Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

คำถามพูดคุยเกี่ยวกับจักรยานเสือภูเขาหรืออุปกรณ์ต่างๆ

ผู้ดูแล: seven@klein, Cycling B®y, tntm, เสือ Spectrum

edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

รูปภาพ
Credit รูป: http://www.starbike.com/tacx-vortex-smart


หลังจากที่ได้ทำรีวิวเทรนเนอร์ ไว้ในกระทู้นี้ http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... &t=1267839
ก็ได้รับความสนใจจากเพื่อนๆหลายๆท่าน รวมถึงมีข้อความส่วนตัวและโทรศัพท์เข้ามาสอบถามและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันพอสมควร ต้องขอบคุณสมาชิกทุกๆท่านมาก ทำให้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
ส่วนตัวผมเองก็ใช้ตัว Kurt Kinetic Rock & Roll อยู่ พร้อมกับใช้โปรแกรมจำลองค่าวัตต์ เพื่อฝึกซ้อม ซึ่งก็พอใจกับการใช้งานมาก

จนคืนวันเสาร์คืนหนึ่ง ระหว่างกำลังอ่าน Facebook ก็ได้เจอข้อมูลว่า ตัว Tacx Vortex Smart Trainer ที่ผมเคยให้ความสนใจอยู่เมื่อหลายเดือนก่อน ตอนนี้มีวางขายในไทยแล้ว ในราคาตั้ง 21,000 บาท
ผมใช้เวลาตัดสินใจไม่กี่วินาที ก็จัดแจงถ่ายรูปเจ้า Kurt Kinetic Rock & Roll เพื่อลงขายในทันที วันรุ่งขึ้นหลังจากปั่นจักรยานเสร็จ ก็รีบโทรสอบถามราคา ซึ่งราคาหลังหักส่วนลดแล้ว ถูกกว่าที่คิดพอสมควร ก็ขับรถดิ่งจากบ้านไปร้านดังย่านลาดพร้าว เพื่อรับ Tacx Vortex Smart กลับมา เป็นจังหวะเดียวกับที่เทรนเนอร์ตัวเก่าถูกขายออกอย่างรวดเร็ว
ใจจริงผมก็อยากเก็บตัวเก่าไว้ทดสอบคู่กัน แต่ค่อนข้างลำบาก เพราะทางบ้านคงไม่ยอมให้มีเทรนเนอร์สองตัว กับจักรยานหนึ่งคัน มาอยู่ในห้องนอนเป็นแน่

อีกอย่างคือ รีวิวสินค้าของผมทุกชิ้น ผมออกเงินซื้อมาใช้เอง ไม่มีสปอนเซอร์ ก็คงจำเป็นต้องขายตัวเก่าออกเพื่อสมทบทุนซื้อตัวใหม่มาลอง และทำรีวิวต่อไป และรีวิวของผมก็สามารถเขียนอย่างตรงไปตรงมาได้เต็มที่ อะไรดีก็ว่าดี อะไรแย่ก็ว่าแย่
รีวิวนี้ ผมพยายามเรียบเรียงให้กระชับ แต่ได้เนื้อหามากที่สุด เนื่องจากเทรนเนอร์ตัวนี้ มีอะไรให้พูดถึงมากพอสมควร รวมถึงบางส่วน จะไปเกี่ยวข้องกับตัว Garmin Edge 520 ด้วย ทำให้เนื้อหามันเยอะมาก อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากมีข้อมูลอะไรที่ผิดพลาด ต้องขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้


แกะกล่อง Tacx Vortex Smart

หลังจากที่รับเทรนเนอร์กลับมาถึงบ้านด้วยความตื่นเต้น (อีกแล้ว)
ความประทับใจอย่างแรกคือ กล่องทำออกมาได้สวยงาม สีสันสดใส และที่สำคัญ กระทัดรัดมาก ยกคนเดียวสบายๆ

รูปภาพ

แกะกล่องออกมา ก็พบกับเทรนเนอร์และอุปกรณ์ต่างๆ จัดเรียงมาเรียบร้อย

รูปภาพ

อุปกรณ์ที่มาในกล่องก็จะมี ตัวเทรนเนอร์, ถาดรองล้อ, แกนปลดของ Tacx, คู่มือและประแจหกเหลี่ยม
แกะกล่องออกมาครั้งแรก ตกใจ เพราะไม่เห็นถาดรองล้อ คิดในใจว่าซวยแล้วกรู ซื้อของไม่แกะดูก่อน หรือมันจะไม่แถมมา แต่ดูข้างกล่องมันก็ระบุว่าแถมมาในกล่อง หรือร้านลืมใส่มา แต่กล่องเราก็เป็นคนแกะเองที่บ้านนี่นา ที่ไหนได้ มันอยู่อีกด้านหนึ่งของโฟม ใจหายแว๊ปเลยเรา

ตัวเทรนเนอร์ทำสีสันออกมาได้ดูทันสมัย (หรือล้ำสมัย) มาก งานประกอบ งานเหล็ก งานสี งานพลาสติก ถือว่าค่อนข้างดีน่าประทับใจ

รูปภาพ

รวมถึงถาดรองล้อ ที่มีชื่อเรียกหรูๆว่า Skyliner ก็ทำออกมาได้โดดเด่นแปลกตา

รูปภาพ

ตัวเทรนเนอร์ มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ไม่เปลืองพื้นที่วาง ซึ่งเป็นข้อดี แต่ข้อเสียก็คือ เทรนเนอร์ที่เบา ก็จะไม่ค่อยมั่นคงเมื่อเทียบกับเทรนเนอร์ที่มีน้ำหนักมาก ตรงนี้เป็นจุดที่จะต้องยอมรับ

ตัวลูกกลิ้ง ก็เล็กตามขนาดของเทรนเนอร์ แต่ข้อดีคือมีระบบจับยึดแบบ Quick Clamp คล้ายๆกับของ CycleOps แต่ระบบจับยึดแบบนี้ ผมไม่ชอบตรงที่ไม่รู้ว่าควรจะตั้งค่าความแน่นไว้ที่เท่าไหร่ถึงจะพอดี

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

ตัวจับยึดจักรยาน ก็คล้ายๆกับ CycleOps รุ่นธรรมดา คือมีคันบิดล็อก ไม่สามารถปรับตำแหน่งให้ล้อจักรยานอยู่กึ่งกลางลูกกลิ้งได้ แต่เป็นแบบ Quick Lock เหมือนกัน

รูปภาพ

หมายเหตุ: ผมใช้วิธีกลับด้านตัวแกนปลด และพบว่าทำให้ล้อมาอยู่ตรงกลางลูกกลิ้งได้ จากเดิมที่ล้อจะเยื้องไปอยู่บริเวณขอบของลูกกลิ้งค่อนข้างมาก

รูปภาพ

ตรงนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะมีข้อเสียอะไรหรือเปล่า แต่ส่วนตัวมองว่า มันก็ไม่น่าจะเลวร้ายกว่าการปล่อยให้ยางบีบอัดอยู่บริเวณที่ไม่ใช่จุดกิ่งกลางลูกกลิ้งตลอดเวลา
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

สเปคทั่วไป

Tacx Vortex Smart ตัวนี้ เป็นตัวที่ปรับปรุงจากรุ่นเดิมคือ iVortex โดยตัดตัวหน้าจอควบคุมออกไป และใช้การควบคุมผ่าน App แทน (ซึ่งตัวเก่าไม่สามารถทำได้) ทำให้คุณสมบัติทางเทคนิคเหมือนกันแทบจะทั้งหมด ซึ่งตัวนี้เป็นเทรนเนอร์ระดับกลางๆของค่ายนี้ ยังมีตัวที่อยู่ในระดับสูงกว่านี้อีกหลายตัว ซึ่งราคาก็สูงตามไปด้วย สามารถเลือกใช้ได้ตามงบประมาณในกระเป๋านะครับ
ปกติผมรีวิวสินค้า จะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องสเปค เพราะส่วนตัวไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ ซื้อรถ ไม่เคยสนใจสเปคแรงม้า แรงบิด, ซื้อโทรศัพท์มือถือก็ไม่เคยอ่านว่าใช้ CPU อะไร, จอความละเอียดเท่าไหร่ จะซื้อ เพราะชอบและราคาอยู่ในระดับที่เรายอมรับได้
และก็เช่นกันสำหรับเทรนเนอร์ตัวนี้ ด้วยความที่ผมไม่ชอบอ่านสเปค หลังจากได้มาแล้วถึงมานั่งอ่านก็พบว่าบางอย่างมันไม่ใช่อย่างที่เราคิด ทำให้มีปัญหาและค่าใช้จ่ายที่ตามมา และสุดท้ายกลายเป็นว่าเทรนเนอร์ตัวนี้ มันก็ไม่ได้ราคาถูกเหมือนที่คิดไว้ตอนแรก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไป แต่ตอนนี้ ขอลงสเปคคร่าวๆให้ดูก่อน
สเปคจากผู้ผลิต

•Operation Automatic
•Resistance unit Electro
•Realistic slope 7%
•Descent simulation -
•Max brake power (10 sec.) 950 Watt
•Sprint power (1 min.) 750 Watt
•Mass inertia 11,81 kg

จากสเปคข้างต้นมีจุดที่สำคัญที่ผมสนใจอยู่แค่ 2 จุด คือระบบ Resistance เป็นแบบ Electro Brake และความชันสูงสุดที่สามารถจำลองได้ คือ 7%
ตัว Electro Brake จะใช้กับเทรนเนอร์รุ่นกลางๆ ในขณะที่รุ่นสูงๆจะเป็น Motor Brake ซึ่งทางผู้ผลิตอ้างว่าให้ความสมจริงในการปั่นมากกว่า เนื่องจากสามารถสร้างความหนืดได้สูงกว่าในขณะที่ค่าความชันเป็นบวก (ขึ้นเนิน) และสามารถสร้างแรงปั่นแทนเราได้ ในขณะที่ค่าความชันเป็นลบ (ลงเนิน)
ผมไม่มีโอกาสได้ลอง Tacx ตัวอื่น เลยยังไม่สามารถเปรียบเทียบได้ในตอนนี้ (ถ้าท่านใดใจดี จะให้ยืมมารีวิว ก็ยินดีนะครับ)
ส่วนเรื่องค่าความชัน 7% ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆว่ามันจำลองความหนืดได้ประมาณขึ้นเขาใหญ่หรือดอยสุเทพ ถ้าชันกว่านี้เช่นภูทับเบิก ค่าความหนืดก็จะได้แค่นี้ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ตัว Software ของ Tacx จะจำลองว่าเราปั่นได้ความเร็วที่ต่ำลง เพื่อชดเชยตรงนี้แทน ซึ่งหากเราต้องการรักษาความเร็ว ก็จำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปใช้เกียร์หนักขึ้น ซึ่งก็เหมือนกับการเพิ่มความชันขึ้นไปนั่นเอง
เช่นเดียวกับกรณีปั่นลงเนิน เนื่องจากตัว Vortex Smart ไม่สามารถจำลองการลงเนินได้ (ไม่มี Motor ช่วยปั่น) ก็จะใช้วิธีจำลองค่าความเร็วให้เพิ่มขึ้นแทน (ปั่นโดยใช้แรงเท่าเดิม แต่ได้ความเร็วเพิ่มขึ้น)
ตามสเปคตัวนี้ สร้างความหนืดสูงสุดได้เทียบเท่าความชัน 7% ซึ่งผมว่ามันก็เพียงพอแล้ว หากอยากได้มากกว่านี้ ก็ต้องไปหารุ่นที่แพงขึ้น อย่างตัว i-Genius ซึ่งทำความหนืดได้เทียบเท่าความชัน 20% เลยทีเดียว
ลองดูกราฟเปรียบเทียบนะครับ

รุ่น Vortex Smart

รูปภาพ

รุ่น Bushido

รูปภาพ

รุ่น iGenius

รูปภาพ

จากกราฟ จะเห็นว่า รุ่น iGenius สามารถปรับความหนืดได้ครอบคลุมที่สุด แถมยังจำลองความชันเป็นลบได้ (โดยการใช้มอเตอร์ช่วยปั่น) ในขณะที่รุ่น Vortex Smart จะมีย่านที่ใช้งานได้แคบที่สุด


มีสเปคอีกจุดหนึ่งที่ควรจะต้องรู้ เนื่องจากเป็นจุดสำคัญของ Tacx Trainer ตระกูล Smart ก็คือ มันรองรับมาตรฐาน ANT+ FE-C ซึ่งเป็นระบบเปิด ทำให้อุปกรณ์พวก ANT+ สามารถสื่อสารกันได้โดยไม่อิงกับยี่ห้ออีกต่อไป อธิบายง่ายๆคือ เราสามารถซื้อเทรนเนอร์ยี่ห้อ Tacx แต่ใช้กับ Software หรือ App ของยี่ห้ออื่นๆได้ทั้งหมด
และอีกจุดที่สำคัญคือ เราสามารถควบคุมตัวเทรนเนอร์ โดยใช้ Garmin Edge 520 ที่รองรับ ANT+ FE-C ได้อีกด้วย

แล้วมันดียังไง
หากทุกท่านยังจำได้ ตอนเขียนรีวิวเทรนเนอร์รอบก่อน ผมได้พูดถึงสาเหตุที่ผมขายตัว Bkool ออกไป เนื่องด้วยข้อจำกัดที่มันต้องต่อกับ Computer หรือ Smartphone ตลอดเวลา ซึ่งผมไม่ชอบเอามากๆ

แต่หลังจากที่ Tacx ได้สร้างเทรนเนอร์ของตนให้รองรับ ANT+ FE-C เป็นรายแรก ทางฝ่าย Garmin ก็ปล่อยตัว Garmin Edge 520 ซึ่งรองรับมาตรฐานนี้เช่นกัน นั่นหมายความว่า เราสามารถใช้ Edge 520 ควบคุมตัวเทรนเนอร์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพา Computer อีกต่อไป

ตัว Tacx Vortex Smart ยังสามารถเป็นเทรนเนอร์แบบ Classic Trainer ได้ โดยถ้าเสียบปลั๊กไฟ แต่ไม่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ควบคุม ตัวเทรนเนอร์จะทำตัวเหมือนเทรนเนอร์ระบบของเหลว (Fluid Trainer) ซึ่งมีค่าความหนืดแบบแปรผันตามความเร็วในการปั่น นั่นหมายถึงว่า ตัวมันเองสามารถทำงานเป็นเทรนเนอร์แบบ Stand alone ได้อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ผมตัดสินใจเลือกเทรนเนอร์ตัวนี้มาใช้

นอกจากนี้ ตัวเทรนเนอร์เอง สามารถทำตัวเป็น Sensor วัดความเร็ว, วัดรอบขา และเป็น Power Meter ได้ด้วย โดยสามารถส่งสัญญาณเพื่อไปแสดงผลบน App หรือบน Garmin ได้เลย
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

เริ่มต้นใช้งานจริง

เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้น ขอจำแนกวิธีการใช้งานเทรนเนอร์ตัวนี้ เป็น 2 แบบหลักๆคือ

1. การใช้งานแบบ Stand alone หรือเสียบปลั๊ก แล้วปั่นได้เลย

ความรู้สึกที่ได้จากการปั่นแบบธรรมดา เป็นความรู้สึกแบบเทรนเนอร์ระบบแม่เหล็กทั่วไป คือห้ามหยุดปั่น ห้ามฟรีขา เพราะล้อมันจะหยุดหมุน ตัวนี้ก็คล้ายๆกัน ถ้าฟรีขา ล้อจะหมุนต่อไปนิดเดียว แล้วก็หยุด ไม่เหวี่ยงต่อไปเองเหมือนเทรนเนอร์ดีดีที่มีล้อช่วยแรงขนาดใหญ่ช่วย แต่ข้อดีคือ เมื่อปั่นเร็วขึ้น ความหนืดมันเพิ่มขึ้นเองเหมือนตัว CycleOps Super Magneto ที่ผมทำรีวิวไป
แถมทดลองปั่นเกียร์หนักสุด พบว่าหนืดมากกว่าตัว Super Magneto เสียอีก ท่านที่ชอบฝึกแบบ Interval รอบขาช้าๆ แต่หัวใจโซน 4 - 5 น่าจะชอบใจแน่ๆ

เรื่องของความรู้สึกสมจริงในการปั่น ยังสู้พวก Classic Trainer ระดับสูงๆไม่ได้ ถึงแม้ความหนืดจะเพิ่มขึ้นแบบ Progressive แต่มันไม่ราบรื่นเหมือนกับ Classice Trainer ดีดีอย่าง CycleOps Super Magnetro หรือ Kurt Kinetic Rock & Roll เปรียบเทียบง่ายๆ คือเหมือนฟังเพลงจากแผ่นเสียง กับแผ่นซีดี นั่นแหละครับ ระบบ Analog กับ Digital อะไรประมาณนั้น แต่มันไม่ได้แย่ครับ ดีกว่าเทรนเนอร์ระดับกลางๆอยู่แล้ว และก็ถือว่าเป็นของแถม สำหรับบางวันที่เราไม่อยากยุ่งยากกับการซ้อมมากนัก เสียบปลั๊กแล้วปั่นได้เลย

เรื่องความมั่นคง เนื่องจากเทรนเนอร์มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เวลาปั่นหนักๆ หรือปั่นเร็วๆ จะพบว่าเสียงดังและมีอาการสั่นสะเทือนเบาๆถี่ๆมาถึงแฮนด์รถเลย ถ้าปั่นหนักๆต่อเนื่องนี่ ถึงขั้นมือชา

เทียบกับ Kurt Kinetic ตัวเดิม ต้องบอกว่า "มวยคนละรุ่น" ตัวนั้นให้ความรู้สึกมั่นคง หนักแน่นกว่ากันเยอะ ไม่มีอาการสั่นให้รู้สึกได้เลย

อีกเรื่องคือ ตัวเทรนเนอร์เอง สามารถปล่อยสัญญาณเหมือนเป็น Power Meter ได้ ทำให้เราสามารถใช้ Garmin Edge เป็นตัวรับและแสดงข้อมูลวัตต์ในขณะปั่นได้ โดยไม่ต้องมี Power Meter แยกอีก

2. การใช้งานแบบ Simulator Trainer โดยผ่านตัวควบคุม ผมขอแบ่งเป็น 3 แบบ คือ

2.1 ใช้งานผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Tacx Trainer Software (TTS) ซึ่งตอนนี้เป็น Version 4 และมี 2 รุ่นย่อยคือ Basic และ Advance
เนื่องจากตัว Vortex Smart เป็นเทรนเนอร์รุ่นประหยัด จึงไม่ได้แถมตัว TTS มาด้วย เหมือนกับรุ่นสูงๆ หากต้องการใช้งาน จะต้องซื้อเพิ่ม ในราคา Euro 65 สำหรับรุ่น Basice และ Euro 125 สำหรับรุ่น Advance ไม่รวมถึงค่า License Google อีก Euro 30 ต่อปี กรณีที่เราต้องการปั่นบนแผนที่ Google Map
จะเห็นว่า หากเราต้องการใช้ Software ต้องจ่ายเพิ่มอีกหลายพันเลยทีเดียว จะกลายเป็นว่า ราคาเทรนเนอร์ตัวนี้ เริ่มไม่ถูกเสียแล้ว ตอนนี้ผมคงต้องขอข้ามจุดนี้ไปก่อน เนื่องจากไม่มี Software ตัวนี้ครับ
2.2 ใช้งานผ่าน App ของ iOS หรือ Android ซึ่งมีทั้งแบบ Tablet และ Smartphone

2.3 ใช้งานผ่านตัวควบคุมที่รองรับมาตรฐาน ANT+ FE-C ซึ่งในรีวิวนี้ ผมจะใช้ Garmin Edge 520 เป็นตัวควบคุม

2.4 ใช้งานผ่านโปรแกรม หรือ App อื่นๆ ที่รองรับมาตรฐาน ANT+ FE-C เช่นโปรแกรมของ Bkool, CycleOps หรือ App พวก TrainerRoad, Bkool, Zwift เป็นต้น
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

การใช้งานผ่าน App ของ iOS หรือ Android

ทาง Tacx มี App ให้ผู้ใช้งานไปดาวน์โหลดได้ฟรี ซึ่งมีทั้งบน AppStore และ PlayStore โดยแยกเป็น App สำหรับ Tablet และ Smartphone

App สำหรับ Tablet จะมีลูกเล่นและฟังก์ชั่นเยอะกว่า เช่นการสร้าง Workout และการดาวน์โหลด Film (วีดีโอจำลองการปั่น) ในขณะที่ App บน Smartphone จะทำได้แค่ควบคุมเทรนเนอร์ขั้นพื้นฐาน หรือเอา Workout ที่โหลดไว้แล้ว มาเปิดใช้งาน

นั่นหมายความว่า ถ้าไม่มี Tablet เราไม่สามารถสร้าง Workout เพื่อฝึกซ้อมได้ นอกจากจะสร้างผ่าน Software TTS ซึ่งก็ต้องเสียเงินซื้ออีก

จากการทดสอบ App บน iOS จะทำได้ดีกว่า App บน Android พอสมควร ทั้งหน้าตา ความเสถียรในการใช้งาน ดูง่ายๆจากรีวิวใน PlayStore ซึ่งได้คะแนนไม่ดีเอาเสียเลย แม้กระทั่งในเว๊ปของ Tacx เองก็ยังยอมรับว่า App ใน Android มีปัญหาค่อนข้างมาก และยังไม่สามารถแก้ไขได้ เห็นแล้วก็ไม่แปลกใจที่ทำไมคนยังใช้ระบบ iOS กันเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง

ผมซื้อตัว Vortex Smart มา ความตั้งใจแรกคือ มันต้องสามารถเสียบปลั๊กใช้งานได้เลย ซึ่งตรงจุดนี้มันทำได้อย่างที่คิดไว้

อย่างที่สองคือ ผมจะใช้ App บน Android ผ่าน Galaxy Note 4 ซึ่งมีระบบ ANT+ ในตัว (เหมือนที่ผมเคยใช้กับ App ตัวอื่นๆ) ซึ่งทำให้ผมใช้ Sensor ต่างๆของ Garmin ที่มีอยู่ได้ทั้งหมด รวมถึงตัว HRM ด้วย
แต่....ผมคิดผิด

หลังจากลง App และพยายามเชื่อมต่อแล้ว พบว่าตัว App จะเชื่อมต่อกับตัว Vortex Smart เท่านั้น ไม่สามารถมองเห็น Sensor ของ Garmin ได้เลย นั่นคือ ผมไม่สามารถใช้สาย HRM ที่มีอยู่ได้

จากการดูข้อมูลใน PlayStore จึงพบข้อความที่เขียนบอกด้านล่างสุดว่า "ANT+ is not supported" งานเข้าจนได้...

อย่างแรกคือผมไม่สามารถใช้สาย HRM ของ Garmin (ที่เป็น ANT+) กับ App ตัวนี้ได้ ก็จบเลยครับ

อย่างที่บอกว่า App บน Android แย่กว่าใน iOS ข้อดีข้อเดียวที่ผมหวังไว้ ก็คือ Smartphone Android หลายๆรุ่น รองรับระบบ ANT+ ทำให้ไม่ต้องไปหาอุปกรณ์อื่นๆมาเพิ่มเติม แต่ในเมื่อ App Tacx ตัวนี้ไม่รองรับ ANT+ มันก็ไร้ค่าครับ ไปใช้บน iOS ดีกว่า

ตรงนี้ ผมก็เหมือนผู้ใช้ Tacx หลายๆคนที่ข้องใจ ทั้งๆที่ Android Device หลายๆตัวรองรับระบบ ANT+ แต่ตัว App กลับไม่รองรับ ในขณะที่ไม่มี iOS Device ตัวไหนเลยที่มีระบบ ANT+ โดยตรง แต่ Tacx ก็ดันทำ App มารองรับ
ไม่รู้ว่าคนซื้อโง่หรือผู้ผลิตบ้ากันแน่

สุดท้าย ผมก็จำเป็นต้องใช้ App Tacx บน iPad แทน โดยเชื่อมต่อกับตัว Vortex Smart ผ่าน Bluetooth 4.0 ส่วนสาย HRM มีทางเลือก 2 ทางคือ 1. หาสาย HRM ระบบ Bluetooth มาใช้แทน หรือ 2.ซื้ออุปกรณ์ Wahoo Key สำหรับทำให้ iDevice เชื่อมต่อ ANT+ ได้

ซึ่งผมเลือกทางที่ 1 คือซื้อสาย HRM มาเพิ่ม โดนไปอีกเกือบ 2,000 บาท ได้ข้อมูล Heartrate มาจนได้

เริ่มเข้าหน้า App ครั้งแรก เราจะต้องสมัครสมาชิก Tacx ก่อน โดยใช้ Login ของ Facebook หรือ Google+
หลังจากนั้นจะต้องไปตั้งค่า Profile ส่วนตัว และตั้งค่าอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ รวมถึงการ Calibrate ตัว Trainer ด้วย ซึ่งในการ Calibrate ก็จะให้เราปั่นจนได้ความเร็วที่ 30 km/h แล้วก็หยุด มันจะทำการ Calibrate เอง

แต่หลังการ Calibrate ผมเจอปัญหามันฟ้องให้ปรับตัวลูกกลิ้งให้แน่นกว่านี้ ซึ่งผมลองปรับจนตัวปรับหลุดออกจากเกลียว ก็ยัง Calibrate ไม่ผ่าน เพราะมันฟ้องว่ายังไม่แน่นพอ สุดท้ายใช้วิธีเพิ่มแรงดันลมยางไปที่ 120 PSI แล้ว Calibrate ใหม่จึงผ่าน แต่ก็พบว่าต้องปรับลูกกลิ้งบีบหน้ายางเยอะมาก

รูปภาพ

รูปภาพ

เมื่อปรับเสร็จเรียบร้อย จากหน้าจอแรก จะพบโหมดต่างๆ บน iPad ซึ่งประกอบด้วย

รูปภาพ

โหมด Slope

โหมดนี้เป็นโหมดพื้นฐาน คือตั้งเป็นค่าความชัน ได้ตั้งแต่ 0-7% โดยตัวเทรนเนอร์จะปรับค่าความหนืดให้เทียบเท่ากับความชันที่เราตั้งไว้ ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับปั่นเร็วหรือช้า

รูปภาพ

โหมด Power และ โหมด Heartrate

ต้องบอกว่า 2 โหมดนี้ เป็นจุดเด่นที่สุดของ Smart Trainer เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โหมด Power
หลักการทำงาน คือ เราสามารถตั้งค่า Target Power (หรือ Target Heartrate) เอาไว้

เมื่อทำการปั่น เทรนเนอร์จะปรับความหนืดจนกว่าจะได้ค่า Power ที่เราต้องการ โดยไม่สนใจว่าเราจะปั่นเกียร์ไหน ปั่นเร็วเท่าไหร่ เทรนเนอร์จะพยายามปรับให้ได้ค่าที่ใกล้เคียงกับ Target Power ที่สุด

ซึ่งโหมดนี้เอง ที่ผมตั้งใจว่าจะเอามาฝึกซ้อม เนื่องจากเราสามารถสร้าง Workout ให้ได้ Target Power ต่างๆ แล้วให้เครื่องควบคุมความหนืดให้เรา โดยที่เราไม่ต้องมาเปลี่ยนเกียร์เอง ซึ่งน่าจะทำให้การควบคุมการฝึกซ้อม ทำได้แม่นยำยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับเทรนเนอร์ธรรมดาที่เราต้องมานั่งไล่เกียร์ เพื่อปรับความหนักให้ได้ค่าวัตต์ที่เราต้องการ ซึ่งเท่าที่เห็นในโปรแกรมการซ้อมบางแบบ มีการปั่นที่ค่าวัตต์สูงๆ โดยใช้เวลาแค่ 30 วินาที ซึ่งบางทีกว่าจะเปลี่ยนเกียร์จนได้ค่าวัตต์ที่ต้องการ มันกินเวลาไปหลายวินาทีแล้ว ทำให้การฝึกซ้อมอาจจะไม่แม่นยำเท่าที่ควร

แต่ไม่ใช่ว่าตัวเทรนเนอร์จะปรับความหนืดให้เราได้ครอบคลุมนะครับ มันต้องสมเหตุสมผลด้วย เช่นเราไปตั้ง Target Power ที่ 500 วัตต์ แต่ดันไปปรับเกียร์เบาสุดไว้ แถมปั่นรอบขาช้าๆมากๆ แบบนี้ ยังไงก็ขึ้นได้ไม่ถึง 500 วัตต์แน่ๆ
หรือในทางตรงกันข้าม เราปั่นเกียร์หนักสุด แต่ไปตั้ง Target ที่ 50 วัตต์ แบบนี้ก็เครื่องก็ปรับให้ไม่ได้เหมือนกัน

รูปภาพ

ส่วนโหมด Heartrate ก็คล้ายๆกับโหมด Power เพียงแต่เราตั้ง Target Heartrate แทน เครื่องจะปรับความหนืดเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจเราอยู่ในย่านที่กำหนดไว้ ซึ่งผมว่าเหมาะกับการซ้อม Endurance ยาวๆ ให้เครื่องคุม Heartrate ให้ ส่วนเราก็ปั่นไปเรื่อยๆ ดูหนังชิวๆ ไม่ต้องมาพะวงกับ Heartrate อีกเลย

รูปภาพ

โหมด Film

คือการปั่นกับวีดีโอที่ดาวน์โหลดเข้ามาเก็บไว้ โดยเทรนเนอร์จะปรับความหนืดตามสภาพถนนจริงๆ

แต่วีดีโอที่จะดาวน์โหลดนั้น มันไม่ฟรี ต้องเสียเงินเหมือนซื้อแผ่นหนัง และราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ เริ่มต้นก็ประมาณ USD10 เข้าไปแล้ว หากใครชอบปั่นกับวีดีโอ แนะนำให้ใช้ App อื่น เช่นของ CycleOps หรือ Bkool ซึ่งเสียเป็นรายเดือนจะดีกว่ามาก เดี๋ยวจะพูดถึงอีกครั้งในตอนท้ายรีวิว

รูปภาพ

โหมด Workout

นี่คือโหมดที่ถือว่าเป็นหัวใจของเทรนเนอร์ตัวนี้ ตัว Workout เราสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีๆ หรือสามารถสร้างเองก็ได้ โดยใช้ iPad

แต่อย่างที่ได้บอกไปในตอนต้นว่า กรณีที่ใช้ iPhone หรือ Smartphone อื่นๆ เราไม่สามารถสร้างหรือดาวนโหลด Workout ได้ ตรงนี้คือข้อเสียจุดหนึ่ง

ในการสร้าง Workout ทำได้ง่ายมาก ง่ายกว่าใน Garmin Connect เยอะ บรรยายเป็นตัวอักษรยาก แต่ทำจริงง่ายมาก

รูปภาพ

หลังจากสร้างหรือดาวน์โหลดมาแล้ว ก็จะมี Workout ให้เลือกใช้งาน

รูปภาพ

เมื่อนำ Workout ออกมาใช้งาน เครื่องจะปรับความหนืดต่างๆ ตาม Target ที่เราตั้งไว้ (ความชัน, วัตต์ หรือหัวใจ) และก็จะมีกราฟโชว์แบบ Realtime รวมถึงเก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ เพื่อให้เรานำไปใช้ได้ต่อไป

ซึ่งตรงนี้ คล้ายๆกับ App พวก TrainerRoad หรือ CycleOps แต่ตัวนี้ฟรี ไม่ต้องเสียค่ารายเดือน สำหรับผมแล้ว คุ้มมาก เพราะผมสามารถลอก Workout จากที่ไหนก็ได้ นำมาสร้างไว้ใน App นี้ แล้วก็เอามาใช้ได้เลย

รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย edonkey เมื่อ 10 พ.ย. 2015, 16:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

การใช้งานผ่านตัวควบคุมที่รองรับมาตรฐาน ANT+ FE-C

ส่วนนี้ผมจะใช้ตัว Edge 520 ในการควบคุม Vortex Smart โดยผมขอพูดเฉพาะฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุม Smart Trainer เท่านั้น เดี๋ยวจะกลายเป็นรีวิวตัว Edge 520 ไปซะ

ก่อนที่จะใช้ Edge 520 ควบคุมตัว Vortex Smart เราต้องเชื่อมต่อมันเข้าด้วยกันก่อน ซึ่งก็ทำเหมือนการเพิ่ม Sensor ตามปกติ โดยเสียบปลั๊กที่ตัว Vortex Smart ไว้ ส่วนที่ตัว Edge 520 ก็เข้าเมนูค้นหา Sensor ตามปกติ
แต่ปัญหาก็คือ Edge 520 ไม่สามารถหาตัว Vortex Smart พบ

เดือดร้อนต้องไปหาข้อมูลในเว๊ปอีกครั้ง ก็พบว่า จำเป็นต้องอัพเดทเฟิร์มแวร์ของตัวเทรนเนอร์ก่อน จึงจะสามารถหากันเจอ ซึ่งการอัพเดท ทำได้ 2 วิธีคือ

วิธีที่ 1 อัพเดทผ่านทางโปรแกรม TTS4 ซึ่งต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม
วิธีที่ 2 อัพเดทผ่านทาง iOS App ที่ชื่อ Tacx Utility

แล้วสำหรับคนที่ใช้ Android Device อย่างผมจะทำยังไง?

นี่คือคำถามที่ลูกค้า Tacx หลายๆคนอยากได้คำตอบ เนื่องจาก Tacx ไม่สามารถเขียน App Tacx Utility สำหรับ Android ออกมาได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่

ดังนั้น คนที่ซื้อ Smart Trainer ของ Tacx มาใช้ แล้วไม่มี iOS Device จะไม่มีทางอัพเกรดเฟิร์มแวร์ เพื่อให้รองรับ ANT+ Fe-C ได้เลย นอกจากอาศัยขอยืม iOS Device จากคนอื่น เอามาลง App ตัวนี้ เพื่ออัพเดทเฟิร์มแวร์ เท่านั้น
คนใช้ Android Device ก็คงต้องทำใจหน่อย นอกจาก App จะห่วยแล้ว บางฟังก์ชั่นก็ต้องทำผ่าน iOS Device เท่านั้น ไม่มีทางเลือก

ผมโชคดีหน่อย ที่ยังมี iPad แต่ก็ยังมีปัญหาอีกว่า ไม่สามารถดาวน์โหลดตัว Tacx Utility เนื่องจากมันฟ้องให้อัพเดท iOS เวอร์ชั่นล่าสุด ก็เลยต้องยอมอัพเดทอย่างจำใจ หลังจากลง Tacx Utility แล้ว ก็จะสามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์ของตัว Vortex Smart และเชื่อมต่อกับ Edge 520 ได้

รูปภาพ

รวมถึงปล่อยสัญญาณ ANT+ เป็น Power Meter ให้ตัว Edge 520 อ่านค่าวัตต์ออกมาได้

รูปภาพ

เรื่องการใช้ Edge 520 ควบคุมเทรนเนอร์ เดิมทีผมถือว่าเป็นผลพลอยได้ ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมัน เพราะตั้งใจว่าถ้าจะปั่นแบบ Workout ก็คงใช้ App Tacx บน iPad หรือถ้าจะปั่นแบบ Simulator ก็จะใช้กับโปรแกรม Bkool ซึ่งผมมีสมาชิก Premium อยู่

แต่หลังจากลองใช้ดูแล้วจึงพบว่า เมื่อใช้ Vortex Smart ร่วมกับ Garmin Edge 520 มันทำอะไรมากกว่าที่คิด

ใครที่ใช้ Edge 520 จะสังเกตุว่า ในเมนู Training จะมี Indoor Trainer ให้เลือก ซึ่งถ้าไม่มีเทรนเนอร์ที่รองรับ ANT+ FE-C เชื่อมต่ออยู่ เมื่อกดเข้าไปเมนูนี้ ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

แต่เมื่อเชื่อมต่อแล้ว จะเห็นว่ามีเมนูย่อยเพิ่มขึ้นมาหลายอัน

รูปภาพ

เดิมทีผมเข้าใจว่า มันน่าจะควบคุมตัวเทรนเนอร์ได้แค่เรื่องความชัน ค่าวัตต์ แต่มันไม่ใช่แค่นั้น
เมนู Follow a Course คือการจำลองการปั่นบน Course ที่เราโหลดไว้ในตัว Edge 520 โดยมันจะสั่งให้ตัวเทรนเนอร์ปรับค่าความหนืด ตามข้อมูลความชันที่เก็บไว้ใน Course นั้นๆ

รูปภาพ

เมนู Follow an Activity ก็คล้ายๆกัน เทรนเนอร์จะปรับค่าความหนืด ตามข้อมูลของแต่ละ Activity ที่เราปั่นผ่านมา

ทั้งสองเมนูนี้เอง เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมาย ผมมองว่ามีประโยชน์มาก สำหรับท่านที่อยากซ้อมปั่นเส้นทางเดิมๆ แต่บางทีไม่มีเวลา ฝนตก หรือสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้ปั่นนอกบ้าน ก็ใช้ Edge 520 สั่งให้เทรนเนอร์ปรับความหนืดตามเส้นทางปั่นที่เราใช้บ่อยๆได้เลย ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องต้องคอมพิวเตอร์ หรือ Smartphone เลย

รูปภาพ

เมนู Follow a Workout ตัวนี้ ก็จะคล้ายๆกับเมนู Workout ใน App ของ Tacx เพียงแต่เป็น Workout ที่เราสร้างไว้ใน Garmin Connect เมื่อเราเลือกปั่นตาม Workout ไหน ตัวเทรนเนอร์จะปรับความหนืดให้ได้ตาม Target ที่เราตั้งไว้ (หัวใจ, วัตต์)

ส่วนเมนู Set target power กับ Set target resistance สองอันนี้ก็คือ การตั้งค่าวัตต์หรือค่าความหนืดของเทรนเนอร์นั่นเอง

รูปภาพ

รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย edonkey เมื่อ 10 พ.ย. 2015, 16:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

การใช้งานผ่านโปรแกรมหรือ App อื่นๆ

อย่างที่พูดไว้ในตอนต้นว่า มาตราฐาน ANT+ FE-C เป็นระบบเปิด ทำให้เราสามารถใช้อุปกรณ์ตัวนี้ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆที่รองรับมาตรฐานเดียวกัน เราจึงสามารถเลือกใช้โปรแกรม หรือ App อื่นๆในการควบคุม Tacx Vortex Smart ได้
ผมจึงได้ทดสอบโดยใช้ App Bkool บน Android

สาเหตุที่เลือกใช้ App Bkool บน Smartphone แทนที่จะใช้บนคอมพิวเตอร์ เพราะผมพบว่ามันสะดวกกว่า ไม่ค่อยมีอาการเด้งหลุดจากโปรแกรม และไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆเลย เนื่องจาก Galaxy Note 4 มันรองรับ ANT+ ในตัว ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับ App Bkool สามารถใช้งาน ANT+ ได้สมบูรณ์แบบ เชื่อมต่อ Sensor ของ Garmin ได้ครบ และปล่อยสัญญาณค่าวัตต์ ผ่านระบบ ANT+ กลับออกมาให้ Edge 520 เก็บข้อมูลได้อีก

จากการทดสอบกับ App Bkool พบว่าสามารถใช้งานได้ "เกือบ" เหมือนใช้งานกับเทรนเนอร์ของ Bkool เอง
ที่ว่า "เกือบ" เพราะมีบางฟังก์ชั่นที่ทาง Bkool ปิดไว้ สำหรับใช้งานกับเทรนเนอร์ของค่ายตัวเองเท่านั้น แต่ฟังก์ชั่นหลักๆสามารถใช้งานได้หมด

การจำลองความชันโดยการปรับความหนืด ทำงานได้ดีเยี่ยมหมือนตอนใช้เทรนเนอร์ของ Bkool เอง แต่เมื่อความชันเกิน 7% ก็จะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้แล้ว เนื่องจากตัว Vortex Smart ไม่สามารถปรับความหนืดได้สูงกว่านี้ (ถ้าเป็นของ Bkool เอง รู้สึกจะได้ค่าความชันที่ 12%)

เท่าที่สังเกตุพบว่า เมื่อใช้กับ App Bkool เวลาปั่นลงเนิน (ความชันเป็นลบ) ตัว App ไม่ได้ปรับค่าความเร็วในการปั่นให้เพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความชันที่น้อยลง นั่นคือ ปั่นลงเนิน ก็เหนื่อยเท่ากับตอนปั่นปกติ ซึ่งตอนใช้ Bkool จำได้ว่ามันสามารถทำได้ แต่ตรงนี้ก็อาจจะเป็นฟังก์ชั่นที่เจ้าของ App จำเป็นต้องปิดไว้เพื่อให้ใช้กับเทรนเนอร์ของตัวเองก็เป็นได้

อีกปัญหาหนึ่งที่พบคือ เวลาปั่นที่ค่าความชันค่าใดค่าหนึ่ง เช่นปั่นทางราบ เมื่อเราปั่นเร็วขึ้น เหมือนว่าความหนักมันไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม กลายเป็นว่าบางทีปั่นความเร็ว 20 กับ 30 เหนื่อยไม่ต่างกัน เข้าใจว่า เวลาใช้งานเป็น Simulator ตัว App มันควบคุมความหนืดให้คงที่ตามค่าความชันแต่ละช่วง แต่ไม่ได้ปรับความหนืดเพิ่มขึ้นตามความเร็วในการปั่น เวลาปั่นเร็วขึ้นเลยกลายเป็นเหมือนว่าใช้แรงน้อยลงนั่นเอง แต่โดยรวม ก็ถือว่าได้อารมณ์ในการปั่นพอสมควร เอาไว้แก้เบื่อได้อยู่แล้ว

บทสรุป

จริงๆผมเพิ่งใช้งานเทรนเนอร์ตัวนี้ได้แค่ 1 สัปดาห์ ยังอาจใช้งานได้ไม่ครบถ้วนนัก แต่ก็พอที่จะสรุปข้อดีข้อเสียได้ ดังนี้

ข้อดี

- ตัวเทรนเนอร์ทำออกมาได้เล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง โครงสร้างดี งานประกอบดี สีสวย ดูล้ำสมัยมาก
- เสียบปลั๊กใช้งานเลย โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ โดยตัวเทรนเนอร์จะปรับความหนืดอัตโนมัติ เหมือนเทรนเนอร์ระบบของเหลว
- ตัวเทรนเนอร์สามารถปล่อยสัญญาณความเร็ว, รอบขา และค่าวัตต์ได้ด้วย
- การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ รวมถึงเชื่อมต่อ App ใน iOS ค่อนข้างเสถียรมาก
- Feeling ในการปั่น ทั้งแบบปกติ และแบบ Simulator ถือว่าดีพอสมควร การปั่นแบบ Simulator ความหนืดปรับได้รวดเร็วตามความชันจริงๆ และปรับแบบค่อนข้างละเอียด สามารถแยกความแตกต่างได้หลายระดับ เช่น ความชัน 0% กับ 0.5% ก็สามารถแยกความแตกต่างได้ชัดเจน
- เวลาปั่นปกติเสียงค่อนข้างเงียบพอสมควร นอกจากปั่นหนักๆ เสียงจะดังขึ้นเยอะมาก เป็นเสียงลักษณะหวีด ที่พบได้กับเทรนเนอร์ระบบแม่เหล็กทั่วไป
- การใช้งานร่วมกับ Workout ใน iPad หรือใน Garmin ทำให้เราฝึกตามโปรแกรมได้ง่ายขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราต้องการฝึกแบบ Training with Power Meter มีกราฟแสดงผล Realtime และไม่ต้องเสียเงินรายเดือน เหมือนกับ App อื่นๆอย่าง TrainnerRoad
- การใช้เทรนเนอร์โดยการควบคุมค่า Target Power ทำให้การฝึกของเราสะดวกขึ้น ไม่ต้องพะวงกับการเปลี่ยนเกียร์หนักเกียร์เบา หรือรอบขา เนื่องจากเทรนเนอร์จะพยายามปรับความหนืดอัตโนมัติตลอดเวลา เพื่อรักษาค่า Target Power ตามที่เราตั้งไว้ จะปั่นช้าหรือเร็ว ก็แทบจะไม่ส่งผลกับค่าวัตต์เลย เพราะถ้าปั่นช้าลง เทรนเนอร์ก็จะปรับความหนืดให้มากขึ้น ถ้าปั่นเร็วขึ้น ก็จะลดความหนืดลง
- สามารถใช้งานร่วมกับ App หรือโปรแกรมจากค่ายอื่นๆได้อิสระ ไม่ต้องปิดกั้นตัวเอง
- ราคาไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง iVortex และเทียบกับความสามารถที่มันสามารถทำได้ผ่าน Free App บน iPad


ข้อเสีย

- การเชื่อมต่อต่างๆ ยังยุ่งยากเหมือน Smart Trainer หรือ Simulator อื่นๆในตลาด คือถ้าคนที่ไม่เล่น Smartphone นี่ ถือว่าใช้งานยากเลย
- เรื่องการ Calibrate ยังมีปัญหา ทำแต่ละครั้งให้ผลไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวโปรแกรมมักจะฟ้องให้เพิ่มความแน่นของตัวลูกกลิ้งให้มากขึ้น แต่บางครั้ง ใช้ค่าความแน่นเท่าเดิม กลับ Calibrate ผ่านปกติ
- แกะกล่องออกมา ต้องเอามาอัพเดทเฟิร์มแวร์ก่อน จึงจะใช้งานได้สมบูรณ์ แต่การอัพเดท ต้องทำผ่าน iOS หรือ TTS4 เท่านั้น ใครที่ไม่มี iOS Device คิดหนักครับ ต้องหายืมแน่ๆไม่มีทางเลือก คนใช้ Android มันลูกเมียน้อยจริงๆ
- ถ้าจะเล่นเป็น Simulator แบบวีดีโอ ต้องเสียเงินซื้อทีละเรื่อง ซึ่งราคาแพงพอสมควร สำหรับคนไทย เรียกว่าหมดสิทธิ์เล่นก็ยังได้ ถูกสุดก็ USD 10 เล่นครั้งสองครั้งก็คงเบื่อ ยังดีที่มี Simulator ค่ายอื่นให้เล่น
- ถ้าจะสร้าง Workout ต้องทำผ่าน Tablet พวก iPad เท่านั้น App บน Smartphone ทำไม่ได้ จะทำผ่านคอมพิวเตอร์ก็ต้องมีโปรแกรม TTS อีกเหมือนกัน
- App บน Android ทำออกมาไม่ดี แถมยังไม่รองรับ ANT+ เหมือนบีบให้ไปใช้ iOS ทางอ้อม
- พอจะใช้ iOS ก็ต้องหาอุปกรณ์ที่เป็นระบบ Bluetooth ถึงจะใช้ร่วมกันได้ ไม่งั้นต้องซื้อ Wahoo Key มาเพิ่ม เพื่อให้รองรับ ANT+ ซึ่ง Wahoo Key ก็ยังต้องใช้ตัวแปลง เพื่อให้เสียบเข้ากับ Port ของ iDevice รุ่นใหม่ๆอีก สรุปว่าต้องเสียเงินอีกหลายทอด
- ต้องซื้อสายวัดหัวใจระบบ Bluetooth เพิ่ม เพราะผมเชื่อว่า ตอนนี้แทบทุกคนคงใช้สายวัดหัวใจระบบ ANT+ กันเกือบหมด
- กลายเป็นว่า มันมีราคาแพง หากจะใช้ให้สมบูรณ์แบบ เนื่องจากต้องมีตัว Vortex Smart (16,500 บาท)+ TTS4 Advance (4,800 บาท) + License Google (ปีละ 1,200 บาท) + Multiplayer License (ปีละ 1,500 บาท) รวมแล้ว 24,000-25,000 บาท ใกล้เคียงกับ Bkool แต่ตัว Bkool ได้สเปคสูงกว่า


Tacx Vortex Smart เหมาะกับใคร

ทั้งหมด เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ

อย่างแรก ผมคิดว่ามันเป็น Smart Trainer & Simulator ที่มีราคาต่ำที่สุดในเมืองไทยตอนนี้ (แต่ที่เมืองนอก Bkool รุ่นธรรมดา ทำราคาต่ำกว่า Vortex Smart)

ตัวนี้เหมาะกับคนที่อยากใช้ Smart Trainer เพื่อฝึกซ้อมจริงจังแบบ Power Based Training โดยที่ไม่มี Power Meter แท้ๆอยู่ และไม่อยากจะลงทุนกับ Power Meter (ซึ่งมีราคาแพงกว่าเทรนเนอร์เสียอีก)
ผมพบว่าการสร้าง Workout ควบคู่กับการใช้ App บน iPad ทำให้การฝึกซ้อมง่ายและสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การซ้อมแบบ Power Based เพราะไม่ต้องพะวงกับการเปลี่ยนเกียร์ ดูวัตต์ ดูรอบขา เหมือนการใช้ Classic Trainer ปกติ มีการแสดงผลเป็นกราฟแบบ Realtime นอกจากนี้ ยังไม่ต้องเสียค่าบริการรายเดือน เหมือน App Training อื่นๆ

หรือจะใช้ Garmin Edge 520 ในการควบคุมการฝึกซ้อม ก็เป็นเรื่องง่ายๆ เพราะตัว Vortex Smart ก็สามารถส่งสัญญาณ Power ไปให้ตัว Edge 520 ควบคุมค่าความหนืดของตัวเทรนเนอร์ได้อัตฺโนมัติตามแต่ละ Step ของ Workout อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีการแสดงผลเป็นกราฟแบบ Realtime เท่านั้น
ในวันที่มีอารมณ์อยากจะไปปั่นนอกบ้านแต่ทำไม่ได้ ก็ใช้ร่วมกับ Simulator Software ซึ่งมีให้เล่นหลายตัว แต่ผมแนะนำ CycleOps Virtual Training และ Bkool ครับ จากการลองใช้มา 2 ตัวนี้ปัญหาค่อนข้างน้อย ตัว Bkool ค่าบริการรายเดือนจะแพงกว่า แต่มีแผนที่ให้เลือกเล่นเยอะกว่า ส่วนตัว Virtual Training ค่ารายเดือนถูก แต่แผนที่ก็จะน้อยหน่อย

หรือถ้าขี้เกียจจะใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ ก็เสียปลั๊กแล้วปั่นแบบ Classic Trainer ปกติได้เลย Feeling ถึอว่าดีพอสมควร ปั่นเบาๆ Recovery สบายๆ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว

ดังนั้น ถ้างบประมาณเพียงพอ ผมขอแนะนำ Tacx Vortex Smart เป็นเทรนเนอร์สำหรับทุกๆท่าน ไม่ว่าจะปั่นเล่นๆ ปั่นจริงจัง คิดว่าตัวนี้ตอบสนองได้อย่างพอเพียง
แต่ถ้างบมากกว่านี้ และชอบเล่นแบบ Simulator ก็จัดตัว iGenius มาก็น่าจะได้ความสมจริงขึ้นไปอีก

แต่ขออีกนิดนะ ถ้าสามารถโยกได้แบบ Kurt Kinetic Rock & Roll และให้ Feeling ในการปั่นที่ดีสมจริงแบบ CycleOps Super Magneto Pro มันคงเข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบจริงๆ

ขอบคุณ thaimtb สำหรับพื้นที่รีวิวนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
เสือโกลก
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 204
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 08:13
Tel: 0817981102
team: PEA (กฟภ.)
Bike: อะไรก็ได้ที่เบาๆพุ่งๆไหลๆนุ่มๆ

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย เสือโกลก »

ผมนับถือและขอบคุณท่าน จขทก.จริงๆ ที่ตั้งใจรีวิวมาให้พวกเราได้รับรู้และรับทราบ ด้วยจิตคาระวะ
รูปประจำตัวสมาชิก
ninesola
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 34
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ธ.ค. 2012, 09:04

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย ninesola »

มือถือดันรองรับกับ iOS มากกว่า แต่ใน PC ดันรองรับ Windows มากกว่า ผมใช้มือถือ Android ส่วนคอมใช้ Macbook นี่มันวุ่นวายมากเลยนะครับ ผมไปอ่านในเว็บมาบอกว่าไม่รองรับ OSX

ว่าแต่รบกวนหลังไมค์ร้านที่ซื้อกับราคาให้หน่อยได้มั้ยครับ
รถไม่แพง แรงก็ไม่มี T-T
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

ninesola เขียน:มือถือดันรองรับกับ iOS มากกว่า แต่ใน PC ดันรองรับ Windows มากกว่า ผมใช้มือถือ Android ส่วนคอมใช้ Macbook นี่มันวุ่นวายมากเลยนะครับ ผมไปอ่านในเว็บมาบอกว่าไม่รองรับ OSX

ว่าแต่รบกวนหลังไมค์ร้านที่ซื้อกับราคาให้หน่อยได้มั้ยครับ
ผมซื้อนครไทยครับ ราคาตามหน้าร้านเลยครับ ไม่มีราคาพิเศษ 555
ใน PC ไม่แปลกที่จะรองรับ Windows มากกว่า เพราะคนใช้เยอะกว่ามาก
รูปประจำตัวสมาชิก
irat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 879
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ธ.ค. 2013, 11:57
team: 18+

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย irat »

ละเอียดยิบเลยครับ ขอบคุณครับ
สายแฟชั่น ปั่นเรื่อยเปื่อย
รูปประจำตัวสมาชิก
มาณิก นิลสุวรรณ
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ย. 2015, 14:33
Bike: Focus Cayo 7.0

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย มาณิก นิลสุวรรณ »

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Bkkbikelove
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1010
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 12:30
Tel: 089xxxxxxx
Bike: Thorn Raven, Principia, GT Grade carbon

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย Bkkbikelove »

จขกท.รีวิวละเอียดมาก ทั้งข้อดีข้อเสีย เทรนเนอร์ตัวนี้ถ้าเทียบราคากับคุณภาพก็ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ เท่าที่ผมใช้มาได้ร่วมเดือนก็เจอปัญหาแบบจขกท.นี่ล่ะ
PSX_20151112_213705.jpg
ของผมเป็นรุ่น TDF limited edition มีขายึด tablet กับ Handle bar แถมมาด้วย ใช้ดีมากๆ
-เฟริมแวร์จากโรงงานง่อยมาก แกะออกมาแล้วสิ่ง รกที่ต้องทำคืออัพเฟริมแวร์ก่อน ไม่งั้นคุยกับโปรแกรมอื่นไม่ได้เลย ดีนะมี Ipad mini ในมือเลยอัพได้
-app ใน Tacx Utility ทำการ calibrate ได้ แต่ Tacx Training ดันมองไม่เห็นเทรนเนอร์ซะอย่างงั้น สรุปว่า ipad mini 1 อัพเฟริมแวร์ และ Calibrate ได้ แต่เล่นไม่ได้
-เทรนเนอร์เล่นกับ Tablet android ได้ผ่าน BT และ Ant+ (ต่อ Ant usb ผ่านสาย otg) ตอนนี้ผมเล่นผ่าน BT อย่างเดียว เดี๋ยวว่าจะไปหา otg มาลองต่อซะหน่อย
PSX_20151112_213820.jpg
-ส่วนเรื่องราคาผมเห็นแย้งนะ เพราะ Vortex smart เล่นกับ โปรแกรม Bkool ใน PC ได้ ดังนั้นจึงเทียบราคาตัวเครื่องกันตรงๆเลย Vortex smart 16500 ในขณะที่ Bkool 32000 ถูกกว่ากันครึ่งๆ ในขณะที่ประสิทธิภาพไม่เป็นรองมากนัก
-ในแง่ความแม่นยำของค่าวัตต์ ผมเคยเทียบกับ powermeter ถ้าตั้งความแน่นให้อยู่ตรงแถบเขียว ถือว่าค่าวัตต์ที่ได้จากเทรนเนอร์ใกล้เคียงกับ Powermeter มาก ระดับไม่เกิน 10 วัตต์ เพียงแต่ว่าวัตต์แท้มันจะสวิงไปมาตามแรงขาเรา ส่วนวัตต์เทรนเนอร์มันจะนิ่งๆ ไม่ค่อยสวิง
สรุปว่า เป็นเทรนเนอร์ที่คุ้มมาก ขนาด Mr.Ray แห่ง Dcrainmaker ยังแนะนำเลย
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 491
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย edonkey »

Bkool Pro มีกำลัง 1200 วัตต์ครับ Tacx ตัวนี้สู้ไม่ได้ครับ ตรงนี้คือจุดสำคัญ
ส่วนใช้ Android + USB OTG ผมไม่ได้ลอง เพราะใน App ระบุว่าไม่รองรับ ก็เลยไม่ลองนะครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
Bkkbikelove
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1010
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 12:30
Tel: 089xxxxxxx
Bike: Thorn Raven, Principia, GT Grade carbon

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย Bkkbikelove »

นักปั่นระดับหมู่บ้านพลังสองร้อยวัตต์แบบผมปั่นแช่ 500 วัตต์ให้เกินนาทีได้ก็เกินพอแล้ว แค่ Vortex Smart ที่แช่ 750 วัตต์ได้นาทีนึงก็เกินพอแล้ว
ราคาบ้านเราถูกกว่ากันครึ่งๆ หรือ 16,000 บาทนะครับ เอาส่วนต่างตรงนี้มากินวัตต์มือสองดีกว่า
:lol: :lol: :lol:
รูปประจำตัวสมาชิก
Bkkbikelove
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1010
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2008, 12:30
Tel: 089xxxxxxx
Bike: Thorn Raven, Principia, GT Grade carbon

Re: Review: Tacx Vortex Smart Trainer ทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิด

โพสต์ โดย Bkkbikelove »

หาสาย otg มาลองแล้วล่ะครับ สรุปว่าใช้กับ Android Tablet ได้สมบูรณ์แบบ จับสัญญาณ Ant+ ได้ครบ
PSX_20151115_051359.jpg
พอต่อสาย Otg+Ant stick ตัวแอปจะฟ้องให้เราติดตั้งแอปเสริมสำหรับจัดการ Ant+ 3 โปรแกรม ติดตั้งเสร็จก็เล่นได้เลย
PSX_20151115_051441.jpg
PSX_20151115_051441.jpg (44.96 KiB) เข้าดูแล้ว 6286 ครั้ง
สามารถควบคุมเทรนเนอร์ได้สมบูรณ์แบบ
2015-11-15_05.19.37.jpg
ตอบกลับ

กลับไปยัง “อุปกรณ์จักรยานทั่วไป (MTB)”