เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- สมาชิก
- โพสต์: 5
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.พ. 2016, 23:51
- Bike: Giant
เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
อยากรบกวนสอบถามครับ ก่อนหน้านี้ปั่น Merida Scul 500 ปี17(แต่ซื้อเมื่อสิงหาปีที่แล้ว) เฟรมท็อปอลู กรุ๊ป Ultregra
ทีนี้อยากเปลี่ยนรถไปลองฟิลล์ คาร์บอนดูบ้าง ซึ่งไม่รู้หรอกว่ามันจะปั่นดีขึ้นสนุกขึ้นแค่ไหน จนตัดสินใจจะขยับ ปรากาฏว่าตอนนี้มีจัดโปรโมชั่นลดราคากันเยอะเลย ตอนนี้เลยเหลือ 3 ตัวเลือก คือ
Tarmac Sport ปี 16 เฟรมคาร์บอน+105 ไม่เต็มกรุ๊ป ราคาผมได้ 48,200 บาท
Giant TCR Advance 2 ปี 16 ได้ 105 เต็มกรุ๊ป ราคา 48,000 บาท
Giant Propel ปี16 เฟรมแอโร่ ได้ 105 ราคา 52,000 บาท
ตอนนี้ปวดหัวมากครับ ไม่รู้จะเอายังไงดี ไม่เคยปั่นรถคาร์บอนมาก่อน แล้วก็แถวบ้านผม 80% คือทางเขา ขึ้นเนินตั้งแต่เนินเล็กๆถึงเขาชันๆ ใครมีข้อชี้แนะ หรือ แนะนำอะไรขอรบกวนหน่อยนะครับ
ทีนี้อยากเปลี่ยนรถไปลองฟิลล์ คาร์บอนดูบ้าง ซึ่งไม่รู้หรอกว่ามันจะปั่นดีขึ้นสนุกขึ้นแค่ไหน จนตัดสินใจจะขยับ ปรากาฏว่าตอนนี้มีจัดโปรโมชั่นลดราคากันเยอะเลย ตอนนี้เลยเหลือ 3 ตัวเลือก คือ
Tarmac Sport ปี 16 เฟรมคาร์บอน+105 ไม่เต็มกรุ๊ป ราคาผมได้ 48,200 บาท
Giant TCR Advance 2 ปี 16 ได้ 105 เต็มกรุ๊ป ราคา 48,000 บาท
Giant Propel ปี16 เฟรมแอโร่ ได้ 105 ราคา 52,000 บาท
ตอนนี้ปวดหัวมากครับ ไม่รู้จะเอายังไงดี ไม่เคยปั่นรถคาร์บอนมาก่อน แล้วก็แถวบ้านผม 80% คือทางเขา ขึ้นเนินตั้งแต่เนินเล็กๆถึงเขาชันๆ ใครมีข้อชี้แนะ หรือ แนะนำอะไรขอรบกวนหน่อยนะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 933
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 มิ.ย. 2013, 11:21
- Tel: 0875576081
- Bike: orbea oiz , cannondale super six , Giant TCR advanced , Giant TCR Composite , swift RS-1 , swift Ti Drapac , Sarto Lampo
- ติดต่อ:
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
ถ้าทางที่บ้านเป็นแบบที่บอก Giant TCR Advance 2 ปี 16 ได้ 105 เต็มกรุ๊ป ราคา 48,000 บาท โลดครับ...ช่วงนี้เป็นช่วงที่คนอยากเปลี่ยนรถ มีตัวเลือกเยอะ ราคาน่าสนใจ อันดับต้นๆนี่ก็ไจแอ๊นท์หล่ะครับ หั่นราคากันชนิดไม่เกรงใจคนซื้อไปใช้ก่อนหน้า ...
เลือกไซ้ส์ให้ถูก ฟิตติ้งดีๆ ตัวเลือกนี้ขี่สนุกสุดล่ะครับ ...
เลือกไซ้ส์ให้ถูก ฟิตติ้งดีๆ ตัวเลือกนี้ขี่สนุกสุดล่ะครับ ...
- iBas
- สมาชิก
- โพสต์: 74
- ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2014, 11:42
- Bike: SWORKS Venge
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
Tarmac sport ครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 117
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2011, 13:18
- Bike: Ridley Fenix c , Scott Scale
- ติดต่อ:
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
TCR advanceครับ
เข้าใจว่าคุณคงจะโดนเป่าหูมาบ้างว่าคาบอนไม่ทน บอกเลยให้ลืมเรื่องพวกนั้นไปซะ
เพื่อนผมบางคนยังปั่น คาบอนรุ่นปี 1999 อยู่เลย ปั่นแล้วจะเข้าใจว่าทำไมคนถึงไปคาบอนกันหมด
เข้าใจว่าคุณคงจะโดนเป่าหูมาบ้างว่าคาบอนไม่ทน บอกเลยให้ลืมเรื่องพวกนั้นไปซะ
เพื่อนผมบางคนยังปั่น คาบอนรุ่นปี 1999 อยู่เลย ปั่นแล้วจะเข้าใจว่าทำไมคนถึงไปคาบอนกันหมด
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 20:27
- Tel: 0817727558
- team: siambara
- Bike: specialized
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
ตอนนี้สงครามถล่มราคาเล่นกันแรงจริงๆครับ ผู้บริโภคตอนนี้ก็ได้ประโยชน์ไป แต่ก็สงสารคนก่อนหน้าที่ซื้อไปจริงๆ ตามความคิดผม Tamac กับTcr น่าเล่นทั้งคู่เลยครับ แต่ถ้าเอาชื่อชั้น กับเผื่อขายต่อ Specialized น่าจะดีกว่าครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 284
- ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2014, 23:31
- team: เสือชากังราว
- Bike: Ridley finix c
- ติดต่อ:
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
ไจแอน ตอนนี้ลดราคาโหดสุดแล้วครับ แถวบ้านผมนี่ PROPEL เป็นสิบคัน
- trek3900/2009
- ขาประจำ
- โพสต์: 1958
- ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 02:31
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
สนับสนุน TCR อีกเสียงเหมาะกะเส้นทางที่บอกครับ
รับบริการฟิตติ้งจักรยานที่บ้านลูกค้า ราคามิตรภาพ เยี่ยมเพจได้เลยครับhttps://www.facebook.com/RasitFitter/
https://www.facebook.com/pages/Lapierre-bike-Thailand/1543570505857513
https://www.facebook.com/groups/763837143758055/
https://www.facebook.com/pages/Lapierre-bike-Thailand/1543570505857513
https://www.facebook.com/groups/763837143758055/
-
- สมาชิก
- โพสต์: 5
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.พ. 2016, 23:51
- Bike: Giant
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
วันนี้จะไปลองปั่น TCR ดูครับ ตอนนี้อยู่โค้งสุดท้ายในการตัดสินใจแล้วครับ
- kkk95
- ขาประจำ
- โพสต์: 176
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2013, 20:03
- Tel: 0891699646
- team: -
- Bike: trek 3.1 / bianchi jab 27.5
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
Tarmac แล้วจะไม่เสียใจ เอาเฟรมเป็นหลักคับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 177
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2015, 13:08
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
Tarmac หรือ TCR คับ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 82
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ย. 2016, 21:14
- Bike: Giant Propel isp
- ติดต่อ:
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
ซื้อเฟรม giant propel sl ปี 2015 มาเพราะโปรเหมือนกันครับ ประกัน 5 ปี และขี่ดีมาก แต่เส้นทางแบบท่านคงไม่เหมาะ งั้นคงเหลือ 2 ตัวนี้ งั้นเชียร์ tcr ครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 147
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2013, 17:45
- Bike: Trek
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
ทางเขาแนะนำtrek emondaค่ะ. ดีมากสำหรับเนิน
-
- สมาชิก
- โพสต์: 74
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.พ. 2015, 17:25
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
ไม่รู้ยังทันไหม ถ้ามีรถคันเก่าอยู่แล้ว แนะนำว่าให้หา Frame set ดีกว่าครับ
งบประมาณนี้ ครอบคุมหลายตัว แถมบางตัวยังจัดโปรโมชั่นอีกด้วย
งบประมาณนี้ ครอบคุมหลายตัว แถมบางตัวยังจัดโปรโมชั่นอีกด้วย
- Itthipol Nuangkhachon
- สมาชิก
- โพสต์: 3
- ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2017, 01:01
- Tel: 0869359350
- team: Rollya Phitsanulok
- Bike: DE ROSA
- ติดต่อ:
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
Tarmac อีกเสียงครับผมว่า ok นะ
- TheRocky
- ขาประจำ
- โพสต์: 101
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 20:06
- Bike: Cervelo
- ตำแหน่ง: กรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
Re: เอาไงดีครับ คาร์บอนปีเก่ากับโปรลดราคา
รถจักรยานสำหรับหลายๆ คน คงแยกกันที่สวยหรือไม่สวยก่อนจะลงลึกไปที่รายละเอียดปลีกย่อย แต่สำหรับผม เชื่อที่สุดว่า ซื้อรถที่ออกแบบมาเพื่อการปั่นบนเส้นทางที่เราพบเจอจะดีที่สุดครับ เพราะไม่มีรถอะไรที่ดีและเพอร์เฟ็คในทุกสภาพถนน ผมขอยกบทความจาก Ducking Tiger ให้อ่านดูเพื่อเป็นแนวทางนะครับ เพราะฉะนั้นจากคำถามที่คุณถามมา ผมคงมิกล้าชี้เป้าให้ แต่หลังจากอ่านบทความชิ้นนี้ ผมเชื่อว่าคุณก็คงพบคำตอบที่แน่ชัด แต่จะถูกใจคุณหรือเปล่านั้นอีกประเด็น และขอให้ได้รถถูกใจครับ
Ducking Tiger
5 มิถุนายน
ทำไมเสือหมอบแอโร กับเสือหมอบ all round ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน?
รถแอโรดีๆ มันจะให้ฟีลไหลๆ ในทางราบ คือมีฟีลแบบ forward momentum การส่งถ่ายแรงมันเหมือนมันจะอยากวิ่งไปข้างหน้าตลอด แต่กลับกัน รถ all round ที่เน้นน้ำหนักเบาและการตอบสนองแรงแบบทันท่วงทีไม่มีฟีลนี้เวลาขี่ทางราบ
แต่พอขึ้นเขา ขึ้นเนิน พวกรถ all round มันจะให้ความรู้สึก "แล่น" ไม่หน่วงขา ไม่มีอาการรอรอบรอจังหวะ กดมาแล้วไปเลย ไม่เหมือนรถแอโรเท่าไร
คำถามนี้มันคาใจผมมากครับ ตอนแรกก็มองเผินๆ ว่าทรงท่อมันไม่เหมือนกัน ความสติฟไม่เท่ากันหรือเปล่า ก็เลยลองตัดออกทีละปัจจัยดู เริ่มจากความสติฟห้องกระโหลก ไปไล่เช็คผลแล็บของหลายๆ magazine ที่เขาวัดการให้ตัวบริเวณห้องกระโหลก (BB Deflection) ซึ่งส่วนใหญ่ใช้วัดมาตรฐานความสติฟของจักรยาน ก็พบว่า รถแอโรและรถไต่เขาที่ผมคุ้นเคยมากสองคัน มีค่าความสติฟเท่าๆ กันเลยที่ประมาณ 64-65 นิวตันต่อมิลลิเมตร นั่นคือ Canyon Aeroad CF SLX และ Canyon Ultimate CF SLX ถึงจะลองจับสเป็คให้ใกล้เคียงกัน ล้อเดียวกัน ยางเดียวกัน คาแรคเตอร์การส่งแรงมันก็ยังต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
เวลาขี่ทางราบแล้วเพื่อนยกสปรินต์ กดกระแทกกระชากหนีกัน ตอนขี่ Aeroad ผมนี่นั่ง "ไถ" แปปๆ ความเร็วขึ้น 50 กว่าแล้วไปต่อได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเป็น Ultimate ความเร็วในการไถมันจะขึ้นไม่ไวแบบนี้ ครั้นจะยกสปรินต์บ้างก็แรงมาดีในช่วงสองสามรอบขาแรก จากนั้นก็คงความเร็วไม่ติดเท่าไร
เมื่อตัดความสติฟออกไปก็เหลือปัจจัยอย่าง การเรียงชั้นคาร์บอน geometry รถ, รูปทรงท่อ แต่ผมก็อยากจะเข้าใจในเชิง material ว่าทำไมมันถึงให้ฟีลลิงต่างกัน มันไม่ใช่ว่า รถแอโรย้วยกว่ารถไต่เขาหรืออะไรแบบนั้นแน่นอนละ
ฟีลลิงนี้ใช้ได้กับจักรยานแอโร/ไต่เขาของแต่ละแบรนด์ มันจะออกมาเหมือนๆ กันแทบทุกคู่ สองสัปดาห์ก่อนผมได้โอกาสถามวิศวกรของ Cervelo โดยตรงนั่นคือคุณ Graham Shrive ผมก็อธิบายความรู้สึกนี้ให้เขาฟัง เพราะกับตระกูล R/S Series ของ Cervelo ก็ให้ฟีลนี้เหมือนกัน นี่คือคำตอบครับ
"Hi Thienthai, there was of course differences in layup and tube shape both on this frame. It's important to remember both terms are equally powerful when it comes to affecting the ride of the bike, with the guiding formula typically PL/EI, or weight*length divided by modulus (determined by material) and the 2nd moment of inertia which is determined by the shape of the tube. When aero drops down the list of project priorities on something like an R frame it allows us to manipulate the shape in the purest possible way for structure, then careful work with the material is the icing on the cake.
The geometry and other factors don't make quite as big of a difference to these factors, as functionally what you are feeling is the weight of the frame vs it's stiffness, with the wall thickness playing a role as well."
แปลได้ประมาณว่า
- ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ฟีลลิงต่างกันก็คือ รูปทรงท่อ, น้ำหนักรถ, การเรียงชั้นคาร์บอน, และความหนาของท่อแต่ละส่วน
- ความรู้สึก หนักขา เบาขา ที่เราจับได้นั่นก็คือฟังก์ชันของความสติฟต่อน้ำหนักของรถ (Stiffness to weight) ซึ่งตรงนี้ความหนาของท่อก็มีผลต่อฟีลลิ่งเช่นกัน (เสือหมอบ all round มักมีท่อบางกว่าหมอบแอโร ผมเดาว่านี่คือสิ่งที่ทำให้มันได้ฟีล "เบาขา")
- ในรถ all round เช่นตระกูล R-Series ที่ไม่ได้คำนึงเรื่องแอโรไดนามิกมากนัก วิศวกรก็สามารถออกแบบรถให้มันตอบโจทย์การใช้งานได้เหมาะกับเป้าหมายกว่า (รถ all round ใช้แข่งขัน stage races/ grand tour etc ที่แพ้ชนะกันด้วยการขึ้นเขา รถต้องมีความคล่องตัวสูง ตอบสนองแรงต่อถนนชันได้ดี ให้ฟีลเบา พุ่ง ให้ความสบายแก่ผู้ปั่นได้ดี ไม่ใช้อะไหล่ integrated etc etc ในขณะที่รถแอโรสนมุ่งเป้าแค่การทำความเร็วต่อเนื่องหรือออกแรงสปรินต์โดยใช้แรงผู้ปั่นน้อยที่สุด )
ซึ่งก็พอจะอนุมานได้ว่า รถที่ออกแบบมาเฉพาะทางย่อมทำงานในสภาพเส้นทางที่มันถูกออกแบบมาได้ดีกว่า และค่าความสติฟนั้นสำคัญแต่ไม่ได้มีผลต่อลักษณะการส่งถ่ายแรงมากเท่าปัจจัยอย่างรูปทรงท่อและการเรียงชั้นวัสดุ ทั้งสองอย่างนี้มีผลต่อฟีลลิงการปั่นชัดเจน
ทั้งนี้ก็ใช่ว่าต้องไปหาซื้อรถเฉพาะทางนะครับ จริงๆ มีอะไรก็ขี่ได้ โพสต์นี้เกิดจากความสงสัยในคาแรคเตอร์ของรถ ซึ่งผมอยากได้คำอธิบายมากกว่าแค่ความรู้สึกของตัวเอง
Ducking Tiger
5 มิถุนายน
ทำไมเสือหมอบแอโร กับเสือหมอบ all round ให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน?
รถแอโรดีๆ มันจะให้ฟีลไหลๆ ในทางราบ คือมีฟีลแบบ forward momentum การส่งถ่ายแรงมันเหมือนมันจะอยากวิ่งไปข้างหน้าตลอด แต่กลับกัน รถ all round ที่เน้นน้ำหนักเบาและการตอบสนองแรงแบบทันท่วงทีไม่มีฟีลนี้เวลาขี่ทางราบ
แต่พอขึ้นเขา ขึ้นเนิน พวกรถ all round มันจะให้ความรู้สึก "แล่น" ไม่หน่วงขา ไม่มีอาการรอรอบรอจังหวะ กดมาแล้วไปเลย ไม่เหมือนรถแอโรเท่าไร
คำถามนี้มันคาใจผมมากครับ ตอนแรกก็มองเผินๆ ว่าทรงท่อมันไม่เหมือนกัน ความสติฟไม่เท่ากันหรือเปล่า ก็เลยลองตัดออกทีละปัจจัยดู เริ่มจากความสติฟห้องกระโหลก ไปไล่เช็คผลแล็บของหลายๆ magazine ที่เขาวัดการให้ตัวบริเวณห้องกระโหลก (BB Deflection) ซึ่งส่วนใหญ่ใช้วัดมาตรฐานความสติฟของจักรยาน ก็พบว่า รถแอโรและรถไต่เขาที่ผมคุ้นเคยมากสองคัน มีค่าความสติฟเท่าๆ กันเลยที่ประมาณ 64-65 นิวตันต่อมิลลิเมตร นั่นคือ Canyon Aeroad CF SLX และ Canyon Ultimate CF SLX ถึงจะลองจับสเป็คให้ใกล้เคียงกัน ล้อเดียวกัน ยางเดียวกัน คาแรคเตอร์การส่งแรงมันก็ยังต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
เวลาขี่ทางราบแล้วเพื่อนยกสปรินต์ กดกระแทกกระชากหนีกัน ตอนขี่ Aeroad ผมนี่นั่ง "ไถ" แปปๆ ความเร็วขึ้น 50 กว่าแล้วไปต่อได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเป็น Ultimate ความเร็วในการไถมันจะขึ้นไม่ไวแบบนี้ ครั้นจะยกสปรินต์บ้างก็แรงมาดีในช่วงสองสามรอบขาแรก จากนั้นก็คงความเร็วไม่ติดเท่าไร
เมื่อตัดความสติฟออกไปก็เหลือปัจจัยอย่าง การเรียงชั้นคาร์บอน geometry รถ, รูปทรงท่อ แต่ผมก็อยากจะเข้าใจในเชิง material ว่าทำไมมันถึงให้ฟีลลิงต่างกัน มันไม่ใช่ว่า รถแอโรย้วยกว่ารถไต่เขาหรืออะไรแบบนั้นแน่นอนละ
ฟีลลิงนี้ใช้ได้กับจักรยานแอโร/ไต่เขาของแต่ละแบรนด์ มันจะออกมาเหมือนๆ กันแทบทุกคู่ สองสัปดาห์ก่อนผมได้โอกาสถามวิศวกรของ Cervelo โดยตรงนั่นคือคุณ Graham Shrive ผมก็อธิบายความรู้สึกนี้ให้เขาฟัง เพราะกับตระกูล R/S Series ของ Cervelo ก็ให้ฟีลนี้เหมือนกัน นี่คือคำตอบครับ
"Hi Thienthai, there was of course differences in layup and tube shape both on this frame. It's important to remember both terms are equally powerful when it comes to affecting the ride of the bike, with the guiding formula typically PL/EI, or weight*length divided by modulus (determined by material) and the 2nd moment of inertia which is determined by the shape of the tube. When aero drops down the list of project priorities on something like an R frame it allows us to manipulate the shape in the purest possible way for structure, then careful work with the material is the icing on the cake.
The geometry and other factors don't make quite as big of a difference to these factors, as functionally what you are feeling is the weight of the frame vs it's stiffness, with the wall thickness playing a role as well."
แปลได้ประมาณว่า
- ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ฟีลลิงต่างกันก็คือ รูปทรงท่อ, น้ำหนักรถ, การเรียงชั้นคาร์บอน, และความหนาของท่อแต่ละส่วน
- ความรู้สึก หนักขา เบาขา ที่เราจับได้นั่นก็คือฟังก์ชันของความสติฟต่อน้ำหนักของรถ (Stiffness to weight) ซึ่งตรงนี้ความหนาของท่อก็มีผลต่อฟีลลิ่งเช่นกัน (เสือหมอบ all round มักมีท่อบางกว่าหมอบแอโร ผมเดาว่านี่คือสิ่งที่ทำให้มันได้ฟีล "เบาขา")
- ในรถ all round เช่นตระกูล R-Series ที่ไม่ได้คำนึงเรื่องแอโรไดนามิกมากนัก วิศวกรก็สามารถออกแบบรถให้มันตอบโจทย์การใช้งานได้เหมาะกับเป้าหมายกว่า (รถ all round ใช้แข่งขัน stage races/ grand tour etc ที่แพ้ชนะกันด้วยการขึ้นเขา รถต้องมีความคล่องตัวสูง ตอบสนองแรงต่อถนนชันได้ดี ให้ฟีลเบา พุ่ง ให้ความสบายแก่ผู้ปั่นได้ดี ไม่ใช้อะไหล่ integrated etc etc ในขณะที่รถแอโรสนมุ่งเป้าแค่การทำความเร็วต่อเนื่องหรือออกแรงสปรินต์โดยใช้แรงผู้ปั่นน้อยที่สุด )
ซึ่งก็พอจะอนุมานได้ว่า รถที่ออกแบบมาเฉพาะทางย่อมทำงานในสภาพเส้นทางที่มันถูกออกแบบมาได้ดีกว่า และค่าความสติฟนั้นสำคัญแต่ไม่ได้มีผลต่อลักษณะการส่งถ่ายแรงมากเท่าปัจจัยอย่างรูปทรงท่อและการเรียงชั้นวัสดุ ทั้งสองอย่างนี้มีผลต่อฟีลลิงการปั่นชัดเจน
ทั้งนี้ก็ใช่ว่าต้องไปหาซื้อรถเฉพาะทางนะครับ จริงๆ มีอะไรก็ขี่ได้ โพสต์นี้เกิดจากความสงสัยในคาแรคเตอร์ของรถ ซึ่งผมอยากได้คำอธิบายมากกว่าแค่ความรู้สึกของตัวเอง