ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 181
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2011, 01:00
- Tel: -
- team: -
- Bike: 700c vintage
- ตำแหน่ง: สามัคคี ท่าทราย เมืองนนทบุรี
- ติดต่อ:
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 16
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 พ.ย. 2012, 23:40
- team: 1014
- Bike: specialized allez e5
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ขอบคุณครับ
- Aw_Covert
- ขาประจำ
- โพสต์: 107
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ค. 2014, 16:23
- team: 1.Kanda bike 2.SKB
- Bike: Mosso 750CB
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ปัก ไว้ เป็น ความรู้
ขอบคุณครับผม
ทิ้งคำถามไว้นิดนึงครับ
ผม สูง 173 cm. ช่วงขา ประมาณ 80.5 cm.
ใช้ขาจาน 170 หรือ 172.5 ดีครับผม
ขอบคุณครับผม
ทิ้งคำถามไว้นิดนึงครับ
ผม สูง 173 cm. ช่วงขา ประมาณ 80.5 cm.
ใช้ขาจาน 170 หรือ 172.5 ดีครับผม
- m@c
- ขาประจำ
- โพสต์: 120
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.พ. 2014, 14:36
- Bike: KTM
- Asada
- สมาชิก
- โพสต์: 50
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ค. 2014, 20:23
- Tel: 0918387268
- team: ืno team
- Bike: Trek emonda
- ตำแหน่ง: ชลบุรี
- ติดต่อ:
- JOOEY
- ขาประจำ
- โพสต์: 136
- ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2014, 14:53
- Bike: Crius Smart 3.0 / Giant TCR SLR
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ความยาวแค่ 5mm. คิดว่านิดเดียว ผมเปลี่ยนเพื่อเซฟเข่า แต่พอปั่นจริงๆต่างกันเยอะมากครับ.
ควงขาสั่นกว่าเดิมมาก. คิดอยู่ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เปลี่ยน แต่คิดว่าคงไม่ชินเฉยๆ
ใครบอกนิดเดียวไม่รู้สึกนี่.ผมว่าเค้ายังไม่เคยลอง
ควงขาสั่นกว่าเดิมมาก. คิดอยู่ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เปลี่ยน แต่คิดว่าคงไม่ชินเฉยๆ
ใครบอกนิดเดียวไม่รู้สึกนี่.ผมว่าเค้ายังไม่เคยลอง
No music No Ride ..
- happy2000
- สมาชิก
- โพสต์: 94
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2014, 23:49
- Tel: 0844000913
- Bike: trek
- san910
- ขาประจำ
- โพสต์: 360
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ม.ค. 2013, 10:19
- Tel: 0852311714
- team: กทม.
- Bike: SPECIALlZED HARDROCK เก่าๆแก่ รถพับ TRINX FA2016 หมอบ GIANT SCR2
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ในทางปฏิบัตจริง บางที ก็ทำให้งง
ผมสูง 175 ระยะอิน 80.5
ลูกสาว สูง 155 ระยะ อิน ไม่เคยวัด
ปรับไปมาเรื่อยๆ
ทุกวันนี้ ชินกับการ ขี่เสือภูเขา ด้วย ขาจาน 175 ทั้ง คู่
ผมเอง ลอง ขี่อีกคัน ที่ขายาว165 รู้สึก หนักแรงมาก แถม ไม่สามารถไต่ความเร็วสูงๆได้เลย กลายเป็น คันที่ ขาจาน165ไว้ไปตลาดใกล้ๆพอ
ส่วน ลูก ก็ ถนัดเสือภูเขา ขาจาน175 เวลาขี่หมอบ ที่มีขาจาน170 เค้า ก็บ่นว่าขี่เสือภูเขา ถนัดกว่า
ผมสูง 175 ระยะอิน 80.5
ลูกสาว สูง 155 ระยะ อิน ไม่เคยวัด
ปรับไปมาเรื่อยๆ
ทุกวันนี้ ชินกับการ ขี่เสือภูเขา ด้วย ขาจาน 175 ทั้ง คู่
ผมเอง ลอง ขี่อีกคัน ที่ขายาว165 รู้สึก หนักแรงมาก แถม ไม่สามารถไต่ความเร็วสูงๆได้เลย กลายเป็น คันที่ ขาจาน165ไว้ไปตลาดใกล้ๆพอ
ส่วน ลูก ก็ ถนัดเสือภูเขา ขาจาน175 เวลาขี่หมอบ ที่มีขาจาน170 เค้า ก็บ่นว่าขี่เสือภูเขา ถนัดกว่า
-
- สมาชิก
- โพสต์: 32
- ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ต.ค. 2013, 13:23
- ติดต่อ:
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ปักๆๆครับ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 97
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2014, 09:38
- Bike: Reacto 4000 Team
- popkwed
- ขาประจำ
- โพสต์: 185
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 20:47
- Bike: Bike friday
ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ขออนุญาตปักครับ
Sent from my iPhone using Tapatalk
Sent from my iPhone using Tapatalk
- innovator
- ขาประจำ
- โพสต์: 214
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 10:47
- ตำแหน่ง: บางนา กรุงเทพฯ10260
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ขอเก็บเป็นข้อมูลครับ
- Papawin RuangDach
- สมาชิก
- โพสต์: 59
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2013, 17:41
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 3092
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 15:14
- Tel: 0865040751
- team: Team Bike And Body Cycoling
- Bike: Kemo KE-R5, Giant Propel Advance SL, Specialized Alez E5 Revolution
- ตำแหน่ง: ซอยอารีย์ พหลโยธิน กทม.
- ติดต่อ:
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
ฝากเสริมครับ...
ขาจานที่ยาวขึ้นทำให้มุมองศาของเข่าในตำแหน่ง 12 นาฬิกา (จุดบนสุดของรอบวง) เปลี่ยนไปมากกว่าที่คิดมากนะครับ
มันยาวขึ้น 2.5 มม. ปรับเบาลงมาจากระดับเดิม (ติ๊งต่างว่า 2.5 มม.) แปลว่า ... ระนาบบนสุดของวงรอบการปั่นอยู่สูงจากเดิมถึง 5 มม. เลยทีเดียว แปลว่ามุมหัวเข่าจะลดลงมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาวะที่ข้อต่อเคลื่อนที่กางๆหุบๆ อย่างสุดขีด ยิ่งพยายามปั่นรอสูงๆเท่ากับกำลัง "ทรมาณ" เข่าอยู่
ในทางกลับกัน หากพบว่ามุมนี้ไม่มากจนเกินไปก็สามารถ"ขี่ได้" ครับ ปัญหาคือ ... มุมมาตรฐานสำเร็จรูปมันมาจากค่าเฉลี่ยคนทั่วไปทั้งหมด ถ้าไม่ได้วัดและประเมินจากร่างกายจริงๆ แทบจะไม่มีทางหาได้เลยว่า critical angle ของเข่าคือเท่าไหร่ จะรู้ได้ว่ามันงอมากไปจนเกินรับได้ก็ต่อเมื่อบาดเจ็บไปหาหมอแล้วเท่านั้น
หมอลูฯ มีวิธีสังเกตุการเคลื่อนที่ของข้อต่อ ระบบกระดูกต่างๆว่ากำลังจะมีปัญหาก่อนมีปัญหาแนะนำเพื่อนนักปั่นมั้ยครับ ผมว่าปัญหาหนึ่งที่นักปั่นมีกันเยอะคือ มีปัญหาแต่ไม่รู้ตัวว่ามีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็เจ็บไปเสียแล้ว
ขาจานที่ยาวขึ้นทำให้มุมองศาของเข่าในตำแหน่ง 12 นาฬิกา (จุดบนสุดของรอบวง) เปลี่ยนไปมากกว่าที่คิดมากนะครับ
มันยาวขึ้น 2.5 มม. ปรับเบาลงมาจากระดับเดิม (ติ๊งต่างว่า 2.5 มม.) แปลว่า ... ระนาบบนสุดของวงรอบการปั่นอยู่สูงจากเดิมถึง 5 มม. เลยทีเดียว แปลว่ามุมหัวเข่าจะลดลงมาก ซึ่งส่งผลให้เกิดสภาวะที่ข้อต่อเคลื่อนที่กางๆหุบๆ อย่างสุดขีด ยิ่งพยายามปั่นรอสูงๆเท่ากับกำลัง "ทรมาณ" เข่าอยู่
ในทางกลับกัน หากพบว่ามุมนี้ไม่มากจนเกินไปก็สามารถ"ขี่ได้" ครับ ปัญหาคือ ... มุมมาตรฐานสำเร็จรูปมันมาจากค่าเฉลี่ยคนทั่วไปทั้งหมด ถ้าไม่ได้วัดและประเมินจากร่างกายจริงๆ แทบจะไม่มีทางหาได้เลยว่า critical angle ของเข่าคือเท่าไหร่ จะรู้ได้ว่ามันงอมากไปจนเกินรับได้ก็ต่อเมื่อบาดเจ็บไปหาหมอแล้วเท่านั้น
หมอลูฯ มีวิธีสังเกตุการเคลื่อนที่ของข้อต่อ ระบบกระดูกต่างๆว่ากำลังจะมีปัญหาก่อนมีปัญหาแนะนำเพื่อนนักปั่นมั้ยครับ ผมว่าปัญหาหนึ่งที่นักปั่นมีกันเยอะคือ มีปัญหาแต่ไม่รู้ตัวว่ามีปัญหา กว่าจะรู้ตัวก็เจ็บไปเสียแล้ว
ฟังสาระจักรยาน Podcast
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
https://open.spotify.com/show/76iDUCWXgqqixg1CmoSDIp
ข่าวสารจัรกยาน
https://www.facebook.com/cyclinghubthailand/
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ความยาวที่เปลี่ยนไปของขาจาน
วิธีสังเกตจริงๆ บางทีคนปั่นเองก็ยากที่จะสังเกตได้ด้วยตัวเองครับ อย่างเรื่องมุมเข่าเนี่ย มันก็เป็นเรื่องของผิวข้อหรือ articular surface ในท่างอเข่า จุดสัมผัสมันจะเหลือลดลง บรรยายเป็นตัวหนังสือลำบากเหมือนกัน ประมาณว่าต้องเอาภาพหน้าตัดของเข่า ภาพผิวสัมผัส และความสัมพันธ์ระหว่างผิวข้อเข่าของกระดูกfemur กับ กระดูก tibia ในจังหวะงอเข่าที่มุมต่างๆกันมาดูเทียบกันครับ
หมอกระดูกยืนยันเหมือนกันหมดทุกคนว่า การบาดเจ็บของเข่าจะเริ่มมาจากท่าที่งอเข่ามากๆ เช่น นั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ดังนั้นเราจึงต้องลดความเสี่ยงในเรื่องแบบนี้กันด้วยการเลือกความยาวขาจานที่เหมาะสม สูตรสำเร็จที่อิงกับความยาว inseem ก็ยังเป็นอะไรที่ยังใช้ได้อย่างปลอดภัยเช่นเดิมครับ
******************************************************************************
ปล.
ปัจจุบันผมเองแทบจะไม่ได้จัดท่า จัดตำแหน่ง จัดหลักอานด้วยตัวเองเลย มีอะไรก็นัดและหอบตัวเองกับจักรยานไปหาช่างJUMMเสมอๆ สิ่งที่เขาจะทำและปรับแต่งนั้น เขาจะอธิบายให้ผมฟังก่อน ซึ่งมันก็สอดคล้องกับความรู้ทางสรีระและกายวิภาคที่ผมมีพื้นฐานเรียนรู้มาก่อนเช่นกัน
ดังนั้นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ใหม่ๆจึงมีมาเสมอๆเมื่อไปคุยกับช่างJUMM ศาสตร์หลายๆเรื่องที่เคยรู้มาเมื่อ 5ปีก่อน บางครั้งมันก็มีวิธีที่ใหม่กว่าที่ได้รับการยืนยันจากผลการทดสอบและศึกษาว่ามันเหมาะสมกว่าวิธีเก่าๆที่เคยรู้กันมาเมื่อหลายปีที่แล้ว
เหตุผลสำคัญที่ผมเองไม่ทำfittingตัวเองก็คือ เมื่อเรามองไม่เห็นตัวของเราเอง เรามักจะลำเอียงกับตัวของเราเองเสมอ ยิ่งคนที่ปั่นมานาน ปั่นจนเนียน ปั่นจนคล่อง บางทีเราอาจจะปรับตัวให้ลงตัวกับตำแหน่งที่เราปรับเองได้ไม่ยาก แต่พอปั่นหนักๆ ปั่นนานๆ มันก็จะเริ่มมีปัญหาขึ้น ง่ายๆ หลักอานผมสูงไปนิดหนึ่ง ปั่นเขย่งปลายเท้าหน่อยหนึ่ง ไม่รู้ตัวเลย แต่ทุกครั้งที่ซ้อม subthreshold นานๆ น่องจะเริ่มมีอาการเตือนว่าตะคริวจะกินในช่วงก่อนจะจบset รองสุดท้าย ทำให้ไม่เคยปั่นจบ set สุดท้ายซักที
ถ้าปั่นกันในกลุ่มบนถนน ลากๆดูดๆ ไม่มีทางรู้เรื่องเลย แต่ถ้าปั่นเทรนเนอร์ไม่หยุด แช่นานๆ จึงจะเริ่มเกิดอาการ ถ้าเป็นแบบที่ผมเจอเองนี่ ผมว่ามันก็ยากนะครับที่จะบอกว่าเราปรับตั้งรถไม่พอดี เพราะเวลาที่เราจะเผชิญกับมันยังยาวนานไม่พอ และหนักไม่พอที่มันจะสร้างปัญหา
ปัญหาของนักปั่นที่มีกันเยอะก็คือ การปรับ การจัดท่าที่ไม่เหมาะสม ( มีคนอวดอ้างสรรพคุณเป็นfitterกันมากขึ้น แค่วัดมุมเข่า มุมสะโพกเป็นเลาๆก็บอกตัวเองเป็นฟิตเตอร์กันแล้ว ) ปัญหาสำหรับบางคนอาจจะไม่ชัดเจนนัก เพราะอาจจะปั่นไม่จริงจัง ไม่ได้ฝึกคอร์สหนัก บางทีขาจานยาวกว่าที่ควรจะเป็นก็ยังปั่นได้ บางคนปั่นขาจานยาวมานาน จนเรียนรู้วิธีการกินอยู่กับมันก็อาจจะไม่มีอะไร
อีกเรื่องหนึ่งก็คือการปั่นไม่ถูกท่า เช่น ปั่นกางเข่า ปั่นหุบเข่า ใช้คลีทที่มีfloatingจำกัด หรือ ไม่มีfloating แต่ปั่นไม่ถูกท่า ทำให้เข่าและข้อเท้ารับแรงเครียดไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพวกนี้ถ้าปั่นขำๆ ปั่นกัน 30 กม. บางทีก็บอกไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าปั่นกัน 100 กม. ก็มักจะจบแบบเจ็บปวดรวดร้าว
สุดท้ายระยะหลังๆ ผมจะไม่เคยแนะนำใครว่า ควรจะเซทรถยังไง ผมว่าบางทีถึงผมจะรู้และเข้าใจ แต่ผมว่าเรื่องบางเรื่อง ให้คนที่เขาชำนาญและมืออาชีพทำให้จะดีกว่าครับ เพราะแค่ 1mm นี่ก็ส่งผลได้ไม่น้อยทีเดียว
ดังนั้นสิ่งที่จะสังเกตได้ว่า"ไม่พอดี" "ไม่ถูกต้อง" "ไม่ลงตัว" ก็มักจะถูกเตือนด้วยอาการ"บาดเจ็บ" ซึ่งมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อปั่นนานพอ และหนักพอ มันจึงเป็นอะไรที่ไม่รู้จะแนะนำกันยังไง นอกจากจะบอกว่า ถ้าปั่นไกล นานๆ แล้วมันมีอะไรเจ็บปวดขึ้นมา ในแบบที่ไม่คุ้นเคย ไม่เคยเป็นมาก่อนในตอนที่ปั่นขำๆ ปั่นสั้นๆหละก้อ ก็ควรจะตระหนักได้ว่า มันต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นกับท่าปั่น ตำแหน่งที่นั่ง มุมของเบาะ ตำแหน่งของคลีท ขนาดของรองเท้า ความยาวของstem ตำแหน่งของมือเกียร์ ความยาวของขาจาน ขนาดของรถ ฯลฯ เยอะแท้ๆ
หมอกระดูกยืนยันเหมือนกันหมดทุกคนว่า การบาดเจ็บของเข่าจะเริ่มมาจากท่าที่งอเข่ามากๆ เช่น นั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ดังนั้นเราจึงต้องลดความเสี่ยงในเรื่องแบบนี้กันด้วยการเลือกความยาวขาจานที่เหมาะสม สูตรสำเร็จที่อิงกับความยาว inseem ก็ยังเป็นอะไรที่ยังใช้ได้อย่างปลอดภัยเช่นเดิมครับ
******************************************************************************
ปล.
ปัจจุบันผมเองแทบจะไม่ได้จัดท่า จัดตำแหน่ง จัดหลักอานด้วยตัวเองเลย มีอะไรก็นัดและหอบตัวเองกับจักรยานไปหาช่างJUMMเสมอๆ สิ่งที่เขาจะทำและปรับแต่งนั้น เขาจะอธิบายให้ผมฟังก่อน ซึ่งมันก็สอดคล้องกับความรู้ทางสรีระและกายวิภาคที่ผมมีพื้นฐานเรียนรู้มาก่อนเช่นกัน
ดังนั้นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ใหม่ๆจึงมีมาเสมอๆเมื่อไปคุยกับช่างJUMM ศาสตร์หลายๆเรื่องที่เคยรู้มาเมื่อ 5ปีก่อน บางครั้งมันก็มีวิธีที่ใหม่กว่าที่ได้รับการยืนยันจากผลการทดสอบและศึกษาว่ามันเหมาะสมกว่าวิธีเก่าๆที่เคยรู้กันมาเมื่อหลายปีที่แล้ว
เหตุผลสำคัญที่ผมเองไม่ทำfittingตัวเองก็คือ เมื่อเรามองไม่เห็นตัวของเราเอง เรามักจะลำเอียงกับตัวของเราเองเสมอ ยิ่งคนที่ปั่นมานาน ปั่นจนเนียน ปั่นจนคล่อง บางทีเราอาจจะปรับตัวให้ลงตัวกับตำแหน่งที่เราปรับเองได้ไม่ยาก แต่พอปั่นหนักๆ ปั่นนานๆ มันก็จะเริ่มมีปัญหาขึ้น ง่ายๆ หลักอานผมสูงไปนิดหนึ่ง ปั่นเขย่งปลายเท้าหน่อยหนึ่ง ไม่รู้ตัวเลย แต่ทุกครั้งที่ซ้อม subthreshold นานๆ น่องจะเริ่มมีอาการเตือนว่าตะคริวจะกินในช่วงก่อนจะจบset รองสุดท้าย ทำให้ไม่เคยปั่นจบ set สุดท้ายซักที
ถ้าปั่นกันในกลุ่มบนถนน ลากๆดูดๆ ไม่มีทางรู้เรื่องเลย แต่ถ้าปั่นเทรนเนอร์ไม่หยุด แช่นานๆ จึงจะเริ่มเกิดอาการ ถ้าเป็นแบบที่ผมเจอเองนี่ ผมว่ามันก็ยากนะครับที่จะบอกว่าเราปรับตั้งรถไม่พอดี เพราะเวลาที่เราจะเผชิญกับมันยังยาวนานไม่พอ และหนักไม่พอที่มันจะสร้างปัญหา
ปัญหาของนักปั่นที่มีกันเยอะก็คือ การปรับ การจัดท่าที่ไม่เหมาะสม ( มีคนอวดอ้างสรรพคุณเป็นfitterกันมากขึ้น แค่วัดมุมเข่า มุมสะโพกเป็นเลาๆก็บอกตัวเองเป็นฟิตเตอร์กันแล้ว ) ปัญหาสำหรับบางคนอาจจะไม่ชัดเจนนัก เพราะอาจจะปั่นไม่จริงจัง ไม่ได้ฝึกคอร์สหนัก บางทีขาจานยาวกว่าที่ควรจะเป็นก็ยังปั่นได้ บางคนปั่นขาจานยาวมานาน จนเรียนรู้วิธีการกินอยู่กับมันก็อาจจะไม่มีอะไร
อีกเรื่องหนึ่งก็คือการปั่นไม่ถูกท่า เช่น ปั่นกางเข่า ปั่นหุบเข่า ใช้คลีทที่มีfloatingจำกัด หรือ ไม่มีfloating แต่ปั่นไม่ถูกท่า ทำให้เข่าและข้อเท้ารับแรงเครียดไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพวกนี้ถ้าปั่นขำๆ ปั่นกัน 30 กม. บางทีก็บอกไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าปั่นกัน 100 กม. ก็มักจะจบแบบเจ็บปวดรวดร้าว
สุดท้ายระยะหลังๆ ผมจะไม่เคยแนะนำใครว่า ควรจะเซทรถยังไง ผมว่าบางทีถึงผมจะรู้และเข้าใจ แต่ผมว่าเรื่องบางเรื่อง ให้คนที่เขาชำนาญและมืออาชีพทำให้จะดีกว่าครับ เพราะแค่ 1mm นี่ก็ส่งผลได้ไม่น้อยทีเดียว
ดังนั้นสิ่งที่จะสังเกตได้ว่า"ไม่พอดี" "ไม่ถูกต้อง" "ไม่ลงตัว" ก็มักจะถูกเตือนด้วยอาการ"บาดเจ็บ" ซึ่งมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อปั่นนานพอ และหนักพอ มันจึงเป็นอะไรที่ไม่รู้จะแนะนำกันยังไง นอกจากจะบอกว่า ถ้าปั่นไกล นานๆ แล้วมันมีอะไรเจ็บปวดขึ้นมา ในแบบที่ไม่คุ้นเคย ไม่เคยเป็นมาก่อนในตอนที่ปั่นขำๆ ปั่นสั้นๆหละก้อ ก็ควรจะตระหนักได้ว่า มันต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง อาจจะเป็นกับท่าปั่น ตำแหน่งที่นั่ง มุมของเบาะ ตำแหน่งของคลีท ขนาดของรองเท้า ความยาวของstem ตำแหน่งของมือเกียร์ ความยาวของขาจาน ขนาดของรถ ฯลฯ เยอะแท้ๆ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน