การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ รายละเอียดจะอยู่หน้าแรกทั้งหมด เสร็จแล้วจ้า 100%

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

nonomura
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 260
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2011, 02:05
team: None
Bike: No brand

การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ รายละเอียดจะอยู่หน้าแรกทั้งหมด เสร็จแล้วจ้า 100%

โพสต์ โดย nonomura »

ก่อนอื่นขอท้าวความนิดนึงนะครับ เรื่องของเรื่องคือผมพยายามหาข้อมูลในการทำสีจักรยานแบบละเอียดทุกขั้นตอนในเวป
ทั้งในเรื่องของสีที่ใช้ การทำสติกเกอร์ ขั้นตอนการทำงาน ฯลฯ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับความกระจ่างเท่าที่ควร จนต้องคิดเอง
ทำเอง หาความรู้จากผู้ผลิตสีบ้าง ร้านตัดสติกเกอร์บ้าง จนได้ความกระจ่าง และคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆ ที่คิด
จะทำสีจักรยานเอง เพราะโดยส่วนตัวมีความสุขกับการทำสีจักรยาน มากกว่าไปจ้างทำ

เอาละครับเข้าเรื่องเลย ผมเคยพ่นสีรถจักรยานมาก่อนแต่ว่าใช้สีสเปรย์กระป๋อง แต่ว่ามันไม่ค่อยทนกระเทาะง่ายมาก จึงมองหาข้อมูล
ต่างๆ ว่าจะใช้สีอะไรดี จะใช้ 2K ทั้งหมดก็แพง จะใช้แต่ 2K clear ทับหน้าก็กลัวจะทำให้สีธรรมดาพอง ปวดหัวอยู่นานมากจะกระทั่ง
เข้าไปดูเวปของ Nippon paint แล้วรู้ว่า clear 2K สามารถ พ่นทับหน้าสีที่เป็นระบบไนโตรเซลูโลส หรือสีสเปรย์กระป๋องได้ ก็เลย
โทรไปที่ Nippon paint แล้วคุยกับช่างเทคนิคที่นั่น เขาก็เลยแนะนำร้านมา แล้วก็ได้มาคุยกับช่างเทคนิคของร้านอีกคราวนี้กระจ่างเลย
จึงขอเอามาบอกต่อครับ

สีที่เราสามารถเอามาใช้พ่นจักรยานได้มีดังนี้ครับ ผมขอเอาสีของ Nippon paint เป็นตัวอ้างอิง
1. สีสเปรย์กระป๋อง Pyrax 1000 สีแบบนี้หาได้ทั่วไปตามร้านฮาร์ดแวร์ทั่วไป ข้อดี คือใช้งานง่าย ราคาถูก ข้อเสีย คือ สีจะเป็นสีตามเบอร์ใน
แคตตาล็อคเท่านั้น ปริมาณเนื้อสีน้อย หากชิ้นงานต้องอยุ่ในที่ที่มีแดดเป็นเวลานาน สีจะซีดเร็ว การยึดเกาะขอสีไม่ค่อยดี
2. สี Pyrax 3000 สีแบบนี้จะมาเป็น quart ครับ กระป๋องนึงราคา 300-450 บาทแล้วแต่สีถ้าสีที่เป็นพวกแม่สี หรือสีที่มี bronze ผสมเยอะ
ราคาจะสูง สีแบบนี้ต้องมีกาพ่นสี และเป็นระบบ 1K คือไม่มีตัวแร่งปฏิกริยาในการทำให้สีแห้ง ในกรณีที่ไม่มีกาพ่นสี สามารภให้ทางร้าน
อัดใส่กระป๋องพ่นได้ แต่ราคาจะสููงขึ้น สีจะมาเป็นเบอร์เช่นเดียวกับ Pyrax 1000 แต่ก็สามารถขอให้ทางร้านผสมสีพิเศษนอกจากในเบอร์ให้ได้
แต่ราคาก็จะสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ข้อดี คือ สีจะมีความทนทานมากว่า Pyrax 1000 นิดหน่อย ยึดเกาะดีกว่าแต่ไม่มาก สีซีดช้ากว่าในสภาวะเดียวกัน
ข้อเสีย คือ ราคาสูงขึ้นนิดหน่อย กาทำงานยุ่งยากกว่า เนื่องจากต้องมีกาพ่นสี และ ปั้มลม
3. สีอะคริลิค เป็นระบบสีระบบ 1K เช่นเดียวกัน แต่เนื้อสีมากกว่า คงทนกว่า ซีดยากกว่า แต่ราคาก็สูงกว่า Pyrax 3000 มาก คือ ราคาเริ่มตั้งแต่ 800 บาทต่อ
quart สามารถให้ทางร้านอัดกระป๋องพ่นให้ได้เช่นเดียวกันกับ Pyrax 3000 และสามารถผสมสีตามที่เราต้องการได้แต่ราคาจะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญสามารถซื้อ
เพียงครึ่ง quart ได้ ไม่จำเป็นตัองซื้อทั้ง quart แบบ pyrax 3000 ข้อดี คือ สีทนทานกว่า ยึดเกาะดีกว่า ข้อเสีย คือ ต้องมีอุปกรณ์พ่นสี และ ราคาสูง
4. สีระบบ 2K สีระบบนี้ หลายๆ ท่านคงทราบว่าเป็นระบบที่ใช้ซ่อมสีรถยนต์ ดังนั้นมันจึงเป็นระบบสีที่ดีที่สุดที่เราๆ ท่านๆ สามารถทำเองได้ในปัจจุบัน ระบบสีแบบนี้
ราคาค่อนข้างสูงมากถ้าเป็นยี่ห้อดีๆ สีนึงเริ่มตั้นที่หลักพัน การทำงานค่อนข้างยุ่งยาก การผสมอัตราส่วนของสีและตัวเร่ง ต้องพอดี โดยส่วนตัวผม ใช้สีระบบนี้
เฉพาะสีรองพื้น และ Clear เท่านั้น เพราะสีรองพื้นเป็นตัวที่จะทำให้สียึดเกาะดีหรือไม่ดี ส่วน Clear นั้นสามารถป้องกันการขีดข่วนและสารเคมีได้ดี มีให้เลือก
หลายแบบ ตั้งแต่แข็งน้อยถึงแข็งมาก ด้านถึงเงา ที่สำคัญมีกระป๋องเล็กให้ใช้ ทำให้ราคาย่อมลงมา

ขั้นตอนการพ่นสีแต่ละชั้นนั้นผมจะกล่าวในขั้นตอนการทำสีครับ ต่อไปเป็นขั้นตอนการเตรียมชิ้นงานโดยละเอียดครับ

รูปภาพ
รูปแรกนี้เป็นชิ้นงานที่ผมได้มาในตอนแรกเลย จะเห็นได้ว่ามีรอยถลอกของสีเยอะมาก decal ต่างๆ บนเฟรมก็ถลอกหลายจุด ดังนั้นก่อนที่ผมจะทำการลอกสีออกจึงจำเป็น
ที่จะต้องลอกลาย decal ต่างๆ บนเฟรมออกมาเพื่อเอาไปทำ decal ใหม่

รูปภาพ
ในการลอกลาย decal นั้นผมใช้ กระดาษไขหุ้มเฟรมในจุดที่มี decal แต่ละจุด จากนั้นก็ใช้ดินสอลอกลายลงบนกระดาษไข ที่ใช้ดินสอเนื่องจากว่ามันสามารถลบได้ง่าย
หากลอกลายผิด

รูปภาพ
เมื่อลอกลายเสร็จเรียบร้อยแล้ว แกะกระดาษไขออก จะเห็นลายที่ลอกแบบออกมาตามรูป จากนั้นนำไปแสกนโดยใช้ scanner

รูปภาพ
หลักจากที่แสกน เรียบร้อยแล้วจะได้ไฟล์ที่เป็น jpeg เปิดไฟล์นี้โดยใช้โปรแกรม Illustrator เพื่อทำการลอกลายเป็น vector file ที่ต้องทำแบบนี้เนื่องจากว่า ร้านตัดสติกเกอร์
ส่วนใหญ่จะอ่านไฟล์ืที่เป็น vector file เป็นหลัก ณ จุดนี้หากท่านที่ใช้โปรแกรมนี้ไม่ได้หรือไม่มีอุปกรณ์ ก็สามารถนำกระดาษไขที่ลอกลายเรียบร้อยแล้วไปให้ร้านตัดสติกเกอร์ทำให้
ก็ได้ครับ แต่คงจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มแน่นอน อีกอย่างนึงในการใช้โปรแกรม Illustrator นั้นเราสามารถที่จะ download vector file ที่เป็นโลโก้ต่างๆ จากเวปได้ โดยที่ไม่ต้องลอก
ลายทึ้งหมด เพียงแต่ใช้ลายที่ลอกมาเป็นจุดอ้างอิงขนาดเท่านั้น

สำหรับเรื่องการเตรียมชิ้นงานขอจบเท่านี้ครับ ขออณุญาตไปลอกสีก่อน และผมจะมาเขียนต่อเรื่องขั้นตอนการทำสี step by step เลยครับ
แก้ไขล่าสุดโดย nonomura เมื่อ 20 ก.พ. 2012, 02:52, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง
หากสนใจ เฟรม และ อะไหล่ วินเทจสภาพนางฟ้าหรือหาที่ื่อื่นไม่ได้
https://www.facebook.com/pages/Nik-Cust ... 273?ref=hl
nonomura
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 260
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2011, 02:05
team: None
Bike: No brand

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย nonomura »

ขั้นตอนต่อไปเป็นขั้นตอนการลอกสีครับ เป็นขั้นตอนที่อันตรายที่สุดและน่าเบื่อที่สุดในการทำสี

รูปภาพ
จากรูปข้างบนเป็นสีและเคมีทั้งหมดที่จะต้องใช้ในการทำสีเฟรมในครั้งนี้ครับ ผมจะไล่ทีละตัวตามขั้นตอนการทำสี

รูปภาพ
1. น้ำยาลอกสี สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านฮาร์ดแวร์ เนื่องจากเคมีตัวนี้มีัอันตรายค่อนข้างมาก ในการใช้งานต้องมีการเตรียมตัวดังนี้
คือ ต้องมีแว่นนิรภัย ใส่ถุงมือยาง ควรใส่เสื้อแขนยาว ที่สำคัญควรมีก็อกน้ำอยู่ใกล้ๆ น้ำยาลอกสีนั้นขนาดแค่มันกระเด็นโดนเนื้อ
ขนาดเท่าน้ำลายแตกฟอง หรือ ขนาดเท่ากับปลายดินสอ ยังทำให้แสบร้อนได้ครับ ยิ่งถ้าโดนผิวแล้วล้างออกไม่ทันรับรองว่าพอง ถ้าเข้าตา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีสิทธิ์บอดได้ครับ เพราะฉะนั้น ตัองใส่แว่นนิรภัยทำงานเสมอครับ

รูปภาพ
การใช้งานนั้นก็ใช้แปรงทาสี ทาน้ำยาลอกสีลงบนตัวเฟรม ให้ทั่วทั้่งเฟรม รอประมาณ 5-10 นาที สีจะค่อยๆ พองตามรูป หลังจากนั้นก็ทำการ
ขูดสีที่พองออก ส่วนไหนที่ไม่พองก็ทำซ้ำอีกรอบ ในกรณีทำซ้ำหลายรอบแล้ว สียังไม่พองแสดงว่าสีบริเวณนั้นค่องข้างติดแน่นครับ ต้องใช้
กระดาษทรายขัดออก ส่วนตัวผมนั้นเมื่อสีพอง ผมจะใช้น้ำ ฉีดสีที่พองออกแล้วทำซ้ำ เมื่อสีลอกไม่ได้อีกต่อไปจึงใช้กระดาษทรายน้ำขัด
ไม่ต้องกลัวว่าเฟรมจะขึ้นสนิมนะครับ เพราะอย่างไรมันก็ขึ้น เพราะเมื่อใช้กระดาษทรายน้ำขัด จะมีสนิมผิวเริ่มขึ้นภายในเวลา 20 นาที ไม่ต้องตกใจ
ขัดจนสีเก่าออกหมดแล้ว จึงเช็ดเฟรมให้แห้งเอาไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งจากนั้น ใช้กระดาษทรายแห้งเบอร์ละเอียดหน่อยลูบสนิมออก เช็ดด้วยทินเนอร์อีกที
เพื่อทำความสะอาดก็เป็นอันใช้ได้ ในการขัดสีเก่าออกนั้นใช้กระดาษทรายน้ำเบอร์ 180-220 กำลังดี ส่วนตอนที่ขัดแห้งเพื่อเอาสนิมผิวออกนั้นใช้เบอร์ 360
กำลังดีครับ

*** จากรูปจะเห็นได้ว่าส่วนที่เป็นโครเมี่ยมนั้น ลอกสีออกได้ง่ายมากโดยแทบไม่ต้องขัดเลย แต่หากสีออกไม่หมดพยายามอย่าเอากระดาษทรายขัด ให้ใช้เล็บ
หรือวัดสุอ่อน เช่นพลาสติกขูดออก ไม่อย่างนั้นกระดาษทรายจะทำให้โครเมี่ยมเป็นรอย หรืออีกวิธีหนึ่งที่ทำได้คือ ใช้กระดาษทรายขัดออก แต่ก่อนพ่นสีต้องเอา
ชิ้นงานที่เป็นโครเมี่ยมไปปัดเงาก่อน ตามร้านเชื่อมโลหะทั่วไปก็สามารถทำได้

*** อีกจุดหนึ่งคือถ้าเป็นไปได้ให้ลอกสติกเกอร์ ที่เป็น decal บนตัวถังออกก่อน เพราะน้ำยาลอกสีไม่สามารถกัดสติกเกอร์ออกได้ครับ

รูปภาพ
จากรูปจะเห็นได้ว่ามีบางจุดที่สีไม่พอง บริเวณเหล่านี้แหละครับที่น่าเบื่อ เพราะต้องเอากระดาษทรายมานั่งขัด และที่เห็นพื้นเปียกนั้นเพราะผมใช้น้ำฉีดลอกสีออกหลังจาก
ที่น้ำยาลอกสีทำให้สีพองออกมาแล้ว

รูปภาพ
หลังจากใช้เวลาอยู่สองชั่วโมงกว่าๆ ก็จะได้ชิ้นงานออกมาตามรูปที่เห็นครับ แต่เนื่องจากบางจุดเช่นตามขอบเฟรมยังมีสีติดอยู่ ผมใช้อุปกรณ์ทำโมเดลที่มีหัวขัดขนาดเล็ก
ขัดตามจุดที่มือเข้าไปขัดยากๆ ขัดออกอีกนิดหน่อยครับ หากใครไม่มีก็นิ้วนี่แหละครับ แต่ต้องใช้ความอดทนหน่อย ต้องระลึกไว้เสมอจุดที่จะต้องพ่นสีใหม่นั้น สีเก่าต้อง
เอาออกให้หมด

รูปภาพ
หลังจากห่างบ้านไป 2 วัน กลับมาปรากฏว่า สนิมขึ้นที่ผิวชิ้นงานครับ อย่างที่ผมบอกถ้าขัดสีเก่าออกแล้ว ผิวของเหล็กตัวถังจะมีความไวต่อความชื้นมาก ตอนที่แล้วหลังจากที่ง
ผมขัดชิ้นงานเสร็จเรียบร้อย ผมไม่ได้เช็ดชิ้นงานด้วย degreaser (ใช้ทินเนอร์แทนได้) ทันที ดังนั้นที่ผิวชิ้นงานจึงมีความชื้นที่ออกจากมือเรา หรือจากตัวเราที่ไปโดนชิ้นงาน
ดังนั้นดีที่สุดคือ เมื่อเราขัดชิ้นงานเตรียมความพร้อมเรียบร้อยแล้ว เราควรจะเช็ดชิ้นงานด้วย degreaser ทันทีแล้วทำการพ่นรองพื้นเลย กลายเป็นว่าวันนี้ผมต้องขัดชิ้นงานใหม่เกือบหมด
แต่คราวนี้ผมใช้ WD-40 แทนน้ำในการขัด คือแทนที่จะใช้น้ำในการขัดชิ้นงานก็ใช้ WD-40 พ่นลงไปบนจุดที่จะขัดก่อนแล้วค่อยเอากระดาษทรายขัด วิธีนี้จะทำให้ชิ้นงานไม่มีความชื้น
หรือถ้า WD-40 มันแพงจะใช้น้ำมันสนแทนก็ได้ แต่ไ่ม่แนะนำให้ใช้ทินเนอร์เพราะมันจะกัดมือมาก หลังจากขัดเสร็จเช็ดคราบออกก็ใช้ degreaser ชุบผ้าสะอาดเช็ดชิ้นงานให้สะอาด
หมดคราบมัน คราวนี้ผมเตรียมชิ้นงานค่อนข้างเรียบร้อยคาดว่าพรุ่งนี้เช้า คงไม่มีสนิมขึ้นอีก พรุ่งนี้จะเริ่มพ่นงานแต่เช้าครับ


รูปภาพ
สำหรับการผสมสีรองพื้นนั้นจะใช้สัดส่วนดังนี้คือ ตัวสี 4 ส่วน ตัวเร่ง 1 ส่วน และ ทินเนอร์ผสมสี 2 ส่วน แต่ในความเป็นจริงแ้ล้ว ตัวทินเนอร์ไม่จำเป็นต้องถึง 2 ส่วนก็ได้ คือเมื่อผสมสี
เข้ากับตัวเร่ง ให้ลองดูความหนืดของสีก่อน ว่าเป็นอย่างไร โดยการเอาวัสดุที่เราใช้คนสีจุ่มลงในภาชนะผสมสี แล้วยกขึ้นดู หากสีค่อยๆ ไหลเหมือนเทแชมพูออกจากขวด แสดงว่าสีหนืด
เกินไป ค่อยๆ เติมทินเนอร์ทีละน้อย จนกระทั่งสีมีความหนืดน้อยลง ประมาณน้ำมันพืช หรือหนืดน้อยกว่าน้ำัมันพืชนิดนึงก็ถือว่าใช้ได้ครับ ตรงนี้อาจต้องใช้ประสบการณ์เล็กน้อยครับในการดู
การที่เราทำให้สีใสเกินไปหรือข้นเกินไป จะมีผลต่อชิ้นงาน กล่าวคือ หากสีข้นเกินไปเวลาพ่นสีจะไม่ออกมาเป็นละอองมันจะออกเป็นหยดหรือเม็ดใหญ่ วิธีแก้ก็ใส่ทินเนอร์เพิ่ม หากว่า
สีใสเกินไป เราก็จำเป็นต้องพ่นชิ้นงานหลายเที่ยวขี้น ดังนั้น ก่อนการพ่นชิ้นงานจริง ควรจะมีที่ลองพ่นสีก่อนว่า สีหนืดกำลังดีหรือไม่ อีกวิธีหนึ่งที่อาจดูได้ว่าสีหนืดพอดีหรือไม่ คือ เอาสีเสปรย์
กระป๋องพ่นใส่ภาชนะ แล้วดูความหนืดของมันครับ

พรุ่งนี้ผมจะมาเขียนต่อครับ
แก้ไขล่าสุดโดย nonomura เมื่อ 03 ก.พ. 2012, 19:36, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง
หากสนใจ เฟรม และ อะไหล่ วินเทจสภาพนางฟ้าหรือหาที่ื่อื่นไม่ได้
https://www.facebook.com/pages/Nik-Cust ... 273?ref=hl
nonomura
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 260
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2011, 02:05
team: None
Bike: No brand

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย nonomura »

รูปภาพ
เริ่มขั้นตอนการพ่นสีเลยละกันนะครับ ก่อนอื่นต้องเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมก่อน ที่สำคัญหน้ากากกันละอองสีควรจะต้องมีครับ และการพ่นสีต้องพ่นในที่ที่มีอากาศถ่ายเท
จากรูปแรกผมเตรียมกระป๋องไว้สำหรับผสมสี จะสังเกตุได้่ว่าภายในกระป๋องจะมีจุดอยู่สองจุด สองจุดนี้คือจุดที่ผมทำตำแหน่งไว้สำหรับอัตราส่วนการผสมสี ผมใช้ถ้วยตวง
ตวงน้ำ 160 ml ใส่ลงกระป๋องแล้วก็ใช้ไขควงทำตำแหน่งไว้ จากนั้นตวงน้ำอีก 40 ml ใส่ลงไปอีกแล้วก็ทำตำแหน่งไว้ ทีนี้เราก็ได้อัตราส่วน การผสม 4:1 แล้ว จากนั้น
ก็เทสีลงไปแล้วก็ตัวเร่งปฏิกริยา คนให้เข้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นค่อยๆ เติมทินเนอร์ลงไปแล้วค่อยๆ คน จนมีความหนืดที่พอดี จากนั้นคนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
เทใส่กาพนสี แล้วก็พ่น แรงดันของลมที่ใช้ในการพ่นสีจะอยู่ที่ประมาณ 20-30 PSI เวลาพ่่นจริงลองปรับความแรงดู ถ้าความตันมากเกินไปสีจะฟุ้งมากและสีจะติดผิวงาน
เหมือนเป็นฝุ่นๆ แต่ถ้าแรงดันน้อยไปสีจะเยิ้มครับ อันนี้ต้องลองปรับดู

รูปภาพ
ชิ้นงานก่อนการพ่นสีนะครับ

ในการพ่นสีนั้นผมแนะนำว่าให้พ่นบริเวณที่เป็นข้อต่อและจุดอับต่างๆ ก่อนเช่น บริเวณกระโหลกที่ตะเกียบหลังมาเชื่อมกัน และบริเวณข้อต่อหลักอาน ที่ควรพ่นจุดนี้ก่อนเนื่องจากว่า
มันเป็นจุดอับและสีเข้าถึงยาก ควรพ่นบริเวณนี้ให้ทั่วถึงก่อน จึงค่อยพ่นไล่สีไปยังจุดอื่น หากพ่นจุดเหล่านี้ทีหลังจะทำให้สีที่อยุ่บริเวณใกล้เคียงเยิ้มหรือหนาเกินไป

หลังจากการพ่นสีเสร็จเรียบร้อยผมพบว่ายังมีสีเหลือค้างกาพ่นสี อยู่พอสมควร จากที่ผมกล่าวในตอนต้นสีที่ใช้ทั้งหมด คือ 200 ml แต่สีที่เหลือน่าจะอยู่ประมาณ 50 ml ดังนั้น
ในการพ่นสีเฟรมหนึ่งคันหากพ่นทั้งคันสีที่ใช้ อยู่ประมาณ 150 ml เท่านั้นครับ

รูปภาพ
ชิ้นงานหลังการพ่นสีเรียบร้อยแล้ว

ระบบสี 2K นั้นสีจะแห้งแบบสัมผัสได้ในเวลาประมาณ 5-10 นาที แห้งขัดได้ประมาณ 1 ชั่วโมงแต่ผมจะทิ้งไว้ 4 ชั่วโมงเพื่อความชัวร์ หลังจากนั้นใช้กระดาษทราย เบอร์ 600 ชึ้นไป
ค่อยลูบชิ้นงาน ลูบแห้งนะครับ อย่าลูบน้ำเด็ดขาด ที่ต้องขัดอีกรอบเนื่องจากว่า ลักษณะของสีรองพื้นเมื่อแห้งตัวจะมีลักษณะหยาบเหมือนมีฝุ่นสีเกาะ เราจำเป็นต้องลูบเอาฝุ่นสีนั้นออก
และที่ไม่ให้ใช้น้ำช่วยเนื่่องจากว่าจะทำให้ชิ้นงานมีความชื้น เมื่อลูบชิ้นงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เอา degreaser เช็ดทำความสะอาดอีกรอบนึง ต้องใช้ degreaser เช็ดเท่านั้นห้ามใช้
ทินเนอร์ หรือตัวทำละลายอื่นๆ เช็ดเด็ดขาด ครับ

รูปภาพ รูปภาพ
จากรูปคือลักษณะของสีบนชิ้นงาน ที่จำเป็นต้องลูบออกด้วยกระดาษทราย

รูปภาพ รูปภาพ
จากรูปคือชิ้นงานที่ลูบด้วยกระดาษทรายเบอร์ 600 และทำการเช็ดทำความสะอาดด้วย degreaser แล้ว

ขั้นตอนต่อไปจะทำการพ่นสีจริงแล้วคร้บ แต่วันนี้แถวบ้านผมฝนลงเม็ดแล้ว สงสัยคงต้องทำต่อพรุ่งนี้คอยติดตามครับ

อันนี้เอามาให้ดูเล่นๆ มันคือสีรองพื้นระบบ 2K ที่เหลือจากการพ่น ที่ผมเทใ่ส่กระป๋องไว้ ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงมันออกมาเป็นยางนิ่มๆ เหมือนเยลลี่เลยครับ
รูปภาพ

ข่าวร้ายสำหรับผมข่าวดีสำหรับท่านผู้อ่านครับ
เมื่อคืนทำตะเกียบที่พ่นรองพื้นเสร็จแล้วร่วงจากบันไดขั้นที่ 8 กลิ้งลงไปถึงพื้นขั้นที่ 0 โชคดีตะเกียบไม่มีรอยบุบ พื้นเป็นกระเบื้องด้วย ผลปรากฏว่าสีรองพื้นที่พ่นไว้นั้นไม่กระเทาะ ออกมาเลย
มีแต่รอยของแลกเกอร์ทาเนื้อไม้ที่ติดมาบนชิ้นงานเท่านั้น แค่เอาน้ำเช็ดก็ออก และไม่มีลอยถลอกลึกถึงเนื้อโลหะเลย มีแค่ลอยขูดเหมือนเอากระดาษทรายลูบเท่านั้น แสดงว่าสี 2K นี่มันดีจริงๆ
เพราะปกติถ้าเป็นสีเสปรย์กระป๋องจะต้องมีสีถลอกถึงเนื้อโลหะกันบ้างแน่นอน อีกอย่างหนึ่งคือตะเกียบนั้นชุบโครเมี่ยมด้วยซึ่งปกติสีจะติดยากกว่าเนื้อโลหะ เนื้องจากมีความมันเงาและเรียบมากกว่า
เนื้อโลหะ สรุปคือ สีร้องพื้น 2K นั้นดีจริงๆ ครับ แต่ไม่ทำชิ้นงานหล่นน่ะดีที่สุด :mrgreen:

มาเขียนต่อครับระหว่างนั่งรอสีแห้ง
วันนี้ผมเริ่มพ่นสีจริง ในการผสมสีอะคริลิคนั้น ความหนืดของสีจะต้องค่อนข้างใสกล่าวคือ จะผสมโดยดูจากความหนืดจากที่ผมกล่าวมาตอนต้นไม่ได้ ปัญหาคือเมื่อผมผสมสีให้มีความหนืดแบบ
สีรองพื้น สีที่พ่นออกมาจะมีลักษณะเป็นใยเหมือใยแมงมุม โชคดีว่าพ่นลองก่อนยังไม่ได้พ่นจริง จึงโทรไปสอบถามร้านสีจึงได้คำตอบว่า ผสมสีข้นไปดังนั้น ผมจึงค่อยๆ เททินเนอร์ลงไปในกาพ่น
คนสีแล้วลองพ่นออกมาดู พ่นจนกว่าสีจะไม่เป็นใยครับ เวลาเติมทินเนอร์ลงไปผสมในกาพ่นสีโดยตรงนั้น จงจำไว้ว่ามันยังมีสีค้างอยู่ในหัวพ่น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพ่นทิ่งไปก่อนซัก 2-5 วินาที
สีที่เราเพิ่งใสทินเนอร์ลงไปใหม่ มันถึงจะเข้าไปยังหัวพ่นครับ ที่ต้องเตือนไว้ก่อนเพราะกลัวว่าบางคนจะบอกว่าใส่ทินเนอร์ลงไปตั้งเยอะทำไมยังเป็นใยอยู่ แล้วม้ันจะทำให้สีใสเกินไปด้วย เอาเป็นว่า
เวลาผสมให้ผสมจนมีลักษณะหนืดเหมือนนมสดละกัน หรือเปรียบเทียบกับสีพ่นกระป๋องก็ได้ ความหนืดของสีจะต้องเป็นประมาณนั้นครับ ไม่งั้นสีจะออกมาใยแก้กันบานเลย ดีที่สุดคือก่อนพ่นจริงต้อง
พ่นลองดูก่อน

ในการพ่นสีนั้นอย่างที่ผมเคยกล่าวไว้คือ ให้พ่นบริเวณที่เป็นรอยต่อต่างๆ ก่อนแล้วค่อยไล่ไปจุดอื่น เพื่อป้องกันไม่ให้สีหนา เนื่องจากจุดนั้นเป็นจุดอับพ่นสีลำบาก ถ้าเราพ่นที่อื่นก่อนแล้วไปพ่นจุดอับ
จะทำให้สีบริเวณใกล้เคียงหนาเกินไป จากนั้นก็รอสีแห้งประมาณ 1 ชั่วโมง ครับ จำไว้นะครับสีอะคริลิคนั้นไม่เหมือนสีรองพื้น มันเป็นรอยถลอกง่ายมาก แค่เอาเล็บสกิดออกก็ถลอกแล้วถึงแม้สีจะแห้ง
แล้วก็ตาม ดังนั้นเมื่อสีแห้งแล้ว และรอที่จะพ่นสีอื่นต่อไป ให้ระวังชิ้นงานให้ดี ถ้าจะวางบนพื้นหรือโต๊ะ ให้เอาผ้ารองครับ อย่าวางโดยไม่มีผ้ารองเด็ดขาด ไม่งั้นต้องมานั่งซ่อมสีกันอีก

หลังจากพ่นสีอะคริลิคเรียบร้อยแล้วทำความสะอาดเฟรมอีกทีหนึ่งแล้วทำการพ่นด้วยเคลียร์ 2K ครับ รอจนแห้งแล้วก็ไปต่อกันที่ขั้นตอนการติดสติกเกอร์และการตกแต่ง decal เลยครับ

ในขั้นตอนของการสั่งสติกเกอร์นั้น ผมก็เอาไฟล์ที่ได้จากการทำในตอนแรกไปส่งร้านสติกเกอร์เพื่อสั่งตัด ในการเลือกสติกเกอร์นั้นผมบอกทางร้านว่าขอสติกเกอร์ที่กาวไม่เหนียวมาก และขอแบบบาง
แต่ว่าทางร้านของหมดเลยได้แบบเหนียว และไม่บางไม่หนามาแทน ผมสั่งตัดแต่ละแบบอย่างละ 2-3 ชุดกันเสียครับ ค่าตัดสติกเกอร์ทั้งหมด 150 บาท เมื่อได้สติกเกอร์มาแล้วก็เริ่มเอามาแปะบนชิ้นงาน
ครับ ในการแปะแต่ละขั้นตอนนั้นผมจะใช้ เทป Nitto หรือ Masking tape แปะลงไปเป็นเส้นอ้างอิงก่อน พูดง่ายๆ คือเหมือนใช้แทนไม้บรรทัด เมื่อติดสติกเกอร์ครบทุกจุดค่อยลอกเทป nitto ออก
ในการติดสติกเกอร์นั้น ต้องใจเย็นมากๆ ครับอย่าใจร้อน เพราะกาวมันเหนียว ค่อยๆ แปะ อย่างที่ผมเรียนในตอนแรกว่า ผมสั่งตัด 2-3 ชุด ถ้าไม่มั่นใจสั่งไปเลย 5 ชุด ยังไงก็ไม่น่าเกิน 200 บาท โดย
เฉพาะพวกที่เป็นชิ้นเล็กๆ นี่ตัวดีเลยติดยากมาก

หลังจากติดสติกเกอร์หมดแล้วก็ต้องมาลอก อักษรหรือบริเวณที่ต้องการพ่นสีออก ในการลอกนั้นผมจะใช้ไม้จิ้มฟันค่อยๆ แคะตัวอักษรออกมาแล้วดึงด้วยแหนบครับ อย่าใช้คัดเตอร์หรือโลหะเพราะคุณอาจ
ไปสะกิดเอาสีออกมาด้วยได้ ลองดูตามรูปข้างล่างครับ
รูปภาพ

ส่วนรูปด้านล่างนี้ผมแสดงให้เห็นการใช้ nitto เทป คือผมจะใช้ติดกึ่งกลางของเฟรมโดยใช้ของเทป เป็นเหมือนไม้บรรทัดเป็นจุดอ้างอิงในการติดสติ้กเกอร์
รูปภาพ

พอติดทั่วคันแล้วมันจะออกมาหน้าตาแบบที่เห็นนี้ครับ
รูปภาพ

จากนั้นก็เริ่มเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาห่อส่วนที่ไม่ต้องการที่ให้โดนสีครับ จากนั้นก็พ่นสีรองพื้นในที่นี้ผมใช้สีเสปรย์กระป๋อง Pyrax ที่ต้องพ่นรองพื้นเนื่องจากว่าหากพ่นสีจริงลงไปเลย
สีมันจะติดไม่ดี และสีบางสีหากไม่พ่นรองพื้นกว่าสีที่พ่นลงไป มันจะได้ความเข้มตามต้องการสีอาจจะหนาเกินไปครับ เช่นสีขาวถ้าผมไม่พ่นรองพื้นกว่าสีขาวมันจะกลบสีม่วงได้คงพ่นกันหลาย
เที่ยวเลยทีเดียว
เมื่อพ่นสีรองพื้นเสร็จแล้วและสีแห้งแล้วคราวนี้ก็ใ้ห้อเทป nitto กันสีในแต่ละจุดที่จะต้องพ่นสีที่ต่างกันครับ สำหรับผมเริ่มแรก ผมจะกันในส่วนที่เป็นอักษรสีเหลือง ก่อนส่วนบริเวณที่เป็นลาย decal
นั้นผมจะพ่นสีขาวลงไปก่อนทั้งหมดด้วยเพราะมันจะทำให้สีอื่นที่จะพ่นทับลงไปสดขึ้น สีขาวที่จะต้องพ่นคือ ที่อักษร Peugeot และ Racing Team ก่อน หลังจากพ่นเสร็จสีขาวแห้งดีแล้วก็กันส่วน
ที่เป็นสีขาว เปิดส่วนที่เป็นสีเหลืองแล้วก็พ่นครับ เมื่อสีแห้งแล้วคราวนี้ก็ค่อยมาทำส่วนที่เป็น decal
รูปภาพ

ในการพ่นสีส่วนที่เป็น decal นั้นผมจะใช้เทป nitto นั้นปิดพ่นทีละสี ซึ่งส่วนนี้ต้องใช้ความอดทนนิดหน่อย ตอนพ่นสีแรกเราก็ปิดกันส่วนที่เหลือทั้งหมด พอสีที่สองเราต้องปิดส่วนที่ยังไม่พ่นและส่วนที่
เราพ่นไปแล้วในตอนแรก จำไว้ว่าสีต้องแห้งสนิทนะครับ ค่อยๆ ทำไปจนครบ ตามตัวอย่างในรูปข้างล่าง
รูปภาพ

สุดท้ายหลังที่สีทั้งหมดแห้งดีแล้ว ให้ทำความสะอาดเฟรมอีกทีหนึ่ง เนื่องจากว่าเมื่อเราลอกสติ้กเกอร์และ nitto เทปออกทั้งหมดแล้วมันอาจจะมีคราบกาวเหลืออยู่ เราสามารถใช้เศษสติ้กเกอร์ที่เหลือ
ติดลงไปตรงคราบกาวแล้วกระตุกแรงๆ ให้คราบมันติดออกมา นอกจากนี้เวลาลอกสติ้เกอร์ออก สีที่เราพ่นติดไปบนสติกเกอร์นั้นมันจะหลุดเป็นสะเก็ดๆ ออกมาครับเพราะสีมันไม่เกาะสติ้กเกอร์ ดังนั้น
อย่างพี่ผมบอกต้องเช็ดคราบกาวและสะเก็ดสีออกให้หมด ถ้าใช้วิธีที่ผมบอกโดยการใช้สติ้กเกอร์แล้วมันยังเป็นคราบกาวติดอยู่ให้ใช้ Cotton Bud ชุบ degreaser ค่อยๆ เช็ดออกเบาๆ เมื่อทำความ
สะอาดเฟรมเรียบร้อยแล้ว ให้ติดสติ้เกอร์อื่นๆ ที่จำเป็นเช่น สติกเกอร์ Reynolds, Columbus หรือ อื่นๆ ที่จำเป็น จากนั้นพ่นเคลียร์ 2K ทับอีกทีในขั้นตอนสุดท้ายครับ

จากรูปข้างล่างเป็นผลงาน Final ครับ หลังจากที่พ่นเคลียร์แล้ว
รูปภาพ

รูปด้านล่างซ้ายเป็นรูปที่ถ่ายก่อนทำสี ส่วนด้านขวาเป็นรูปที่ทำสีแล้ว โดยผมพยายามถ่ายจากมุมเดียวกันครับ
รูปภาพ รูปภาพ
รูปภาพ รูปภาพ
รูปภาพ รูปภาพ
รูปภาพ รูปภาพ

สุดท้ายนี้ผมหวังว่าสิ่งที่ผมเขียนนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เข้ามาอ่าน อยากให้คนที่คิดจะทำสีจักรยานด้วยตนเองมีแรงบันดาลใจที่จะทำ ผมเรียนตรงๆ ผมเคยพ่นสีจักรยานโดยใช้สีเสปรย์กระป๋อง
เมือ 20 ปีที่แล้ว งานชิ้นนี้เป็นงานชิ้นแรกที่ผมทำในรอบ 20 ปี ถ้าผมทำได้คนอื่นๆ ก็ทำได้เหมือนกันครบ หากมีข้อสงสัยขอติชมหรือมีอย่างอื่นที่ผมขาดตกบกพร่องไปและอยากที่จะแบ่งป้น
เขียนไว้ในกระทู้ได้เลยหรือ PM มาก็ได้ผมยินดีตอบไ้ว้ท้ายกระทู้ที่ผมเ่ขียนนี้ โดยจะรวบรวมเป็นคำุถามที่คนสงสัยบ่อยครับ
ขอบคุณอีกทีครับ

FAQ
Q: สามารถลอกสีเฟรมคาร์บอนได้ไหม ควรทำอย่างไร
A: ผมได้คุยกับผู้ที่มีประสปการณ์เรื่อง คาร์บอนไฟเบอร์มา คำตอบคือ ไม่ควรลอกสีเฟรมคาร์บอนไม่ว่ากรณีใดๆ หากใช้น้ำยาลอกสีลอก มันจะไปทำลายน้ำยาเคลือบคาร์บอนครับ ทำให้คาร์บอนกรอบได้
หากใช้วิธีการขัดสีออก ส่วนที่โดนขัดสีกับส่วนที่ไม่โดนขัดสีจะมีการดูดสีที่พ่นไม่เท่ากัน เวลาพ่นออกมาสีจะดูเป็นรอยด่างๆ ได้ ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย nonomura เมื่อ 20 ก.พ. 2012, 02:44, แก้ไขแล้ว 12 ครั้ง
หากสนใจ เฟรม และ อะไหล่ วินเทจสภาพนางฟ้าหรือหาที่ื่อื่นไม่ได้
https://www.facebook.com/pages/Nik-Cust ... 273?ref=hl
ลมรำเพย
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 3751
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ย. 2011, 21:18
ติดต่อ:

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย ลมรำเพย »

...รอชม..งานฝีมือ... :)
ปั่นให้เป็น เย็นเรื่อยไป อย่าให้ใครแซง....
รูปประจำตัวสมาชิก
dOnG
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 797
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 12:21
Bike: Steel never die ! Reynolds 520

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย dOnG »

ปัก :|
ฝากรูป เว็บฝากภาพ ฝากไฟล์รูป โหลดเร็วทันใจ ไม่มีวันหมดอายุ

http://image.ohozaa.com/main/
รูปประจำตัวสมาชิก
pLanKton4u
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 15:21
team: ~~ไม่มี~~
Bike: -Caad10 & M5 2012-

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย pLanKton4u »

มาปูเสื่อรอครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
SekRanger
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 678
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 12:11
team: ห่อหมกทีม
Bike: หมอบ Masi Alare สีดำเดิมๆ
ตำแหน่ง: ถ.เทพารักษ์ กม.3 สมุทรปราการ

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย SekRanger »

จองพื้นที่สำหรับนั่งรออ่านตอนต่อไป
เป้าหมายแรกของมือใหม่ แซงขาแรงที่สนามบินฯ ด้วยรถเดิมๆ

[เอ็น - ดู - หลาน]
Chalong
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 421
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 12:33
ติดต่อ:

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย Chalong »

นั่งรอครับ
จักรยานราคาแพงไม่ได้ทำให้เราเป็น "นักปั่น"เราแค่เป็นเจ้าของจักรยานราคาแพงเท่านั้น
Cycling B®y
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 19894
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:41
team: RAWAI Criterium Team. Phuket.

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย Cycling B®y »

นอนรอครับ... :D
▄▀▄▀ รายงายสด ผลการแข่ง พร้อมวีดีโอ การแข่งจักรยานโปรทัวร์ https://www.facebook.com/groups/183810108467489/ ▄▀▄▀
__________________________________________________________________________________
xcracker
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 20
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 16:15
Bike: Trek 4500

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย xcracker »

มารอเก็บความรู้ครับ :)
รูปประจำตัวสมาชิก
golfwa
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 257
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 พ.ค. 2011, 15:39
team: เสือสยาม - Siam Tiger : A Siam Bikesmith
Bike: เสือสยามทัวร์ริ่ง / Miyata RidgeRunner By MJ Bike / Bianchi Impulso/ Canyon CF CLX

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย golfwa »

ขอเฝ้าด้วยคนครับ
3doraemon
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 100
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ธ.ค. 2010, 14:16
team: -
Bike: จักรยานแม่บ้าน TURBO

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย 3doraemon »

รอวิธีลอกสี เหมือนกันครับ :)
รูปประจำตัวสมาชิก
thaicom
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 958
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2009, 15:26
Tel: 083-6207115
team: ไร้สังกัด แต่บัตรอยู่อุตรดิตถ์
Bike: LA & wheeler 6980
ตำแหน่ง: thaicom.co.th@hotmail.com
ติดต่อ:

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย thaicom »

จองพื้นที่สำหรับวาง โซฟาชม :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
เก่งไม่กลัว กลัวขยัน ^_^
รูปประจำตัวสมาชิก
Aoba
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 589
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 18:29
Tel: หาเอาเองนะจ๊ะ
team: UBRU team, Arnon Ubon Racing Team & Nhong Service Team
Bike: Bianchi 928 Carbon L & GIOS A90 Ultralite
ติดต่อ:

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย Aoba »

รอชมครับ 8-)
ถึงสูงศักดิ์ อัครฐาน สักปานไหน
ถึงวิไล เลิศฟ้า สง่าศรี
ถึงเก่งกาจ ฉลาดกล้า ปัญญาดี
ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน
...........................................
พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: การทำสีจักรยานแบบละเอียดยิบ

โพสต์ โดย lucifer »

ฉึก ฉีก
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”