ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 173
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ธ.ค. 2012, 17:40
- Bike: Merida Scultura 904
- ตำแหน่ง: พระประแดง สมุทรปราการ
ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
เท่าที่ลองไล่ดูแคตตาล็อคเก่าๆ เลยเดาๆว่า
ยุคที่ยังใช้เฟือง Freewheel แรกๆทำเฟืองเล็กสุดได้ที่ 14 ฟัน มักจะใช้ใบจาน 56 ฟัน
พอช่วงก่อนที่จะมีเฟือง Cassette เฟือง Freewheel สามารถทำเฟืองเล็กสุดที่ 13 ฟัน ก็เริ่มมาใช้ใบจาน 53 ฟัน
พอเฟือง Cassette ทำเฟืองเล็กสุดได้ที่ 12 ฟัน ตอนนี้ใบจานเริ่มลดลงมาที่ 52 ฟันละ
ปัจจุบันเฟืองเล็กสุดอยู่ที่ 11 ฟัน ก็เลยมองว่าจานคอมแพค 50 มันก็ดูเหมาะกันดี แถมเส้นผ่าศูนย์กลางจานมีขนาดเล็กลง น่าจะลดเรื่องการบิดตัวของใบจานลงด้วย
ถามว่าจาน 50 เฟือง 11 มันพอมั้ย ก็ถือว่าพอนะ
เพราะตอนใช้จาน 53 เฟือง 12 ปั่นกลุ่มก็ยังไม่เคยได้ใช้ท้อปเกียร์สักที น้อยมากที่กลุ่มจะแช่ที่ 60 กม/ชม ยาวๆเป็นชั่วโมงๆ
แม้กระทั่งตอนปรินทร์ความเร็วประมาณ 50-60 กม/ชม ก็ใช้อยู่ที่แค่ 50-15 (รอบขา Max 140)
หรือเพราะว่า บางทีจาน 53 อาจจะยังจำเป็นสำหรับนักปั่นที่รอบขาไม่ได้จัดมาก (จุดนี้ก็เป็นปัญหาสำหรับสายแทรค ที่ออกมาปั่นถนนพอสมควร เพราะการที่รอบขาสูงกว่าชาวบ้าน มันก็เหนื่อยมากกว่า)
ส่วนตัวเมื่อก่อนใช้จาน 53/42 พอมาใช้ 50/34 ก็ยอมรับว่ามันไม่เข้ากับรอบขาอยู่ มันขัดๆบอกไม่ถูก ใช้มาพักใหญ่ๆ ก็ยังปรับตัวไม่ได้
ข้อดีที่เห็นก็ตรงได้ใช้จานใหญ่บ่อยกว่าเดิม ไม่งั้นถ้าใช้จาน 53/42 จานมันจะสึกแค่ใบ 42 ส่วนใบ 53 ปั่นเดี่ยวแทบไม่ได้ใช้
ยุคที่ยังใช้เฟือง Freewheel แรกๆทำเฟืองเล็กสุดได้ที่ 14 ฟัน มักจะใช้ใบจาน 56 ฟัน
พอช่วงก่อนที่จะมีเฟือง Cassette เฟือง Freewheel สามารถทำเฟืองเล็กสุดที่ 13 ฟัน ก็เริ่มมาใช้ใบจาน 53 ฟัน
พอเฟือง Cassette ทำเฟืองเล็กสุดได้ที่ 12 ฟัน ตอนนี้ใบจานเริ่มลดลงมาที่ 52 ฟันละ
ปัจจุบันเฟืองเล็กสุดอยู่ที่ 11 ฟัน ก็เลยมองว่าจานคอมแพค 50 มันก็ดูเหมาะกันดี แถมเส้นผ่าศูนย์กลางจานมีขนาดเล็กลง น่าจะลดเรื่องการบิดตัวของใบจานลงด้วย
ถามว่าจาน 50 เฟือง 11 มันพอมั้ย ก็ถือว่าพอนะ
เพราะตอนใช้จาน 53 เฟือง 12 ปั่นกลุ่มก็ยังไม่เคยได้ใช้ท้อปเกียร์สักที น้อยมากที่กลุ่มจะแช่ที่ 60 กม/ชม ยาวๆเป็นชั่วโมงๆ
แม้กระทั่งตอนปรินทร์ความเร็วประมาณ 50-60 กม/ชม ก็ใช้อยู่ที่แค่ 50-15 (รอบขา Max 140)
หรือเพราะว่า บางทีจาน 53 อาจจะยังจำเป็นสำหรับนักปั่นที่รอบขาไม่ได้จัดมาก (จุดนี้ก็เป็นปัญหาสำหรับสายแทรค ที่ออกมาปั่นถนนพอสมควร เพราะการที่รอบขาสูงกว่าชาวบ้าน มันก็เหนื่อยมากกว่า)
ส่วนตัวเมื่อก่อนใช้จาน 53/42 พอมาใช้ 50/34 ก็ยอมรับว่ามันไม่เข้ากับรอบขาอยู่ มันขัดๆบอกไม่ถูก ใช้มาพักใหญ่ๆ ก็ยังปรับตัวไม่ได้
ข้อดีที่เห็นก็ตรงได้ใช้จานใหญ่บ่อยกว่าเดิม ไม่งั้นถ้าใช้จาน 53/42 จานมันจะสึกแค่ใบ 42 ส่วนใบ 53 ปั่นเดี่ยวแทบไม่ได้ใช้
- ray
- ขาประจำ
- โพสต์: 346
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 10:02
- team: bikeloves
- Bike: ฺ็BH กะโหลกกะลา
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ยังใช้ 53/39อยู่ มีอะไรก็ใช้ไปครับรอมันพัง แต่ชอบมากกว่าคอมแพค
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
แหะ แหะ เคยลงเขาใหญ่ช่วงแอ่งกระทะ 50-11 นี่ ควงจนหมดปัญญาแล้ว ยังอยากได้ 53-11 เหมือนกัน
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 654
- ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2014, 17:10
- Bike: cBoardman elite air 9.2s
- ติดต่อ:
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ผมเข้าใจว่าจานมาตรฐานคือ 53 39 และขนาดคอมแพคคือ 50 34 ไม่เคยรู้มาก่อนว่า จาน 53 ให้ใช้คู่กับเฟือง 13 และเขาทำใบจาน 50 มาเพื่อใช้คู่กับเฟือง 11
- น้องหนึ่ง
- ขาประจำ
- โพสต์: 10797
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 04:07
- Tel: 0891441866
- ตำแหน่ง: http://www.thaimtb.com/forum/viewforum.php?f=528
- ติดต่อ:
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
คำตอบมาจากรอบขานี่ล่ะครับ รอบขาที่เหมาะสมของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับขาทัวร์ริ่งขี่ทั้งวัน จะให้ปั่นร้อยรอบต่อนาทีตลอดเวลาคงไม่ไหว เค้าก็ใช้รอบขาหกเจ็ดสิบรอบ ปั่นเรื่อยๆ วันนึงร้อยกว่าโลสบายๆ
ร้านจักรยานฝีมือดี มาดึกๆได้
www.thaimtb.com/forum/viewforum.php?f=528
www.facebook.com/HomeMadeBicycle
www.thaimtb.com/forum/viewforum.php?f=528
www.facebook.com/HomeMadeBicycle
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1457
- ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2011, 08:36
- Tel: 0814239028
- team: ลูกยังเล็ก เวลาไม่แน่นอน เลยแปะๆดูดๆชาวโลกเขาไปเรื่อยๆ ไม่มั่ว แต่ ทั่วถึง.555
- Bike: หมอบ/TT คันหญายๆๆๆๆ + มินิ คันเล็กๆๆๆๆๆ
- ติดต่อ:
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
อีกส่วนนึงก็การกระโดดของค่า GI ครับ
53-39 ซ้ายตบขึ้นจาก 39 ไป 53 ขวา ตบลง 2 ใบ รอบขา ต่อเนื่อง ไม่กระโดด...
50-34 ซ้ายตบขึ้นจาก 34 ไป 50 ขวา ตบลง 3 ใบ รอบขา ต่อเนื่อง ไม่กระโดด...Shifter สมัยนี้ โหนได้สามเกียร สบายๆ
ส่วนตัว ตอนนี้ 55-40 ครับ.....
ซอยไม่ไหว ใจไม่ถึง....เอิ้กๆๆๆ
53-39 ซ้ายตบขึ้นจาก 39 ไป 53 ขวา ตบลง 2 ใบ รอบขา ต่อเนื่อง ไม่กระโดด...
50-34 ซ้ายตบขึ้นจาก 34 ไป 50 ขวา ตบลง 3 ใบ รอบขา ต่อเนื่อง ไม่กระโดด...Shifter สมัยนี้ โหนได้สามเกียร สบายๆ
ส่วนตัว ตอนนี้ 55-40 ครับ.....
ซอยไม่ไหว ใจไม่ถึง....เอิ้กๆๆๆ
จักกะยาระนัง ปะระมัง สุขขัง.
จานไข่ Dr.Egg http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=515279
Dr.EGG Facebook : http://www.facebook.com/DrEGG.DrivEmotion
ผม Dr.Egg ครับ อยู่บางแสน ติดต่อได้เวลาราชการ
หลังเวลาราชการ ขอเวลาเลี้ยงลูกนะครับ...
พี่น้องงงงง......
จานไข่ Dr.Egg http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 0&t=515279
Dr.EGG Facebook : http://www.facebook.com/DrEGG.DrivEmotion
ผม Dr.Egg ครับ อยู่บางแสน ติดต่อได้เวลาราชการ
หลังเวลาราชการ ขอเวลาเลี้ยงลูกนะครับ...
พี่น้องงงงง......
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 173
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ธ.ค. 2012, 17:40
- Bike: Merida Scultura 904
- ตำแหน่ง: พระประแดง สมุทรปราการ
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ไม่เชิงเท่าไรครับ มันทำมาเหลื่อมๆยุคกัน แต่การใช้ใบจานใหญ่เว่อร์ยุค Freewheel เป็นเพราะทำเฟืองได้เล็กสุดที่ 14 ฟัน ไม่งั้นซอยเป็นลิงเลย พอมีเฟือง 12 11 ก็ไม่จำเป็นละ ล่าสุดสแรมมี 10 มาแล้วPaxxa เขียน:ผมเข้าใจว่าจานมาตรฐานคือ 53 39 และขนาดคอมแพคคือ 50 34 ไม่เคยรู้มาก่อนว่า จาน 53 ให้ใช้คู่กับเฟือง 13 และเขาทำใบจาน 50 มาเพื่อใช้คู่กับเฟือง 11
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
จะเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟัง ครับ เดิมทีในยุค 9sp จานหน้ามีแค่ขนาด 53/39 เฟืองหลังเล็กสุดคือ 12T
พอขึ้นยุค 10sp จึงเกิดอารยธรรม จานหน้า compact 50/34 แล้วเรียกของเดิมว่า standard เฟืองหลังเล็กสุด 11T 50-11 กลับให้อัตราทดมากกว่า 53-12 ซะอีกดิ
ต่อมาจึงเกิดจานหน้า 52/36 สำหรับคนชอบกั๊กครับ
พอขึ้นยุค 10sp จึงเกิดอารยธรรม จานหน้า compact 50/34 แล้วเรียกของเดิมว่า standard เฟืองหลังเล็กสุด 11T 50-11 กลับให้อัตราทดมากกว่า 53-12 ซะอีกดิ
ต่อมาจึงเกิดจานหน้า 52/36 สำหรับคนชอบกั๊กครับ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 344
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ส.ค. 2013, 20:00
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ดูโปรทัวร์ดิ แข่ง TT เค้าใช้ใบใหญ่ เท่าไหร่กัน
- cocommnn
- ขาประจำ
- โพสต์: 528
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2014, 23:55
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
รอบขานี้ไม่น่าใช่สปรินแล้วมั้งครับRoBBen เขียน:แม้กระทั่งตอนปรินทร์ความเร็วประมาณ 50-60 กม/ชม ก็ใช้อยู่ที่แค่ 50-15 (รอบขา Max 140)
มันไม่มีน้ำหนักพอให้รถเพิ่มความเร็วครับ
ปั่นกลุ่มรอบขาขนาดนี้แปลว่าขาคุณหมดแรงแล้ว ได้แค่เลี้ยงประคอง จะเพิ่มเกียร์หนักก็กดไม่ลง
จะเบาขาลงก็ความเร็วตก ก็อาศัยรอบขาเยอะๆให้ไปหนักหัวใจเพื่อให้ไปต่อได้อีกสักเฮือกกนึง
- Garminbikerun
- สมาชิก
- โพสต์: 59
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 13:10
- Tel: 0808171670
- team: Garminbikerun
- Bike: Propel advance Pro
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ผมมาใช้จานกั๊ก ครับอาหมอ ทางราบไล่ตามคนอื่นพอไหวหัวใจไม่กระโดดเพราะรอบขา ยังเหลือหัวใจไว้ยื้อชีวิต แต่ 36 / 28 ก่พอไหว ถ้าจะชึ้นสูงชันต้องฟิตเท่านั้น ปล. ผมเปลี่ยนจาก 50/34 มา 52/36 ชีวิตดีขึ้นเยอะ ยกเว้นเขาสูงชัน เป็นภาระพอสมควรlucifer เขียน:จะเล่าเรื่องเก่าๆให้ฟัง ครับ เดิมทีในยุค 9sp จานหน้ามีแค่ขนาด 53/39 เฟืองหลังเล็กสุดคือ 12T
พอขึ้นยุค 10sp จึงเกิดอารยธรรม จานหน้า compact 50/34 แล้วเรียกของเดิมว่า standard เฟืองหลังเล็กสุด 11T 50-11 กลับให้อัตราทดมากกว่า 53-12 ซะอีกดิ
ต่อมาจึงเกิดจานหน้า 52/36 สำหรับคนชอบกั๊กครับ
จำหน่าย // สายสำรอง HR // Barflay Powerbank //อะไหร่อุปกร ตกแต่ง อุปกรณ์ซ่อมบำรุงจักยาน //Pre Oder สินค้าจากต่างประเทศ///สินค้าภายในร้านรับสิทธ ประกัน ทุกประเภท
https://www.facebook.com/nattapongbike/
https://www.facebook.com/nattapongbike/
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 173
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ธ.ค. 2012, 17:40
- Bike: Merida Scultura 904
- ตำแหน่ง: พระประแดง สมุทรปราการ
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ครับ Sprint ก็แบบที่ผมพิมพ์มานะแหล่ะครับ อ่านดีๆนะครับ สปรินทร์กับ ยืนปั่นในกลุ่ม คลละอย่างกันcocommnn เขียน:รอบขานี้ไม่น่าใช่สปรินแล้วมั้งครับRoBBen เขียน:แม้กระทั่งตอนปรินทร์ความเร็วประมาณ 50-60 กม/ชม ก็ใช้อยู่ที่แค่ 50-15 (รอบขา Max 140)
มันไม่มีน้ำหนักพอให้รถเพิ่มความเร็วครับ
ปั่นกลุ่มรอบขาขนาดนี้แปลว่าขาคุณหมดแรงแล้ว ได้แค่เลี้ยงประคอง จะเพิ่มเกียร์หนักก็กดไม่ลง
จะเบาขาลงก็ความเร็วตก ก็อาศัยรอบขาเยอะๆให้ไปหนักหัวใจเพื่อให้ไปต่อได้อีกสักเฮือกกนึง
ระยะสปรินทร์มันจะแค่ 100-200 เมตรเอง ใช้เวลาแค่สิบกว่าวินาที ระยะแค่นั้น ถึงจุดนึงความเร็วมันก็ตัน รอบก็หมด กรดแลคติคขึ้น
เวลาสิบกว่าวิ สับเกียร์ไม่ทันหรอกครับ ต้องสับลงตั้งแต่ตอนลุกจากเบาะ แฮนด์ก็สบัดเต็มข้อ กำซะแน่นจะกดชิพเพิ่มเกียร์ยังไง
ส่วนความเร็วปลายขึ้นอยู่กับความเร็วตั้งต้น
ที่ยกตัวอย่างมา 60 นั่นคือความเร็วตั้งต้นที่ 0 จะเอา 70 กว่าก็เป็นไปได้ถ้ามีทีมตั้งความเร็วให้
ผมว่าคุณน่าจะไม่ได้แยกระหว่าง
ยืนโยก กับ สปรินทร์ ออกจากกัน
สองกรณีนี้ ยืนปั่น เหมือนกัน แต่จุดประสงค์ต่างกัน รอบขา ระยะ ก็ต่างกัน
ยืนโยก คือ การใช้น้ำหนักตัวเพื่อช่วยประหยัดแรงเร่งความเร็วรถ กรณีปั่นอยู่ในกลุ่ม รอบขาก็ไม่ได้สูงมาก ใช้เกียร์หนักกว่าปั่นครุยส์สปีดเล็กน้อย เพื่อจะได้มีแรงต้านให้ยืนปั่นได้
สปรินทร์ ก็ยังมีแยกระหว่าง
สปรินทร์หนี กับ สปรินทร์เข้าเส้น
รายละเอียดค่อนข้างต่างกันนะครับ
ที่ผมกล่าวในโพสกระทู้ คือ สปรินทร์เข้าเส้น ใส่ยับ สั้นๆ ถึงได้เอาความเร็วสูงสุดขณะนั้นมาลงไงครับ
- Monsterjeff
- สมาชิก
- โพสต์: 21
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2017, 18:46
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ทางใครทางมันครับ ตอนจบก็ดู AV ว่ามันดีแค่ไหน ขี่สนุก สบายตัวไหม เหมาะกัยทางเรา ไหม
ผมว่าหลายคนไป 53 ก็คงโดน 50 มาก่อนแล้วครับ
มันก็แค่ความน่าจะเป็น 11s x 4(50,34)53,39) ถึงแม้ratios จะซึ้าหรือใกล้เคียงบ้าง ก็ว่ากันไป
เอาอันที่สบายตัว สบายขา ครับ แชร์กันไป
ผมว่าหลายคนไป 53 ก็คงโดน 50 มาก่อนแล้วครับ
มันก็แค่ความน่าจะเป็น 11s x 4(50,34)53,39) ถึงแม้ratios จะซึ้าหรือใกล้เคียงบ้าง ก็ว่ากันไป
เอาอันที่สบายตัว สบายขา ครับ แชร์กันไป
one life, live it
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
แต่สุดท้ายเลยนะ หลังจากที่หลายคนแชร์มุมมองกัน ผมว่าคงจะลืมคิดอะไรไปเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ gear ratio หรือ อัตราทดเกียร์
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆที่ผมสนใจเพราะทันทีที่ผมเปลี่ยนระบบเกียร์จาก 9 มาเป็น 10 สปีด แล้วได้เงื่อนไขมาว่า "พี่จะเอาจานcompact หรือ standard ?" ก็เลยเกิดรายการ"คำนวณ"สิครับ รออะไรอยู่ คำนวณด้วย spread sheet แยกกันเลย สิ่งที่พบก็คือ "มันแค่ 1 เกียร์" ถ้าคุณใช้จาน Standard ก็คือ คุณได้เกียร์หนักเพิ่มมาอีก 1 เกียร์ แต่ถ้าคุณใช้จานcompact ก็คือ คุณจะได้เกียร์เบาเพิ่มมาอีก 1 เกียร์
ตอนหนุ่มๆ ไม่ค่อยได้ปั่นขึ้นเขา เพราะถ้าขึ้นเขาก็เอาMTBไปขึ้น ( เขานี่ คือ ภูเขา ไม่ใช่ถนนที่ลาดชันนะครับ สมัยนั้นผมไม่มีรสนิยมปั่นรถถนนในทางชัน ฮ่า ฮ่า) ก็เลยเลือกจาน Standard ไว้ปั่นบนถนนอย่างเดียว เพราะสมัยนั้นยังชอบดูดท้ายรถสิบล้อหรือรถพ่วงอยู่ ( ความเสี่ยงเฉพาะตัว กรุณาอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ) จากเดิมสมัยใช้ 53/39 กับ 12/25 ในชุดเกียร์ 9 สปีด พบว่า รอบขาไม่พอให้ดูดสิบล้อ เพราะหลังจากยัด 53 - 12 ไปแล้ว ก็ยังรอบขาสูงไม่พอจะควงตามได้
พออายุมากขึ้น เริ่มเอาเสือหมอบไปปั่นขึ้นทางชันมากขึ้น แรงเหลือน้อยลง ก็เลยต้องขวนขวายหา"ที่เบาลงอีก 1 เกียร์"มาใช้แทน
ครับแค่ 1 เกียร์ เท่านั้นที่หนักแรงขึ้น หรือ เบาแรงลง ลองคำนวณกันดู ที่เหลือก็แค่"จริต"ล้วนๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆที่ผมสนใจเพราะทันทีที่ผมเปลี่ยนระบบเกียร์จาก 9 มาเป็น 10 สปีด แล้วได้เงื่อนไขมาว่า "พี่จะเอาจานcompact หรือ standard ?" ก็เลยเกิดรายการ"คำนวณ"สิครับ รออะไรอยู่ คำนวณด้วย spread sheet แยกกันเลย สิ่งที่พบก็คือ "มันแค่ 1 เกียร์" ถ้าคุณใช้จาน Standard ก็คือ คุณได้เกียร์หนักเพิ่มมาอีก 1 เกียร์ แต่ถ้าคุณใช้จานcompact ก็คือ คุณจะได้เกียร์เบาเพิ่มมาอีก 1 เกียร์
ตอนหนุ่มๆ ไม่ค่อยได้ปั่นขึ้นเขา เพราะถ้าขึ้นเขาก็เอาMTBไปขึ้น ( เขานี่ คือ ภูเขา ไม่ใช่ถนนที่ลาดชันนะครับ สมัยนั้นผมไม่มีรสนิยมปั่นรถถนนในทางชัน ฮ่า ฮ่า) ก็เลยเลือกจาน Standard ไว้ปั่นบนถนนอย่างเดียว เพราะสมัยนั้นยังชอบดูดท้ายรถสิบล้อหรือรถพ่วงอยู่ ( ความเสี่ยงเฉพาะตัว กรุณาอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ) จากเดิมสมัยใช้ 53/39 กับ 12/25 ในชุดเกียร์ 9 สปีด พบว่า รอบขาไม่พอให้ดูดสิบล้อ เพราะหลังจากยัด 53 - 12 ไปแล้ว ก็ยังรอบขาสูงไม่พอจะควงตามได้
พออายุมากขึ้น เริ่มเอาเสือหมอบไปปั่นขึ้นทางชันมากขึ้น แรงเหลือน้อยลง ก็เลยต้องขวนขวายหา"ที่เบาลงอีก 1 เกียร์"มาใช้แทน
ครับแค่ 1 เกียร์ เท่านั้นที่หนักแรงขึ้น หรือ เบาแรงลง ลองคำนวณกันดู ที่เหลือก็แค่"จริต"ล้วนๆ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
- cocommnn
- ขาประจำ
- โพสต์: 528
- ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2014, 23:55
Re: ทำไมแนวโน้มการใช้จานใบ 53 ยังคงมีอยู่
ผมก็หมายถึง สปรินหน้าเส้น ครับRoBBen เขียน:ครับ Sprint ก็แบบที่ผมพิมพ์มานะแหล่ะครับ อ่านดีๆนะครับ สปรินทร์กับ ยืนปั่นในกลุ่ม คลละอย่างกันcocommnn เขียน:รอบขานี้ไม่น่าใช่สปรินแล้วมั้งครับRoBBen เขียน:แม้กระทั่งตอนปรินทร์ความเร็วประมาณ 50-60 กม/ชม ก็ใช้อยู่ที่แค่ 50-15 (รอบขา Max 140)
มันไม่มีน้ำหนักพอให้รถเพิ่มความเร็วครับ
ปั่นกลุ่มรอบขาขนาดนี้แปลว่าขาคุณหมดแรงแล้ว ได้แค่เลี้ยงประคอง จะเพิ่มเกียร์หนักก็กดไม่ลง
จะเบาขาลงก็ความเร็วตก ก็อาศัยรอบขาเยอะๆให้ไปหนักหัวใจเพื่อให้ไปต่อได้อีกสักเฮือกกนึง
ระยะสปรินทร์มันจะแค่ 100-200 เมตรเอง ใช้เวลาแค่สิบกว่าวินาที ระยะแค่นั้น ถึงจุดนึงความเร็วมันก็ตัน รอบก็หมด กรดแลคติคขึ้น
เวลาสิบกว่าวิ สับเกียร์ไม่ทันหรอกครับ ต้องสับลงตั้งแต่ตอนลุกจากเบาะ แฮนด์ก็สบัดเต็มข้อ กำซะแน่นจะกดชิพเพิ่มเกียร์ยังไง
ส่วนความเร็วปลายขึ้นอยู่กับความเร็วตั้งต้น
ที่ยกตัวอย่างมา 60 นั่นคือความเร็วตั้งต้นที่ 0 จะเอา 70 กว่าก็เป็นไปได้ถ้ามีทีมตั้งความเร็วให้
ผมว่าคุณน่าจะไม่ได้แยกระหว่าง
ยืนโยก กับ สปรินทร์ ออกจากกัน
สองกรณีนี้ ยืนปั่น เหมือนกัน แต่จุดประสงค์ต่างกัน รอบขา ระยะ ก็ต่างกัน
ยืนโยก คือ การใช้น้ำหนักตัวเพื่อช่วยประหยัดแรงเร่งความเร็วรถ กรณีปั่นอยู่ในกลุ่ม รอบขาก็ไม่ได้สูงมาก ใช้เกียร์หนักกว่าปั่นครุยส์สปีดเล็กน้อย เพื่อจะได้มีแรงต้านให้ยืนปั่นได้
สปรินทร์ ก็ยังมีแยกระหว่าง
สปรินทร์หนี กับ สปรินทร์เข้าเส้น
รายละเอียดค่อนข้างต่างกันนะครับ
ที่ผมกล่าวในโพสกระทู้ คือ สปรินทร์เข้าเส้น ใส่ยับ สั้นๆ ถึงได้เอาความเร็วสูงสุดขณะนั้นมาลงไงครับ
ถ้าเปิดระยะ200ม.เปิดพร้อมกัน5คัน แล้วสปรินนั่งตูดติดเบาะ จะไปทันใครล่ะครับ
จาน50-11 มันไม่พอหรอกครับ เพราะถ้าหมดเกียร์แล้วยืนไม่ขึ้นก็วืด มานั่งควงๆๆๆก็คงได้แค่ตาม