????...คุณลุงแดง- คุณป้าอ๋อย พา เที่ยว ...???
กฏการใช้บอร์ด
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
บอร์ดสำหรับ นักปั่นทัวร์ริ่ง นักปั่นระยะทางไกล พูดคุยเรื่องอุปกรณ์ เทคนิตการปั่น ที่พัก หรือการกินอยู่
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่านครับ เช้าวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ วันเริ่มต้นท่องกาฬสินธ์ เป็นวันที่ ๔ ของเราสองคน (หลังจากอาหารเช้าที่วัดป่าช้างแก้ว) ซึ่งชาวบ้านและเราสองคนได้ร่วมกันทำบุญเสร็จจากพระท่านให้พร ก็ตั้งวงทานอาหารด้วยกันคุยกันสนุกสนาน ชาวบ้านซึ่งไม่เคยพบเห็นคนขี่จักรยานเดินทางไกล ๆ ถ้าภาษาอีสานเขาว่า "เป็นตางืด" คือแปลกนั่นเอง หลาย ๆ คนสนใจจักรยานหลาย ๆ คนสนใจเรื่องการท่องเที่ยวด้วยจักรยานของเรา เราสองคนจึงมีหน้าที่เล่าเรื่องการผจญภัยไปกับจักรยาน ทั้งต่างประเทศและในประเทศ เรียกว่าทุกคำถาม มีคำตอบ ผู้เฒ่าผู้แก่ชอบใจกัน
เมื่อได้เวลาหลาย ๆ คนทำห่อข้าวให้เราไปกินระหว่างทาง และมีหลาย ๆ คนชักชวนให้นอนที่วัดนี้อีกสัก ๒-๓ คืน เป็นน้ำใจไม่ตรีที่อบอุ่นประทับใจ และเมื่อเราได้ไปกราบลาพระอาจารย์ ท่านเมตตาให้สิ่งของที่ระลึกเป็นหนังสือภาพการฉลองโบถส์ใหม่เมื่อ ๒๘ - ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ พร้อมทั้งแนะนำถ้าไปถึง อ.สหัสขันธ์ให้ไปพักนอนปฏิบัติธรรมที่วัดสักกะวันซึ่งเป็นวัดของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของท่าน กราบลาท่านพระอาจารย์ เพื่อไปต่อที่ยังสถานปฏิบัติธรรมสติปัฏฐานสี่ ของแม่ชี ที่รับปากไว้ช่วงเช้าว่าจะไปเยี่ยม เสียดายที่แม่ชีขอร้องไม่ให้เผยแพร่ภาพและข่าวสารใด ๆ ท่านบอกอยากอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่อยากเด่น ดัง ดี จึงได้นำภาพเพียงไม่กี่ภาพมานำเสนอครับ
ออกจากสถานปฏิบัติธรรมเรามุ่งต่อจุดหมายหลักคือวัดภูปอ ภูปอเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ฝีมือช่างสมัยทวาราวดี จำหลักบนหน้าผา 2 องค์ องค์แรกประดิษฐานอยู่บนเชิงเขาทางขึ้น องค์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่บนภูปอ เป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดกาฬสินธุ์นอกจากนี้ภูปอยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย เชื่อไหมครับย้อนกลับมาที่ภูปอ เราต้องเสียเวลาอีก (หลงทาง) เข้าไม่ถูกมีหลายทางและก็พาซื่อ เชื่อตามคำบอกว่าถึงตรงนั้นจะมีป้ายบอก เอาเข้าจริงป้ายไม่มีครับเราหลงจนอ่อนใจเลยไปไกลโขอีกครั้ง สุดท้ายเราก็พยายามจนประสบความสำเร็จ
เราถึงวัดภูปอเลี้ยวเข้าทางเข้า ปรากฏว่าไม่ใช่ทางหน้าวัดอีก (เป็นประตูรอง) เจอพระกำลังทำสะอาดพื้นที่ สอบถามท่าน ท่านก็คุยดี(พึ่งกลับจากเชียงใหม่) ได้รายละเอียดพอสมควรหลังจากที่ท่านแนะนำเสร็จ เราก็ไปตามที่ท่านแนะนำ ก็มีเหตุขัดข้องหลาย ๆ อย่าง เช่นมีน้ำเย็นแช่อยู่ในถังให้ไปหยิบเอาก่อนขึ้นภูปอ พอไปถึงเปิดถังไม่มีน้ำสักขวด ฯ มีสิ่งสะกิดใจผมว่ามันแปลกตั้งแต่หลงไปนอนวัดป่าช้างแก้ว ทั้ง ๆ ที่แผนเราสองคนจะมานอนที่ภูปอนี่ หาที่จอดจักรยานของเราแล้วพากันขึ้นไปชมพระพุทธรูปที่สลักในหินองค์แรก ส่วนองค์ที่ ๒ ต้องขึ้นไปบนภู ปรากฏคุณนายไม่อยากไปบอกขอแค่นี้ ผมก็เลยต้องอดเราตกลงกันว่าวันนี้เราจะไป อ.สหัสขันธ์ ไปนอนที่วัดสักกะวันตามคำแนะนำของท่านอาจารย์กันดีกว่า
เมื่อได้เวลาหลาย ๆ คนทำห่อข้าวให้เราไปกินระหว่างทาง และมีหลาย ๆ คนชักชวนให้นอนที่วัดนี้อีกสัก ๒-๓ คืน เป็นน้ำใจไม่ตรีที่อบอุ่นประทับใจ และเมื่อเราได้ไปกราบลาพระอาจารย์ ท่านเมตตาให้สิ่งของที่ระลึกเป็นหนังสือภาพการฉลองโบถส์ใหม่เมื่อ ๒๘ - ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๑ พร้อมทั้งแนะนำถ้าไปถึง อ.สหัสขันธ์ให้ไปพักนอนปฏิบัติธรรมที่วัดสักกะวันซึ่งเป็นวัดของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ของท่าน กราบลาท่านพระอาจารย์ เพื่อไปต่อที่ยังสถานปฏิบัติธรรมสติปัฏฐานสี่ ของแม่ชี ที่รับปากไว้ช่วงเช้าว่าจะไปเยี่ยม เสียดายที่แม่ชีขอร้องไม่ให้เผยแพร่ภาพและข่าวสารใด ๆ ท่านบอกอยากอยู่อย่างเงียบ ๆ ไม่อยากเด่น ดัง ดี จึงได้นำภาพเพียงไม่กี่ภาพมานำเสนอครับ
ออกจากสถานปฏิบัติธรรมเรามุ่งต่อจุดหมายหลักคือวัดภูปอ ภูปอเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ฝีมือช่างสมัยทวาราวดี จำหลักบนหน้าผา 2 องค์ องค์แรกประดิษฐานอยู่บนเชิงเขาทางขึ้น องค์ที่ 2 ประดิษฐานอยู่บนภูปอ เป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดกาฬสินธุ์นอกจากนี้ภูปอยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ตามธรรมชาติที่สวยงามอีกด้วย เชื่อไหมครับย้อนกลับมาที่ภูปอ เราต้องเสียเวลาอีก (หลงทาง) เข้าไม่ถูกมีหลายทางและก็พาซื่อ เชื่อตามคำบอกว่าถึงตรงนั้นจะมีป้ายบอก เอาเข้าจริงป้ายไม่มีครับเราหลงจนอ่อนใจเลยไปไกลโขอีกครั้ง สุดท้ายเราก็พยายามจนประสบความสำเร็จ
เราถึงวัดภูปอเลี้ยวเข้าทางเข้า ปรากฏว่าไม่ใช่ทางหน้าวัดอีก (เป็นประตูรอง) เจอพระกำลังทำสะอาดพื้นที่ สอบถามท่าน ท่านก็คุยดี(พึ่งกลับจากเชียงใหม่) ได้รายละเอียดพอสมควรหลังจากที่ท่านแนะนำเสร็จ เราก็ไปตามที่ท่านแนะนำ ก็มีเหตุขัดข้องหลาย ๆ อย่าง เช่นมีน้ำเย็นแช่อยู่ในถังให้ไปหยิบเอาก่อนขึ้นภูปอ พอไปถึงเปิดถังไม่มีน้ำสักขวด ฯ มีสิ่งสะกิดใจผมว่ามันแปลกตั้งแต่หลงไปนอนวัดป่าช้างแก้ว ทั้ง ๆ ที่แผนเราสองคนจะมานอนที่ภูปอนี่ หาที่จอดจักรยานของเราแล้วพากันขึ้นไปชมพระพุทธรูปที่สลักในหินองค์แรก ส่วนองค์ที่ ๒ ต้องขึ้นไปบนภู ปรากฏคุณนายไม่อยากไปบอกขอแค่นี้ ผมก็เลยต้องอดเราตกลงกันว่าวันนี้เราจะไป อ.สหัสขันธ์ ไปนอนที่วัดสักกะวันตามคำแนะนำของท่านอาจารย์กันดีกว่า
- ไฟล์แนบ
-
- โบถส์หลังนี้ละครับ ที่ชาวบ้านร่วมใจกันมาสร้างโดยใช้แรงงานชาวบ้านล้วน ๆ เสียเงินแค่ค่าวัสดุก่อสร้างและส่วนสำคัญที่ชาวบ้านทำไม่เป็น นอกนั้นชาวบ้านต่างมาลงแรงกายแรงใจร่วมกันสร้าง ประหยัดเงิน ค่าก่อสร้างนับล้าน ขอแสดงความชื่นชมปรบมือให้กับชาวบ้านที่มีศรัทธาและสามัคคีกันอย่างเหนียวแน่น
- DSC_0484.JPG (264.41 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๔๔.jpg (786.87 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๔๕.jpg (233.85 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๔๖.jpg (909.95 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๔๗.jpg (321.93 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- วาสนาเราคงจะได้เห็นพระพุทธรูปแค่องค์เดียวคือองค์นี้ที่ประดิษฐานอยู่ข้างล่าง ยังมีข้างบนอีกหนึ่งองค์จำหลักในศิลาแบบเดียวกับองค์นี้ แต่คุณนายขอว่าไม่ขึ้นละ ครั้นผมจะขึ้นไปคนเดียวก็คงไม่สนุก เอาเป็นว่าเมื่อคุณนายไม่ขึ้นผมก็จำใจไม่ขึ้น ตกลงกันว่าเราจะมุ่งสู่ อ.สหัสขันธ์ กันดีกว่า
- cats ๑๔๘.jpg (148.05 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- ออกจากภูปอได้ไม่กี่กิโลยางผมระเบิดครับ ต้องหยุดเปลี่ยน จักรยานคุณนายที่ระเบิดช่วงออกจากเมืองกาฬสนธ์ เปลี่ยนยางให้ไปหนึ่งครั้ง มาครั้งนี้เป็นรถของผมระเบิด ครั้งนี้เป็นครั้งที่ ๒ เปลี่ยนอีกหนึ่งเส้นเป็น ๒ เส้น ผมนำยางอะหลั่ยมาด้วย ๓ เส้นเหลืออีก ๑ เส้นเริ่มไม่แน่ใจ คิดในใจว่าจำต้องจัดการปะเพื่อเตรียมสำรองไว้ พอดีมีชาวบ้านขับรถผ่านมาเขาจอดสอบถามเผื่อจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ผมสอบถามที่ปะยางจักรยาน (ถ้าปะเองคงจะเสียเวลาพอสมควร) เขาบอกให้ไปอีกสักกิโลกว่า ๆ จะเจอร้านซ่อมมอไซด์ของพี่ชายเขา ให้เขาช่วยปะให้ รับรองทำได้ หลังจากที่เปลี่ยน แล้วเราเดินทางต่อไปเจอร้านตามที่บอกรีบขอให้ปะให้ทั้งสองเส้น เส่นละ ๒๕ บ.เป็น ๕๐ บ.ค่อยสบายใจถ้าระเบิดอีกก็มีอะหลั่ยกันไว้แล้ว
- cats ๑๔๙.jpg (465.77 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- ลางสังหรณ์เป็นจริงครับ ออกจากร้านซ่อมมอไซด์ที่ปะยางให้เรา เดินทางได้ไม่ถึง ๑๐ กิโล จักรยานของผมก็ระเบิดอีก เป็นการระเบิดครั้งที่ ๒ การเดินทางครั้งนี้เราเจอยางระเบิดถึง ๓ ครั้ง ครั้งแรกเป็นรถของคุณนายตอนออกจากเมืองกาฬสินธ์ เปลี่ยนไปเรียบร้อย มาที่ภูปอ หลังจากออกจากภูปอ รถของผมระเบิดถึง ๒ ครั้ง เป็นปรากฏการณ์ ที่ไม่เคยเลยตั้งแต่ปั่นจักรยานมา และเป็นความโชคดีที่เตรียมยางในมาด้วย ๓ เส้น เรียกว่าได้ใช้หมดเลย ชักเกิดความไม่แน่ใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เป็นลางสังหรณ์ที่ต้องคิดครับ คำพูดที่ว่า"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" แต่ผมครุ่นคิดเพียงคนเดียวไม่แพร่งพรายให้คุณนายทราบ ตามไปนะครับว่าลางสังหรณ์จะช่วยได้จริงแค่ไหนอย่างไร ??
- cats ๑๕๐.jpg (266.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๕๑.jpg (711.3 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๕๒.jpg (764.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๕๓.jpg (641.62 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- ก่อนเข้าถึงตัว อ.สหัสขันธ์ เราเจอวัดสักกะวันและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ก่อน เราจึงเข้าไป ครั้งแรกคิดว่าจะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ก่อน แต่ต้องผ่านวัดเราก็เลยเข้าวัดก่อน เข้าไปกราบหลวงปู่หา ฯ และขอเมตตาท่านขอพักนอนปฏิบัติธรรม ท่านเมตตามาก ๆ บอกเลือกเอาเลยจะนอนตรงไหนที่ใด สุดท้ายลูกศิษย์ของท่านพาเราไปหาที่นอน ลูกศิษย์ก็ดีใจหายครับ พาไปนอนยังอาคารเก่าที่หลวงปู่เคยนอน ยังมีเตียงหลวงปู่ตั้งอยู่ เราก็เลยอาศัยกางเต้นท์ที่ปลายตีนเตียงหลวงปู่ซะเลย ๕๕๕.
- cats ๑๕๔.jpg (674.95 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- cats ๑๕๕.jpg (312.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
-
- หลังจากที่ทราบที่หลับที่นอนแล้ว เราก็เอาข้าวของเข้าไปเก็บเวลายังพอมีเพราะช่วงนั้นแค่บ่ายสีโมงแดดยังสว่างจ้า เราสองคนพากันปั่นตัวเปล่าเข้าไปยังตัวเมือง ปั่นเที่ยวรอบเมือง เที่ยวสอบถามหาข้อมูลต่าง ๆ ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยว และซื้อหาเสบียงเตรียมไว้ทำบุญเช้าวันรุ่งขึ้น ได้เวลาพอสมควรจึงเดินทางกลับวัด จัดการกางเต้นท์เตรียมที่หลับที่นอนชำระร่างกายเตรียมตัวขึ้นสวดมนต์ กับพระและแม่ชีพร้อมญาติธรรมที่อยู่วัดอีก ๒ คน พระท่านหลังสวดเสร็จท่านก็นำพานั่งภาวนา ก่อนจะหลับนอนด้วยความสุขโขสโมสรครับ.
- cats ๑๕๖.jpg (640.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1113 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
สวัสดีครับลุงแดง-ป้าและทุกท่าน
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ ทุก ๆ ท่าน วันนี้วันที่ ๑๔ กุมภา ฯ เมื่อครั้งหนุ่ม ๆ เมื่อวันนี้มาถึงผมจะได้ยินและชอบที่จะร้องเพลงที่เนื้อร้องบอกว่า "๑๔ กุมภา วันวาเลนไทม์......" วันนี้ดอกกุหลาบจะขายแพงเวอร์ครับ ดอกกุหลาบเป็นสัญญลักษณ์ของความรักอีกเช่นกัน ? และวันนี้ที่ชาวโลกรู้จักกันในนามวันวาเลนไทม์ วันวาเลนไทม์จึงเป็นวันแห่งความรัก
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า รัก ไว้ว่า เป็นคำกริยา หมายถึง มีใจผูกพันด้วยความห่วงใย, มีใจผูกพันด้วยความเสน่หา, มีใจผูกพันฉันชู้สาว, ชอบ[7] อย่างไรก็ตาม คำว่า "รัก" สามารถมีความหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่แตกต่างกันชัดเจนจำนวนมากขึ้นอยู่กับบริบท บ่อยครั้งที่ในแต่ละภาษาจะใช้คำหลายคำเพื่อแสดงออกซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับความรักที่แตกต่างกัน ตัวอย่างหนึ่งคือการที่ในภาษากรีกมีคำหลายคำที่ใช้สำหรับความรัก ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการสร้างกรอบความคิดเกี่ยวกับความรักทำให้เป็นการยากยิ่งขึ้นที่จะหานิยามสากลของความรัก[8]
ในคดีระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์, สุดา ปรัชญาภัทร โจทก์ร่วม กับเสริม สาครราษฎร์ จำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546)
"...ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความเห็นผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง..." (เครดิตจาก วิกิพีเดีย)
วันวาเลนไทม์เป็นวันแห่งความรัก ของคริสต์ศาสนา คริสต์ศาสนชิกชนเชื่อว่า รักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลัง และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เป็นสองสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งพระเยซูคริสต์ตรัสว่า เป็นพระบัญญัติข้อที่สำคัญที่สุดในคัมภีร์ฮีบรูของชาวยิว
ชาวพุทธเราก็มีวันแห่งความรัก แต่ชาวพุทธเราไม่ได้กำหนดว่าให้เป็นวันแห่งรัก วันที่ถือเป็นวันแห่งรักของชาวพุทธคือ "วันมาฆบูชา" ซึ่งปีนี้จะตรงกับวันที่ ๑๙ กุมพาพันธ์ คำว่า ความรัก ในพระพุทธศาสนามี ๒ ประเภท ดังนี้
๑. เปมะ ได้แก่ ความรักใคร่หรือความรักแบบโรแมนติกซึ่งเกิดจากสาเหตุ ๒ ประการ คือ (๑) บุพสันนิวาส หญิงชายเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน เมื่อเกิดใหม่มาพบกันในชาตินี้จึงเป็นเนื้อคู่กันและรักกัน (๒) การดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบันก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความรัก แม้หญิงชายจะไม่เคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งคู่ก็รักกันได้เพราะความมีน้ำใจของอีกฝ่ายหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๒. เมตตา ได้แก่ ความปรารถนาดีหรือความหวังดีที่จะให้คนอื่นมีความสุข ซึ่งเกิดจากการมองเห็นความดีงามหรือความน่ารักของคนอื่นแล้วเกิดความประทับใจจนถึงกับคิดส่งเสริมให้เขามีความดีงามหรือความน่ารักยิ่งๆขึ้นไป
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า รัก ไว้ว่า เป็นคำกริยา หมายถึง มีใจผูกพันด้วยความห่วงใย, มีใจผูกพันด้วยความเสน่หา, มีใจผูกพันฉันชู้สาว, ชอบ[7] อย่างไรก็ตาม คำว่า "รัก" สามารถมีความหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่แตกต่างกันชัดเจนจำนวนมากขึ้นอยู่กับบริบท บ่อยครั้งที่ในแต่ละภาษาจะใช้คำหลายคำเพื่อแสดงออกซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับความรักที่แตกต่างกัน ตัวอย่างหนึ่งคือการที่ในภาษากรีกมีคำหลายคำที่ใช้สำหรับความรัก ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการสร้างกรอบความคิดเกี่ยวกับความรักทำให้เป็นการยากยิ่งขึ้นที่จะหานิยามสากลของความรัก[8]
ในคดีระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์, สุดา ปรัชญาภัทร โจทก์ร่วม กับเสริม สาครราษฎร์ จำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6083/2546)
"...ความรักเป็นสิ่งที่เกิดจากใจไม่อาจบังคับกันได้ ความรักที่แท้จริงคือความปรารถนาดีต่อคนที่ตนรักความยินดีที่คนที่ตนรักมีความสุข การให้อภัยเมื่อคนที่ตนรักทำผิด และการเสียสละความสุขของตนเพื่อความสุขของคนที่ตนรัก จำเลยปรารถนาจะยึดครองผู้ตายเพื่อความสุขของจำเลยเอง เมื่อไม่สมหวังจำเลยก็ฆ่าผู้ตาย เป็นความผิดและการกระทำที่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของจำเลยโดยฝ่ายเดียว มิได้คำนึงถึงจิตใจและความรู้สึกของผู้ตาย หาใช่ความรักไม่ ทั้งเป็นความเห็นผิดที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง..." (เครดิตจาก วิกิพีเดีย)
วันวาเลนไทม์เป็นวันแห่งความรัก ของคริสต์ศาสนา คริสต์ศาสนชิกชนเชื่อว่า รักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลัง และรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เป็นสองสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ซึ่งพระเยซูคริสต์ตรัสว่า เป็นพระบัญญัติข้อที่สำคัญที่สุดในคัมภีร์ฮีบรูของชาวยิว
ชาวพุทธเราก็มีวันแห่งความรัก แต่ชาวพุทธเราไม่ได้กำหนดว่าให้เป็นวันแห่งรัก วันที่ถือเป็นวันแห่งรักของชาวพุทธคือ "วันมาฆบูชา" ซึ่งปีนี้จะตรงกับวันที่ ๑๙ กุมพาพันธ์ คำว่า ความรัก ในพระพุทธศาสนามี ๒ ประเภท ดังนี้
๑. เปมะ ได้แก่ ความรักใคร่หรือความรักแบบโรแมนติกซึ่งเกิดจากสาเหตุ ๒ ประการ คือ (๑) บุพสันนิวาส หญิงชายเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน เมื่อเกิดใหม่มาพบกันในชาตินี้จึงเป็นเนื้อคู่กันและรักกัน (๒) การดูแลช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบันก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความรัก แม้หญิงชายจะไม่เคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ทั้งคู่ก็รักกันได้เพราะความมีน้ำใจของอีกฝ่ายหนึ่งที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
๒. เมตตา ได้แก่ ความปรารถนาดีหรือความหวังดีที่จะให้คนอื่นมีความสุข ซึ่งเกิดจากการมองเห็นความดีงามหรือความน่ารักของคนอื่นแล้วเกิดความประทับใจจนถึงกับคิดส่งเสริมให้เขามีความดีงามหรือความน่ารักยิ่งๆขึ้นไป
- ไฟล์แนบ
-
- S__34570243.jpg (216.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- นอนในอาคารที่หลวงปู่เคยอยู่ ได้พึ่งพาอาศัยบารมีช่วยให้ทำสมาธิภาวนา ได้ความรู้และประสบการณ์เพิ่มขึ้น มันสุุดยอดจริง ๆ ใครที่ยังไม่เคยทดลองหาโอกาสทำแบบผมบ้าง คุณอาจจะได้วิชชาดี ๆ นะครับ
- cats ๑๕๘.jpg (182.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๕๙.jpg (850.23 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๐.jpg (280.78 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๑.jpg (269.25 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๒.jpg (873.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๓.jpg (922.91 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๔.jpg (373.1 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๕.jpg (910.47 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๖.jpg (883.32 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๗.jpg (782.03 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๘.jpg (848.56 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๖๙.jpg (722.67 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๗๐.jpg (301.85 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๗๑.jpg (924.28 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- cats ๑๗๒.jpg (849.24 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
-
- เช้าวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ เป็นวันที่ ๕ ของการท่องเที่ยวใน จ.กาฬสินธ์ เช้านี้เมื่อตื่นจากการนอนแบบ "Sleep like a log" เราปรุงกาแฟกินกับขนมปังและขนมต่าง ๆ ที่เตรียมไว้แต่เย็นวาน ตอนที่เราออกไปเที่ยวตลาดในเมืองสหัสขันธ์ก่อนที่จะกลับมาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็นกับพระอาจารย์และญาติธรรม
อาหารที่เตรียมไว้สำหรับใส่บาตรคุณนายได้นำไปรวมกับโรงครัว ให้แม่ครัวยกขึ้นไปถวายพระ หลังจากที่เสร็จภาระกิจเช้าเราก็ออกท่องเที่ยวใน อ.เมืองสหัสขันธ์ เริ่มที่ ภูสิงห์ สำหรับภุสิงห์ปั่นขึ้นจนถึงยอดสนุกมาก ๆ ครับ เชื่อได้เลยว่าถ้าใครได้มาปั่นสัมผัสบรรยากาศคุณจะหลงใหล เสน่ห์ภูสิงห์ไม่ธรรมดา เชียงใหม่มีดอยคำ ลำพูนมีดอยติ สหัสขันธ์ก็มีภูสิงห์ คุณนายปั่นเกือบจะถึงยอดอยู่แล้วแต่ไม่รอดครับ คุณนายบอกอยากแก้ตัว (แต่ไม่ใช่คราวนี้ ๕๕๕)
เราเดินชมรอบภูและเข้าไปกราบนมัสการรอยพระบาท นั่งทอดอารมณ์ชมวิวสวย ๆ ของเมืองสหัสขันธ์ จะมองเห็นเขื่อนลำปาว เวิ้งน้ำที่กว้างใหญ่ ทิวทัศน์ของเมืองสหัสขันธ์ รัศมี ๒๗๐ องศา บรรยายไม่ถูกเลยมันสวยงามจริง ๆ นอกจากจะเห็นทิวทัศน์ของเขื่อนลำปาวและตัวเมืองแล้ว เรายังสามารถมองเห็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ และภูค่าว ซึ่งภูค่าวนี้ใครไป จ.กาฬสินธ์ เป็นอีกแห่งหนึ่งที่จะพลาดไม่ได้
เราเพลิดเพลินกับการชมวิวนานพอสมควร ได้คุยกับแม่ค้าที่ขายของบนภู ก็ได้ความรู้และและแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเพิ่มเติมอีก ได้เวลาพอสมควรก็อำลาภูสิงห์ ตอนนี้เป็นขาลงภูที่เราปั่นขึ้น เชื่อไหม? ช่วงปั่นขึ้นเราจะไม่ค่อยทราบว่ามันสูงชันขนาดใด รู้แต่เหนื่อยแค่นั้น แต่ขาลงพอเรามองทางลง โอ้...มันชันขนาดนี้เลยหรือนี่ ? จะเป็นแบบนี้เสมอ ๆ ดังนั้นตัวผมเองจะมีนิยามและสอนคนปั่นมือใหม่เสมอ ๆ ว่า "ขึ้นเหนื่อย...ลงตาย" ต้องระวัง คุณนายถือเป็นคติเตือนใจเสมอ ๆ และคุณเธอพอขาลงมักจะคอยเตือนและเอ็ดตะโรเอากับผมบ่อยครั้ง เช่นกัน เพราะขาลงผมมักจะปล่อยลอยระริ่วตามลม เหมือนกับประมาท..ไม่กลัว ทั้ง ๆ ที่สอนเขาแต่เรากลับเมินเฉย...ความจริงแล้วผมก็ระวังอยู่ เคยไปพลิกคว่ำตีลังกา เมื่อครั้งไปปั่นที่หลวงพระบาง ขากลับออกทางห้วยโก๋น จากหลวงพระบางถึงห้วยโก๋น ทางยังสร้างไม่เสร็จเป็นทางสำรวจ มีเขาหลายลูกก่อนถึงเมืองหงสา ก็เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ทริปนั้นเลยจบที่หงสา ต้องเหมารถยนต์ต่อ ๒ ทอดเข้าถึงเมืองน่าน (สรุป..ผมก็จะไม่ประมาท..เข็ดแล้วครับ..เหตุการณ์วันนั้นตัวผมเองรู็ว่าไม่ประมาท แต่มีความเชื่อว่า..นี่คือวิบากกรรม อดีตเมื่อครั้งเป็นผู้บังคับหมวดได้สร้างกรรมหนักกับชาวลาวครับ....)
ลงจากภูสิงห์เรามุ่งหน้าต่อไปยังภูค่าว ระหว่างทางเจอร้านอาหารตามสั่ง ประจวบกับเวลาใกล้เที่ยงแล้วเราสองคนเลยถือโอกาสทานมื้อเที่ยงให้เสร็จก่อน "อย่าลืมครับ เมื่อถึงเวลาอาหาร ทุกมื้อต้องเลย ผมใช้คำว่า..ต้อง.." คือต้องกินอย่าให้หิวแล้วค่อยกิน การปั่นจักรยานถ้าคุณหิวถึงกิน อตร.ครับฉะนั้นเมื่อถึงเวลา หิว..ไม่หิว ต้อง..กินครับ ขอให้เชื่อผมและนำไปปฏิบัติการปั่นจะได้สนุกสนาน ไม่มีปัญหา - cats ๑๗๓.jpg (219.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
- เช้าวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๒ เป็นวันที่ ๕ ของการท่องเที่ยวใน จ.กาฬสินธ์ เช้านี้เมื่อตื่นจากการนอนแบบ "Sleep like a log" เราปรุงกาแฟกินกับขนมปังและขนมต่าง ๆ ที่เตรียมไว้แต่เย็นวาน ตอนที่เราออกไปเที่ยวตลาดในเมืองสหัสขันธ์ก่อนที่จะกลับมาร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็นกับพระอาจารย์และญาติธรรม
-
- ปั่นไปหลวงพระบาง๑๐.jpg (48.82 KiB) เข้าดูแล้ว 1100 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ทุก ๆ ท่านครับ พูดถึงเรื่องความรักผมขอสารภาพว่า อดีตนั้นผมไม่เคยรักใครเลย จริง ๆ ครับ ซึ่งมันก็ไม่แปลกใช่ไหมครับเพราะ พระพุทธเจ้าตรัสความจริงเรื่องรักว่า "นตฺถิ อตฺตา สมํเปมํ ....รักอื่นเสมอตนไม่มี" แม้พระพุทธองค์ตรัสว่า รักอื่นเสมอตนไม่มี พูดภาษาชาวบ้านว่า ทุกชีวิตต่างก็รัก..ตัวเองที่สุด ผมนั้นเชื่อเลยว่าขนาดตัวผมเองยังไม่รักตัวเอง
สมัยเด็กและวัยรุ่นตลอดจนวัยทำงาน อยากมีเงินผมทำงานแทบทุกอย่าง ขายขนม วิ่งขายหนังสือพิมพ์-เรียงเบอร์ ปั่นสามล้อ รับจ้างทำงานกรรมกรแบกหาม เล่นดนตรี เรียกว่าทำทุกอย่างไม่เคยอับอายขอเพียงให้ได้เงิน พอได้เงินแล้วผมรู้สึกผมมีความสุขมากกกก แล้วผมก็ใช้เงินที่หามาได้ซื้อทุกอย่างที่อยากซื้อ ผมดื่ม ผมกิน ผมเล่นการพนัน สูบกัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน เที่ยวผู้หญิง เรียกว่าอบายมุข ๖ ผมครบเครื่อง จวบจนผมได้พบพ่อแม่ครูบาอาจารย์และได้หันหน้าเข้าปฏิบัติธรรม ฝึก ลด ละ เลิก อบายมุขจนตัดใจเลิกได้ทั้งหมด ผมจึงถึงบางอ้อ...ไอ้สิ่งที่ทำ ๆ มานั้นมันผิด ที่กิน ดื่ม เล่น ฯ ทั้งหลายล้วนแต่ทำลายตัวเองทั้งนั้นแบบนี้หรือคือรักตัวเอง สรุปความรักคือความสุข
ความรัก คือ อะไร รักคือ การช่วยให้พ้นทุกข์ รักคือ การช่วยให้มีความสุข และเมื่อรู้ว่า ทุกชีวิตต่างก็รักตัวเอง ก็ต้อง
๑.ไม่เบียดเบียนกัน เพราะเมื่อเขาเป็นทุกข์เขาก็จะโกรธ และอาจโต้ตอบ เบียดเบียนทำร้ายให้เราทุกข์
๒.รีบทำดี ทำประโยชน์เกื้อกูล ให้ความสุข เพื่อให้เกิดความเป็นมิตรไมตรีต่อกัน หรือช่วยให้เขาพ้นทุกข์มากที่สุด
อยากประสบความสำเร็จในความรัก ต้องเริ่มต้นด้วยการรักตัวเองอย่างมีปัญญาก่อน คือ ทำให้ตนเองพ้นทุกข์ ทำให้ตนเองมีความสุข ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ง่าย ๆ ก็คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญสมาธิ ภาวนา
สมัยเด็กและวัยรุ่นตลอดจนวัยทำงาน อยากมีเงินผมทำงานแทบทุกอย่าง ขายขนม วิ่งขายหนังสือพิมพ์-เรียงเบอร์ ปั่นสามล้อ รับจ้างทำงานกรรมกรแบกหาม เล่นดนตรี เรียกว่าทำทุกอย่างไม่เคยอับอายขอเพียงให้ได้เงิน พอได้เงินแล้วผมรู้สึกผมมีความสุขมากกกก แล้วผมก็ใช้เงินที่หามาได้ซื้อทุกอย่างที่อยากซื้อ ผมดื่ม ผมกิน ผมเล่นการพนัน สูบกัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน เที่ยวผู้หญิง เรียกว่าอบายมุข ๖ ผมครบเครื่อง จวบจนผมได้พบพ่อแม่ครูบาอาจารย์และได้หันหน้าเข้าปฏิบัติธรรม ฝึก ลด ละ เลิก อบายมุขจนตัดใจเลิกได้ทั้งหมด ผมจึงถึงบางอ้อ...ไอ้สิ่งที่ทำ ๆ มานั้นมันผิด ที่กิน ดื่ม เล่น ฯ ทั้งหลายล้วนแต่ทำลายตัวเองทั้งนั้นแบบนี้หรือคือรักตัวเอง สรุปความรักคือความสุข
ความรัก คือ อะไร รักคือ การช่วยให้พ้นทุกข์ รักคือ การช่วยให้มีความสุข และเมื่อรู้ว่า ทุกชีวิตต่างก็รักตัวเอง ก็ต้อง
๑.ไม่เบียดเบียนกัน เพราะเมื่อเขาเป็นทุกข์เขาก็จะโกรธ และอาจโต้ตอบ เบียดเบียนทำร้ายให้เราทุกข์
๒.รีบทำดี ทำประโยชน์เกื้อกูล ให้ความสุข เพื่อให้เกิดความเป็นมิตรไมตรีต่อกัน หรือช่วยให้เขาพ้นทุกข์มากที่สุด
อยากประสบความสำเร็จในความรัก ต้องเริ่มต้นด้วยการรักตัวเองอย่างมีปัญญาก่อน คือ ทำให้ตนเองพ้นทุกข์ ทำให้ตนเองมีความสุข ด้วยการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ง่าย ๆ ก็คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญสมาธิ ภาวนา
- ไฟล์แนบ
-
- 226489.jpg (74.88 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- 355561.jpg (9.88 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- หลังจากที่เราสองคนแวะเติมพลังมื้อกลางวันเรียบร้อย เราก็เดินทางมุ่งหน้าไปกราบเจดีย์พุทธนิมิตวัดภูค่าว ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้บอกได้เลยว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เราเดินทางมาแต่ไกล มีความสุขและเหมือนได้รับพลังจากสิ่งเร้นลับ "ความสุข ความอิ่ม เป็นพลังอย่างหนึ่ง"
- cats ๑๗๔.jpg (371.5 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๗๙.jpg (269.66 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๘๐.jpg (149.18 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๘๑.jpg (664.52 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๘๒.jpg (251.41 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- องค์พระมหาธาตุเจดีย์
สร้างด้วยหินแกะสลักทั้งองค์ฐานเจดีย์แกะสลักเป็นรูปลิงแบกฐานพระพุทธรูป ตัวมหาธาตุเจดีย์ที่สูง 80 เมตร ความกว้างของ มหาธาตุเจดีย์ ขนาด 45x45 เมตร ประตูแต่ละด้านสูง 7 เมตรภายในประกอบด้วยเสาใหญ่ 32 ต้นด้านผนังมีระเบียง ด้านบน ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณต่างยุคต่างสมัยส่วนด้านล่างประดิษฐานพระพุทธรูปหินสลัก 129 องค์ ยอดมหาธาตุเจดีย์ทำด้วย ทองคำหนัก 30 กก.และยังบรรจุอัญมณีมูลค่ามหาศาลจากผู้มีจิตศรัทธา และที่สำคัญไปกว่านั้นบริเวณกลางเจดีย์ด้านในมีมณฑป ไม้โลงเลง เป็นไม้เนื้อหอมชนิดหนึ่งจากส.ป.ป.ลาว ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ และพระอริยสงฆธาตุ - cats ๑๘๕.jpg (253.85 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
- องค์พระมหาธาตุเจดีย์
-
- cats ๑๘๖.jpg (624.45 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๘๗.jpg (703.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๘๘.jpg (394 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๘๙.jpg (363.26 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๙๐.jpg (301.36 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๙๑.jpg (411.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว
มีพุทธลักษณะเป็นพระนอนปางไสยาสน์ โดยองค์พระไสยาสน์ มีความยาว 2 เมตร กว้าง 50 เซนติเมตร ตำแหน่งที่ประทับอยู่ หน้าปากถ้ำกว้างประมาณ 5 เมตร สูงจากพื้นระดับเพดานถ้ำประมาณ 3 เมตร ลานด้านหน้าองค์พระกว้าง ประมาณ 10 เมตร และที่แปลกอย่างที่กล่าวไว้คือ พระไสยาสน์องค์นี้ตะแคงซ้าย ผู้รู้ได้สันนิษฐานว่า เป็นสัญลักษณ์ของ "พระมหาโมคคัลลานะเถรเจ้า" พระอัครสาวกเบื้องซ้ายขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยศรัทธาของพุทธศาสนิกชนในช่วง ประเพณีสงกรานต์จะแห่แหนไปสรงน้ำ ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องเพราะพระพุทธไสยาสน์ องค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นตำนาน เล่าขาน - cats ๑๙๒.jpg (868.64 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
- พระพุทธไสยาสน์ภูค่าว
-
- cats ๑๙๓.jpg (288.39 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๙๔.jpg (836.36 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
-
- cats ๑๙๕.jpg (429.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1084 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
สวัสดียามเย็นครับท่านที่รัก พรุ่งนี้ (๑๖ กพ.๖๒) มีภารกิจสำคัญนัยว่าคงอาจจะไม่ได้มานั่งคิดนั่งเขียนโพสต์ให้ท่านได้ติดตาม ขณะนี้พอมีเวลาก็ถือโอกาสมานำพาท่านไปเที่ยวต่อจากตอนเช้า ที่ยังคงค้างภาพวัดภูค่าวซึ่งเมื่อเช้าพยายามนำเสนอแต่คงเกินลิมิตที่เขากำหนด ลงเท่าไร ๆ ก็เด้งกลับสุดท้ายจนปัญญาได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ๕๕๕
- ไฟล์แนบ
-
- cats ๑๙๖.jpg (212.72 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- วิหารสังฆนิมิต อยู่บนยอดเขาใกล้ทางไปชมพระนอนภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็กจำนวนมาก และบริเวณผนังเรื่อยขึ้นไปถึงเพดานมีพระเครื่องต่าง ๆ นับพันองค์ติดประดับอยู่ดูสวยงามตื่นตา นอกจากนี้บริเวณลานโล่งนอกตัววิหารยังมีหอพระธาตุซึ่งประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ทางวัดได้มาจากที่ต่างๆ ในภาชนะแก้วใส และรอยพระพุทธบาทจำลองเก่าแก่สลักบนหินก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน
- cats ๑๙๗.jpg (786.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- cats ๑๙๘.jpg (821.41 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- cats ๒๐๐.jpg (236.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- DSC_0689.JPG (402.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- DSC_0694.JPG (255.28 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- โบสถ์ไม้ อยู่บนเนินเขาด้านซ้ายของถนนก่อนถึงบริเวณวัด เป็นอาคารไม้ทรงไทยตั้งบนฐานลวดบัวปูนปั้น หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้น มีชายคาปีกนกทั้งสี่ด้าน หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปพระพุทธเจ้าประทับในป่าทึบแวดล้อมด้วยสิงสาราสัตว์ บานประตูหน้าต่างแกะสลักเรื่องพุทธชาดก และมีการประดับไม้ฉลุลายพรรณพฤกษาทั่วโบสถ์ ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระมงคลชัยสิทธิ์โรจนฤทธิประสิทธิพร เป็นพระประธานปางตรัสรู้หรือปางสมาธิสีทองสุกอร่าม บริเวณโดมเพดานเหนือองค์พระตกแต่งด้วยประติมากรรมไม้แกะสลักนูนต่ำเรื่องพุทธประวัติ ทาสีทอง
- DSC_0698.JPG (311.13 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- สะพานเทพสุดา เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 2 ช่องจราจร ข้ามเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จากบริเวณแหลมโนนวิเศษ ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ ถึงบริเวณเกาะมหาราช ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรีเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2549 ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 498,850,000 บาท ความยาว 2,040 เมตร ถนนต่อเชื่อมโครงการผิวจราจรกว้าง 7 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2.50 เมตร ภายใต้การกำกับดูแลของกรมทางหลวงชนบท สร้างเสร็จในเดือนธันวาคม 2553 ถือเป็นสะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
สะพานเทพสุดา แห่งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553 สะพานเทพสุดา ซึ่งหมายถึงสะพานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสะพานเทพสุดาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา 09.00 น. ณ บริเวณเชิงสะพานเทพสุดา อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ รวมทั้งทอดพระเนตรนิทรรศการสะพานเทพสุดา
สะพานเทพสุดา เป็นโครงข่ายเชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่งจาก จังหวัดหนองคาย อุดรธานี ผ่านจังหวัดกาฬสินธุ์ ไปยังจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นประตูสู่อินโดจีนหรืออีสต์เวสต์อีโคโนมิก คอริดอร์ จะช่วยร่นระยะทางได้กว่า 100 กิโลเมตร รวมถึงการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรทางฝั่งตะวันตก อำเภอหนองกุงศรี อำเภอท่าคันโท ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ฝั่งตะวันออก อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอสมเด็จ อำเภอกุฉินารายณ์ และตัวจังหวัดกาฬสินธุ์ จะร่นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร นอกจากนี้ บนสะพานเทพสุดายังสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามบริเวณพื้นที่อ่างเก็บน้ำลำปาวได้อย่างชัดเจน สนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดกาฬสินธุ์ และการท่องเที่ยวในภูมิภาค ทำให้ ประชาชนมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประกอบกับ อำเภอสหัสขันธ์ มีพิพิธภัณฑ์สิรินธร (ภูกุ้มข้าว) ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบชิ้นส่วนกระดูกไดโนเสาร์ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ได้ออกแบบประติมากรรมรูปหล่อไดโนเสาร์ ติดตั้งบริเวณราวสะพานทั้ง 2 ข้าง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์ อีกด้วย (เครดิตจาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี) - cats ๒๐๒.jpg (850.37 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
- สะพานเทพสุดา เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 2 ช่องจราจร ข้ามเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จากบริเวณแหลมโนนวิเศษ ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ ถึงบริเวณเกาะมหาราช ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรีเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2549 ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 498,850,000 บาท ความยาว 2,040 เมตร ถนนต่อเชื่อมโครงการผิวจราจรกว้าง 7 เมตร ไหล่ทางกว้างข้างละ 2.50 เมตร ภายใต้การกำกับดูแลของกรมทางหลวงชนบท สร้างเสร็จในเดือนธันวาคม 2553 ถือเป็นสะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
-
- cats ๒๐๓.jpg (637.81 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- cats ๒๐๔.jpg (559.97 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- cats ๒๐๕.jpg (691.26 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- ขณะที่ปั่นข้ามจากฝั่งเมืองสหัสขันธ์ ไป อ.หนองกรุงศรี และปั่นกลับจาก อ.หนองกรุงศรีกลับ อ.สหัสขันธ์ เป็นความสุขลึก ๆ ที่อยากจะบอกทุกท่านว่า เป็นโอกาสดีเหลือเกินที่เราสองคนได้มาปั่นบนสะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย (เขาว่ามา) ทิวทัศน์ ลมเย็น อากาศดี เสียดายที่เราไม่ได้อยู่รอจนพระอาทิตย์ตกดิน เพราะต้องรีบกลับไปวัดให้ทันสวดมนต์เย็น ในความสุขก็มีความทุกข์แฝงอยู่ ความทุกข์ที่ว่าคือ ตลอดสองข้างทางบนสะพาน มีเศษอ้อยตกเกลื่อน กีดขวางและเป็นมลพิษทางสายตา และจิตใจมาก ใจที่มีหน้าที่คิดผมก็คิดไปเรื่อย คิดไปถึงว่า "สะพานนี้เป็นส่วนเชื่อมสองอำเภอเข้าด้วยกัน คงเกี่ยงกันทำความสะอาด" นี่อานุภาพของจิตที่ห้ามไม่ได้ว่า ไม่ให้คิด มันเป็นหน้าที่ของจิต ต้องขออภัยถ้ามันไม่ใช่ความจริง
- cats ๒๐๖.jpg (469.37 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- cats ๒๐๗.jpg (793.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- cats ๒๐๘.jpg (867.98 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- ปั่นกลับวัดสักกะวัน คิดว่ายังพอมีเวลา พากันไปเยี่ยมชมกุฏิเดิมของหลวงปู่ที่อยู่ทางท้ายวัดตรงหน้าบริเวณพิพิธภัณฑ์ ไปเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจะกลับไปอาบน้ำชำระร่างกายเตรียมตัวสวดมนต์
- cats ๒๐๙.jpg (277.46 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- เย็นวันนี้มีท่านมหาพระเปรียญธรรม ๙ ประโยค ลูกศิษย์หลวงปู่เดินทางมาจากกรุงเทพ ฯ มากราบคารวะหลวงปู่และมาค้างจำที่วัด ท่านได้มาเป็นผู้นำในการสวดมนต์ทำวัตรเย็น และพาทำสมาธิภาวนา เสียดายที่หลังจากเสร็จภารกิจจากการนั่งสมาธิภาวนาแล้ว เวลาก็ล่วงเลยไป ท่านคงอยากจะพักผ่อนจึงไม่ได้สนทนาธรรมกับท่าน เพียงแต่สอบถามที่มาที่ไปแล้วก็แยกย้ายกัน เราก็กราบลากลับไปเตรียมพักผ่อนเช่นกัน คืนนี้เหมือนเดิม " Sleep like a log " ไม่ฝันอะไรเลย ๕๕๕.
- S__31391751.jpg (151.54 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- S__31391758.jpg (118.78 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
-
- S__31391759.jpg (102.68 KiB) เข้าดูแล้ว 1071 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
สายัณห์สวัสดิ์ ท่านที่เคารพทุก ๆ ท่าน คงไม่แปลกใจที่ผมมาทักทายในยามเย็น เนื่องจากช่วง "อรุณสวัสดิ์" ผมตื่นมาแต่ตี ๔ ด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะตลอดทั้งวันวาน (๑๖ กพ.๖๒) เป็นวันที่ผมออกจากบ้านแต่ตี ๕ ไปรับน้องสาว หลานสาว ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป แห่งวัดป่าอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ กว่าจะกลับถึงบ้านและเข้านอนค่อนห้าทุ่มเที่ยงคืน เรียกว่าอ่อนเพลียพอสมควร ตื่นเช้าพอเริ่มบันทึกคิด เขียน มีอาการมึน ๆ งง ๆ มีอัศจรรย์หลายอย่างที่ไม่สมควรพูด คิดเขียนแล้วลบ ทำซ้ำ ๆ แบบนั้นจนสว่างก็ไม่สำเร็จตัดใจ เลิก ปิดคอม ฯ ออกไปกวาดหน้าบ้านใช้สติทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น สัญญาว่าจะกลับมาเล่าอีกครั้งไม่เกินเย็นนี้ และนี่จึงมีคำว่า"สายัณห์สวัสดิ์" นาน ๆ ทีจึงได้ใช้คำ ๆ นี้นะครับ ซึ่งไม่ค่อยได้ยินและไม่มีใครใช้กันใช่ไหม ?
สวัสดี เป็นคำทักทายของคนไทย โดยจะใช้เมื่อแรกพบกัน หรือ เมื่อต้องการบอกลา โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "สวัสดี (สวัสดิ์) " ว่าหมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย .... "สวัสดี" หมายถึง ความดี ความงาม ความปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรือง การอวยชัยให้พร คำทักทาย หรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน
ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) โดยพิจารณามาจากศัพท์ "โสตฺถิ" ในภาษาบาลี หรือ "สวัสติ" ในภาษาสันสกฤต โดยได้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2486 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเห็นชอบให้ใช้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม เป็นต้นมา[2]
"สวัสดี" เป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า "สุ" เป็นคำอุปสรรค (คำเติมหน้าศัพท์ที่ทำให้ความหมายของศัพท์เปลี่ยนแปลงไป) แปลว่า ดี งาม หรือ ง่าย และคำว่า "อสฺติ" เป็นคำกิริยาแปลว่า มี แผลงคำว่า "สุ" เป็น "สว" (สฺวะ) ได้โดยเอา "อุ" เป็น "โอ" เอา "โอ" เป็น "สฺว" ตามหลักไวยากรณ์ แล้วสนธิกับคำว่า "อสฺติ" เป็น "สวสฺติ" อ่านว่า สะ-วัด-ติ แปลว่า "ขอความดีความงามจงมี (แก่ท่าน) "
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้ปรับเสียงของคำว่า "สวสฺติ" ที่ท่านได้สร้างสรรค์ขึ้นให้ง่ายต่อการออกเสียงของคนไทย จากคำสระเสียงสั้น (รัสสระ) ซึ่งเป็นคำตาย มาเป็นคำสระเสียงยาว (ทีฆสระ) ซึ่งเป็นคำเป็น ทำให้ฟังไพเราะ รื่นหูกว่า จึงกลายเป็น "สวัสดี" ใช้เป็นคำทักทายที่ไพเราะและสื่อความหมายดี ๆ ต่อกันของคนไทย ส่วนคำว่า "ราตรีสวัสดิ์" ซึ่งเป็นคำแปลจากคำว่า "good night" ซึ่งเป็นคำลาในภาษาอังกฤษ ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เช่นกัน โดยกำหนดให้คนไทยทักกันตอนเช้าว่า "อรุณสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good morning" และให้ทักกันในตอนบ่ายว่า "ทิวาสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good afternoon" ส่วนตอนเย็นให้ทักกันว่า "สายัณห์สวัสดิ์" มาจากคำว่า "good evening" แต่เนื่องจากต้องเปลี่ยนไปตามเวลา จึงไม่เป็นที่นิยม คนไทยนิยมใช้คำว่า "สวัสดี" มากกว่า เพราะใช้ได้ตลอดเวลา แต่กระนั้น คนไทยก็ยังคงใช้อยู่บ้างบางคำคือ คำว่า อรุณสวัสดิ์ และราตรีสวัสดิ์
คำว่าสวัสดีนั้นจะทำหน้าที่ทั้งการทักทาย และอวยพรไปในคราวเดียวกัน และเมื่อเรากล่าวคำว่าสวัสดี คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้นมาจากใจของผู้ไหว้
ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่าสวัสดีพร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลต่อทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง และยังสามารถเพิ่มเสน่ห์ในตัวบุคคลได้อีกด้วย (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
สวัสดี เป็นคำทักทายของคนไทย โดยจะใช้เมื่อแรกพบกัน หรือ เมื่อต้องการบอกลา โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "สวัสดี (สวัสดิ์) " ว่าหมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย .... "สวัสดี" หมายถึง ความดี ความงาม ความปลอดภัย ความเจริญรุ่งเรือง การอวยชัยให้พร คำทักทาย หรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน
ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) โดยพิจารณามาจากศัพท์ "โสตฺถิ" ในภาษาบาลี หรือ "สวัสติ" ในภาษาสันสกฤต โดยได้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2486 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเห็นชอบให้ใช้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม เป็นต้นมา[2]
"สวัสดี" เป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า "สุ" เป็นคำอุปสรรค (คำเติมหน้าศัพท์ที่ทำให้ความหมายของศัพท์เปลี่ยนแปลงไป) แปลว่า ดี งาม หรือ ง่าย และคำว่า "อสฺติ" เป็นคำกิริยาแปลว่า มี แผลงคำว่า "สุ" เป็น "สว" (สฺวะ) ได้โดยเอา "อุ" เป็น "โอ" เอา "โอ" เป็น "สฺว" ตามหลักไวยากรณ์ แล้วสนธิกับคำว่า "อสฺติ" เป็น "สวสฺติ" อ่านว่า สะ-วัด-ติ แปลว่า "ขอความดีความงามจงมี (แก่ท่าน) "
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้ปรับเสียงของคำว่า "สวสฺติ" ที่ท่านได้สร้างสรรค์ขึ้นให้ง่ายต่อการออกเสียงของคนไทย จากคำสระเสียงสั้น (รัสสระ) ซึ่งเป็นคำตาย มาเป็นคำสระเสียงยาว (ทีฆสระ) ซึ่งเป็นคำเป็น ทำให้ฟังไพเราะ รื่นหูกว่า จึงกลายเป็น "สวัสดี" ใช้เป็นคำทักทายที่ไพเราะและสื่อความหมายดี ๆ ต่อกันของคนไทย ส่วนคำว่า "ราตรีสวัสดิ์" ซึ่งเป็นคำแปลจากคำว่า "good night" ซึ่งเป็นคำลาในภาษาอังกฤษ ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เช่นกัน โดยกำหนดให้คนไทยทักกันตอนเช้าว่า "อรุณสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good morning" และให้ทักกันในตอนบ่ายว่า "ทิวาสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good afternoon" ส่วนตอนเย็นให้ทักกันว่า "สายัณห์สวัสดิ์" มาจากคำว่า "good evening" แต่เนื่องจากต้องเปลี่ยนไปตามเวลา จึงไม่เป็นที่นิยม คนไทยนิยมใช้คำว่า "สวัสดี" มากกว่า เพราะใช้ได้ตลอดเวลา แต่กระนั้น คนไทยก็ยังคงใช้อยู่บ้างบางคำคือ คำว่า อรุณสวัสดิ์ และราตรีสวัสดิ์
คำว่าสวัสดีนั้นจะทำหน้าที่ทั้งการทักทาย และอวยพรไปในคราวเดียวกัน และเมื่อเรากล่าวคำว่าสวัสดี คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้นมาจากใจของผู้ไหว้
ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่าสวัสดีพร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลต่อทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง และยังสามารถเพิ่มเสน่ห์ในตัวบุคคลได้อีกด้วย (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
- ไฟล์แนบ
-
- cats ๕.jpg (224.23 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- ไปรับน้องสาว (ต้อย)และ(ม่อย) หลานสาว(ปุ๊) ที่อ.เมืองเชียงใหม่ ออกจากตัวเมือง ๐๖.๒๐ ถึงปากทางเข้าวัดอรัญญวิเวก เกือบ ๐๗.๓๐ สิ่งที่เห็นตกใจ รถติดตั้งแต่ปากทางเขื่อนแม่งัดจนถึง อบต.เมืองแกน หาที่จอดรถไม่ได้เลย มีเจ้าหน้าที่คอยโบกให้ผ่านเข้าไปข้างในเรื่อย ๆ จนเลยปากทางเข้าวัด ก็ถูกโบกให้ไปต่อ สุดท้ายไปได้ตรงบริเวณคลองมีที่จอดเหลือจากรถกำลังจะออกผมรีบตีไปเลี้ยวและจองเช้าจอดทันที
นานมาแล้วหลวงปู่เคยปรารภกับพวกเราหลายครั้งว่า อีกหน่อยบริเวณวัดของเราจะเป็นที่ชุมนุมของคนที่จะมาจากทั่วสารทิศเป็นเรือนหมื่นอาจถึง ๓ หมื่น ก็พยายามสอบถามว่าจะมีงานอะไรหรือ ? หลวงปู่ก็ไม่ตอบคงได้แต่อมยิ้ม พวกเราก็ไม่สนใจเพราะตลอดเวลาเส้นทางนี้ก็เป็นเส้นทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว ประกอบกับมีวัดดี ๆ ดัง ๆ หลายวัดรวมทั้งวัดอรัญญวิเวกด้วย
วันนี้(๑๖ กพ.๖๒) ประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งต่างประเทศ อเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินโนีเซีย ฯ ต่างพากันมากราบและส่งสรีระของหลวงปู่สู่แดนนิพพานเป็นครั้งสุดท้าย คนเยอะจริง ๆ ไม่มีแม้ที่จะนั่งต้องอาศัยซึ่งกันและแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย
พวกเราไม่คิดสักนิดหรือมีลางสังหรณ์แม้แต่น้อยว่า ตามที่หลวงปู่พูดคุยกับพวกเราแท้จริงแล้วหลวงปู่กำลังจะบอกพวกเราว่า "หลวงปู่เตรียมละสังขารแล้ว" - cats ๑.jpg (711.3 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
- ไปรับน้องสาว (ต้อย)และ(ม่อย) หลานสาว(ปุ๊) ที่อ.เมืองเชียงใหม่ ออกจากตัวเมือง ๐๖.๒๐ ถึงปากทางเข้าวัดอรัญญวิเวก เกือบ ๐๗.๓๐ สิ่งที่เห็นตกใจ รถติดตั้งแต่ปากทางเขื่อนแม่งัดจนถึง อบต.เมืองแกน หาที่จอดรถไม่ได้เลย มีเจ้าหน้าที่คอยโบกให้ผ่านเข้าไปข้างในเรื่อย ๆ จนเลยปากทางเข้าวัด ก็ถูกโบกให้ไปต่อ สุดท้ายไปได้ตรงบริเวณคลองมีที่จอดเหลือจากรถกำลังจะออกผมรีบตีไปเลี้ยวและจองเช้าจอดทันที
-
- ไม้ท่อนเล็กๆ นี้เป็นไม้จิก ใช้เป็นฟืนเผาสรีระสังขาร หลวงปู่ มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับไม้จิก ที่เป็นต้นไม้ที่พระพุทธองค์เคยไปประทับใต้ต้นไม้จิกเป็นเวลา 7 วัน ขณะนั้นได้มีฝนตกหนักน้ำท่วม มีพญานาคชื่อมุจลินท์ ได้มาขดตัวให้พระพุทธองค์ประทับเหนือขนดตัวและแผ่พังพานปกพระเศียร อันเป็นแบบของพระนาคปรก ที่เป็นพระประจำตน ของคนเกิดวันเสาร์ ไม้จิกจึงถูกเรียกชื่อว่า ไม้มุจลินท์ ด้วย
- S__34807810.jpg (86.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- S__34930695.jpg (333.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- cats ๒.jpg (776.95 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- เรานั่งรถบริการจากจุดรวมรถเข้าทางด้านหลังวัด เพราะการจราจรแบ่งโซนแยกกันรับ-ส่ง เข้าหลายทางทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง เมื่อถึงวัดต้องหาที่พักซึ่งพวกเราหมายตาไว้แต่มาครั้งก่อน ๆ แล้วจะอยู่จุดไหนอย่างไร แต่เอาเข้าจริงไม่ได้สักจุด ต้องไปขออาศัยพักกับญาติธรรม ได้ข้าง ๆ ทางเข้าห้องน้ำ เบียด ๆ กันพอควร ๕๕.
ขึ้นไปกราบสรีระหลวงพ่อและไปวางไม้จันทร์พร้อมกับเดินหาของที่ระลึกเป็นหนังสือ เชื่อไหมครับ ? หมดทุกจุดหนังสือที่ระลึกหมด เป้นไปได้ไง ? - S__34930694.jpg (278.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
- เรานั่งรถบริการจากจุดรวมรถเข้าทางด้านหลังวัด เพราะการจราจรแบ่งโซนแยกกันรับ-ส่ง เข้าหลายทางทั้งด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง เมื่อถึงวัดต้องหาที่พักซึ่งพวกเราหมายตาไว้แต่มาครั้งก่อน ๆ แล้วจะอยู่จุดไหนอย่างไร แต่เอาเข้าจริงไม่ได้สักจุด ต้องไปขออาศัยพักกับญาติธรรม ได้ข้าง ๆ ทางเข้าห้องน้ำ เบียด ๆ กันพอควร ๕๕.
-
- โรงทานมาร่วมแจกทาน โฆษกประกาศมีถึง ๑๐๐๐ กว่าโรงทาน งานนี้ผมชอบใจ มีคนพูดว่า "เปรตยอมแพ้ " กล่าวคือแต่ก่อนวัดวันธรรมดา หลังจากพระตักอาหารเสร็จบรรดานักฉวยโอกาสจะรีบเข้าไปกวาดอาหาร จนบางครั้งคนที่ไปวัด ต้องอดอาหารเพราะคนพวกนี้เห็นแก่ตัว แม้พระท่านจะออกปากห้ามปรามอย่างไร หลาย ๆ วัดก็ปรากฏให้เห็น เลยมีคนขนานนามพวกนี้ว่า "เปรต" วันนี้เปรตยอมแพ้ เพราะขนไปเลย ขนจนหลังอานก็ไม่หมด อาหารโรงทานทยอยมาทั้งกลางวันกลางคืน กินกันแบบอิ่มหมีพีมัน ของดี ๆ ทั้งนั้น หน้าชื่นตาบานถ้วนทั่วกัน
- S__34930692.jpg (311.78 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- ได้กราบพระเถรานุเถระหลาย ๆ ระดับรวมทั้งระดับรองสมเด็จ เป็นโอกาสดีของคนบ้านนอกที่จะได้ทำบุญกับท่านเจ้าประคุณสมเด็จ เป็นความปลื้มปิตีของคนภาคเหนือกันครับ
- S__34930693.jpg (299.2 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- S__34848772.jpg (319.42 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- หลังจากพิธีการพระราชทานเพลิงศพอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้น เป็นโอกาสของประชาชน ลูกศิษย์ลูกหาตลอดจนผู้เลื่อมใสศรัทธา ในองค์หลวงปู่ คณะกรรมการได้เปิดโอกาศให้ได้ขึ้นไปวางไม้จันทร์และท่อนไม้ที่จะเผาสรีระหลวงปู่อีกครั้ง เราได้ใกล้ชิดหลวงปู่เป็นครั้งสุดท้ายและได้เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ก่อนที่จะมีการเผาสรีระหลวงปู่ในเวลา ๒๒.๐๐ น.อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ
- S__34930694.jpg (278.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- ภาพการเผาสรีระหลวงปู่เป็นภาพที่เพื่อนได้ส่งให้ เพราะเราต้องกลับก่อน เนื่องจากตลอดทั้งวันเพลียมาก ๆ หากขืนอยู่จนเสร็จสิ้นภารกิจจริง ๆ เราคงกลับไม่ได้ ต้องนอนค้าง ที่นอนก็เต็มทุกที่ไม่มีเลยแม้สถานที่ ๆ จะกางเต้นท์ และเราก็ไม่ได้เตรียมตัวอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปด้วยไม่คิดจะนอน
ภาพที่จะได้ชมต่อจากนี้(ข้างล่างภาพนี้) เป็นภาพที่เก่าที่เก็บไว้เมื่อครั้งไปกราบสรีระช่วงที่ทำบุญตลอดปีที่ผ่านมา และก่อนจะมีการนำสรีระหลวงปู่สู่เชิงตระกอน ได้มีการนำภาพประวัติให้ผู้มากราบสรีระหลวงปู่ได้ศึกษา ผมเก็บภาพไว้พร้อมจะนำมาเสนอวันเผาคือวันนี้ เชิญเข้าไปศึกษาครับ - S__34906413.jpg (241.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
- ภาพการเผาสรีระหลวงปู่เป็นภาพที่เพื่อนได้ส่งให้ เพราะเราต้องกลับก่อน เนื่องจากตลอดทั้งวันเพลียมาก ๆ หากขืนอยู่จนเสร็จสิ้นภารกิจจริง ๆ เราคงกลับไม่ได้ ต้องนอนค้าง ที่นอนก็เต็มทุกที่ไม่มีเลยแม้สถานที่ ๆ จะกางเต้นท์ และเราก็ไม่ได้เตรียมตัวอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปด้วยไม่คิดจะนอน
-
- DSC_0053.JPG (376.49 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0054.JPG (228.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0055.JPG (260.89 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0056.JPG (272.19 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0057.JPG (270.21 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0058.JPG (258.02 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0059.JPG (268.91 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0060.JPG (199.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
-
- DSC_0061.JPG (217.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1055 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
ต่อนะครับ
- ไฟล์แนบ
-
- cats ๗.jpg (168.24 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- cats ๘.jpg (301.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- cats ๙.jpg (145.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- cats ๑๐.jpg (217.38 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- cats ๑๑.jpg (227.18 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- cats ๑๒.jpg (148.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- cats ๑๓.jpg (202.67 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0065.JPG (231.52 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0066.JPG (232.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0067.JPG (308.85 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0068.JPG (372.64 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0069.JPG (241.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0070.JPG (222.97 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0071.JPG (247.65 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0076.JPG (264.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0077.JPG (263.58 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0078.JPG (268.24 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0080.JPG (238.99 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0081.JPG (230.73 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0072.JPG (242.03 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Deang-sarapee เมื่อ 17 ก.พ. 2019, 20:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
ย้อนกลับไปร่วมฟังสวดครั้งสุดท้ายเมื่อ ๑๒ กพ.๖๒ ก่อนที่จะนำสรีระหลวงปู่สู่เมรูในวันที่ ๑๔ กพ.๖๒ โรงทานเริ่มมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเมรุ เป็นแรมเดือน ใครไปกราบสรีระหรือร่วมฟังสวด เรียกว่า "บุญก็ได้ ไส้ก็เต็มครับ"
- ไฟล์แนบ
-
- S__34504707.jpg (341.92 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- S__34504708.jpg (333.26 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- S__34471943.jpg (264.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- S__34471944.jpg (264.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0116.JPG (333.6 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0118.JPG (295.61 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0120.JPG (383.23 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0121.JPG (383.22 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0122.JPG (335.78 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0123.JPG (358.72 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0127.JPG (303.37 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0131.JPG (253.75 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0134.JPG (321.85 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0144.JPG (269.58 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0149.JPG (169.92 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0153.JPG (190.72 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
-
- DSC_0155.JPG (182.11 KiB) เข้าดูแล้ว 1054 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านที่เคารพและผู้มีเกีบรติทุก ๆ ท่าน เช้าวันนี้เป็นวันแห่งความรักอีกวันหนึ่ง ที่ผู้คนไม่ทราบหรือทราบแต่อาจจะไม่สนใจ ใส่ใจ แต่คนไทยเราโชคดีที่บรรพบุรุษของเราได้วางพื้นฐานไว้ให้แต่นานมาแล้ว และเราก็ถือปฏิบัติกันมาโดยผู้คนที่เข้าถึงจริง ๆ หรือผู้ที่สนใจตลอดจนผู้ที่มีรายชื่อในทะเบียนบ้าน ที่สำคัญที่ให้ทุกคนได้ทราบกันจริง ๆ ก็เพราะว่าวันนี้เป็นวันหยุดราชการ ทุกคนจึงไม่ต้องไปทำงาน (นอกจากภาคเอกชน) ครับวันนี้คือวัน......มาฆบูชา..... ผมคงไม่มุสาใช่ไหมครับ เพราะถ้าวันนี้เป็นวันวาเลนไทม์ซิครับ คนจะตื่นเต้นกระดี้กระด๊ากระวีกระวาดหาช่อดอกไม้ เรียกว่าตื่นกันทั้งเมือง
ทำไม “ วันมาฆบูชา ” จึงเป็น “ วันแห่งความรักทางพุทธศาสนา ”
คำว่า “ มาฆบูชา ” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะ “ วันมาฆบูชา ” เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เพราะในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ได้ ๙ เดือน ขณะที่เสด็จประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน ณ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ พระสงฆ์สาวกที่พระพุทธองค์ได้ส่งออกไปเผยแพร่พุทธศาสนาตามเมืองต่างๆ ได้พร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันถึง ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง การนัดหมายคนจำนวนมากที่อยู่คนละทิศคนละทางให้มาพบกันหรือประชุมกันที่ใดที่หนึ่ง เป็นเรื่องที่ยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะการมาของพระพุทธสาวกเหล่านี้ ถือว่าเป็นการมาประชุมพิเศษที่ประกอบด้วยองค์ ๔ อันเป็นที่มาของการเรียกวันนี้อีกอย่างว่า “ วันจาตุรงคสันนิบาต ” นั่นคือ
๑.เป็นวันมาฆปูรมี คือ วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือนมาฆะ(เดือน ๓) จึงเรียกว่า “ วันมาฆบูชา ”
๒.พระภิกษุที่มาประชุมในวันนั้นมีจำนวนถึง ๑,๒๕๐ รูป
๓.พระภิกษุที่มาประชุมนี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ ที่สำเร็จอภิญญา ๖ กล่าวคือเป็นผู้มีความรู้อันยอดยิ่ง ๖ ประการได้แก่ แสดงฤทธิ์ได้ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ และมีญาณหยั่งรู้ในธรรมอันเป็นที่สิ้นแห่งกิเลสทั้งหลาย
๔.พระภิกษุเหล่านี้ ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา หมายถึง ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
การประชุมที่ประกอบด้วยความพิเศษ ๔ ประการข้างต้นนี้ เกิดขึ้นใน “ วันมาฆบูชา ” นี้เป็นครั้งแรกและเป็นเพียงครั้งเดียวในสมัยพุทธกาลเมื่อพระองค์ยังทรงพระ ชนมชีพอยู่ ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะ แสดงโอวาทปาติโมกข์ อันเป็นการประกาศหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม ซึ่งหลักธรรมคำสอนดังกล่าว จะเรียกว่าเป็น ธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา หรือ หัวใจของพุทธศาสนา ก็ได้
ทำไม “ วันมาฆบูชา ” จึงเป็น “ วันแห่งความรักทางพุทธศาสนา ”
คำว่า “ มาฆบูชา ” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนมาฆะ “ วันมาฆบูชา ” เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เพราะในสมัยพุทธกาลเมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ได้ ๙ เดือน ขณะที่เสด็จประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน ณ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ พระสงฆ์สาวกที่พระพุทธองค์ได้ส่งออกไปเผยแพร่พุทธศาสนาตามเมืองต่างๆ ได้พร้อมใจกันกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าโดยมิได้นัดหมายกันถึง ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งถือว่าเป็นเหตุอัศจรรย์ยิ่ง การนัดหมายคนจำนวนมากที่อยู่คนละทิศคนละทางให้มาพบกันหรือประชุมกันที่ใดที่หนึ่ง เป็นเรื่องที่ยากและแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะการมาของพระพุทธสาวกเหล่านี้ ถือว่าเป็นการมาประชุมพิเศษที่ประกอบด้วยองค์ ๔ อันเป็นที่มาของการเรียกวันนี้อีกอย่างว่า “ วันจาตุรงคสันนิบาต ” นั่นคือ
๑.เป็นวันมาฆปูรมี คือ วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำกลางเดือนมาฆะ(เดือน ๓) จึงเรียกว่า “ วันมาฆบูชา ”
๒.พระภิกษุที่มาประชุมในวันนั้นมีจำนวนถึง ๑,๒๕๐ รูป
๓.พระภิกษุที่มาประชุมนี้ ล้วนเป็นพระอรหันต์ ที่สำเร็จอภิญญา ๖ กล่าวคือเป็นผู้มีความรู้อันยอดยิ่ง ๖ ประการได้แก่ แสดงฤทธิ์ได้ มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ และมีญาณหยั่งรู้ในธรรมอันเป็นที่สิ้นแห่งกิเลสทั้งหลาย
๔.พระภิกษุเหล่านี้ ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา หมายถึง ได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
การประชุมที่ประกอบด้วยความพิเศษ ๔ ประการข้างต้นนี้ เกิดขึ้นใน “ วันมาฆบูชา ” นี้เป็นครั้งแรกและเป็นเพียงครั้งเดียวในสมัยพุทธกาลเมื่อพระองค์ยังทรงพระ ชนมชีพอยู่ ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะ แสดงโอวาทปาติโมกข์ อันเป็นการประกาศหลักการ อุดมการณ์ และวิธีการปฏิบัติในการเผยแพร่พุทธศาสนาให้นำไปใช้ได้ในทุกสังคม ซึ่งหลักธรรมคำสอนดังกล่าว จะเรียกว่าเป็น ธรรมนูญแห่งพุทธศาสนา หรือ หัวใจของพุทธศาสนา ก็ได้
- ไฟล์แนบ
-
- ช่วงที่เราสองคนสวดมนต์เสร็จพูดคุยกับท่านพระอาจารย์นิดหน่อย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน พอกลับมาถึงที่พักสังเกตุเห็นยางรถจักรยานของผมเหมือน ๆ จะอ่อน เพราะช่วงที่เราปั่นเข้าสะพานเทพสุดา ต้องเติมลมถึงสอง-สามครั้ง ไม่ได้การถ้าขืนปล่อยไว้ พรุ่งนี้เช้าก็มีปัญหาอีก ผมเลยจัดการเปลี่ยนยางในใหม่เพื่อความสะบายใจ
ยางจักรยานของผมมาครั้งนี้มีปัญหาถึง ๓ ครั้งซึ่งไม่เคยปรากฏเลยตลอดการปั่นจักรยานมา ๑๐ ปี ในใจผมคิดครับคงมีสิ่งบอกเหตุอะไรบางอย่าง ปกติแล้วแต่ไหนแต่ไรมาผมมักเป็นคนปากไม่ใคร่ดี ซึ่งพยายามฝึก ลด ละ เลิก จากการประพฤติปฏิบัติธรรมผมสามรถ ลด ละ เลิก สิ่งเหล่านี้ไปได้เยอะครับ แต่ก็หลุดบ้างบางครั้ง จึงอยากจะบอกเป็นวิทยาทานว่า "คำพูดของเราจะมีผลต่อชีวิตบ้างพอสมควร" จึงควรระมัดระวังคำพูดตำจากันไว้บ้าง ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้แล้วว่า พูด ให้พูดแต่สิ่งที่ดี ทำก็ให้ทำแต่สิ่งที่ดี คิดก็จงคิดแต่สิ่งที่ดี - S__37003277.jpg (100.75 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
- ช่วงที่เราสองคนสวดมนต์เสร็จพูดคุยกับท่านพระอาจารย์นิดหน่อย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน พอกลับมาถึงที่พักสังเกตุเห็นยางรถจักรยานของผมเหมือน ๆ จะอ่อน เพราะช่วงที่เราปั่นเข้าสะพานเทพสุดา ต้องเติมลมถึงสอง-สามครั้ง ไม่ได้การถ้าขืนปล่อยไว้ พรุ่งนี้เช้าก็มีปัญหาอีก ผมเลยจัดการเปลี่ยนยางในใหม่เพื่อความสะบายใจ
-
- cats ๒๑๐.jpg (223.13 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- cats ๒๑๑.jpg (850.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- cats ๒๑๒.jpg (271.44 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- cats ๒๑๓.jpg (369.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- cats ๒๑๔.jpg (240.44 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- เราสองคนตั้งใจที่ไปกราบลาหลวงปู่ หา ฯ เพื่อเดินทางต่อไป ต้องรอเวลานิดนึงครับเพราะช่วงเช้า ๆ ท่านกำลังฉันอาหาร เมื่อได้เวลาเราได้เข้าไปกราบท่านอย่างใกล้ชิด ท่านเมตตาให้เราได้บันทึกภาพขององ์ท่าน และท่านได้ให้สิ่งของที่ระลึกเป็น ซีดี พระเครื่องและตระกรุด พร้องบอกให้เราสองคนต้องขึ้นไปชมพระธาตุข้างบนภูคุ้มข้าวให้ได้
เราได้กราบเรียนว่าเราสองคนจะเดินทางต่อไปยังภูพระ เพื่อกราบคารวะและแสวงบุญต่อ หลวงปู่สวนกลับ "เอ้า..นึกว่าจะอยู่หลาย ๆ วัน จะไปละเหรอ" เป็นความเมตตาสุด ๆ อยากจะอยู่อีกนาน ๆ แต่กำหนดการต้องเดินทางต่อ เราจึงกราบเรียนโอกาสหน้าจะกลับมาอีก ๒ คืน ๒ วันทีนี่ เราได้อะไร ๆ อีกเยอะ หลวงปู่เมตตาให้พรเราให้เดินทางปลอดภัย - cats ๒๑๕.jpg (216.91 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
- เราสองคนตั้งใจที่ไปกราบลาหลวงปู่ หา ฯ เพื่อเดินทางต่อไป ต้องรอเวลานิดนึงครับเพราะช่วงเช้า ๆ ท่านกำลังฉันอาหาร เมื่อได้เวลาเราได้เข้าไปกราบท่านอย่างใกล้ชิด ท่านเมตตาให้เราได้บันทึกภาพขององ์ท่าน และท่านได้ให้สิ่งของที่ระลึกเป็น ซีดี พระเครื่องและตระกรุด พร้องบอกให้เราสองคนต้องขึ้นไปชมพระธาตุข้างบนภูคุ้มข้าวให้ได้
-
- 7980.jpg (169.39 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- cats ๒๑๖.jpg (910.83 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- cats ๒๑๗.jpg (913.43 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- cats ๒๑๘.jpg (891.88 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
-
- หลังจากที่กราบลาหลวงปู่เราสองคนก็ขึ้นไปชมพระธาตุซึ่งตั้งอยู่หลังกุฏิของหลวงปู่ มีบันไดทางขึ้นตลอดจนมีที่พักเป็นระยะ ข้างบนก็มีศาลาสำหรับการปฏิบัติธรรม มีพระเจดีย์ มีรูปปั้นหลวงพ่อดัง ๆ หลายองค์
- cats ๒๑๙.jpg (818.84 KiB) เข้าดูแล้ว 1042 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพทุกท่าน วันที่ ๑๙ กพ. ๖๒ เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา และมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ตลอดจนบัณฑิตทั้งหลายพร้อมใจกันยกให้เป็นวันแห่งความรักของชาวพุทธ เทียบเท่าวันวาเลนไทม์ ของชาวตะวันตกซึ่งผมก็ได้ให้รายละเอียดไว้แล้ว วันนั้นตั้งแต่เช้า คุณลุง - คุณป้า ก็ไม่ได้ละเลยได้พากันไปวัดสันป่าสักวรอุไร ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น ไปทำบุญตักบาตร สวดมนต์เช้า - เย็น ฟังพระธรรมเทศนาและเวียนเทียน ก็ขอยกบุญกุศลที่ได้กระทำลงไปในครั้งนี้ให้กับทุก ๆ ท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นี้ ขอให้มีความสุขความเจริญคิดสิ่งใดที่อยู่ในกรอบของศีลธรรมอันดี ก็ขอให้สำเร็จและจงสำเร็จทุกท่านทุกคนเทอญ
วันมาฆบูชาเป็นวันพิเศษมีปรากฏครั้งเดียวเท่านั้นในบวรพระพุทธศาสนา เป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่ง เด็กรุ่นใหม่คนรุ่นใหม่อาจจะยังไม่เชื่อ และแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้จนทุกวันนี้ เรื่องที่ว่านั้นคือ พระทั้งหมดที่พระพุทธองค์ทรงบวชให้ หรือที่เรารู้ว่าเป็น เอหิภิกขุอุปสัมปทา รวมทั้งสิ้น ๑๒๕๐ องค์ ซึ่งขณะนั้นต่างแยกย้ายกันออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ทั่วภาคพื้นประเทศอินเดีย แล้วอินเดียพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มากันได้อย่างไรเพราะมือถือก็ไม่มียุคนั้น นี่แหละคือความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนาในสายตาคนฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ แต่พระพุทธเจ้าของเรา ทรงบอกทางให้แล้วถ้าข้องใจ สนใจอยากจะทำให้ได้ มาซิ มาซิ มารักษาศีล ปฏิบัติธรรมให้อุกฤตเมื่อบรรลุเป็น ขีณาสพแล้วสิ่งเหล่านี้เรียกว่า "เด็ก ๆ " สามารถทำได้ยิ่งกว่านี้เช่น เหาะเหินเดินอากาศ ดำดิน ทายใจ เสกเป่า ฯลฯ
ขีณาสพ คืออะไรอย่างไร ขีณาสพ หรือ กษีณาศรพ /กะสีนาสบ/ แปลว่า ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว, ผู้สิ้นอาสวะแล้ว หมายถึงพระอรหันต์ผู้หมดอาสวะแล้ว เพราะกำจัดอาสวะคือกิเลสที่หมักหมมอยู่ในจิต ที่ชุบย้อมจิตให้ชุ่มอยู่เสมอได้แล้วอย่างสิ้นเชิงไม่กลับมาเกิดทำอันตรายจิตได้อีกต่อไป เรียกเต็มว่า พระขีณาสพ หรือ พระอรหันตขีณาสพ
ขีณาสพ เป็นผู้ละอาสวกิเลสได้แล้วทั้ง 3 อย่าง คือ
๑.กาม ความติดใจรักใคร่ในกามคุณ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น
๒.ภพ คือ ความติดอยู่ในภพ ในความเป็นนั่นเป็นนี่
๓.อวิชชา ความไม่รู้จริง ความลุ่มหลงมืดมัวด้วยโมหะ
เมื่อคนสามารถบรรลุถึงขั้นพระขีณาสพแล้ว จะนึกจะคิดจะทำอะไร ๆ ย่อมทำได้ทั้งสิ้น แม้แต่ขั้น โสดาบันท่านยังแสดงฤทธิ์ได้พอสมควร ถ้าคิดไม่เชื่อ สงสัย โม้หรือเปล่า อย่าเอาแต่คิด มาซิ มาซิ แน่จริงท้าให้มาพิสูจน์ นักวิทยาศาสตร์หลายคนต่างเชื่อในพระปัญญาของพระพุทธเจ้า เช่น โรเบิรติ์ ไอสไตน์ เป็นต้น
เป็นศาสนาเดียวในโลกไม่ง้อคนแม้แต่สาวก ไม่ต้องการให้คนมาหลงเชื่อ ไม่โฆษณา แต่บอกทาง สั่งสอนให้ประพฤติปฏิบัติตาม เมื่อไม่ง้อ ไม่อยากให้หลงเชื่อ ฯ ยังไม่พอยังท้าให้มาพิสูจน์ ดังนั้นพวกเราถือว่าโชคดีที่เกิดในแผ่นดินไทย ได้พบพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ (จริงหรือเปล่า?) จะรอช้าอยู่ทำไม ขอให้ใส่ใจใฝ่นึกใฝ่คิดที่จะหันหน้าเข้ามา ฝึกและศึกษา ผมเป็นตัวอย่างคนหนึ่งที่ได้รับอานิสงค์ จากการหันหน้าเข้าสู่เส้นทางสายธรรม ขอยืนยันครับ
วันมาฆบูชาเป็นวันพิเศษมีปรากฏครั้งเดียวเท่านั้นในบวรพระพุทธศาสนา เป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่ง เด็กรุ่นใหม่คนรุ่นใหม่อาจจะยังไม่เชื่อ และแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้จนทุกวันนี้ เรื่องที่ว่านั้นคือ พระทั้งหมดที่พระพุทธองค์ทรงบวชให้ หรือที่เรารู้ว่าเป็น เอหิภิกขุอุปสัมปทา รวมทั้งสิ้น ๑๒๕๐ องค์ ซึ่งขณะนั้นต่างแยกย้ายกันออกไปเผยแพร่พระพุทธศาสนา ทั่วภาคพื้นประเทศอินเดีย แล้วอินเดียพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล มากันได้อย่างไรเพราะมือถือก็ไม่มียุคนั้น นี่แหละคือความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนาในสายตาคนฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ แต่พระพุทธเจ้าของเรา ทรงบอกทางให้แล้วถ้าข้องใจ สนใจอยากจะทำให้ได้ มาซิ มาซิ มารักษาศีล ปฏิบัติธรรมให้อุกฤตเมื่อบรรลุเป็น ขีณาสพแล้วสิ่งเหล่านี้เรียกว่า "เด็ก ๆ " สามารถทำได้ยิ่งกว่านี้เช่น เหาะเหินเดินอากาศ ดำดิน ทายใจ เสกเป่า ฯลฯ
ขีณาสพ คืออะไรอย่างไร ขีณาสพ หรือ กษีณาศรพ /กะสีนาสบ/ แปลว่า ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว, ผู้สิ้นอาสวะแล้ว หมายถึงพระอรหันต์ผู้หมดอาสวะแล้ว เพราะกำจัดอาสวะคือกิเลสที่หมักหมมอยู่ในจิต ที่ชุบย้อมจิตให้ชุ่มอยู่เสมอได้แล้วอย่างสิ้นเชิงไม่กลับมาเกิดทำอันตรายจิตได้อีกต่อไป เรียกเต็มว่า พระขีณาสพ หรือ พระอรหันตขีณาสพ
ขีณาสพ เป็นผู้ละอาสวกิเลสได้แล้วทั้ง 3 อย่าง คือ
๑.กาม ความติดใจรักใคร่ในกามคุณ ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส เป็นต้น
๒.ภพ คือ ความติดอยู่ในภพ ในความเป็นนั่นเป็นนี่
๓.อวิชชา ความไม่รู้จริง ความลุ่มหลงมืดมัวด้วยโมหะ
เมื่อคนสามารถบรรลุถึงขั้นพระขีณาสพแล้ว จะนึกจะคิดจะทำอะไร ๆ ย่อมทำได้ทั้งสิ้น แม้แต่ขั้น โสดาบันท่านยังแสดงฤทธิ์ได้พอสมควร ถ้าคิดไม่เชื่อ สงสัย โม้หรือเปล่า อย่าเอาแต่คิด มาซิ มาซิ แน่จริงท้าให้มาพิสูจน์ นักวิทยาศาสตร์หลายคนต่างเชื่อในพระปัญญาของพระพุทธเจ้า เช่น โรเบิรติ์ ไอสไตน์ เป็นต้น
เป็นศาสนาเดียวในโลกไม่ง้อคนแม้แต่สาวก ไม่ต้องการให้คนมาหลงเชื่อ ไม่โฆษณา แต่บอกทาง สั่งสอนให้ประพฤติปฏิบัติตาม เมื่อไม่ง้อ ไม่อยากให้หลงเชื่อ ฯ ยังไม่พอยังท้าให้มาพิสูจน์ ดังนั้นพวกเราถือว่าโชคดีที่เกิดในแผ่นดินไทย ได้พบพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ (จริงหรือเปล่า?) จะรอช้าอยู่ทำไม ขอให้ใส่ใจใฝ่นึกใฝ่คิดที่จะหันหน้าเข้ามา ฝึกและศึกษา ผมเป็นตัวอย่างคนหนึ่งที่ได้รับอานิสงค์ จากการหันหน้าเข้าสู่เส้นทางสายธรรม ขอยืนยันครับ
- ไฟล์แนบ
-
- S__34783234.jpg (78.79 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- S__35381250.jpg (216.72 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- S__35381251.jpg (226.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- ภาคเช้าไปตักบาตร สวดมนต์ทำวัตรเช้า ฟังพระธรรมเทศนา ๑ กัณฑ์ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๐.๓๐ น.คนเยอะมาก ๆ มีโรงทานให้เลือกหาเรียกว่า บุญก็ได้ ไส้ก็เต็ม นี่แหละบุญเขตในร่มบวรพระพุทธศาสนา หนึ่งเดียวในโลก
- S__35381252.jpg (104.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- S__35373090.jpg (249.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- S__35373091.jpg (222.89 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- ภาคค่ำทำวัตรสวดมนต์เย็น ฟังพระธรรมเทศนาเย็นเรื่องอธิบายเรื่องความอัศจรรย์ของวันมาฆบูชา เสร็จร่วมกันเวียนเทียน ก่อน-หลัง ยังมีโรงทานมาทำอาหารให้ญาติธรรมที่หิวได้อิ่มท้อง เรียกว่าอิ่มทั้งกาย อิ่มทั้งใจ กันเลยทีเดียว
- S__35373088.jpg (119.31 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- เรามาเดินทางกันต่อครับ หลังจากที่กราบลาหลวงปู่เรียบร้อย เราก็เดินขึ้นไปยังบนภูตามคำแนะนำของหลวงปู่ ได้กราบพระธาตุเจดีย์ ได้ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองสหัสขันธ์อัีกมุมหนึ่ง ที่สวยสดงดงาม ยังมองเห็นภูสิงห์ที่เราไปปั่นมาแล้ว พยายามมองภูค่าวแต่ไกลเกินสายตาจะเห็น หลังจากที่เที่ยวบนเจดีย์ก็ลงมาไปยังพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ มีสองแห่งนะครับ แห่งแรกสงสัยจะเป็นจุดแรกที่เจอครั้งแรกและมีการขุดค้นจนได้ร่องรอยต่าง ๆ แล้วนำไปสร้างเป็นพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์สิรินธร ซึ่งจะอยู่ถัดลงไปอีก
- cats ๒๒๐.jpg (637 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๑.jpg (691.28 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๒.jpg (277.52 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๓.jpg (236.31 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๔.jpg (230.15 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๕.jpg (235.06 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- จากจุดแรกเดินลงมาอีกประมาณ ๓-๔๐๐ ม.ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์สิรินธร อลังการจริง ๆ ได้ความรู้เยอะมาก เสียค่าบำรุงสถานที่ไม่กี่สตางค์แลกกับความรู้ที่ได้รับคุ้มค่าครับ แต่พิเศษเรา สว.ไม่ต้องเสียค่าบัตรเข้าชมแต่ต้อง สแต๊มป์แขนแทรค่านะครับน่ารัก เสียดายพอโดนน้ำก็ลบออก อยากจะให้ติดไว้สัก ๓-๔ วัน ๕๕๕.
- cats ๒๒๖.jpg (171.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๗.jpg (752.74 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๘.jpg (284.87 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๒๙.jpg (630.51 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๓๐.jpg (700.17 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๓๑.jpg (231.86 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
-
- cats ๒๓๒.jpg (680.27 KiB) เข้าดูแล้ว 1030 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- NOKNICE
- ขาประจำ
- โพสต์: 10311
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 11:33
- team: ไร้สังกัด,ปั่นตามใจตรู
- Bike: MERIDA MATT 40D(ของแฟน),Trek8500 , Storck G2
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
สวัสดีครับลุงแดง-ป้า
ไม่ได้เข้ามาสวัสดีหลายวันเลยครับ
ไม่ได้เข้ามาสวัสดีหลายวันเลยครับ
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
สวัสดีหลานนก นึกว่าลืมกันซะแล้ว ไปไหนเที่ยวไหนมาครับNOKNICE เขียน:สวัสดีครับลุงแดง-ป้า
ไม่ได้เข้ามาสวัสดีหลายวันเลยครับ
อรุณสวัสดิ์ท่านที่เคารพทุกท่าน การที่พระอรหันต์สาวกจำนวน ๑๒๕๐ รูปมารวมกันโดยมิได้นัดหมายนั้น เป็นเพราะท่านหมดสิ้นอาสวะบรรลุญาณวิเศษต่าง ๆ ซึ่งมันเกินขีดความสามารถของปุถุชน อย่างเรา ๆ ที่จะคิดจะนึก ถึงขั้นพระพุทธองค์กล่าวว่ามันเป็นเรื่องอจินไตย เกินกว่าวิสัยคนธรรมดาจะหยั่งรู้ได้
คำว่าอจินไตย คืออะไร ? อจินไตย แปลว่า สิ่งที่ไม่ควรคิด อจินไตย มาจากคำว่า อะ + จินไตย (พึงคิดพิจารณา) แปลว่า ไม่พึงคิดหริอจำแนกตรรกะลงไปได้ หมายถึง สิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่
๑.พุทธวิสัย วิสัยแห่งความมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
๒.ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์ และเทวดา
๓.กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม และวิบากกรรม คือการให้ผลของกรรมที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ
๔.โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก คือการมีอยู่ของสวรรค์ นรก และสังสาระวัฏ
ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชน ไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น
เราสองคนออกจากพิพิธภัณฑ์ มุ่งหน้าเดินทางต่อ จากผลของยางที่ตั้งแต่ปั่นจักรยานมา ๑๐ กว่าปี ไม่เคยเจอถึง ๓ ครั้ง ของคุณนาย ๑ ครั้งรวมเป็น ๔ ครั้งในทริปเดียว เราปรึกษากันจะมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นอีกหนอ ? สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนจะมาแจ้งเตือนให้เราต้องคิดไหม ? เราสองคนช่วยกันขบคิด เพราะเป้าหมายของเราคือภูพระ แล้วปั่นออกไปทางขอนแก่นโดยไม่ย้อนทางเดิม ซึ่งคงเหลืออีกราว ๆ ๓-๔ วันแค่นั้น สุดท้ายเพื่อไม่ฝืนพรหมลิขิตเราตกลง ถอยดีกว่า ในการถอยเราตัดสินใจขออาศัยรถโดยสารจาก สหัสขันธ์กลับกาฬสินธ์ ตามไปครับผลจะเป็นอย่างไร
- ไฟล์แนบ
-
- S__32972802.jpg (39.04 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- เราปั่นจนถึงที่สถานีขนส่งแพคกระเป๋าลงถุงรวม รอรถโดยสาร รอเป็นชั่วโมง ๆ รถก็ไม่มาสักที ในที่สุดช้าไม่ได้การเราจึงตัดสินใจปั่นกลับกาฬสินธ์
- DSC_0954.JPG (303.43 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- DSC_0955.JPG (268.8 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- DSC_0957.JPG (216.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- DSC_0959.JPG (363.72 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- DSC_0960.JPG (278.9 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- S__31539212.jpg (139.35 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- จนได้ครับปั่นมาได้ไกลโข ยางจักรยานของผมต้องมีอันเป็นไปประเบิดอีกครั้งครับ โชคดีที่มาระเบิดเอาตรงร้าน ๗-๑๑ พอดี คุณนายปั่นล่วงหน้าไปแล้วโทร ฯ ตามตัวเรียกเท่าไร ๆ ก็ไม่รับสาย เมื่อติดต่อกันได้คุณนายไปไกลแล้ว น่าจะ ๒-๓ กม. ผมต้องเปลี่ยนยางตรงหน้าร้าน ๗-๑๑ นั่นแหละ ดีครับที่คุณนายอุตส่าห์ย้อนกลับมา เมื่อคุณนายกลับมา ยางอะหลั่ยที่เหลืออีกเพียงเส้นเดียว เกรงไม่พอขอให้คุณนายนำสองเส้นที่ชำรุด ไปซ่อมที่ร้านซ่อมมอไซด์ เป็นอะหลั่ยไว้
- S__31539213.jpg (208.69 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- DSC_0961.JPG (293.29 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- DSC_0963.JPG (212.63 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- DSC_0964.JPG (159.13 KiB) เข้าดูแล้ว 1000 ครั้ง
-
- cats ๒๓๖.jpg (260.78 KiB) เข้าดูแล้ว 982 ครั้ง
-
- การตัดสินใจบนพื้นฐานปัญญา + ลางสังหรณ์ นับว่าได้ผลถ้าหากเรายังมุ่งมั่นที่เดินทางต่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย เราก็จะเจอปัญหาซึ่งไปข้างหน้าจะยิ่งลำบาก (คิดเองนะ) สู้เราถอยไปตั้งหลักใหม่ปลอดภัยกว่า ในที่สุดเราก็ปั่นกลับถึงกาฬสินธ์ ทันรถที่เข้าไปยังขอนแก่น รถเป็นรถวิ่งยาวมาจากนครพนม ที่นั่งเต็มเราขอตีตั๋วยืนกับขอจักรยานเอาไปด้วย โชคดีที่ได้ครับ ต้องยืนจากกาฬสินธ์ถึงขอนแก่นตากแดดอีกต่างหาก ๕๕ มันส์ดีครับ
ไปถึงขอนแก่นก็คงต้องไปลุ้นอีกว่าเมื่อถึงแล้วจะมีรถเข้าเชียงใหม่หรือไม่อย่างไร เพราะการที่ไม่ได้บุ๊กตั๋วล่วงหน้ามันจึงต้องลุ้นตลอดเวลา โชคร้ายก็อดครับ ก็คงต้องติดตามกันครับ - cats ๒๓๘.jpg (139.65 KiB) เข้าดูแล้ว 982 ครั้ง
- การตัดสินใจบนพื้นฐานปัญญา + ลางสังหรณ์ นับว่าได้ผลถ้าหากเรายังมุ่งมั่นที่เดินทางต่อให้สำเร็จตามเป้าหมาย เราก็จะเจอปัญหาซึ่งไปข้างหน้าจะยิ่งลำบาก (คิดเองนะ) สู้เราถอยไปตั้งหลักใหม่ปลอดภัยกว่า ในที่สุดเราก็ปั่นกลับถึงกาฬสินธ์ ทันรถที่เข้าไปยังขอนแก่น รถเป็นรถวิ่งยาวมาจากนครพนม ที่นั่งเต็มเราขอตีตั๋วยืนกับขอจักรยานเอาไปด้วย โชคดีที่ได้ครับ ต้องยืนจากกาฬสินธ์ถึงขอนแก่นตากแดดอีกต่างหาก ๕๕ มันส์ดีครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
สวัสดียามเช้าครับ ในที่สุดเราสองคนก็ยืนจากกาฬสินธ์มาจนถึงขอนแก่น เป็นความโชคดีที่ขอนแก่นรถที่จะเดินทางเข้าเชียงใหม่ ก็เจอคันเดิมของบริษัทภุหลวงทัวร์ รถจะออกเวลา ๑๙.๓๐ น.เหลือเวลาอีกพอสมควรคุณนายไป ๗-๑๑ จัดหาซื้ออาหารกล่อง(เจ)มานั่งรับประทานรอเวลา ช่วงที่รอเวลาเราก็ได้สนทนากับพนักงาน ได้ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเดินรถและวิถีชีวิตในช่วงเวลานี้พอสมควร เช่น *
ชีวิต ๓-๔ ปีมานี้ได้ทราบว่าการเงินฝืดมาก จะจับจ่ายใช้สอยสิ่งใด ๆ ต้องระมัดระวัง ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบกันรู้สึกได้มันคล่องไปหมด พูดแค่นี้ผมก็พอฟังออกว่าเกิดอะไรขึ้น ไปทุกหนแห่งทั้งกาฬสินธ์คำพูดก็จะเป็นแบบเดียวกัน ก็ได้แต่ปลอบใจให้อดทนรู้จักใช้สอย ประหยัดมองให้เห็นตามความเป็นจริง "ชีวิตมีขึ้นมันก็มีลง" เป็นธรรมดาจะให้มันเป็นขาขึ้นตลอดไปคงไม่ใช่
ชีวิต ๓-๔ ปีมานี้ได้ทราบว่าการเงินฝืดมาก จะจับจ่ายใช้สอยสิ่งใด ๆ ต้องระมัดระวัง ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมาเมื่อเปรียบเทียบกันรู้สึกได้มันคล่องไปหมด พูดแค่นี้ผมก็พอฟังออกว่าเกิดอะไรขึ้น ไปทุกหนแห่งทั้งกาฬสินธ์คำพูดก็จะเป็นแบบเดียวกัน ก็ได้แต่ปลอบใจให้อดทนรู้จักใช้สอย ประหยัดมองให้เห็นตามความเป็นจริง "ชีวิตมีขึ้นมันก็มีลง" เป็นธรรมดาจะให้มันเป็นขาขึ้นตลอดไปคงไม่ใช่
- ไฟล์แนบ
-
- S__35422213.jpg (56.56 KiB) เข้าดูแล้ว 976 ครั้ง
-
- ชื่อว่าโภควิภาค 4 คือการแบ่งทรัพย์ ลองพิจารณาดูว่ามีประโยชน์กับเราแค่ไหน
พระพุทธเจ้าตรัสว่าทรัพย์แบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนที่ 1 ใช้จ่ายเลี้ยงตนและคนที่ควรบำรุงให้มีความสุขและทำประโยชน์แก่ผู้อื่น อีก 2 ส่วนใช้ลงทุนประกอบการงานคือครึ่งหนึ่ง และส่วนสุดท้ายเก็บออมยามจำเป็น จะสังเกตว่าคำแนะนำของพระพุทธเจ้าให้ใช้ทรัพย์เลี้ยงตนหรือครอบครัวเพียง 25% อีก 25% เก็บออมเวลาจำเป็น อีก 50% ใช้ลงทุน หลายคนสงสัยว่าทำไมลงทุนเยอะ หรือเก็บออมเยอะ รวมทั้งหมดก็ 75% ใช้เพียง 25% อันนี้เพราะสมัยก่อนวิถีชีวิตของคนอยากได้อะไรก็ต้องผลิตขึ้นมาเอง ข้าวก็ปลูกเอง ทอผ้าเอง ฉะนั้นความจำเป็นที่ต้องใช้เงินมันมีน้อย ดังนั้นเงินที่หามาได้เอามาใช้จ่ายอาจจะไม่มาก เพราะว่าส่วนใหญ่ผลิตด้วยตนเอง มาถึงสมัยนี้การที่คนเราจะใช้เงินเพียงแค่ 25% ในการใช้จ่ายเลี้ยงตนถือว่ายาก
คำสอนเรื่องนี้อาตมาคิดว่ามีประโยชน์ เพราะมันช่วยให้เห็นว่าเมื่อเราหาทรัพย์มาได้ก็ต้องคำนึงถึง 3 ส่วน คือ การใช้จ่าย การเก็บออม การลงทุน เวลาเราพูดถึงการบริหารเงินในด้านหนึ่งก็มีหลักอยู่ในใจว่าทำอย่างไรให้เงินเป็นบ่าวที่ดี ไม่ใช่กลับมาเป็นนายของเรา การที่เราจะทำแบบนั้นได้ ส่วนหนึ่งคือต้องมีหลักการในการใช้เงิน และหลักการใช้เงินก็คือต้องรู้จักจัดลำดับความสำคัญ การจัดลำดับความสำคัญเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกเรื่อง เรามีเวลาในชีวิตนี้น้อย เรามี 24 ชั่วโมง เวลาจะทำอะไรก็ต้องจัดลำดับความสำคัญว่าอันไหนสำคัญควรทำก่อน อันไหนรองลงมาก็ทำทีหลัง
เงินก็เหมือนกัน ในแต่ละขณะเรามีเงินจำกัด เราจะบริหารเงินให้ได้ดีก็ต้องจัดลำดับความสำคัญ ทีนี้อาตมาอยากจะมองแบบกว้างๆ คือ เงินที่เราจะใช้จ่ายหรือสิ่งที่ต้องใช้จ่ายด้วยเงินมันมีอยู่ 4 ประเภท อย่างแรกคือสิ่งที่จำเป็น ประเภทที่ 2 คือไม่ถึงกับจำเป็นแต่ให้ความสุขแก่เรา และสิ่งที่จำเป็นและให้ความสุขมันก็มีอีก 2 ประเภท คือ ระยะสั้นกับระยะยาว ดังนั้น เวลาพูดถึงการใช้จ่ายเงิน เรื่องการบริหารเงินมันมีวิธีคิดคือการจำแนกออกมาเป็น 4 ส่วน ส่วนแรก สิ่งจำเป็นระยะสั้น ส่วนที่ 2 จำเป็นเหมือนกันแต่ระยะยาว ส่วนที่ 3 คือให้ความสุขกับเราระยะสั้น สุดท้ายให้ความสุขแก่เราระยะยาว - S__37003277.jpg (35.53 KiB) เข้าดูแล้ว 976 ครั้ง
- ชื่อว่าโภควิภาค 4 คือการแบ่งทรัพย์ ลองพิจารณาดูว่ามีประโยชน์กับเราแค่ไหน
-
- cats ๒๓๗.jpg (375.5 KiB) เข้าดูแล้ว 976 ครั้ง
-
- cats ๒๓๙.jpg (720.69 KiB) เข้าดูแล้ว 976 ครั้ง
-
- จากวันที่ ๑๖ - ๒๓ มกราคม ๖๒ รวมแล้ว ๗ วัน ๗ คืนเต็ม ๆ ที่เราสองคนได้ตระเวนท่องเมืองกาฬสินธ์ สนุกตื่นตาตื่นใจได้พบเห็นสิ่งที่เหลือเชื่อ ไม่น่าเชื่อ ถามอิ่มไหม ? คำตอบ "ยังครับ" กาฬสินธ์ยังมีอีกหลายที่หลายแห่งที่เรายังไปไม่ทั่วถึง แต่ก่อนเรามุ่งเน้นไปเที่ยวเมือง ดัง ๆ เมืองใหญ่ ๆ เรียกว่าเห่อไปตามกระแสโฆษณา จังหวัดไหนมีนักประชาสัมพันธ์เก่ง ๆ ก็จะโหมทำโฆษณาซึ่งบางครั้งต้องผิดหวังเพราะไปแล้วมันจืดสนิท ไม่ตรงกับที่กล่าวอ้างไว้
ช่วงที่รถทัวร์พาวิ่งเข้าเชียงใหม่เมื่อถึงปากทางป่าแดด เป็นทางแยกเข้าบ้านผมไปขอให้รถช่วยจอดให้ลง เพราะไม่อยากเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ซึงต้องปั่นย้อนกลับมาอีกถึง ๑๕ กม. ปรากฏว่าโชว์เฟอร์ใจดี จอดให้ครับเป็นพระคุณและขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย(บางบริษัทไม่จอดให้นะครับ) เมื่อลงรถประกอบสัมภาระเข้ากับจักรยานปั่นเข้าบ้านอีกประมาณ ๓ กม.เชื่อไหมครับเหลืออีกเพียงกิโลเมตรเศษ ๆ จะถึงบ้านอยู่แล้วยางรถผมมีอันแบนอีกครั้งส่งท้าย โอว...นี่มันอะไรกัน สรุปทริปนี้ผมเจอปัญหายางถึง ๔ ครั้ง คุณนาย ๑ ครั้ง รวมเป็น ๕ ครั้ง ก่อนเดินทางทุกครั้งผมก็จะตรวจสอบเสมอ ๆ แต่ก็เกิดเหตุจนได้ อยากจะบอกว่า "ไม่อยากเชื่อ" เป็นความโชคดีที่เราสองคนตัดสินใจ "ถอย" ถ้าไม่เวอร์เกินไปผมอยากจะขอบคุณสิ่งที่ตามองไม่เห็นแต่เหมือนมาแจ้งเตือนล่วงหน้า อานิสงค์ของการ สวดมนต์ภาวนาที่เราทำตลอดการเดินทางมีส่วนครับ ดังนั้นการเดินทางไปไหนมาไหนอย่าลืม สวดมนต์ภาวนากันนะครับ
เป็นอันจบทริปเที่ยวเมืองกาฬสินธ์ แต่เพียงนี้ เมื่อมีเวลาเราสองคนจะถกกันถึงแนวทางซึ่งเราวางแผนแต่เดิมว่าเราจะเที่ยวให้ทั่วไทยด้วยจักรยาน โดยจะเริ่มจาก ก.ไก่ ไปจนถึง ฮ.นกฮูก เรียงไปตามตัวอักษร วันนี้เวลานี้ความคิดนี้เปลี่ยนแปลงแล้ว เพราะหลังจากที่ไปท่อง กำแพงเพชร กาฬสินธ์ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้วไม่แตกต่างกัน เมืองเด่นเมืองดัง ถ้าเจาะให้ดีเมืองรอง ที่ไม่เด่น ไม่ดัง อาจเที่ยวสนุกได้สาระกว่ามาก ก็โปรดติดตามครับ ครั้งต่อไปเราจะไปแห่งหนตำบลใดอีก ขอรับประกันไปแล้วจะกลับมา Review เหมือนเดิม ก็ขอขอบพระคุณท่านที่เมตตาเข้ามาอ่านมาชม แม้จะไมมี Comment แต่จำนวนที่เข้ามาวันละประมาณ ๑๐ - ๒๐ ท่านก็ถือเป็นกำลังใจแล้วครับ ขอออกตัวว่า ผมไม่ใช่นักเขียนนักบรรยาย เพียงแต่มีใจอยากเผยแพร่เพื่อเป็นแบบอย่างให้น้อง ๆ นักปั่นเบี้ยน้อยหอยน้อย ได้นำไปพิจารณา ไม่จำเป็นต้องมีเงินมาก ๆ ถึงจะท่องเที่ยวได้ มีแค่จักรยานดี ๆ พอใช้สักคันไปได้ทั่วทิศเมืองไทยครับ - cats ๒๔๐.jpg (329.15 KiB) เข้าดูแล้ว 976 ครั้ง
- จากวันที่ ๑๖ - ๒๓ มกราคม ๖๒ รวมแล้ว ๗ วัน ๗ คืนเต็ม ๆ ที่เราสองคนได้ตระเวนท่องเมืองกาฬสินธ์ สนุกตื่นตาตื่นใจได้พบเห็นสิ่งที่เหลือเชื่อ ไม่น่าเชื่อ ถามอิ่มไหม ? คำตอบ "ยังครับ" กาฬสินธ์ยังมีอีกหลายที่หลายแห่งที่เรายังไปไม่ทั่วถึง แต่ก่อนเรามุ่งเน้นไปเที่ยวเมือง ดัง ๆ เมืองใหญ่ ๆ เรียกว่าเห่อไปตามกระแสโฆษณา จังหวัดไหนมีนักประชาสัมพันธ์เก่ง ๆ ก็จะโหมทำโฆษณาซึ่งบางครั้งต้องผิดหวังเพราะไปแล้วมันจืดสนิท ไม่ตรงกับที่กล่าวอ้างไว้
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
- ลุงเนตร
- ขาประจำ
- โพสต์: 19852
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:20
- Tel: 0898133936
- team: อิสระ
- Bike: Trek 3900, Dark Rock ทัวร์ริ่ง
- ตำแหน่ง: ๔๖๕ ซอยจ่าโสด ถนนทางรถไฟเก่า แขวง,เขตบางนา กทม.๑๐๒๖๐
- ติดต่อ:
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
..สวัสดีครับ "ลุง-ป้า" ตั้งแต่สาย ๆ เข้าเวบฯเพื่อจะไปต่อเติมกระทู้ของตัวเองที่ไม่ได้เข้าหลายวันมากแล้ว แวะดูกระทู้นี้หน่อยนิ ปรากฏว่าอยู่มายาวนาน เพิ่งอ่านจบ ขอบคุณมากครับสำหรับทุกสิ่งอย่างดีๆ ที่นำมามอบให้ไว้ที่นี่..
ปล. ขอนุญาติก๊อปปี้สิ่งดี ๆ บางส่วน ไปเผยแพร่ในเฟสบุ๊คส์ Netr Sanguansat ด้วยแล.
ปล. ขอนุญาติก๊อปปี้สิ่งดี ๆ บางส่วน ไปเผยแพร่ในเฟสบุ๊คส์ Netr Sanguansat ด้วยแล.
- ไฟล์แนบ
-
- 20190219_092703.jpg (128.76 KiB) เข้าดูแล้ว 969 ครั้ง
-
- 20190219_124309.jpg (259.65 KiB) เข้าดูแล้ว 969 ครั้ง
-
- 20190219_135149.jpg (150.96 KiB) เข้าดูแล้ว 969 ครั้ง
-
- 20190219_094905.jpg (92.62 KiB) เข้าดูแล้ว 969 ครั้ง
-
- 20190219_124309.jpg (259.65 KiB) เข้าดูแล้ว 969 ครั้ง
*..ยิ่งปั่น..ยิ่งแข็ง..แรงยิ่งดี..โรคไม่ค่อยมี..ไม่ทุกข์..*
- Deang-sarapee
- ขาประจำ
- โพสต์: 4367
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2011, 13:48
- Tel: 0814730594
- team: รักรถรักธรรม
- Bike: Trex,Bridgestone,Jagoa,Specailize
- ตำแหน่ง: ๑๓ ม.๑๐ บ้านปากกอง ต.สารภี อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๔๐
Re: ????...คุณลุง - คุณป้า พา เที่ยว ...???
อรุณสวัสดิ์ครับคุณพี่เนตร หลานนกตลอดจนผู้มีเกียรติทุกท่านครับ จบทริปเที่ยวกาฬสินธ์ไปเรียบร้อย ยังคงมีสิ่งค้างคาอยู่บ้างนิดหน่อยขอรวบยอดเอามานำเสนอในเช้าวันนี้ครับ คือเมื่อวาน ๒๓ กพ.๖๒ ได้มีพิธีทำบุญอัฐิหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ซึ่งได้พระราชทานเพลิงไปเมื่อวันที่ ๑๖ กพ.ครบ ๗ วัน ผมและคุณนายก็ได้ไปร่วมบุญแต่เช้า เสียดายที่ไม่ได้อยู่ช่วงเย็นต้องรีบกลับเนื่องจากจะได้มาเตรียมตัวเพื่อออกทริปใหม่ในวันนี้ ๒๔ กพ.๖๒ลุงเนตร เขียน:..สวัสดีครับ "ลุง-ป้า" ตั้งแต่สาย ๆ เข้าเวบฯเพื่อจะไปต่อเติมกระทู้ของตัวเองที่ไม่ได้เข้าหลายวันมากแล้ว แวะดูกระทู้นี้หน่อยนิ ปรากฏว่าอยู่มายาวนาน เพิ่งอ่านจบ ขอบคุณมากครับสำหรับทุกสิ่งอย่างดีๆ ที่นำมามอบให้ไว้ที่นี่..
ปล. ขอนุญาติก๊อปปี้สิ่งดี ๆ บางส่วน ไปเผยแพร่ในเฟสบุ๊คส์ Netr Sanguansat ด้วยแล.
ขากลับไปกราบลาคุณแม่ที่บ้าน พี่สาวได้นำเอกสารที่เขียนโดยหลวงปู่ หา ฯ เกี่ยวกับเรื่องการค้นพบไดโนเสาร์ ทำเป็นสำเนาแจกจ่ายญาติโยม พี่ผมเขาไปได้มาเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่ไปเที่ยวแกเก็บไว้อย่างดี พอทราบผมไปปั่นจักรยานเมืองกาฬสินธ์ พี่สาวก็ไปค้นเอกสารเตรียมไว้ให้ ผมถือทุกท่านโชคดีครับ ที่ได้อ่านต้นฉบับของหลวงปู่ที่หลวงปู่บันทึกเล่าไว้ให้ได้ทราบกัน
- ไฟล์แนบ
-
- ผมชอบข้อความของหลวงพ่อคูณชุดนี้มาก ๆ ความจนเป็นสิ่งประเสริฐเพราะจนแล้วทำให้ได้ค้นพบสิ่งดี ๆ เหมือนที่พระพุทธองค์มักตรัสเสมอ ๆ ว่า "เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม" การปั่นจักรยานออกท่องไปในพิภพเปรียบได้กับการจาริกธุดงค์ของพระสงฆ์องค์เจ้า หากเราปั่นไปพิจารณาธรรมไป พักนอนที่ใดก็มีการสวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิดูจิตดูใจไม่ให้ไหลไปตามกิเลส ตัณหา ที่เจอะเจอ มีโอกาสได้ทำบุญ ถวายทานแบ่งปันธรรมะกับผู้ที่มีความทุกข์ ให้กำลังใจเขาต่อสู้กับชีวิต ถือเป็นวิทยาทานสะสมบุญให้เพิ่มขึ้น ๆ แต่หากการปั่นในแต่ละทริปมีการแสวงหากิเลส ตัณหา เข้ามาสู่จิตใจเช่น ดื่ม กิน เที่ยวแหล่งอโคจรต่าง ๆ ที่ชาวโลกเขาสร้างทำขึ้นมาเพื่อดักล่อเอาเงินจากกระเป่าเรา ก็จะเป็นทัวร์ริ่งในแบบทางโลก
เป็นทางเลือกนะครับถ้าเห็นว่าแนวนี้ดีก็ขออนุโมทนา สาธุ แนวทางของผมอยากจะบอกว่าเหมาะสำหรับคนเบี้ยน้อยหอยน้อย อยากท่องเที่ยวอย่างแท้จริงครับ ยืนยันเพราะออกแต่ละทริปใช้เงินไม่มาก (หักค่าโรงแรม ค่าอาหารที่นั่งตามร้าน ค่าทำบุญถวายทาน) ทริปหนึ่งไม่ถึงพันครับ ที่สำคัญคุณได้ธรรมะเพราะไปแบบนี้ "ทุกข์ " ซึ่งก็จะเข้าทางที่ว่า "เห็นทุกข์ เห็นธรรม" โชคดีแล้วละครับที่เกิดมาจน อย่าท้อแท้ครับเดินหน้าต่อไป - S__32342021.jpg (164.9 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
- ผมชอบข้อความของหลวงพ่อคูณชุดนี้มาก ๆ ความจนเป็นสิ่งประเสริฐเพราะจนแล้วทำให้ได้ค้นพบสิ่งดี ๆ เหมือนที่พระพุทธองค์มักตรัสเสมอ ๆ ว่า "เห็นทุกข์จึงเห็นธรรม" การปั่นจักรยานออกท่องไปในพิภพเปรียบได้กับการจาริกธุดงค์ของพระสงฆ์องค์เจ้า หากเราปั่นไปพิจารณาธรรมไป พักนอนที่ใดก็มีการสวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิดูจิตดูใจไม่ให้ไหลไปตามกิเลส ตัณหา ที่เจอะเจอ มีโอกาสได้ทำบุญ ถวายทานแบ่งปันธรรมะกับผู้ที่มีความทุกข์ ให้กำลังใจเขาต่อสู้กับชีวิต ถือเป็นวิทยาทานสะสมบุญให้เพิ่มขึ้น ๆ แต่หากการปั่นในแต่ละทริปมีการแสวงหากิเลส ตัณหา เข้ามาสู่จิตใจเช่น ดื่ม กิน เที่ยวแหล่งอโคจรต่าง ๆ ที่ชาวโลกเขาสร้างทำขึ้นมาเพื่อดักล่อเอาเงินจากกระเป่าเรา ก็จะเป็นทัวร์ริ่งในแบบทางโลก
-
- S__35889154.jpg (211.71 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- S__35889155.jpg (224.64 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- S__35889156.jpg (248.44 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- ชีวิตคือการเดินทางที่ยาวไกลและนานมาก ๆ เอาอะไรมาเปรียบเทียบ ขอให้ดูอายุของพระพุทธเจ้า ๔ อสงไขยกับอีก ๑ แสนมหากัปป์ มันยาวนานแค่ไหนกว่าท่านจะมาตรัสรู้และจบภพจบชาติ (พระพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบระยะเวลา 1 กัปเอาไว้ว่า (ปัพพตสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 16 พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ข้อ 430) หากมีภูเขาทึบไม่มีช่องว่างลูกหนึ่ง กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ (1 โยชน์ประมาณ 16 กิโลเมตร) ในทุกๆ 100 ปี เราเอาผ้าแพรผืนบางๆ ไปลูบภูเข้านั้นให้มีดินติดมา เวลาที่ใช้ในการทำแบบนี้ จนภูเขาลูกนี้แบนราบ ก็ยังยาวนานไม่เท่ากับ 1 กัป สรุปว่าไม่ต้องคิดว่าเป็นตัวเลขเท่าไร แต่ให้เข้าใจว่านานมาก)
กาลเวลาที่เรียกว่า “อสงไขย” แปลว่า นับไม่ได้ คือ ไม่สามารถที่จะนับเวลานั้นออกมาเป็นจำนวนกี่เดือน กี่ปี จึงจะเรียกได้ว่า อสงไขย โดยได้มีคำอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า
“ฝนตกใหญ่มโหฬารทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลานานถึง ๓ ปีติดต่อกันมิได้หยุด มิได้ขาดสายเม็ดฝนจนน้ำฝนเจิ่งนองท่วมท้นเต็มขอบเขาจักรวาล อันมีระดับความสูงได้ ๘๔,๐๐๐ โยชน์ และถ้าสามารถนับเม็ดฝน และหยาดแห่งเม็ดฝน ที่กระจายเป็นฟองฝอยใหญ่น้อย ในขณะที่ฝนตกใหญ่ ๓ ปีติดต่อกันนั้น นับได้จำนวนเท่าใด อสงไขยหนึ่งเป็นจำนวนปีเท่ากับเม็ดฝนและหยาดแห่งเม็ดฝนที่นับได้นั้น”
... เราจะเดินทางกันอีกกี่กัปป์กี่กัลป์กันครับ การเกิดเป็นทุกข์นะครับ ยิ่งไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก เราโชคดีเกิดในผืนแผ่นดินไทยที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาเอกของชาติ อย่าเสียชาติเกิดกันครับ ให้รีบหันหน้ากลับเข้ามารักษาศีล บริจาคทาน เจริญสติสมาธิ ภาวนา ลดภพชาติให้มันสั้นลง การเดินทางไกลก็จะได้ยุติ - cats ๒๓๕.jpg (329.64 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
- ชีวิตคือการเดินทางที่ยาวไกลและนานมาก ๆ เอาอะไรมาเปรียบเทียบ ขอให้ดูอายุของพระพุทธเจ้า ๔ อสงไขยกับอีก ๑ แสนมหากัปป์ มันยาวนานแค่ไหนกว่าท่านจะมาตรัสรู้และจบภพจบชาติ (พระพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบระยะเวลา 1 กัปเอาไว้ว่า (ปัพพตสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 16 พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ข้อ 430) หากมีภูเขาทึบไม่มีช่องว่างลูกหนึ่ง กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ (1 โยชน์ประมาณ 16 กิโลเมตร) ในทุกๆ 100 ปี เราเอาผ้าแพรผืนบางๆ ไปลูบภูเข้านั้นให้มีดินติดมา เวลาที่ใช้ในการทำแบบนี้ จนภูเขาลูกนี้แบนราบ ก็ยังยาวนานไม่เท่ากับ 1 กัป สรุปว่าไม่ต้องคิดว่าเป็นตัวเลขเท่าไร แต่ให้เข้าใจว่านานมาก)
-
- กาฬสินธ์ยังคงมีที่สำหรับให้ไปเยี่ยมชมอีกมากมาย ห้วงระยะเวลา ๗ วัน ๗ คืน ไม่เพียงพอครับ แต่ผมกับคุณนายก็สามารถไปได้มากพอสมควร ที่สำคัญบุญกุศลในการไปครั้งนี้ล้นเกินคุ้ม ได้พบเจอสิ่งอัศจรรย์ไม่คาดฝันมาแจ้งเตือนเป็นลางสังหรณ์ ทำให้ได้ใช้ปัญญาในการพิจารณาตัดสิน ไม่ดื้อรั้นกับสิ่งอัศจรรย์และทำให้ทราบในโลกนี้ยังมีสิ่ง เหลือเชื่อ อีกเยอะแยะมากมาย และยิ่งทำให้เชื่อใจในพระพุทธคุณอย่างสนิทใจว่า ถ้าหากประพฤติปฏิบัติจริง มีคุณ เห็นคุณ จริง ๆ ไม่ได้...โม้ .
- cats ๒๔๔.jpg (231.56 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- การเดินทางในแต่ละทริปเราจะมีสูตรว่าเดินหน้าไม่ถอยหลัง แต่ครั้งนี้มีเหตุให้ต้องย้อนกลับ ก็เสียดายเอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปล้างตาแก้ตัวกันใหม่
- cats ๒๔๓.jpg (195.79 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- สภาพหลังสิ้นงานหลวงปู่ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิม คือสงบ เงียบ สัปปายะ ไม่มีผู้คนมาพลุกพล่าน เป็นสถานที่ ๆ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ต่อนี้ไปเมื่อขาดพ่อแม่ครูบาอาจารย์ บุคคลผู้ยึดติดในครูบาอาจารย์ ก็จะห่างหายไกลจากวัด ส่วนผู้ที่นำคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ที่พร่ำสอนเสมอ ๆ ว่า "ห้าม หรือ ไม่ให้ยึดติดครูอาจารย์ แต่ให้ยึดติดธรรม" สถานที่แห่งนี้ยังคงรอการไปเยี่ยมของสาธุชนคนมีธรรม แต่แม้องค์ท่านจะจากพวกเราไปองค์ท่านยังคงทิ้งอัฐิธาตุไว้เป็นพยานแห่งการประพฤติดีปฏิบัติชอบ หาบุคคลเทียบเทียมได้ยาก มีเวลาขอเรียนเชิญไปกราบอัฐิธาตุของหลวงปู่กันนะครับ
- S__35897353.jpg (306.18 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- S__35897354.jpg (372.33 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- S__35897355.jpg (345.47 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
-
- S__35897356.jpg (330.65 KiB) เข้าดูแล้ว 957 ครั้ง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=72&t=890159
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=188&t=745024