เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 449
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
- ติดต่อ:
เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
เชื่อมั้ย ยางพับหนักสองขีดนิด อัดขึ้นเนิน สปริ๊นสู้ยางขอบลวดเส้นละ 200 ไม่ได้
เราเอามาใส่ล้อหลัง มันแรงขึ้นมาก
นั่นเพราะขอบพับเบา ๆ นั้น ไม่ต่างอะไรกับเอาผ้าขนหนูไปหุ้มยางใน
พบขอบล้อส่งแรงบิด ยางมันก็ย้วย ย่น ไม่บิดไปข้างหน้า
แต่ยางขอบลวดราคาถูก มีโครงลวดและใยในลอนเส้นหนา ๆ ทอเป็นกระดูกเอาไว้ มันจึงสามารถส่งถ่ายแรงบิดจากล้อ ไม่ย่น ไม่ย้วย
****************
เรื่องแรงต้านการหมุนของหน้ายางที่ชอบเอามาโฆษณาแล้วขายแพง ๆ นั้น บอกได้เลยว่าทฤษฎีนี้ใช้ได้เฉพาะล้อหน้า ล้อหน้าแค่ไหลอย่างเดียวไม่ต้องรับแรงบิด หน้ายางลงพื้นน้อยก็ไหลไดดี สังเกตว่ารถใช้งานเป็นปียางหลังหน้ายางไม่เหลือแต่ยางหน้าหน้ายางแทบไม่สึก
สังเกตดูมีแต่การพูดถึงความสติฟของเฟรม ของโซ่ ของเฟือง ของล้อ แต่ทำไมแทบไม่มีใครพูดถึงความสติฟของยางเลย ทั้งที่ยางหลังนั้นต้องส่งกำลัง ไม่ได้ต่างกับโซ่หรือเฟืองเลย ความสติฟของยางนั้น สำคัญกว่าความสติฟของเฟรมด้วยซ้ำ
เราเอามาใส่ล้อหลัง มันแรงขึ้นมาก
นั่นเพราะขอบพับเบา ๆ นั้น ไม่ต่างอะไรกับเอาผ้าขนหนูไปหุ้มยางใน
พบขอบล้อส่งแรงบิด ยางมันก็ย้วย ย่น ไม่บิดไปข้างหน้า
แต่ยางขอบลวดราคาถูก มีโครงลวดและใยในลอนเส้นหนา ๆ ทอเป็นกระดูกเอาไว้ มันจึงสามารถส่งถ่ายแรงบิดจากล้อ ไม่ย่น ไม่ย้วย
****************
เรื่องแรงต้านการหมุนของหน้ายางที่ชอบเอามาโฆษณาแล้วขายแพง ๆ นั้น บอกได้เลยว่าทฤษฎีนี้ใช้ได้เฉพาะล้อหน้า ล้อหน้าแค่ไหลอย่างเดียวไม่ต้องรับแรงบิด หน้ายางลงพื้นน้อยก็ไหลไดดี สังเกตว่ารถใช้งานเป็นปียางหลังหน้ายางไม่เหลือแต่ยางหน้าหน้ายางแทบไม่สึก
สังเกตดูมีแต่การพูดถึงความสติฟของเฟรม ของโซ่ ของเฟือง ของล้อ แต่ทำไมแทบไม่มีใครพูดถึงความสติฟของยางเลย ทั้งที่ยางหลังนั้นต้องส่งกำลัง ไม่ได้ต่างกับโซ่หรือเฟืองเลย ความสติฟของยางนั้น สำคัญกว่าความสติฟของเฟรมด้วยซ้ำ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 54
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ต.ค. 2015, 20:05
- Tel: 0814779124
- team: ชมรมจักรยานสุราษฎร์ธานี
- Bike: Trek 7.3
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
มีเหตุผลครับ เห็นด้วย
- trek3900/2009
- ขาประจำ
- โพสต์: 1953
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 02:31
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
เข้าท่าแฮะ
รับบริการฟิตติ้งจักรยานที่บ้านลูกค้า ราคามิตรภาพ เยี่ยมเพจได้เลยครับhttps://www.facebook.com/RasitFitter/
https://www.facebook.com/pages/Lapierre-bike-Thailand/1543570505857513
https://www.facebook.com/groups/763837143758055/
https://www.facebook.com/pages/Lapierre-bike-Thailand/1543570505857513
https://www.facebook.com/groups/763837143758055/
- DraftBeer
- ขาประจำ
- โพสต์: 4495
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 17:08
- Tel: 0814461178
- team: รั้งท้ายทีมลื่นไหล
- Bike: Dale-Red, Venge-Red, Titanos-XX1, Tendem, CRF250X, MSX
- ตำแหน่ง: 15 ซ.ผาสุก2 ถ.กาญจนวนิช อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110
- ติดต่อ:
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ไม่เชื่อครับ อิอิ
>> ☞ ห า ด ใ ห ญ่ ลื่ น ไ ห ล ► ► ► ► ที ม เ ร า ไ ม่ ไ ด้ มี แ ค่ จั ก ร ย า น !
ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
ถึงพวกเราจะไม่นำหน้าสุด แต่ก็ไม่เคยหลุดจากขบวน............รั้งท้าย team
- teemai
- ขาประจำ
- โพสต์: 268
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 08:53
- Tel: 0891720453
- team: กลุ่ม แร้งคอย
- Bike: ฟิกเกียร์
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ยางรถแข่งทางตรง ระดับ5วิ แก้มมันก็ย้วยครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 881
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2014, 12:43
- team: --
- Bike: Fuji3.0 , Eddy mercxk
- ตำแหน่ง: เพชรเกษม 63
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
เชื่อคับ ทุกวันนี้ล้อหน้าขอบพับ เบาบาง แบริ่ง ลื่นสุด ล้อหลัง ดุมเรียงเม็ด ขอบลวด ว่าหนัก เสริมกันแตกอีกต่างหาก..
ง่าย ๆ เลย หมอบโคตรเทพ ยางสุดบาง เบา แตกระหว่างทางทริป หมอบถึกเน่า ๆ แซงหายแล้ว(ทริปถนนนะ ไม่ใช่สนาม)
ง่าย ๆ เลย หมอบโคตรเทพ ยางสุดบาง เบา แตกระหว่างทางทริป หมอบถึกเน่า ๆ แซงหายแล้ว(ทริปถนนนะ ไม่ใช่สนาม)
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1356
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2014, 11:44
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ความสติฟของยางนั้น สำคัญกว่าความสติฟของเฟรมด้วยซ้ำ**** เติมลมเอาสิครับจะเอาสติฟ เท่าไหร่ แต่ไกลๆปวดมือGok See เขียน:เชื่อมั้ย ยางพับหนักสองขีดนิด อัดขึ้นเนิน สปริ๊นสู้ยางขอบลวดเส้นละ 200 ไม่ได้
เราเอามาใส่ล้อหลัง มันแรงขึ้นมาก
นั่นเพราะขอบพับเบา ๆ นั้น ไม่ต่างอะไรกับเอาผ้าขนหนูไปหุ้มยางใน
พบขอบล้อส่งแรงบิด ยางมันก็ย้วย ย่น ไม่บิดไปข้างหน้า
แต่ยางขอบลวดราคาถูก มีโครงลวดและใยในลอนเส้นหนา ๆ ทอเป็นกระดูกเอาไว้ มันจึงสามารถส่งถ่ายแรงบิดจากล้อ ไม่ย่น ไม่ย้วย
****************
เรื่องแรงต้านการหมุนของหน้ายางที่ชอบเอามาโฆษณาแล้วขายแพง ๆ นั้น บอกได้เลยว่าทฤษฎีนี้ใช้ได้เฉพาะล้อหน้า ล้อหน้าแค่ไหลอย่างเดียวไม่ต้องรับแรงบิด หน้ายางลงพื้นน้อยก็ไหลไดดี สังเกตว่ารถใช้งานเป็นปียางหลังหน้ายางไม่เหลือแต่ยางหน้าหน้ายางแทบไม่สึก
สังเกตดูมีแต่การพูดถึงความสติฟของเฟรม ของโซ่ ของเฟือง ของล้อ แต่ทำไมแทบไม่มีใครพูดถึงความสติฟของยางเลย ทั้งที่ยางหลังนั้นต้องส่งกำลัง ไม่ได้ต่างกับโซ่หรือเฟืองเลย ความสติฟของยางนั้น สำคัญกว่าความสติฟของเฟรมด้วยซ้ำ
*****ผมไม่เชื่อครับ ทัศนคติผมคนเดี่ยวนะ****** ไม่งั้น โปรทัว ไม่ใช้ฮาฟ หรือ งัดตัวท๊อป ใช้ขอบลวดแทนไปหมดแล้ว
ของดีไม่ดี ตามราคาเลยคับ ไม่เคยเห็นของถูกดีสุดในตลาด เพราะ เห็นผลการผลิต ของดีเลือกแต่วัถุดิษเกรดสูง + ค่าโฆษณาไปด้วย
มันมีตารางเทสมาด้วยนะ
http://www.bicyclerollingresistance.com ... ke-reviews
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 449
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
- ติดต่อ:
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
เรื่องโปรไม่ใช้นั้น เพราะโปรลงเขา 50 - 120 kph พลาดก็ตายเลย ดังนั้นเขาต้องเน้นเรื่องการเกาะถนนมากกว่า เขาเลยใช้ยางเบาและเนื้อยางที่ต้านการหมุนน้อยทดแทน ยอมเสียแรงบิดที่ยางไป ลมยางนั้นระดับโปรก็ไม่ได้เติมแข็งด้วย เติมอ่อนกว่าชาวบ้านด้วยซ้ำ เติมแข็งมันไม่เกาะถนน พลาดก็ตาย
เข้าใจอย่างนึงครับว่ารถโปรไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เขาเลือกใช้อะไรที่มันตอบโจทย์การปั่น การไปใช้ของแพง ๆ นั้นมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการปั่นทั่วไป
เข้าใจอย่างนึงครับว่ารถโปรไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เขาเลือกใช้อะไรที่มันตอบโจทย์การปั่น การไปใช้ของแพง ๆ นั้นมันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการปั่นทั่วไป
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ผมว่า เข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่าครับ
ขอบลวด จริงๆก็คือ เขาเอาเส้นลวดเล็กๆมาไขวัควั่นกันเป็นลวดสลิงขนาดจิ๋ว เพื่อคงรูปของ bead ( ขอบยางด้านในที่เอาไว้เกี่ยวกับขอบล้อ ) เพื่อให้เวลาที่ bead เข้าไปอยู่ในส่วนของ bead seat ของขอบล้อแล้ว มันจะได้คงรูป และไม่ปลิ้นหลุดออกมาเมื่อสูบลมเข้าไป
ส่วนขอบพับนั้น จริงๆมันก็ไม่ใช่ขอบที่ยึดได้เช่นกัน เขาเอาเส้นใยเคฟล่าห์หรือวัสดุที่คล้ายคลีง มาไขว้ควั่นกันเป็นลวดสลิงขนาดจิ่วเช่นกัน เพียงแต่มันไม่ใช่โลหะ มันจึงสามารถพับได้ มันไม่ใช่หนังสะติกจะได้เอามาดึงยืดกันได้นะครับ
บางคนอาจจะนึกว่า ยางขอบพับใส่ยางง่ายกว่ายางขอบลวด จริงๆก็จะบอกว่าไม่จริงหรอกครับ ยางขอบลวดบางยี่ห้อก็ใส่ง่าย ยางขอบพับบางตัวก็ใส่ยาก ใส่ง่ายไม่ได้เกิดการจากให้ตัวของเส้นเคฟล่าห์ แต่ใส่ง่ายเพราะความพอดีระหว่าง bead กับเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอกสุดของขอบล้อ กับ ระยะห่างระหว่างขอบล้อด้านนอกกับส่วนของ bead seat เพราะยางนอกตรงส่วนของ bead มันไม่สามารถให้ตัวได้ แต่ยางพับบางยี่ห้อ ก็ใส่ยากสุดๆเช่นกัน
เรื่องต่อมา แก้มยางไม่เคยย้วย แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องสูบลมด้วยแรงดันตามที่เขาออกแบบเอาไว้ วิศวกรที่เขาออกแบบผลิตภัณฑ์เหล่านี้กินเงินเดือนสูงกว่าพวกเราเยอะนะครับ เขาคำนวณไว้หมดแล้ว ไม่ได้มานั่งมโนเอาแบบที่พวกเราคิดกัน
แก้มยางไม่เคยย้วย เพราะแก้มยางมันเกือบจะไม่ให้ตัวเลย ผู้ออกแบบจะต้องคำนวณการขึ้นรูป คำนวณการถักเส้นใยผ้าใบของแก้มยาง คำนวณแล้วว่าแรงดันของลมยางแค่ไหนที่ทำให้มันขึ้นรูปแล้วไม่ย้วย ดังนั้นถ้าพิจารณาจากแก้มยาง จะขอบลวดหรือขอบเคฟล่าห์ ถ้าออกแบบแก้มยางมาเหมือนๆกัน ทุกอย่างก็เหมือนกันครับ
ส่วนที่ย้วยนั้นมักจะมาจากหน้ายาง ยิ่งหน้ายางที่นุ่ม หนา หรือ มีดอก พวกนี้จะมี rolling resistant สูง ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจตรงไหน
สุดท้าย มีเอกสารอ้างอิงมาประกอบบ้างหรือเปล่าครับ คือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ แต่ถ้ามโนไปเองก็ไม่ว่ากันนะครับ
สุดท้าย เรื่องแรงดันลมที่โปรใช้ โปรไม่รู้หรอกครับว่า สูบลมแค่ไหนอย่างไร mechanic ประจำทีมเป็นคนสูบให้ ลมยางที่ว่าอ่อนกว่าชาวบ้านนั้น จริงๆแล้วไม่ได้อ่อนกว่าค่าที่เหมาะสมหรอกนะครับ แต่เพราะชาวบ้านสูบลมแข็งเกินกว่าค่าที่เหมาะสมต่างหากครับ สูบด้วยความเข้าใจผิดว่า ยางยิ่งแข็ง rolling resistant ยิ่งน้อย ยิ่งไปได้เร็ว แต่แท้จริงแล้ว rolling resistant ที่ลดลงไปเพียงเล็กน้อย เทียบกับความสะเทือนที่เพิ่มขึ้น กลับส่งผลให้ friction ระหว่างพื้นถนนกับยางลดลง เพราะถนนไม่ได้ราบเรียบเป็นกระจก ยางที่แข็งเกินเหตุ หน้าสัมผัสระหว่างหน้ายางกับถนนก็จะน้อยลง โดยเฉพาะหน้าสัมผัสด้านข้างซึ่งในปัจจุบันให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งพิสูจน์ให้เห้นจริงแล้วว่า ที่ลมยางแรงดันเท่ากัน ยาง 25C มีrolling resistant ต่ำกว่า 23C เพราะหน้าสัมผัสในแนวหน้าหลังลดลง แต่เกาะถนนมากขึ้นเพราะมีหน้าสัมผัสในแนว lateral เพิ่มขึ้น ( แรงดันลมที่เท่ากัน จะทำให้พื้นที่สัมผัสกับถนนเท่ากัน แต่แนวสัมผัสแตกต่างกัน )
สุดท้ายของสุดท้าย ปัจจุบันเป็นการยากนะครับ ที่จะหายางรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกันที่ทำมาทั้งขอบลวดและขอบพับ ดังนั้นคุณจะไม่สามารถเปรียบเทียบยางที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกอย่าง แต่แตกต่างกันที่ขอบbeatของยาง
แต่ในอดีตสมัยที่ผมปั่นเสือภูเขานั้น ยางเสือภูเขาแบบยางกึ่งสลิค รุ่นเดียวกันนั้น จะมี 2 รุ่นให้เลือก คือ ขอบลวดซึ่งราคาถูกกว่า กับ ขอบพับที่ราคาสูงกว่า ในสมัยที่ผมหนุ่มกว่านี้ แข็งแรงกว่านี้ ผมก็ใช้มันทั้งสองแบบเช่นกัน ขอเพียงสูบลมตามสเปคของมัน ไม่รู้นะ ผมแยกไม่ออกหรอกว่าอะไรพุ่งกว่ากัน แต่มโนนิดๆแล้ว ผมรู้สึกว่าขอบพับมันเบาแรงกว่า เพราะมันเบากว่า กดแล้วมันตอบสนองเท้าดีกว่าขอบลวดหนักๆนะ
ขอบลวด จริงๆก็คือ เขาเอาเส้นลวดเล็กๆมาไขวัควั่นกันเป็นลวดสลิงขนาดจิ๋ว เพื่อคงรูปของ bead ( ขอบยางด้านในที่เอาไว้เกี่ยวกับขอบล้อ ) เพื่อให้เวลาที่ bead เข้าไปอยู่ในส่วนของ bead seat ของขอบล้อแล้ว มันจะได้คงรูป และไม่ปลิ้นหลุดออกมาเมื่อสูบลมเข้าไป
ส่วนขอบพับนั้น จริงๆมันก็ไม่ใช่ขอบที่ยึดได้เช่นกัน เขาเอาเส้นใยเคฟล่าห์หรือวัสดุที่คล้ายคลีง มาไขว้ควั่นกันเป็นลวดสลิงขนาดจิ่วเช่นกัน เพียงแต่มันไม่ใช่โลหะ มันจึงสามารถพับได้ มันไม่ใช่หนังสะติกจะได้เอามาดึงยืดกันได้นะครับ
บางคนอาจจะนึกว่า ยางขอบพับใส่ยางง่ายกว่ายางขอบลวด จริงๆก็จะบอกว่าไม่จริงหรอกครับ ยางขอบลวดบางยี่ห้อก็ใส่ง่าย ยางขอบพับบางตัวก็ใส่ยาก ใส่ง่ายไม่ได้เกิดการจากให้ตัวของเส้นเคฟล่าห์ แต่ใส่ง่ายเพราะความพอดีระหว่าง bead กับเส้นผ่าศูนย์กลางภายนอกสุดของขอบล้อ กับ ระยะห่างระหว่างขอบล้อด้านนอกกับส่วนของ bead seat เพราะยางนอกตรงส่วนของ bead มันไม่สามารถให้ตัวได้ แต่ยางพับบางยี่ห้อ ก็ใส่ยากสุดๆเช่นกัน
เรื่องต่อมา แก้มยางไม่เคยย้วย แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ต้องสูบลมด้วยแรงดันตามที่เขาออกแบบเอาไว้ วิศวกรที่เขาออกแบบผลิตภัณฑ์เหล่านี้กินเงินเดือนสูงกว่าพวกเราเยอะนะครับ เขาคำนวณไว้หมดแล้ว ไม่ได้มานั่งมโนเอาแบบที่พวกเราคิดกัน
แก้มยางไม่เคยย้วย เพราะแก้มยางมันเกือบจะไม่ให้ตัวเลย ผู้ออกแบบจะต้องคำนวณการขึ้นรูป คำนวณการถักเส้นใยผ้าใบของแก้มยาง คำนวณแล้วว่าแรงดันของลมยางแค่ไหนที่ทำให้มันขึ้นรูปแล้วไม่ย้วย ดังนั้นถ้าพิจารณาจากแก้มยาง จะขอบลวดหรือขอบเคฟล่าห์ ถ้าออกแบบแก้มยางมาเหมือนๆกัน ทุกอย่างก็เหมือนกันครับ
ส่วนที่ย้วยนั้นมักจะมาจากหน้ายาง ยิ่งหน้ายางที่นุ่ม หนา หรือ มีดอก พวกนี้จะมี rolling resistant สูง ก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องน่าแปลกใจตรงไหน
สุดท้าย มีเอกสารอ้างอิงมาประกอบบ้างหรือเปล่าครับ คือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ แต่ถ้ามโนไปเองก็ไม่ว่ากันนะครับ
สุดท้าย เรื่องแรงดันลมที่โปรใช้ โปรไม่รู้หรอกครับว่า สูบลมแค่ไหนอย่างไร mechanic ประจำทีมเป็นคนสูบให้ ลมยางที่ว่าอ่อนกว่าชาวบ้านนั้น จริงๆแล้วไม่ได้อ่อนกว่าค่าที่เหมาะสมหรอกนะครับ แต่เพราะชาวบ้านสูบลมแข็งเกินกว่าค่าที่เหมาะสมต่างหากครับ สูบด้วยความเข้าใจผิดว่า ยางยิ่งแข็ง rolling resistant ยิ่งน้อย ยิ่งไปได้เร็ว แต่แท้จริงแล้ว rolling resistant ที่ลดลงไปเพียงเล็กน้อย เทียบกับความสะเทือนที่เพิ่มขึ้น กลับส่งผลให้ friction ระหว่างพื้นถนนกับยางลดลง เพราะถนนไม่ได้ราบเรียบเป็นกระจก ยางที่แข็งเกินเหตุ หน้าสัมผัสระหว่างหน้ายางกับถนนก็จะน้อยลง โดยเฉพาะหน้าสัมผัสด้านข้างซึ่งในปัจจุบันให้ความสำคัญมากขึ้น ซึ่งพิสูจน์ให้เห้นจริงแล้วว่า ที่ลมยางแรงดันเท่ากัน ยาง 25C มีrolling resistant ต่ำกว่า 23C เพราะหน้าสัมผัสในแนวหน้าหลังลดลง แต่เกาะถนนมากขึ้นเพราะมีหน้าสัมผัสในแนว lateral เพิ่มขึ้น ( แรงดันลมที่เท่ากัน จะทำให้พื้นที่สัมผัสกับถนนเท่ากัน แต่แนวสัมผัสแตกต่างกัน )
สุดท้ายของสุดท้าย ปัจจุบันเป็นการยากนะครับ ที่จะหายางรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกันที่ทำมาทั้งขอบลวดและขอบพับ ดังนั้นคุณจะไม่สามารถเปรียบเทียบยางที่มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกอย่าง แต่แตกต่างกันที่ขอบbeatของยาง
แต่ในอดีตสมัยที่ผมปั่นเสือภูเขานั้น ยางเสือภูเขาแบบยางกึ่งสลิค รุ่นเดียวกันนั้น จะมี 2 รุ่นให้เลือก คือ ขอบลวดซึ่งราคาถูกกว่า กับ ขอบพับที่ราคาสูงกว่า ในสมัยที่ผมหนุ่มกว่านี้ แข็งแรงกว่านี้ ผมก็ใช้มันทั้งสองแบบเช่นกัน ขอเพียงสูบลมตามสเปคของมัน ไม่รู้นะ ผมแยกไม่ออกหรอกว่าอะไรพุ่งกว่ากัน แต่มโนนิดๆแล้ว ผมรู้สึกว่าขอบพับมันเบาแรงกว่า เพราะมันเบากว่า กดแล้วมันตอบสนองเท้าดีกว่าขอบลวดหนักๆนะ
แก้ไขล่าสุดโดย lucifer เมื่อ 02 ส.ค. 2017, 19:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
- teemai
- ขาประจำ
- โพสต์: 268
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 08:53
- Tel: 0891720453
- team: กลุ่ม แร้งคอย
- Bike: ฟิกเกียร์
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ใช่เลยครับยางขอบลวด ถ้าเอามีดมาตัดมันตามขวาง รึเผามัน มันก็จะเหลือลวดแค่ตรงขอบที่เกี่ยวกับวงล้อlucifer เขียน:ผมว่า เข้าใจอะไรกันผิดหรือเปล่าครับ
ขอบลวด จริงๆก็คือ เขาเอาเส้นลวดเล็กๆมาไขวัควั่นกันเป็นลวดสลิงขนาดจิ๋ว เพื่อคงรูปของ beat ( ขอบยางด้านในที่เอาไว้เกี่ยวกับขอบล้อ ) เพื่อให้เวลาที่ beat เข้าไปอยู่ในส่วนของ beat seat ของขอบล้อแล้ว มันจะได้คงรูป และไม่ปลิ้นหลุดออกมาเมื่อสูบลมเข้าไป
ส่วนขอบพับนั้น จริงๆมันก็ไม่ใช่ขอบที่ยึดได้เช่นกัน เขาเอาเส้นใยเคฟล่าห์หรือวัสดุที่คล้ายคลีง มาไขว้ควั่นกันเป็นลวดสลิงขนาดจิ่วเช่นกัน เพียงแต่มันไม่ใช่โลหะ มันจึงสามารถพับได้ มันไม่ใช่หนังสะติกจะได้เอามาดึงยืดกันได้นะครับ
สงสัยจะไปเทียบกับยางรถยนต์
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 449
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
- ติดต่อ:
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ผมพูดเรื่องฟังชั่นการส่งกำลัง ก็เพราะขอบลวดมันแข็ง ไม่เปลี่ยนทรงไง มันถึงส่งแรงบิดได้ดี อะไรทำหน้าที่แบบไหน เป็นเรื่องเบสิค ไม่ใช่ประเด็น
อีกอย่างคือ แก้มยาง หน้ายาง ยางถูก ๆ มันคนละวัสดุ คนละอย่างกับยางแพง ของถูกใยหนาแข็ง หน้ายางก็แข็ง มันก็สติฟ
ของถูกมันแพ้เรื่องการเกาะถนน เอาไปใช้ลงเขาก็แหกโค้งตาย การปั่นระดับสูงถึงไม่เอามาใช้ แต่คนธรรมดาเอามาใส่เฉพาะล้อหลัง ยางหน้าใช้แบบที่ดีที่สุดแพงที่สุดเท่าที่ซื้อได้ มันก็เกาะถนนได้พอสมควร ที่สำคัญ ประหยัดดี
พูดง่าย ๆ นะ
1.ยางถูก เน้นทน วัสดุราคาถูก หนาหนัก
2.ยางแพง เน้นการเกาะถนน น้ำหนักเบา
มันไม่มียางชนิดไหนสร้างขึ้นมาเพื่อความสติฟหรอกครับ แต่ผลพลอยได้หรือผลข้างเขียนก็ดังที่ผมเขียนในหัวกระทู้ ทุกอย่างผมวิเคราะห์ตามหลักกลศาสตร์ เป็นสมมุติฐาน
จริงไม่จริงเชื่อไม่เชื่อก็ต้องลองครับ หุๆๆๆ
**************
วันนี้ยางเริ่มรันอินได้ที่ หน้ายางถลอกแล้ว กดติดเท้ามาก ๆ ครับ
อีกอย่างคือ แก้มยาง หน้ายาง ยางถูก ๆ มันคนละวัสดุ คนละอย่างกับยางแพง ของถูกใยหนาแข็ง หน้ายางก็แข็ง มันก็สติฟ
ของถูกมันแพ้เรื่องการเกาะถนน เอาไปใช้ลงเขาก็แหกโค้งตาย การปั่นระดับสูงถึงไม่เอามาใช้ แต่คนธรรมดาเอามาใส่เฉพาะล้อหลัง ยางหน้าใช้แบบที่ดีที่สุดแพงที่สุดเท่าที่ซื้อได้ มันก็เกาะถนนได้พอสมควร ที่สำคัญ ประหยัดดี
พูดง่าย ๆ นะ
1.ยางถูก เน้นทน วัสดุราคาถูก หนาหนัก
2.ยางแพง เน้นการเกาะถนน น้ำหนักเบา
มันไม่มียางชนิดไหนสร้างขึ้นมาเพื่อความสติฟหรอกครับ แต่ผลพลอยได้หรือผลข้างเขียนก็ดังที่ผมเขียนในหัวกระทู้ ทุกอย่างผมวิเคราะห์ตามหลักกลศาสตร์ เป็นสมมุติฐาน
จริงไม่จริงเชื่อไม่เชื่อก็ต้องลองครับ หุๆๆๆ
**************
วันนี้ยางเริ่มรันอินได้ที่ หน้ายางถลอกแล้ว กดติดเท้ามาก ๆ ครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 449
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
- ติดต่อ:
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
ยกตัวอย่างลองจินตนาการ
ลองจิตนาการยางนอกเทียบกับตัววงล้อ
ขอบล้อด้านในเป็นปีกดุม
แก้มยางเป็นซี่ลวด
หน้ายางเป็นวงล้อ
จะเห็นภาพว่าถ้ายางล้อมันย้วย นุ่มนิ่มเป็นผ้าขนหนูห่อยางใน มันจะเสียกำลังได้อย่างไร
เพราะการหมุนของยาง มันเริ่มจากวงขอบล้อหมุน บิดขอบลวดของยาง แล้วขอบลวดก็ไปหมุนแก้มยาง แก้มยางก็หมุนหน้ายางอีกที มันมีการส่งกำลังอยู่นะครับ
ลองจิตนาการยางนอกเทียบกับตัววงล้อ
ขอบล้อด้านในเป็นปีกดุม
แก้มยางเป็นซี่ลวด
หน้ายางเป็นวงล้อ
จะเห็นภาพว่าถ้ายางล้อมันย้วย นุ่มนิ่มเป็นผ้าขนหนูห่อยางใน มันจะเสียกำลังได้อย่างไร
เพราะการหมุนของยาง มันเริ่มจากวงขอบล้อหมุน บิดขอบลวดของยาง แล้วขอบลวดก็ไปหมุนแก้มยาง แก้มยางก็หมุนหน้ายางอีกที มันมีการส่งกำลังอยู่นะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 509
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ม.ค. 2016, 08:28
- Bike: Avenger R8
- ตำแหน่ง: Louiaiana
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
เราไม่ได้เติมลมให้วงล้อนี่ครับGok See เขียน:ยกตัวอย่างลองจินตนาการ
ลองจิตนาการยางนอกเทียบกับตัววงล้อ
ขอบล้อด้านในเป็นปีกดุม
แก้มยางเป็นซี่ลวด
หน้ายางเป็นวงล้อ
จะเห็นภาพว่าถ้ายางล้อมันย้วย นุ่มนิ่มเป็นผ้าขนหนูห่อยางใน มันจะเสียกำลังได้อย่างไร
เพราะการหมุนของยาง มันเริ่มจากวงขอบล้อหมุน บิดขอบลวดของยาง แล้วขอบลวดก็ไปหมุนแก้มยาง แก้มยางก็หมุนหน้ายางอีกที มันมีการส่งกำลังอยู่นะครับ
แต่ไหนๆก็ไหนๆละ ถ้าจะเทียบแบบนั้น มันเหมือนคุณบอกว่า ซี่ล้อหนาๆ กับซี่ล้อบางๆ อันหนาๆสติฟกว่าแน่ๆ โดยไม่พูดถึงว่าขึงลวดตึงเกินพอไปแล้วรึยังน่ะครับ ถ้ามันพอมันก็พอ เสริมซี่ล้อให้หนา 10cm แล้วมาขึ้น 100 kgf เทียบกับ ซี่ 2mm ขึ้นตึงเท่ากัน มันก็ไม่รู้สึกหรอก ตัวแปรหลักมันอยู่ที่แรงตึงมากกว่าขนาดซี่ลวดน่ะสิครับ
ในยาง
แรงดัน(ลม)เนี่ยแหละครับเปลี่ยนทุกอย่าง วัสดุที่เหนียว มันยืดหยุ่นงอได้ตอนพับเล่น ไม่มีแรงดัน แต่พอโดนแรงดันอัดออกมาภายนอกอย่างแรง(มากพอ) มันก็แข็งจนเกินพอแล้วครับ ถ้าคุณแรงเยอะพอจะบิดมันเล่นแบบชัดๆได้(เมื่อเติมลมแรงดันปกติ) คุณคงทำยาง skid บนพื้นแล้วหละ หรือถ้าสมมติไม่ skid เพราะยางและพื้นเหนียวมาก คุณก็ทำขอบยางเลื่อนบนขอบล้อแล้วหละ
ตัวเล็กก็ยอมรับความจริงบ้าง อย่าหลอกตัวเองแล้วใช้อุปกรณ์ไซส์เกินตัวเลย
สูง 169cm, frame size=50, crank length=165mm, bar width=38cm
สูง 169cm, frame size=50, crank length=165mm, bar width=38cm
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 121
- ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 08:50
- ติดต่อ:
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
น่าลองยางเกรดแข่งเส้นละหลายพันดูบ้าง มันอาจจะส่งแรงได้ดีกว่ายางเส้นละ 900 ก็ได้นะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 173
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ธ.ค. 2012, 17:40
- Bike: Merida Scultura 904
- ตำแหน่ง: พระประแดง สมุทรปราการ
Re: เชื่อมั้ยว่ายางเส้นละ 200 ขึ้นเนิน สปริ๊น ดีกว่ายางเส้นละ 900
จะขอบลวด หรือขอบพับ มีปัญหาเรื่องยางเลื่อนจากขอบทั้งคู่ครับ ให้ดีต้องยางฮาร์ฟ
ผมเนี่ยตัวสปรินทร์ติดอันดับประเทศ ไม่รู้เรียกโปร เรียกอาจารย์ได้มั้ย เห็นหลายๆคนตั้งตัวเป็นอาจารย์กัน55
ยางงัดไม่เหมาะกับแข่งขันเลย ช่วงจังหวะอัดหนักๆ ยางมันจะเลือนจากขอบ นานไปจุ้บจะเอียง สุดท้ายจุ้บขาด มันสะดวกสำหรับซ้อม ท่องเที่ยวมากกว่า เพราะปะง่าย
ลมยางก็เติมจนเต็มตามสเป็คยางนะ แถมสมัยนั้นน้ำหนักตัวก็แค่ 70 ก.ก. ยังสปรินทร์จนจุ้บขาดได้ มันเป็นเพราะยางงัดแน่นอน
ผมเนี่ยตัวสปรินทร์ติดอันดับประเทศ ไม่รู้เรียกโปร เรียกอาจารย์ได้มั้ย เห็นหลายๆคนตั้งตัวเป็นอาจารย์กัน55
ยางงัดไม่เหมาะกับแข่งขันเลย ช่วงจังหวะอัดหนักๆ ยางมันจะเลือนจากขอบ นานไปจุ้บจะเอียง สุดท้ายจุ้บขาด มันสะดวกสำหรับซ้อม ท่องเที่ยวมากกว่า เพราะปะง่าย
ลมยางก็เติมจนเต็มตามสเป็คยางนะ แถมสมัยนั้นน้ำหนักตัวก็แค่ 70 ก.ก. ยังสปรินทร์จนจุ้บขาดได้ มันเป็นเพราะยางงัดแน่นอน