รีวิว NEW PRIME TEAM 16/17 BY โค้ชตั้ม Wisut Kasiyaphat

ถ้าเป็นรถหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นของเสือหมอบโดยเฉพาะ เชิญเข้าห้องนี้ครับ

ผู้ดูแล: Cycling B®y, spinbike, velocity

ตอบกลับ
PR News
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 32
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 08:31

รีวิว NEW PRIME TEAM 16/17 BY โค้ชตั้ม Wisut Kasiyaphat

โพสต์ โดย PR News »

รีวิว NEW PRIME TEAM 16/17
BY โค้ชตั้ม Wisut Kasiyaphat


รูปภาพ
#InfinitePrimeTeam2016ได้ฤกษ์รีวิวกันซะทีครับ หลังจากที่ได้รับรถมาเกือบๆ จะเดือนนึงแล้ว ต้องค่อยๆ ปรับค่อยๆ คลึงไปจนจับคาแรคเตอร์และฟิลลิ่งของรถได้ ตอนนี้พร้อมจะมารีวิวให้ฟังกันนะครับหลายๆ ท่านสอบถามผมกันมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง? รถโมเดลนี้ ขี่ดีมั้ย? อยากรู้เร็วๆ ผมตอบตรงนี้ละกันนะครับ การจะรีวิวรถจักรยานนั้น มันไม่เหมือนการขับรถยนต์ ถ้าผมจับรถแป้ปเดียวแล้วมาเขียนได้เป็นเรื่องเป็นราว นั่นผมว่าไม่ใช่ละผมตงต้องนั่งเทียนเขียนเชียร์แน่ๆ เพราะการทดสอบรถจักรยานมันต้องใช้แรงคนปั่นไม่ใช่เครื่องยนต์นะ 555
ผมมีขั้นตอนของการทดสอบ แบบบ้านๆ ของผม ขี่จนแน่ใจว่า ความแตกต่างมันอยู่ตรงไหน? อาจจะไม่เป็นตัวเลขหรือดัชนีชี้วัดใดๆ แต่ผมทำความรู้จักกับมันมาพอสมควร พอจะบอกได้ว่า มันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ตรงจุดไหนบ้าง? ตามมานะครับ


รูปภาพ
#Firstimpression หรือ “รักแรกพบ”
ผมเห็นเจ้าตัวนี้ในครั้งแรกในแบบหน้าจอคอมพิวเตอร์ของ เดนิส ลาบิเกง ผู้อำนวยการฝ่าย R&D ของ Infinite รถทุกรุ่นของแบรนด์นี้ แกเป็นคนออกแบบร่วมกับ ปีเตอร์ พูลี่ย์ ครับ ผมคิดในใจ ตอนนั้นว่า “อืมม์ ก็ดูดีใช้ได้นะ พอดูได้ไม่ขี้เหร่” รอดูตัวจริงว่าจะแจ่มว้าวแค่ไหน?เวลาผ่านไป มีงานเปิดตัวรถซีรี่ย์ใหม่ปี 2016 ของอินฟินิท ผมก็ได้เห็นตัวจริงของเจ้า Prime Team ซึ่งบอกตรงๆว่า ตัวจริงสวยกว่าที่เห็นในรูปมากนัก ยิ่งได้ฟังรายละเอียดที่คุณ เดนิส ร่ายให้ฟัง แล้วผมว่ามันมีอะไรน่าสนใจกว่าที่คิดเยอะ


รูปภาพ
#Production “การผลิต”
เฟรมตัวนี้ใช้เทคโนโลยี่การผลิตโดยใช้เนื้อคาร์บอนเกรดสูงสุดของ มิตซูบิชิ จากประเทศญี่ปุ่น วางเลเยอร์เรียงแผ่นคาร์บอนด้วยความประณีตเทียบเท่ากับแบรนด์ดังๆ ในโลกที่เขาทำกัน เน้นความแข็งแรงเป็นจุดๆ อย่างมีชั้นเชิง มีการคำนวณการให้ตัว รับแรงบิด แรงสั่นสะเทือน อย่างละเอียด ผมนี้ใจเต้นระทึกเลยอยากจะลองดูซิว่ามันจะจริงมั้ย? เพราะผมเคยขี่มาทุกรุ่นไล่เรียงมาตั้งแต่ Prime ตัวแรก ไล่มา Prime Team 2014 /R-Flow 2015 จนมาถึงตัวนี้อยากรู้จริงๆ ว่าสิ่งที่พัฒนาขึ้นมามันคืออะไร?


รูปภาพ

สัมผัสแรกที่ได้ขี่
ผมได้รับคันนี้มาจากโรงงาน แกะกล่องแล้วประกอบด้วยอุปกรณ์ที่ให้มาครบชุด รู้สึกได้เลยว่า อืมม์ เขาให้ของมาค่อนข้างคุ้มค่ากับราคาค่าตัวนะ ตัวนี้เป็นตัวท้อปในรุ่น ชุดเกียร์เป็น Ultegra DI2 ล้อเป็นคาร์บอน Metron40 ของ Vision พร้อมรัดด้วยยาง คอนติเนนตัล ขาจานคาร์บอน พร้อมคอแฮนด์ ของ FSA เบาะของ San Marco รุ่น Concor ลายสีดำ/ทอง ธีมเดียวกับตัวรถ ดูลงตัวมากๆ คือให้อุปกรณ์มาแบบไม่มีกั้ก ในราคาค่าตัวที่สมเหตุสมผล พอประกอบเสร็จแล้วเอาไปลองเลยที่พระราม 4 ขี่แบบเดิมๆ ดิบๆนี่ล่ะครับ ผลสรุปจากครั้งแรกที่ได้สัมผัสคือ ผมรู้ว่ามันยังขาดๆ เกินๆ ไป หาจุดที่ผมถนัด ยังไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้รับในครั้งแรกคือ รถคันนี้มันขี่ได้นุ่มนวลกว่า R-Flow ที่ใช้อยู่แบบคนละเรื่องเลยครับ ท่อบนที่รีดบางทำให้มีพื้นที่ในการใช้ขาทั้งสองข้างอย่างสบายๆ R-Flow ไม่สโลป มีติดๆ นิดๆ หลักอานแบบเจาะรูตรงกลาง ก็เป็นจุดหนึ่งที่น่าสนใจ นัยของมันคือการซับแรงสั่นสะเทือนที่จะลดการสะท้านถึงตัวผู้ขี่ แต่อย่าเพิ่งมั่นใจไป มันต้องลองในทุกๆ รูปแบบ ขอไปโมดิฟายอีกนิ้ด เดี๋ยวได้รู้กันแน่ๆ ครับ


"จับมาโมดิฟาย"
ผมขี่ไปครั้งแรก ก็สามารถรู้ได้เลยว่าผมต้องการทำอะไรกับมันบ้าง อย่างแรกเลยคือ แฮนด์ที่ติดรถมาเป็นขนาดความกว้าง 40 (รถไซส์ S 46) เสตมคอยาว 100 ผมต้องจับเปลี่ยนเป็น 42/120 เซทระยะเอื้อมให้เท่ากันกับคันเก่า คือ 53.5 วัดจากกึ่งกลางแฮนด์ถึงปลายจมูกเบาะ เปลี่ยนชุดจานออกจาก Compact 50/34 เป็น Standard 53/39 และติดพาวเวอร์มิเตอร์ตัวเก่งของผมเข้าไป ใช้ใบจาน Rotor Q-ringเปลี่ยนโซ่ให้ยาวขึ้น เซท Inseem ให้ได้ 69.7 Setback 5 cm. เท่านี้ล่ะที่ผมขี่รถคันไหนก็ได้ถ้า มิตินี้ แต่ ผมไม่ได้บอกให้ทุกคนที่ซื้อไปต้องมาเปลี่ยนเหมือนผมนะครับ เพียงแต่ว่า แต่ละคนจะมีมิติและช่วงการปั่นที่ต่างกันไปให้หาจุดสมดุลย์ที่เหมาะสมที่สุดกันครับ เอาล่ะครับ การเทสครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น ผมขี่ด้วยความสนุกกับช่วงการปั่นที่เป๊ะเว่อร์ รู้สึกได้เลยว่า รถมันมีความนุ่มนวลกว่า คันเดิมที่ขี่ เพราะ R-Flow เป็นเฟรมรูปทรงแอโร่ว์ ท่อล่างแบนและใหญ่ ไม่สามารถเรียกความนุ่มนวลได้มากนัก แข็งกระด้างสุดๆ เพื่อเน้นเร็วอย่างเดียว ถ้าให้เทียบกันแล้ว มาถึงตอนนี้ผมว่า R-Flow จะมีย่านความเร็วที่เรียกมาช้ากว่า แต่ปลายไหลได้ติดความเร็วกว่า คือ 4-9 แต่ Prime Team จะมาตอนต้นตั้งแต่ 2-8 คือย่านของความเสถียรในการดึงความเร็ว และรักษาความเร็วที่ใช้แรงเท่ากัน จะมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันแบบนี้ล่ะครับ การลุกขึ้นโยกคลึงรถ รู้สึกได้ถึงความต่างในอุ้งมือเมื่อจับฮู้ด Prime Team จะให้ตัวได้มากๆ แต่ R-flow กลับมีอาการสู้มือ และสิ่งหนึ่งที่ผมพยายามหาจุดที่เหมาะสมและพยายามแก้ไขให้มันลงตัวคือการเซทเบาะและหลักอาน ที่มันยังมีอาการลั่น เปรี๊ยะๆ แต่ไม่มีการทรุดตัวลงแต่อย่างใด การเซทตรงนี้ใช้เวลานานมากกว่าจะหาจุดที่พอใจได้ มันละเอียดอ่อนมากครับ กว่าจะให้เลิกลั่นได้เล่นเอาเหงื่อตกกันล่ะครับ เล่นกับมันจนรู้ทางเลยล่ะครับการเทสของผมคือต้องพารถไปตระเวนปั่นในสถานที่ๆ เคยมาปั่นและคุ้นเคย จนแน่ใจว่าผมจับทิศทางของรถและความแตกต่างได้แล้ว เช่นใน สกายเลน ผมเคยปั่นทวนลมโดยใช้วัตต์ จำนวนหนึ่ง พอเปลี่ยนรถ ผมจะใช้วัตต์น้อยหรือมากขึ้น (ผลคือกินวัตต์น้อยลง) นั่นก็เป็นตัวบ่งบอกได้เช่นกัน เท่านั้นยังไม่พอ การนำไปขี่ในความเร็วสูงๆ ในกลุ่ม คันคลองไฮสปีด นั้นก็เทสรถได้แบบชัดเจน นี่ยังไม่รวมถึงการนำไปแข่งขันในครั้งแรกที่สนามลพบุรี Ride for all ที่รถคันนี้สามารถพาผมมุดลมหนีกลุ่มคว้าชัยได้อย่างไม่ยากนัก และสุดท้ายการพามันไปปีนป่ายดอย ทั้ง 7 พับสะเมิง และ ดอยสุเทพ ที่ผมขึ้นๆ ลงๆ มาเป็นหลายร้อยครั้งแล้ว จะรู้ว่าตรงไหนมันเป็นยังไง เอาล่ะเรียกว่าครบเครื่องในด้านการทดสอบทุกสภาพเส้นทาง ที่เหลือก็ต้องลองเอาไปฟิตติ้ง กับสำนัก Sport tech "Retul" เพื่อให้รู้กันไปเลยว่าที่ผมเซทรถมานั้นมันถูกต้องหรือไม่อย่างไร ต่อไปมาฟังบทสรุปกันครับ


รูปภาพ
“บทสรุป"
ถ้าคุณมองหารถจักรยานที่ต้องการตอบโจทย์ได้ทุกรูปแบบ ขี่ได้ในทุกสภาพเส้นทาง เน้นท่องเที่ยวกึ่งแข่งขันในราคาที่จับต้องได้ รูปทรงทันสมัยไม่ดูเทอะทะ และชอบในแนวทรงสโลป ตัวนี้ล่ะครับ รับรองว่าไม่เป็นรองแบรนด์ดังๆ ราคาเทพๆ แต่ต้องทำความเข้าใจกับเขาให้ดีก่อน มันมีความละเอียดอ่อนของมันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งช่วง เซทเบาะ การถอดล้อหน้าหลังที่ยังไม่คล่องตัวมากนัก เพราะคือระบบเซพตี้ที่กันล้อหลุด และหลักอานแบบใหม่ที่ตัวล้อคนั้น ต้องใช้ความใจเย็น ค่อยๆ ทำค่อยๆ เซทจนสุดท้ายแล้วก็จะได้รถที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด การออกแบบ ให้ช่วงกะโหลกด้านขวา แข็งกว่าด้านซ้ายที่รับแรงบิด นั้นเป็นการสร้างเฟรมที่ตอบสนองการขี่แบบกระทืบหนักๆ ได้ดี และความนุ่มนวลบวกน้ำหนักตัวที่สร้างขึ้นมานั้น มันเป็นอะไรที่พอดีๆ ไม่เบาเกินไป และแข็งกระด้างจน รู้สึกว่ามันแข็งเกิน ช่วงท่อหน้าที่ออกแบบให้มีส่วนซับแรงต่ำลง นั้นสามารถพลิกรถได้ไว จากการเทส ลงเขาด้วยความเร็วสูงๆ ยิ่งปั่นยิ่งสนุก เพราะรถคันนี้มีทุกอย่างเทียบเท่ากับรถระดับดังๆ เขามีกัน 1.เบา 2.แอโร่ว์ 3.แข็งแรง 4.นุ่มนวล 5.ซับแรงสะเทือน และหน้าตาสวยหล่อ สมกับราคาค่าตัวทั้ง 3 ซีรี่ส์ ตัวบนสุดจัดเต็มกับ DI2 ล้อคาร์บอน ตัวรองได้กรุ้ปเซท อัลเทรกร้า และตัวล่างสุดกับ 105 เต็มเซท เลือกเอาตามใจชอบและงบประมาณเปรียบเทียบกับการตอบโจทย์ในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะเลือกตัวไหนก็จะได้เฟรมคุณภาพเดียวกันแบบนี้ไปนอนกอดแค่นี้ก็เกินคุ้มละครับ..


รูปภาพ
#รถจักรยานไทยราคาคนไทยขอให้ปั่นสนุกเหมือนผมนะครับ :)
Wisut Kasiyaphat

ขอขอบคุณ LA Group สำหรับบทความรีวิว
Official Publish by Thaimtb.com
Copy Right by Wisut Kasiyaphat[homeimg=300,250]http://www.thaimtb.com/forum/picture_mt ... 821122.jpg[/homeimg]
รูปประจำตัวสมาชิก
กำแพง
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 51
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2011, 23:59
Tel: 0894546099
Bike: หมอบ

Re: รีวิว NEW PRIME TEAM 16/17 BY โค้ชตั้ม Wisut Kasiyaphat

โพสต์ โดย กำแพง »

:shock:
tuckbaggio
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 13
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.พ. 2011, 16:24
team: บางมด
Bike: Culebro 2.0
ติดต่อ:

Re: รีวิว NEW PRIME TEAM 16/17 BY โค้ชตั้ม Wisut Kasiyaphat

โพสต์ โดย tuckbaggio »

งามมมมมมมากกกครับบบบบบบ :D :D :D
รูปประจำตัวสมาชิก
BOOMMANIA
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 311
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2013, 16:51
Bike: Ridley Noah SL#Rotor#Easton EC90Aero

Re: รีวิว NEW PRIME TEAM 16/17 BY โค้ชตั้ม Wisut Kasiyaphat

โพสต์ โดย BOOMMANIA »

รีวิวดีคับ
ตอบกลับ

กลับไปยัง “เสือหมอบ (roadbike)”