2015 BMC TEAMMACHINE SLR03

[Lange]

มิติใหญ่กว่าGF02เยอะเลยครับโดยเฉพาะท่อบน

[lucifer]

[
วิเคราะห์น้ำหนักเฟรมเลยนะครับ
น้ำหนักครบชุด Weights in at 1230 grams, (complete with frame hardware, in a size 54.) รถ้าไม่รวมตะเกียบ น้ำหนักขนาดนี้ กับเฟรมขนาด 54 ผมว่ามันเบากว่า CAAD10 size เท่ากันนะครับ เพราะ CAAD10 size 48 ของผมเอง ชั่งออกมาก็เบากว่านี้นิดเดียวเองนะครับ )

สงสัยจะไม่บางแล้วครับ ข้อมูลด้านบน ไม่ได้รวมตะเกียบ
SLR01 : frame 790g / frameset 1,360g
SLR02 : frame 970g / frameset 1,530g
SLR03 : frame 1,230g / frameset 1,860g

ในอดีต ผมเป็นสมาชิกของกลุ่ม gram counter ครับ 10 กว่าปีที่แล้วในสมัยที่คาร์บอนยังเป็นของหายาก ผมเคยทำเสือภูเขาเฟรมโครโม ชั่งจริงพร้อมใช้งานจริง รวมไมล์ รวมขากระติก รวมบันได หนัก 9.8 kg มาก่อน

ยิ่งปัจจุบันผมมีตาชั่งดิจิทัล ทั้งแบบแท่นชั่งของเบากว่า 2 กก และ แบบแขวน

SLR01 เป็นเฟรมคาร์บอนรุ่นใหม่ ทำท่อบาง ใช้คาร์บอนไฟเบอร์กลุ่ม HiMod
SLR02 เป็นเฟรมคาร์บอนที่น่าจะเอาเทคโนโลยี่ของ SLR01ปี 13 มาใช้ เฟรมจึงยังมีน้ำหนักอยู่
แต่จะบอกว่า เฟรมset ของ SLR01 และ 02 นั้น น้ำหนักเฟรมเซทที่งอกขึ้นมาจากเฟรมเปล่าอีก 550 -560 กรัม นั้นคือ น้ำหนักของตะเกียบ + หลักอาน

เฟรมเปล่าของ CAAD10 size 48 เฟรมเปล่า ไม่รวมตะเกียบ ผมชั่งกับมือได้น้ำหนัก 1,150 กรัม
เฟรมเปล่าของ SLR03 size 54 เฟรมเปล่าไม่รวมตะเกียบ น้ำหนักตามสเปค 1,230 กรัม
ดังเหตุผล 108 ที่ผมเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกแล้วว่า ท่อใหญ่ขึ้น จึงทำท่อให้บางขึ้น ผลคือ ลดมวลสาร แต่คงความแข็งแรงเท่าเดิม
ถ้าเคยใช้ CAAD10 จะเห็นว่าลักษณะท่อต่างๆของ CAAD10 ธรรมดามากๆ ท่อล่างก็ไม่ได้ใหญ่มาก เพราะเป็น BB30 ที่ไม่สามารถขยายเฟรมกระโหลกให้กว้างกว่า 68mm ได้ ในขณะที่ SLR03 เป็นเฟรม BB86 ที่ขยายเฟรมกระโหลกเต็ม 86.5mm แล้วทำท่อบนให้อวบใหญ่ไปด้วยกันกับขนาดของเฟรมกระโหลก

ผมจึงอยากให้ไปดู SLR01 ตัวเป็นๆก่อนนะครับ ว่ารูปร่างหน้าตาในการออกแบบท่อเป็นยังไง ซึ่ง SLR03 ในรูปที่เอามาลงนี้ ผมบอกเลยว่าหน้าตามันคล้ายคลึงกับ SLR01 ในเรื่องของการเลือกท่อล่างอันอ้วนใหญ่ ตะเกียบโซ่ขนาดใหญ่

ถ้าคิดจะเล่นจักรยานเป็นงานอดิเรก ก็น่าจะได้เคยเห็นอะไรผ่านตามาพอสมควรก่อน ไม่งั้นผมเองไม่กล้าพูดหรอกว่า ท่อล่างของ SLR03 จะต้องบางเฉียบขนาดไหน

เฟรมเสือหมอบอลูมิเนียมเฟรมเปล่า ตามสเปค น่าจะรวมที่รัดหลักอานแล้ว รถขนาด 54 น้ำหนัก 1,230 กรัม นี่ ถือว่าเบานะครับ ถ้าท่อล่างอันอวบใหญ่ แล้วไม่รีดให้บางเฉียบ น้ำหนักเฟรมต้องมากกว่านี้เข้าไปอีก

ส่วนน้ำหนักรวมของเฟรมเซทที่ 1,860 กรัม ส่วนเกินเพิ่มมาอีก 630 กรัม ไม่น่าจะแถมหลักอาน นั่นก็คือเป็นตะเกียบซางอลูมิเนียม ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ตะเกียบคาร์บอน ซางอลูมิเนียมไม่ตัดซาง จะหนักอยู่ราวๆนี้ ยิ่งถ้าเป็น size 54 ซางก็น่าจะเหลือยาวกว่ารถขนาดเล็กที่ผมเคยชั่งมาเสียอีก


ลองดูสเปคของน้ำหนักเฟรมเปล่าของเฟรมเสือหมอบอลูมิเนียมมาเปรียบเทียบกันดีกว่าครับ
ทำการบ้านอีกนิด แล้วจะเข้าใจว่าเฟรมอลูมิเนียมขนาด 54 น้ำหนักเฟรมเปล่าไม่รวมตะเกียบ หนักแค่ 1,230 กรัมนี่ มันเบามากแล้วนะครับ
แล้วก็ลองนั่งคิดอีกนิด ก็จะเข้าใจว่า เฟรมที่เบามากๆนั้น ควรจะใช้วิธีใดในการรีดท่อทำเฟรม

เมื่อนั้นก็จะร้อง "อ๋อ" เองแหละ

[dew35424235]

[ThaNanSak]

ขอเก็บข้อมูลครับ

[ifinxz]

งั้นก็สรุปง่ายๆ ว่า ถ้าท่อล่างใหญ่แต่น้ำหนักรวมค่อนข้างเบา ก็แสดงว่าท่อบางสินะ
ขอแค่ปั่นแล้วไม่รู้สึกย้วยผมว่าหลายคนที่ไม่ใช่ขาแรงก็คงพอใจแหละครับ
แหม อยากลองขี่บ้างจัง

[nook53140]

สวยครับ

[lucifer]

งั้นก็สรุปง่ายๆ ว่า ถ้าท่อล่างใหญ่แต่น้ำหนักรวมค่อนข้างเบา ก็แสดงว่าท่อบางสินะ
ขอแค่ปั่นแล้วไม่รู้สึกย้วยผมว่าหลายคนที่ไม่ใช่ขาแรงก็คงพอใจแหละครับ
แหม อยากลองขี่บ้างจัง

เรื่องย้วย ผมไม่คิดว่ามันจะย้วยหรอกครับ
อันนี้มันเป็นเรื่องของ Tension ในท่อครับ

อธิบายอีกครั้งนะครับ

ความแข็งแรงหรือความสามารถในการรับ tension ของท่อนั้น จะขึ้นอยู่กับ
1. เส้นผ่าศูนย์กลางของท่อ
2. ความหนาของผนังท่อ

ความเป็นจริงก็คือ หากเราเพิ่มเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อให้ใหญ่ขึ้น ท่อก็จะมีความสามารถในการรับ tension ได้มากขึ้น และเมื่อเราลดความหนาของผนังท่อให้บางลงจน ความสามารถในการรับtension โดยรวมของท่อเทียบเท่ากับท่อเดิม เราจะพบว่า มวลสารทั้งหมดของท่อที่ใหญ่ขึ้นจะมีน้อยลงกว่าเดิม

ความจริงข้อนี้จึงทำให้เราสามารถรีดท่อให้แข็งแรงได้เหมือนเดิม โดยท่อใหม่มีน้ำหนักที่เบาลงกว่าเดิม

[ifinxz]

แล้วความรู้สึกที่ว่ามัน "ย้วย" นั่นคือมันจะเกิดกับจุดไหนของเฟรมหรือตัวรถครับ
เพราะความเข้าใจของผมคือว่าถ้าแรงเราเยอะจนถึงขนาดที่กดขาลงน้ำหนักบนบันไดจนรู้สึกได้ขนาดนั้นแสดงว่าการให้ตัวของเฟรมนั้นมันมีมากใช่ไหมครับ
แต่ถ้าเรากดบันไดแล้วรถมันพุ่งโดยที่ไม่รู้สึกว่าย้วยก็แสดงว่าเป็นความสติฟที่พูดถึงกันใช่หรือเปล่า
อันนี้ไม่ได้พูดถึงความกระด้างนะครับเพราะผมเคยอ่านเจอเรื่องพุ่งนุ่มพุ่งแข็งพุ่งกระด้างอยู่ แต่ส่วนตัวยังไม่เคยแยกแยะได้ถึงขนาดนั้น

[lucifer]

แล้วความรู้สึกที่ว่ามัน "ย้วย" นั่นคือมันจะเกิดกับจุดไหนของเฟรมหรือตัวรถครับ
เพราะความเข้าใจของผมคือว่าถ้าแรงเราเยอะจนถึงขนาดที่กดขาลงน้ำหนักบนบันไดจนรู้สึกได้ขนาดนั้นแสดงว่าการให้ตัวของเฟรมนั้นมันมีมากใช่ไหมครับ
แต่ถ้าเรากดบันไดแล้วรถมันพุ่งโดยที่ไม่รู้สึกว่าย้วยก็แสดงว่าเป็นความสติฟที่พูดถึงกันใช่หรือเปล่า
อันนี้ไม่ได้พูดถึงความกระด้างนะครับเพราะผมเคยอ่านเจอเรื่องพุ่งนุ่มพุ่งแข็งพุ่งกระด้างอยู่ แต่ส่วนตัวยังไม่เคยแยกแยะได้ถึงขนาดนั้น

จุดสำคัญที่สุด ที่่ส่งผลต่อการย้วยของเฟรมก็คือส่วนของเฟรมในส่วนกระโหลกครับ ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องมองว่าทำอย่างไรจะให้แรงทั้งหมดที่เรากดบันไดลงไปให้ส่งผ่านไปถึงล้อได้ทั้งหมด โดยไม่มีการบิดตัวของเฟรมเลย

พูดง่ายๆว่า ถ้าทำส่วนของเฟรมกระโหลกให้อวบใหญ่ ให้ผายออก พัฒนารูปทรง วิธีการเชื่อมบรรจบ เลือกใช้ความหนาของท่อที่เหมาะสม ทำยังไงก็ตามที่ทำให้แรงที่เหยียบบันไดไม่สามารถบิดเฟรมในส่วนนี้จนลามไปถึงตะเกียบโซ่ให้แอ่นหรือส่ายไปมาได้ เฟรมนั้นก็จะstiff ( จากนั้นจึงไปพัฒนาในส่วนควบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง )


ส่วนความกระด้างนั้นเป็นเรื่องของความสามารถในการส่งผ่านแรงกระแทก ( impact ) จากพื้น สู่ล้อ สู่เฟรม และมาสู่ตัวของเรา เฟรมที่ถ่ายทอดได้อย่างหมดจด เฟรมนั้นก็จะเป็นเฟรมที่กระด้าง

[ifinxz]

แล้วความรู้สึกที่ว่ามัน "ย้วย" นั่นคือมันจะเกิดกับจุดไหนของเฟรมหรือตัวรถครับ
เพราะความเข้าใจของผมคือว่าถ้าแรงเราเยอะจนถึงขนาดที่กดขาลงน้ำหนักบนบันไดจนรู้สึกได้ขนาดนั้นแสดงว่าการให้ตัวของเฟรมนั้นมันมีมากใช่ไหมครับ
แต่ถ้าเรากดบันไดแล้วรถมันพุ่งโดยที่ไม่รู้สึกว่าย้วยก็แสดงว่าเป็นความสติฟที่พูดถึงกันใช่หรือเปล่า
อันนี้ไม่ได้พูดถึงความกระด้างนะครับเพราะผมเคยอ่านเจอเรื่องพุ่งนุ่มพุ่งแข็งพุ่งกระด้างอยู่ แต่ส่วนตัวยังไม่เคยแยกแยะได้ถึงขนาดนั้น

จุดสำคัญที่สุด ที่่ส่งผลต่อการย้วยของเฟรมก็คือส่วนของเฟรมในส่วนกระโหลกครับ ดังนั้นผู้ผลิตจึงต้องมองว่าทำอย่างไรจะให้แรงทั้งหมดที่เรากดบันไดลงไปให้ส่งผ่านไปถึงล้อได้ทั้งหมด โดยไม่มีการบิดตัวของเฟรมเลย

พูดง่ายๆว่า ถ้าทำส่วนของเฟรมกระโหลกให้อวบใหญ่ ให้ผายออก พัฒนารูปทรง วิธีการเชื่อมบรรจบ เลือกใช้ความหนาของท่อที่เหมาะสม ทำยังไงก็ตามที่ทำให้แรงที่เหยียบบันไดไม่สามารถบิดเฟรมในส่วนนี้จนลามไปถึงตะเกียบโซ่ให้แอ่นหรือส่ายไปมาได้ เฟรมนั้นก็จะstiff ( จากนั้นจึงไปพัฒนาในส่วนควบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง )


ส่วนความกระด้างนั้นเป็นเรื่องของความสามารถในการส่งผ่านแรงกระแทก ( impact ) จากพื้น สู่ล้อ สู่เฟรม และมาสู่ตัวของเรา เฟรมที่ถ่ายทอดได้อย่างหมดจด เฟรมนั้นก็จะเป็นเฟรมที่กระด้าง

เข้าใจแล้วครับ ด้วยคำอธิบายนี้ผมสามารถมองภาพชัดเจนขึ้นมาเลย
ส่วนเรื่องความรู้สึกนั้นคงต้องพัฒนาให้ตัวเองมีแรงมากกว่านี้อีกหน่อยแล้วได้ลองขี่รถหลายๆ คันก็น่าจะพอแยกแยะได้
ขอบคุณครับ

[feehzer]

รอชม

[akekb]

slr03 2015 เป็นคาร์บอนนะครับ

[ArtZ]

รอติดตามข้อมูลและราคาครับ