือนกันทุกอย่าง size เดียวกัน แต่ feeling คนละเรื่องกัน
เฟรมsteelดีๆ นั้นซับแรงได้ดี ในขณะเดียวกันก็ไม่ย้วย ยืนโยกได้ไม่บิดไม่เบี้ยว แต่ถึงจะไม่ย้วยยังไง ก็ไม่มีทางstiff เท่ากับเฟรมอลูมิเนียมได้อยู่ดี
แต่สำหรับเสือภูเขาที่ไม่ได้ขี่กันในทางเรียบแบบเสือหมอบ เฟรมอลูมิเนียมไม่ได้เปรียบเฟรมsteelดีๆเลย แถมยังเสียเปรียบในบางลักษณะเส้นทางด้วยซ้ำไป กระด้างเกินไป ควบคุมรถยากเกินไป เปลืองแรงมากไป
แต่สำหรับเสือหมอบแล้ว ก็เหมือนกับที่คุณ kamolwat_t กล่าวไว้นั่นแหละครับ กระด้างก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะปั่นบนถนนเรียบๆ ขอให้ย่ำแล้ววิ่ง ไม่ย้วย ไม่เปลืองแรง นักแข่่งโปรดปรานอยู่แล้วครับ
แต่ในยุคนั้น เฟรมอลูมิเนียมดีๆ มันแพงมาก ทั้งๆที่ราคาของเนื้อวัสดุถูกกว่า steel เสียอีก ซึ่งหากสืบเสาะค้นหาที่มาของต้นทุนกันแล้วก็จะรู้ว่า ต้นทุนในการผลิตเฟรมอลูมิเนียมดีๆนั้น สูงมาก ทั้งนี้เพราะว่าเฟรมอลูมิเนียมจะต้องได้รับการอบร้อน ( Heat treat ) ต้องเชื่อมด้วยเครื่องเชื่อมคุณภาพสูง ( TIG welding , หัวเชื่อมทังสเตน และพ่นแกสเฉื่อย เช่น argon ไปไล่ออกซิเจนออกจากบริเวณผิวงานในระหว่างเชื่อม ) ต้นทุนส่วนใหญ่จึงไปลงที่ค่าของHardware ทั้งหลาย เครื่องมือในการรีด ดัด เชื่อม อบ ในขณะที่ค่าแรงงานอาจจะไม่ได้ห่างกันมากมายกับเฟรมโครโมลี่ , ยกเว้นเฟรมโครโมลี่ที่วิจิตรบรรจงศิลป์แบบcolnago ท่อกลีบมะเฟือง ที่บรรจงทำงานpaint อย่างงดงาม อันนั้นต้นทุนแรงงานคงจะไม่ต้องพูดถึงกัน )
แต่ปัจจุบันเฟรมอลูมิเนียมถูกมาก เพราะ Hardwareเหล่านั้นคุ้มทุนไปหมดแล้ว เทคโนโลยี่ในการผลิตก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน เฟรมที่ไม่ได้มาตรฐานจากการผลิตก็มีสัดส่วนที่ลดลงไปกว่าเดิม ราคาของเฟรมจึงลดลงมาอย่างไม่น่าเชื่อ
ในขณะที่คาร์บอนไฟเบอร์กลายเป็นของวิเศษในปัจจุบัน เทคโนโลยี่การผลิตได้รับการพัฒนาขึ้น บวกกับมันเป็นวัสดุที่สามารถออกแบบให้จักรยานมีนิสัยที่แตกต่างกันได้มากมาย อยากจะให้นุ่มนิ่ม หรือ แข็งกระด้างก็ทำได้ทั้งสิ้น
ที่สำคัญ คาร์บอนไฟเบอร์ราคาถูกลงกว่าสมัยก่อนด้วยเหตุผลคล้ายๆกับเฟรมอลูมิเนียม
ของที่ชอบ อาจจะไม่ใช่ของที่ใช่ เสมอไป
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1194
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 18:36
- ตำแหน่ง: กำแพงเพชร
- ติดต่อ:
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
เข้ามาเก็บความรู้ครับ
คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
อีกเรื่องหนึี่ง ที่นึกได้นานแล้ว แต่ไม่ค่อยอยากเขียนเท่าไหร่ ก็คือ เรื่องอาการ"ไหล"ของเฟรม
ถ้าคำจำกัดความของคำว่า"ไหล" เป็นเรื่องราวในลักษณะต่อไปนี้ รถคันหนึ่งต้องออกแรงกระทำกับบันไดในลักษณะต่อเนื่องตลอดเวลา เบาแรงไม่ได้เลย ลดแรงกดบันไดไม่ได้ เทียบกับรถอีกคันหนึ่งที่ความเร็วเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเค้นแรงกดต่อบันไดอย่างต่อเนื่องเท่า สามารถผ่อนแรงได้บ้าง โดยที่ระดับความเร็วอาจจะไม่ลดลงมากเท่ากับคันแรก สามารถคงความเร็วได้ง่ายกว่ารถคันแรก แบบนี้ รถคันที่สอง"ไหล"กว่าคันแรก
ถ้าเราเข้าใจตรงกัน เราก็จะมาดูสมมติฐานของต้นเหตุของคำว่า"ไหล" ว่ามันเกิดจากอะไร ทำไมคนถึงชอบบอกกันว่า รถโครโมลี่ มันไหลกว่ารถอลูมิเนียม
1. อาการ"ไหล"นั้น เป็นเรื่องของ"ความเฉื่อย" หรือ moment of inertia ( ไม่รู้ปัจจุบันเขาแก้ทฤษฎีกันไปแล้วหรือยัง ความรู้พื้นฐานฟิสิกส์ของผมคือเรื่องเมื่อ 30ปีที่แล้วนะครับ ) ของที่หนักกว่า ย่อมจะมีความเฉื่อยมากกว่า นั่นก็คือ หากจะต้องการให้เร่งความเร็ว ก็ต้องออกแรงกระทำมากกว่า และหากจะให้ลดความเร็ว ก็ต้องออกแรงต้านมากกว่า ซึ่งแรงต้านที่สำคัญของจักรยานในทางราบก็คือ แรงต้านอากาศนั่นเอง อาจจะยกตัวอย่างที่มันแตกต่างกันมากหน่อย เช่น รถพ่วง 18 ล้อ ปล่อยให้วิ่งไปที่ความเร็ว 40 กม/ชม. ด้วยเกียร์ว่าง ถ้าไม่เอา"กลุ่ม"ของรถที่อยู่ข้างหน้าเป็นที่เบรค มันก็จะไหลไปได้ไกลมากๆ ผิดกับรถเก๋งซึ่งจะไหลไปได้ไม่ไกลเท่า
คราวนี้ จักรยานหนัก 10 กก. + คนปั่น 70 กก. นน.รวมเท่ากับ 80 กก. กับ จักรยานหนัก 7 กก. + คนปั่น 70 กก. น้ำหนักรวม 77 กก. ความแตกต่างของน้ำหนัก = 3 กก. 3 ใน 80 = 3.75% ดูแล้วมันไม่ได้มากมายกว่ากันเลยใช่ป่าวครับ
คราวนี้มาดูข้อ 2 บ้าง ข้อนี้สำคัญเพราะมันทำให้รถที่ไม่หนัก รวมถึงคนปั่นที่ไม่หนัก ปั่นแล้ว"ไหล"ได้
2. ความสามารถในการซับแรงที่กระแทกส่งขึ้นมาจากพื้นทาง ถึงแม้ว่าจะเป็นทางเรียบ แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เรียบกริบ แรงกระแทก สะเทือนจากผิวทางยังไงๆก็ส่งผ่านมายังตัวของเรา และในจังหวะที่เราเหยียบบันได เคยเจอไหมว่ารถที่กระด้างมากๆ แรงที่สะท้อนสะเทือนจากพื้นถนน มันส่งแรง"สวน"แรงที่เราเหยียบบันได ทำให้แรงที่เราเหยียบบันไดบางส่วนต้องสูญเปล่าไป
ตรงนี้พิสูจน์ได้ง่ายมากในจักรยาน MTB ซึ่งครั้งหนึ่ง ผมเองชอบความดิบของจักรยานHardtail มากๆ ต่อมาถึงจุดหนึ่งที่เจอเพื่อนยุให้เล่น Full Susp ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยชอบนัก ชอบติว่ามันกินแรง มันย้วย มันโน้นนี้นั้นตามประสาคนมีอคติส่วนตัว วันหนึ่งก็ไปได้ Specialized S-work FSR มาจนได้ หาของเบาๆใส่เข้าไป น้ำหนักทั้งคันแทบจะไม่หนักไปกว่า HardTail คันแรกๆของผมด้วยซ้ำไป เอาไปออกทริปกับเพื่อนๆในเส้นทางป่าเขา ถนนลูกรัง มันอาจจะกินแรงในช่วงแรกๆที่ออกตัวบ้าง แต่พอถึงช่วงจะรักษาความเร็ว หืมมมม ทำไมมันรักษาความเร็วบนทางลูกรังได้ง่ายกว่า HardTail คันเก่งอีกหละ แรงกระแทกผ่านบันไดที่เคยเจอก็หายไปหมด ยิ่งลงเขา ลงทางชันนี่ มันลงได้เร็วกว่าแบบ"ลืมตาย" ฮ่า ฮ่า บังคับควบคุมได้ง่ายกว่า เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวน้อยกว่า (ชักนอกเรื่องไปไกล ) ประเด็นที่ผมพบก็คือ แรงกระแทกผ่านบันไดที่คอยมาต้านการออกแรง มันหายไป
เฟรมโครโมลี่ มันมีคุณสมบัติในการซับแรงกระแทกได้ดีกว่าเฟรมอลูมิเนียมอยู่แล้ว ถึงจะเป็นเฟรมโครโมที่ออกแบบมาได้กระด้างยังไง ก็ยังนุ่มกว่าอลูมิเนียมอยู่วันยังค่ำ ร่วมกับน้ำหนักตัวที่มากกว่ากันนิดหนึ่งเป็นทุนเดิม ทำให้สัมผัสถึงคำว่า"ไหล"ได้อย่างไม่ยากเย็น
ผมบอกไปแล้วว่า "เทคโนโลยี่เปลี่ยนแปลงโลก" ผมไม่ได้จะบอกว่าคาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุที่ดีกว่าโครโมลี่ หรือ ดีที่สุดในโลก ( เพราะบอกแล้วว่า คำว่า"ที่สุดในโลก"นั้น ไม่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม , ความตายก็ยังไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกอยู่ดี จริงอยู่ที่ทุกสิ่งมีชีวิตต้องตาย แต่ก็ไม่มีใครกะเกณฑ์ได้ว่า จะตายอย่างไร จะตายเมื่อไหร่ จะตายที่ไหน กำหนดความแน่นอนตรงนี้ไม่ได้อยู่ดี ) แต่เพราะเทคโนโลยี่ จึงสามารถออกแบบเฟรมจากคาร์บอนไฟเบอร์ ให้ซับแรงกระแทกได้ไม่แพ้โครโมลี่ แต่ไม่ย้วยแบบโครโมลี่ แล้วยังstiffมากกว่า เมื่อกดบันได จึงพุ่งมากกว่าโครโมลี่ ความสามารถในการซับแรงที่ดีมากๆนี้จึงทำให้เกิดอาการไหลหรือความสามารถในการรักษาระดับความเร็วโดยไม่ต้องคอยเติมแรงลงไปมากมายเหมือนกับเฟรมอลูมิเนียม จนถึงขั้นที่อาจจะพูดว่า " นุ่ม พุ่ง ไหล " ได้ในรถคันเดียวกัน ซึ่งจะตรงกับลักษณะของรถที่ใช้ในการแข่ง Protour ในปัจจุบัน ซึ่งจะเน้นรถที่ All around มากๆ เน้นซับแรงกระแทกก่อนเพื่อให้นักแข่งทนความเมื่อยล้าได้นานขึ้น น้ำหนักเบาและstiff เพื่อช่วยให้ตอบสนองต่อแรงกระทำได้ดี และคงความเร็วในการเดินทางได้โดยไม่ต้องคอยเติมแรงบ่อยๆอันเกิดจากไม่มีแรงจากพื้นทางมาคอยต้านการออกแรง
แต่!!! ก็ใช่ว่ารถในลักษณะนี้จะตรงกับความต้องการของนักปั่นทุกๆคน บางคนไม่สนใจเรื่องอาการไหล ยอมใช้รถที่กระด้างบ้าง แต่ตอบสนองต่อการออกแรงกระทำได้ดีกว่า พูดง่ายๆว่า stiff สุดๆ ส่งแรงเท่าไร ออกไปเท่านั้น ( จริงๆก็ไม่มีหรอก แค่ความรู้สึกของคนปั่นนั่นแหละ )
แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า นานาจิตตัง คือความคิด ความชอบ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น"ข้อเท็จจริง" เพราะข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เช่น ใช้ powermeter วัดกำลังที่นักปั่นกระทำต่อจักรยาน , ใช้ calorimeter วัดพลังงานที่นักปั่นใช้ไปในการส่งกำลังกระทำต่อจักรยาน , ใช้ HRM วัดการตอบสนองของร่างกาย , ใช้ Speedometer วัดความเร็วซึ่งเป็นผลสุดท้ายที่นักปั่นต้องการ ข้อมูลเหล่านี้เป็นวิทยาศาสตร์ที่เอามาใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการผลิตจักรยานดีๆสักคันหนึ่ง ความรู้ของรถคันก่อน รุ่นก่อนก็เป็นฐานความรู้ในการเอาไปสร้างเป็นรถรุ่นใหม่ๆสืบต่อไป
ในขณะที่ความคิด ความชอบ เป็นเรื่องของสัมผัส ความรู้สึก และอารมณ์ จึงไม่อาจจะถือเป็นข้อสิ้นสุด
แต่กระนั้น โลกนี้ก็ยังวุ่นว่ายจากความคิดเห็น มากกว่าจะวุ่นวายจากข้อเท็จจริง
ปล. ถ้าอยากให้เฟรมเบาๆในยุคปัจจุบัน กระด้างๆไม่ค่อยซับแรง แล้วอยากจะให้ไหลๆ แบบเฟรมโครโมหนักๆบ้างหละก้อ ลองไปเอาล้อขอบสูงใส่เข้าไปสักชุดหนึ่สิครับ ขอให้มีแรง พอความเร็วถึง มันก็จะไหลไปเองแหละ เหมือนกับที่บางคนชอบบอกว่าเหวี่ยงนั่นแหละครับ เพราะMoment of inertia ไม่ได้มีเฉพาะในเชิงเส้น แต่ยังมีในเชิงมุม ( ใช้กับสิ่งที่หมุนรอบแกน ) อีกเช่นกัน
สวัสดี วันมหาสงกรานต์
ถ้าคำจำกัดความของคำว่า"ไหล" เป็นเรื่องราวในลักษณะต่อไปนี้ รถคันหนึ่งต้องออกแรงกระทำกับบันไดในลักษณะต่อเนื่องตลอดเวลา เบาแรงไม่ได้เลย ลดแรงกดบันไดไม่ได้ เทียบกับรถอีกคันหนึ่งที่ความเร็วเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเค้นแรงกดต่อบันไดอย่างต่อเนื่องเท่า สามารถผ่อนแรงได้บ้าง โดยที่ระดับความเร็วอาจจะไม่ลดลงมากเท่ากับคันแรก สามารถคงความเร็วได้ง่ายกว่ารถคันแรก แบบนี้ รถคันที่สอง"ไหล"กว่าคันแรก
ถ้าเราเข้าใจตรงกัน เราก็จะมาดูสมมติฐานของต้นเหตุของคำว่า"ไหล" ว่ามันเกิดจากอะไร ทำไมคนถึงชอบบอกกันว่า รถโครโมลี่ มันไหลกว่ารถอลูมิเนียม
1. อาการ"ไหล"นั้น เป็นเรื่องของ"ความเฉื่อย" หรือ moment of inertia ( ไม่รู้ปัจจุบันเขาแก้ทฤษฎีกันไปแล้วหรือยัง ความรู้พื้นฐานฟิสิกส์ของผมคือเรื่องเมื่อ 30ปีที่แล้วนะครับ ) ของที่หนักกว่า ย่อมจะมีความเฉื่อยมากกว่า นั่นก็คือ หากจะต้องการให้เร่งความเร็ว ก็ต้องออกแรงกระทำมากกว่า และหากจะให้ลดความเร็ว ก็ต้องออกแรงต้านมากกว่า ซึ่งแรงต้านที่สำคัญของจักรยานในทางราบก็คือ แรงต้านอากาศนั่นเอง อาจจะยกตัวอย่างที่มันแตกต่างกันมากหน่อย เช่น รถพ่วง 18 ล้อ ปล่อยให้วิ่งไปที่ความเร็ว 40 กม/ชม. ด้วยเกียร์ว่าง ถ้าไม่เอา"กลุ่ม"ของรถที่อยู่ข้างหน้าเป็นที่เบรค มันก็จะไหลไปได้ไกลมากๆ ผิดกับรถเก๋งซึ่งจะไหลไปได้ไม่ไกลเท่า
คราวนี้ จักรยานหนัก 10 กก. + คนปั่น 70 กก. นน.รวมเท่ากับ 80 กก. กับ จักรยานหนัก 7 กก. + คนปั่น 70 กก. น้ำหนักรวม 77 กก. ความแตกต่างของน้ำหนัก = 3 กก. 3 ใน 80 = 3.75% ดูแล้วมันไม่ได้มากมายกว่ากันเลยใช่ป่าวครับ
คราวนี้มาดูข้อ 2 บ้าง ข้อนี้สำคัญเพราะมันทำให้รถที่ไม่หนัก รวมถึงคนปั่นที่ไม่หนัก ปั่นแล้ว"ไหล"ได้
2. ความสามารถในการซับแรงที่กระแทกส่งขึ้นมาจากพื้นทาง ถึงแม้ว่าจะเป็นทางเรียบ แต่จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เรียบกริบ แรงกระแทก สะเทือนจากผิวทางยังไงๆก็ส่งผ่านมายังตัวของเรา และในจังหวะที่เราเหยียบบันได เคยเจอไหมว่ารถที่กระด้างมากๆ แรงที่สะท้อนสะเทือนจากพื้นถนน มันส่งแรง"สวน"แรงที่เราเหยียบบันได ทำให้แรงที่เราเหยียบบันไดบางส่วนต้องสูญเปล่าไป
ตรงนี้พิสูจน์ได้ง่ายมากในจักรยาน MTB ซึ่งครั้งหนึ่ง ผมเองชอบความดิบของจักรยานHardtail มากๆ ต่อมาถึงจุดหนึ่งที่เจอเพื่อนยุให้เล่น Full Susp ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยชอบนัก ชอบติว่ามันกินแรง มันย้วย มันโน้นนี้นั้นตามประสาคนมีอคติส่วนตัว วันหนึ่งก็ไปได้ Specialized S-work FSR มาจนได้ หาของเบาๆใส่เข้าไป น้ำหนักทั้งคันแทบจะไม่หนักไปกว่า HardTail คันแรกๆของผมด้วยซ้ำไป เอาไปออกทริปกับเพื่อนๆในเส้นทางป่าเขา ถนนลูกรัง มันอาจจะกินแรงในช่วงแรกๆที่ออกตัวบ้าง แต่พอถึงช่วงจะรักษาความเร็ว หืมมมม ทำไมมันรักษาความเร็วบนทางลูกรังได้ง่ายกว่า HardTail คันเก่งอีกหละ แรงกระแทกผ่านบันไดที่เคยเจอก็หายไปหมด ยิ่งลงเขา ลงทางชันนี่ มันลงได้เร็วกว่าแบบ"ลืมตาย" ฮ่า ฮ่า บังคับควบคุมได้ง่ายกว่า เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวน้อยกว่า (ชักนอกเรื่องไปไกล ) ประเด็นที่ผมพบก็คือ แรงกระแทกผ่านบันไดที่คอยมาต้านการออกแรง มันหายไป
เฟรมโครโมลี่ มันมีคุณสมบัติในการซับแรงกระแทกได้ดีกว่าเฟรมอลูมิเนียมอยู่แล้ว ถึงจะเป็นเฟรมโครโมที่ออกแบบมาได้กระด้างยังไง ก็ยังนุ่มกว่าอลูมิเนียมอยู่วันยังค่ำ ร่วมกับน้ำหนักตัวที่มากกว่ากันนิดหนึ่งเป็นทุนเดิม ทำให้สัมผัสถึงคำว่า"ไหล"ได้อย่างไม่ยากเย็น
ผมบอกไปแล้วว่า "เทคโนโลยี่เปลี่ยนแปลงโลก" ผมไม่ได้จะบอกว่าคาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุที่ดีกว่าโครโมลี่ หรือ ดีที่สุดในโลก ( เพราะบอกแล้วว่า คำว่า"ที่สุดในโลก"นั้น ไม่มีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรม , ความตายก็ยังไม่ใช่สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกอยู่ดี จริงอยู่ที่ทุกสิ่งมีชีวิตต้องตาย แต่ก็ไม่มีใครกะเกณฑ์ได้ว่า จะตายอย่างไร จะตายเมื่อไหร่ จะตายที่ไหน กำหนดความแน่นอนตรงนี้ไม่ได้อยู่ดี ) แต่เพราะเทคโนโลยี่ จึงสามารถออกแบบเฟรมจากคาร์บอนไฟเบอร์ ให้ซับแรงกระแทกได้ไม่แพ้โครโมลี่ แต่ไม่ย้วยแบบโครโมลี่ แล้วยังstiffมากกว่า เมื่อกดบันได จึงพุ่งมากกว่าโครโมลี่ ความสามารถในการซับแรงที่ดีมากๆนี้จึงทำให้เกิดอาการไหลหรือความสามารถในการรักษาระดับความเร็วโดยไม่ต้องคอยเติมแรงลงไปมากมายเหมือนกับเฟรมอลูมิเนียม จนถึงขั้นที่อาจจะพูดว่า " นุ่ม พุ่ง ไหล " ได้ในรถคันเดียวกัน ซึ่งจะตรงกับลักษณะของรถที่ใช้ในการแข่ง Protour ในปัจจุบัน ซึ่งจะเน้นรถที่ All around มากๆ เน้นซับแรงกระแทกก่อนเพื่อให้นักแข่งทนความเมื่อยล้าได้นานขึ้น น้ำหนักเบาและstiff เพื่อช่วยให้ตอบสนองต่อแรงกระทำได้ดี และคงความเร็วในการเดินทางได้โดยไม่ต้องคอยเติมแรงบ่อยๆอันเกิดจากไม่มีแรงจากพื้นทางมาคอยต้านการออกแรง
แต่!!! ก็ใช่ว่ารถในลักษณะนี้จะตรงกับความต้องการของนักปั่นทุกๆคน บางคนไม่สนใจเรื่องอาการไหล ยอมใช้รถที่กระด้างบ้าง แต่ตอบสนองต่อการออกแรงกระทำได้ดีกว่า พูดง่ายๆว่า stiff สุดๆ ส่งแรงเท่าไร ออกไปเท่านั้น ( จริงๆก็ไม่มีหรอก แค่ความรู้สึกของคนปั่นนั่นแหละ )
แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่เขาเรียกว่า นานาจิตตัง คือความคิด ความชอบ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็น"ข้อเท็จจริง" เพราะข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เช่น ใช้ powermeter วัดกำลังที่นักปั่นกระทำต่อจักรยาน , ใช้ calorimeter วัดพลังงานที่นักปั่นใช้ไปในการส่งกำลังกระทำต่อจักรยาน , ใช้ HRM วัดการตอบสนองของร่างกาย , ใช้ Speedometer วัดความเร็วซึ่งเป็นผลสุดท้ายที่นักปั่นต้องการ ข้อมูลเหล่านี้เป็นวิทยาศาสตร์ที่เอามาใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการผลิตจักรยานดีๆสักคันหนึ่ง ความรู้ของรถคันก่อน รุ่นก่อนก็เป็นฐานความรู้ในการเอาไปสร้างเป็นรถรุ่นใหม่ๆสืบต่อไป
ในขณะที่ความคิด ความชอบ เป็นเรื่องของสัมผัส ความรู้สึก และอารมณ์ จึงไม่อาจจะถือเป็นข้อสิ้นสุด
แต่กระนั้น โลกนี้ก็ยังวุ่นว่ายจากความคิดเห็น มากกว่าจะวุ่นวายจากข้อเท็จจริง
ปล. ถ้าอยากให้เฟรมเบาๆในยุคปัจจุบัน กระด้างๆไม่ค่อยซับแรง แล้วอยากจะให้ไหลๆ แบบเฟรมโครโมหนักๆบ้างหละก้อ ลองไปเอาล้อขอบสูงใส่เข้าไปสักชุดหนึ่สิครับ ขอให้มีแรง พอความเร็วถึง มันก็จะไหลไปเองแหละ เหมือนกับที่บางคนชอบบอกว่าเหวี่ยงนั่นแหละครับ เพราะMoment of inertia ไม่ได้มีเฉพาะในเชิงเส้น แต่ยังมีในเชิงมุม ( ใช้กับสิ่งที่หมุนรอบแกน ) อีกเช่นกัน
สวัสดี วันมหาสงกรานต์
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- สมาชิก
- โพสต์: 78
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2012, 11:22
- Tel: 081-9658553
- team: Sawangdaendin Cycling Club
- Bike: Ritchey Road Logic/Bridgestone Neo-Cot/Araya Muddy Fox
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
ได้ความรู้มากมาย ละเอียด ลึก โดยเฉพาะ อ.ลู ขอบคุณทุกท่านครับ
- kamolwat_t
- ขาประจำ
- โพสต์: 1371
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2012, 17:50
- team: amis
- Bike: 16" Klein Pluse Comp '97 - 53 lemond zurich '97
Re: เค้าว่ากันว่า เสือหมอบโคโมรี่ คือที่สุดของเสือหมอบ จริงมั้ยครับ
พี่หมอลู ตอบแบบที่ผมเองกลัวว่าถ้าตอบไปเองจะเกิดมาม่าเลยครับ555
สิ่งนึงที่ผมกลัวคือ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" อย่าลืมว่าจักรยานเป็นการออกแบบเชิงวิศวกรรมนะครับ ตั้งแต่สมัยแรกๆ จนตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ มันมีหลักการและเหตุผลมารองรับเสมอครับ
ป.ล. นอกเรื่องนิด... อ่านแล้ว......
อยากได้ ritchey p21 >w<
อยากได้ FSR TT^TT
อยากได้ Trek Y-33 TTwTT
อยากได้ Super V4000 >_<
อยากได้ Klein Mantra -_-
สิ่งนึงที่ผมกลัวคือ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" อย่าลืมว่าจักรยานเป็นการออกแบบเชิงวิศวกรรมนะครับ ตั้งแต่สมัยแรกๆ จนตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ มันมีหลักการและเหตุผลมารองรับเสมอครับ
ป.ล. นอกเรื่องนิด... อ่านแล้ว......
อยากได้ ritchey p21 >w<
อยากได้ FSR TT^TT
อยากได้ Trek Y-33 TTwTT
อยากได้ Super V4000 >_<
อยากได้ Klein Mantra -_-
Sport Science 27' CPEC