ThaiMTB.com

ผมกำลังหาข้อมูลเพื่อจัดทัวร์ริ่งกะเค้าสักคัน เห็นส่วนใหญ่นิยมเป็นแฮนด์หมอบ ส่วนตัวก็เห็นว่าสวยงามดี แต่เกรงว่าจะขี่ไม่ถนัด ต้องก้มเกิน จนพาลจะไม่สบายไป อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว เลยอยากขอคำแนะนำจากผู้มากประสบการณ์ในบอร์ดหน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้า

รุ่นนี้ กางเข้า กางออกได้ ตรงส่วนโค้ง ปรับโค้งขึ้น ลงได้ น่าจะเรียกรุ่น Huppert ผมปรับพอดี กางมือขี่ได้ ทำให้มือไม่ชา

ใช้แฮนด์หมอบก็ได้ครับ ถ้าเราจับแฮนด์ส่วนบนตำแหน่งใกล้ๆ Stem และปรับความสูงของแฮนด์ดีๆ ก็ไม่ต้องก้มมากเท่าไรครับ

ปัญหาของ Touring แม้ว่าไม่ได้เน้นไปที่เรื่องการทำความเร็ว (สูง) แต่การปั่นฯ ระยะทางไกลและใช้เวลาเดินทางยาวนาน ก็ทำให้เราต้องเจออากาศหลายรุปแบบ ท่าปั่นฯ ที่ช่วยผ่อนแรงและมีตำแหน่งบนแอนด์ให้เปลี่ยนท่าทางจับได้หลายท่าหรือหลายตำแหน่ง ช่วยให้ถึงปลายทางได้ในเวลาที่เหมาะสมคือไม่ช้าหรือเร็วเกินไปและไม่เหนื่อยมาก

แฮนด์หมอบช่วยเวลาเราเจอลมสวน ถ้าปั่นฯ ตัวตรงจะต้องออกแรงมาก ทำความเร็วได้ช้ามาก และต้องสู้กับลมต้าน ถ้าจับ Drop ปั่นฯ เวลาทวนลมก็ทำให้ปั่นฯ ง่ายขึ้น ทำเวลาได้ดีกว่าครับ

ขนาดของแฮนด์หมอบมักเลือกใช้ใกล้เคียงความกว้างไหล่ของผู้ปั่นฯ เวลาปั่นฯ ระยะทางไกลๆ ช่วยลดอาการล้าของแขนและง่ายในการจัดระเบียบร่างกาย ต่างจากแฮนด์ตรงที่ดูเหมือนง่าย สบายแต่บางทีก็มีปัญหาเช่นแขนกางมากไป ทำให้ยากในการทำ Fitting ให้ตัวเอง

ปัญหาของแฮนด์หมอบมีนิดเดียวครับคึอหากเราจะปรับแต่งจักรยานเดิมที่เป็นระบบของเสือภูเขา มักจะเจอปัญหาของระบบเบรคและระบบเกียร์ ยกตัวอย่างเช่นหากระบบเบรคเป็น V-Brake มือเบรคหมอบส่วนมากจะไม่ทำงานกับ V-Brake คือมักเบรคไม่ค่อยอยู่ครับ ต้องตามหามือเบรคเฉพาะที่ทำงานกับ V-Brake ได้

ส่วนระบบเกียร์ถ้าเป็นเฟืองตั้งแต่ 6 ถึง 8 ชั้นมักจะหามือเกียร์แบบมือรวมของแฮนด์หมอบได้ยากครับ ทำได้ง่ายๆ คือแยกระบบเบรคกับเกียร์ออกต่างหากจากกัน

ในกรณีนี้การแก้ปัญหาที่ง่ายกว่าคือเราสามารถใช้มือเบรคและมือเกียร์ของเดิมที่แปลงมาจากแฮนด์ตรงได้เลย โดยการใช้ Trekking ฺ Bar หรือแฮนด์ทรงปีกผีเสื้อครับ

แฮนด์ทรงนี้สามารถเปลี่ยนอริยาบทจับได้ใกล้เคียงแฮนด์หมอบแต่ประสิทธิภาพจะด้อยกว่าเล็กน้อย หากเราจับตำแหน่งใกล้ตัวท่านั่งก็จะค่อนไปทางหลังตรงสำหรับปั่นฯ สบายๆ ทั่วๆ ไป แต่หากต้องการทำความเร็วหรือปั่นฯ ทวนลมก็ย้ายมือไจับตำแหน่งไกลตัว ลำตัวก็จะก้มมากขึ้น ไม่ต้านลมและทำความเร็วเดินทางได้ดีขึ้น

เรื่องประเภทของแฮนด์นี่นานาจิตตังครับ ลูกพี่ที่สอนผมหลายอย่าง ชอบแฮนด์ตรง และเปลี่ยนเกียร์ด้วยมือบิดแบบSRAM แต่ผมชอบแฮนด์หมอบ ใช้แฮนด์ตรงแล้วต้องบิดข้อมือ เมื่อยไม่เป็นธรรมชาติครับ ความกว้างของแฮนด์เสือหมอบที่hoodเบรค ใกล้เคียงกับความกว้างของไหล่ ทำให้แขนไม่กางไม่เมื่อย และไม่ต้านลม ผมชอบการเปลี่ยนเกียร์แบบSTI(มือตบ) ปัญหาเรื่องการใช้มือตบกับVเบรค แก้ไขได้โดยเปลี่ยนไปใช้เบรคปีกผีเสื้อครับ แม้แต่ดิสค๋เบรคน้ำมัน เดี๋ยวนี้ก็มีให้ใช้กับมือตบแล้ว แต่ถ้าจะคบกับเกียร๋ดุม คงใช้กับแฮนด์หมอบไม่สะดวกครับ
สรุป: เลือกแฮนด์ที่ชอบ และเหมาะกับงานของแต่ละท่านครับ

ขอบพระคุณในความรู้เรื่องทัวร์ริ่งของทุกๆท่านครับ
สัปดาห์นี้เปิดอ่านบอร์ดทัวร์ริ่งตลอด ช่างเป็นประเภทของจักรยานที่ทั้งลึกซึ้งและกว้างขวางจริงๆ

เท่าที่ลองมาหลายตัว ผมเน้นที่ความคล่องตัว ปั่นในเมือง..

ลงตัวกับแฮนด์แบบนี้ที่สุดครับ ปั่นในเมืองได้ความคล่องตัว ความสบายไกล้เคียงแฮนด์ผีเสื้อ
และไม่เสียระยะเอื้อม เหมือนแฮนด์ผีเสื้อ ปรับองศาบาร์เอนได้ตามใจชอบ ลองเอาไปเทสเบาๆ
100 โลมาแล้วถือว่าผ่านครับ สำหรับผมจบกับแฮนด์ตัวนี้

.ซางตะเกียบ .สเต็มยกเยอะๆ .แฮนด์ยก = ช่วยเรื่องการจัดตำแน่งการจับบาร์ ดังที่กล่าวมา ลองไปปรับใช้ดู ขอรับ ว่าเราถูกจริตกะแบบไหน

ของผมใช้แบบนี้ครับ..

ขอบคุณที่ถ่ายทอดประสบการณ์สู่กัน น่าสนใจและน่าลองทั้งนั้นเลยครับ
ตอนนี้อยากได้ มือสองสวยๆสักคัน ตามดูในประกาศมา 4-5 วัน ยังไม่สำเร็จเลย555
ใครพอชี้เป้าได้ รบกวนหน่อยนะครับ

ผมเลือกใช้แบบนี้เลยครับหมดปัญหาปรับได้ทุกมุม

ผมใช้แฮนด์หมอบ เคยเปลี่ยนเป็นแฮนด์ตรงมาครั้งหนึ่งไม่ถนัดเลย จับแฮนด์ได้จุดเดียว ต้องถอดทิ้งเอาแฮนด์หมอบกลับมาใช้อีก ข้อดีของแฮนด์หมอบเป็นไปตามที่อาจารย์ เสือ spectrum ท่านว่าจริงๆ ผมได้ความรู้จากท่านหลายอย่างมาเมือ 3 ปีที่แล้ว ใช้ประโยชน์ได้มาก

ผมลงตัวกับแฮนด์ผีเสื้อครับ ไปเป็นพันโลแล้วยังไม่มีปัญหาเรื่องมือชา

ผมใช้แฮนด์ผีเสื้อครับ เปลี่ยนท่าจับได้หลากหลายดี ขี่ไกลๆไม่ค่อยเมื่อยมือ

ส่วนใหญ่ชอบแฮนด์ผีเสื้อกันนะครับ
ของผมตอนนี้ เพิ่งจัดคันใหม่มาเป็นแฮนด์หมอบ ยังไม่ได้ไปออกทัวร์เลย

ที่ผ่านมาใช้แต่เสือภูเขา ยังไม่ถนัดกับแฮนด์หมอบนัก เก้ๆกังๆอยู่มาก
เดี๋ยววันนี้จะออกไปลองสัก 20 km

ช่วงเจอรถยนต์เยอะๆนี่ ช้าอย่างเดียวเลย
หวาดเจี๋ยว555

ชักชอบบอร์ดนี้แล้วสินะ
อบอุ่นดีครับ

แฮนด์หมอบเริ่มจากการบังคับทิศทางโดยจับแฮนด์บนเป็นหลักให้ชินก่อนครับ หาเส้นทางที่ค่อนข้างปลอดรถยนต์ หัดปั่นฯ รักษาระดับความเร็วคงที่โดยแฮนด์ไม่ส่ายและไม่ต้องเกร็ง แขนมาก พยายามปั่นฯ ในท่าที่รู้สึกสบายๆ ทดลองเลี้ยวมุมกว้าง เลี้ยวมุมแคบ และสุดท้าย หัดปั่นฯ เลี้ยงจักรยานให้เป็นเส้นตรงที่ความเร็วต่ำ/ความเร็วปานกลาง เทคนิคนี้จำเป็นาำหรับการปั่นฯ แนว Touring เผื่อต้องปั่นฯ บนทางปูนหรือตรอกแคบ รวมไปถึงการปั่นฯ ลอดระหว่างแถวรถยนต์ที่จอดรอสัญญาณไฟเขียวโดยไม่ไปเกี่ยวกระจกมองข้างรถยนต์ไปเสียก่อนครับ

ถ้าแฮนด์ไวไปอาจจะต้องเปลี่ยนขนาดแฮนด์ให้กว้างขึ้นเพื่อให้สามารถบังคับแฮนด์ได้ถนัดขึ้น

สิ่งที่ต้องหัดความเคยชินอีกเรื่องก็คือการควบคุมเบรคในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไปครับ เบรคตามปรกติไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากโดนรถยนต์เลี้ยวตัดหน้า ฯลฯ เราอาจจะต้องเบรคด้วยระยะสั้น กระชั้นชิด จากตำแหน่งมือที่เราจับอยู่ควรจะหัดให้เข้าถึงเบรคได้แม่นยำและรวดเร็ว รวมถึงการเบรคอย่างไรไม่ให้ล้มไปทั้งรถและคนครับ

ถ้าทำยังไงก็หัดไม่ได้ตัวช่วยอีก 1 ตัวคือติดอุปกรณ์เบรคเสริมบนแฮนด์ เบรคเสริมที่ติดอยู่ใกล้เสต็มจะเข้าถึงง่ายกว่าเบรคปรกติครับ

ส่วนการจับแฮนด์ Drop เพื่อปั่นฯ ทวนลม เร่งความเร็ว รวมไปถึงการเข้าถึงเบรคช่วงที่จับ Drop คงเป็นขั้นตอนหลังจากที่เราคล่องกับแฮนด์บนก่อนแล้วครับ