ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity
- wisit.b
- สมาชิก
- โพสต์: 56
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 12:48
- team: น่องโป่งทีม
- Bike: Impulso
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
ล่าสุดงานปั่นสิงห์บุรีที่ผ่านมา มีสปิ้นหน้าเส้น หัวใจผมพุ่งไป 204 bpm.ผมอายุ 30 พอเข้าเส้นแล้วเหมือนพูดอะไรไม่ออก หายใจแทบไม่ทัน ตอนนั้นรู้เลยว่าไม่่ดีมากๆ มีคำถามครับปกติก็ซ้อม Interval สัปดาห์ละครังสปิ้นสุดแรงเกิด 30 วินาที พัก 1 นาที 8 ยก หรือการซ้อมมันยังไม่เพียงพอ หรือควรจะหยุดใช้หัวใจหนักแบบนี้ดีครับ
หัวใจทลายทุกข้อจำกัด
- TheRocky
- ขาประจำ
- โพสต์: 101
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 20:06
- Bike: Cervelo
- ตำแหน่ง: กรุงเทพฯ
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
อ่านที่ท่านหมอลูเขียนแล้ว ต้องขอปักไว้เลย เยี่ยมมากจริงๆครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1356
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ส.ค. 2014, 11:44
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
lucifer เขียน:ผมเองก็เป็นช่วงๆครับ แล้วแต่การวางเป้าหมาย อย่างจะไปขึ้นดอยอินท์นี่ ต้องเตรียมตัวล่วงหน้ายังไง เตรียมตัวไปทริปยาวๆต้องทำตัวอย่างไรvisual3dmax เขียน: สันทนาการ + ลดความอ้วน ขนาดซื้อ power meter มาแท้ๆ ยังรักษาสัญญากับตัวเองไม่ได้
ซื้อมาต้องหนักนะ อย่า ออ๊ดๆแอ๊ดๆ มันก่แค่สันทนาการพี่ ไม่ได้เอาเงินจากการปั่นชนะใครเขา เอามาซื้อข้าวกิน ok
พอดีผมลงทุนกับ WKO+ ไว้ด้วย มันก็ง่ายสำหรับการวิเคราะห์ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวของเราเอง
มีpower meter อย่างเดียวยังไม่พอ ต้องมีเครื่องมือในการช่วยวิเคราะห์อีก จริงๆลำพัง Strava premium ก็ช่วยได้บ้าง แต่ไม่มากมายนัก ผิดกับ WKO+ ซึ่งแปลผลอะไรต่อมิอะไรได้มากขึ้น ( แต่ผมเองยังศึกษามันไม่หมดเลย )
ตอนนี่ผมลงทุนซื้อ notebook เอามาพ่วงกับ ant+ เอาไว้ปั่น http://www.goldencheetah.org จะดู realtime เปิดคู่ gcn trainng ผมเป็นพวกบ้าตัวเลข ต่าอะไหร่รู้เยอะแยะไปหมด น่าลองครับ สนุกดีผลลัพก่อีกเรื่องหนึ่ง
หรือ อาหมอใช้ อยู่ช่วยแนะนำด้วยครับ goldencheetah
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 467
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2014, 14:20
- team: KRS
- Bike: TREK Emonda ALR
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
อายุพอๆ กับผม แต่ หัวใจไปไกลมาก ผมกดแช่ เรียกว่า เกือบ max ยาว ยังแค่ 180-190 ของคุณไป 210 แสดงว่า
มันต้องมีอะไรผิดปรกตินะครับ อันนี้เทียบจากอายุๆ ที่ใกล้ ๆ กันกับผมนะ
เมื่อวานผมลองแช่ยาว ๆ ประมาณ 8 km ที่ av 40.5 km/h ขี่เดี่ยว HR เฉลี่ยอยู่ 180 กว่าๆ
มันต้องมีอะไรผิดปรกตินะครับ อันนี้เทียบจากอายุๆ ที่ใกล้ ๆ กันกับผมนะ
เมื่อวานผมลองแช่ยาว ๆ ประมาณ 8 km ที่ av 40.5 km/h ขี่เดี่ยว HR เฉลี่ยอยู่ 180 กว่าๆ
- ไฟล์แนบ
-
- pr2.jpg (50.25 KiB) เข้าดูแล้ว 581 ครั้ง
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
ปกติแล้ว Max.HR มันก็จะมาคู่กับ Max. WorkOut อยู่แล้วครับ ปัญหามันก็คงจะอยู่ที่จำเป็นต้องใช้งานกับมันแค่ไหนwisit.b เขียน:ล่าสุดงานปั่นสิงห์บุรีที่ผ่านมา มีสปิ้นหน้าเส้น หัวใจผมพุ่งไป 204 bpm.ผมอายุ 30 พอเข้าเส้นแล้วเหมือนพูดอะไรไม่ออก หายใจแทบไม่ทัน ตอนนั้นรู้เลยว่าไม่่ดีมากๆ มีคำถามครับปกติก็ซ้อม Interval สัปดาห์ละครังสปิ้นสุดแรงเกิด 30 วินาที พัก 1 นาที 8 ยก หรือการซ้อมมันยังไม่เพียงพอ หรือควรจะหยุดใช้หัวใจหนักแบบนี้ดีครับ
การทำ Max.HR หรือ แช่แถวzone 4-5 กันนานๆ บ่อยๆ มันก็ไม่ต่างจากนักฟุตบอลกองกลางที่วิ่งมันตลอด 90 นาที ถ้าเอาหัวใจมาผ่าดูก็จะเห็นกล้ามเนื้อหัวใจที่หนาตัวมากกว่านักกีฬาประเภท endurance ทั้งหลายที่กล้ามเนื้อหัวใจจะหนาตัวไปอีกลักษณะหนึ่ง
ส่วนตัวผมเองนั้น ผมไม่ได้ต่อต้าน Max. WorkOut นะ คือถ้าอายุไม่ได้อยู่ในกลุ่ม สว.แบบผม ร่างกายแข็งแรง ไม่มีunderlying condition อะไร มันก็อยู่ในวิสัยที่ทำได้ แต่ก็ควรจะถามตัวเองด้วยว่า มันคุ้มค่าที่จะทำมันเป็นประจำไหม มันจำเป็นมากน้อยเพียงใด OKหละ ถ้าเป็นงานแข่ง แล้วมันมีผลต่ออันดับหรือคะแนนสะสม แบบนี้ก็คุ้มค่าในลักษณะของมัน แต่ถ้าไม่ใช่หละ ?
ปกติการสปริ้นท์หน้าเส้นนั้น มันจะเป็นช่วงที่เราใช้กำลังในระดับ Pmax ซึ่งที่ตรงนั้นมันปลดปล่อยออกมาได้เต็มที่ก็ราวๆ 8 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น มันก็คล้ายกับยิงไนตรัส เวลาแข่ง quater-mile คุณก็ต้องรู้ว่ามันเปิดได้นานแค่ไหน เปิดนานกว่านั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ปกติแล้วถ้าซ้อมกันด้วย power meter จริงๆจังๆ มันจะมี workout สำหรับฝึกในช่วง Anaerobic กับ NeuroMuscular power
interval 30 วินาที พัก 1 นาที ก็แล้วแต่ว่าจะจัดกันแค่ไหน จะว่าไปแล้ว 8 ยกมันหนักไปไหมหละ ต้องใช้ power meter กับ HRM บางทีมันก็บอกได้ว่า set ที่ 4 ไปแล้ว วัตต์มันเริ่มหล่นแล้วหรือยัง คือ มันบอกได้ว่า"ป่วยการ"ที่จะรั้นต่อไป intervalชุดนี้มันอยู่ใน Anaerobic power workout แต่เขาไม่จัดหมด 8 set ครับ แต่เขาจะจัดเป็น 9 set โดย 3set แรก จะเป็น VO2max , 3 set ต่อมาจะเป็น Anaerobic กลางๆ แล้ว 3 set สุดท้ายจะปลดปล่อยหมด ระยะเวลาในแต่ละชุดจะค่อยสั้นลงตามความหนักที่เพิ่มขึ้น
ผมสอนน้องที่อยู่ในทีมว่า เราซ้อมไปเพื่อไปแข่ง ไม่ได้ซ้อมไปเพื่อไปปั่นบ้าพลัง ดังนั้นเวลาซ้อมจะเน้นแบบ Polarized คือ ส่วนใหญ่จะเบาๆ zone 2 , และจะมี HIIT อยู่ราวๆ 20%
ซ้อมหนักไป บาง parameter มันก็ฟ้องนะว่าหนักไป แล้วถ้าพักไม่พอ มันก็ฟื้นไม่ได้ ความแรงก็จะไม่เกิด
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
Goldencheetah เป็นอะไรที่ผมค่อนข้างจะงงๆกับเขาอยู่ แล้วเท่าที่เคยใช้ มันก็มี interfaceที่ผมไม่ค่อยอยากจะทำความเข้าใจกับเขาเท่าไหร่visual3dmax เขียน:
ตอนนี่ผมลงทุนซื้อ notebook เอามาพ่วงกับ ant+ เอาไว้ปั่น http://www.goldencheetah.org จะดู realtime เปิดคู่ gcn trainng ผมเป็นพวกบ้าตัวเลข ต่าอะไหร่รู้เยอะแยะไปหมด น่าลองครับ สนุกดีผลลัพก่อีกเรื่องหนึ่ง
หรือ อาหมอใช้ อยู่ช่วยแนะนำด้วยครับ goldencheetah
ผิดกับ WKO+ มันทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า หลังจากที่มีข้อมูลมากพอในนั้น ก็เริ่มพยายามใช้ประโยชน์จากมันในการแปลผลครับ บางเรื่องก็ข้ามๆไป บางเรื่องก็ช่วยบอกอะไรได้มากเหมือนกัน เหมือนอย่างที่บอกไว้ครับ ยังพยายามศึกษาเค้นหาประโยชน์ให้คุ้มค่าอยู่
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 449
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
หลังจากหัวใจเต้น 200+ ไปแล้วเหมือนได้ทะลวงจุดชีพจร พลังลมปราณเพิ่มพูนอย่างรู้สึกได้ ปั่นดีขึ้นอีกเยอะเลย เหมือนร่างกายมันปรับเทคนิคการเดินเลือดลมใหม่ หัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ค่อยเมื่อยล้ามาก หัวใจก็เต้นขึ้นไป 170 ได้ง่ายขึ้น สมัยก่อนเต้นแค่ 150 กว่าก็เหนื่อยแล้ว เนื่องจากเป็นคนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ปั่นจักรยานแค่ขำ ๆ เพิ่งจะปั่นจักรยานเยอะ ๆ เมื่อปีที่แล้วเอง สมัยว่ายน้ำนาน ๆ หายใจที หัวใจเลยไม่ค่อยเต้นเท่าไหร่เวลาออกกำลังกาย
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 467
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2014, 14:20
- team: KRS
- Bike: TREK Emonda ALR
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
ผมว่าร่างกายคนเรามันจะค่อย ๆ ปรับตัว แต่ HR มันควรจะลดครับ เพราะยิ่งขี่บ่อย ขี่นานGok See เขียน:หลังจากหัวใจเต้น 200+ ไปแล้วเหมือนได้ทะลวงจุดชีพจร พลังลมปราณเพิ่มพูนอย่างรู้สึกได้ ปั่นดีขึ้นอีกเยอะเลย เหมือนร่างกายมันปรับเทคนิคการเดินเลือดลมใหม่ หัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ค่อยเมื่อยล้ามาก หัวใจก็เต้นขึ้นไป 170 ได้ง่ายขึ้น สมัยก่อนเต้นแค่ 150 กว่าก็เหนื่อยแล้ว เนื่องจากเป็นคนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ปั่นจักรยานแค่ขำ ๆ เพิ่งจะปั่นจักรยานเยอะ ๆ เมื่อปีที่แล้วเอง สมัยว่ายน้ำนาน ๆ หายใจที หัวใจเลยไม่ค่อยเต้นเท่าไหร่เวลาออกกำลังกาย
ร่างกายมันฝึก endurance มา แต่ถ้าบอกว่าหัวใจมัน เต้นเร็วขึ้น ผมว่ามันแปลก ๆ แล้วครับ
ยิ่ง HR สูง ยิ่งต้องระวัง อย่างที่ คุณหมอได้กล่าวไว้ตอนต้นๆ
หลายครั้ง ที่เห็นนักปั่นเสียชีวิต จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1150
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 เม.ย. 2016, 08:17
- Tel: 0806364263
- team: กาฬสินธุ์
- Bike: Nich
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
แม้ว่าผมจะปั่นจักยานมานาน ขาผมก็ไม่แข็งแรง คือขาไม่ใหญ่อย่างนักจักรยานคนอื่นGok See เขียน:หลังจากหัวใจเต้น 200+ ไปแล้วเหมือนได้ทะลวงจุดชีพจร พลังลมปราณเพิ่มพูนอย่างรู้สึกได้ ปั่นดีขึ้นอีกเยอะเลย เหมือนร่างกายมันปรับเทคนิคการเดินเลือดลมใหม่ หัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ค่อยเมื่อยล้ามาก หัวใจก็เต้นขึ้นไป 170 ได้ง่ายขึ้น สมัยก่อนเต้นแค่ 150 กว่าก็เหนื่อยแล้ว เนื่องจากเป็นคนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ปั่นจักรยานแค่ขำ ๆ เพิ่งจะปั่นจักรยานเยอะ ๆ เมื่อปีที่แล้วเอง สมัยว่ายน้ำนาน ๆ หายใจที หัวใจเลยไม่ค่อยเต้นเท่าไหร่เวลาออกกำลังกาย
จนประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว จึงได้เจอหมอพื้นบ้านที่ จ.ยะโสธร ลุงท่านสามารถเปิดจุดทะลวงให้เลือดเดินลงขาทั้งสองข้างได้สะดวก ตั้งแต่นั้นขาผมก็แข็งแรงขึ้นผิดหูผิดตา
วิธีการคือท่านจะกดจุดหยุดการใหลเวียนของเลือดเอาใว้ชั่วอึดใจหนึ่ง แล้วปล่อยให้เลือดพุ่งทะลวงให้ใหลเวียนได้เอง เพียงแต่ว่ามันจะอยู่ได้แค่ประมาณ 3 เดือน ต้องไปกดใหม่
หมอพื้นบ้านคนนี้ไม่ธรรมดานะครับ เคยรักษาหมอระดับ ผ.อ โรงพยาบาลมาแล้ว ถึงขั้นเชิญไปรักษาในโรงพยาบาลเลยล่ะ แต่ลุงท่านบอกว่าอยู่บ้านนี่ล่ะดีแล้ว ถามไปถามมาจึงได้รู้ว่า เรียนวิธีกดจุดมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถมกับคุณแม่ของท่านเอง หมอพื้นบ้านท่านนี้จะรักษาตามอาการเท่านั้น ไม่ได้เปิดจุดทั่วตัว
จึงเป็นไปได้ว่า หัวใจเต้น แถวๆ 200 สามารถทะลวงจุดทั่วร่างได้เอง
ตอนหลังมานี้ผมจึงพบคุณลุงคนไทยเชื้อสายจีนที่ท่านสามาถย้ายเส้นเอ็นและเปิดจุดได้้ทั่วร่าง เปรียบได้กับการเปลี่ยนเส้นเอ็นของวัดเส้าหลิน
ท่านเมตตาผมมาก ผมเป็นคนเดียวที่ท่านเมตตา นวดย้ายเส้นเอ็นเปิดจุดทั่วร่าง ทั้งหมด 10 กว่าครั้ง
แม้คนป่วยที่เดินไม่ได้มา 20 ปี ยังรักษาแค่ สามครั้ง
ขอแสดงความยินดีด้วยที่ท่านสามารถเข้าถึง ประสิทธิภาพสูงสุดของตนเอง ด้วยตนเองอีกต่างหาก
คนที่หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันและเสียชีวิตส่วนมากมักพบว่า นอนน้อยสะสมมานานหลายวัน
ผู้ชนะคือ ผู้ที่สามารถเค้นเอาประสิทธิภาพสูงสุดของตนออกมาได้ ถูกที่ถูกเวลา
สมัยเรียนราม ผมว่ายน้ำที่สระ กกท วันละเกิน 3 ก.ม ว่ายจนตะคิวกิน แขนข้าง+ ขาข้าง ค่อยขึ้นจากสระ
แหมนึกถึงตำรวจที่ดวล กับโจรใต้ที่หน้าสถานีตำรวจ ทั้งๆที่โจร 3-4 คนยิงมาจากท้ายรถกะบะ ท่านยืนสวนโจรโล่งๆ สะใจในความกล้าหาญของท่านจริงๆ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 71
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2015, 22:11
- Tel: 0813843851
- team: น้องใหม่ใจเกินร้อย
- Bike: Mosso750cb
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
ปั่นจักรยานมีจุดมุ่งหมายอะไรถามใจตัวเองดูก่อนครับ ถ้าพัฒนาศักยภาพตัวเอง เพื่อแข่งขัน อันดับหรือเส้นชัยมันจะบอกตัวเราเองว่าซ้อมมาระดับไหนมากน้อยยังไง ถ้าปั่นแค่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพก็เน้นโซน2เป็นหลักปั่นจนเบื่อในวันนั้นไปเลย เรื่องโซนหัวใจกับการเต้นในระหว่างซ้อมหรือแข่งขันที่ว่ามตนสูงจนผิดปกติในคนวัยสามสิบปลายสี่สิบต้นๆที่ดุดไปร่วมสองร้อยหรือสองร้อยกว่า ถามว่าดีไหม ตอบเลยว่าไม่ดีครับ แล้วผิดปกติหรือเปล่าผมก็ตอบว่าผิดปกติแน่นอนสำหรับคนในวัยนี้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอย่างแรกก็ให้ลองเทสต์กับเครื่องสัดหลายๆเครื่องเปรียบเทียบกันด้วยถ้าผลมันตรงกันก็ควรปรึกษาแพทย์แต่ถ้าเป็นอยู่กับเครื่องที่ใช้อยู่ประจำก็น่าจะเป็นที่เครื่องล่ะครับผิดปกติแต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องให้แพทย์เฉพาะทางตรวจด้วยครับ การปั่นจักรยานเราต้องมองเป้าหมายของเราครับว่าเราปั่นแบบไหนแล้วมีความสุขกับตัวเราดีกว่า หากคนที่เน้นการแข่งขันก็ขอให้เข้าใจว่าอันดับบนโพเดียมมันมีให้ยืนได้แค่ที่ละคนครับหากซ้อมมาดีก็ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ไม่ต้องใช้ร่างกายหรือชีวิตไปเสี่ยงจะดีกว่าครับ ความสุขของนักปั่นคือการเอาชนะตัวเองได้นี่แหละสุดยอดแล้วครับ องค์ประกอบอื่นเป็นเรื่องรองลงมา คนเก่งมีทุกที่ครับ แค่เวลาลดลงAVเพิ่มขึ้นผมว่าเท่านี้ทุกคนก็สุขใจแล้วครับ มาปั่นจักรยานให้มีความสุขกันเถอะครับ
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 449
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
simpleman เขียน:ผมว่าร่างกายคนเรามันจะค่อย ๆ ปรับตัว แต่ HR มันควรจะลดครับ เพราะยิ่งขี่บ่อย ขี่นานGok See เขียน:หลังจากหัวใจเต้น 200+ ไปแล้วเหมือนได้ทะลวงจุดชีพจร พลังลมปราณเพิ่มพูนอย่างรู้สึกได้ ปั่นดีขึ้นอีกเยอะเลย เหมือนร่างกายมันปรับเทคนิคการเดินเลือดลมใหม่ หัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ค่อยเมื่อยล้ามาก หัวใจก็เต้นขึ้นไป 170 ได้ง่ายขึ้น สมัยก่อนเต้นแค่ 150 กว่าก็เหนื่อยแล้ว เนื่องจากเป็นคนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ปั่นจักรยานแค่ขำ ๆ เพิ่งจะปั่นจักรยานเยอะ ๆ เมื่อปีที่แล้วเอง สมัยว่ายน้ำนาน ๆ หายใจที หัวใจเลยไม่ค่อยเต้นเท่าไหร่เวลาออกกำลังกาย
ร่างกายมันฝึก endurance มา แต่ถ้าบอกว่าหัวใจมัน เต้นเร็วขึ้น ผมว่ามันแปลก ๆ แล้วครับ
ยิ่ง HR สูง ยิ่งต้องระวัง อย่างที่ คุณหมอได้กล่าวไว้ตอนต้นๆ
หลายครั้ง ที่เห็นนักปั่นเสียชีวิต จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
ยิ่งฝึกหัวใจเต้นช้าลงที่การออกแรงเท่าเดิม แต่ขณะเดียวกันยิ่งแข็งแรงกล้ามเนื้อยิ่งเรียกพลังออกมาได้เรื่อย ๆ รึเปล่า ทำให้หัวใจเต้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนที่คนแข็งแรงมาก ๆ ฝึกมามาก ๆ แบบนักวิ่งโอลิมปิก จะสามารถออกกำลังจนตายได้ถ้าไม่เบรคตัวเอง
แต่คนธรรมดาเมื่อออกกำลังจนถึงจุดหนึ่งร่างกายไม่ไหว ก็จะหมดแรง เป็นตะคริว เป็นลมไปก่อน คือ คนธรรมดา ออกกำลังมาก ๆ ก็หมดแรงไปเอง หัวใจไม่ทันได้เต้นสูงหรอก กล้ามเนื้อมันพังไปก่อน
คือปกติคนเราคงไม่ได้ไปถึงหัวใจเต้นสูงสุดเท่าไหร่ เพราะระบบกล้ามเนื้อมันชิง Shut Down ไปเสียก่อน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 121
- ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2013, 08:50
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
http://home.trainingpeaks.com/athlete/w ... SXNITPULAE
จาก http://forums.bicycling.com/topic/froome-s-heart-rate เห็นบอกว่าข้อมูลเป็นของ Chris Froome ตอนแข่ง ITT รายการ Vuelta ปี 2011
AV Speed 50.2,
Average Watt 405,
Average HR 147,
Max HR 169
สังเกตุดู HR ก็ไม่ได้สูง ผมว่าซ้อมเยอะๆ HR น่าจะเท่าๆเดิม แต่ได้กำลังมากขึ้นมากกว่า ไม่ใช่ว่าจะให้ HR สูงขึ้น
เรื่องหัวใจนี่ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ Limit มาก กล้ามเนื้ออื่นๆอย่างแขนขา ปวดเมื่อยก็มีสัญญาณอาการบอกให้พักได้
ขาเมื่อยมากๆก็หยุดนั่งพัก อยู่นิ่งๆไม่ต้องเดิน สักพักก็ฟื้น
หัวใจเกิดปวดเมื่อยขึ้นมา หยุดพักบ้างจะลำบากคนรอบข้างนะครับ
จาก http://forums.bicycling.com/topic/froome-s-heart-rate เห็นบอกว่าข้อมูลเป็นของ Chris Froome ตอนแข่ง ITT รายการ Vuelta ปี 2011
AV Speed 50.2,
Average Watt 405,
Average HR 147,
Max HR 169
สังเกตุดู HR ก็ไม่ได้สูง ผมว่าซ้อมเยอะๆ HR น่าจะเท่าๆเดิม แต่ได้กำลังมากขึ้นมากกว่า ไม่ใช่ว่าจะให้ HR สูงขึ้น
เรื่องหัวใจนี่ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ Limit มาก กล้ามเนื้ออื่นๆอย่างแขนขา ปวดเมื่อยก็มีสัญญาณอาการบอกให้พักได้
ขาเมื่อยมากๆก็หยุดนั่งพัก อยู่นิ่งๆไม่ต้องเดิน สักพักก็ฟื้น
หัวใจเกิดปวดเมื่อยขึ้นมา หยุดพักบ้างจะลำบากคนรอบข้างนะครับ
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
IF 0.96 NP 411 watt เท่ากับว่า น้าแกมี FTP 428 watt
VI 1.01 แปลว่า แกใช้ avg power = 407 watt พูดง่ายๆคือ แกออกแรงได้สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ตลอดเวลาได้อย่างสุดยอด
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ HR ไม่ได้สูงมากมาย ก็เพราะว่าแกออกกำลังอยู่ในโซนที่เฉลี่ยแล้วสามารถรีดให้หมดได้ในเวลาที่แกต้องการได้ คือ มันไปเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ที่เขาสรุปกันมาแล้วว่า ออกแรงโซนไหน อยู่ได้นานเท่าไหร่ ซึ่ง power zone จะแปลผลตรงนี้ได้แม่นยำกว่า HR zone แต่ power zone กับ HR zone มันมีความสอดคล้องกัน นั่นก็เลยทำให้เราเห็นว่า น้าแกไม่ได้โหนHRขึ้นไปมากมายเลย ยกเว้นตอนที่จะเข้าเส้นชัยเท่านั้นเอง
ที่สำคัญนักกีฬาระดับนี้ มี aerobic capacity มากมาย , กำลังสำรองของหัวใจก็มากมาย พักนิดเดียวหัวใจก็กลับมาเต้นช้าลงแล้ว
ปล. FTP 428 วัตต์นี่ แปลว่า ถ้าแกออกแรงปั่นอยู่ราวๆ 200 วัตต์ แกจะปั่นไปในลักษณะที่เรียกว่า "Active recovery" ซึ่งเบามากกกกกกกก power zone 1 เท่านั้นแหละ หัวใจคงเต้นราวๆ 100 ครั้งเองมั๊ง ( เผลอๆถ้าอากาศเย็นๆชิลๆ อาจจะไม่ถึงด้วยซ้ำไป )
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 449
- ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2016, 08:18
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
หมายความว่าฟลูมไม่ได้ปั่นด้วยฮาร์ตเรทสูงสุด แต่ใช้ฮาร์ทเรตที่พอดีกับการแข่งจนจบรายการ เพราะถ้าไปเร่งจนหมดถึงหน้าเส้นอัดไม่ขึ้นก็ไม่มีประโยชน์
หมายความว่านักปั่นระดับสูงไม่ได้มีฮาร์ตเรทต่ำกว่าคนทั่วไป ถ้าจะเร่งให้สูง 200+ ก็น่าจะได้ เพียงแต่ใช้ฮาร์ทเรตต่ำมีประสิทธิภาพในการยืนระยะแข่งขันมากกว่า. น่าจะประมาณนี้
หมายความว่านักปั่นระดับสูงไม่ได้มีฮาร์ตเรทต่ำกว่าคนทั่วไป ถ้าจะเร่งให้สูง 200+ ก็น่าจะได้ เพียงแต่ใช้ฮาร์ทเรตต่ำมีประสิทธิภาพในการยืนระยะแข่งขันมากกว่า. น่าจะประมาณนี้
- lucifer
- ขาประจำ
- โพสต์: 6413
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
- team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
- Bike: Only 2-wheels bike
- ติดต่อ:
Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย
แล้วทำไมคิดว่า ต้องใช้ Max HR ด้วยหละครับ แล้วก็ไม่ใช่ HR ที่พอดี แต่ Froome ใช้wattที่พอดี เฉลี่ยแล้วอยู่ใน zone ที่สามารถจบการแข่งขันได้ ส่วนชนะหรือไม่นั้น ขึ้นกับว่า ที่ซ้อมมานั้นดีพอไหม มีFTP สูงพอเพียงใด
ไม่มีใครแช่ HR zone 5 ได้ตลอดการแข่งขัน 48 กม.หรอกครับ
การเกลี่ยwattให้อยู่ในโซนที่เหมาะสม ก็จะได้ HRที่อยู่ในโซนที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
watt คือ กำลังที่เรากระทำกับจักรยาน แต่ HR คือ ผลลัพธ์สุดท้ายของร่างกายที่ตอบสนองต่อการออกแรงนั้น ดังนั้นถ้า HR มันสูงเกินไป ก็แปลว่าเราออกกำลังมากเกินตัวของเราเอง
ถ้าจะพูดให้ถูกต้องและเข้าใจง่ายๆ ที่ระดับ zone HR เดียวกัน นักแข่งระดับนี้ไปได้เร็วกว่านักแข่งระดับ อบต.
และถ้าพูดให้เข้าใจยากขึ้นคือ ที่ power เดียวกัน เขาใช้ HR น้อยกว่านักแข่งระดับ อบต.
ถ้าได้ดูบันทึกของ น้าฟาเบียง แข่ง TimeTrial ชิงเหรียญทองโอลิมปิคเมื่อปีที่แล้ว จะเข้าใจมากกว่านี้อีก เพราะน้าแกวางแผนการออกแรงได้"เป๊ะ"มาก เอาบันทึกมานั่งวิเคราะห์ แล้วคำนวณ FTP ออกมาแล้ว แล้วดูกันเลยว่าแกปั่นโซนอะไรบ้าง
น้าแกทำ interval เลยแหละ ช่วงขึ้นเขา อัดขึ้น Power zone 5 นับนาทีกันเลยว่า ไม่เกินกี่นาที (มันจะมีเวลาที่เหมาะสมเลยว่า ออกแรงโซนนั้นโซนนี้จะแช่ได้กี่นาที ) แล้วสลับพักช่วงลงเขา พอมาถึงทางราบก็จัด Power zone 4 เลี้ยงๆไว้แถว Threashold
เหมือนที่เคยบอกไว้นะครับ ในระดับแชมป์เหล่านี้ เวลาแข่งเขาคุมวัตต์มากกว่าจะมาคุม HR
ปีที่แล้ว ฟรูมแข่ง TDF ชนะ stage เขา โดยไล่ตามเก็บตัวเต็งๆบนเขา โดยอาศัยการปั่นไปตามโซนwatt จนกระทั่ง ควินทานา และ คอนทาดอร์ โวยว่า ควรจะ"แบน"เพาเวอร์มิเตอร์ออกจากการแข่งขัน พูดไปก็แพ้ชวนตีดีๆ เพราะตัวเองและโค้ชไม่เข้าใจถึง"ประโยชน์สูงสุด"ของเครื่องมือ พูดง่ายๆว่า "ใช้ไม่เป็น" หรือ พูดให้เข้าข้างหน่อยก็ "มีของดีอยู่กับตัว แต่มองข้ามหัวมันไป"
ฟรูม ปั่นน่าเบื่อมาก คือ ก้มมองวัตต์ตัวเอง เกลี่ยกำลังไป อาศัยว่าฝึกซ้อมมาดีมากพอ เกลี่ยวัตต์แล้วจบ และชนะ
ไม่มีใครแช่ HR zone 5 ได้ตลอดการแข่งขัน 48 กม.หรอกครับ
การเกลี่ยwattให้อยู่ในโซนที่เหมาะสม ก็จะได้ HRที่อยู่ในโซนที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน
watt คือ กำลังที่เรากระทำกับจักรยาน แต่ HR คือ ผลลัพธ์สุดท้ายของร่างกายที่ตอบสนองต่อการออกแรงนั้น ดังนั้นถ้า HR มันสูงเกินไป ก็แปลว่าเราออกกำลังมากเกินตัวของเราเอง
ถ้าจะพูดให้ถูกต้องและเข้าใจง่ายๆ ที่ระดับ zone HR เดียวกัน นักแข่งระดับนี้ไปได้เร็วกว่านักแข่งระดับ อบต.
และถ้าพูดให้เข้าใจยากขึ้นคือ ที่ power เดียวกัน เขาใช้ HR น้อยกว่านักแข่งระดับ อบต.
ถ้าได้ดูบันทึกของ น้าฟาเบียง แข่ง TimeTrial ชิงเหรียญทองโอลิมปิคเมื่อปีที่แล้ว จะเข้าใจมากกว่านี้อีก เพราะน้าแกวางแผนการออกแรงได้"เป๊ะ"มาก เอาบันทึกมานั่งวิเคราะห์ แล้วคำนวณ FTP ออกมาแล้ว แล้วดูกันเลยว่าแกปั่นโซนอะไรบ้าง
น้าแกทำ interval เลยแหละ ช่วงขึ้นเขา อัดขึ้น Power zone 5 นับนาทีกันเลยว่า ไม่เกินกี่นาที (มันจะมีเวลาที่เหมาะสมเลยว่า ออกแรงโซนนั้นโซนนี้จะแช่ได้กี่นาที ) แล้วสลับพักช่วงลงเขา พอมาถึงทางราบก็จัด Power zone 4 เลี้ยงๆไว้แถว Threashold
เหมือนที่เคยบอกไว้นะครับ ในระดับแชมป์เหล่านี้ เวลาแข่งเขาคุมวัตต์มากกว่าจะมาคุม HR
ปีที่แล้ว ฟรูมแข่ง TDF ชนะ stage เขา โดยไล่ตามเก็บตัวเต็งๆบนเขา โดยอาศัยการปั่นไปตามโซนwatt จนกระทั่ง ควินทานา และ คอนทาดอร์ โวยว่า ควรจะ"แบน"เพาเวอร์มิเตอร์ออกจากการแข่งขัน พูดไปก็แพ้ชวนตีดีๆ เพราะตัวเองและโค้ชไม่เข้าใจถึง"ประโยชน์สูงสุด"ของเครื่องมือ พูดง่ายๆว่า "ใช้ไม่เป็น" หรือ พูดให้เข้าข้างหน่อยก็ "มีของดีอยู่กับตัว แต่มองข้ามหัวมันไป"
ฟรูม ปั่นน่าเบื่อมาก คือ ก้มมองวัตต์ตัวเอง เกลี่ยกำลังไป อาศัยว่าฝึกซ้อมมาดีมากพอ เกลี่ยวัตต์แล้วจบ และชนะ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน