ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

รูปประจำตัวสมาชิก
lucifer
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6413
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 14:53
team: BPMTB , BPRB , Bikeloves
Bike: Only 2-wheels bike
ติดต่อ:

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย lucifer »

ตอนสมัยที่ผมเริ่มกลับมาปั่นใหม่ๆ แล้วผมเริ่มคบกับเพาเวอร์มิเตอร์ ผมมี FTP นิดเดียวเอง

แต่ผมก็ไปปั่นทริป 100 กม. อีเหรอกับโปรไบค์ได้จนจบ พูดง่ายๆว่าถ้าไม่ถึงจุดพัก ก็"ขาไม่แตะพื้น" คนที่แข็งแรงกว่า จอดข้างทางกันไปก็เยอะ ผมก็ก้มมองวัตต์ แล้วก็ปั่นไปเรื่อยๆ เกลี่ยกำลังของเราไปตามต้นทุนที่เรามี ไปช้าๆ แต่จบสวย ไม่จบเจ็บๆ ส่วนเพื่อนที่ชวนไปทริปนี้ หนีขึ้นรถเซอร์วิสกลับก่อนที่จะปั่นจบ ทิ้งให้เราปั่นอยู่คนเดียวจนจบ
ถ้าอ่อนซ้อม อ่อนทักษะ ก็จะพบว่าจักรยานคันไหนๆก็ไม่แตกต่างกันหรอก เพราะปั่นไม่ไปเหมือนๆกัน และบังคับควบคุมได้ห่วยพอๆกัน
Paitoon1956
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1148
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 เม.ย. 2016, 08:17
Tel: 0806364263
team: กาฬสินธุ์
Bike: Nich

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย Paitoon1956 »

Gok See เขียน:หลังจากหัวใจเต้น 200+ ไปแล้วเหมือนได้ทะลวงจุดชีพจร พลังลมปราณเพิ่มพูนอย่างรู้สึกได้ ปั่นดีขึ้นอีกเยอะเลย เหมือนร่างกายมันปรับเทคนิคการเดินเลือดลมใหม่ หัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ค่อยเมื่อยล้ามาก หัวใจก็เต้นขึ้นไป 170 ได้ง่ายขึ้น สมัยก่อนเต้นแค่ 150 กว่าก็เหนื่อยแล้ว เนื่องจากเป็นคนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ปั่นจักรยานแค่ขำ ๆ เพิ่งจะปั่นจักรยานเยอะ ๆ เมื่อปีที่แล้วเอง สมัยว่ายน้ำนาน ๆ หายใจที หัวใจเลยไม่ค่อยเต้นเท่าไหร่เวลาออกกำลังกาย
Gok See เขียน:ลยิ่งฝึกหัวใจเต้นช้าลงที่การออกแรงเท่าเดิม แต่ขณะเดียวกันยิ่งแข็งแรงกล้ามเนื้อยิ่งเรียกพลังออกมาได้เรื่อย ๆ รึเปล่า ทำให้หัวใจเต้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนที่คนแข็งแรงมาก ๆ ฝึกมามาก ๆ แบบนักวิ่งโอลิมปิก จะสามารถออกกำลังจนตายได้ถ้าไม่เบรคตัวเอง

แต่คนธรรมดาเมื่อออกกำลังจนถึงจุดหนึ่งร่างกายไม่ไหว ก็จะหมดแรง เป็นตะคริว เป็นลมไปก่อน คือ คนธรรมดา ออกกำลังมาก ๆ ก็หมดแรงไปเอง หัวใจไม่ทันได้เต้นสูงหรอก กล้ามเนื้อมันพังไปก่อน

คือปกติคนเราคงไม่ได้ไปถึงหัวใจเต้นสูงสุดเท่าไหร่ เพราะระบบกล้ามเนื้อมันชิง Shut Down ไปเสียก่อน
Gok See เขียน:หมายความว่าฟลูมไม่ได้ปั่นด้วยฮาร์ตเรทสูงสุด แต่ใช้ฮาร์ทเรตที่พอดีกับการแข่งจนจบรายการ เพราะถ้าไปเร่งจนหมดถึงหน้าเส้นอัดไม่ขึ้นก็ไม่มีประโยชน์

หมายความว่านักปั่นระดับสูงไม่ได้มีฮาร์ตเรทต่ำกว่าคนทั่วไป ถ้าจะเร่งให้สูง 200+ ก็น่าจะได้ เพียงแต่ใช้ฮาร์ทเรตต่ำมีประสิทธิภาพในการยืนระยะแข่งขันมากกว่า. น่าจะประมาณนี้
ดูท่าท่าน Gok See ก็ยังไม่ได้ลองใช้ Watt power meter หรือว่าอยากพูดแค่เรื่อง HRM

เหมือนผมนี่ล่ะครับ คนปั่นจักรยานราคาไม่กี่หมื่น ใครจะไปใช้ watt ราคา 20,000+ ยังต้องมี มอนิเตอร์อีก และยังต้องเช่าโปรแกรมอีก ซึ่งมันอาจจะคุ้มสำหรับหลายๆท่าน แต่มันก็เกินฝันสำหรับหลายๆท่านเช่นเดียวกัน

แถมยังต้องมาเสียเวลาศึกษามันอีก เหมือนคนซื้อ ซูเปอร์คาร์ แต่ถนนทั่วประเทศไทยขับรถถูกกฏหมายได้แค่ 110 ก.ม/ช.ม มันจึงเกินความจำเป็น

ชาวจักรยานส่วนใหญ่ ใช้รถจักรยานราคาต่ำกว่า 30,000 บาท คงไม่มีใครจ่ายอีก 30,000 บาทเพื่อติด Watt, Monitor และ เช่าโปรแกรม

คนที่ใช้ Watt จึงน่าจะเป็นคนที่ใช้รถหลักแสน
เมื่อมีคนมาเขียนเรื่อง Watt ให้ได้รับรู้ จึงขอโมทนาบุญอย่างยิ่ง

แต่มันก็ยังไม่ต่างอะไรกับ ไกลเกินเอื้อม

แค่ HRM ผมก็ยังไม่มีใช้เลย แม้แต่ วัด ความเร็ว วัด รอบขา ผมก็ถอดเก็บใว้ เพราะมันทำลายสุนทรีย์รมณ์ ของการปั่นของผม

ผมอายุ 61 แล้ว มัวแต่มองโน่นมองนี่เดี๋ยวลงข้างทางเอาง่ายๆ

ปั่นให้มีความสุข ปั่นให้ก้าวหน้าบ้าง ก็แค่นั้นเอง

ชอบใจแนวทาง ความคิดของเจ้าของกระทู้จริงๆครับ
simpleman
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 467
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2014, 14:20
team: KRS
Bike: TREK Emonda ALR

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย simpleman »

น่าจะหลงประเด็นครับ เนื่องจาก คนตั้งอยากรู้ว่า หัวใจเต้นระดับ 200 เป็นอะไรมั้ย คุณหมอก็มาตอบแล้วว่า มันต้องดูหลายส่วนประกอบกันไป แต่ถ้าพูดถึงคนทั่วไป ปั่นแค่นี้ หัวใจไป 200 กว่ามันก็น่าสงสัยครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
teemai
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 268
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 08:53
Tel: 0891720453
team: กลุ่ม แร้งคอย
Bike: ฟิกเกียร์

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย teemai »

Paitoon1956 เขียน:
Gok See เขียน:หลังจากหัวใจเต้น 200+ ไปแล้วเหมือนได้ทะลวงจุดชีพจร พลังลมปราณเพิ่มพูนอย่างรู้สึกได้ ปั่นดีขึ้นอีกเยอะเลย เหมือนร่างกายมันปรับเทคนิคการเดินเลือดลมใหม่ หัวใจเต้นแรงขึ้น ไม่ค่อยเมื่อยล้ามาก หัวใจก็เต้นขึ้นไป 170 ได้ง่ายขึ้น สมัยก่อนเต้นแค่ 150 กว่าก็เหนื่อยแล้ว เนื่องจากเป็นคนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก ปั่นจักรยานแค่ขำ ๆ เพิ่งจะปั่นจักรยานเยอะ ๆ เมื่อปีที่แล้วเอง สมัยว่ายน้ำนาน ๆ หายใจที หัวใจเลยไม่ค่อยเต้นเท่าไหร่เวลาออกกำลังกาย
Gok See เขียน:ลยิ่งฝึกหัวใจเต้นช้าลงที่การออกแรงเท่าเดิม แต่ขณะเดียวกันยิ่งแข็งแรงกล้ามเนื้อยิ่งเรียกพลังออกมาได้เรื่อย ๆ รึเปล่า ทำให้หัวใจเต้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนที่คนแข็งแรงมาก ๆ ฝึกมามาก ๆ แบบนักวิ่งโอลิมปิก จะสามารถออกกำลังจนตายได้ถ้าไม่เบรคตัวเอง

แต่คนธรรมดาเมื่อออกกำลังจนถึงจุดหนึ่งร่างกายไม่ไหว ก็จะหมดแรง เป็นตะคริว เป็นลมไปก่อน คือ คนธรรมดา ออกกำลังมาก ๆ ก็หมดแรงไปเอง หัวใจไม่ทันได้เต้นสูงหรอก กล้ามเนื้อมันพังไปก่อน

คือปกติคนเราคงไม่ได้ไปถึงหัวใจเต้นสูงสุดเท่าไหร่ เพราะระบบกล้ามเนื้อมันชิง Shut Down ไปเสียก่อน
Gok See เขียน:หมายความว่าฟลูมไม่ได้ปั่นด้วยฮาร์ตเรทสูงสุด แต่ใช้ฮาร์ทเรตที่พอดีกับการแข่งจนจบรายการ เพราะถ้าไปเร่งจนหมดถึงหน้าเส้นอัดไม่ขึ้นก็ไม่มีประโยชน์

หมายความว่านักปั่นระดับสูงไม่ได้มีฮาร์ตเรทต่ำกว่าคนทั่วไป ถ้าจะเร่งให้สูง 200+ ก็น่าจะได้ เพียงแต่ใช้ฮาร์ทเรตต่ำมีประสิทธิภาพในการยืนระยะแข่งขันมากกว่า. น่าจะประมาณนี้
ดูท่าท่าน Gok See ก็ยังไม่ได้ลองใช้ Watt power meter หรือว่าอยากพูดแค่เรื่อง HRM

เหมือนผมนี่ล่ะครับ คนปั่นจักรยานราคาไม่กี่หมื่น ใครจะไปใช้ watt ราคา 20,000+ ยังต้องมี มอนิเตอร์อีก และยังต้องเช่าโปรแกรมอีก ซึ่งมันอาจจะคุ้มสำหรับหลายๆท่าน แต่มันก็เกินฝันสำหรับหลายๆท่านเช่นเดียวกัน

แถมยังต้องมาเสียเวลาศึกษามันอีก เหมือนคนซื้อ ซูเปอร์คาร์ แต่ถนนทั่วประเทศไทยขับรถถูกกฏหมายได้แค่ 110 ก.ม/ช.ม มันจึงเกินความจำเป็น

ชาวจักรยานส่วนใหญ่ ใช้รถจักรยานราคาต่ำกว่า 30,000 บาท คงไม่มีใครจ่ายอีก 30,000 บาทเพื่อติด Watt, Monitor และ เช่าโปรแกรม

คนที่ใช้ Watt จึงน่าจะเป็นคนที่ใช้รถหลักแสน
เมื่อมีคนมาเขียนเรื่อง Watt ให้ได้รับรู้ จึงขอโมทนาบุญอย่างยิ่ง

แต่มันก็ยังไม่ต่างอะไรกับ ไกลเกินเอื้อม

แค่ HRM ผมก็ยังไม่มีใช้เลย แม้แต่ วัด ความเร็ว วัด รอบขา ผมก็ถอดเก็บใว้ เพราะมันทำลายสุนทรีย์รมณ์ ของการปั่นของผม

ผมอายุ 61 แล้ว มัวแต่มองโน่นมองนี่เดี๋ยวลงข้างทางเอาง่ายๆ

ปั่นให้มีความสุข ปั่นให้ก้าวหน้าบ้าง ก็แค่นั้นเอง

ชอบใจแนวทาง ความคิดของเจ้าของกระทู้จริงๆครับ
เดี๋ยวนี้ วัตต์เข้าใกล้คนใช้มาขึ้นแล้วครับ
มอนิเตอร์ที่รองรับวัตต์ ราคาเบาๆก็มีหลายตัวครับ +ขา4iiii รวมๆอยู่ที่สองหมื่นนิดๆ

แล้วๆถ้ามีกลุ่มคนที่เคยใช้ เคยศึกษามา ก็น่าจะพอแนะนำกันได้ เอาไว้เฉลี่ยกำลังเวลาปั่นไกลๆก็ยังได้

ส่วนตัวผมเห็นว่า วัดความเร็ว วัดรอบขา วัดหัวใจ วัตต์ เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าจะเอามาเพื่อพัฒนาตัวเองอย่างมีระบบครับ

แต่ถ้าไม่มีของพวกนี้ จักรยานมันก็ปั่นได้ครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
teemai
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 268
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2011, 08:53
Tel: 0891720453
team: กลุ่ม แร้งคอย
Bike: ฟิกเกียร์

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย teemai »

ตัวผมใช้ตาแมว 430

ไม่เคยหาmax hr ไม่รู้โซนหัวใจ ซื้อมาใส่ เเล้วก็ปั่น

เคยปั่นได้หัวใจสูงสุด198
ปั่นแบบเหงื่อไม่ออก ที่140+-
ปั่นเหนื่อยเเบบสบายๆหอบนิดๆ(ปั่นได้เรื่อยๆ)ที่175+-(ที่รอบขา95+-rpm)
ขึ้น180 เริ่มหายใจแรงมากครับ
แต่งตัว ใส่สายคาดอก เดินจุงรถออกจากบ้าน หัวใจเต้น100++ (เคยวัดความดัน ปกติ ครับ)
รูปประจำตัวสมาชิก
cocommnn
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 528
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2014, 23:55

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย cocommnn »

Paitoon1956 เขียน: ดูท่าท่าน Gok See ก็ยังไม่ได้ลองใช้ Watt power meter หรือว่าอยากพูดแค่เรื่อง HRM

เหมือนผมนี่ล่ะครับ คนปั่นจักรยานราคาไม่กี่หมื่น ใครจะไปใช้ watt ราคา 20,000+ ยังต้องมี มอนิเตอร์อีก และยังต้องเช่าโปรแกรมอีก ซึ่งมันอาจจะคุ้มสำหรับหลายๆท่าน แต่มันก็เกินฝันสำหรับหลายๆท่านเช่นเดียวกัน

แถมยังต้องมาเสียเวลาศึกษามันอีก เหมือนคนซื้อ ซูเปอร์คาร์ แต่ถนนทั่วประเทศไทยขับรถถูกกฏหมายได้แค่ 110 ก.ม/ช.ม มันจึงเกินความจำเป็น

ชาวจักรยานส่วนใหญ่ ใช้รถจักรยานราคาต่ำกว่า 30,000 บาท คงไม่มีใครจ่ายอีก 30,000 บาทเพื่อติด Watt, Monitor และ เช่าโปรแกรม

คนที่ใช้ Watt จึงน่าจะเป็นคนที่ใช้รถหลักแสน
เมื่อมีคนมาเขียนเรื่อง Watt ให้ได้รับรู้ จึงขอโมทนาบุญอย่างยิ่ง

แต่มันก็ยังไม่ต่างอะไรกับ ไกลเกินเอื้อม

แค่ HRM ผมก็ยังไม่มีใช้เลย แม้แต่ วัด ความเร็ว วัด รอบขา ผมก็ถอดเก็บใว้ เพราะมันทำลายสุนทรีย์รมณ์ ของการปั่นของผม

ผมอายุ 61 แล้ว มัวแต่มองโน่นมองนี่เดี๋ยวลงข้างทางเอาง่ายๆ

ปั่นให้มีความสุข ปั่นให้ก้าวหน้าบ้าง ก็แค่นั้นเอง

ชอบใจแนวทาง ความคิดของเจ้าของกระทู้จริงๆครับ
ปั่นชมวิว ปั่นเฟสสัน ราคา 2-3พันก็พอแล้วครับ
ถ้าลุงใช้จักรยานคันล่ะ 10,000-กว่าบาท ผมก็มองว่าเกินความจำเป็นนะ
แต่ถ้าลุงบอกว่า ราคาเท่านี้ซื้อปั่นได้ไม่ได้ลำบาก
สำหรับคนมีวัตต์ก็คิดเช่นกันครับ
หรือกับบางคนวัตต์ก็แพงแต่ก็จำเป็นครับ

วัตต์ ไม่ได้เหมือน ซูเปอร์คาร์ ที่จะขับ250-300km/h แล้วไม่มีถนนวิ่ง
จักรยานถ้าปั่นได้แค่70-80km/h ก็มีถนนให้วิ่ง แต่จะปั่นได้หรือป่าว

วัตต์มีไว้พัฒนาศักยภาพของร่างกาย ให้ไปในทางที่ถูกต้อง
ถ้าหัวใจเต้นสูงระดับ 200ครั้ง/นาที ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเทียบกับอายุ
และคนที่ออกกำลังกายสม่ําเสมอ จะมีHRMสูงกว่าคนที่ไม่ได้ออกำลังอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดี ที่ร่างกายจะใช้แรงที่มีอยู่จนถึงขีดสูงสุดบ่อยๆ
การมีวัตต์จะสามารถควบคุมแรงใช่ปั่นในเส้นทางนั้นๆได้เร็วที่สุดและปลอดภัยกับร่างกาย

แต่ถ้าไม่จำเป็นต้องไปได้เร็วที่สุด จะถึงเมื่อไหร่ก็ได้ จะจอดพักนานเท่าไหร่ก็ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีวัตต์ครับ

หรือถ้าเทียบกับความสบาย
มีโจทย์ว่า ให้ขับรถ กทม-เชียงใหม่ 750กม. มีรถ2คันให้เลือกขับ ระหว่างรถECOคาร์5แสน กับ รถยุโรปซีดาน3ล้าน
คุณจะเลือกขับรถคันไหนไปให้ถึงจุดหมาย
หรือโจทย์บอกว่า ปั่น100กม. ด้วยจย.คันล่ะ1หมื่นสเปคอลูเดิมๆ11โล กับ จย.คันล่ะ1แสน เฟรม-ล้อคาร์บอน7โล
รถ2คันนี้ถ้าให้ผมขี่ คันล่ะแสนปั่นเสร็จคงยังยิ้มได้ คันล่ะ1หมื่นร่างกายคงช้ำยิ้มไม่ออก
การมีวัตต์ก็เป็นออฟชั่นหนึ่ง ที่จะทำให้นักปั่นบริหารแรงจนถึงปลายทางได้อย่างยิ้มได้
รูปประจำตัวสมาชิก
Wimpy
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 300
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2015, 19:55

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย Wimpy »

ก่อนหน้าปั่นจักรยาน มองคนแถวบ้านใช้กันคันละ 3-4หมื่น ในใจคิดว่า เล่นกันแพงๆจัง สำหรับเราคันสองหมื่นก็มากพอแล้วแค่ออกกำลังกาย และ ปั่นเที่ยวรีเล็กซ์สบายๆ ส่วนคันละเป็นแสนๆนี่ไม่ต้องคิดเลยสุดแสนเว่อไปไม่เอาหรอก

ไปซื้อคันแรกมาปั่นแบบมือใหม่ซิงๆไม่มีความรู้เลยเรื่องจักรยาน คันละหมื่นแปด+ไมล์+หมวก+อีกสองสาม อย่างรวม สองหมื่นสี่ (แต่ก็ได้รถที่ดีมากนะครับ เพราะเป็นร้านดังลูกค้าเยอะ และมีคนแนะนำไป)

ปั่นได้ไม่นานได้ผล ถือว่าชอบการปั่นเข้าแล้ว ผ่านไปสองเดือนกว่าไปเอาเสือหมอบมาอีกคัน เกือบแปดหมื่น (เอ๊ะชักยังไงแรกๆไปมองคนอื่นว่าเล่นกันแพงจัง) บอกตัวเองว่าแค่นี้พอแล้ว ปั่นไปปั่นมา เปลี่ยนโน่นนี่ ล้อบ้างไรบ้าง รวมๆรถเราทั้งคันปาไปแสนสามแสนสี่เข้าแล้ว

มีคนแนะนำฮาร์ทเรท แรกๆไม่สนใจไม่อยู่ในความคิด ไม่มีก็เห็นปั่นได้ ปั่นได้ดีกว่าพี่ๆหลายคนในกลุ่มที่มีฮาร์ทเรทอีก เอามาคาดอก อึดอัดรำคาญเสียเปล่าๆ ... พอซื้อ 520 มา มันมีอาร์ทเรทมาด้วย ก็ลองๆใช้ดูและลองศึกษาว่ามันคืออะไรไอ้พวก Z1 z2 z3 z4 Z5 ที่เขาเรียกๆกัน พอเริ่มเข้าใจ ลองปั่นดูตามทีได้อ่านๆมา มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิดไว้มากจริงๆ ทำให้มีหลักการมีแนวทางการปั่นที่เป็นแบบแผนมากขึ้น และทำแล้วได้ผล

ทุกวันนี้วันไหนที่ออกปั่นแล้วไม่คาดสายHr รุ้สึกเหมือนขับรถแล้วไม่ได้คาด safety belt
ออกไปปั่นแล้วแบต Hr หมด วันนั้นเลี้ยวรถกลับบ้านเลิกปั่นหมดอารมณ์ไปโดยปริยาย

ส่วนเรื่องวัตต์ทีี่ใครๆหลายคนพูดถึงกัน ก็ฟังๆไว้ ยังไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีในตอนนี้ แต่อนาคตก้คิดว่าอยากจะหามาลองใช้ดู ด้วยเหตุผลเพียงแค่อยากรู้ว่า พวกโปรมีแรงกดบันไดเท่านั้นเท่านี้ พี่คนนั้นมีแรงกดเท่านี้ อยากรู้ของเราบ้างว่ามีเท่าไหร่ ไม่ได้คิดไปไกลกว่านี้เลย ... แต่พอลองอ่านที่คุณหมออธิบายแล้ว มันมีอะไรมากมายกว่าที่ผมคิดไว้มาก คงต้องหามาใช้ในเร็ววันแน่ๆ ไม่ได้กะว่าเอามใช้ซ้อมไปแข่งกะใคร แต่ จะเอามาแข่งกับตัวเอง

ตอนนี้เริ่มมองๆว่า stage หรือ 4iiii ดี ขอหาข้อมูลและรีวิวก่อนครับ :lol: :lol: :lol:
รูปประจำตัวสมาชิก
Chiny
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 570
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ค. 2012, 12:48
ติดต่อ:

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย Chiny »

ปั่นจักรยานให้มีความสุข มีสุขภาพดี และปลอดภัย กันครับ ผมก็มี max hr สูงกว่า 220-อายุ อายุ 47 เคยวัดเองยังไม่ถึงกับหมดนักเพราะกลัววูบได้ max 188 ถ้าปั่นซ้อมปกติไม่มีเป้าหมายพิเศษก็พยายามคุมไม่ให้เหนื่อยมาก พัฒนาการอาจจะช้าหน่อยแต่ปลอดภัยแล้วก็สบายกว่าปั่นอัดหนักๆแล้วหอบแฮกๆ ครับ อีกอย่างผมจะไม่อัดเต็มที่แล้วหยุดจอดเลยโดยไม่ได้ cool down รวมถึงการยืดเหยียดทั้งก่อนหรือหลังปั่นด้วย ท่านที่ยังหนุ่มยังสาวอาจจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่เพราะยังไม่ค่อยเจ็บแต่ก็ควรทำเพื่อผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว

สำหรับท่านที่มีเป้าหมายเป็นนักกีฬาอาชีพ มีสปอนเซอร์ หรือนักกีฬาสมัครเล่นประสงค์ได้ถ้วยขึ้นโพเดี๊ยม หรือต้องการเห็นการพัฒนาการอย่างชัดเจน ก็คงจะต้องดูปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือสมัคร online training เพื่อวางแผนการซ้อมที่เหมาะสมสำหรับตัวเองเพื่อให้ได้การพัฒนาของร่างกายได้มากที่สุดโดยใช้เวลาน้อยที่สุด (เวลาเป็นทรัพยากรณ์ที่มีเท่ากันซื้อเพิ่มไม่ได้นะครับ) ดังนั้นท่านเหล่านี้จึงต้องการใช้ค่าตัวเลขต่างๆเพื่อประเมินผลและวางแผนการซ้อมให้เหมาะสม ถ้ามีค่า hr ก็ได้ดีระดับหนึ่ง ถ้ามีค่า watts/FTP ก็วางแผนได้ละเอียดยิ่งขึ้น บางทีก็มีการเจาะเลือดดูค่าสารเคมีต่างๆ เช่น lactate ในเลือดในขณะปั่นเอามาวิเคราะห์กันเลยก็มี (ต่อไปในอนาคตคงมีค่าต่างๆให้ใช้เพิ่มขึ้นมาอีก) ซึ่งค่าต่างๆเหล่านี้ก็ต้องอาศัยเครื่องมือพวก HR Monitor, Power Meter, etc. มาวัดเอาครับ ประโยชน์มีแน่แต่คนที่จะตอบได้ว่ามีดีมั๊ย จำเป็นมั๊ย คุ้มมั๊ย ก็ตัวท่านเองคงต้องประเมินเอาเฉพาะตัวเองครับ ที่สำคัญคือเครื่องมือพวกนี้มันบอกค่าต่างๆให้เราทราบเท่านั้นนะครับ ถึงแม้ว่าบางตัวจะช่วยวิเคราะห์สรุปค่าบางค่าให้ดูง่ายขึ้นเพิ่มเติมบ้าง แต่ค่าต่างๆพวกนี้ก็ยังเป็นข้อมูลดิบที่ต้องเอามาวิเคราะห์เพื่อวางแผนฝึกซ้อมอีกที ตัวเลขชุดเดียวกันของคนๆเดียวกัน แต่มีเป้าหมายต่างกัน coachคนละคนกัน ตารางซ้อมก็ยังอาจจะต่างกันได้ครับ

การมีข้อมูลและสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็เพื่อช่วยให้ "รู้เรา" เป็นการเพิ่มโอกาสในชัยชนะ (แต่สำหรับผมมันช่วยลดโอกาสในการเจ็บหรือปั่นไม่จบครับ)

ขอพลังจงอยู่กับทุกท่าน
:D :D :D
Don't Stop Believin' - "Steel still ROCK"
จานไข่ Dr.Egg viewtopic.php?f=60&t=515279
โครงการ มินิ กัดยางหมอบ เวอชั่นบ้านๆ viewtopic.php?f=63&t=488360
Dr.EGG Facebook Fan Page: http://www.facebook.com/pages/DrEGG/418740011510449
รูปประจำตัวสมาชิก
panu3210
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ม.ค. 2015, 21:39
Tel: 0623659786
Bike: orbea

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย panu3210 »

ผมอายุจะเข้าเลข5แล้วครับ เท่าที่ใช้กามินมาได้สักพักพอสรุปคร่าวๆได้ว่า ค่า hr อยู่ใน zone 4 มากที่สุด น้อยครั้งที่จะอยู่มากที่สุดใน zone 3 ส่วนค่า va hr อยู่ประมาณ130 ค่า max hr อยู่ประมาณไม่เกิน165 ครับ ผมปั่นเฉลี่ยนวันละ50กว่าโล ค่าต่างๆทั้งหมดนี่ถือว่าอยู่ในระดับปกติหรือเปล่าครับ
Paitoon1956
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1148
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 เม.ย. 2016, 08:17
Tel: 0806364263
team: กาฬสินธุ์
Bike: Nich

Re: ถ้าปั่นจนหัวใจเต้น 200 + บ่อย ๆ เป็นอะไรมั้ย

โพสต์ โดย Paitoon1956 »

Wimpy เขียน:ก่อนหน้าปั่นจักรยาน มองคนแถวบ้านใช้กันคันละ 3-4หมื่น ในใจคิดว่า เล่นกันแพงๆจัง สำหรับเราคันสองหมื่นก็มากพอแล้วแค่ออกกำลังกาย และ ปั่นเที่ยวรีเล็กซ์สบายๆ ส่วนคันละเป็นแสนๆนี่ไม่ต้องคิดเลยสุดแสนเว่อไปไม่เอาหรอก

ไปซื้อคันแรกมาปั่นแบบมือใหม่ซิงๆไม่มีความรู้เลยเรื่องจักรยาน คันละหมื่นแปด+ไมล์+หมวก+อีกสองสาม อย่างรวม สองหมื่นสี่ (แต่ก็ได้รถที่ดีมากนะครับ เพราะเป็นร้านดังลูกค้าเยอะ และมีคนแนะนำไป)

ปั่นได้ไม่นานได้ผล ถือว่าชอบการปั่นเข้าแล้ว ผ่านไปสองเดือนกว่าไปเอาเสือหมอบมาอีกคัน เกือบแปดหมื่น (เอ๊ะชักยังไงแรกๆไปมองคนอื่นว่าเล่นกันแพงจัง) บอกตัวเองว่าแค่นี้พอแล้ว ปั่นไปปั่นมา เปลี่ยนโน่นนี่ ล้อบ้างไรบ้าง รวมๆรถเราทั้งคันปาไปแสนสามแสนสี่เข้าแล้ว

มีคนแนะนำฮาร์ทเรท แรกๆไม่สนใจไม่อยู่ในความคิด ไม่มีก็เห็นปั่นได้ ปั่นได้ดีกว่าพี่ๆหลายคนในกลุ่มที่มีฮาร์ทเรทอีก เอามาคาดอก อึดอัดรำคาญเสียเปล่าๆ ... พอซื้อ 520 มา มันมีอาร์ทเรทมาด้วย ก็ลองๆใช้ดูและลองศึกษาว่ามันคืออะไรไอ้พวก Z1 z2 z3 z4 Z5 ที่เขาเรียกๆกัน พอเริ่มเข้าใจ ลองปั่นดูตามทีได้อ่านๆมา มันมีอะไรมากกว่าที่เราคิดไว้มากจริงๆ ทำให้มีหลักการมีแนวทางการปั่นที่เป็นแบบแผนมากขึ้น และทำแล้วได้ผล

ทุกวันนี้วันไหนที่ออกปั่นแล้วไม่คาดสายHr รุ้สึกเหมือนขับรถแล้วไม่ได้คาด safety belt
ออกไปปั่นแล้วแบต Hr หมด วันนั้นเลี้ยวรถกลับบ้านเลิกปั่นหมดอารมณ์ไปโดยปริยาย

ส่วนเรื่องวัตต์ทีี่ใครๆหลายคนพูดถึงกัน ก็ฟังๆไว้ ยังไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีในตอนนี้ แต่อนาคตก้คิดว่าอยากจะหามาลองใช้ดู ด้วยเหตุผลเพียงแค่อยากรู้ว่า พวกโปรมีแรงกดบันไดเท่านั้นเท่านี้ พี่คนนั้นมีแรงกดเท่านี้ อยากรู้ของเราบ้างว่ามีเท่าไหร่ ไม่ได้คิดไปไกลกว่านี้เลย ... แต่พอลองอ่านที่คุณหมออธิบายแล้ว มันมีอะไรมากมายกว่าที่ผมคิดไว้มาก คงต้องหามาใช้ในเร็ววันแน่ๆ ไม่ได้กะว่าเอามใช้ซ้อมไปแข่งกะใคร แต่ จะเอามาแข่งกับตัวเอง

ตอนนี้เริ่มมองๆว่า stage หรือ 4iiii ดี ขอหาข้อมูลและรีวิวก่อนครับ :lol: :lol: :lol:
ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ที่ค้นพบ ที่หาความสุขให้ตัวเองได้
อย่างไรก็ตามจักรยานก็ยังถูกกว่าเล่นกอล์ฟมาก ผมเคยเล่นกอล์ฟ 5 ปีหมดไปสองล้าน พอมีปัญหาครอบครัวไปแข่ง ตปท ไม่ได้เลยต้องเลิก ยอมรับว่าติดกอล์ฟเลิกยากจริงๆ แต่ก็เลิกจนได้ แล้วไปทำมูลนิธิสร้างกุศลผลบุญมันไปอีกแบบ
หยุดออกกำลังกายไปนาน ก็เลยเพลาๆลง หันมาปั่นจักรยานดูแลสุขภาพ งานที่ทำก็ทำทางออนไลน์แทน สบายไปอีกอย่าง
ขอแสดงความยินดีด้วยอีกรอบครับ
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”