หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
- a lone wolf
- ขาประจำ
- โพสต์: 446
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2010, 01:57
- Bike: kona sutra
หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
หมาป่าเดียวดายคิดว่าตัวเองป่วยเป็นโรคโรคหนึ่ง...โรคกลัวทางลัดในเขตกทม.
หากขับรถยนต์เมื่อใด หมาป่ามักหลีกเลี่ยงการเข้าทางลัดแบบที่มีป้ายสีเขียวของกทม.ติดไว้หน้าปากซอย
กลัวรถติดข้างในซอยแล้วติดแหงกแบบหาทางไปไม่ได้รวมถึงกลับรถไม่ได้ด้วย จะเลือกเส้นทางถนนใหญ่มากกว่า
โรคนี้คงมีคนเป็นไม่ค่อยเยอะ หมาป่าเสิรชหาในลิสต์รายการกลุ่มอาการโรคที่ลงท้ายด้วยคำว่า phobia ไม่เจอน่ะครับ
ครั้นจะคิดชื่อโรคขึ้นเองเพื่อให้เก๋ไปอีกแบบ เปิดดิคละตินที่เป็นคำแปลของคำว่า shortcut เพื่อจะเอามาต่อด้วย phobia คำว่า shortcut ในภาษาละตินก็หาไม่เจออีก
วันจักรีที่ผ่านมา หมาป่าตัดสินใจไม่ขี่ไปนอกเมือง แต่จะไปทริปกรุงเทพแทน
ตั้งเข็มในใจว่าจากบ้านตรงสวนหลวง ร. 9 จะไปตึกไปรษณีย์กลางบางรักที่อยู่บนถนนเจริญกรุง
ไม่เปิดแผนที่ แต่ตั้งใจว่าจะไม่ใช้เส้นทางหลักสุขุมวิทและพระรามสี่ หากจะลัดเลาะไปในซอยไปเรื่อยๆ
หมาป่ามีธรรมเนียมว่าจะเปิดทริปด้วยอาหารเช้าครับ เรียกแรงไว้ก่อน
ขี่จากบ้านเก้าโมงเช้า มาถึงแถวตลาดวัดตะกล่ำ ก็หากะเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อกินครับ
กินเสร็จขี่ออกทางหน้าปากซอยสุขุมวิท 103 วันนี้แดดแจ๋เชียวครับ
ถึงปากซอยอุดมสุข เลี้ยวขวาขึ้นไปเข้าซอยที่เล็งไว้ในใจ ซอยข้างศูนย์ฮอนด้าบางนา
เขาเขียนป้ายไว้หน้าปากซอยว่าเป็นทางลัดไปโรงกลั่นน้ำมันบางจากได้ แต่หมาป่าไม่ไปโรงกลั่นหรอกครับ หมาป่าจะหาทางลัดไปออกทางคลองเตย
ถามทางคนข้างทาง และเกาะป้ายเขียวของ กทม.ไป ซอยนี้ลัดต่อไปสุขุมวิท 62 และเลาะต่อไปถึง สุขุมวิท 50 ที่ท้ายซอยจะไปต่อกับถนนริมทางรถไฟสายเก่า เพื่อไปเชื่อมกับคลองเตย
ขี่จักรยานในซอยลัดช่วงวันหยุดนี้รื่นรมย์นะครับ แทบไม่มีรถยนต์เลย หมาป่าฮัมเพลงยุค 80 พวกของสุชาติ ชวางกูร และของพี่เต๋อไปด้วย
แต่พอหลุดจากท้ายซอยสุขุมวิท 50 ไปเข้าถนนริมทางรถไฟ คราวนี้งานเข้าครับ
ถนนเส้นนี้ตอนกลางคืนเวลาเมาสุราแล้วทิ้งรถยนต์ส่วนตัวนั่งแท๊กซี่กลับบ้านผ่านถนนนี้ หมาป่าไม่ค่อยรู้สึกอะไร
แต่การขี่จักรยานเพื่อมุ่งไปคลองเตย หมาป่าพบว่ารถสิบล้อ รถพ่วงสิบแปดล้ออีกจำนวนมากก็ต่างใช้ถนนมุ่งไปคลองเตยพร้อมๆกับหมาป่า
ถนนมันแคบจนรู้สึกว่ารถเทรลเลอร์นั่นวิ่งผ่านข้างหูหมาป่าไปนิดเดียว ทั้งเสียงทั้งความสั่นสะเทือนมันทำให้รู้สึกว่ารถยาวกว่าที่ควรจะเป็น รถพ่วงยาวเป็นขบวนรถไฟในความรู้สึกล่ะครับ กว่าจะผ่านไปเนี่ยเหมือนนานเป็นกัปกัลป์ และหลายกัปหลายกัลป์ด้วยเพราะรถมันมีหลายคัน
หมาป่าบอกตัวเองว่า อย่ากลัว ทรงตัวนิ่งๆไว้
จนพ้นไปออกถนนกว้างๆแถวท่าเรือนั่นแหละครับค่อยโล่งอกหน่อย เข็ดครับ คราวหน้าไม่เอาแล้วถนนสายนี้
หมาป่าขี่เดาๆจนไปออกตรงแยกหน้ากรมศุลกากร และมุ่งขึ้นไปทางห้าแยก ณ ระนอง ขี่ไปเลี้ยวซ้ายเข้าพระรามสี่ตรงแยกคลองเตย แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทร
บนสาทรนี้มีทางจักรยานให้ด้วยครับ
อ่านในฟอรัม "กรุงเทพฯเมืองจักรยาน" ในเฟซบุ๊กก็มีการบ่นกันเยอะเหมือนกันว่าหมุดสะท้อนแสงแบบเป็นแก้วบนแนวเส้นมันอันตราย
ถ้าขี่ทับมุมไม่ดีหรือถนนลื่นๆก็แฉลบล้มได้ง่ายๆ
ออกจะเห็นจริงครับ บางช่วงหมาป่าขี่เบี่ยงหลบรถที่หยุดข้างทาง เผลอทับหมุดก็ตัวเอียงเป๋เหมือนกัน ถ้าฝนตกคงแย่ (คนขี่จักรยานนี่ขี้บ่นนะครับ)
หมาป่าขี่ตามสาทรไปทางสะพานตากสิน จะมุ่งไปลอดใต้เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง
ตรงช่วงสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ หมาป่าเห็นโรงพยาบาลของโรงงานยาสูบปิดร้างเลยแวะถ่ายรูปและหาลูกชิ้นทอดกิน
พอเลี้ยวเข้าเจริญกรุง ผ่านหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญคิดว่าคงมีพี่ๆเพื่อนๆน้องๆเสือเป็นศิษย์เก่าหลายคนอยู่
ซอยด้านข้างโรงเรียนอัสสัมชัญคอลเลจมีป้ายบอกว่ามีโบสถ์อัสสัมชัญอยู่ด้านใน
และข้างรั้วโรงเรียนในซอย มีรูปปูนปั้นน่าสนใจ เป็นคติพจน์ของโรงเรียน Labor Omnia Vincit เป็นภาษาละติน
มีคำแปลภาษาอังกฤษไว้ด้วยว่า Labor Conquers All Things
เสือศิษย์เก่าอัสสัมชัญคงพอจำได้ว่าภาษาไทยนั้นแปลว่าอะไร (หมาป่าไม่กล้าแปลครับ กลัวไม่สวยงาม)
ปูนปั้นนี้มีรายละเอียดที่ผมเดาว่าน่าจะใช้ภาพลักษณ์ของคนจริงมาเป็นแบบปั้นน่ะครับ
สมัยเด็กๆหมาป่ามีลูกพี่ลูกน้องเป็นพี่ชายที่น่าจะเรียนอัสสัมฯ พี่เขาจะส่งหนังสือมาให้อ่านเป็นแนววารสาร
ชื่อว่า “วีรธรรม” ครับ เป็นหนังสือของโรงเรียนอัสสัมฯ ลงการ์ตูน ลงเรื่องแปล
จำได้ว่ามีการ์ตูนเรื่อง แต๋ง แต๋ง (Tin Tin) และเรื่องแปลเกี่ยวกับนายพรานในทุ่งซาฟารีของอาฟริกาชื่อเรื่องประมาณว่า เสน่งนายพราน
หมาป่าจำได้เลาๆ เพราะไม่เหลือหนังสืออยู่ในมือเลย ชอบอ่านมาก และจำชื่อบาทหลวงรูปหนึ่งได้ดี ท่านเป็นปูชนียบุคคลของชาวอัสสัมชัญคอลเลจ เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ ท่านแต่งตำราแบบเรียนภาษาไทยเอาไว้ด้วย ชื่อดรุณศึกษา คนรุ่นหมาป่าที่เรียนโรงเรียนในเครือคาทอลิคคงเคยผ่านตา
รูปปูนปั้นรูปนี้เดาว่าเป็นท่านนะครับ เพราะแว่นกับเคราท่านดูคุ้นๆ
นี้เป็นตึกอนุสรณ์ ฟ.ฮีแลร์ หมาป่าถ่ายลอดรั้วเหล็กเอา
ส่วนบาทหลวงท่านอื่นหมาป่าไม่รู้จักครับ เสืออัสสัมฯรุ่นเก่าๆน่าจะพอจำกันได้
จากโรงเรียนอัสสัมชัญคอลเลจ หมาป่าขี่ด๊อกแด๊กเข้าไปชมโบสถ์
แต่ว่าก็ได้แต่จอดรถชมอยู่ด้านนอก ด้วยว่านุ่งกางเกงขาสั้นปั่นจักรยานมา
หน้าโบสถ์เขาติดป้ายว่า ห้ามกางเกงขาสั้น สายเดี่ยว กล้องถ่ายรูป และเปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อเป็นการเคารพต่อศาสนสถาน หมาป่าเข้าใจดีครับ และยินดีปฏิบัติตาม
หมาป่าเลยถ่ายรูปด้านนอกมาเท่านั้น
หน้าโบสถ์มีรูปปั้นนักบุญปีเตอร์ พระสันตปาปาองค์แรกอยู่ด้านซ้ายมือ
ส่วนขวามือรูปนี้เป็นรูปพระสันตปาปาองค์ก่อน โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 รูปนี้ปั้นเป็นที่ระลึกในการเสด็จเยือนประเทศไทยครบรอบ 25 ปี ท่านมาเยือนเมืองไทยเมื่อปี 1984 ครับ
รอบๆโบสถ์จะเป็นกลุ่มโรงเรียนในเครืออัสสัมชัญ มีทั้งอัสสัมชัญคอลเลจ อัสสัมชัญคอนแวนต์ และอัสสัมชัญศึกษา
การศึกษาเป็นสิ่งที่ดียิ่งครับ หมาป่าเห็นด้วยกับคติพจน์นี้
จากโบสถ์อัสสัมฯ หมาป่าขี่เลาะตามซอยข้างโรงแรมโอเรียนเต็ล มาโผล่ตรงซอยสถานทูตฝรั่งเศส ประตูนี้อยู่ด้านหลังตึกหลักของสถานทูต
ส่วนตัวตึกหันหน้าออกแม่น้ำ สมัยที่เรือรบฝรั่งเศสแล่นทะลวงผ่านการต้านทานของไทยที่ป้อมพระจุลฯเมื่อ รศ. 112 ก็ผ่านแม่น้ำนำเรือเข้ามาจอดหน้าสถานทูตตรงนี้แหละครับ
เลยด้านข้างสถานทูตเข้าไปจะมีสถานีดับเพลิงบางรัก และหน่วยตำรวจน้ำ
ตั้งอยู่ในตึกโบราณที่เรียกว่า โรงภาษี (ศุลกสถาน) เมื่อก่อนโรงภาษีนี้จะตรวจเรือสินค้าที่เข้ามาค้าขายในพระราชอาณาจักร พร้อมชักหักภาษีร้อยละสาม เรียกว่าร้อยชักสาม แต่ไหงตอนหลังตึกมาอยู่กับกรมตำรวจได้ก็ไม่รู้นะครับ
ปัจจุบันตำรวจดับเพลิงได้ยกหน่วยงานดับเพลิงให้ กทม. ครอบครัวพนักงานดับเพลิงก็อาศัยอยู่ในตึกเก่าหลังนี้ล่ะครับ
หมาป่าว่าจะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือกทม. ก็น่าที่จะหาที่อยู่ให้พนักงานดับเพลิงได้ดีกว่านี้นะครับ ครอบครัวอาศัยในที่เก่าทรุดโทรมแบบนี้มันแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารไม่ได้ใส่ใจสภาพความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาเลย ประเทศนี้มีเงินสร้างทางด่วน สร้างถนนสิบสองเลนเต็มไปหมด แต่ต้องให้ข้าราชการมาอาศัยแออัดแบบนี้นี่หมาป่าว่ามีอะไรเพี้ยนๆอยู่มาก
ไม่รู้ว่าสถาปนิกที่สร้างตึกปิโตรนาสในกัวลาลัมเปอร์ได้ไอเดียสะพานเชื่อมตึกทั้งสองมาจากโรงภาษีฯของไทยหรือเปล่านะครับ
ละแวกเดียวกันออกมาจากตึกโรงภาษี มีชุมชนชาวมุสลิมที่มีมัสยิดตั้งอยู่ ใกล้ๆกันก็มีวัดพุทธชื่อวัดม่วงแค
ตรงตรอกเล็กๆนี่มีกุโบร์ (สุสาน)ของพี่น้องในชุมชนอยู่ เขียวร่มรื่นมากครับ แต่หมาป่าไม่กล้าที่จะถ่ายภาพมา ด้วยไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่
ตรงทางสามแพร่งมีต้นโพธิ์เก่าๆที่ตั้งศาลบวงสรวง มีคนเอาภาพทางศาสนาจากบ้านมาทิ้งไว้ตรงโคนต้นโพธิ์ อันนี้คงศาสนาฮินดู
บ่ายกว่าแล้ว หิวครับ กินกะเตี๋ยวเนื้ออีกแล้ว อยู่ปากซอยวัดม่วงแคเลยครับ ร้านนี้มีของอร่อยคือ “ผ้าขี้ริ้ว” ครับ เคี้ยวกรุบกรอบหอมดี อันที่สีขาวๆน่ะครับ หมาป่ากินสองชามกับโอวเลี้ยงอีกแก้ว
กินเสร็จ แวะไปท่าน้ำวัดม่วงแคครับ หมาวัดเห่ากันขรม ต้องลงเดินจูงเพราะกลัวเขี้ยวครับ
จากซอยวัดม่วงแคก็มาถึงตึกไปรษณีย์กลางล่ะครับ
ตึกทำนองนี้จะก่อสร้างในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่นาน หมาป่าออกจะมีความชมชอบสถาปัตยกรรมแบบนี้มากเป็นพิเศษครับ มันดูเรียบง่ายดี ไม่รุงรัง เวลาเห็นตึกริมถนนราชดำเนิน ตึกศาลอาญา ตึกไปรษณีย์กลาง ตึกพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่อยุธยา หรือตึกโรงเรียนเซนต์ดอมินิกที่ตรงเพชรบุรี หมาป่าช๊อบชอบครับ ใช้หินกรวดฉาบเป็นผนัง เรียบ งาม
ด้านหลังตึกไปรษณีย์กลาง เป็นที่ตั้งสำนักงานของ กสท. ตึกหรู ทันสมัยครับ แต่ตึกด้านหน้าจับใจหมาป่ามากกว่าจริงๆแหละ
ออกจากไปรษณีย์กลาง หมาป่าก็ขี่เข้าเจริญกรุงต่อไปทางสี่พระยา แล้วลัดเข้าหมู่ตรอกเลียบแม่น้ำที่มีร้านขายอะไหล่รถยนต์เครื่องยนต์เก่าเยอะๆน่ะครับ ไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ตื่นตาตื่นใจเด็กโตชานเมืองมาก แง่มุมแบบนี้ขับรถยนต์แล้วไม่ค่อยได้เห็นครับ ขี่จักรยานซอกซอนไปได้ทั่วเลย
ขี่ไปขี่มาก็มาเจอวัดปทุมคงคาครับ วัดนี้สมัยก่อนเขาใช้เป็นท่าถ่วงน้ำ “ช้างเผือก” ที่ล้มน่ะครับ ห่อศพช้างด้วยผ้าขาวแล้วถ่วงน้ำหน้าวัด
มีเมรุที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ดูจากสถาปัตยกรรม หมาป่าชักสงสัยว่าสร้างสมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆด้วยอีกหรือเปล่าหนอ เพราะมีการลดดีเทลการตกแต่ง เก็บไว้แต่ฟอร์มหลักๆ
ข้างวัดปทุมมีป้ายบอกประวัติอาคารป๋วยเสวนาคาร เพื่อจัดกิจกรรมด้านวิชาการ ด้านความคิดของลูกศิษย์ลูกหาครับ
นี่ตัวอาคารป๋วยเสวนาคารครับ ที่ปิดประตูเหล็กยืดเอาไว้น่ะครับ
ขี่ไปเรื่อยก็ไปเจอวัดสัมพันธวงศ์ โอ้วพระอุโบสถใหญ่โตมากจริงๆ ใหญ่อย่างกับตึกของหมู่พระที่นั่งในพระบรมมหาราชวังเลย คงเป็นเพราะได้เงินทำบุญจากพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนแถบเยาวราชสำเพ็งนะครับ ใครๆก็คงอยากทำนุบำรุงวัดใกล้บ้าน
ขี่หลุดเข้าถนนเยาวราชครับ หมาป่ารู้สึกว่าโชคดีที่หัดขี่จักรยานไปกลับบ้านที่ทำงานบนถนนสุขุมวิท มันเป็นการฝึกทักษะขี่ในเมืองที่ดีมาก ทำให้ไปไหนก็ได้ในกรุงเทพน่ะครับ เยาวราชรถเยอะเราก็ยังขี่เลาะเข้าไปได้
จากเยาวราช หมาป่าขี่เลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางสะพานพระปกเกล้า และสะพานพุทธ
ถึงอู่รถเมล์สาย 8 ซิ่งนรกหมวยยกล้ออันดับหนึ่งของพระมหานครกรุงเทพ ต้องขอถ่ายเป็นที่ระลึกไว้หน่อย โพลล์ซิ่งนรกเนี่ย สำรวจความคิดกี่ที สาย 8 ชนะครองแชมป์เสมอ ส่วนสาย 38 แถวบ้านหมาป่าที่สุขุมวิท 103 มักตามมาห่างๆเป็นอันดับสอง
ขี่ผ่านตลาดปากคลองมาที่ปากคลองจริงๆ คลองคูพระนครเดิมครับ คลองนี้ต่อจากแม่น้ำเจ้าพระยาให้น้ำไหลเข้าไป เป็นเส้นที่คนชอบเรียกว่าคลองหลอด มีต้นขนุน และมีผีขนุน (แต่เขาว่าคลองหลอดจริงๆไม่ใช่สายนี้นะครับ คนเรียกกันผิดความจริงจนติดปากกัน กทม.เลยติดป้ายเรียกว่า คลองคูพระนครเดิม)
จากจุดนี้หมาป่าเริ่มเหนื่อยและอยากกลับบ้านแล้วครับ ตอนนี้สี่โมงเย็น เจอพิษแดดไปก็เพลียพอควร
ขี่กลับไปทางวังบูรพา เลี้ยวเข้าเจริญกรุง แต่ตัดสินใจไม่ต่อไปทางวัดเล่งเน่ยยี่เพราะรถเยอะมากครับ ติดเป็นแพ รถเมล์ รถเก๋งแน่นไปหมด หาที่แทรกยากจริงๆ เลยมั่วเลี้ยวซ้ายขึ้นไป เขาเขียนว่าแม้นศรี แล้วหมาป่าก็มั่วเลี้ยวขวาอีกทีมาทางกรุงเกษม ขี่ไปเรื่อยไปเจอแยกตรงโรงพยาบาลหัวเฉียว ตัดขวาไปทางหัวลำโพง แล้วขี่ไปเรื่อยเปื่อยจนไปอยู่แถวสามย่าน มุ่งขึ้นมาทางสวนลุม
ตรงแยกสวนลุมพอเลยผ่านอนุสาวรีย์ ร.6 มาแล้วและเลาะข้างรั้วสวนลุม ให้ระวังแนวท่อระบายน้ำใหญ่นะครับ มันมีต่อกันเป็นแนวยาวสักยี่สิบเมตรเห็นจะได้ บางช่วงเป็นตะแกรงที่ขนานกับผิวจราจร พื้นที่ของตะแกรงเหล็กใหญ่มาก ขี่ทับก็ตกร่อง เบี่ยงแนวท่อออกมาต้องระวังรถหลังให้ดีครับ
ขี่ขึ้นตามพระรามสี่ เลี้ยวซ้ายเข้าสุขุมวิทตรงพระโขนง และตรงขึ้นไปสุขุมวิท 103 ทางกลับบ้านประจำ คราวนี้ไม่เข้าทางลัดแล้วครับ
ตีตรงไปกินข้าวมันไก่เรียกแรงอีกรอบ แถวปากซอย 103 นั่งคุยกับเฮียขายข้าวมันไก่ แกก็ขี่จักรยานเหมือนกันคุยกันเพลิ๊น
ถึงบ้านปิดทริป ได้ระยะทาง 60 กม. แต่ความที่เจอแดด เจอการจราจรเนี่ยเหนื่อยกว่าทริปที่ไปตลาดคลองสวน 74 กม. เยอะเลยครับ เหนื่อยเหมือนขี่ทางไกลสักร้อยกิโลเห็นจะได้
แล้วจะกลับมาสรุปทริปหน้าให้อ่านอีกนะครับ ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
หากขับรถยนต์เมื่อใด หมาป่ามักหลีกเลี่ยงการเข้าทางลัดแบบที่มีป้ายสีเขียวของกทม.ติดไว้หน้าปากซอย
กลัวรถติดข้างในซอยแล้วติดแหงกแบบหาทางไปไม่ได้รวมถึงกลับรถไม่ได้ด้วย จะเลือกเส้นทางถนนใหญ่มากกว่า
โรคนี้คงมีคนเป็นไม่ค่อยเยอะ หมาป่าเสิรชหาในลิสต์รายการกลุ่มอาการโรคที่ลงท้ายด้วยคำว่า phobia ไม่เจอน่ะครับ
ครั้นจะคิดชื่อโรคขึ้นเองเพื่อให้เก๋ไปอีกแบบ เปิดดิคละตินที่เป็นคำแปลของคำว่า shortcut เพื่อจะเอามาต่อด้วย phobia คำว่า shortcut ในภาษาละตินก็หาไม่เจออีก
วันจักรีที่ผ่านมา หมาป่าตัดสินใจไม่ขี่ไปนอกเมือง แต่จะไปทริปกรุงเทพแทน
ตั้งเข็มในใจว่าจากบ้านตรงสวนหลวง ร. 9 จะไปตึกไปรษณีย์กลางบางรักที่อยู่บนถนนเจริญกรุง
ไม่เปิดแผนที่ แต่ตั้งใจว่าจะไม่ใช้เส้นทางหลักสุขุมวิทและพระรามสี่ หากจะลัดเลาะไปในซอยไปเรื่อยๆ
หมาป่ามีธรรมเนียมว่าจะเปิดทริปด้วยอาหารเช้าครับ เรียกแรงไว้ก่อน
ขี่จากบ้านเก้าโมงเช้า มาถึงแถวตลาดวัดตะกล่ำ ก็หากะเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อกินครับ
กินเสร็จขี่ออกทางหน้าปากซอยสุขุมวิท 103 วันนี้แดดแจ๋เชียวครับ
ถึงปากซอยอุดมสุข เลี้ยวขวาขึ้นไปเข้าซอยที่เล็งไว้ในใจ ซอยข้างศูนย์ฮอนด้าบางนา
เขาเขียนป้ายไว้หน้าปากซอยว่าเป็นทางลัดไปโรงกลั่นน้ำมันบางจากได้ แต่หมาป่าไม่ไปโรงกลั่นหรอกครับ หมาป่าจะหาทางลัดไปออกทางคลองเตย
ถามทางคนข้างทาง และเกาะป้ายเขียวของ กทม.ไป ซอยนี้ลัดต่อไปสุขุมวิท 62 และเลาะต่อไปถึง สุขุมวิท 50 ที่ท้ายซอยจะไปต่อกับถนนริมทางรถไฟสายเก่า เพื่อไปเชื่อมกับคลองเตย
ขี่จักรยานในซอยลัดช่วงวันหยุดนี้รื่นรมย์นะครับ แทบไม่มีรถยนต์เลย หมาป่าฮัมเพลงยุค 80 พวกของสุชาติ ชวางกูร และของพี่เต๋อไปด้วย
แต่พอหลุดจากท้ายซอยสุขุมวิท 50 ไปเข้าถนนริมทางรถไฟ คราวนี้งานเข้าครับ
ถนนเส้นนี้ตอนกลางคืนเวลาเมาสุราแล้วทิ้งรถยนต์ส่วนตัวนั่งแท๊กซี่กลับบ้านผ่านถนนนี้ หมาป่าไม่ค่อยรู้สึกอะไร
แต่การขี่จักรยานเพื่อมุ่งไปคลองเตย หมาป่าพบว่ารถสิบล้อ รถพ่วงสิบแปดล้ออีกจำนวนมากก็ต่างใช้ถนนมุ่งไปคลองเตยพร้อมๆกับหมาป่า
ถนนมันแคบจนรู้สึกว่ารถเทรลเลอร์นั่นวิ่งผ่านข้างหูหมาป่าไปนิดเดียว ทั้งเสียงทั้งความสั่นสะเทือนมันทำให้รู้สึกว่ารถยาวกว่าที่ควรจะเป็น รถพ่วงยาวเป็นขบวนรถไฟในความรู้สึกล่ะครับ กว่าจะผ่านไปเนี่ยเหมือนนานเป็นกัปกัลป์ และหลายกัปหลายกัลป์ด้วยเพราะรถมันมีหลายคัน
หมาป่าบอกตัวเองว่า อย่ากลัว ทรงตัวนิ่งๆไว้
จนพ้นไปออกถนนกว้างๆแถวท่าเรือนั่นแหละครับค่อยโล่งอกหน่อย เข็ดครับ คราวหน้าไม่เอาแล้วถนนสายนี้
หมาป่าขี่เดาๆจนไปออกตรงแยกหน้ากรมศุลกากร และมุ่งขึ้นไปทางห้าแยก ณ ระนอง ขี่ไปเลี้ยวซ้ายเข้าพระรามสี่ตรงแยกคลองเตย แล้วไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาทร
บนสาทรนี้มีทางจักรยานให้ด้วยครับ
อ่านในฟอรัม "กรุงเทพฯเมืองจักรยาน" ในเฟซบุ๊กก็มีการบ่นกันเยอะเหมือนกันว่าหมุดสะท้อนแสงแบบเป็นแก้วบนแนวเส้นมันอันตราย
ถ้าขี่ทับมุมไม่ดีหรือถนนลื่นๆก็แฉลบล้มได้ง่ายๆ
ออกจะเห็นจริงครับ บางช่วงหมาป่าขี่เบี่ยงหลบรถที่หยุดข้างทาง เผลอทับหมุดก็ตัวเอียงเป๋เหมือนกัน ถ้าฝนตกคงแย่ (คนขี่จักรยานนี่ขี้บ่นนะครับ)
หมาป่าขี่ตามสาทรไปทางสะพานตากสิน จะมุ่งไปลอดใต้เลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญกรุง
ตรงช่วงสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ หมาป่าเห็นโรงพยาบาลของโรงงานยาสูบปิดร้างเลยแวะถ่ายรูปและหาลูกชิ้นทอดกิน
พอเลี้ยวเข้าเจริญกรุง ผ่านหน้าโรงเรียนอัสสัมชัญคิดว่าคงมีพี่ๆเพื่อนๆน้องๆเสือเป็นศิษย์เก่าหลายคนอยู่
ซอยด้านข้างโรงเรียนอัสสัมชัญคอลเลจมีป้ายบอกว่ามีโบสถ์อัสสัมชัญอยู่ด้านใน
และข้างรั้วโรงเรียนในซอย มีรูปปูนปั้นน่าสนใจ เป็นคติพจน์ของโรงเรียน Labor Omnia Vincit เป็นภาษาละติน
มีคำแปลภาษาอังกฤษไว้ด้วยว่า Labor Conquers All Things
เสือศิษย์เก่าอัสสัมชัญคงพอจำได้ว่าภาษาไทยนั้นแปลว่าอะไร (หมาป่าไม่กล้าแปลครับ กลัวไม่สวยงาม)
ปูนปั้นนี้มีรายละเอียดที่ผมเดาว่าน่าจะใช้ภาพลักษณ์ของคนจริงมาเป็นแบบปั้นน่ะครับ
สมัยเด็กๆหมาป่ามีลูกพี่ลูกน้องเป็นพี่ชายที่น่าจะเรียนอัสสัมฯ พี่เขาจะส่งหนังสือมาให้อ่านเป็นแนววารสาร
ชื่อว่า “วีรธรรม” ครับ เป็นหนังสือของโรงเรียนอัสสัมฯ ลงการ์ตูน ลงเรื่องแปล
จำได้ว่ามีการ์ตูนเรื่อง แต๋ง แต๋ง (Tin Tin) และเรื่องแปลเกี่ยวกับนายพรานในทุ่งซาฟารีของอาฟริกาชื่อเรื่องประมาณว่า เสน่งนายพราน
หมาป่าจำได้เลาๆ เพราะไม่เหลือหนังสืออยู่ในมือเลย ชอบอ่านมาก และจำชื่อบาทหลวงรูปหนึ่งได้ดี ท่านเป็นปูชนียบุคคลของชาวอัสสัมชัญคอลเลจ เจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์ ท่านแต่งตำราแบบเรียนภาษาไทยเอาไว้ด้วย ชื่อดรุณศึกษา คนรุ่นหมาป่าที่เรียนโรงเรียนในเครือคาทอลิคคงเคยผ่านตา
รูปปูนปั้นรูปนี้เดาว่าเป็นท่านนะครับ เพราะแว่นกับเคราท่านดูคุ้นๆ
นี้เป็นตึกอนุสรณ์ ฟ.ฮีแลร์ หมาป่าถ่ายลอดรั้วเหล็กเอา
ส่วนบาทหลวงท่านอื่นหมาป่าไม่รู้จักครับ เสืออัสสัมฯรุ่นเก่าๆน่าจะพอจำกันได้
จากโรงเรียนอัสสัมชัญคอลเลจ หมาป่าขี่ด๊อกแด๊กเข้าไปชมโบสถ์
แต่ว่าก็ได้แต่จอดรถชมอยู่ด้านนอก ด้วยว่านุ่งกางเกงขาสั้นปั่นจักรยานมา
หน้าโบสถ์เขาติดป้ายว่า ห้ามกางเกงขาสั้น สายเดี่ยว กล้องถ่ายรูป และเปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อเป็นการเคารพต่อศาสนสถาน หมาป่าเข้าใจดีครับ และยินดีปฏิบัติตาม
หมาป่าเลยถ่ายรูปด้านนอกมาเท่านั้น
หน้าโบสถ์มีรูปปั้นนักบุญปีเตอร์ พระสันตปาปาองค์แรกอยู่ด้านซ้ายมือ
ส่วนขวามือรูปนี้เป็นรูปพระสันตปาปาองค์ก่อน โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 รูปนี้ปั้นเป็นที่ระลึกในการเสด็จเยือนประเทศไทยครบรอบ 25 ปี ท่านมาเยือนเมืองไทยเมื่อปี 1984 ครับ
รอบๆโบสถ์จะเป็นกลุ่มโรงเรียนในเครืออัสสัมชัญ มีทั้งอัสสัมชัญคอลเลจ อัสสัมชัญคอนแวนต์ และอัสสัมชัญศึกษา
การศึกษาเป็นสิ่งที่ดียิ่งครับ หมาป่าเห็นด้วยกับคติพจน์นี้
จากโบสถ์อัสสัมฯ หมาป่าขี่เลาะตามซอยข้างโรงแรมโอเรียนเต็ล มาโผล่ตรงซอยสถานทูตฝรั่งเศส ประตูนี้อยู่ด้านหลังตึกหลักของสถานทูต
ส่วนตัวตึกหันหน้าออกแม่น้ำ สมัยที่เรือรบฝรั่งเศสแล่นทะลวงผ่านการต้านทานของไทยที่ป้อมพระจุลฯเมื่อ รศ. 112 ก็ผ่านแม่น้ำนำเรือเข้ามาจอดหน้าสถานทูตตรงนี้แหละครับ
เลยด้านข้างสถานทูตเข้าไปจะมีสถานีดับเพลิงบางรัก และหน่วยตำรวจน้ำ
ตั้งอยู่ในตึกโบราณที่เรียกว่า โรงภาษี (ศุลกสถาน) เมื่อก่อนโรงภาษีนี้จะตรวจเรือสินค้าที่เข้ามาค้าขายในพระราชอาณาจักร พร้อมชักหักภาษีร้อยละสาม เรียกว่าร้อยชักสาม แต่ไหงตอนหลังตึกมาอยู่กับกรมตำรวจได้ก็ไม่รู้นะครับ
ปัจจุบันตำรวจดับเพลิงได้ยกหน่วยงานดับเพลิงให้ กทม. ครอบครัวพนักงานดับเพลิงก็อาศัยอยู่ในตึกเก่าหลังนี้ล่ะครับ
หมาป่าว่าจะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือกทม. ก็น่าที่จะหาที่อยู่ให้พนักงานดับเพลิงได้ดีกว่านี้นะครับ ครอบครัวอาศัยในที่เก่าทรุดโทรมแบบนี้มันแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารไม่ได้ใส่ใจสภาพความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาเลย ประเทศนี้มีเงินสร้างทางด่วน สร้างถนนสิบสองเลนเต็มไปหมด แต่ต้องให้ข้าราชการมาอาศัยแออัดแบบนี้นี่หมาป่าว่ามีอะไรเพี้ยนๆอยู่มาก
ไม่รู้ว่าสถาปนิกที่สร้างตึกปิโตรนาสในกัวลาลัมเปอร์ได้ไอเดียสะพานเชื่อมตึกทั้งสองมาจากโรงภาษีฯของไทยหรือเปล่านะครับ
ละแวกเดียวกันออกมาจากตึกโรงภาษี มีชุมชนชาวมุสลิมที่มีมัสยิดตั้งอยู่ ใกล้ๆกันก็มีวัดพุทธชื่อวัดม่วงแค
ตรงตรอกเล็กๆนี่มีกุโบร์ (สุสาน)ของพี่น้องในชุมชนอยู่ เขียวร่มรื่นมากครับ แต่หมาป่าไม่กล้าที่จะถ่ายภาพมา ด้วยไม่แน่ใจว่าจะเหมาะสมหรือไม่
ตรงทางสามแพร่งมีต้นโพธิ์เก่าๆที่ตั้งศาลบวงสรวง มีคนเอาภาพทางศาสนาจากบ้านมาทิ้งไว้ตรงโคนต้นโพธิ์ อันนี้คงศาสนาฮินดู
บ่ายกว่าแล้ว หิวครับ กินกะเตี๋ยวเนื้ออีกแล้ว อยู่ปากซอยวัดม่วงแคเลยครับ ร้านนี้มีของอร่อยคือ “ผ้าขี้ริ้ว” ครับ เคี้ยวกรุบกรอบหอมดี อันที่สีขาวๆน่ะครับ หมาป่ากินสองชามกับโอวเลี้ยงอีกแก้ว
กินเสร็จ แวะไปท่าน้ำวัดม่วงแคครับ หมาวัดเห่ากันขรม ต้องลงเดินจูงเพราะกลัวเขี้ยวครับ
จากซอยวัดม่วงแคก็มาถึงตึกไปรษณีย์กลางล่ะครับ
ตึกทำนองนี้จะก่อสร้างในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่นาน หมาป่าออกจะมีความชมชอบสถาปัตยกรรมแบบนี้มากเป็นพิเศษครับ มันดูเรียบง่ายดี ไม่รุงรัง เวลาเห็นตึกริมถนนราชดำเนิน ตึกศาลอาญา ตึกไปรษณีย์กลาง ตึกพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่อยุธยา หรือตึกโรงเรียนเซนต์ดอมินิกที่ตรงเพชรบุรี หมาป่าช๊อบชอบครับ ใช้หินกรวดฉาบเป็นผนัง เรียบ งาม
ด้านหลังตึกไปรษณีย์กลาง เป็นที่ตั้งสำนักงานของ กสท. ตึกหรู ทันสมัยครับ แต่ตึกด้านหน้าจับใจหมาป่ามากกว่าจริงๆแหละ
ออกจากไปรษณีย์กลาง หมาป่าก็ขี่เข้าเจริญกรุงต่อไปทางสี่พระยา แล้วลัดเข้าหมู่ตรอกเลียบแม่น้ำที่มีร้านขายอะไหล่รถยนต์เครื่องยนต์เก่าเยอะๆน่ะครับ ไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ตื่นตาตื่นใจเด็กโตชานเมืองมาก แง่มุมแบบนี้ขับรถยนต์แล้วไม่ค่อยได้เห็นครับ ขี่จักรยานซอกซอนไปได้ทั่วเลย
ขี่ไปขี่มาก็มาเจอวัดปทุมคงคาครับ วัดนี้สมัยก่อนเขาใช้เป็นท่าถ่วงน้ำ “ช้างเผือก” ที่ล้มน่ะครับ ห่อศพช้างด้วยผ้าขาวแล้วถ่วงน้ำหน้าวัด
มีเมรุที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว ดูจากสถาปัตยกรรม หมาป่าชักสงสัยว่าสร้างสมัยหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ๆด้วยอีกหรือเปล่าหนอ เพราะมีการลดดีเทลการตกแต่ง เก็บไว้แต่ฟอร์มหลักๆ
ข้างวัดปทุมมีป้ายบอกประวัติอาคารป๋วยเสวนาคาร เพื่อจัดกิจกรรมด้านวิชาการ ด้านความคิดของลูกศิษย์ลูกหาครับ
นี่ตัวอาคารป๋วยเสวนาคารครับ ที่ปิดประตูเหล็กยืดเอาไว้น่ะครับ
ขี่ไปเรื่อยก็ไปเจอวัดสัมพันธวงศ์ โอ้วพระอุโบสถใหญ่โตมากจริงๆ ใหญ่อย่างกับตึกของหมู่พระที่นั่งในพระบรมมหาราชวังเลย คงเป็นเพราะได้เงินทำบุญจากพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนแถบเยาวราชสำเพ็งนะครับ ใครๆก็คงอยากทำนุบำรุงวัดใกล้บ้าน
ขี่หลุดเข้าถนนเยาวราชครับ หมาป่ารู้สึกว่าโชคดีที่หัดขี่จักรยานไปกลับบ้านที่ทำงานบนถนนสุขุมวิท มันเป็นการฝึกทักษะขี่ในเมืองที่ดีมาก ทำให้ไปไหนก็ได้ในกรุงเทพน่ะครับ เยาวราชรถเยอะเราก็ยังขี่เลาะเข้าไปได้
จากเยาวราช หมาป่าขี่เลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางสะพานพระปกเกล้า และสะพานพุทธ
ถึงอู่รถเมล์สาย 8 ซิ่งนรกหมวยยกล้ออันดับหนึ่งของพระมหานครกรุงเทพ ต้องขอถ่ายเป็นที่ระลึกไว้หน่อย โพลล์ซิ่งนรกเนี่ย สำรวจความคิดกี่ที สาย 8 ชนะครองแชมป์เสมอ ส่วนสาย 38 แถวบ้านหมาป่าที่สุขุมวิท 103 มักตามมาห่างๆเป็นอันดับสอง
ขี่ผ่านตลาดปากคลองมาที่ปากคลองจริงๆ คลองคูพระนครเดิมครับ คลองนี้ต่อจากแม่น้ำเจ้าพระยาให้น้ำไหลเข้าไป เป็นเส้นที่คนชอบเรียกว่าคลองหลอด มีต้นขนุน และมีผีขนุน (แต่เขาว่าคลองหลอดจริงๆไม่ใช่สายนี้นะครับ คนเรียกกันผิดความจริงจนติดปากกัน กทม.เลยติดป้ายเรียกว่า คลองคูพระนครเดิม)
จากจุดนี้หมาป่าเริ่มเหนื่อยและอยากกลับบ้านแล้วครับ ตอนนี้สี่โมงเย็น เจอพิษแดดไปก็เพลียพอควร
ขี่กลับไปทางวังบูรพา เลี้ยวเข้าเจริญกรุง แต่ตัดสินใจไม่ต่อไปทางวัดเล่งเน่ยยี่เพราะรถเยอะมากครับ ติดเป็นแพ รถเมล์ รถเก๋งแน่นไปหมด หาที่แทรกยากจริงๆ เลยมั่วเลี้ยวซ้ายขึ้นไป เขาเขียนว่าแม้นศรี แล้วหมาป่าก็มั่วเลี้ยวขวาอีกทีมาทางกรุงเกษม ขี่ไปเรื่อยไปเจอแยกตรงโรงพยาบาลหัวเฉียว ตัดขวาไปทางหัวลำโพง แล้วขี่ไปเรื่อยเปื่อยจนไปอยู่แถวสามย่าน มุ่งขึ้นมาทางสวนลุม
ตรงแยกสวนลุมพอเลยผ่านอนุสาวรีย์ ร.6 มาแล้วและเลาะข้างรั้วสวนลุม ให้ระวังแนวท่อระบายน้ำใหญ่นะครับ มันมีต่อกันเป็นแนวยาวสักยี่สิบเมตรเห็นจะได้ บางช่วงเป็นตะแกรงที่ขนานกับผิวจราจร พื้นที่ของตะแกรงเหล็กใหญ่มาก ขี่ทับก็ตกร่อง เบี่ยงแนวท่อออกมาต้องระวังรถหลังให้ดีครับ
ขี่ขึ้นตามพระรามสี่ เลี้ยวซ้ายเข้าสุขุมวิทตรงพระโขนง และตรงขึ้นไปสุขุมวิท 103 ทางกลับบ้านประจำ คราวนี้ไม่เข้าทางลัดแล้วครับ
ตีตรงไปกินข้าวมันไก่เรียกแรงอีกรอบ แถวปากซอย 103 นั่งคุยกับเฮียขายข้าวมันไก่ แกก็ขี่จักรยานเหมือนกันคุยกันเพลิ๊น
ถึงบ้านปิดทริป ได้ระยะทาง 60 กม. แต่ความที่เจอแดด เจอการจราจรเนี่ยเหนื่อยกว่าทริปที่ไปตลาดคลองสวน 74 กม. เยอะเลยครับ เหนื่อยเหมือนขี่ทางไกลสักร้อยกิโลเห็นจะได้
แล้วจะกลับมาสรุปทริปหน้าให้อ่านอีกนะครับ ขอบพระคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
แก้ไขล่าสุดโดย a lone wolf เมื่อ 22 เม.ย. 2014, 11:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
It's not the years in your life but the life in your years that counts
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
- nir009
- ขาประจำ
- โพสต์: 459
- ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ค. 2010, 08:45
- Bike: Dahon # Speed falco 2014
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ฝีมือถ่ายขั้นเทพเลยครับ นับถือๆ
แอล เอ็ม เทน = ลีโอเนล เมสซี่
- เสือ Spectrum
- ขาประจำ
- โพสต์: 4450
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 12:58
- Tel: -
- team: 99 City Bike
- Bike: LA Spectrum
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
รูปสวยและเล่าเรื่องได้น่าติดตามเหมือนเดิมครับ
เมื่อพ้นไปจากการ "แพ้" หรือ "ชนะ" เราก็จะได้อยู่ในที่ที่ไม่มี "ความทุกข์ใจ"
- bichun@sanook.com
- ขาประจำ
- โพสต์: 3869
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 13:10
- Tel: 0891480005
- team: ไบชุน
- Bike: nohave
- ติดต่อ:
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
เข้ามาติดตามชม ตลอดครับ
แหม พี่หมาป่าเดียวดายคนบ้านเดียวกัน สุขุมวิท103
แหม พี่หมาป่าเดียวดายคนบ้านเดียวกัน สุขุมวิท103
ไบชุนvsจักยาน
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=376323
โอนเงิน
ไทพานิด 089-2-00062-2 บุญชัย เกาะไพศาล
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=376323
โอนเงิน
ไทพานิด 089-2-00062-2 บุญชัย เกาะไพศาล
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1088
- ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2011, 00:11
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ถ่ายภาพสวยมากครับ บรรยายเรื่องราวได้น่าติดตามมากๆ เมื่อสองวันก่อนผมก็ปั่นเส้นเจริญกรุงผ่านหน้าไปรษณีย์กลางเข้าตลาดน้อย ไปไหว้เจ้าที่ปอเต็กตึ๊ง จากนั้นก็ออกเส้นหน้าวัดตึกไปขึ้นสะพานพุทธแล้ววิ่งเจริญนคร
ขอแชร์เรื่องราวรูปผนังปูนปั้นของโรงเรียนอัสสัมชัญนิดนะครับ เนื่องจากจบจากที่นี่มา รูปที่เห็นนี้ เมื่อก่อนติดอยู่ตรงจั่วเพดานเหนือเวทีห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียน
โดยมีคำขวัญภาษาไทยด้วยว่า
จงตื่นเถิด เปิดตา หาความรู้
ฟังคำครู คำพระเจ้า เฝ้าขยัน
จะอุดม สมบัติ ปัจจุบัน
แต่สวรรค์ ดีกว่า เราอย่าลืม
ซึ่งเป็นคำสอนของนักบวชคริสต์ที่เข้ามาในเมืองไทยในยุคนั้น หนึ่งในนั้นคือผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญคือ ท่าน บราเดอร์กอลมเบต์ และบราเดอร์
ฟอ ฮีแลร์ ซึ่งได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาและทำหน้าที่สอนหนังสือให้เด็กในสมัยนั้น และต่อมาก็ได้จัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย
นั่นก็คือ โรงเรียนอัสสัมชัญ นี่แหละครับ
ต่อมาเมื่อมีการทุบห้องประชุมใหญ่เพื่อทำการสร้างตึกใหม่ รูปปั้นผนังนี้ก็ถูกนำไปเก็บไว้ แต่ผมไม่ได้กลับเข้าไปที่โรงเรียนนานแล้ว ดูในรูป น่าจะเป็น
ทำขึ้นมาใหม่ เพราะรูปปั้นอันเดิมนั้น จะเป็นรูปปั้นผนังลักษณะสองมิติ และถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนในปัจจุบัน ผิดถูกอย่างไรรบกวนท่านที่
ทราบข้อเท็จจริงมาแนะนำด้วยนะครับ
ปล. เสียดายห้องประชุมใหญ่เดิมมากครับ ลักษณะการก่อสร้างเป็นเอกลักษณ์และแสดงถึงความเก่าแก่ของสถาบันได้เป็นอย่างดี
ขอแชร์เรื่องราวรูปผนังปูนปั้นของโรงเรียนอัสสัมชัญนิดนะครับ เนื่องจากจบจากที่นี่มา รูปที่เห็นนี้ เมื่อก่อนติดอยู่ตรงจั่วเพดานเหนือเวทีห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียน
โดยมีคำขวัญภาษาไทยด้วยว่า
จงตื่นเถิด เปิดตา หาความรู้
ฟังคำครู คำพระเจ้า เฝ้าขยัน
จะอุดม สมบัติ ปัจจุบัน
แต่สวรรค์ ดีกว่า เราอย่าลืม
ซึ่งเป็นคำสอนของนักบวชคริสต์ที่เข้ามาในเมืองไทยในยุคนั้น หนึ่งในนั้นคือผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนอัสสัมชัญคือ ท่าน บราเดอร์กอลมเบต์ และบราเดอร์
ฟอ ฮีแลร์ ซึ่งได้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาและทำหน้าที่สอนหนังสือให้เด็กในสมัยนั้น และต่อมาก็ได้จัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย
นั่นก็คือ โรงเรียนอัสสัมชัญ นี่แหละครับ
ต่อมาเมื่อมีการทุบห้องประชุมใหญ่เพื่อทำการสร้างตึกใหม่ รูปปั้นผนังนี้ก็ถูกนำไปเก็บไว้ แต่ผมไม่ได้กลับเข้าไปที่โรงเรียนนานแล้ว ดูในรูป น่าจะเป็น
ทำขึ้นมาใหม่ เพราะรูปปั้นอันเดิมนั้น จะเป็นรูปปั้นผนังลักษณะสองมิติ และถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของโรงเรียนในปัจจุบัน ผิดถูกอย่างไรรบกวนท่านที่
ทราบข้อเท็จจริงมาแนะนำด้วยนะครับ
ปล. เสียดายห้องประชุมใหญ่เดิมมากครับ ลักษณะการก่อสร้างเป็นเอกลักษณ์และแสดงถึงความเก่าแก่ของสถาบันได้เป็นอย่างดี
- นู๋เล็ก
- ขาประจำ
- โพสต์: 1003
- ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2011, 00:14
- Tel: 0880917500
- team: -
- Bike: SURLY,NOBEL STAR
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ถ่ายภาพได้สวย บรรยายภาพก็ดี ปั่นเที่ยวก็เก่ง เยี่ยมครับ
คนเกษียณ..เขียนให้อ่าน.....สว.มือใหม่หัวใจบอลลูน..
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=53&t=322520
คนเกษียณ....เขียนให้อ่าน (2) ... ซ้อมปั่นเขาเขียว....เดี๋ยวเดียวก็ถึง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=344145
http://thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=53&t=322520
คนเกษียณ....เขียนให้อ่าน (2) ... ซ้อมปั่นเขาเขียว....เดี๋ยวเดียวก็ถึง
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic. ... 6&t=344145
- a lone wolf
- ขาประจำ
- โพสต์: 446
- ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2010, 01:57
- Bike: kona sutra
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ขอบคุณทุกความเห็นครับ หมาป่าดีใจที่ชอบเรื่องและรูปของทริปนะครับ
ตอบคุณ nuitsm ...ใช่ครับภาพนี้เป็นปูนปั้นใหม่ ถ่ายชื่อศิลปินช่างปั้นและวันที่เซ็นชื่อมาให้ด้วยครับ
It's not the years in your life but the life in your years that counts
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
หมาป่าเดียวดาย สวนหลวงร.9 - พระธาตุดอยสุเทพ
หมาป่าเดียวดายกับ "ความไม่รู้" เรื่องเขาใหญ่
- @..tik..@
- ขาประจำ
- โพสต์: 234
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2010, 10:21
- Tel: 0852347948
- Bike: GIANT XTC FR
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ตั้งใจมากเลยรูปดีสวยครับ
- kobfujar
- ขาประจำ
- โพสต์: 3594
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 11:41
- Bike: Bridgestone DiamondRock ชมพู-ดำ(เก่าๆ)
- ตำแหน่ง: ถ.ประชาชื่น ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
เรียกว่า กรุงเทพฯ ก็มีที่น่าไปปั่นเที่ยว ศึกษาหาความรู้มากมาย
- ton-pongphun
- ขาประจำ
- โพสต์: 217
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2009, 21:52
- Tel: 081-403-6672
- team: ปั่นกับคุณภรรยา..ครับ...
- Bike: Rocky Mountain Vertex 10
- ติดต่อ:
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้ครับ สำหรับภาพถ่ายและประสบการณ์ดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ผมติดตามอ่านแล้วสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองว่า วันหนึ่งจะต้องหาโอกาสปั่นเข้าเมือง เพื่อหาประสบการณ์ในยามกลางวันบ้าง หลังจากเพิ่งชวนเพื่อนๆ รวมสามคน ปั่นจาก ถ.เทพารักษ์ ไปเที่ยวเยาวราช เสาชิงช้า พระบรมมหาราชวัง และพระบรมรูปทรงม้า กันมา เมื่อค่ำคืนวันศุกร์ที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมาครับ...
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1227
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0875897608
- team: ไปเรื่อยๆ
- Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
- ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
- ติดต่อ:
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ตึกดับเพลิงเก่า จริงๆ ผมว่าเป็นจุดที่น่าสนใจนะถ้าพัฒนาดีๆ หลายปีมาแล้วทำงานแถวๆ นั้นชอบไปนั่งกินเหล้าริมแม่น้ำ ช่วงนั้นมีหน่วยงานมาพัฒนาประชาสัมพันเป็นวัตถุโบราณ ฝรั่งคนไทยผ่านไปดูกันเยอะ แต่หลังๆ ปล่อยให้ครอบครัวพนักงานเข้าไปอาศัย เก็บของ ตากผ้าถุงตากกางเกงในกันโต้เตงเลย ปล่อยทิ้งร้างไป พอมีหนังมาถ่ายทำทีก็แต่งหน้าทาปากกันที แต่อีกไม่นานกำลังจะแปลงเป็นโรงแรมหรู ใครชอบแนวนี้ก็ไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระรึกกันได้นะ จะบอกให้ สวยมากถ้าหลบราวตากผ้าได้
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
- rojpan
- ขาประจำ
- โพสต์: 3515
- ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ส.ค. 2008, 10:09
- team: Rama 2
- Bike: Trek3900,Trek4300
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
ขอบคุณครับสำหรับทริปพร้อมภาพสวยๆ.......
- โยชูวา
- ขาประจำ
- โพสต์: 1327
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ส.ค. 2009, 23:11
- Tel: 0834169645
- team: FREEDOM
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
โรงเรียนอัสสัมชัญ ในยุคแรกๆ แนวความคิดดั้นเดิม คือเปิดโอกาศให้กับคนยากจนได้มีสิทธิเท่าเทียมในการศึกษา
ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักปรัชญาของชาวคริสต์ ที่ผู้ที่เป็นสาวกจะต้องแสดงออกถึงความรักเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะผู้ยากไร้
กาลเวลาผ่านไป จุดยืนของสถาบันก็ค่อยๆ ถูกละลืมไป น่าเสียดายครับ
ซึ่งก็สอดคล้องกับหลักปรัชญาของชาวคริสต์ ที่ผู้ที่เป็นสาวกจะต้องแสดงออกถึงความรักเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์โดยเฉพาะผู้ยากไร้
กาลเวลาผ่านไป จุดยืนของสถาบันก็ค่อยๆ ถูกละลืมไป น่าเสียดายครับ
- noi1960
- สมาชิก
- โพสต์: 23
- ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มี.ค. 2009, 13:33
- Tel: 023115108
- team: ov spirit
- Bike: khs specialized
- ตำแหน่ง: พระโขนง กรุงเทพ
Re: หมาป่าเดียวดาย...ลัดเลาะไปคูเมืองเดิมกรุงเทพ
คุณหมาป่าเดียวดายเก่งมากค่ะ ถ่ายรูปสวยแถมข้อมูลประกอบเยี่ยม
บ้านอยู่สุขุมวิทอยากปั่นเที่ยวกรุงเทพแต่ไม่กล้าซักที เลยขอศึกษาจากข้อมูลของคุณนะคะ
บ้านอยู่สุขุมวิทอยากปั่นเที่ยวกรุงเทพแต่ไม่กล้าซักที เลยขอศึกษาจากข้อมูลของคุณนะคะ