ขอบคุณข้อมูลของคุณหางแฮ้มครับ แต่งวดนี้ก็ไม่ได้เก็บ เซกอง ปากซอง เกิดอุบัติเหตุที่อัดตะปือก่อนครับ เลยต้องนั่งรถทัวร์เข้าปากเซหางแฮ้ม เขียน:วื่งไล่ตามรถถีบมาชมด้วยคนครับ
ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
อันนั้นอยู่ที่เมือง ดินท์ กวน เป็นห้องพัดลม ไม่มีหน้าต่างแต่ช่วงผมที่ไปอากาศหนาวครับประมาณสี่โมงเย็นก็ต้องใส่เสื้อกันหนาวแล้วครับ ในเมืองใหญ่ห้องพักที่ถูกและพออยู่ได้ก็ ๓๐๐ - ๔๐๐ บาทครับ พักสองคนก็ไม่เกินคนละ ๒๐๐ บาท ถ้าจะเอาถูกก็ห้องรวมห้องน้ำรวมราคาอยู่ระหว่าง ๔-๖ เหรียญbichun@sanook.com เขียน:พี่ครับ สอบถามนิด ทีพัก 100,000 ด่อง เท่ากับ 150 บาท
แล้วมีอ่างอาบน้ำ ถูกมากๆครับ และเรื่องอาหารการกิน เวียดนาม เท่าที่ติดตามในกระทู้
ถูกมากๆ เช่นเดียวกันครับ
รูปห้องพักครับ
ส่วนอาหารการกิน ถ้าอยู่เมืองไทยเรากินอาหารตามสั่งข้างถนน แล้วไปเวียดนามทำตัวแบบเดียวกันค่าอาหารไม่แพงครับ
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
วัน ๐๙ (๑๖ ม.ค. ๕๖) Dinh Quan - Bao Loc (๗๓ ก.ม.) จักรยาน
เส้นทาง QL20
สภาพถนน ช่่วง ๒๐ ก.ม.แรก มีทั้งหลุม บ่อ หินลอย
สภาพการจราจร ปานกลาง
ตีห้าออกเดินทาง ทางมืดมากไฟจักรยานก็ช่วยได้ไม่มาก แถมโดนต้อนรับด้วยเนินชันๆ กับสภาพทางที่ย่ำแย่เต็มไปด้วยหินลอย หลุม บ่อ ปั่นได้ประมาณสัก ๔๕ นาทีก็ทนไม่ไหว เลยแวะดื่มกาแฟข้างทางก่อน กาแฟเวียดนามนี่แทบไม่ต่างจากกาแฟของตุรกีถ้วยนิดเดียวดื่มเข้าไปทีตาแข็งทางวัน รอจนฟ้าสางมองเห็นทางดีขึ้นก็ออกปั่นต่อ ช่วงนี้ทางขึ้นๆ ลงๆ เนินเตี้ยๆ ไม่ชันมากไม่ค่อยหนักเท่าไร ประมาณ ๐๗.๓๐ น. ก็มาถึงเมืองนี้ได้ระยะทางมา 20 ก.ม.
สภาพทางที่ผ่านมา
สภาพทางที่จะไป
ดูแล้วทำเวลาได้ดีพอควร ถึง เบา ล๊อค ไม่น่าจะเกินบ่ายสอง อาจจะต่อไปนอน Di Linh แทนเพราะห่างจาก เบา ล๊อค ประมาณ ๔๐ ก.ม. แต่หารู้ไม่ว่านรกรออยู่ข้างหน้า แค่ปั่นออกจากเขตเมืองมาได้หน่อย
แล้วก็มาเจอนี่
และนี่ถ่ายย้อนให้ดูที่ตะกายขึ้นมาครับ ที่เห็นลิบๆ คือรถบรรทุกกำลังไต่เขาขึ้นมา
ขอหยุดถ่ายรูปหน่อยครับ วิวสวย แหะ แหะ
ไปคนเดียว ไม่มีคนถ่ายรูปให้ ขอถ่ายเงาตัวเองเป็นหลักฐานหน่อย
แถมด้วยจักรยานอีกหน่อย
พอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางต่อ ขึ้นเขายาวอีกแล้วกดบันไดแต่ละทีทำไมรถไม่ค่อยเขยื้อนเลย ไมล์ติดรถไม่ค่อยขยับเลยตัวเลขอยู่แถวๆ ๖ ก.ม./ช.ม เฮ้อ! เข็นยังเร็วกว่าเลย ปั่นไปพักไปตลอดทาง ขึ้นเขาตลอดทาง ระยะทาง ๑๗ ก.ม. ใช้เวลาไป ๒.๓๐ ช.ม. รวมระยะทางถึงจุดนี้ ๓๗ ก.ม. เป็นจุดพักรถที่ขึ้นเขามายาวๆ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่จักรยานอย่างผม ๕๕ ๕๕ รู้สึกว่าจะมีศาลเจ้าอยู่ด้วยแต่ผมไม่ได้เดินไปดู นอกจากขายน้ำแล้วเจ้าของร้านยังเอาตอไม้ รากไม้มาสร้างงานศิลป์ขายด้วยแกบอกว่าตอนสงครามเข้าไปรบในเขมรถูกยิงมาแต่ไม่ตายจับใจความไม่ค่อยได้ครับแกเล่นคุยภาษาเวียดนามปนอังกฤษ ประเภทเวียดนาม ๑๕ คำ อังกฤษ ๕ คำ คือ fighting cambodia shoot no die ๕๕ ๕๕
เห็นน้ำอะไรไม่รู้สีเหลืองอ่อนๆ ในขวดแก้วยี่ห้อ Number 1 ก็สั่งเจ้าของร้าน เจ้าของเค้าเสนอกระทิงแดงกระป๋องเล็กผมไม่เอาอยู่เมืองไทยก็กินแล้วจะให้มากินที่เวียดนามอีกไม่เอา เค้าก็เอา Number 1 มาให้ปรากฏว่ามันก็เหมือนกระทิงแดงไม่ใช่น้ำส้มหรือน้ำมะนาวอย่างที่คาดไว้ แล้วก็ซื้อน้ำอีกหนึ่งขวด เจ้าของร้านบอกจากจุดนี้ต้องปั่นอีก ๕ ก.ม. จึงจะถึงยอดเขา นึกในใจตรูจะรอดไหมนี่ ยิ่งปั่นยิ่งชันและแล้วปัญหาก็เกิดไม่รู้ว่าผมสับจานพลาดอีท่าไหน คราวนี้มันไม่ยอมขึ้นหรือลงเลยอยู่จานกลางตลอด เครื่องมือที่มีมาก็แค่ชุดหกเหลี่ยม กับไขควงปากแฉก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือครับ มันอยู่ที่ผมตั้งสับจานไม่เป็น เอาล่ะซีคราวตรูนี้จะทำอย่างไรทางก็ชันเพราะจวนจะถึงยอดเขาแล้ว เข็นสิครับงานนี้เข็น เข็นจักรยานเปล่ามันไม่ลำบากเท่าไร แต่มีกระเป๋าสัมภาระแขวนท้ายอยู่สองใบน้ำหนักรวมประมาณ ๓๐ ก.ก. เหมือนกับลากลาดื้อเลยครับ พยายามเข็นขึ้นมันก็พยายามดึงลงถึงยอดเขาเอาเกือบเที่ยง
ผมเข็นตั้งแต่หลังคาแดงๆ โน่นล่ะครับ
ถึงยอดตอนประมาณเที่ยง ก็แวะแผงขายน้ำข้างทาง จัดโค้กมาหนึ่งขวดแล้วเลือกเอาจะนั่งเก้าอี้ผ้าใบหรือนอนเปลญวน
เดาถูกครับผมเลือกเปลญวนงีบเสียอีกหนึ่งขั่วโมง ตื่นมาก็เตรียมไหลลงแต่ดูโน่นก่อนอะไรที่มันลงแล้วมันก็มีขึ้นโน่นครับรถบรรทุกกำลังไต่ขึ้นเขาอีกแล้ว
เฮ้อ...เมื่อไหร่เขาจะหมดฟร่ะ สับจานก็มาพิการอีก ไม่มีทางเลือกครับยังไงก็ต้องไปว่าแล้วก็ไหลลง ลงมาไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรก็เริ่มไต่เขาอีกแล้วครับ ยังดีที่ช่วงนี้ไม่ชันมาก หน้าจานกลาง หลังใหญ่สุดยังพอกระดืบ กระดืบ กระดืบขึ้นไปได้ พ้นลูกนี้ก็ลงยาวแต่ไม่ใช่จะยาวตลอดมีขี้นบ้างลูกเล็กๆ ลงมาถึง เบ๋า ล๊อค ประมาณบ่ายสองกว่า แวะเข้าธนาคารแลกเงินและก็หวังพึ่งพนักงานว่าจะพอหาร้านซ่อมจักรยานได้ไหม ปรากฎพนักงานธนาคารพูดภาษาประกิตบ่อได้ผุ้จัดการก็พูดไม่ได้ บังเอิญมีลูกค้าธนาคารผู้ชายคนหนึ่งพอพูดภาษาอังกฤษได้กระท่อนกระแท่นเค้าบอกที่ เบ๋า ล๊อค มีแต่ร้านซ่อมจักรยานธรรมดาร้านซ่อมจักรยานแบบที่่ผมขี่ไม่มี อ้าว...งานงอกแล้วตรู จากนี่ไปดาลัดมีแต่เขา ไม่มีเราเลยจักรยานพิการอย่างนี้เข็นกี่วันกี่คืนถึงจะถึงดาลัด คิดไม่ออกเลยเข้าไปกินข้าวร้านข้างๆ ธนาคาร
ชุดนี้ครับ ๒๐,๐๐๐ ด่อง ๓๐ บาท
กินข้าวไปก็คิดไป หรือจะลองตั้งสับจานเอง แล้วถ้าทำแล้วมันเจ๊งมาจะทำอย่างไร คิดไปคิดมาทางออกมีอย่างเดียว ไปตายดาบหน้า Go die sword face อิ อิ จับจักรยานยัดเข้ารถตีตั๋วไปดาลัด ถึงดาลัดน่าจะมีร้านซ่อมจักรยาน เพราะอ่านในไกด์บุ๊คเขาบอกว่าที่ดาลัดมีจักรยานให้เช่าขี่มันต้องมีร้านซ่อมสิน่า ค่าตั๋วรถ ๑๐๐,๐๐๐ ค่าตั๋วจักรยาน ๑๐๐,๐๐๐ ด่อง แลกเงินมาได้ล้านกว่าด่อง เหลือแค่แปดแสนในพริบตา short เลยงานนี้ รถออกบ่ายสาม ถึงดาลัตห้าโมงเย็น ถึงสถานีขนส่งดาลัดอันดับแรกเลยต้องรีบเปิดกระเป๋าค้นเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ครับ หนาวขนาดสั่นเลยครับเวลาปั่นจักรยานผมแค่ใส่เสื้อยืดตัวกางเกงขาสั้นตัว ตอนนั่งมาในรถก็ไม่รู้สึกหนาว ได้เสื้อกันหนาวมาใส่ค่อยยังชั่วหน่อยแต่ขายังสั่นอยู่ เอากระเป๋าแขวนกับจักรยานแล้วก็ไหลลงดาลัด ถึงตลาดดาลัดก็จูงจักรยานเดินหาที่พัก ไปได้ที่พักแถวใกล้ๆ สำนักงาน The Shin Tourist ชื่อ Than Huong Hotel ราคา ๑๐ เหรียญ พักคนเดียว ไม่มีแอร์มีแต่พัดลม(พัดลมก็ไม่ได้เปิดครับ) ไวไฟฟรี ตู้เย็น โทรทัศน์ ห้องน้ำในตัว เครื่อทำน้ำร้อน(ไม่ผิดครับทำน้ำร้อน)ขนาดบิ๊กเบิ้ม น้ำร้อนขนาดชงกาแฟได้เลย ห้องไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบถ้าพักสองคน ห้องสะอาดมาก ห้องน้ำก็สะอาด ข้อเสียมีสองอย่าง ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กและบาง กับหมอนที่ขนาดจิ๋วได้ใจแถมแบนอีกด้วย
เจ้านี่แหละครับที่ผมอาศัยชงกาแฟทุกเช้า
อาบน้ำแล้วก็ออกไปเดินชมเมืองและหาร้านซ่อมจักรยาน อากาศค่อนข้างหนาวอุณหภูมิที่โรงแรม ๑๕ องศา
เจอร้านจักรยานแล้วพรุ่งนี้คงได้เอาไปซ่อม
แล้วไปกินโจ๊กแถวบันได โจ๊กเค้าไม่ข้นเหมือนของเมืองไทย น่าจะเรียกข้ามต้มมากกว่า น้ำเยอะด้วยแต่รสชาดใกล้เคียงกัน
เดินดูตลาดมืดหน่อย ของที่ขายก็ไม่พ้นดอกไม้เพราะเป็นเมืองหนาว และเสื้อกันหนาว
จากนั้นก็เดินเลาะทะเลสาปกลับที่พัก นอน
เส้นทาง QL20
สภาพถนน ช่่วง ๒๐ ก.ม.แรก มีทั้งหลุม บ่อ หินลอย
สภาพการจราจร ปานกลาง
ตีห้าออกเดินทาง ทางมืดมากไฟจักรยานก็ช่วยได้ไม่มาก แถมโดนต้อนรับด้วยเนินชันๆ กับสภาพทางที่ย่ำแย่เต็มไปด้วยหินลอย หลุม บ่อ ปั่นได้ประมาณสัก ๔๕ นาทีก็ทนไม่ไหว เลยแวะดื่มกาแฟข้างทางก่อน กาแฟเวียดนามนี่แทบไม่ต่างจากกาแฟของตุรกีถ้วยนิดเดียวดื่มเข้าไปทีตาแข็งทางวัน รอจนฟ้าสางมองเห็นทางดีขึ้นก็ออกปั่นต่อ ช่วงนี้ทางขึ้นๆ ลงๆ เนินเตี้ยๆ ไม่ชันมากไม่ค่อยหนักเท่าไร ประมาณ ๐๗.๓๐ น. ก็มาถึงเมืองนี้ได้ระยะทางมา 20 ก.ม.
สภาพทางที่ผ่านมา
สภาพทางที่จะไป
ดูแล้วทำเวลาได้ดีพอควร ถึง เบา ล๊อค ไม่น่าจะเกินบ่ายสอง อาจจะต่อไปนอน Di Linh แทนเพราะห่างจาก เบา ล๊อค ประมาณ ๔๐ ก.ม. แต่หารู้ไม่ว่านรกรออยู่ข้างหน้า แค่ปั่นออกจากเขตเมืองมาได้หน่อย
แล้วก็มาเจอนี่
และนี่ถ่ายย้อนให้ดูที่ตะกายขึ้นมาครับ ที่เห็นลิบๆ คือรถบรรทุกกำลังไต่เขาขึ้นมา
ขอหยุดถ่ายรูปหน่อยครับ วิวสวย แหะ แหะ
ไปคนเดียว ไม่มีคนถ่ายรูปให้ ขอถ่ายเงาตัวเองเป็นหลักฐานหน่อย
แถมด้วยจักรยานอีกหน่อย
พอหายเหนื่อยก็ออกเดินทางต่อ ขึ้นเขายาวอีกแล้วกดบันไดแต่ละทีทำไมรถไม่ค่อยเขยื้อนเลย ไมล์ติดรถไม่ค่อยขยับเลยตัวเลขอยู่แถวๆ ๖ ก.ม./ช.ม เฮ้อ! เข็นยังเร็วกว่าเลย ปั่นไปพักไปตลอดทาง ขึ้นเขาตลอดทาง ระยะทาง ๑๗ ก.ม. ใช้เวลาไป ๒.๓๐ ช.ม. รวมระยะทางถึงจุดนี้ ๓๗ ก.ม. เป็นจุดพักรถที่ขึ้นเขามายาวๆ ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่จักรยานอย่างผม ๕๕ ๕๕ รู้สึกว่าจะมีศาลเจ้าอยู่ด้วยแต่ผมไม่ได้เดินไปดู นอกจากขายน้ำแล้วเจ้าของร้านยังเอาตอไม้ รากไม้มาสร้างงานศิลป์ขายด้วยแกบอกว่าตอนสงครามเข้าไปรบในเขมรถูกยิงมาแต่ไม่ตายจับใจความไม่ค่อยได้ครับแกเล่นคุยภาษาเวียดนามปนอังกฤษ ประเภทเวียดนาม ๑๕ คำ อังกฤษ ๕ คำ คือ fighting cambodia shoot no die ๕๕ ๕๕
เห็นน้ำอะไรไม่รู้สีเหลืองอ่อนๆ ในขวดแก้วยี่ห้อ Number 1 ก็สั่งเจ้าของร้าน เจ้าของเค้าเสนอกระทิงแดงกระป๋องเล็กผมไม่เอาอยู่เมืองไทยก็กินแล้วจะให้มากินที่เวียดนามอีกไม่เอา เค้าก็เอา Number 1 มาให้ปรากฏว่ามันก็เหมือนกระทิงแดงไม่ใช่น้ำส้มหรือน้ำมะนาวอย่างที่คาดไว้ แล้วก็ซื้อน้ำอีกหนึ่งขวด เจ้าของร้านบอกจากจุดนี้ต้องปั่นอีก ๕ ก.ม. จึงจะถึงยอดเขา นึกในใจตรูจะรอดไหมนี่ ยิ่งปั่นยิ่งชันและแล้วปัญหาก็เกิดไม่รู้ว่าผมสับจานพลาดอีท่าไหน คราวนี้มันไม่ยอมขึ้นหรือลงเลยอยู่จานกลางตลอด เครื่องมือที่มีมาก็แค่ชุดหกเหลี่ยม กับไขควงปากแฉก ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เครื่องมือครับ มันอยู่ที่ผมตั้งสับจานไม่เป็น เอาล่ะซีคราวตรูนี้จะทำอย่างไรทางก็ชันเพราะจวนจะถึงยอดเขาแล้ว เข็นสิครับงานนี้เข็น เข็นจักรยานเปล่ามันไม่ลำบากเท่าไร แต่มีกระเป๋าสัมภาระแขวนท้ายอยู่สองใบน้ำหนักรวมประมาณ ๓๐ ก.ก. เหมือนกับลากลาดื้อเลยครับ พยายามเข็นขึ้นมันก็พยายามดึงลงถึงยอดเขาเอาเกือบเที่ยง
ผมเข็นตั้งแต่หลังคาแดงๆ โน่นล่ะครับ
ถึงยอดตอนประมาณเที่ยง ก็แวะแผงขายน้ำข้างทาง จัดโค้กมาหนึ่งขวดแล้วเลือกเอาจะนั่งเก้าอี้ผ้าใบหรือนอนเปลญวน
เดาถูกครับผมเลือกเปลญวนงีบเสียอีกหนึ่งขั่วโมง ตื่นมาก็เตรียมไหลลงแต่ดูโน่นก่อนอะไรที่มันลงแล้วมันก็มีขึ้นโน่นครับรถบรรทุกกำลังไต่ขึ้นเขาอีกแล้ว
เฮ้อ...เมื่อไหร่เขาจะหมดฟร่ะ สับจานก็มาพิการอีก ไม่มีทางเลือกครับยังไงก็ต้องไปว่าแล้วก็ไหลลง ลงมาไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตรก็เริ่มไต่เขาอีกแล้วครับ ยังดีที่ช่วงนี้ไม่ชันมาก หน้าจานกลาง หลังใหญ่สุดยังพอกระดืบ กระดืบ กระดืบขึ้นไปได้ พ้นลูกนี้ก็ลงยาวแต่ไม่ใช่จะยาวตลอดมีขี้นบ้างลูกเล็กๆ ลงมาถึง เบ๋า ล๊อค ประมาณบ่ายสองกว่า แวะเข้าธนาคารแลกเงินและก็หวังพึ่งพนักงานว่าจะพอหาร้านซ่อมจักรยานได้ไหม ปรากฎพนักงานธนาคารพูดภาษาประกิตบ่อได้ผุ้จัดการก็พูดไม่ได้ บังเอิญมีลูกค้าธนาคารผู้ชายคนหนึ่งพอพูดภาษาอังกฤษได้กระท่อนกระแท่นเค้าบอกที่ เบ๋า ล๊อค มีแต่ร้านซ่อมจักรยานธรรมดาร้านซ่อมจักรยานแบบที่่ผมขี่ไม่มี อ้าว...งานงอกแล้วตรู จากนี่ไปดาลัดมีแต่เขา ไม่มีเราเลยจักรยานพิการอย่างนี้เข็นกี่วันกี่คืนถึงจะถึงดาลัด คิดไม่ออกเลยเข้าไปกินข้าวร้านข้างๆ ธนาคาร
ชุดนี้ครับ ๒๐,๐๐๐ ด่อง ๓๐ บาท
กินข้าวไปก็คิดไป หรือจะลองตั้งสับจานเอง แล้วถ้าทำแล้วมันเจ๊งมาจะทำอย่างไร คิดไปคิดมาทางออกมีอย่างเดียว ไปตายดาบหน้า Go die sword face อิ อิ จับจักรยานยัดเข้ารถตีตั๋วไปดาลัด ถึงดาลัดน่าจะมีร้านซ่อมจักรยาน เพราะอ่านในไกด์บุ๊คเขาบอกว่าที่ดาลัดมีจักรยานให้เช่าขี่มันต้องมีร้านซ่อมสิน่า ค่าตั๋วรถ ๑๐๐,๐๐๐ ค่าตั๋วจักรยาน ๑๐๐,๐๐๐ ด่อง แลกเงินมาได้ล้านกว่าด่อง เหลือแค่แปดแสนในพริบตา short เลยงานนี้ รถออกบ่ายสาม ถึงดาลัตห้าโมงเย็น ถึงสถานีขนส่งดาลัดอันดับแรกเลยต้องรีบเปิดกระเป๋าค้นเอาเสื้อกันหนาวมาใส่ครับ หนาวขนาดสั่นเลยครับเวลาปั่นจักรยานผมแค่ใส่เสื้อยืดตัวกางเกงขาสั้นตัว ตอนนั่งมาในรถก็ไม่รู้สึกหนาว ได้เสื้อกันหนาวมาใส่ค่อยยังชั่วหน่อยแต่ขายังสั่นอยู่ เอากระเป๋าแขวนกับจักรยานแล้วก็ไหลลงดาลัด ถึงตลาดดาลัดก็จูงจักรยานเดินหาที่พัก ไปได้ที่พักแถวใกล้ๆ สำนักงาน The Shin Tourist ชื่อ Than Huong Hotel ราคา ๑๐ เหรียญ พักคนเดียว ไม่มีแอร์มีแต่พัดลม(พัดลมก็ไม่ได้เปิดครับ) ไวไฟฟรี ตู้เย็น โทรทัศน์ ห้องน้ำในตัว เครื่อทำน้ำร้อน(ไม่ผิดครับทำน้ำร้อน)ขนาดบิ๊กเบิ้ม น้ำร้อนขนาดชงกาแฟได้เลย ห้องไม่กว้างแต่ก็ไม่แคบถ้าพักสองคน ห้องสะอาดมาก ห้องน้ำก็สะอาด ข้อเสียมีสองอย่าง ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กและบาง กับหมอนที่ขนาดจิ๋วได้ใจแถมแบนอีกด้วย
เจ้านี่แหละครับที่ผมอาศัยชงกาแฟทุกเช้า
อาบน้ำแล้วก็ออกไปเดินชมเมืองและหาร้านซ่อมจักรยาน อากาศค่อนข้างหนาวอุณหภูมิที่โรงแรม ๑๕ องศา
เจอร้านจักรยานแล้วพรุ่งนี้คงได้เอาไปซ่อม
แล้วไปกินโจ๊กแถวบันได โจ๊กเค้าไม่ข้นเหมือนของเมืองไทย น่าจะเรียกข้ามต้มมากกว่า น้ำเยอะด้วยแต่รสชาดใกล้เคียงกัน
เดินดูตลาดมืดหน่อย ของที่ขายก็ไม่พ้นดอกไม้เพราะเป็นเมืองหนาว และเสื้อกันหนาว
จากนั้นก็เดินเลาะทะเลสาปกลับที่พัก นอน
แก้ไขล่าสุดโดย oldhippie เมื่อ 13 ก.ค. 2013, 21:34, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
- tamee
- ขาประจำ
- โพสต์: 424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2011, 12:10
- team: อิสระ
- Bike: MERIDA crossway สำหรับทัวร์ริ่ง , Bianchi สำหรับทางเรียบ , mini java สำหรับชิลๆจ่ายกับข้าว
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ขุดก่อนครับ
แม้ว่าช้า แต่ถึงชัวร์
ผมคบเพื่อนในโลกแห่งความจริง...
ไม่ใช่คลื้นเคลงในโลกออนไลน์ แต่เดียวดายในชีวิตจริง
(ไม่แกล้งทำเก่ง ไม่แกล้งทำดี แค่บนคีย์บอรด์ เค้าเรียก ตอแหล ...ผมไม่นิยม...)
ผมคบเพื่อนในโลกแห่งความจริง...
ไม่ใช่คลื้นเคลงในโลกออนไลน์ แต่เดียวดายในชีวิตจริง
(ไม่แกล้งทำเก่ง ไม่แกล้งทำดี แค่บนคีย์บอรด์ เค้าเรียก ตอแหล ...ผมไม่นิยม...)
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
วัน ๑๐ (๑๗ ม.ค. ๕๖) ดาลัด
วันพัก - เที่ยว
ตื่นเช้าจัดการชงกาแฟด้วยเครื่องทำน้ำร้อนจากห้องน้ำ จากนั้นก็ออกมาเดินชมทะเลสาปยามเช้า แวะกินน้ำเต้าหู้ตรงวงเวียนกลางเมือง รสชาดไม่ต่างจากเมืองไทยราคาก็น่าจะใกล้เคียงกัน จ่ายไป ๕,๐๐๐ ด่อง ประมาณ ๗.๕๐ บาทแก้วใหญ่มาก รอบๆ ทะเลสาปบรรยากาศดีครับ ของจริงสวยกว่าในรูปมากมายครับ แต่ผมมีฝีมือถ่ายมาได้แค่นี้
พอประมาณ ๘ โมงก็กลับโรงแรมเอาจักรยานไปซ่อม เอาไปทิ้งให้ซ่อมแล้วก็เดินชมเมืองต่อ ก็จะวนเวียนอยู่แถวตลาดนั่นแหละครับ ดูอะไรเรื่อยเปื่อยตอนนี้หน้าสตรอเบอร์รี่แต่สีสันไม่สวย ขนาดลูกก็เล็กๆ สู้สตรอเบอร์รี่เมืองไทยไม่ได้ ที่แปลกใจก็คือ artichoke ไม่นึกว่าในเอเซียมีปลูกด้วยและที่ดาลัดนี้เยอะมาก พอคะเนว่าจักรยานน่าจะซ่อมเสร็จก็เดินไปเอา ก็จริงดังที่คาดไปถึงรถเสร็จแล้วควักกระเป๋าจ่ายค่าตั้งสับจานไป ๑๐๐,๐๐๐ ด่อง หรือ ๑๕๐ บาทตอนนั้นไม่รู้ว่าถูกหรือแพง แต่พอกลับมาเมืองไทยเอาไปให้ร้านตั้งสับจานใหม่(เกิดปัญหาแบบเดิมที่ลาวระหว่างปั่นเข้าอัดตะปือครับ) พร้อมทั้งเปลี่ยนจาระบีดุมล้อ หัวกระโหลก ล้างโซ่หมดไปแค่ ๑๘๐ บาทเอง ได้จักรยานมาก็ปั่นเที่ยวรอบทะเลสาป ไปดู Flower Garden
ค่าเข้าชม ๒๐,๐๐๐ ด่อง
ไม่ประทับใจเลย ตั้งใจว่าจะเข้าไปดู ไปถ่ายรูปดอกไม้ เห็นฝีมือการจัดสวนแล้วสวนในเมืองไทยสวยกว่าเป็นร้อยเท่า ไม่ได้เว่อร์นะครับเปรียบเทียบกับสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ที่ติดกับสวนรถไฟไม่ได้เลยเข้าไปเดินอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็กลับออกมาด้วยความผิดหวัง ตามแผนการเดินทางจะต้องนั่งรถเที่ยวกลางคืนไป Kon Tum เพื่อเป็นการประหยัดค่าโรงแรมและจะปั่นจาก Kon Tum ไป Dak To และ Ngoc Hoi เพื่อจะปั่นเข้าลาวที่ด่านพูเกลือ จึงปั่นไปสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ลงรถมาเมื่อวานนี้ ระหว่างทางผ่านโบสถ์ประจำเมืองเลยแวะถ่ายรูปก่อน
รูปนี้ถ่ายจากด้านหลังโบสถ์
แล้วก็ปั่นต่อไปสถานีขนส่งไปถึงปรากฎว่าตู้ขายตั๋วไป Kon Tum ว่างเปล่าไม่มีพนักงานสอบถามตู้ข้างได้ความว่ารถไป คอน ตุม ไม่ได้ออกที่นี่ก็เลยถามว่าจะติดต่อได้อย่างไร เค้าก็เดินออกจากตู้ไป สักพักก็กลับมายื่นแผ่นกระดาษที่จดเบอร์โทรศัพท์มาให้ ออกจากสถานีขนส่งก็ปั่นไปดูสถานีรถไฟดาลัดมีหัวรถจักรเก่าๆให้ดูอยู่ ๒-๓ หัว
หัวรถจักร
ห้องโถงและห้องขายตั๋ว
บังเอิญได้เจอคู่แต่งงานที่ถ่าย Pre-wedding ที่โบสถ์มาถ่ายรูปที่นี่ด้วยก็เลยขออนุญาตถ่ายรูปเค้า เค้าก็อนุญาต
ด้านหน้าสถานี
จากนั้นก็กลับโรงแรม
ถ่ายหน้าโรงแรมครับ
ให้น้องธิพนักงานต้อนรับ(ลูกสาวเจ้าของ) ช่วยโทรจองรถให้ น้องเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จังหวะนั้นเองก็มีผู้หญิงเข้ามาสามคนเป็นสาวสองคนและสูงอายุหนึ่งคน น้องธิ ก็เรียกหญิงสาวให้มาช่วยคุยให้ถึงจองได้สำเร็จ รถจะออกจากดาลัด ๑๘.๓๐ น. แต่จะแวะมารับผมที่โรงแรมเวลา ๑๗.๑๕ น. ค่าคนโดยสาร ๒๗๐,๐๐๐ ค่าจักรยาน ๒๕๐,๐๐๐ โดนไปครึ่งล้านคุ้มกับการประหยัดไหมนี่
คุยกับน้องเค้าได้รู้ว่าทั้งสามขี่จักรยานยนต์จาก HCMC มาเที่ยวดาลัดขอเรียกว่าน้องดาวมากับแม่และเพื่อน เค้าว่าช่วงนี้อากาศใน HCMC จะร้อนผู้คนก็เลยออกเที่ยวต่างจังหวัด แต่ผมว่าร้อนน้อยกว่ากรุงเทพ
ช่วงบ่ายปั่นไปชมพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์เบ๋าได ค่าเข้าชม ๑๕,๐๐๐ ด่องค่าฝากจักรยาน ๒,๐๐๐
ต้องสวมถุงรองเท้าก่อนเข้าชมครับ
การจัดแสดงไม่ค่อยดีเหมือนกับไม่ได้อนุรักษ์แต่ปล่อยให้ทรุดโทรม
นี่คือมุมถ่ายรูปสำหรับผู้ที่อยากแต่งเครื่องทรงชุดกษัตริย์
โถงทางเดินภายในพระราชวัง
ด้านหน้า
ด้านหลัง
แล้วก็กลับมานั่งซึมซับบรรยากาศริมทะเลสาป ก่อนกลับโรงแรม ช่วงหัวค่ำก็ออกมาหาของกินไปเจอของชอบแบบเดียวกับที่ HCMC จัดการไปสองถ้วย ๒๔,๐๐๐ หรือ ๓๖ บาท ตกถ้วยละ ๑๘ บาทถูกจัง
อิ่มแล้วก็เดินเลาะทะเลสาปกลับโรงแรม ระหว่างทางมีสาวน้อย สาวมากมาทักทายแต่ไม่ใช่เป้าหมายเลยขอผ่าน อ่า....ไม่ได้ถามสนนราคามานะครับ ไม่ต้องหลังไมค์ไปครับ
ขออนุญาตพักกระทู้แค่นี้ก่อนนะครับ จะต้องเดินทางไปเชียงใหม่เอาจักรยานไปเข็นขึ้นดอยอินทนนท์กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ น่าจะกลับมาถึงประมาณวันที่ ๖ ก.พ. แล้วจะมาเปิดกระทู้ภาคสามครับ ทน ทน อ่านหน่อยครับจวนจะอวสานแล้ว
วันพัก - เที่ยว
ตื่นเช้าจัดการชงกาแฟด้วยเครื่องทำน้ำร้อนจากห้องน้ำ จากนั้นก็ออกมาเดินชมทะเลสาปยามเช้า แวะกินน้ำเต้าหู้ตรงวงเวียนกลางเมือง รสชาดไม่ต่างจากเมืองไทยราคาก็น่าจะใกล้เคียงกัน จ่ายไป ๕,๐๐๐ ด่อง ประมาณ ๗.๕๐ บาทแก้วใหญ่มาก รอบๆ ทะเลสาปบรรยากาศดีครับ ของจริงสวยกว่าในรูปมากมายครับ แต่ผมมีฝีมือถ่ายมาได้แค่นี้
พอประมาณ ๘ โมงก็กลับโรงแรมเอาจักรยานไปซ่อม เอาไปทิ้งให้ซ่อมแล้วก็เดินชมเมืองต่อ ก็จะวนเวียนอยู่แถวตลาดนั่นแหละครับ ดูอะไรเรื่อยเปื่อยตอนนี้หน้าสตรอเบอร์รี่แต่สีสันไม่สวย ขนาดลูกก็เล็กๆ สู้สตรอเบอร์รี่เมืองไทยไม่ได้ ที่แปลกใจก็คือ artichoke ไม่นึกว่าในเอเซียมีปลูกด้วยและที่ดาลัดนี้เยอะมาก พอคะเนว่าจักรยานน่าจะซ่อมเสร็จก็เดินไปเอา ก็จริงดังที่คาดไปถึงรถเสร็จแล้วควักกระเป๋าจ่ายค่าตั้งสับจานไป ๑๐๐,๐๐๐ ด่อง หรือ ๑๕๐ บาทตอนนั้นไม่รู้ว่าถูกหรือแพง แต่พอกลับมาเมืองไทยเอาไปให้ร้านตั้งสับจานใหม่(เกิดปัญหาแบบเดิมที่ลาวระหว่างปั่นเข้าอัดตะปือครับ) พร้อมทั้งเปลี่ยนจาระบีดุมล้อ หัวกระโหลก ล้างโซ่หมดไปแค่ ๑๘๐ บาทเอง ได้จักรยานมาก็ปั่นเที่ยวรอบทะเลสาป ไปดู Flower Garden
ค่าเข้าชม ๒๐,๐๐๐ ด่อง
ไม่ประทับใจเลย ตั้งใจว่าจะเข้าไปดู ไปถ่ายรูปดอกไม้ เห็นฝีมือการจัดสวนแล้วสวนในเมืองไทยสวยกว่าเป็นร้อยเท่า ไม่ได้เว่อร์นะครับเปรียบเทียบกับสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ที่ติดกับสวนรถไฟไม่ได้เลยเข้าไปเดินอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็กลับออกมาด้วยความผิดหวัง ตามแผนการเดินทางจะต้องนั่งรถเที่ยวกลางคืนไป Kon Tum เพื่อเป็นการประหยัดค่าโรงแรมและจะปั่นจาก Kon Tum ไป Dak To และ Ngoc Hoi เพื่อจะปั่นเข้าลาวที่ด่านพูเกลือ จึงปั่นไปสถานีขนส่งผู้โดยสารที่ลงรถมาเมื่อวานนี้ ระหว่างทางผ่านโบสถ์ประจำเมืองเลยแวะถ่ายรูปก่อน
รูปนี้ถ่ายจากด้านหลังโบสถ์
แล้วก็ปั่นต่อไปสถานีขนส่งไปถึงปรากฎว่าตู้ขายตั๋วไป Kon Tum ว่างเปล่าไม่มีพนักงานสอบถามตู้ข้างได้ความว่ารถไป คอน ตุม ไม่ได้ออกที่นี่ก็เลยถามว่าจะติดต่อได้อย่างไร เค้าก็เดินออกจากตู้ไป สักพักก็กลับมายื่นแผ่นกระดาษที่จดเบอร์โทรศัพท์มาให้ ออกจากสถานีขนส่งก็ปั่นไปดูสถานีรถไฟดาลัดมีหัวรถจักรเก่าๆให้ดูอยู่ ๒-๓ หัว
หัวรถจักร
ห้องโถงและห้องขายตั๋ว
บังเอิญได้เจอคู่แต่งงานที่ถ่าย Pre-wedding ที่โบสถ์มาถ่ายรูปที่นี่ด้วยก็เลยขออนุญาตถ่ายรูปเค้า เค้าก็อนุญาต
ด้านหน้าสถานี
จากนั้นก็กลับโรงแรม
ถ่ายหน้าโรงแรมครับ
ให้น้องธิพนักงานต้อนรับ(ลูกสาวเจ้าของ) ช่วยโทรจองรถให้ น้องเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จังหวะนั้นเองก็มีผู้หญิงเข้ามาสามคนเป็นสาวสองคนและสูงอายุหนึ่งคน น้องธิ ก็เรียกหญิงสาวให้มาช่วยคุยให้ถึงจองได้สำเร็จ รถจะออกจากดาลัด ๑๘.๓๐ น. แต่จะแวะมารับผมที่โรงแรมเวลา ๑๗.๑๕ น. ค่าคนโดยสาร ๒๗๐,๐๐๐ ค่าจักรยาน ๒๕๐,๐๐๐ โดนไปครึ่งล้านคุ้มกับการประหยัดไหมนี่
คุยกับน้องเค้าได้รู้ว่าทั้งสามขี่จักรยานยนต์จาก HCMC มาเที่ยวดาลัดขอเรียกว่าน้องดาวมากับแม่และเพื่อน เค้าว่าช่วงนี้อากาศใน HCMC จะร้อนผู้คนก็เลยออกเที่ยวต่างจังหวัด แต่ผมว่าร้อนน้อยกว่ากรุงเทพ
ช่วงบ่ายปั่นไปชมพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์เบ๋าได ค่าเข้าชม ๑๕,๐๐๐ ด่องค่าฝากจักรยาน ๒,๐๐๐
ต้องสวมถุงรองเท้าก่อนเข้าชมครับ
การจัดแสดงไม่ค่อยดีเหมือนกับไม่ได้อนุรักษ์แต่ปล่อยให้ทรุดโทรม
นี่คือมุมถ่ายรูปสำหรับผู้ที่อยากแต่งเครื่องทรงชุดกษัตริย์
โถงทางเดินภายในพระราชวัง
ด้านหน้า
ด้านหลัง
แล้วก็กลับมานั่งซึมซับบรรยากาศริมทะเลสาป ก่อนกลับโรงแรม ช่วงหัวค่ำก็ออกมาหาของกินไปเจอของชอบแบบเดียวกับที่ HCMC จัดการไปสองถ้วย ๒๔,๐๐๐ หรือ ๓๖ บาท ตกถ้วยละ ๑๘ บาทถูกจัง
อิ่มแล้วก็เดินเลาะทะเลสาปกลับโรงแรม ระหว่างทางมีสาวน้อย สาวมากมาทักทายแต่ไม่ใช่เป้าหมายเลยขอผ่าน อ่า....ไม่ได้ถามสนนราคามานะครับ ไม่ต้องหลังไมค์ไปครับ
ขออนุญาตพักกระทู้แค่นี้ก่อนนะครับ จะต้องเดินทางไปเชียงใหม่เอาจักรยานไปเข็นขึ้นดอยอินทนนท์กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ น่าจะกลับมาถึงประมาณวันที่ ๖ ก.พ. แล้วจะมาเปิดกระทู้ภาคสามครับ ทน ทน อ่านหน่อยครับจวนจะอวสานแล้ว
แก้ไขล่าสุดโดย oldhippie เมื่อ 14 ก.ค. 2013, 13:53, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง
- น้านนท์
- ขาประจำ
- โพสต์: 786
- ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2010, 22:03
- team: ยังไม่กล้าเข้ากลุ่ม กลัวปั่นไม่ทันครับ "เกรงว่าจะไปเป็นภาระ"
- Bike: WHEELLER PRO320 "ม่วง+ดำ" 18/12/2555 >>> ขี่วันแรก 19/12/2555
- ตำแหน่ง: ถนน345 จ.ปทุมธานี
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
oldhippie เขียน:เดี๋ยวซี่ลวดขาดครับ มานั่งบนกระดิ่งดีกว่าน้านนท์ เขียน: แล้วจะมีที่เหลือให้ผมเกาะ ไหมนี่
งั้นผมเกาะซี่ลวด ไปแล้วกัน
แล้วกระดิ่ง มันจะดังไหม "101 กก.อยู่บนกระดิ่ง"
เอาใจช่วยยยยยยยยยยย ครับ
.. น้านนท์ .. Line id: cok.uz
- เสือหนึ่ง อรัญฯ
- ขาประจำ
- โพสต์: 2142
- ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ส.ค. 2008, 19:59
- Tel: 087 - 1464811
- team: aranbike ส่วนแยก ปอยเปต
- Bike: jamis dragon , panasonic
- ติดต่อ:
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
สักวันจะแอบไปย้อนรอยพี่บ้างน่ะครับ
ถ้าน้องรักพี่......ต้องให้พี่ ยืมตังค์
- ลุงก้อง
- ขาประจำ
- โพสต์: 2404
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2008, 16:14
- Tel: 089-9538606
- team: จักรยานวันอาทิตย์ เชียงใหม่
- Bike: airborne merida xc mission la blueline
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
รอติดตามภาค 2 ครับวิธีถ่ายรูปตัวเองจับกล่องยื่นแขนออกไปสุดๆ
กดแซะ จำเขามาอีกทีได้ผลครับ
กดแซะ จำเขามาอีกทีได้ผลครับ
สมช้ย การช่าง 6 ซ.3 โชตนา ช้างเผือก เมือง เชียงใหม่ 50300
ทัวร์ดอย http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=409721
เวีดนาม http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=263763
นาแมวเซินลาซาปาhttp://www.thaimtb.com/
ทัวร์ดอย http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=409721
เวีดนาม http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=263763
นาแมวเซินลาซาปาhttp://www.thaimtb.com/
- น้อยศรีสะเกษ
- ขาประจำ
- โพสต์: 111
- ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ม.ค. 2012, 13:12
- Tel: 0864615305
- team: ศรีสะเกษกลิ่นลำดวน
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
อ่านได้นิดหน่อยเอง แต่ใจผมตามไปตอนไหนม้ายรู้ ฝากดูแลด้วยค๊าบๆพี่ท่าน ชื่นชมขอติดตามด้วยนะ
ค๊าบๆ
ค๊าบๆ
-
- สมาชิก
- โพสต์: 9
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.พ. 2012, 17:16
- team: Namsai Team
- Bike: dahon p18
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
รอตอนอวสานครับ?...... ไปขึ้นดอยฯเอาเสือสำอางค์ไปป่ะ?จากกรุงเทพเลยป่าว?
.......ทำไมแข็ง แรงจัง? ชักไม่เชื่อตอนเจอสาวๆแล้วไม่คุยนี่แหละ!!!!!!!
ขอเกาะไปด้วยแต่คนอื่นจองที่ดีๆกันหมดระ ...เกาะหลังก็แล้วกันไม่ต้องกลัวผมตกนะ ผมเกาะเก่งเมียบอก...ฮิๆๆๆ
.......ทำไมแข็ง แรงจัง? ชักไม่เชื่อตอนเจอสาวๆแล้วไม่คุยนี่แหละ!!!!!!!
ขอเกาะไปด้วยแต่คนอื่นจองที่ดีๆกันหมดระ ...เกาะหลังก็แล้วกันไม่ต้องกลัวผมตกนะ ผมเกาะเก่งเมียบอก...ฮิๆๆๆ
- YellowRaider
- สมาชิก
- โพสต์: 55
- ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2009, 20:27
- Tel: N/A
- team: N/A
- Bike: N/A
- natpuwa
- ขาประจำ
- โพสต์: 781
- ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2009, 16:46
- team: ไม่มีทีมครับ
- Bike: trek 4400, Giant LiLD
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
สงกะสัย.................เจ้าของกระดาน..............มัวแต่ไปปั่นขึ้นเขา...................
เป็นอย่างไรบ้างครับ.....
รออ่านสรุปทริปขึ้นดอยอยู่เด้อ........................
เป็นอย่างไรบ้างครับ.....
รออ่านสรุปทริปขึ้นดอยอยู่เด้อ........................
______________________________________
แปดวัน....แปดคืน...ก็ไปถึง....แม่สาย...........กดครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=455088
สนุก.....สุข.....เศร้า......เคล้าน้ำตา....................ลังกาวี
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=576816
แปดวัน....แปดคืน...ก็ไปถึง....แม่สาย...........กดครับ
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=455088
สนุก.....สุข.....เศร้า......เคล้าน้ำตา....................ลังกาวี
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=576816
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
วัน ๑๑ (๑๘ ม.ค. ๕๖) ดาลัด
วันพัก - เที่ยว
ตามแผนวันนี้จะเที่ยวดาลัดเป็นวันสุดท้าย แล้วจะนั่งรถไป คอน ตุม เช้านี้เป้าหมายอยู่ที่ Thien Vuong Pagoda วัดนี้สาวๆ จากทั่วเวียดนามจะมาขอพรในเรื่องของโชคลาภ คู่ครองและการแต่งงาน ก็ปั่นเลาะทะเลสาปแยกขวาทางเดียวกับที่จะไปสถานีรถไฟ แต่ต้องแยกขวาอีกทีเข้าถนน Pham Hong Thai แล้วก็ตรงเข้าถนน Khe Sanh ปั่นขึ้นเนินเล็กๆ สองลูกแล้วก็จะเห็นป้ายทางเข้าวัดอยู่ซ้ายมือ อย่าปั่นเลยนะครับไม่เช่นนั้นท่านอาจจะออกนอกเมืองดาลัดได้ เพราะถนนเส้นนี้จะไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข ๒๐
ซุ้มประตูทางขึ้น ดูหินที่มาทำทางแล้วเสือภูเขาอาจจะปั่นขึ้นได้ แต่เสือสำอางค์อย่าง Hybrid ปั่นขึ้นปั่นลง ตรู๊ด ระบมแน่ๆ
อาคารด้านหน้า เดินผ่านได้โดยไม่ต้องถอดรองเท้า
ด้านในถ่ายจากด้านหน้า
ด้านในถ่ายจากด้านหลัง
อาคารด้านหลังที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า จะเข้าอาคารนี้ต้องถอดรองเท้า
จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่พระพุทธเจ้าทั้งสามปาง(มังครับ)ที่แกะสลักจากไม้จันทร์ (Sandal Wood ตาม Rough Guide Vietnam) แต่ที่ป้ายข้างหน้าจะระบุว่าแกะสลักจากไม้ Aloe คิดว่าคงไม่ใช่ว่านหางจระเข้ครับ
เพดาน
อ่านรายละเอียดเองเลยนะครับ เรื่องพระเรื่องเจ้าผมไม่ค่อยมีความรู้ครับ
วันพัก - เที่ยว
ตามแผนวันนี้จะเที่ยวดาลัดเป็นวันสุดท้าย แล้วจะนั่งรถไป คอน ตุม เช้านี้เป้าหมายอยู่ที่ Thien Vuong Pagoda วัดนี้สาวๆ จากทั่วเวียดนามจะมาขอพรในเรื่องของโชคลาภ คู่ครองและการแต่งงาน ก็ปั่นเลาะทะเลสาปแยกขวาทางเดียวกับที่จะไปสถานีรถไฟ แต่ต้องแยกขวาอีกทีเข้าถนน Pham Hong Thai แล้วก็ตรงเข้าถนน Khe Sanh ปั่นขึ้นเนินเล็กๆ สองลูกแล้วก็จะเห็นป้ายทางเข้าวัดอยู่ซ้ายมือ อย่าปั่นเลยนะครับไม่เช่นนั้นท่านอาจจะออกนอกเมืองดาลัดได้ เพราะถนนเส้นนี้จะไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข ๒๐
ซุ้มประตูทางขึ้น ดูหินที่มาทำทางแล้วเสือภูเขาอาจจะปั่นขึ้นได้ แต่เสือสำอางค์อย่าง Hybrid ปั่นขึ้นปั่นลง ตรู๊ด ระบมแน่ๆ
อาคารด้านหน้า เดินผ่านได้โดยไม่ต้องถอดรองเท้า
ด้านในถ่ายจากด้านหน้า
ด้านในถ่ายจากด้านหลัง
อาคารด้านหลังที่ประดิษฐานพระพุทธเจ้า จะเข้าอาคารนี้ต้องถอดรองเท้า
จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่พระพุทธเจ้าทั้งสามปาง(มังครับ)ที่แกะสลักจากไม้จันทร์ (Sandal Wood ตาม Rough Guide Vietnam) แต่ที่ป้ายข้างหน้าจะระบุว่าแกะสลักจากไม้ Aloe คิดว่าคงไม่ใช่ว่านหางจระเข้ครับ
เพดาน
อ่านรายละเอียดเองเลยนะครับ เรื่องพระเรื่องเจ้าผมไม่ค่อยมีความรู้ครับ
- oldhippie
- ขาประจำ
- โพสต์: 447
- ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ม.ค. 2012, 15:31
- Tel: นั่งทางในเอาครับ
- team: โดดเดี่ยว
- Bike: เมื่อยละเด้อ
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ขอบคุณครับลุงก้อง รูปที่ถ่ายอย่างที่ลุงก้องแนะนำก็พอมีครับแต่ไม่กล้าเอามาลง เดี๋ยวจะไม่มีใครกล้าเข้ามาอ่านลุงก้อง เขียน:รอติดตามภาค 2 ครับวิธีถ่ายรูปตัวเองจับกล่องยื่นแขนออกไปสุดๆ
กดแซะ จำเขามาอีกทีได้ผลครับ
ด้วยความเต็มใจครับน้อยศรีสะเกษ เขียน:อ่านได้นิดหน่อยเอง แต่ใจผมตามไปตอนไหนม้ายรู้ ฝากดูแลด้วยค๊าบๆพี่ท่าน ชื่นชมขอติดตามด้วยนะ
ค๊าบๆ
เปล่าครับขาไปเอาขึ้นรถไฟแล้วปั่นจากเชียงใหม่ไปจอมทอง ส่วนขากลับขนขึ้น บขส. จอมทอง - กทม. ครับkainamsai เขียน: รอตอนอวสานครับ?...... ไปขึ้นดอยฯเอาเสือสำอางค์ไปป่ะ?จากกรุงเทพเลยป่าว?
.......ทำไมแข็ง แรงจัง? ชักไม่เชื่อตอนเจอสาวๆแล้วไม่คุยนี่แหละ!!!!!!!
เรื่องสาวๆ นี่ เชื่อเต๊อะคร้าบผมเป็นเบาหวานคร้าบ
แพ้กลับมาครับ ตั้งแต่เนินพระธาตุเข็นยาวประมาณ ๖ ก.ม. แล้วไปปั่น ก.ม. สุดท้ายเข้าเส้นชัยครับ ใช้เวลาไป ๗ ช.ม. กว่าๆnatpuwa เขียน:สงกะสัย.................เจ้าของกระดาน..............มัวแต่ไปปั่นขึ้นเขา...................
เป็นอย่างไรบ้างครับ.....
รออ่านสรุปทริปขึ้นดอยอยู่เด้อ........................
- tamee
- ขาประจำ
- โพสต์: 424
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2011, 12:10
- team: อิสระ
- Bike: MERIDA crossway สำหรับทัวร์ริ่ง , Bianchi สำหรับทางเรียบ , mini java สำหรับชิลๆจ่ายกับข้าว
Re: ปั่นคนเดียว เที่ยวเวียดนาม (วงกลม กทม.-ตราด-เขมร-เวียดนาม-ลาว-อุบลฯ-กทม.)
ไปอินทนนท์ เป็นอย่างไรบ้างครับ
ตามชมต่อครับ พักเหนื่อยก่อนได้นะครับ
ตามชมต่อครับ พักเหนื่อยก่อนได้นะครับ
แม้ว่าช้า แต่ถึงชัวร์
ผมคบเพื่อนในโลกแห่งความจริง...
ไม่ใช่คลื้นเคลงในโลกออนไลน์ แต่เดียวดายในชีวิตจริง
(ไม่แกล้งทำเก่ง ไม่แกล้งทำดี แค่บนคีย์บอรด์ เค้าเรียก ตอแหล ...ผมไม่นิยม...)
ผมคบเพื่อนในโลกแห่งความจริง...
ไม่ใช่คลื้นเคลงในโลกออนไลน์ แต่เดียวดายในชีวิตจริง
(ไม่แกล้งทำเก่ง ไม่แกล้งทำดี แค่บนคีย์บอรด์ เค้าเรียก ตอแหล ...ผมไม่นิยม...)