หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

คำถามพูดคุยเกี่ยวกับจักรยานเสือภูเขาหรืออุปกรณ์ต่างๆ

ผู้ดูแล: seven@klein, Cycling B®y, tntm, เสือ Spectrum

edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย edonkey »

ตอนนี้เข้าหน้าฝนแล้ว คิดว่าหลายๆท่านคงกำลังเลือกหาเทรนเนอร์ เอาไว้ปั่นซ้อมที่บ้านกัน

ผมเพิ่งเริ่มปั่นจักรยานเมื่อปลายปีที่แล้ว ปกติจะปั่นเฉพาะวันอาทิตย์ เพราะหยุดวันเดียว ก็เลยซื้อเทรนเนอร์มาพร้อมเลย กะว่าจะเอาไว้ปั่นวันธรรมดา แต่ช่วงแรกๆก็คงเป็นเหมือนหลายๆท่านคือ ใช้เป็นขาตั้งจักรยานแทน เพราะปั่นบนถนนจริงสนุกกว่ามาก เลิกงานค่ำๆก็ยังแว๊ปออกไปปั่นบ้าง 10-20 กม. ปั่นบนเทรนเนอร์ 30 นาที ก็เบื่อแย่แล้ว
แต่พอเริ่มมีข่าวเรื่องปั่นจักรยานถูกรถชนบ่อยเข้า ก็เริ่มเสียวๆ ไม่ค่อยอยากปั่นออกถนนคนเดียว ทำให้ต้องกลับมาปั่นบนเทรนเนอร์แบบจริงๆ ซึ่งนับจากวันนั้นถึงวันนี้ ผมเปลี่ยนเทรนเนอร์ไป 3 ครั้ง ตัวปัจจุบันเป็นตัวที่ 4 ก็ถือว่าเปลี่ยนบ่อยพอสมควร เลยอยากจะเอาประสบการณ์ที่ได้ลองเทรนเนอร์หลายๆตัวมาแชร์ครับ

อยากให้เพื่อนๆท่านอื่นๆมาร่วมแชร์ด้วย จะได้เป็นแนวท่านสำหรับนั่กปั่นหน้าใหม่หลายๆท่าน ใครมีรูปมาลงด้วยก็ดีนะครับ ส่วนผมไม่ได้ถ่ายไว้เลย เพราะขายทิ้งหมดแล้ว...ก็ขอยืมรูปจากเว๊ปผู้ผลิตใน Internet มาแทนละกัน

เริ่มจากตัวแรกที่ผมซื้อมา คือ Minoura B60R (ตัวมีรีโมท) ราคา 4,500 พร้อมถาดรองล้อ

รูปภาพ

ตอนซื้อตัดสินใจเลือกตัวนี้เพราะมัน Made in Japan ในราคาที่ไม่แพงมาก เหตุผลแค่นี้เองจริงๆ
เทรนเนอร์ตัวนี้เป็นแบบ Magnetic คือใช้แม่เหล็กเป็นตัวปรับความหนืด โดยมีสายรีโมทให้ปรับได้
เข้าใจว่า หลักการของมันคือปรับระยะห่างของแม่เหล็กให้ชิด หรือห่าง เพื่อให้ตัวลูกกลิ้งมันหนืดมากน้อยต่างกันตามที่ต้องการ

ข้อดีของตัวนี้
- งานประกอบที่ทำมาได้ดีเลย ดีกว่าเทรนเนอร์ยี่ห้อดังๆอีกหลายตัวที่ผมผ่านตามา
- มีรีโมทปรับความหนืดได้
- เสียงไม่ดังมาก
- ราคาไม่แพงมาก

ข้อเสีย
- Feeling ในการปั่นยังไม่ดี ซึ่งตรงนี้เป็นจุดสำคัญที่สุดของเทรนเนอร์เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าคุณไม่เคยใช้เทรนเนอร์ที่ดีกว่า ก็จะยังไม่รู้ถึงความแตกต่างตรงนี้
- สามารถปรับความหนืดได้ก็จริง แต่ยิ่งปั่นเร็วขึ้น ความหนืดจะลดลง บางครั้งมีอาการ "วืด"
- เวลาหยุดปั่น ล้อก็จะหยุดหมุน ไม่ได้หมุนฟรีเหมือนตอนเราปั่นถนนจริง
- วัสดุที่ทำตัวลูกกลิ้ง ดูแล้วยังไม่ดีเท่าที่ควร และเหมือนกว่าจะกินยางมาก ปั่นแล้วยางร้อนแบบรู้สึกได้ ซึ่งทีแรกผมก็คิดว่ามันเป็นปกติ ...แต่พอหลังจากที่ผมได้ใช้เทรนเนอร์ตัวที่ราคาสูงกว่านี้ กลับไม่พบปัญหาเรื่องความร้อนและกินหน้ายางมากเท่านี้
แก้ไขล่าสุดโดย edonkey เมื่อ 27 ก.ค. 2016, 12:56, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย edonkey »

หลังจากปั่นแบบไม่ค่อยสนุกมาได้ 4 เดือน (จริงๆต้องบอกว่าปั่นน้อยมาก) ก็เลยขายทิ้งไป เพราะช่วงนั้นคิดว่าไปปั่นนอกบ้านช่วงเย็นก็ได้
แต่พอไม่ได้ไปปั่นนอกบ้าน คราวนี้ก็เลยต้องเริ่มหาเทรนเนอร์ใหม่ ซึ่งก็เล็งไปที่แบบ Fluid ทันที เพราะจากที่อ่านมาหลายกระทู้ บอกว่าแบบ Fluid คือสุดยอดของความใกล้เคียงถนนจริงแล้ว
ตัวแรกที่เล็งไว้ ก็คือ CycleOps JetFluid Pro ราคา 8900 บาท แต่พอโทรไปคุยกับที่ร้าน เขาแนะนำว่า ตัวนี้มันหนืดกว่าปั่นถนนจริงพอสมควร ถ้ามือใหม่อาจจะไม่ชอบ แนะนำเป็นตัว Super Magneto Pro ดีกว่า แพงกว่านิดหน่อย แต่ปรับหนืดได้ 4 ระดับ
ไอ้เราก็บอกเขาไปว่า เราเคยใช้แบบ Magnetic แล้ว ไม่ชอบ อยากลอง Fluid แต่ทางร้านไม่มีของต้องสั่ง สุดท้ายด้วยความใจร้อน เพราะไม่มี Trainer จะปั่น ก็เลยไปเอาตัว Super Magneto Pro มา (อีกแล้ว)

CycleOps Super Magneto Pro ราคา 9200 บาท + ถาดรองล้อ 650 บาท

รูปภาพ

ตัวนี้เป็นเทรนเนอร์รุ่นใหม่พอสมควร ยี่ห้อ CycleOps การันตีคุณภาพได้ เป็นระบบแม่เหล็ก ปรับความหนืดได้ 4 ระดับ (เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังอีกที)

ข้อดีของตัวนี้

- อันดับแรก ต้องขอพูดถึง Feeling ในการปั่น ที่ต้องบอกว่าใกล้เคียงการปั่นถนนจริงมาก ปั่นครั้งแรก ตกใจเลยทีเดียว มันต่างจากเทรนเนอร์แม่เหล็กตัวก่อนหน้าที่เคยใช้แบบคนละเรื่อง เวลาเริ่มปั่นมันจะเบาขา และจะค่อยๆหนักขึ้นตามความเร็วที่เพิ่มขึ้น (Progressive) โดยเป็นไปแบบนุ่มนวลมาก เวลาเราผ่อนรอบขาลงก็จะมีแรงเหวี่ยงมาแทนที่ และถ้าเราหยุดปั่น ล้อก็จะยังหมุนฟรีไปตามแรงหน่วงที่เกิดจากตัว Fly Wheel ทำให้ความรู้สึกในการปั่นแตกต่างจากเทรนเนอร์ที่ไม่มี Fly Wheel แบบคนละเรื่อง
ใครที่เคยปั่นเทรนเนอร์แล้วบอกว่าไม่สมจริง ไม่สนุก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวเทรนเนอร์เองที่คุณภาพไม่ดีพอ หลังจากผมได้ตัวนี้มาช่วงกลางเดือน เมษายนที่ผ่านมา ผมปั่นบนเทรนเนอร์แทบทุกวัน ครั้งละ 1-2 ชั่วโมง ช่วยแก้อาการ "คัน" จากการที่ไม่สามารถไปปั่นบนถนนได้มากจริงๆ
- ปรับความหนืดได้ 4 ระดับ อันนี้หลายท่านเข้าใจผิด ว่าจะปรับไปทำไม เนื่องจากปกติ เทรนเนอร์ตัวนี้มันปรับความหนืดอัตโนมัติตามความเร็วอยู่แล้ว แต่มันคนละเรื่องกันเลยครับ ระดับความหนืด 4 ระดับนี้ คือการปรับกราฟความหนืด ซึ่งมีความชันแตกต่างกัน เช่นถ้าปรับไว้เบาสุดกับหนักสุด เวลาปั่นช้าๆ ความหนืดจะไม่แตกต่างกันมาก แต่ถ้าปั่นเร็วขึ้น ความหนืดจะยิ่งแตกต่างกันมากขึ้นชัดเจน ปั่นแล้วได้เหงื่อเป็นเม็ดๆแน่นอน
- เสียงเงียบกว่าที่คิดไว้เยอะ ปั่นไปฟังเพลงไปสบายๆ
- ปั่นแล้วทั้งยางและลูกกลิ้งแทบจะไม่ร้อนเลย และไม่กินยางด้วย (สังเกตุจากหลังปั่นจะไม่มีคราบยางติด) อาจจะเป็นเพราะตัวลูกกลิ้งใช้วัสดุที่ดี ผิวลูกกลิ้งเรียบเป็นมันวาวเลย
- โครงสร้างแข็งแรง มั่นคง หนักกว่าตัวแรกพอสมควร
- ระบบ Quick Lock / Quick Release ที่ทำออกมาดีมาก ทำให้การยึดจักรยานเข้ากับเทรนเนอร์ และการยึดตัวลูกกลิ้่งกับยาง ทำได้เร็ว และได้ความแน่นที่ใกล้เคียงกันทุกครั้ง ไม่ต้องมานั่งถามว่า "ขันแน่นแค่ไหน" ปกติผมจะคลายตัวลูกกลิ้ง และตัวล็อกจักรยานทุกครั้งหลังเลิกปั่น ซึ่งตัวนี้ทำให้สะดวกขึ้นมาก

ข้อเสีย
- ตัวล็อกจักรยาน ไม่สามารถปรับให้ยางอยู่ตรงกลางเทรนเนอร์ได้ เพราะมันปรับได้ด้านเดียว และเป็นระบบ Quick Lock แต่เอาเข้าจริงๆผมก็ยังไม่เจอข้อเสียจากการใช้งานโดยที่ยางไม่อยู่ตรงกลางลูกกลิ้งเลย
- ตัวเทรนเนอร์ เนื้องานยังไม่ดีอย่างที่คิด ตัวที่ผมซื้อเจอรอยสีกะเทาะตรงแนวเชื่อม เดือดร้อนต้องวิ่งไปเปลี่ยนที่ร้าน แกะมาอีก 2 กล่อง ก็ยังเจอ แต่น้อยลง ก็เลยเอามา ขี้เกียจหาละ แล้วตรงชิ้นงานพลาสติกแถวๆลูกกลิ้งก็จะมีรอยเหมือนถูกงัด ซึ่งก็เป็นทุกตัวเหมือนกัน
แก้ไขล่าสุดโดย edonkey เมื่อ 27 ก.ค. 2016, 12:58, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย edonkey »

หลายๆท่านที่มาปั่นจักรยาน มักจะเจอคำพูดที่ว่า "เจ็บแต่จบ" หรือ "เจ็บก็ยังไม่จบ" ซึ่งผมเองก็เป็นกลุ่มหลัง
หลังจากปั่นบน CycleOps มาได้ 2 เดือนกว่า เหมือนทุกอย่างจะจบ แต่อยู่ดีดีก็ดันอยากได้พวก Simulator มาลอง เพราะเข้าใจว่ามันจะทำให้เราปั่นได้นานขึ้น สนุกขึ้น และที่สำคัญอยากได้ Power Meter มานาน แต่ยังไม่มีตัวที่ถูกใจ ก็เลยไปลงตั้งรับ BKOOL ไว้ ด้วยความหวังที่ว่าจะได้เทรนเนอร์พร้อม Power Meter ในตัว แล้วก็ได้มาในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ต้องรีบปล่อย CycleOps ออกไปอย่างไว

BKOOL Pro ราคาประมาณ 29,900 บาท (แต่ผมซื้อมาสองมา)

รูปภาพ

ตัวนี้คงต้องเขียนยาวหน่อย เพราะรายละเอียดมันเยอะ
ตัวนี้เป็น Smart Trainer + Simulator คือสามารถจำลองการปั่นตามแผนที่ใน Google Map ได้ทุกที่ โดยจะแสดงเป็นภาพ 3 มิติ (ภาพจำลอง) หรือถ้าเป็นสถานที่ดังๆ ก็จะมีเป็น Video ให้เลือกด้วย มีสถานที่เลือกปั่นเยอะมากๆจนตาลาย แถมยังสามารถสร้าง Video การปั่นของเราเองได้ สามารถปั่นแข่งกันได้ มีแข่งกันอยู่ตลอด และสามารถแสดงค่าวัตต์ได้จากตัวเทรนเนอร์เลย

ข้อดี
- อันดับแรกเลยคือมันเป็น Smart Trainer + Simulator สามารถจำลองสภาพถนน ความชัน หรือแม้กระทั่งลม แล้วมาปรับความหนืดของตัวเทรนเนอร์ให้เรา ทำให้มันสมจริงมากๆ ในแง่ของความหนืด (ย้ำว่าในแง่ความหนืด) เวลาปั่นขึ้นเนิน ขึ้นเขา มันก็จะปรับให้หนืดขึ้น ลองปั่นขึ้นเนินความชัน 10% นี่เล่นเอาเหงื่อท่วมจริงๆ ไม่มั่นใจว่าปรับได้หนืดสุดแค่ไหน แต่รู้ว่ามันหนักเกินพอ เวลาปั่น บนแผนที่ก็จะโชว์ว่า ความชันตอนนี้กี่% และเหลือระยะทางอีกเท่าไหร่ ความชันต่อไปเป็นกี่ % ทำให้เราเตรียมตัวเปลี่ยนเกียร์รอได้เลย
- มีแผนที่ให้เลือกเล่นเยอะมากๆ ถึงแม้ว่าจะมีส่วนน้อยที่เป็น Video แต่เอาเข้าจริงๆ ผมกลับชอบเป็นภาพ 3 มิติ มากกว่า เพราะดูง่ายกว่า และไม่ค่อยสะดุดระหว่างปั่น แต่ตรงนี้ก็ขึ้นอยูกับความเร็วเน็ตด้วย
- เวลาปั่นแข่ง มันกระตุ้นให้เราอยากปั่นได้อย่างเหลือเชื่อ คือปั่นแบบหัวใจอยู่ Zone 4 ตลอดก็ยังไหว (ถ้าปั่นบนเทรนเนอร์ปกติ คงผ่อนไปซะก่อน)
- ตัวเทรนเนอร์เองสามารถวัดความเร็ว และรอบขาได้เลย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ
- สามารถแสดงค่าวัตต์ได้ในตัว ซึ่งมีประโยชน์มาก สำหรับคนที่อยากลองกินวัตต์แบบผม เพราะลำพัง Power Meter ถูกสุดก็ 30,000 แล้ว ส่วน BKOOL ตัวนี้ เท่าที่อ่านรีวิวจากต่างประเทศ มันแสดงค่าวัตต์ได้แม่นยำพอสมควร Repeatability มันเพียงพอที่จะใช้อ้างอิงในการฝึกซ้อมได้เลย
- สามารถสร้าง Workout ได้ โดยอ้างอิงจากค่าวัตต์ หรือ Heartrate ก็ได้ เทรนเนอร์จะปรับความหนืดให้เองจนได้ค่าวัตต์ที่เราต้องการ
- ถ้าใช้โทรศัพท์ หรือ Tablet ที่รองรับ Ant+ (เช่นพวก Samsung หรือ Sony) สามารถโหลด App มาลง แล้วต่อตรงกับ Trainer ได้เลย ไม่ต้องใช้คอมเลย สะดวกมากๆ ผมใช้ต่อกับ Note 4 สะดวกกว่าต่อจาก Notebook เยอะ ไม่ค่อยมีปัญหา Hang ด้วย
- ไม่ต้องปรับความแน่นของตัวลูกกลิ้ง เพราะใช้น้ำหนักของเรากับจักรยานในการกดลูกกลิ้งลงไปเลย แต่ตรงนี้ก็มีข้อเสีย ไว้จะเล่าให้ฟัง

ข้อเสีย
- ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ (หรือมือถือ) และอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ถ้าไม่ต่อคอม ต่อให้เราเสียบไฟแล้วไปปั่น มันก็จะเป็นแค่เทรนเนอร์ราคา 2,000 บาท ตามท้องตลาด มีความหนืดนิดๆ ไม่สามารถปรับอะไรได้เลย
- งานประกอบ และวัสดุที่ทำตัวเทรนเนอร์ค่อนข้างแย่ ไม่สมราคา 30,000 บาทเลย ดูผิวเผินเหมือนอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์กิ๊กก๊อกจากจีน
- โครงสร้างดูแล้วยังไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่เบามาก
- ตัว Software ในคอมยังไม่ค่อยเสถียร บางทีกำลังปั่นมันส์ๆแล้วเด้งออกมา หงุดหงิดมาก
- การที่ไม่มีตัวล็อกลูกกลิ้ง แต่ใช้น้ำหนักตัวเรากดลงไป กลายเป็นข้อเสียคือ เวลาปั่นจะรู้สึกว่าก้นเราเด้งขึ้นลงบ้างตามแรงปั่น เพราะมันไม่มีอะไรมากดยางไว้ ยิ่งปั่นรอบขาสูงๆ จะรู้สึกว่าไม่ค่อยมั่นคง มีเอียงซ้ายขวา ขยับขึ้นลงบ้าง ทำให้กลัวว่าจะมีปัญหากับเฟรมคาร์บอนเหมือนกัน
- เสียงดังพอสมควร โดยเฉพาะเวลาปั่นรอบสูงๆ
- Feeling ในการปั่น ผมคิดว่ายังไม่ดีเอาซะเลย การที่มีเทรนเนอร์ปรับความหนืดได้อัตโนมัติ ไม่ได้หมายความว่าจะได้ Feeling ที่ดี เพราะในการปรับความหนืด ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ และเวลาชะลอความเร็ว หรือหยุดปั่น มีแรงเหวี่ยงเกิดขึ้นน้อยมาก ล้อหมุนฟรีได้แป๊บเดียวก็หยุด (คาดว่าเกิดจาก Fly Wheel มีขนาดเล็ก)
ถ้าจะเปรียบเทียบชัดๆ ผมมองว่า Feeling ในการปั่นมันพอๆกับเทรนเนอร์แม่เหล็กธรรมดา แต่มันสามารถปรับความหนืดได้เองตามที่โปรแกรมกำหนด
- ถ้าจะเล่นแบบโหมด 3 มิติ หรือ Video ต้องเสียค่าสมาชิกเดือนละ $15 ซึ่งถ้าเล่นบ่อยๆก็ไม่แพงมาก

จากข้อเสียที่เจอ ข้อที่สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือต้องต่อคอม หรือมือถือตลอด ซึ่งผมไม่ชอบ แต่ตอนซื้อไม่ได้หาข้อมูลก่อน เข้าใจว่าถ้าไม่ต่อมันก็สามารถปั่นได้ โดยเราตั้งความหนืดไว้จากโปรแกรม แต่จริงๆแล้วคือต้องเชื่อมต่อไว้ตลอด ทำให้ผมตัดสินใจลงขาย หลังจากลองใช้งานได้ 1 วันเต็มๆ

สุดท้ายก็ต้องหันกลับไปมองแบบ Fluid ละ เหลือ 2 ตัวให้เลือกคือ CycleOps JetFluid Pro จากค่าย CycleOps ที่ผมชื่นชอบจากตัวเดิม กับ Kurt Kinetic Road Machine ที่หลายๆเว๊ปยกให้เป็น Reference Trainer ตัวหนึ่ง
หลังจากหาข้อมูล ชั่งใจอยู่หลายวัน สุดท้าย ตัดสินใจเอา Rock and Roll มา ด้วยเหตุผลที่่ว่า ลองตัวนี้ตัวเดียว น่าจะจบกว่า เพราะถึงเอา Road Machine มา วันหนึ่งก็คงอยากลอง Rock and Roll อีก ก็เลยไปจัดมาเมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
แก้ไขล่าสุดโดย edonkey เมื่อ 09 ก.ค. 2015, 15:39, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย edonkey »

Kurt Kinetic Rock and Roll 2.0 ราคา 16,500 บาท พร้อมถาดรองแบบหมุนได้

รูปภาพ

เทรนเนอร์ยี่ห้อนี้ คงไม่ต้องพูดมาก เพราะใครๆก็คงรู้จัก มีทำออกมาแค่ 3 รุ่นหลักๆ คือ Cyclone (แบบกังหัน), Road Machine และ Rock and Roll ซึ่งเป็นแบบ Fluid เหมือนกันทุกอย่าง แต่มีข้อแตกต่างคือ ตัว Rock and Roll มีกลไกที่ทำให้มันให้ตัวซ้ายขวาได้ ต่างจาก Road Machine ที่เป็นแบบล็อกแน่นเหมือนเทรนเนอร์ทั่วไป

ข้อดี

- กล่องใหญ่มาก แบกขึ้นห้องนอนคนเดียวหลังแอ่น (เกี่ยวอะไรกันไหม) แกะกล่องออกมา ก็ยิ่งตกใจกับตัวเทรนเนอร์ที่มีขนาดใหญ่และหนักมาก หลังจากประกอบกันแล้วดูเป็นเทรนเนอร์ที่แข็งแรงมากที่สุดตั้งแต่เคยใช้มา งานพ่นสีดูเรียบร้อยพอสมควรตามราคา คู่มือที่ให้มาละเอียด และสวยงาม ตัวลูกกลิ้งก็มีขนาดใหญ่มาก ผิวลูกกลิ้งไม่เนี๊ยบเท่า CycleOps แต่ก็อยู่ในระดับที่ดีมาก
- ตัวล็อกจักรยาน สามารถปรับได้ทั้ง 2 ทาง ข้อดีคือสามารถปรับให้ยางอยู่ตรงกลางลูกกลิ้งได้ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับตัว Rock and Roll เพราะถ้ายางไม่อยู่กลางลูกกลิ้ง เวลาปั่น บางทีจะพบว่าจักรยานเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งเล็กน้อย
- สามารถซื้ออุปกรณ์เสริม เพื่อให้เทรนเนอร์สามารถแสดงค่าวัตต์ได้ (แต่ผมยังหาซื้ออุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้เลย)
- Feeling ในการปั่นที่ต้องบอกว่า "สมราคา" และไม่เสียชื่อเทรนเนอร์แบบ Fluid เพราะความหนืดค่อยๆเพิ่มขึ้นแบบ Smooth มากๆตามความเร็วรอบเลย ยิ่งปั่นหนัก ยิ่งหนืด เวลาฟรีขา ก็มีตัว Fly Wheel มาช่วยเหวี่ยงให้ล้อหมุนฟรีได้ แต่มันเหวี่ยงน้อยกว่าตัว CycleOps น่าจะเกิดจากน้ำหนัก Fly Wheel น้อยกว่า (แต่มี Option ตัว Fly Wheel ขนาดใหญ่ให้ซื้อเพิ่มได้อีก)
- เสียงเงียบมาก ใกล้เคียง Super Magneto Pro แต่.....เวลาปั่นเบาๆ จะได้ยินเสียงของเหลวมันไหลอยู่ในระบบเลย
- การที่เราสามารถโยกซ้ายขวาได้ เมื่อใช้ร่วมกับถาดรองล้อที่หมุนได้ ทำให้เป็นจุดเด่นที่สุดของเทรนเนอร์ตัวนี้ที่ยังไม่มีใครเหมือน มันทำให้การปั่นจักรยานบนเทรนเนอร์ "มีชิวิตชีวา" ขึ้นมาก ปกติผมไม่ชอบยืนโยก ตอนที่ใช้เทรนเนอร์ปกติ ก็คิดว่าตัว Rock and Roll คงไม่จำเป็น เพราะเราไม่ได้ยืนโยกอยู่แล้ว แต่พอได้มา มันกลายเป็นสิ่งจำเป็นเสียแล้ว ถึงจะไม่ยืนโยก แต่เวลาปั่นท่าปกติ ตัวเทรนเนอร์มีการให้ตัวตลอดเวลา มันทำให้การปั่นเหมือนจริงขึ้น ไม่แข็งกระด้างอีกต่อไป

ข้อเสีย
- ขนาดใหญ่เทอะทะ น้ำหนักมาก แถมตรงชุดลูกกลิ้งยังมีครีบระบายความร้อนเป็นแผ่นๆเหมือนพวกเครื่องยนต์กลไก ดูเตะตาคนที่บ้านมาก
- ระบบล็อกยางกับลูกกลิ้ง รู้สึกว่ายังไม่แน่นหนาเท่าที่ควร ต้องออกแรงขันมาก เมื่อเทียบกับ CycleOps ที่ขันเบาๆ 2 คลิ๊ก แต่ได้แรงเท่าๆกัน
- ระบบยึดตัวจักรยาน ที่ปรับซ้ายขวาได้ แต่ไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ยึดแน่นแค่ไหน ต้องใช้ความรู้สึกเท่านั้น
- แกนปลดที่ให้มา คุณภาพยังไม่ค่อยดี ใช้ไม่ถึงเดือน ก็เป็นรอยหมดแล้ว (ผมปลดล็อกจักรยานจากเทรนเนอร์ทุกครั้งหลังเลิกปั่น)
- ราคาแพงเกินไปนิด ถ้าเทียบกับตัว Road Machine (ราคา 10XXX) ตัวนี้เพิ่มมาแค่โยกได้ ราคาต่างกัน 6,000
แก้ไขล่าสุดโดย edonkey เมื่อ 09 ก.ค. 2015, 15:42, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย edonkey »

หลังจากใช้งานมา 4 รุ่น ขอสรุปแบบรวบรัดตัดความ ว่า

- ถ้าท่านมีงบจำกัด อยากซื้อเทรนเนอร์ถูกๆ แนะนำว่า .....เก็บเงินไว้ก่อนดีกว่า เพราะถึงซื้อมามันจะกลายเป็นขาตั้งจักรยานราคาแพงแทน เพราะเทรนเนอร์ถูกๆ Feeling ใช้ไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยที่สุดควรจะเล่นเทรนเนอร์ที่ระดับราคา 5-7000 บาท ขึ้นไป เพราะจะได้รุ่นกลางๆที่สามารถปรับความหนืดได้แบบ Progressive แล้ว

- ถ้าอยากได้ Feeling การปั่นใกล้เคียงของจริง ยืนโยกก็ได้ นั่งปั่นก็ดี มีชีวิตชีวากับการปั่นบนเทรนเนอร์ งบประมาณมีเยอะ จัด Kurt Kinetic Rock and Roll เลยครับ ไม่ผิดหวัง ปั่นไป ดูหนังไป ฟังเพลงไป มีความสุขมากๆ แถมยังเป็นเทรนเนอร์ที่หลายๆเว๊ปแนะนำ รวมถึง http://www.trainnerroad.com ด้วย สามารถแสดงค่าวัตต์ได้อย่างสม่ำเสมอเพียงพอกับการฝึกซ้อม

- ถ้าไม่สนใจเรื่องยืนโยก ขอแนะนำให้ไป CycleOps Super Magneto Pro จุดเด่นคือ Feeling ที่ผมคิดว่าเหมือนจริงที่สุดในบรรดาเทรนเนอร์ทั้ง 4 รุ่น แถมยังปรับความกราฟความหนืดได้อีก เสียงก็เงียบ ระบบล็อกก็ดีเยี่ยม แม้จะไม่แข็งแรงเท่า Kinetic แต่ก็แข็งแรงเกินพอ

- สุดท้ายสำหรับท่านที่อยากหาเทรนเนอร์ไว้แก้เบื่อกับเพื่อนๆหรือคนที่้บ้าน เล่นแข่งกันได้ มีแผนที่สวยๆให้ดู ก็คงต้องไปเล่นพวก Simulator ซึ่ง BKOOL ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับราคา แต่ก็ต้องยอมรับเรื่อง Feeling ในการปั่น ที่ยังห่างไกลจากพวก Classic Trainer รุ่นสูงๆอยู่พอสมควร
ส่วนตัวผมเห็นว่าช่วงนี้ยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของ Home Use Simulator เทคโนโลยีเปลี่ยนไปเร็วมาก อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์พวกนี้ ยังไม่น่าซื้อเมื่อเทียบกับราคา
อย่างล่าสุด Tacx ก็ออกรุ่น Vortex Smart ออกมา ในราคาถูกกว่า i-Vortex ตัวเดิม เชื่อมต่อกับ iPad, iPhone ได้เลย สเปคทุกอย่างเหมือนกัน หรือดีกว่า i-vortex ตัวเดิมเสียอีก

ในขณะที่ไม่กี่วันมานี้ Garmin ก็ออกตัว Garmin Edge 520 ซึ่งสามารถควบคุมตัว Smart Trainer ที่ปล่อยสัญญาณ Ant+ ได้ ทำให้มันสามารถควบคุมเทรนเนอร์อย่าง i-vortex หรืออีกหลายๆตัวที่กำลังจะออกมาได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์อีกแล้ว
ตอนนี้ก็เหลือแค่ว่า Smart Trainer ตัวไหนจะมี Software ที่ดีกว่ากัน และปรับปรุงเรื่อง Feeling ในการปั่นให้ดีขึ้นได้มากกว่ากัน ซึ่งก็คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร

ส่วนตัวผม ตอนนี้ใช้ Rock and Roll มาได้เกือบ 3 สัปดาห์ ชอบมากๆ ปั่นได้แทบทุกวัน แต่ก็ยังไม่รู้ตัวเป้าหมายถัดไปจะเป็นตัวไหน เพราะผมเป็นประเภทคิดเร็วทำเร็ว อยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนเลย 555 เจ็บมาเยอะ
แก้ไขล่าสุดโดย edonkey เมื่อ 09 ก.ค. 2015, 21:45, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง
apichartk
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 69
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2014, 22:12
Bike: Merida Scultura 900

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย apichartk »

สุดยอดครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูล
Suttichok
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 99
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2015, 08:47
Bike: Jab27.3 / TCR sl 2016
ติดต่อ:

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย Suttichok »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เยี่ยมจริงๆเห็นภาพเลย :D
รูปประจำตัวสมาชิก
คนเวียงเก่า
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 93
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 พ.ย. 2011, 19:26
Tel: +66882015888
Bike: THORN Nomad, BIke Friday NWT, VO Pass Hunter, Bridgestone

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย คนเวียงเก่า »

ชอบครับชอบ ขอบคุณมากๆที่มาแบ่งปัน
"เสือเวียงเก่า" คนเดิม ใน Login ใหม่ "คนเวียงเก่า"

แม้แต่หมา ยังไม่ชอบปลอกคอและสายจูง
รูปประจำตัวสมาชิก
Teerapoj
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 12
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2015, 17:44
Bike: Scott Foil

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย Teerapoj »

ละเอียดมากครับ ทำให้การตัดสินใจเลือกซื้อเทรนเนอร์ของผมตัดสินใจได้ง่ายเลย

ขอบคุณสำหรับรายละเอียด ข้อดีและข้อเสียของtrainerแต่ล่ะแบบครับ
silverlake99
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 93
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2012, 23:23
Bike: Giant XTC, Bianchi Intenso

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย silverlake99 »

ขอบคุณครับ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ผมเคยใข้มาสองตัวแบบแม่เหส็กทั่งคู่แต่ความรู้สึกต่างกันพอควร
Trainerดีๆทำให้เรารู้สึกอยากปั่นมากขึ้น ว่าแต่อ่านแล้วเริ่มเห็นภาพ (เสียตังค์) เลย 555
serm92002
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 535
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 22:46
Bike: Giant Hardline7400

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย serm92002 »

จะซื้ออยู่แล้ว...เจอข้อมูลนี้..เก็บเงินอีกนิดดีกว่า..อยากได้แบบโยกๆครับ..ข้อมูลเจ๋งที่สุดในสามโลกเลย
queenquiet
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 22:52
Bike: Trek29er

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย queenquiet »

ข้อมูลมีประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
nbt
Site Admin
Site Admin
โพสต์: 2713
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2008, 23:44
Tel: 0882160166
team: thaimtb , osk
Bike: Trek Procaliber, Bianchi OrtheXR2 , cBroadman CX , Canyon Enduro
ติดต่อ:

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย nbt »

ขอบคุณครับ ข้อมูลเยี่ยมมากครับ ขอแชร์ลยนะครับ
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย edonkey »

ใครมีข้อมูล หรือใช้งานยี่ห้ออื่นๆอยู่ ช่วยมาแชร์กันด้วยนะครับ
edonkey
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 483
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ย. 2014, 19:23
Bike: Merida Scultura 4000, Ridley Noah, Canyon Ultimate, Canyon Aeroad, Specialized Venge Vias Disk, Pinarello Dogma F10 Disk, S-Works Venge Disc

Re: หน้าฝนแล้ว มาแชร์ประสบการณ์ Trainer ที่เคยใช้มากันครับ

โพสต์ โดย edonkey »

nbt เขียน:ขอบคุณครับ ข้อมูลเยี่ยมมากครับ ขอแชร์ลยนะครับ
ยินดีครับ :D
ตอบกลับ

กลับไปยัง “อุปกรณ์จักรยานทั่วไป (MTB)”