น่านในฝัน(ร้าย) กับเพื่อนก๊วนอยุธยา... แล้วเดียวดายมาผาตรอมใจ
โพสต์: 27 ธ.ค. 2017, 20:12
น่านในฝัน(ร้าย)กับเพื่อนก๊วนอยุธยา... แล้วเดียวดายมาผาตรอมใจ
เริ่มทริปวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2560 จบทริป วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2560 รวม 19 วัน
เกริ่นกันก่อน...
กลับจากทริปยุโรป 66 วัน ระหว่างวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน – วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2560 ขาไป 4 ท่าน ปั่นได้แค่ 14 วัน จำต้องปั่นเดี่ยวคนเดียวอีก 52 วัน ปั่นเดี่ยวทีไร ได้เรื่องทุกที ล้มกลิ้งเจ็บซี่โครงซ้ายอีกแล้วครับ เมื่อวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม ระหว่างที่ปั่นจากเมือง Rudesheim เยอรมันนี มาเมือง Mainz แล้วยังล้มกลิ้งอีกเมื่อวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม ระหว่างไหลลงเขาระหว่างปั่นจาก Berschbach ใน Luxembourg มา Houffalize ใน Belgium แค่แตะวีเบรกนิดเดียวล้อหลังสะบัด ล้มกลิ้งได้แผลหมูแดงที่เข่าซ้าย และข้อศอกซ้ายอีกแล้ว ซี่โครงซ้ายกำลังจะหายก็เลยเจ็บอีกรอบ พอกลับมาถึงสุวรรณภูมิ ก็ประกอบจักรยานพร้อมปั่นกลับสาทร ออกมายังไม่ทันพ้นชายคาสนามบินเลยครับ ปั่นผิดเลน เลยยกจักรยานจะข้ามขอบคอนกรีตไปอีกเลน ไม่คุ้นกับกระเป๋าคู่หลังที่หนักใบละ 7 กก. ขณะที่กระเป๋าหน้าว่างเปล่า เบาโหวง ก็เลยเสียหลัก โดนจักรยานเหวี่ยงข้ามเฟรม ได้เลือดที่ข้อศอกขวา แค่แผลภายนอก ยกจักรยานปั่นต่อ ดันลองใช้แอพ OsmAnd ซึ่งพามาถึงอ่อนนุช ชาวิชก็สบาย และคุ้นเคยแล้ว แต่ดันอยากลองปั่นตามแอพ หาเส้นทางแปลกใหม่ ไปทางอ้อม ทางหลุมบ่อ เฉอะแฉะ หลงเข้าหมู่บ้าน เจอน้ำท่วมขังตะไคร่จับเต็ม ก็แตะวีเบรกชะลอรถระหว่างผ่านน้ำขัง ล้อหลังสะบัดล้มทันที เนื้อตัวสกปรก มอมแมม และเหม็นเลยครับ สงสัยว่าวงล้อหลังน่าจะมีปัญหา อาจจะขอบล้อแตกเพราะไปลุยทริปหลงปั่น 30 วัน กับเสือหงอย และเพื่อนๆ : เวียดนามเหนือ รกเสียงแตร จอแจรถรา มันเมากับเขา ตรึงตากับวิว ก็เลยแขยงๆ หยุดปั่นไป 2 เดือนเต็ม
พอใก้ลเวลาออกทริปเกษียณชวนปั่น ปีที่ 8 ซึ่งเริ่มทริปวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2560 จัดการส่งจักรยาน ฤ ไปให้ลุงอิ๊ด ช่างคู่ใจของคุณธานินทร์ ตรวจสอบ ปรากฏว่า ขอบล้อหลังแตกเกือบรอบวงจริงๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนมาไม่นานเอง จัดการเปลี่ยนโซ่ เฟืองหลังยกชุด และจานกลาง ก็พร้อมไปลุยทริปเกษียณ ไม่ทันไรพี่สุกิจ วงษ์สมตระกูล จากอยุธยาก็ไลน์มาชวนไปปั่นทริปน่านในฝัน(ร้าย) กับเสือเฒ่า อยุธยา ซึ่งเริ่มต้นปั่นกันวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน ที่ร้องกวาง แพร่ ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ พี่ดำ เสือหงอยได้ชวนไปปั่นปิดทริปเกษียณชวนปั่น ปีที่ 7 โดยไปสมทบที่แม่สอด จังหวัดตาก ปั่นได้แค่วันแรก จากแม่สอดมากางเต็นท์ที่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34
พี่สุกิจก็ไลน์มาชวนไปปั่นเที่ยวเขาค้อ ภูทับเบิก ก็เลยตกลง แต่ก็พอมีเวลาจึงปั่นกับกลุ่มเกษียณไปจนถึงคลองลาน กำแพงเพชร มากางเต็นท์นอนที่ โรงเรียนชุมชนบ้านคลองลาน แล้วรุ่งขึ้นค่อยแยกจากกลุ่มเกษียณปั่นกลับไปเจอก๊วนเสือเฒ่าอยุธยาที่ ที่ทำการไปรษณีย์ เขาค้อ ทำให้ชาวิชปั่นไม่จบทริปเกษียณสักที พอปลายปีนี้ พี่สุกิจชวนทั้งที กลัวชาวิชไม่ไป อุตส่าห์ซื้อตั๋วรถไฟตู้นอน ขบวน 107 กรุงเทพ-เด่นชัย เที่ยว 20:10น. ก็เลยต้องไปสักหน่อย แต่ก็บอกกลุ่มเกษียณไปแล้วว่า จะไปกางเต็นท์นอนด้วยที่วัดปากน้ำ โจ้โล้ ดูวันเวลาแล้ว ไปได้ ก็เลยปั่นไปส่งพี่ๆ กลุ่มเกษียณก่อน ค้างที่วัดปากน้ำ 1 คืน แล้วรุ่งขึ้นก็ปั่นกลับสาทร พัก 1 คืน ตกเย็นวันอังคารที่ 7 ก็ปั่นไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง จบทริปน่านในฝัน(ร้าย) ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2560 กลุ่มเสือหนุ่มก็นั่งรถตู้ไปชมวัดพระธาตุแช่แห้ง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน แล้วก็กลับอยุธยา ส่วนกลุ่มเสือเฒ่าที่มารถไฟ ช่วงเช้าปั่นไปชมวัดพระธาตุแช่แห้ง และปั่นชมเมืองน่าน หลังเที่ยงก็หาเช่ารถตู้ขนจักรยานจากน่านไปส่งขึ้นรถไฟที่เด่นชัย แพร่ บังเอิญรถตู้มีที่ว่าง พี่ๆก็เลยชวนชาวิชกลับด้วย ชาวิชขอแวะลงที่เมืองแพร่ เพื่อปั่นเดี่ยวคนเดียวต่อ กะว่าจะปั่นไปเรื่อยเปื่อย ไร้แผน อาจจะมุ่งหน้ากลับสาทร หรืออาจจะไปสมทบกลุ่มเกษียณที่โขงเจียม ยังไม่ได้ตัดสินใจ
ระหว่างปั่น พี่สุกิจก็เลยไลน์มาชวนชาวิช ให้ไปร่วมฉลองการเกษียณอายุราชการของพี่สุชาติ ที่เขาใหญ่ ระหว่างวันพฤสบดีที่ 23 – วันอาทิตย์ ที่ 26 พฤศจิกายน นี้ ชาวิชก็เลยตกลง มุ่งหน้าปั่นกลับมาอยุธยาให้ทันตามกำหนดการ แต่หลังจากปั่นมั่วออกจากนครสวรรค์ ผ่านบึงบอระเพ็ดมาทะลุถนนหลักสายเอเชีย ซึ่งเคยปั่นแล้วในทริปเชียงใหม่-สาทร ระหว่างนั่งพักดื่มกาแฟ ลองใช้กูลเกิ้ลหาเส้นทางรองเพื่อไปอยุธยา กูลเกิ้ลพาผ่านโคกกระเทียม เฉียดๆ วัลภาฟาร์มสเตย์ ค้นหาข้อมูลวัลภาฟาร์มสเตย์ ก็ไปเจอกระทู้มากมาย http://www.lopburi.org/wanlapafarm ดูน่าสนใจ ก็เลยโทรไปสอบถาม คุณเต้ ศราวุธ ค้าขาย รับสาย แล้วพอรู้ว่า ชาวิชอยู่นครสวรรค์แถวๆ พยุหคีรี กำลังจะปั่นจักรยานไปขอกางเต็นท์ที่วัลภาฟาร์ม เวลาขณะนั้นบ่ายสองโมง กับระยะทางที่เหลืออีกเกือบร้อยกิโลเมตร จึงบอกว่า ถ้าชาวิชปั่นจักรยานมาถึงจะให้กางเต็นท์ฟรีเลย ชาวิชก็ซิ่งไปวัลภาฟาร์มสเตย์ทันทีเลยครับ คิดว่าไปเที่ยวลพบุรี แล้วตรงไปสมทบก๊วนอยุธยาที่เขาใหญ่เลยดีกว่า ก็เลยเป็นที่มาของชื่อทริปว่า น่านในฝัน(ร้าย)กับเพื่อนก๊วนอยุธยา... แล้วเดียวดายไปผาตรอมใจ โชคดีที่ตลอดทั้งทริปนี้ชาวิชไม่เกิดอุบัติเหตุเลยครับ
แต่หลังจบทริปนี้ พี่ดำก็ชวนไปปั่นทริปหลวงพระบางไม่รู้เบื่อ กับทีมสว.ชุมพร ขา(ไม่)อ่อน เริ่มเดินทางเช้าวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2560 ที่หนองคาย ปั่นไปโพนฮง วังเวียง กาสี พูคูน กิ่วกะจำ และหลวงพระบาง ค้างเที่ยวหลวงพระบาง 3 คืน แล้วทีมชุมพรก็นั่งรถตู้กลับมาที่ด่านหนองคาย เพื่อเดินทางกลับชุมพร ส่วนชาวิชออกปั่นเดี่ยวต่อ ว่าจะเลียบแม่น้ำโขง ไปทางน้ำตกตาดกว่างสี ซึ่งพ้นจากทางเข้าแยกซ้ายเข้าน้ำตกแล้ว ทางจะเริ่มลำบาก เพิ่งออกจากหลวงพระบางปั่นขึ้นเขามาได้เกือบสิบกิโลเมตร ช่วงไหลลงเขาด้วยมีรถเก๋งไล่ตามหลังมาติด ชาวิชเลยชะลอชิดขอบถนน รถก็ไม่ยอมแซงสักที พอถึงโค้งตัวยู ตัดโค้งไม่ทัน ตกขอบถนน ล้มกลิ้ง ความจำเลอะเลือนไปชั่วขณะ เจ็บหัวไหล่ซ้าย ซี่โครงซ้าย บั้นเอว ศรีษะขมับซ้ายมีรอยปูดนิดๆ ดีที่มีหมวกกันน้อคป้องกันไว้ และคอเคล็ด ยกแขนซ้ายแทบไม่ขึ้น ฝืนปั่นต่อไปตามแผนอีก 30 กว่ากิโลเมตรไปกางเต็นท์นอนในกระต็อบชาวลาว รุ่งขึ้นยังปั่นต่อไปอีกเกือบ 3 กม. ทางเริ่มโหด อาการเจ็บเริ่มมาก ก็เลยปั่นกลับหลวงพระบาง แล้วรุ่งเช้า คอเริ่มขยับไม่ได้ ก็เลยจองตั๋วไทยสมายล์บินกลับสุวรรณภูมิในวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560 ถึงสาทรเดินมาหาหมอเอกซเรย์กระดูก ไม่แตกหัก หมอฉีดยาแก้ปวด ไม่ถึงชั่วโมง อาการดีขึ้นทันตา เกือบปกติ ทำให้วีซ่าขาด ต้องกลับมาพักฟื้นต่อที่ระยอง ท่าจะโดนห้ามปั่นตลอดชีพ ช่วงนี้เลยมีเวลามาทะยอยสรุปทริปให้เพื่อนๆ รับชมครับ
เริ่มทริปวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2560 จบทริป วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2560 รวม 19 วัน
เกริ่นกันก่อน...
กลับจากทริปยุโรป 66 วัน ระหว่างวันศุกร์ที่ 30 มิถุนายน – วันจันทร์ที่ 4 กันยายน 2560 ขาไป 4 ท่าน ปั่นได้แค่ 14 วัน จำต้องปั่นเดี่ยวคนเดียวอีก 52 วัน ปั่นเดี่ยวทีไร ได้เรื่องทุกที ล้มกลิ้งเจ็บซี่โครงซ้ายอีกแล้วครับ เมื่อวันอังคารที่ 25 กรกฎาคม ระหว่างที่ปั่นจากเมือง Rudesheim เยอรมันนี มาเมือง Mainz แล้วยังล้มกลิ้งอีกเมื่อวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม ระหว่างไหลลงเขาระหว่างปั่นจาก Berschbach ใน Luxembourg มา Houffalize ใน Belgium แค่แตะวีเบรกนิดเดียวล้อหลังสะบัด ล้มกลิ้งได้แผลหมูแดงที่เข่าซ้าย และข้อศอกซ้ายอีกแล้ว ซี่โครงซ้ายกำลังจะหายก็เลยเจ็บอีกรอบ พอกลับมาถึงสุวรรณภูมิ ก็ประกอบจักรยานพร้อมปั่นกลับสาทร ออกมายังไม่ทันพ้นชายคาสนามบินเลยครับ ปั่นผิดเลน เลยยกจักรยานจะข้ามขอบคอนกรีตไปอีกเลน ไม่คุ้นกับกระเป๋าคู่หลังที่หนักใบละ 7 กก. ขณะที่กระเป๋าหน้าว่างเปล่า เบาโหวง ก็เลยเสียหลัก โดนจักรยานเหวี่ยงข้ามเฟรม ได้เลือดที่ข้อศอกขวา แค่แผลภายนอก ยกจักรยานปั่นต่อ ดันลองใช้แอพ OsmAnd ซึ่งพามาถึงอ่อนนุช ชาวิชก็สบาย และคุ้นเคยแล้ว แต่ดันอยากลองปั่นตามแอพ หาเส้นทางแปลกใหม่ ไปทางอ้อม ทางหลุมบ่อ เฉอะแฉะ หลงเข้าหมู่บ้าน เจอน้ำท่วมขังตะไคร่จับเต็ม ก็แตะวีเบรกชะลอรถระหว่างผ่านน้ำขัง ล้อหลังสะบัดล้มทันที เนื้อตัวสกปรก มอมแมม และเหม็นเลยครับ สงสัยว่าวงล้อหลังน่าจะมีปัญหา อาจจะขอบล้อแตกเพราะไปลุยทริปหลงปั่น 30 วัน กับเสือหงอย และเพื่อนๆ : เวียดนามเหนือ รกเสียงแตร จอแจรถรา มันเมากับเขา ตรึงตากับวิว ก็เลยแขยงๆ หยุดปั่นไป 2 เดือนเต็ม
พอใก้ลเวลาออกทริปเกษียณชวนปั่น ปีที่ 8 ซึ่งเริ่มทริปวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2560 จัดการส่งจักรยาน ฤ ไปให้ลุงอิ๊ด ช่างคู่ใจของคุณธานินทร์ ตรวจสอบ ปรากฏว่า ขอบล้อหลังแตกเกือบรอบวงจริงๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนมาไม่นานเอง จัดการเปลี่ยนโซ่ เฟืองหลังยกชุด และจานกลาง ก็พร้อมไปลุยทริปเกษียณ ไม่ทันไรพี่สุกิจ วงษ์สมตระกูล จากอยุธยาก็ไลน์มาชวนไปปั่นทริปน่านในฝัน(ร้าย) กับเสือเฒ่า อยุธยา ซึ่งเริ่มต้นปั่นกันวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน ที่ร้องกวาง แพร่ ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ พี่ดำ เสือหงอยได้ชวนไปปั่นปิดทริปเกษียณชวนปั่น ปีที่ 7 โดยไปสมทบที่แม่สอด จังหวัดตาก ปั่นได้แค่วันแรก จากแม่สอดมากางเต็นท์ที่ กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34
พี่สุกิจก็ไลน์มาชวนไปปั่นเที่ยวเขาค้อ ภูทับเบิก ก็เลยตกลง แต่ก็พอมีเวลาจึงปั่นกับกลุ่มเกษียณไปจนถึงคลองลาน กำแพงเพชร มากางเต็นท์นอนที่ โรงเรียนชุมชนบ้านคลองลาน แล้วรุ่งขึ้นค่อยแยกจากกลุ่มเกษียณปั่นกลับไปเจอก๊วนเสือเฒ่าอยุธยาที่ ที่ทำการไปรษณีย์ เขาค้อ ทำให้ชาวิชปั่นไม่จบทริปเกษียณสักที พอปลายปีนี้ พี่สุกิจชวนทั้งที กลัวชาวิชไม่ไป อุตส่าห์ซื้อตั๋วรถไฟตู้นอน ขบวน 107 กรุงเทพ-เด่นชัย เที่ยว 20:10น. ก็เลยต้องไปสักหน่อย แต่ก็บอกกลุ่มเกษียณไปแล้วว่า จะไปกางเต็นท์นอนด้วยที่วัดปากน้ำ โจ้โล้ ดูวันเวลาแล้ว ไปได้ ก็เลยปั่นไปส่งพี่ๆ กลุ่มเกษียณก่อน ค้างที่วัดปากน้ำ 1 คืน แล้วรุ่งขึ้นก็ปั่นกลับสาทร พัก 1 คืน ตกเย็นวันอังคารที่ 7 ก็ปั่นไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพง จบทริปน่านในฝัน(ร้าย) ในวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2560 กลุ่มเสือหนุ่มก็นั่งรถตู้ไปชมวัดพระธาตุแช่แห้ง, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน แล้วก็กลับอยุธยา ส่วนกลุ่มเสือเฒ่าที่มารถไฟ ช่วงเช้าปั่นไปชมวัดพระธาตุแช่แห้ง และปั่นชมเมืองน่าน หลังเที่ยงก็หาเช่ารถตู้ขนจักรยานจากน่านไปส่งขึ้นรถไฟที่เด่นชัย แพร่ บังเอิญรถตู้มีที่ว่าง พี่ๆก็เลยชวนชาวิชกลับด้วย ชาวิชขอแวะลงที่เมืองแพร่ เพื่อปั่นเดี่ยวคนเดียวต่อ กะว่าจะปั่นไปเรื่อยเปื่อย ไร้แผน อาจจะมุ่งหน้ากลับสาทร หรืออาจจะไปสมทบกลุ่มเกษียณที่โขงเจียม ยังไม่ได้ตัดสินใจ
ระหว่างปั่น พี่สุกิจก็เลยไลน์มาชวนชาวิช ให้ไปร่วมฉลองการเกษียณอายุราชการของพี่สุชาติ ที่เขาใหญ่ ระหว่างวันพฤสบดีที่ 23 – วันอาทิตย์ ที่ 26 พฤศจิกายน นี้ ชาวิชก็เลยตกลง มุ่งหน้าปั่นกลับมาอยุธยาให้ทันตามกำหนดการ แต่หลังจากปั่นมั่วออกจากนครสวรรค์ ผ่านบึงบอระเพ็ดมาทะลุถนนหลักสายเอเชีย ซึ่งเคยปั่นแล้วในทริปเชียงใหม่-สาทร ระหว่างนั่งพักดื่มกาแฟ ลองใช้กูลเกิ้ลหาเส้นทางรองเพื่อไปอยุธยา กูลเกิ้ลพาผ่านโคกกระเทียม เฉียดๆ วัลภาฟาร์มสเตย์ ค้นหาข้อมูลวัลภาฟาร์มสเตย์ ก็ไปเจอกระทู้มากมาย http://www.lopburi.org/wanlapafarm ดูน่าสนใจ ก็เลยโทรไปสอบถาม คุณเต้ ศราวุธ ค้าขาย รับสาย แล้วพอรู้ว่า ชาวิชอยู่นครสวรรค์แถวๆ พยุหคีรี กำลังจะปั่นจักรยานไปขอกางเต็นท์ที่วัลภาฟาร์ม เวลาขณะนั้นบ่ายสองโมง กับระยะทางที่เหลืออีกเกือบร้อยกิโลเมตร จึงบอกว่า ถ้าชาวิชปั่นจักรยานมาถึงจะให้กางเต็นท์ฟรีเลย ชาวิชก็ซิ่งไปวัลภาฟาร์มสเตย์ทันทีเลยครับ คิดว่าไปเที่ยวลพบุรี แล้วตรงไปสมทบก๊วนอยุธยาที่เขาใหญ่เลยดีกว่า ก็เลยเป็นที่มาของชื่อทริปว่า น่านในฝัน(ร้าย)กับเพื่อนก๊วนอยุธยา... แล้วเดียวดายไปผาตรอมใจ โชคดีที่ตลอดทั้งทริปนี้ชาวิชไม่เกิดอุบัติเหตุเลยครับ
แต่หลังจบทริปนี้ พี่ดำก็ชวนไปปั่นทริปหลวงพระบางไม่รู้เบื่อ กับทีมสว.ชุมพร ขา(ไม่)อ่อน เริ่มเดินทางเช้าวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2560 ที่หนองคาย ปั่นไปโพนฮง วังเวียง กาสี พูคูน กิ่วกะจำ และหลวงพระบาง ค้างเที่ยวหลวงพระบาง 3 คืน แล้วทีมชุมพรก็นั่งรถตู้กลับมาที่ด่านหนองคาย เพื่อเดินทางกลับชุมพร ส่วนชาวิชออกปั่นเดี่ยวต่อ ว่าจะเลียบแม่น้ำโขง ไปทางน้ำตกตาดกว่างสี ซึ่งพ้นจากทางเข้าแยกซ้ายเข้าน้ำตกแล้ว ทางจะเริ่มลำบาก เพิ่งออกจากหลวงพระบางปั่นขึ้นเขามาได้เกือบสิบกิโลเมตร ช่วงไหลลงเขาด้วยมีรถเก๋งไล่ตามหลังมาติด ชาวิชเลยชะลอชิดขอบถนน รถก็ไม่ยอมแซงสักที พอถึงโค้งตัวยู ตัดโค้งไม่ทัน ตกขอบถนน ล้มกลิ้ง ความจำเลอะเลือนไปชั่วขณะ เจ็บหัวไหล่ซ้าย ซี่โครงซ้าย บั้นเอว ศรีษะขมับซ้ายมีรอยปูดนิดๆ ดีที่มีหมวกกันน้อคป้องกันไว้ และคอเคล็ด ยกแขนซ้ายแทบไม่ขึ้น ฝืนปั่นต่อไปตามแผนอีก 30 กว่ากิโลเมตรไปกางเต็นท์นอนในกระต็อบชาวลาว รุ่งขึ้นยังปั่นต่อไปอีกเกือบ 3 กม. ทางเริ่มโหด อาการเจ็บเริ่มมาก ก็เลยปั่นกลับหลวงพระบาง แล้วรุ่งเช้า คอเริ่มขยับไม่ได้ ก็เลยจองตั๋วไทยสมายล์บินกลับสุวรรณภูมิในวันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม 2560 ถึงสาทรเดินมาหาหมอเอกซเรย์กระดูก ไม่แตกหัก หมอฉีดยาแก้ปวด ไม่ถึงชั่วโมง อาการดีขึ้นทันตา เกือบปกติ ทำให้วีซ่าขาด ต้องกลับมาพักฟื้นต่อที่ระยอง ท่าจะโดนห้ามปั่นตลอดชีพ ช่วงนี้เลยมีเวลามาทะยอยสรุปทริปให้เพื่อนๆ รับชมครับ