ทริป Tour de France กับ Life and Living ปิดรับสมัครแล้วครับ ผู้สนใจโอกาสหน้ายินดีครับ

[ขุนช้าง]

ด่วนครับ.... ใครสนใจไปจริงๆ ต้องรีบลงชื่อแล้ว ผมแทบจะหาตั๋วเครื่องบินไม่ได้แล้ว ถึงมีก็ใช้เวลาทรานสิทนานมากๆๆๆ แทบจะไม่อยากบินเลย ตอนนี้ยังมีอยู่ และค่าตั๋วก็เพิ่มราคาขึ้นทุกวัน นี่เพราะดันไปรับปากเพื่อนๆไว้ เลยต้องทำ ลองทำดูไม่ง่ายอย่างที่คิด

สำหรับใครสนใจจะไปให้ลงชื่อไว้เลย ตอนนี้มียืนยันและไม่ยืนยันไปทั้งหมด 18 คนหากมีใครยกเลิกผมจะได้เสียบรายชื่อให้แทน ผมจะสรุปภายในสองสามวันนี้ ขอย้ำรายการนี้ไม่ได้ทำรายได้กำไรอะไร ไม่รู้จะเข้าเนื้อรู้เปล่าด้วย แต่จะพยายามทำให้ได้ที่สุด


วันที่ 11 ศุกร์ กรกฎาคม 2557
ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิ ตามโปรแกรมตอนนี้น่าจะมี flight เดียวที่เป็นไปได้คือ สายการบิน Etihad EY-401 Dept BKK 02:55 Arriv Geneva 07:17 (12/07/2014) 2h 10m connection at Abu Dhabi


วันที่ 12 เสาร์
ถึง Geneva 07:17 นั่งรถตู้พร้อมสัมภาระ ออกเดินทางไปยังเมือง Besancon เข้าที่พักที่โรงแรม Ibis เมืองนี้เป็นเมืองที่น่าเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของฝรั่งเศส เป็นเมืองโบราณ มีปราสาทเก่าอยู่บนหน้าผา และเมืองเก่าที่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่ใจกลางเมืองพร้อมโบสถ์และพิพิธภัณฑ์ที่น่าเที่ยว อาหารการกินราคาก็รับได้ แต่อร่อยแบบฝรั่งเศสแท้ๆ
พัก Besancon


วันที่ 13 อาทิตย์
วันพักผ่อน ให้เวลาปรับเวลา หนึ่งวัน เที่ยวเมือง ซ้อมขี่ เตรียมจักรยาน แต่ก่อนนอนต้องเอารถจักรยานขึ้นรถตู้สำหรับปั่นขึ้นเขาในวันรุ่งขึ้น เพราะพรุ่งนี้เราจะไต่เขากัน
พัก Besancon

วันที่ 14 จันทร์
เช้าตรู่ พวกเรานักปั่นจักรยาน จะออกเดินทางแต่เช้าตรู่ด้วยรถตู้ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถึงเมือง Belfort ขนจักรยานลงเพื่อปั่นขึ้นเขาไป La Planche Du Belles Filles ซึ่งเป็นเสตจ finish เสตจที่ 10 ที่ขบวน peloton เริ่มสตาร์ทจากเมือง Mulhouse เราจะปั่นขึ้นไปตามเส้นทางที่ขบวน peloton จะปั่นขึ้นมาตอนบ่ายเพื่อเข้าเส้นชัยบนยอดเขา ซึ่งเราจะไต่เขาบนเส้นทางเดียวกับขบวน peloton ที่เป็นเสตจภูเขาสูงเสตจแรกของ TDF ในปีนี้ (ผู้ติดตามน่าจะไปด้วยได้เพราะกำลังขอบัตรติดรถขึ้นไปที่ Stage)

ระหว่างเส้นทางไต่ขึ้นเขา จะมีคนที่รอชมขบวน peloton ทั้งกางเต๊นท์ และรถบ้าน จอดอยู่เต็มริมข้างทาง พวกเค้าจะสนุกสนานเฮฮา คอยติดตามข่าวการแข่งขันทั้งทาง TV และนสพ. และระหว่างเราปั่นขึ้นเขา พวกเค้าจะคอยมาช่วยเข็นเราขึ้นเข้าด้วยหากเราออกอาการตุปัดตุเป๋ ก็สนุกร่าเริงแบบฮาๆไปอีกแบบหนึ่ง

หลังจากเราขึ้นถึงยอดเขา เราก็จะพักผ่อนนอนตามสนามหญ้า ซื้ออาหารเครื่องดื่มทั้งแบบมีดีกรีและไม่มีดีกรี นั่งคุยกันและติดตามการแข่งขันจากจอ monitor ขนาดใหญ่และการบรรยายสดจากเซียนพากย์ที่อยู่หน้าเวที

ก่อนขบวน peloton จะมาถึง เราจะได้ชมขบวนรถพาเหรดของผู้สนับสนุน TDF ซึ่งมีทั้งประเภทแฟนซี และตลกขบขัน และไม่วายจะที่จะมี pretty สาวๆออกมาโชว์ยั่วหนุ่มน้อยใหญ่ให้หลงไหลงงงวย พร้อมทั้งรับของแจกมากมาย ระหว่างขบวนเรายังได้ยินเสียงการพากย์อย่างเมามันแบบแหบๆ ของ Daniel Mangeas แกพากย์ได้แบบแทบไม่ต้องหยุดหายใจเลย

เส้นทางก่อนเข้าเส้นชัยในวันนี้จะเป็นเนินที่ชันที่สุดในการแข่งขัน TDF ในปีนี้ เพราะจะมีระดับความชันอยู่ถึง 20% ก่อนเข้าเส้น ซึ่งเราต้องหาทำเลเหมาะคอยดูว่านักปั่นแต่ละคนจะออกอาการที่ต้องขึ้นเขามาหลายสิบกิโล และยังต้องมาเจอความชันขนาดนี้ เรียกว่าได้ความรู้สึกทุกครั้งที่กดลูกบันได้ ผมว่าคงน่ามันจริงๆ เราจะได้รู้ว่าใครได้เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในเสตจภูเขาสูงเสตจแรกในการแข่งขันครั้งนี้ วันนี้อย่าลืมเอาธงชาติไทยไปโบกด้วยน๊ะ คนที่บ้านเราจะได้เห็นจากจอทีวี

หลังจากนักกีฬาทุกคนเข้าเส้นชัย เราก็จะร่วมแสดงความยินดีกับผู้ชนะเสตจ และประเภทต่างๆในวันนี้ หลังจากนั้นเขายังไม่ให้เราลงเขา เพราะต้องรอให้นักกีฬาลงไปก่อน ตามด้วย รถขบวน กว่ารถที่ติดบัตรอนุญาตลงได้ก็ต้องรออีกนานโข แต่เราเอาจักรยานขึ้นมาเราสามารถปั่นลงไปได้ หลังจากขบวนของ TDF ได้ลงไปหมดแล้ว ซึ่งเราเป็นจักรยานจะได้เปรียบเพราะขาลงรถจะติดเพราะเป็นทางแคบ และโค้ง เราก็สามารถปั่นจักรยานร่อนลงมาได้อย่างสะดวก ปัญหาอยู่ที่ว่าวันนั้นเราจะได้เอารถตู้ขึ้นไปได้หรือเปล่า เพราะกำลังขอบัตรเบ่งเพื่อให้ผู้ที่ไม่ปั่นจักรยานขึ้นไป สามารถขึ้นไปชมบรรยากาศที่ยอดเข้าได้ ถ้าเราเอารถตู้ขึ้นไปกว่าจะลงมาได้ก็คงค่ำมืด แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะผมเจอสภาพแบบนี้มาสองครั้งแล้ว

เราลงเขามาพร้อมกันก็จะขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ที่เมือง Belfort เพื่อมุ่งหน้ากลับเข้าที่พักที่เดิมที่เมือง Besancon ถึงที่พักก็คงน๊อคกันพอดี
พัก Besancon

วันที่ 15 อังคาร
เนื่องจากวันนี้เป็นวัน rest day เป็นวันหยุดระหว่างการแข่ง ในเมืองจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับ Tour de France มากมาย สนุกสนาน และเราจะได้สัมผัสนักปั่นซึ่งจะออกมาโชว์ตัวให้เราได้ล่าลายเซนต์อีกด้วย พร้อมทั้งมีชุดจักรยานของทีมทุกทีมให้เราเลือกซื้อตามชอบเพื่อไปให้นักแข่งคนโปรดของแต่ละคนเซ็นต์ชื่อ นับว่าเป็นวันที่สนุกสนานอีกวันหนึ่ง ในเมืองก็จะมีร้านอาหารมาออกร้านกันเยอะกว่าปกติ พร้อมทั้งดนตรีทั้งวัน เหมือนจัดงาน Festival ยังนั้นเชียว วันนี้ผมว่าพวกเราคงได้กินอาหารและเบียร์หรือไวน์กันได้อย่างหมดคราบเลยทีเดียว
พัก Besancon

วันที่ 16 พุธ
เราจะดู Depart Stage เสตจที่ 11 ที่จะออกจากเมือง Besancon ได้สัมผัสนักกีฬาอีกครั้งหนึ่ง ในบรรยากาศที่สดใสแบบ relax เพราะวันนี้เป็นเส้นทางราบแตกต่างจากวันก่อนบนยอดเขา(ที่โทรมสภาพจากต้องผจญเส้นทางบนเขามาทั้งเมื่อวาน) นอกจากจะได้ใกล้ชิดนักกีฬาเรายังได้ถ่ายรูปรถจักรยานและรถเซอร์วิสสีสรรฉูดฉาดกันได้อย่างเต็มที่

หลังจากนั้นเราจะเช็คเอาท์ออกจากเมือง Besancon นั่งรถตู้ ไปยังเมือง Thonon les Bains ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Geneva แต่ชาวฝั่งเศสชอบให้เรียกว่า lac Lemond มากกว่า ระหว่างทาง จะเข้าไปแวะเมือง Gruyere ในเขตสวิสเซอร์แลนด์ ที่เป็นเมืองที่ได้ขึ้นชื่อว่าชีสดีที่สุดในโลก เราจะได้กินฟองดูกันที่นี่ ขอบอกว่าในความเห็นผม ชีสที่นีอร่อยที่สุดในโลก ชีส Gruyere ไม่ได้มีแบบเดียว มีหลากหลายแบบ ที่นี่เราจะได้ชมวิธีการทำชีสจากกระทะทองแดงแบบที่เอาคนตกนรกยัดลงไปได้ ฟองดูที่นี้กับไวน์ขาวฝรั่งเศสมากินที่เมืองต้นตำหรับผมว่ามันสุดยอดจริงๆ และชมบรรยากาศของเมืองประวัติศาสตร์เล็กๆที่อยู่บนยอดเขาที่แสนจะประทับใจ จากนั้นเราก็จะนั่งรถผ่านเมือง Montreux, Evian แต่คงจะไม่ได้แวะเที่ยวในวันนี้เราจะไปกันวันหลัง เราจะเข้าที่พักที่ Thonon les Bains เข้าพักที่โรงแรม Le Port เป็นโรงแรมเล็กๆน่ารัก ริมทะเลสาบ Geneva โดยเจ้าของเป็นเพื่อนกับผมเอง และมาเมืองไทยอยู่เป็นประจำ และที่นี่เราจะมีเพื่อนฝรั่งเศสหลายคนเพราะเมื่อเค้ามาเมืองไทยผมจะดูแลเค้าเป็นประจำ เราจะกินอาหารเย็นและพักกันที่นี่ วันนี้ระวังจะถูกชน ผมหมายถึงชนแก้ว..มาวว์กันเป๋เลยล่ะ.... ซองแต.....
พัก Thonon les Bains


วันที่ 17 พฤหัส
หลังอาหารเช้าแบบฝั่งเศส คือหนมปัง และครัวซองทาเนย จิ้มกับกาแฟ.... เสร็จสรรพ เราจะไปปั่นจักรยานไปยังเมือง Morzine ซึ่งเป็นเมืองสกีรีสอร์ท ที่เป็นที่ตั้งของสนามดาวน์ฮีล์ชิงแชมป์โลกสนามสุดท้ายของทุกปี และเราก็จะได้ไต่เขาขึ้นไป Avoriaz ที่เป็นเสตจจบหลายครั้งในประวัติของ Tour de France ที่สำคัญแห่งหนึ่ง เส้นทางขึ้น Avoriaz มีความชันประมาณ 8% ตลอด แต่ถ้าใครถอดใจก็สามารถจอดชมวิวสวยงามได้เป็นระยะๆ หรือจะแวะเติมน้ำใส่ขวดจากน้ำตกระหว่างทางก็ได้(เพราะไม่มีร้านขายน้ำ) เมื่อถึงยอดเราก็จะไปร้านประจำของผมไปกรึบเบียร์สักแก้วพร้อมทั้งติดตาม Peleton จาก TV พอได้ที่แล้วก็จะปั่นกลับลงอีกทางหนึ่ง เป็นเส้นทางที่สวยงามมาก อาจจะแวะเยี่ยม Chalet ของเพื่อนชึ่อ “เดเด้”ที่เป็นอดีตแชมป์สกีโอลิมปิคที่ฮอกไกโด หากใครอยากจะพักที่นี่ก็อาจจะมาพักวันรุ่งขึ้นก็ได้เพราะบรรยากาศสวยและสงบมาก กลับมาถึงที่พักเวลาก็คงจะเย็นเต็มที พักสักหน่อยอาบน้ำอาบท่า ก็ได้เวลาอาหารเย็นที่เราต้องมาชนแก้วกับนักดริ๊งที่นี่อีกนัดหนึ่ง....อาหารที่นี่ผมจัดว่าใช้ได้เลยทีเดียว และคาดว่าวันนี้เราอาจจะได้ชิมไวน์จากชาโตว์ เดอ ไปน์ ที่อยู่ในเมืองนี้ก็ได้
พัก Thonon les Bains

วันที่ 18 ศุกร์
วันนี้จะเป็นวันที่สบายๆ หลังจากเปิดศึกกับเส้นทางบนเนินเขา ไหนจะต้องคอยปะทะกับนักดริ๊งค์เจ้าถิ่น วันนี้ก็จัดให้เป็นวันเบาๆก็แล้วกัน เราจะนั่งรถตู้ไปเที่ยวเมืองรอบทะเลสาบ Geneva โดยจะแวะปราสาทที่เมือง Evian เข้าชม UCI center ดูสนามแข่งและชมการฝึกซ้อมของนักจักรยานที่มาจากทุกมุมโลกรวมถึงนักจักรยานไทยด้วย จากนั้นเราว่าจะไปเยี่ยมชมเมือง Montreux, Lausanne และ Geneva

ที่ Montreux เราเอาแค่ผ่านไปถ่ายรูปกับรูปปั้น Freddie Mercury อดีตนักร้องนำของวง Queens เพราะแกมาจบชีวิตที่เมืองนี้ เราแค่เดินเที่ยวๆ จิบกาแฟก็พอเพราะอะไรๆที่นี่แพงมากๆ หลังจากนั้นก็ผ่านเลยไปเมือง Lausanne ทานอาหารเที่ยงริมทะเลสาบที่นี่ก็ได้ เดินเที่ยวชายหาด และเข้าชม Olympic Museum และ หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวในเมืองสักพักก็ขึ้นรถต่อไปยังเมือง Geneva ถ้ามีเวลาก็จะแวะแต่ก็ไม่น่าจะ เราจะแวะกันวันสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องก็ได้ เอาแค่นี้คาดว่าคงจะถึงค่ำ ก็จะพาไปกินที่เมือง Yvoir ที่เป็นเมืองประวัติศาสตร์เล็กๆ น่ารักมากๆ น่าจะเดินเที่ยวกันสักพักก่อนอาหาร เสร็จแล้วก็จะจะพาไปร้านอาหารยอดนิยมของคนที่นี้ ขอบอกว่าอาหารที่นี่อร่อยมาก บรรยากาศริมทะเลสาบยามเย็นก็สุดแสนจะประทับใจ มองเห็นแสงไฟจากเมืองที่เราผ่านมาวันนี้อยู่ลิบๆ ได้อิ่มกายสบายอารมณ์ได้เวลาก็กลับที่พักที่ Le Port นอนเอาแรงไว้ลุยเขาวันพรุ่งนี้.....แบบตัวจริงเสียงจริง
พัก Thonon les Bains

วันที่ 19 เสาร์
วันสุดท้ายที่เราจะได้ปั่นจักรยานกะว่าจะจัดให้แบบต้องจารึกไว้ในความทรงจำ.... เราจะเอาจักรยานขึ้นรถคาดว่าจะไปเริ่มต้นกันที่เมือง Morzine กันดีกว่า เพราะเส้นทางจาก Thonon les Bains ไป Morzine มันไม่สะใจ ผมกะว่าจะให้ไต่เขาลึกเข้าไปในเทือกเขา Alps ขึ้นไปอีก เพื่อไปชมยอดเขา Mont Blanc จากจุดชมวิว Lac de Joux Plane เส้นทางสวยประทับใจแต่เต็มไปด้วยความโหด..... ก่อนขึ้นเขาจะพิจารณาเส้นทางกันว่าจะไปทางไหน แต่ใครอยากลงเขาด้วยความเร็วเกิน 90 กมต่อชม. ก็ต้องเส้นทางนี้ มีช่วงหนึ่งเป็นเส้นทางลงเนินยาวตรง ที่ผมเคยทำความเร็วเมื่อครั้งปั่นกับ Bernard Hinault อดีตแชมป์ TDF 5 สมัย และเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการจักรยานของฝรั่งเศส ผมลงเขาด้วยความเร็ว 94 กม.ต่อชม.เมื่อปี 2010 แต่เมื่อปีทีที่แล้ว เจ้าบิ๊กลูกชายผมมาแข่งรายการ Hault Route ที่มากับปีเตอร์ ลงเนินเส้นทางนี้ความเร็ว 97 กม.ต่อชม..... ใครจะใจเกินร้อยตัวจริงก็วัดกันตรงนี้แหละ... คาดว่าวันนี้ทุกคนคงสลบบนรถระหว่างทางขากลับ ถึงที่พักก็อาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพ เราก็จะไปหาอาหารกินกันตอนเย็นตามแต่ตกลง วันนี้พักที่ Le Port เป็นวันสุดท้าย น่าจะเป็นร้านอาหารขึ้นชื่อในเมือง หรือจะเอาแบบเด็ดๆ ก็ขับรถขึ้นไปยอดเขา มีร้านอาหารบนยอดเขาทียังมีคนดั้นด้นนั่งรถไปเป็นชัวโมงๆ เพื่อได้นั่งชมวิว อันสุดยอด...อีกครั้งหนึ่งในชีวิต
พัก Thonon les Bains

วันที่ 20 อาทิตย์
เรามันกันมาหลายวันแล้ว คงต้องเลิกรากันซะที ถึงเวลากลับบ้านได้แล้ว ไม่ทันไรปาเข้าไป 8 วัน ยังไม่หายมันเลยแต่พอเถอะเดี๋ยวกลับบ้านถูกเช็คบิลแน่ เอาไว้ทริปหน้า(เผื่อมี) เราก็ตื่นสายๆก็ได้ กินอาหารเช้า จะเที่ยวในเมือง Thonon ก็ได้เพราะเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักสบายๆ เดินตลาดไปเรื่อยๆ หากินกาแฟอาหารเที่ยง ถ่ายรูปจากสวนมุมสูงของเมือง เสร็จสรรพเราก็จะไปเที่ยวเมือง Geneva น่าจะมีเวลาสักสองสามชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่องบิน เราจะนั่งรถตู้จาก Thonon Les Bains ไป Geneva ใช้เวลาเดินทางสัก 2 ชั่วโมง หากมีเวลาอาจจะเดิน window shopping พวกของหรูๆ นาฬิกาแพงๆ หรือไงๆก็มาแล้ว ก็น่าจะ Rolex สักเรือนก็ได้น๊ะจะได้ไม่เสียเที่ยว นาฬิกาหรูๆที่นี่มีครบทุกแบรนด์ ใครกะมาซื้อที่นี่ก็ไม่ผิดหวัง พอสมควรแก่เวลาก็หาอาหากินก่อนขึ้นเครื่องก็ได้ มีร้านอาหารเยอะ อาหารไทยก็หาได้

เสร็จสรรพเราก็นั่งรถตู้มาอีกนิดเดียว เพื่อมาข้นเครื่องบินที่สนามบิน Geneva เที่ยวบินที EY-052 21:50 (20/07/2014) ถึง อาบูดีบี 06:15 (21/07/2014) ทรานสิท 2:25 ชั่วโมง ถึงกรุงเทพเวลา 18:05 (21/07/2014)


โปรแกรมก็เป็นไปตามนี้ ไม่น่าเปลี่ยนแปลงอะไร เพราะได้เคยคุ้นเคยเส้นทางส่วนใหญ่มาแล้ว จะมีก็เส้นทางการปั่นจักรยาน สำหรับผู้ดูแลก็จะมีเพื่อนของผมคือนายมานู ที่ทำงานอยู่ที่ UCI center ที่เราจะไปเยี่ยมชม จะลางานมาดูแลเรา แลจะชวนเพื่อนที่เกษียณแล้วมาขับรถให้เรา ผมก็ต้องจัดค่าใช้จ่ายให้เขาตามสมควร จำนวนคนในรถได้คันละไม่เกิน 10 คนรวมขับ เราจะใช้รถสองคัน ก็ได้จำนวนคนไปไม่น่าเกิน 18 คน แต่ผมว่าสัก 14 -16 คนน่าจะไหว

คนฝรั่งเศสพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ผมมีลูกชายเรียนและทำงานอยู่ปารีส จะมาช่วยดูแลพวกเรา พูดภาษาฝรังเศสได้แบบสาวหลง เอาไว้ช่วยคอยดูแลคนที่ไม่ปั่นจักรยานก็ได้

ค่าใช้จ่ายคิดว่าไม่น่าเกินหนึ่งแสนบาท เพราะเดิมเคยดูค่าตั๋วเครื่องบินอยู่ประมาณสามหมื่นบาท แต่ผ่านไปไม่กี่อาทิตย์ขึ้นไปสี่หมื่นกว่า ผมไม่รู้จะขาดทุนหรือเปล่า โดยรวมค่าตั๋วเครื่องบิน economy ค่าที่พัก ค่ารถ ค่าคนขับ คนพาเที่ยว ที่ต้องเตรียมเพิ่มคือค่าอาหารเที่ยงและอาหารเย็น เพราะไม่รู้จะกินอะไรกัน แต่อยากให้ประทับใจ แต่อาหารการกินที่นี่ไม่แพงนัก เพราะเราพักในเขตฝรั่งเศส ทั้งที่เมือง Besancon และเมือง Thonon Les Bains

ใครอยากไปด้วยก็รีบจองโดยเร็ว ถือว่าไปเที่ยวด้วยกันไม่ได้เป็นการจัดเป็นธุรกิจทัวร์อะไรทั้งสิ้น แต่ต้องขอด่วนผมจะสรุปภายในวันที่ 14 มีนาคมนี้เท่านั้น โดยผู้ที่จะไปจะต้องโอนเงินค่าเดินทางก่อนจำนวน 50,000 บาท ภายในวันที่ 14 มีนาคมนี้ ส่วนที่เหลือ จะขอเรียกเก็บอีกครั้งหนึ่งก่อนการเดินทางสักหนึ่งเดือน โดยจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

อนึ่งผู้ที่ไปร่วมทริปครั้งนี้ ขอให้เสมือนเป็นไปเยี่ยมเมือง ประเทศของเขา เราไปแบบเป็นเพื่อนแบบเป็นการเชื่อมวัฒนธรรม คนที่คอยบริการเราเป็นคนที่ผมไปขอความช่วยเหลือเขา เพราะตอนเค้ามาประเทศไทยผมก็ดูแลเค้า บางคนเป็นอดีตเจ้าของร้านจักรยานที่เกษียณแล้ว บางคนเป็นอาจารย์ที่เกษียณแล้ว ดังนั้นขอให้ผู้ที่ร่วมไปในครั้งนี้ให้พยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด และต้องพยายามช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วย เราเหมือนเป็นคอจักรยานด้วยกันไปเที่ยวด้วยกัน ไปสนุกด้วยกันครับ

[jimmysatit]

เป็นทริปในฝันที่น่าไปมากๆ ครับ ราคาไม่แพงด้วย ไว้เก็บเงินรอและเวลาว่างๆ พร้อม เจอกันครับ อิอิ

[wannabe]

โปรแกรมน่าสนใจสุดๆ คุ้มค่ามากๆครับ

[ขุนช้าง]

เกี่ยวกับเรื่องวีซ่า หากผู้ใดสนใจทีจะไป มีผู้ดำเนินการให้ ผมใช้บริการเค้าหลายครั้งแล้วสะดวกและค่าใช้จ่ายไม่แพง

การไปครั้งนี้จะมีนายมานูชาวฝรั่งเศส ที่เป็นเพื่อนเก่าของเราชาว Bikenet ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ UCI (Union Cycliste Internationale - สหพันธ์จักรยานนานาชาติ) กับเพื่อนชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่แถวนั้น จะเป็นเพื่อนพาพวกเราไปปั่น

สำหรับจักรยานท่านที่ไม่ต้องการจะแบกไป สามารถจัดหาให้ได้คาดว่าไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นจักรยาน Felt carbon แต่เฟืองคงจะเป็น 53/39 ถ้าใครคิดว่าขึ้นเขาไม่ไหวอาจจะต้องเตรียมหาเฟืองหลัง 12-34 ไปด้วย ถ้าไม่มีผมมีให้ยืมได้

[มอญ_304ปราจีน]

[ขุนช้าง]

เส้นทางปั่นขึ้น Morzine - Avoriaz


Avoriaz มองจาก Morzine อยู่บนยอดเขาข้างหลังที่ต้องปั่นขึ้นไป



Andy Schleck ชนะ stage 8 TDF 2010 มีธงชาติไทยที่ผมโบกอยู่ข้างหลัง

[ขุนช้าง]

มีผู้ถามว่าถ้าภรรยาไปด้วยไม่ปั่นจักรยานจะไปได้ไหม

น่าจะได้ครับ เพราะภรรยาผมก็ไป แต่เค้าไปลงทีปารีสไปหาลูกชายที่เรียนที่ฝรั่งเศส และจะมาเจอกันที่ Besancon น่าจะไปเที่ยวกับครอบครัวผมได้ เพราะเจ้าลูกชายพูดฝรั่งเศสคล่อง และเคยอยู่ที่ Besancon ด้วย สำหรับที่ Thonon les Bains ครอบครัวผมที่ไม่ขี่จักรยาน เพื่อนที่ฝรั่งเศสจะพาไปเดินป่าเที่ยวถ้ำ และอาจจะเที่ยวที่ Chamonic ที่อยู่ตีนเขาแอลป์ ก็เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมาก พวกขี่จักรยานจะไม่ได้ไปเมืองนี้

อย่างไรติดต่อขอนับจำนวนก่อน และจะจัดที่ให้เหมาะสม

[ขุนช้าง]

Profile ของเสตจ 10 ไต่ขึ้นยอด La Planche Des Belles Filles
From Plancher-les-Mines the climb to the finish at 1,035 m (3,396 ft) is 5.9 km (3.7 mi) long, gaining 503 m (1,650 ft) and averages 8.5% with a maximum of 14%,[4] but with a short stretch from 22% to 28% near the finish.[5]
Tour de France

It was the finish of Stage 7 in the 2012 Tour de France, 199 km (124 mi) from Tomblaine on 7 July.[4] The stage was won by Chris Froome with his Team Sky team-mate Bradley Wiggins taking the race lead.[6]

Two years later it becomes the finish of Stage 10 in the 2014 Tour de France.[7]

[ขุนช้าง]

บริเวณที่เราจะไปทริปนี้กัน (สีเขียว)

[ขุนช้าง]

Profile ก่อเข้าเส้น เสตจ 10 La Planche des Belles Filles

[nextstep]

[nbt]

ทริปในฝันเลยครับ ต้องขอวีซ่าผบทบ.ก่อนนะครับ

[Art Mania]

สุดยอดครับ แต่คงได้แค่ฝัน
ภูเขา ปีนไม่ค่อยจะขึ้นเลยครับ กลัวเป็นภาระปล่าวปล่าว 555

[Prapas_R]

ที่สุดแล้วมั้งครับเนี๊ย สำหรับคนชอบการปั่นจักรยานแบบเราๆ อยากไปๆ

[torpath]

อยากไปมากกกกก