ทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

รายงาน/รูป "สรุปทริป" จากที่ได้ปั่นมา
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – เมืองพงโท”
ตอน3 :ปั่นมั่นใจ ภูเขาที่นี่มีแค่ 2โค้งเองคะ
ประมาณ 8.00น. เราเหล่าหญิงชาย 9+1(พี่ถังปั่นเดี่ยว) ทุกคนพร้อม รถพร้อม เลือดนักผจญภัยไหลเวียนพุ่งกระฉูดรอเวลานี้แหละ ม้วนขา ดันบันได ถีบม้วนวนไป ไต่เขาเราช๊อบชอบ ลุยเนินดันบันไดเนิบๆ ลัดเลาะไปตามไหล่เขา เรียบแม่น้ำตลอดเวลาอย่างที่พี่กบว่าไว้จริงๆ มีเนินชันให้ดันขึ้นลงเล่นตลอดเวลา ขอย้ำเน้นๆว่าตลอดเวลาจริง แต่ไม่ชันจนหมดแรง ดันเนินไต่ขึ้นๆ แล้วก็ไหลโต้ลมลงมา เข้าโค้งเลี้ยวซ้าย เข้าโค้งเลี้ยวขวา ยิ่งช่วงไหนชันยาวกว่าก็ไหลได้ยาวเลี้ยวไปมาได้หลายโค้ง ขอกระซิบบอกนะว่ามันมันส์หลายพะคะ แต่ละโค้งที่ไหลผ่านจะเป็นเนินเล็กเนินน้อยก็ตื่นเต้นและมีให้ดีใจได้เรื่อยๆ เหมือนได้รางวัลที่คุณดันเนินสำเร็จ ต้องมันส์สำหรับคนอื่นๆ ที่ชอบเล่นเนินเช่นกันแน่ๆ แม้แต่พี่มายคนสวยใจเสาะปั่นไม่เก่งคนนี้ ยังชอบเล่นเนินที่นี่เลย เพราะอะไรนะเหรอคะ เพราะไว้ใจและมั่นใจการทำถนนหนทางที่นี่อย่างยิ่งคะ สภาพถนนหนทางที่นี่อาจมีหลุมบ่อขรุขระบางช่วง แต่ทำไมถึงรู้สึกดีกว่าถนนบ้านเราหล่ะ หรือว่าเขามีเทคนิคเทคโนโลยีในการสร้างทางได้มาตรฐานกว่าคะ เราก็แค่นักปั่นผู้ไม่มีความรู้เรื่องสร้างทาง ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างถนนหนทางที่นี่กับที่บ้านเมืองเรา มันชัดเจนจริงๆ

เราปั่นบนเส้นทางที่มีแต่ภูเขาที่สูงชัน และใหญ่โตระดับแหง๋นคอมองเกือบ 90องศา ขอเน้นนะคะว่าทางเป็นภูเขาตลอดเส้นทางทั้งวันทุกวัน คุณต้องไต่ขึ้นเขา ไหลลงเขาเลี้ยวไปมาไม่จบไม่สิ้น เขาทำทางรักษาระดับปรับสโลบลาดเอียงขึ้นเนิน ลงเนิน เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เข้าโค้งได้อัตราส่วนน่านับถือ คนรู้จริงสร้างจริงคะ เขาทำถนนหนทางให้รถเล็ก รถใหญ่ รถพ่วง ขับเข้าโค้งคงที่เป็นมาตรฐานตลอดเส้นทางได้ไงนะ คำนวณและสร้างทางยากอยู่ใช่ไหม สโลบลาดเอียงที่เมืองไทยถึงไม่ได้องศาเหมือนกัน คิดตามดูนะทางที่นี่ขนาดรถบรรทุกใหญ่ รถประเภทใดก็ได้สามารถแล่นขึ้นเขาทุกลูก ข้ามเมืองไปไหนมาไหนได้ตลอดทุกเส้นทาง ความแตกต่างของถนนหนทางช่วงผ่านภูเขาของเมืองไทยแทบทุกที่ มักจะมีโค้งหักศอกหักมุมกะทันหัน หรือไม่ก็ชันเกินแรงรถบรรทุก หรือรถแรงน้อยใช้ร่วมทางกันไม่ได้ แม้แต่ทางเรียบคนขับรถก็มีหลุดโค้งกลายเป็นโค้งร้อยศพเยอะแยะ และที่ลาวเช่นช่วงเขาชันก่อนถึงหลวงพระบาง คนขับรถตู้ในลาวเล่าว่าทางช่วงนั้นเป็นทางที่บริษัทคนไทยสร้าง แตกต่างจากคนจีนสร้าง ให้สังเกตจะมีขอบเส้นทาสีขาว ยอมรับนะว่าตั้งใจทำถนนหนทางได้คุณภาพดีและสวยกว่า ตลอดเส้นทางที่วิ่งผ่านไม่ชำรุดทรุดโทรม ไม่เป็นหลุมเป็นบ่อ ผิวถนนไม่ขรุขระเหมือนถนนหนทางเมืองไทย ถึงแม้บางแห่งเคยผ่านหินจากยอดเขาถล่มปิดทางก็ตัดทางแก้ไขให้ใหม่ ผ่านมาหลายปีแล้วยังคงสภาพดีกว่า แต่ระหว่างผ่านเห็นรถบรรทุกรถบัสต้องเอาหินก้อนใหญ่ๆ มารองล้อกันรถไหลลง แล้วทิ้งหินเกลื่อนทางอันตรายรถคันหลังขับตามมาต้องคอยหลบ เปรียบเทียบการออกแบบทำสโลบลาดเอียงช่วงขึ้นเขาชันยังไม่เก๋าเหมือนที่เวียดนามนี่

ที่นี่ภูเขาสูงยิ่งกว่าไม่เห็นปัญหานั้น ตั้งแต่ปั่นจากเดียนเบียนฟูมาไปจนถึงซาปา และฮานอย วกกลับมาถึงเขตแดนลาวเลยคะ แถมยังอุ่นใจตอนไหลลงไม่ว่าจะเข้าโค้งไหนๆ ก็ไม่มีโค้งไหนหักศอกหักมุมสักโค้งให้ระแวดระวังจนใจหายใจคว่ำ กลับมั่นใจไหลลงแบบอิสระไม่กลัวหลุดโค้ง ไม่กลัวตกเขา ลงเนินชันก็สามารถหักเข้าโค้งเนียนๆได้ ขึ้นเขาก็ไต่เข้าโค้งเนียนๆ ขอบอกว่ามั่นใจในการดันขึ้นเนิน ไหลลงเนินเข้าโค้งแค่ 2โค้งที่เวียดนามนี่มากๆ คือโค้งซ้าย และโค้งขวา สิ่งที่พวกนักปั่นอย่างเราต้องระวังก็แค่อย่าทับเศษก้อนหินที่อาจมีหล่นประปราย วันนี้ทั้งวันได้ปั่นวัดใจอย่างเมามันส์ ปล่อยให้ไหลลงเนินนี้วิ๊วๆ ขึ้นต่ออีกเนินข้างหน้าลุ้นว่าจะพ้นเนินสุดหรือไม่ ปั่นไม่เก่งแต่ได้แล่นเล่นเนินเพลินจนหมดฤทธิ์หมดเดช เล่นจนเบื่อเนินไปเลย ถึงเมืองพงโทประมาณ 17.30น. ขนของเข้าห้องพักเรียบร้อยกลุ่มสุดท้ายเพราะมาถึงช้าสุดฝนก็เทลงมาพอดี

ถนนที่ปั่นอยู่สูงกว่าระดับหลังคาบ้านเมืองลาย เพราะชาวเมืองลายมีพื้นที่จำกัดต้องปลูกบ้านแออัดอยู่ในพื้นที่จำกัดอยู่ริมแม่น้ำดา
รูปภาพ
รูปภาพ

แม่น้ำดาแห้งตื้นเขินมองเห็นเนินดิน ตอไม้โผล่เป็นช่วงๆ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ปั่นชิวๆแวะถ่ายรูปเรื่อยๆ ดันเนินลงเนินออกมาแค่ 20นาทีก็ไม่มีบ้านคนแล้ว
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ปั่นนวดขามาเอื่อยๆอีก 20กว่านาทีก็เจอสะพานใหญ่ เห็นภูเขานั่นไหมคะ พี่มายถ่ายเอามาฝาก มันทั้งสูงทั้งใหญ่และชันชลูดแบบนั้นตลอดเส้นทาง มีเป็นหมื่นเป็นแสนลูกละมั้งคะ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

สังเกตท่าถ่ายรูปมือกุมเป้าไหมคะ กุมกล่องดวงใจไว้ยังงั้นนะ กลับไปให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยดีๆนะๆ555
รูปภาพ
รูปภาพ

บรรยากาศของธรรมชาติ ทำให้พวกเราอดไม่ได้ที่จะเก็บความทรงจำต่างๆไว้
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

พี่กุย!! รถบรรทุกมาข้างหลังแย๊ว ลุกเร็วๆ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

แวะพักแข้งพักขากินลมชมวิว
รูปภาพ

ทุกคนพร้อมจากไปรึยังคะ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 13 มี.ค. 2018, 20:16, แก้ไขแล้ว 5 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – เมืองพงโท”
ตอน4 :กลางวันแต่เงียบกริบ
ประมาณ 9.00. เราก็จากสะพานนั้นมา ปั่นชิวๆ ลัดเลาะตามทางเลาะไหล่เขามาเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ นานทีจะมีรถท้องถิ่นวิ่งแล่นผ่านมา ได้ยินแต่เสียงหายใจหอบของตัวเองตอนปั่นดันเนิน กับเสียงลมผ่านหูยามไหลลงเนิน บ้านคนนะรึแทบจะไม่มีเงียบกริบ ใครคิดจะปั่นผ่านทางนี้เตรียมน้ำ กับอาหารการกินให้พร้อมนะคะ เพราะว่าซ้ายมือคือแม่น้ำดา และขวามือคือเขา ลักษณะภูมิประเทศเป็นเขาสูงชันชะลูดแทงฟ้าโน่นคะ ความชันระดับแหง๋นคอตั้งจึงเห็นยอดเขา เป็นแบบนี้ตลอดเส้นทางไม่มีพื้นที่ราบเลย จึงไม่สามารถสร้างบ้านเรือนอยู่ในหลุบเขานี้ได้แน่คะ

หากเดินทางช่วงฝนตกหนักก็เสี่ยงหินถล่มไหลสไลด์ลงมาทับตายยกครัววันใดวันหนึ่งแน่ รู้ไหมว่าเวลาน้ำฝนเวลามันเซาะหินไหลถล่มลงมาจากที่สูงเสียงมันน่ากลัวมาก ดังคำรามก้องกังวานทั่วป่าเขา อึ๋ยยย์.. เสียงน่ากลัวยิ่งกว่าเสียงระเบิดเสียอีกคะ ประมาณ 11.00น. พวกเราก็ทยอยถึงหมู่บ้านเล็กๆ แวะทานผลไม้รองท้องกัน

มุ่งหน้าไปต่ออากาศช่วงนี้เริ่มร้อน แต่หนู๋ทนได้เพราะปั่นริมแม่น้ำดา ความเย็นจากน้ำช่วยบรรเทาร้อนลดลงได้บ้าง
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

มีสัญลักษณ์ชวนให้นึกฉงนใจในความหมายตลอดทาง เสียดายแวะถ่ายมาฝากได้แค่นี้
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ไปแบบชิวๆ จริงๆ นึกอยากแวะก็แค่มองหาที่หยุดตรงน้ำตก วิดน้ำตกที่มีอยู่ประปรายตามรายทาง น้ำเย็นฉ่ำชื่นใจล้างหน้าล้างตาสดชื่น ถ้าถอดหมวกเอาน้ำตกราดล้างหัวนี่ โอ้ยย.. เย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัวเพิ่มพลังปั่นต่อได้อีกไกลขอบอกต่อคะ หยุดรอกันเรื่อยๆ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 มี.ค. 2018, 10:03, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – เมืองพงโท”
ตอน5 :ท้องป่องที่ร้านผลไม้

เข้าหมู่บ้านเห็นกลุ่มที่มาถึงก่อนนั่งหน้าร้านผลไม้ เลี้ยวแวะร้านนี้ด้วยทันใด พวกเรากินผลไม้แทบทุกอย่างที่ร้านมีวางขาย ซึ่งพี่มายชอบผลไม้อยู่แล้ว ตั้งแต่ออกทริปห่างเหินมานาน มะม่วงก็อร่อยไม่เปรี้ยวมากกินไม่ต้องจิ้มพริกเกลือก็ได้ แอปเปิ้ลก็หวานกรอบชื่นใจ สารี่ก็หวานกรอบนุ่มปากรสชาติถูกใจ มันแกวก็รสว๊าวโอเคเลย ทำไมยังหิวอยู่นะ สายตามองหาของกินอย่างอื่นอีก มองข้ามเข้าไปในร้านเจอแตงโมซุกใต้โต๊ะ เลือกเอามาผ่าทั้งลูกเนื้อตันแดงแจ๋หวานปาก พี่มายกิน กิน กินวนทุกอย่างสลับกันไปมา กินอย่างคนหน้ามืดตามัว กินอย่างตะกละราวกับว่ากลัวตายไปจะอดได้กิน อืมมม์..

ผลไม้ประเทศนี้กินเวลานี้ช่างอร่อยปากคนสวยใจเสาะจริ๊ง พี่เถ้าแก่น้อยค้นพบผงอะไรสักอย่างนี่แหละคะ อยู่ในซองเหมือนผงต้มยำรสดี แกเอามะม่วงจิ้มเคี้ยวเสียงดังจิ๊บแจ๊บ มองดูแล้วเป็นตาแซ๊ปแท๊ะเน๊าะ พี่หัวหน้ากบบอกว่าผ่านหมู่บ้านนี้ไปก็ไม่มีหมู่บ้านอีกจนกว่าจะใกล้ถึงเมืองพงโท กลุ่มพี่มายยังไม่ได้ทานอาหารเที่ยงซื้อปลาหวานแห้ง ไข่ และลูกฟักแม้ว ซึ่งร้านนี้มีขายไม่กี่อย่างไว้ทำกินมื้อกลางวันระหว่างทาง เวลาประมาณ 11:20น. โมงกว่าๆ พวกเราทั้งหมดก็ออกเดินทางจากตรงนั้น พอจะยกขาคร่อมรถสังเกตว่าพุงป่องนำหน้ามองแทบไม่เห็นปลายเท้าตัวเองแระคะ ก้มมากก็ไม่ได้เหมือนผลไม้มันมาถึงคอจะพุ่งออกทางเดิม

ก่อนเข้าชุมชนก็ได้พบกับพี่ควายเดินพุงป๋องอย่างมีความสุขไปทำงาน ที่ประเทศเราเดี๋ยวนี้หาชมได้ยากแล้วรู้ไป ไปจังหวัดไหนๆ ก็มีแต่พี่คูโบต้าแย๊ว
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

มีความสุขมากมายเกินที่จะบรรยายที่ร้านผลไม้ เมื่อยามหิวถามหา
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 มี.ค. 2018, 10:21, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – เมืองพงโท”
ตอน6 : ผลของความตะกละ ต้องเสียกางเกงตัวโปรด

ปั่นตามคนอื่นแบบว่าเฉื่อยลงๆ ขาไม่อยากหมุน อึดอัดตัวเองเสื้อผ้ากางเกงทุกอย่างคับไปหมด ก้มมากไม่ได้พุงค้ำขาตอนปั่น ตั้งใจกินจนถึงคอหอยจะขย้อนเอาผลไม้ที่บรรจุตุนไว้ออกมาก็เสียดาย ตอนดันตอนโน้มตัวไปข้างหน้าพุงก็ค้ำหน้าขาตอนแทงขาควงบันได ปั่นขึ้นเนินอึดอัดจัง ส่วนเอวกางเกงก็คับติ้วหายใจไม่เต็มท้องอ่ะ ก้มดูพุงเห็นตึงเปรี๊ยะเสื้อแทบปริแตก

ฝืนไม่ต่อไม่ไหวแระ ต้องยอมแก้ปัญหานี้โดยตัดขอบกางเกงด้านหน้าสองที่ คือด้านซ้ายกับขวา ตัวนี้ซื้อใหม่สุดรักตัวโปรด แงๆ แงๆ แล้วออกปั่นต่อแต่ปั่นไปได้สักพักก็ยังรู้สักอึดอัดคับอกคับใจหายใจไม่สะดวกอยู่ดี และอารมณ์กำลังก่อตัวหงุดหงิดแทบฟุ้งซ่าน จอดจักรยานตัดขอบกางเกงอีกดีกว่า คราวนี้ขลิบตัดด้านหลังสองที่ด้านซ้ายขวาฮ่าๆๆ ราคาแพงแค่ไหนก็ไร้ค่าเมื่อเจอความตะกละกินดะกินไปกินมาไม่ยับยั้ง กินเยอะเกิ้น

โอละพ่อ.. พุงป่องยังกับท้อง 9เดือนฮ่าๆๆ ออกเดินทางต่อไปความอึดอัดตอนดันเนินลงเนินบรรเทาลงรู้สึกธรรมดาแย๊ว แต่ไม่ตื่นเต้นกับเนินไหนอีก ไม่แอ๊คทีพ ไม่ซ่าซิ่ง ปั่นสงบเงียบกริบ บรรยากาศโดยรอบก็เงียบด้วยเช่นกัน นานทีจึงจะมีรถวิ่งสวนมา แม้แต่เสียงนกเสียงกาก็ไม่ได้ยิน

เรามีมติปั่นไปแวะกินลมชมวิวไปเรื่อยแต่ละวันอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบเร่งไปให้ถึงที่หมาย นี่ก็เวลา 12:20น. พวกเราจึงมีอิสระแวะพักริมทางอีก เส้นทางนี้ไม่มีเงาร่มไม้ให้หลบนะ อยากพักตรงไหนก็หยุดยืนตาก ปล่อยให้แสงแดดยามเที่ยงส่องตรงหัวพอดีอย่างนั้นแหละคะ ขวามือคือเขาสูงชะลูดเสียดฟ้า ซ้ายมือคือไหล่ทางแคบๆ แล้วดิ่งชันชะลูดลงไปถึงแม่น้ำดาเหมือนเหวน้อยๆ บางช่วงลึกประมาณ 10กว่าเมตร แม่น้ำดาตื้นเขินแห้งขอดเห็นเนินดินเป็นบางช่วง

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

นั่นพี่หัวหน้ากบตามมาแย๊ว ตั้งแต่ปั่นด้วยกันจากประเทศลาวมาจนถึงเวียดนามก็ตั้งหลายวันแล้ว กลุ่มพี่มายมักจะปั่นไปแวะไปเรื่อย ประเภทปั่นน้อยร้อยรูปจึงถึงที่พักแต่ละวันล้าหลังกว่าทุกกลุ่ม ได้เห็นกันก็แค่ตอนเช้านัดพร้อมหน้าก่อนเดินทางแป๊บเดียวเอง เพิ่งได้เห็นพี่หัวหน้ากบกับพี่ดาบปั่นเรื่อยๆ เอื่อยๆ ปาดหน้าแวะหยุดแล้วตามหลังมา ก็ช่วงวันนี้คะ พักจุดนี้เพิ่งรู้ว่าจักรยานของแกเบรกไม่ค่อยอยู่ พี่หัวหน้ากบใช้มือกำเบรกประคองรถด้วยมือเดียว แกปั่นขึ้นเขาลงห้วยมากับพวกเราอย่างคล่องแคล่วตลอดรอดฝั่งได้ไงนะ พี่มายเองเห็นแกทุกวันยังลืมเรื่องนี้ไปเลย ขอชื่นชมและนับถือในความสามารถใช้ทักษะประคับประคองจักรยาน ไต่เขาดันเนินลงเนินเลี้ยวเข้าโค้งไปมาได้ดีเยี่ยม (แขนอีกข้างเคยประสบอุบัติเหตุเหมือนเป็นอัมพฤกษ์ใช้งานไม่ได้ตั้งแต่นั้นมา)
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

พี่ถังปั่นผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไหลลงเนินหายแว๊บ ตลอดทริปนี้เราแค่ได้เฉียดกันไปมา เห็นกันในชั่วเวลาแว๊บๆ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 มี.ค. 2018, 11:15, แก้ไขแล้ว 6 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – เมืองพงโท”
ตอน7 : หาร่มไม้นั่งกินข้าวยากจัง หิวตาลายแย๊ว

พี่กุยส่งสัญลักษณ์โอเค ต้องออกเดินทางต่อแล้ว ระหว่างนี้บ้านคนไม่มีเลย ซึ่งที่ผ่านมาก็แทบไม่มีถนนเงียบกริบ มองตามร่องแม่น้ำดามีแต่ภูเขายืนตระหง่าน เห็นซับซ้อนสลับกันไปมา ไกลสุดลูกหูลูกตาทั้งอยู่ด้านหน้าและด้านหลัง ไม่รู้เลยว่าจะต้องดันเนินลงเนินอีกนานแค่ไหน เนินพวกนี้ทำให้เดาเป้าหมายถึงที่พักคืนนี้ยาก ตอนนี้เรามาได้ไกลแค่ไหนแล้ว และต้องไปต่ออีกไกลไหมนะ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

เกือบ 12.49น. เริ่มหมดแรง เพราะดันเนินขึ้นลงเนินตลอดเวลา และเพลียสะสมติดกันหลายวัน หรือว่าเพลียจากกินผลไม้เยอะเกินไปแน่นะ แต่ทำไมตอนนี้หิวอีกแล้วอ่ะ พุงก็ยังป่องเท่าเดิมอยู่เลย ปั่นฝืดอืดๆ ทำไมรถแล่นช้าลงๆ ไม่ลื่นไหลเช่นเมื่อเช้า พอนึกได้ก็ควงบันไดไวขึ้น แต่ทำไมขาไม่ทำตามได้ดั่งใจมันยังอืดอยู่ดี ก็บ่นเสียงดังหน่อย “จักรยานพี่เป็นไรไหมมันฝืดปั่นไม่ไป โซ่ต้องหยอดไหม แวะพักน้อยอีกดีกว่า” พี่กุยก็ใจดีรื้อกระเป๋าหาน้ำยาหยอดโซ่ให้ จุดนี้ได้มีโอกาสเห็นพี่ดาบหนุ่มล่องหนแวะพักด้วย เห็นกันเรื่อยแต่เหมือนแกไม่อยู่ตรงนั้นด้วย เพราะพี่ดาบแกเงียบมาก แกทำหน้าเรียบ ไม่ยิ้ม แต่ก็ไม่บึ้งตึง แกชอบยืนหลบอยู่ในมุมสงบคนเดียว ที่ผ่านมาได้ยินแกบ่นทีเดียวว่า “อยากกินส้มตำ!” นั่นคือเสียงสวรรค์สุดแซ๊ป ชวนน้ำยายหยั๋ยที่พี่มายเองก็ชอบฟัง
รูปภาพ

พี่แดงแกไม่เหนื่อยหรอกแต่แวะนั่งคอยไปด้วยกัน ตั้งแต่ออกจากเมืองลายเห็นแกแชะๆ แวะจอดถ่ายรูปทุกระยะอย่างมีความสุข ส่วนสองสาว พี่ลี กับ พี่เล็ก บัดดี้ของพี่แดง ยังคงสนุกเล่นเนินแล่นหายไปล่วงหน้าแล้ว พี่แดงแกขาแรงส์จึงไม่มีปัญหาปั่นไล่กวดสองสาว จะตามตอนไหนก็ทันหล่ะ
รูปภาพ

ในรูปด้านล่างเห็นพี่กบนั่งอยู่ในร่องน้ำไหล่ถนนไหมคะ นี่คือลักษณะร่องน้ำไหล่ถนนของที่นี่ตั้งแต่ข้ามพรหมแดนมา มีร่องน้ำไหล่ถนนแบบนี้ตลอดเส้นทาง ถ้าตรงไหนมีเศษหินหล่นใส่ร่อง หรือกิ่งไม้ใบไม้หล่นไปในร่องน้ำขวางทางน้ำ ก็มักจะเห็นชาวบ้านไม่ว่าหญิงหรือชายที่ขับผ่านมา แวะจอดมอเตอร์ไซด์เดินลงไปเอาออก เห็นแล้วก็นึกชื่นชมชุมชนพื้นบ้านของประเทศเขา ฉลาดแก้ปัญหาน้ำไหลหลากฤดูฝน อีกทั้งช่วยกันดูแลร่องน้ำช่วยกันคนไม้คนละมือแก้ปัญหาทางน้ำให้ไหลสะดวกตามร่องเรียบถนน น้ำใจงามเห็นแก่ส่วนรวม เริ่มหิวข้าวอีกแระคะ ผลไม้ที่เพิ่งกินมาไม่อยู่ท้อง พอหิวทีไรแรงขาหมดปั่นไม่ออกทุกที
รูปภาพ

สองสาวนี้ก็แสนซนจิ๊งๆ ที่ที่ล้าขาจนเหนื่อย และหิวด้วย แทนที่จะนั่งพักประหยัดพลังงานอย่างสงบ กลับชวนกันตะเกียกตะกายปืนป่ายหาจับจิ้งจกตุ๊กแกกินเล่น 555
รูปภาพ

พักน้อยจุดนี้หมดเวลาลง จะออกเดินทางอีกแย๊ว เป้าหมายเราต่อจากนี้คือมุ่งหาต้นไม้เหมาะๆ ที่มีร่มพักกินข้าวกลางวัน แวะกินข้าวมื้อกลางวันกัน คนอ่านหิวยังคะ ทานข้าวยังคะ
รูปภาพ

ดูเวลาตอนนี้ก็ 13.37น. เล่นเนินมาเรื่อยๆ ทำใจยอมรับได้แล้วว่าต้องเจอเนินเช่นนี้ไม่จบไม่สิ้น เราแวะอีกแระคะ ความหิวทำให้ทุกสิ่งอย่างชะลอลง ไปต่ออีกหน่อยดีไหมคะ ไม่มีต้นไม้สูงพอที่จะให้ร่มนั่งกินข้าวเลยแม้แต่ต้นเดียว มันเป็นไหล่ทางโล่งๆ แล้วก็หลุบเขาดิ่งชรูดเกือบจะ 80องศาลึกลงไปหาแม่น้ำดาเลย ปั่นมาก็นานโขแล้ว จะหยุดนั่งกินตากแดดร้อนๆ ก็กระไรอยู่นะ ประมาณบ่ายสองช่วงที่กำลังไหลรถแร่นลงเนินมา ก็ผ่านกระต๊อบน้อยว่างเปล่าหยุดไม่ทัน หันหันกลับไปมองเห็นพี่หัวหน้ากบกับพี่ดาบกำลังตากเสื้ออยู่ด้านข้างกระต๊อบ จะหยุดรถแวะกะทันหันก็ไม่การทันหล่ะ จึงปล่อยรถแร่นเลยตามเลย มองไปข้างหน้าเห็นมีต้นไม้ใหญ่ใบโกร๋น มีใบหร๋อมแหร๋มยืนอยู่ ปั่นไปดูใกล้ๆ ดีกว่า

ประมาณ 14.04น. มาถึงต้นไม้ใหญ่แทบไม่ร่ม หลบร่มยังไงก็ไม่มิดยืนตระง่านริมไหล่ทางอยู่นอกรั้วถนนบนพื้นที่แคบๆ รากไม้บางส่วนครึ่งต้นลอยอยู่กลางอากาศ น่ากลัวจะโค่นล้มตกเหวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นเหวน้อย เสี่ยงและเสียวสันหลังดี เราตัดสินใจกินมื้อกลางวันตรงนี้แหละเน๊าะ นั่งกินตรงนี้เถอะ กินที่นี่ตื่นเต้นที่สุด คงจะหาที่กินอร่อยกว่านี้ไม่ได้แล้วหล่ะ หลังอิ่มถ้าเบื่อไม่อยากปั่นต่อจนจบทริปก็แกล้งเผลอลื่นไถลตกลงเหวน้อยตรงนี้ให้คอหักตายไปเองที่ก้นแม่น้ำดาได้ด้วยหล่ะ รีบยกเหตุผลดีๆ ให้บัดดี้เห็นด้วยกลัวจะไม่แวะ555 ทั้งสองรีบเห็นด้วยอะไรก็ได้ แถมยังแซวกันไปมาเป็นเรื่องสนุกอีก พี่มายรีบรื้อเสื้อที่ยังไม่แห้ง ยัดไว้ในถุงตาข่ายออกมาผึ่งแดด ตากหนึ่งนาทีก็ยังดี พี่มายชอบพกไม้แขวนเสื้อมาด้วยมันสะดวกก็ตอนนี้แหละ ลืมใช้เครื่องปั่นหมาดเมื่อคืนแห้งช้า (ผ้าชามัวร์สังเคราะห์บิดให้หมาดก่อนตาก)
รูปภาพ
รูปภาพ

พี่กุยกับพี่มลทั้งสองคนนี้มีความเชี่ยวชาญว่องไวทุกเรื่อง พี่กุยก่อไฟควันโขมง สองสาวแทบสำลักควันสลบตกเหวน้อย ต่างคนต่างช่วยกันรื้อโน่นนั่นนี่ที่แบ่งกันขนในกระเป๋าตัวเอง น้ำบรรจุใส่ขวดลิตรต่างคนต้องพกสำรองออกมาวางไว้ ไข่เอาออกมาวางไว้ ได้ปลาแห้งวางไว้ ลูกฟักแม้ววางไว้ เครื่องปรุงวางไว้ มีดเขียงช้อนชานชาม ข้าวสารใส่หม้อหุงข้าวร้อนๆตรงนั้น ส่วนพี่มายเป็นลูกมือ และตากล้อง ไม่ยุ่มย่ามให้เกะกะเพราะทำอะไรชักช้ากว่า ฝีมือทำกับข้าวของพี่กุยพี่มลบริหารเวลาเข้ากันดี แค่แป๊ปเดียวก็เสร็จพร้อมกิน มื้อนี้น่าจะอร่อยที่สุดของที่สุดเลยคะ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ดันเนินขึ้น ไหลลงเนินตั้งแต่เช้า ทำให้พวกเราหิวโหยกว่าวันไหนๆคะ นี่ก็เลยเวลากินมาตั้งนาน มื้อเช้าก็ทานแค่ข้าวต้มขาวเปล่าๆ กินไม่มีกับร่างกายก็ไม่ได้รับพลังงานจากโปรตีน กำลังกินข้าว อยู่ๆฝนก็ลงเม็ดปรอยๆ พี่ดาบออกจากกระต๊อบปั่นผ่านมาคนเดียว เรียกกินก็ไม่กิน พี่มายคิดว่าพี่ดาบแกน่าจะอยากกินบ้างแหละ เพราะได้กลิ่นหอมโชยไปถึงกระต๊อบแต่พี่แกแค่เกรงใจ 555 เห็นเขียงน้อยนั่นไหมพวกเครื่องครัวเราก็ขนมาพร้อม มันมีประโยชน์นะ
รูปภาพ

ไข่วิเศษ
รูปภาพ

ปลาหวานแห้งวิเศษ
รูปภาพ
รูปภาพ

พี่กุยกับพี่มลปรึกษากันว่าน่าจะผัดลูกฟักใส่ไข่ ก็ตั้งเตาคลุกเคล้าผสมรวมกันเหยาะน้ำปลาและผงรสดีลงไป กลิ่นเริ่มหอมยั่วยวนโชยเชิญชวนให้หิวยิ่งขึ้น มองปลาหวานแห้งที่ทอดเสร็จวางไว้ มองลูกฟักผัดไข่ในกระทะกำลังสุกได้ที่แล้ว กลืนน้ำลายลองคอกึกๆ มองย้อนออกไปที่กระต๊อบเห็นพี่กบกำลังเก็บผ้า กระต๊อบนั่นน่าจะห่างกันประมาณ 300กว่าเมตรจึงตะโกนกู่เสียงเรียก “อาหารวิเศษอยู่ตรงนี้.. มาาาาาา. กินนนนนน.ข้าววววว. ด้วยยยยย. กันนนนน. ไหมมมมๆๆ” สักพักพี่หัวหน้ากบก็ไหลรถแล่นลงมาเรียกกิน พี่แกก็ปฏิเสธบอกว่ากินแล้ว ฝนลงเม็ดเป๊าะแป๊ะ ก็รีบ กิน กิน กิน เก็บฉับไวแข่งกับเวลา

[youtube]https://www.youtube.com/edit?video_id=C ... rrer=watch[/youtube]

รูปภาพ

หน้าตาตอนผัดเสร็จแล้ว หอมน่ากินจังคะ
รูปภาพ

กินอิ่มหมาดๆ ป๊าดดดดด... ฝนลงเม็ดปรอยๆ ลงมา ผักกับปลาและข้าวยังไม่เรียงเม็ดดีเลย ทำไงหล่ะทีนี้ อิ่มใหม่ๆอยากนั่งพักต่ออ่ะ ก็ต้องกระวีกระวาดช่วยกันเก็บกวาดเช็ดถูๆหม้อไหจานชามบรรจุใส่กระเป๋าแขวนจักรยานทำเสร็จในแว๊ปตาเดียว ไวเหมือนเช่นตอนมาถึงแล้วเปิดกระเป๋ารื้อออกมาทำเพราะหิวเลย กินอยู่ร่วมกันมาหลายวันทำให้เราเคยชินช่วยกันเก็บข้าวของอย่างเร่งรีบร๊กๆแทบไม่มีเวลาหายใจและตดปุ๊ดเลย

เดินออกมายืนฝั่งตรงข้ามถนนเห็นน้ำตกน้อยไหลจากยอดเขาติ๋งๆอยู่เยื้องถัดออกไปไม่ไกลตรงที่กินข้าวเท่าไหร่ ล้างมือล้างหน้าล้างตาซักผ้าบัพชุบน้ำพันคอเย็นฉ่ำชื่นใจมีแรงขึ้นมาทันใดคะ ถ้าพวกเรารื้อกระเป๋ารอบที่สามออกมาล้างใหม่อีกนี่ก็นับถือใจตัวเองเรื่องขยันอยู่นะ555

เราตกลงกันว่าไปรื้อกระเป๋าล้างที่ห้องพักคืนนี้ดีกว่า สิ่งที่พอใจและเห็นคุณค่ามากในยามฉุกเฉินใช้เช็ดถูแห้งสะอาดเกือบหมดจดคือกระดาษทิชชูแผ่นที่พกมา มันเหนียวซึมซับสุดยอดปลอดคราบทุกงานเช็ดดีมาก

รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 มี.ค. 2018, 13:05, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – เมืองพงโท”
ตอน8 : เรื่องเล่าจากพี่มล

เดินทางที่เวียดนามก็มีแต่ดันเนิน และไหลลงเนิน แล้วก็เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ปั่นมาเรื่อยๆ ทางที่ผ่านมาก็ไม่พบเจออะไรน่าตื่นตาตื่นใจ นี่ประมาณ 16.00น ใกล้ถึงหมู่บ้านก่อนเข้าเมืองพงโทอย่างที่พี่หัวหน้ากบว่าหรือยังนะ จะถามพี่แกก็ไม่รู้ตอนนี้ปั่นล่วงหน้าอยู่ช่วงไหน

มองไปข้างหน้าถนนก็โล่งมีแต่ป่ากล้วย และบ้านร้างอีกหนึ่งหลัง บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบ
รูปภาพ

หันหน้ามองกลับไปที่เพิ่งผ่านมาตะกี้ก็เห็นแค่กะท่อมร้างไร้ซึ่งผู้คนหนึ่งหลัง มองไกลไปอีกเห็นแต่ภูเขายืนสลับซับซ้อนอยู่แค่นั้น ยืนวังเวงอยู่คนเดียว
รูปภาพ

หันกลับมามองด้านข้างก็เป็นเนินเขา จะเจอคนที่ให้ถามไถ่ได้สักคนไหมนะ พี่มายยืนนิ่งตรงนี้นานกว่าสิบนาทีเหมือนกับว่าอยู่ในโลกที่ไร้เสียงมีแต่ความเงียบกริบ เสียงนกกาก็ไม่มีให้ได้ยิน การอยู่คนเดียวชีวิตช่างเงียบกริบวังเวงยังไงชอบกล พี่มลกับพี่กุยป่านนี้ปั่นตามมาถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ หรือเพราะว่าพี่มายกินผลไม้หลายชนิดนั่น ทำให้ปั่นเก่งดันเนินขึ้นลงเนินไวเกิ้น บัดดี้ตามมะทัน555
รูปภาพ

ปั่นนวยนาดรอช้าๆ ต่อไปอีกหน่อยพี่มลกับพี่กุยก็ตามมาสมทบทัน รู้ทีหลังว่าที่ช้าเพราะพี่มลปวดหัวเลยหยุดพัก พวกเราออกเดินทางต่อสักครู่ก็เจอหมู่บ้าน เราปรึกษากันเรื่องมื้อเย็นผลลงเอยว่าทำกินเองดีกว่า แวะซื้อผักร้านเล็กๆขายของแค่สองสามอย่างหน้าร้าน ข้าวสารเราก็หมดแล้วหุงสุดท้ายใต้โคนไม้นั่น พี่มลอาสาเดินออกไปหาซื้อ พี่มายเฝ้ารถที่เดิม สักพักพี่มลแกก็กลับมาด้วยสีหน้าบูดหน้าเบี้ยว เล่าว่าเห็นหัวหมาฟันยิ้มแสยะ และเนื้อหมาวางขายบนโต๊ะ และเห็นความสกปรกต่างๆ แกก็บ่นว่าไม่อยากกินอาหารเวียดนามที่นี่อีก

พี่มลแกเป็นคนรักสัตว์รักหมาแมว พอแกเห็นก็เกิดความขัดแย้งระหว่างแกเองกับคนกินหมา ดูจากสีหน้าแล้วพี่มลแกคงสะเทือนใจมากอยู่ ก็จริงนะตั้งแต่เดินทางมาจนถึงนี่ก็สังเกตว่าหมาแมวและนกไม่ค่อยมีให้เห็น ถึงจะมีบ้างแต่ก็ล่ามโซ่ไว้ไม่ได้ปล่อยให้เดินอิสระเตร็ดเตร่ไปมาเหมือนบ้านเมืองเรา แม้แต่นกก็เห็นตัวไม่ได้ยินเสียงเลยคะ แล้วถ้าพี่มลแกไม่กินพี่มายจะแอบย่องๆปลีกตัวกินได้ไหมนะ555

ไม่เห็นด้วยเรื่องกินหมา แต่ก็ยอมรับในความแตกต่างนะ และเราก็เป็นสัตว์โลกธรรมดาทั้งสองฝั่ง แต่ยกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ประเสริฐกว่า แตกต่างกว่า ไม่ดีสุดขั้ว ไม่ชั่วสุดขีด การกินเนื้อหมา และสัตว์อื่นที่ตัวเองเลี้ยง เช่น วัว ควาย หมู ไก่ สัตว์ทุกชนิดที่กินแล้วไม่ตายก็กินได้ทั้งนั้น ฯลฯ การกินสัตว์ทุกชนิดมันเป็นวัฒธรรมฝังรากแน่นอยู่คู่สังคมของผู้คนทั่วโลกมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ส่วนพวกกินเนื้อหมาตั้งแต่เกาะสุลาเวสี ในอินโดนีเซีย ไปจนถึงเอเชียตะวันออก คือ จีน กับเกาหลี และยังเป็นการยากที่จะชักชวนให้หยุดการกินหมาที่ขัดต่อความรู้สึกของชาวโลกโดยทั่วไป ซึ่งในเวียดนามเองก็ไม่ต่างกัน กินเนื้อหมาตั้งแต่ในระดับหมู่บ้าน ในเมือง จนถึงในเมืองหลวง แต่เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ คนกลุ่มนี้มีจำนวนเพียงน้อยนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวภาคกลาง กับภาคเหนือ และในช่วงไม่กี่ปีมานี้สังคมตะวันตกได้เข้าไปมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น ชาวเวียดนามเหล่านั้นมีจำนวนไม่น้อยที่ตระหนักดีว่า หมาไม่เพียงแต่จะเป็นสัตว์เลี้ยงเท่านั้น หากยังเป็นเพื่อนของมนุษย์อีกด้วย จึงไม่ควรจะกลายเป็นอาหาร

อย่างไรก็ตามความสำนึกคนรุ่นใหม่กับคนรุ่นเก่ายังคงขัดแย้งกันอยู่เช่นเดิม ไม่ง่ายเลยสำหรับคนบางกลุ่มที่จะเลิกกินเนื้อหมา ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศจะรักและเอ็นดูสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงไว้ทำงาน แล้วกินสัตว์เลี้ยงใกล้ชิดของตัวเองมาตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ก็ตาม

ในกรุงฮานอย ยังมีบางย่านที่ย่างหมา และตัดขายเนื้อย่างอย่างเปิดเผยเป็นประจำทุกวัน แต่มีจำนวนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ทางการเข้มงวดกวดขันเกี่ยวกับสุขอนามัย หลังจากเกิดการระบาดของอหิวาตกโรค กับโรคท้องร่วง เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการกินเนื้อหมาที่ทำไม่สะอาด

ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ยังมีร้านอาหารที่จำหน่ายเนื้อหมาจำนวนมากยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ถึงจะถูกสังคมชายตาแสดงความรังเกียจมากขึ้นก็ตาม บางร้านก็ได้เลิกนำเนื้อหมาออกวางโชว์ในตู้หน้าร้าน เพียงแต่ติดป้ายบอกเอาไว้เท่านั้น (ขออนุญาตก๊อปปี้ข้อมูลและรูปบางส่วนจากกระทู้ข่าวพันทิพย์มาลงประกอบบทความ ณ ที่นี้นะคะ ขอบคุณคะ)
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 มี.ค. 2018, 13:24, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

16 เมษายน “เมืองลาย – เมืองพงโท”
ตอน9 :ถึงตัวเมืองแย๊ว คืนนี้ได้นอนเตียงสวยด้วยนะ

รีบออกเดินทางต่อ การนั่งพักตรงคงนานไปมั้ง ก็รู้สึกแบบว่าพี่มายกำลังจะไหวไม่ไหวอีกแล้วคะ พอเริ่มออกปั่นก็ปวดขาแข้ง จึงหันเหจุดสนใจปวดขาเป็นเบี่ยงเบนไปมองภูเขาข้างหน้าและคาดเดาเล่นๆ ว่าถ้าพ้นเขาลูกนี้ใช่เมืองพงโทไหมนะ พ้นเขาลูกนั่นใช่ไหมน้อ พ้นเขาลูกโน้นนน.. ใช่ไหมมมม.. ปั่นผ่านการเดาเขาลูกนี้ลูกนั้นมาหลายลูก ผ่านลูกแล้วลูกเล่าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะใช่เมืองพงโท เปิดเพลงโจ๊ะๆ ฟังดีกว่า ม้วนขา ดันบันได ถีบซ้าย ถีบขวา ดันเนินดันเนินเนิบๆ ไต่ ขึ้นๆ ไหล แล่น ลง มา ลัดเลาะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขาวซ้ำแล้วซ้ำอีก ไปตามเส้นทางที่เงียบกริบอีกต่อไป

ก่อนถึงเมืองพงโทฝนตกอีก สักพักก็เจอพี่กบแวะพักที่ร้านค้า พี่มายก็ยิงคำถามพี่กบที่อยากถามตั้งนานแล้วทันที พี่แกก็ควักโทรศัพท์เปิดแผนที่ออกมาดูตอนแรกดาวเทียมยังไม่อัพเดท ยังเห็นอีกตั้ง 20กม. จะถึงพงโท พี่มายก็แสดงอาการนอย และเข่าอ่อนงอแง อีกตั้ง 20กม. สำหรับคนขาอ่อนที่ผ่านการปั่นดันเนินขึ้นลงเนินมาทั้งวัน มันนานยากลำบากอยู่นะ แผนที่ที่เปิดเชื่อได้แค่ไหนคะ ทำไมแผนที่ในมือถือของพี่มายถึงไม่เหมือนพี่กบเลยคะ พี่กบค้นดูใหม่อีกรอบปรากฏว่ามันเหลืออีกแค่ 4 กม. ถึงโรงแรม โฮย.. กรี๊ดดีใจใหญ่ ยิ้มแฉ่งปากฉีกแทบถึงหูโน่นคะ 555 เราคุยกันต่อเรื่องอาหารเย็น พี่กบเล่าให้ฟังว่าเถ้าแก่น้อยแวะซื้อปลาเผามาหนึ่งตัว และซื้อน้ำอัดลมติดรถมาจากร้านที่ขายผลไม้ด้วย ชวนกันเอาไปกินที่ร้านอาหารของโรงแรมเพราะฝนตก และสั่งผัดผักเพิ่มอีกกับข้าสวย

ประมาณ 17.00น. กว่าๆก็ถึงเมืองพงโท หรืออำเภอฟ็องโถ (เวียดนาม: Huyện Phong Thổ) เป็นอำเภอของจังหวัดลายเจิวตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ในปีค.ศ. 2003 อำเภอนี้ประชากรเบาบางมากมีแค่ 49,169 คน มีเนื้อที่ทั้งหมด 819 ตารางกิโลเมตร และมีเมืองหลักคือ ฟ็องโถเมืองที่เราจะนอนคืนนี้คะ โทรติดต่อพี่เถ้าแก่น้อยเรื่องทางไปที่ถึงพักเรื่อยๆ พี่แกแชร์โลเคชันมาก็ดูเป็นนะแต่ปั่นไปตามแผนที่ไม่เป็น พี่กุยมองแผนที่ปราดเดียวพาด้นทางนำหน้าไปถูกด้วยนะ555 กลุ่มเรากับพี่หัวหน้ากบเข้าที่พักชุดสุดท้าย พี่ลีจัดการติดต่อที่พักต่อรองลงเหลือ 200,000ดอง.

ประมาณ 17:30น. พอเราขนเข้าของทั้งหมดขึ้นห้องฝนก็เริ่มเทลงมาและหนักขึ้นๆ โชคดีที่พวกเราซื้อผักสดตุนมาก่อนหน้า อาหารมื้อนี้มีแค่ข้าวสวยกับผัดผัก การทำกับข้าวในห้องนี้ที่นี่ค่อนข้างยากหน่อยนะเพราะพื้นเป็นพรหม เราจึงย้ายเตาไปตั้งทำกับข้าวหน้าประตูห้องน้ำ หลังทำเสร็จกินอิ่มหนำรำราญแล้วก็ใช้กระดาษทิชชูที่พกมาจากบ้านเก็บกวาดเช็ดถูซึมซับคราบจากพื้นจนสะอาดสะอ้าน ถ้าตรงไหนเป็นรอยหยดน้ำมันก็ใส่น้ำแชมพู หรือน้ำสบู่เช็ดถูๆ ทุกที่ที่พวกเราเข้าพักไม่ทิ้งร่อยรอยสกปรกรกรุงรังให้เสียชื่อนักปั่นรุ่นหลังนะคะ

หากพวกเราทุกคนต่างทำเลอะเทอะทิ้งไว้ก่อนจาก จะมีที่พักไหนอยากต้อนรับพวกเรารุ่นหลังอีกจริงไหมคะ ออกจากห้องไปดูว่ามีใครอยู่ข้างนอกให้ถามไถ่เรื่องเวลานัดตอนเช้าไหม เดินหาทั่วไม่เห็นมีพวกเราสักคนคงจะอาบน้ำซักผ้ากันอยู่ ฝนก็กำลังตกเหมือนบังคับให้อยู่แต่ในห้องอัตโนมัติ เดินกลับห้องนอนเล่นไลน์เล่นเฟสได้แค่แป๊บเดียวความเพลียทำให้หลับผล๋อยคาโทรศัพท์ ฝนตกๆหยุดๆตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเข้าก็ยังตกปรอยๆ

ถึงจะเดินทางมาทั้งวันเหนื่อยแสนเหนื่อย แต่พอเห็นอะไรสวยงามหน่อยก็มีพลังงานแฝงกระตุ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแชะๆ ยิงรูปเล่นๆ กันอย่างมีความสุขได้อีก

นี่เตียงของฉัน
รูปภาพ

นั่นเตียงของเธอ
รูปภาพ

แม้แต่ถ่ายรูปก็ห้ามล้ำแดนนะย๊ะ
รูปภาพ
รูปภาพ

ห้องสวยเรียบร้อยได้แค่แพล๊ฟเดียว เราก็รื้อของออกมาวางกองกระจุยกระจายรกทั่วห้องอีกอยู่ดี เสาและคานเตียงกลายเป็นที่ตากเสื้อผ้าที่ซักเมื่อคือยังไม่แห้งดี ตากผึ่งแอร์รอบเตียงไปหมด ส่วนที่ใส่วันนี้พอซักเสร็จแล้วก็หาที่ตากข้างนอก พวกเราพกเชือกตากผ้ามาด้วย จึงสะดวกเลือกตากตรงไหนก็ได้ แล้วพี่มายกับพี่มลก็สบตากันยิ้มน้อยๆ ต่อด้วยเสียงหัวเราะชอบใจในผลงานที่มีฝีมือฉับไว เปลี่ยนแปลงความสวยของห้องได้ทันใด นอนหลับฝันดีตื่นมามีความสุขทั้งวัน ราตรีสวัสดิ์คะ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 มี.ค. 2018, 13:41, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

17 เมษายน “พงโท- ไลเจา- ตามเดือง”

เช้านี้ก็เหมือนทุกเช้าตั้งแต่เริ่มทริปร่วมทางมา คือทุกเช้าตื่นเช้ามาก็วุ่นวายรีบเสียบน้ำร้อนชงกาแฟ เสียบหม้อหุงข้าวสวยห่อมากินระหว่างวัน หรือต้มข้าวต้มขาวกินก่อนออกเดินทาง แล้วแต่ว่าวันไหนนึกอยากกินอะไร แต่วันนี้ตื่นสายจึง เร่งรีบเก็บสัมภาระลงกระเป๋า รีบอาบน้ำแต่งตัวแข่งกับเวลา หอบหิ้วของพลุงพลังลงมาใส่จักรยานให้ทันเวลาสมทบกลุ่ม ฝนยังลงปรอยๆ ตกๆ หยุดๆ อยู่เลย

วันนี้พวกเราจะเริ่มจากความสูงปัจจุบันที่พงโท 268เมตร ไปถึงจุดสูงสุด 1,292เมตร สูงจากระดับน้ำทะเล ระยะทางจากเมืองพงโทไปเมืองไลเจา 32ก.ม. จากเมืองไลเจาไปถึงเมืองตามเดือง 25ก.ม. ระยะทางวันนี้รวมเป็น 57ก.ม.
รูปภาพ

ลงมาข้างล่างเจอกลุ่มยืนรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมทั้งได้ข่าวว่าพี่ลีหายไปแต่เช้า แกแพ๊คกระเป๋าออกไปก่อนล่วงหน้า พี่หัวหน้ากบ พี่ดาบ พี่เถ้าแก่น้อย พี่แดง พี่เล็ก พี่มล พี่กุย และพี่มาย พวกเราทั้งหมดก็พร้อมออกเดินทาง ส่วนพี่ถังหนุ่มอิสระ แกตัดสินใจนอนรอฝนหยุดตกที่พักก่อน

รูปภาพ
รูปภาพ

ปั่นมุ่งหน้าออกไปทิศเมืองไลเจา แวะร้านอาหารร้านสุดท้ายอยู่ซ้ายมือ มองไปข้างหน้าก็ไม่มีอะไรเห็นแต่ชายป่าตีนเขา ส่วนกลุ่มพี่หัวหน้ากบกับพี่ดาบและพี่เถ้าแก่น้อยที่ปั่นตามมากินเรียบร้อยแล้ว จึงขอแยกตัวไปก่อนอาจตามพี่ลีทัน ซึ่งพี่ลีแกเดินทางล่วงหน้าคนเดียวท่ามกลางฝนตกปรอยๆ พวกเราทุกคนก็เป็นห่วงแกมาก ที่ร้านอาหารทั่วไปตั้งแต่มาเวียดนามตัวอักษรที่เขียนว่า COM (ไม่รู้อ่านว่าอะไรนะ แต่พี่มายอ่านว่า "กม") ถ้าหากเจอหน้าร้านเขียนว่า COM แวะกินได้เลยคะ ร้านอาหารนี่ขายอะไรสักอย่างเหมือนก๋วยเตี๋ยว ใส่ผักสดเป็นใบๆ บางอย่างก็ใบอ่อนทั้งยอดเลย ลองกินดูกลิ่นทะแม่งๆ เหมือนกลิ่นแมง ก็ไม่รู้สินะใส่ๆ มาเถอะถึงเวลานี้อะไรวางตรงหน้าก็กินหล่ะ
รูปภาพ

สายตาแสกนมองไปโดยรอบแค่แว๊ป.. อืมม์ดูสะอาดพอใช้ แต่พี่มลแกนึกไม่อยากกินข้าวกะทันหันขึ้นมาสะงั้น เดาว่าน่าจะเกิดจากเห็นหัวหมาที่ตลาดเมื่อเย็นวาน อารมณ์ตอนนั้นยังคงค้างอยู่ อ้าวทำไงหล่ะทีนี้! ไม่ได้! ไม่ได้! หนทางข้างหน้ามีแต่เขา และก็เขา แล้วก็เขา วันนี้ต้องปั่นดันเนินซึมชันที่ชันกว่าธรรมดาทั้งวัน ขึ้นเนินยาาาาาาาาาวพะยะค่ะ ถ้าไม่กินจะเอาแรงที่ไหนดันเนินตลอดรอดฝั่งน้อ ของกินที่่ตุนไว้ในกระเป๋าก็เหลือแต่ข้าวสาร พวกเราสามคนพยายามปะเหลาะพี่มลให้แกกิน พี่มลแกก็ตั้งหน้าตั้งตาปฎิเสธ..ไม่! ไม่!! ไม่!! โชคดีมากพี่แดงฉลาดมีปลาทุบฝอยมาเสนอ ส่วนพีกุยเห็นว่าร้านนี้มีข้าวสวยมันกินด้วยกันได้ ทั้งพี่มายพี่เล็กไม่หยุดที่จะคะยั้นคะยอ จากทุกฝ่ายช่วยกันพี่มลแกก็เลยยอมกิน

รูปภาพ


เห็นในรูปข้างล่างไหมคะ พี่มายมักจะเจอเสามีคานสองเสาทาสีแดงออกส้ม ลักษณะแบบนี้อยู่ชานเมืองอ่านไม่ออกน่าจะหมายถึงเดินทางโดยสวัสดิภาพเหมือนบ้านเราไหมคะ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 30 มี.ค. 2018, 16:01, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

17 เมษายน “พงโท- ไลเจา- ตามเดือง”
ตอนที่ 2: พี่มายลื่นตกสะพานข้ามร่องน้ำ

หลังจากกินเสร็จพวกเราก็ออกเดินทาง แอบรู้สึกอุ่นใจคนเดียวที่เช้านี้พี่แดงกับพี่เล็กอยู่ปั่นด้วยไปเรื่อยๆ เฉี่อยๆ ในแนวพี่มายที่ตามทันจึงได้ไปด้วยกัน ฝนตกปรอยๆ ตลอดเวลา มีรถมอเตอร์ไซต์และรถใหญ่วิ่งผ่านไปมาประปราย พวกเราไต่เขาขึ้นไปอย่างช้าๆ พี่มล พี่กุยก็ไปด้วยไม่ได้ห่างพี่มายไปไหน อาจมีห่างกันบ้างบางช่วงแต่ตามองเห็นกัน บางเนินเห็นด้วยตาเป็นเนินชันธรรมดา แต่ไหง๋มันไม่ใช่ มันกลับชันกระทันหันแทบเปลี่ยนเกียร์ไม่ทัน ส่วนอากาศปั่นตากฝนแบบนี้ก็ดี๊ดี ชอบปั่นตากฝนแบบนี้อยู่แล้ว เสื้อกันฝนพวกเราก็เตรียมมาพร้อมกันทุกคนไม่มีใครกังวลใจ

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

น้องหมูแสนสวยก็ชอบออกมาเดินเล่นตอนฝนตก
รูปภาพ


ปั่นไปเรื่อยแวะไปเรื่อยๆ ม้วนขา ดันบันได ถีบซ้าย ถีบขวา ดันเนินไต่ขึ้นๆ หลังกินข้าวก็ดันเนินชันทันทีแบบนี้ไม่เหมาะกับคนกินจุ กินอิ่มใหม่ๆ มันไม่ใช่เลยใช่ไหมคะ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ระหว่างแวะพักน้อย พี่มายมองเห็นก้อนหินฝั่งข้ามร่องน้ำสูงพอ น่าจะเหมาะยกขาพาดยืดเส้นสายนวดน่องขาและเอวคลายเส้นสักหน่อย จึงจะเดินข้ามสะพานน้อยเท้าแฉลบลื่นน้าแข้งฟาดสะพานล้มกระแทกพื้นกะทันหันทันใด สัญชาตญาณอัตโนมัติกางฝ่ามือยันค้ำพื้น ฝ่ามือช็อคความชาวิ่งปรู๊ดเดียวไปถึงไหล่ชาทั้งแขนทันใด แต่พอสำรวจดูแล้วก็ไม่มีแผลถลอกปอกเปิกตรงไหน หลังจากทายาของพี่เล็กและกินยาแก้ปวดดักไว้เสร็จก็ปั่นต่อได้

แต่ก็ไปได้ไม่ไกลจากจุดนั้นมาก เริ่มรู้สึกปวดระบมที่หน้าแข้งกับฝ่ามือ ปวดตอนจับแฮนด์จักรยานถ้าค้ำยันมือ หรือกำแน่นแค่นิดเดียวก็ไม่ได้ มันปวดและชานิ้วทุกนิ้วเลย ก็ฝืนปั่นต่อใจกังวลตอนดันเนินชันๆ ช่วงโน้มตัวไปข้างหน้า ม้วนขา ดันบันได ถีบซ้าย ถีบขวาซ้ำๆกัน เน้นกดแรงขาด้านดีอยู่ข้างเดียว และใช้มือด้านที่ไม่เจ็บข้างเดียวประคองแฮนด์เป็นระยะๆ ปวดจังถ้าไปต่อแบบนี้ไม่ดีแน่ ไต่ขึ้นเขาท่ามกลางฝนตกๆ หยุดๆ ถนนลื่นอย่างนี้ไม่ช้าก็เร็วไปไม่ตลอดรอดฝั่งแน่ ถึงจะไปได้ตลอดรอดฝั่งเราจะเสี่ยงทำไม หากขากับฝ่ามืออักเสบขึ้นมาอาจจะหนักกว่าเดิมอีกอดเที่ยวซาปาเลย จึงตัดสินไปโบกรถไปดักรอที่เมืองไลเจา

รูปภาพ
[youtube]https://www.youtube.com/edit?o=U&video_id=39PlRB83uKg[/youtube]
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 30 มี.ค. 2018, 15:58, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

17 เมษายน “พงโท- ไลเจา- ตามเดือง”

ตอนที่ 3:ที่นี่บขส. เมืองไลเจา
พี่มายขึ้นรถนั่งไปดักรอกลุ่มที่เมืองไลเจา แปลกใจภายในรถโดยสารท้องถิ่นที่นี่ดูสะอาดสะอ้านน่านั่ง ไม่มีตำหนิ เบาะไม่แว่งขาดวิ่นเหมือนรถตู้บ้านเรา ณ บขส. พอลงจากรถเอาจักรยานวางเท่านั้นแหละ ผู้โดยสารท้องถิ่นหรือคนรถที่บขส. หรือเปล่าก็ไม่รู้สินะ ดูแยกแยะไม่ออกซึ่งมียืนอยู่บริเวณนั้นไม่มากเท่าไหร่เป็นผู้ชายประมาณ 7-8คน เดินมารุมจับจักรยานลูบๆ คลำๆ ทั่วทั้งคันและมีคนหนึ่งถือวิสาสะขึ้นคร่อมปั่นเล่นๆ ขาหมุนติ้วๆ แต่รถแล่นย้ำอยู่กะที่ไม่ไปไหนเพราะพี่มายมักจะพักโซ่ไว้โดยวิธีใส่เกียร์เบา พรรคพวกเห็นเข้าก็พากันขำหัวเราะสนุกสนานใหญ่ จะปั่นไปไหนได้หล่ะพ่อ!! กำลังถือกระเป๋าสัมภาระเต็มมือยืนดูเก้กังๆ มึนงงสักแป๊ปก็ได้สติ เพิ่งลงรถยังไม่ได้ตั้งหลักไม่รู้ว่าจะวางตรงไหน ประการแรกต้องไปเอาจักรยานออกมาจากพวกนั้นก่อน

พอได้จักรยานคืนมาพี่มายก็เอากระเป๋าแขวนไว้ทันที มองหาที่จะนั่งหลบพวกนี้ระหว่างรอกลุ่มตามมาสมทบ ก็มองขึ้นไปบนอาคารขายตั๋วที่บขส. ซึ่งบริเวณนี้มีอาคารเดียว เป็นอาคารใหญ่ชั้นเดียวฝั่งขวาเป็นบริเวณขายตั๋ว ตรงกลางโล่งมีเก้าอี้เป็นแถวว่างเปล่าไม่มีผู้คนนั่ง ส่วนฝั่งซ้ายเป็นร้านค้าขายอาหารเครื่องดื่ม เล็งว่าจะหลบพวกนี้ต้องปั่นอ้อมไปจอดอีกด้าน แล้วขึ้นไปนั่งรอข้างในนั่นดีกว่า

เนื่องจากผ่านการปั่นตากฝนเย็นเจี๊ยบตัวยังเปียกหมาดๆ ก็เริ่มหนาวสั่นเทิ้มสะท้านทั้งตัว ปากสั่น นิ้วมือซีดเหี่ยวเหมือนคนว่ายน้ำนานๆ แล้วปลายนิ้วซีดเหี่ยวยังงั้นเลยคะ เดินไปนั่งหลบมุมร้านค้าในอาคารก็หนาว เดินหาที่นั่งมุมอื่นสองสามมุมก็หนาวเหมือนกัน และเริ่มหนาวยิ่งขึ้น หนาวจนปวดกกหู รื้อกระเป๋าหาผ้าเช็ดตัวออกมาห่มนั่งสั่นแหง็กๆ นั่งบริเวณห้องโถงดีกว่าจะได้มองเห็นจักรยานที่จอดตากฝนปรอยๆ หน้าประตูอาคารกันหายด้วย ระหว่างนั้นก็มีหนุ่มใหญ่ตามขึ้นมาพูดอะไรสักอย่างไม่เข้าใจกัน เขาเดินวนเวียนจ้องพี่มายไปๆ มาๆ และมานั่งเก้าอี้ตัวติดกันเลย แบบนี้เห็นท่าจะไม่ดีแน่ เพราะตามสถาณีขนส่งมักจะมีพวกมิจฉาชีพแฝงอยู่ทั่วโลกนะแหละ จึงแก้ปัญหาโดยยิ้มให้ทีหนึ่งแล้วก็ไม่ใส่ใจคุยตอบโต้กับเขา โดยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนรู้จัก บอกว่าเราอยู่ตรงไหนของไลเจาและมีใครกำลังคุยกับเราเผื่อเป็นข้อมูลกรณีถูกฉุด555 ลุกขึ้นยืนชี้โน้นชี้นี้บอกสถานที่ พอเขาเห็นว่าเราไม่ใส่ใจเขาก็เดินจากไป.. หลุดรอดไปได้หล่ะ..

พอเปิดไลน์กลุ่มอ่านพี่เถ้าแก่น้อยยางรั่วห่างไป 5กม. แกไม่มีสูบเปลี่ยนยางไม่ได้ นึกว่าพี่แกจะรอกลุ่มที่ตามมาที่หลังช่วย สักพักก็ไลน์แชร์โลเคชันมาอีกว่าจูงจักรยานเดินถามหาสูบมาเรื่อยๆ ตอนนี้อยู่ห่างกันประมาณ 2-3กม. พี่มายจึงปั่นจักรยานย้อนกลับไป เห็นจูงจักรยานใส่เสื้อปั่นสีแดงแสดเดินปุงเลงๆ มองเห็นเด่นชัดเป็นเป้าหมายแต่ไกล เราเดินหาบริเวณที่ไม่มีบ้านคนรื้อกระเป๋าช่วยกันเปลี่ยนล้อจักรยาน พี่เถ้าแก่น้อยตอนนั้นดูน่าสงสารนิดๆ หัวเปียกโซก เสื้อผ้าเปียกทั้งตัว แกหนาวตัวสั่นเทิ้มเหมือนเถ้าแก่น้อยเพิ่งเดินตกบ่อน้ำเย็นๆมาหมาดๆเลย555 พวกเราไม่ได้เตรียมเครื่องกันหนาวมา ใครจะนึกพกมาก็นี่มันกลางเดือนเมษายน ประเทศเราร้อนระอุ อกจะระเบิดแตกตายอยู่ทุกนาทีแต่ที่นี่ไม่ใช่ ประมาณเที่ยงเราก็ช่วยกันเปลี่ยนยางเรียบร้อย
รูปภาพ

เปลี่ยนยางเสร็จแล้วพวกเราปั่นย้อนกลับไปหากลุ่มอีกประมาณ 2กม. ก็เจอทุกคนกำลังยืนเดินนั่งดื่มน้ำเต้าฮู้ร้อนๆกินริมถนนนอยู่พร้อมหน้าอย่างสบายใจ ก้อนเมฆกำลังก่อตัวลอยระดับต่ำดำทมึนมาท่าทางจะตกหนัก เป็นวันพายุเข้าพวกเราจะสู้หนาวไหวไหมนะ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

เปิดร้านต้มกาแฟ ใครมีอะไรก็รื้อในกระเป๋าเอามาแบ่งกันกิน
รูปภาพ
รูปภาพ

เปิดร้านต้มน้ำเต้าฮู้ด้วย ขอชื่นชมกลุ่มพี่ลีที่เอาน้ำเต้าฮู้ผงซองมา มันมีประโยชน์ยามฉุกหลายอย่าง แก้หนาวได้ แก้หิวได้ อยากดื่มตอนไหนก็ฉีกซองต้มดื่มได้ และอีกอย่างที่พกมาคือปลาแห้งทุบกินง่ายได้พลังงาน
รูปภาพ

พายุกำลังจะมา คณะประชุมกัน
รูปภาพ
รูปภาพ

ท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็นและฝนตกมีแต่เสื้อกันฝน ไม่มีเสื้อกันหนาวแบบนี้ สมาชิกมีมติขึ้นรถจากเมืองไลเจายิงยาวผ่านเมืองตามเดืองตรงไปเมืองซาปาเลย เตรียมเดินทางไปสถานีขนส่ง
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 30 มี.ค. 2018, 16:45, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

17 เมษายน “พงโท- ไลเจา- ตามเดือง”

ตอนที่ 4:รถตู้โดยสารท้องถิ่นจากเมืองไลเจาไปเมืองซาปา
ณ บขส. เมืองไลเจา เราเจรจาหารถไปซาปากับคนขับรถตู้โดยตรง พวกเขายืนมุงพวกเราหลายคน มีคนหนึ่งเปิดราคาคนละ 400,000ดอง พี่หัวหน้ากบพยักหน้าเขาก็พาเดินมาที่รถจอดอีกมุมหนึ่ง พวกเรายืนรอเพราะเห็นพร้องกันว่าพี่หัวหน้ากบเก่งเรื่องต่อราคาเนียนๆ พี่หัวหน้ากบแกก็เริ่มสื่อสารขั้นตอนต่อไป โดยยิ้มผูกมิตร พูดเสียงโทนธรรมดาๆ และต่อราคาโดยเขียนตัวเลขลงบนกระดาษโน๊ตให้ดู ต่อไปต่อมาเหลือแค่คนละ 200,000ดอง หัวหน้าเราเก่งไหมหล่ะ แล้วเราก็ปลดสัมภาระขนของขึ้นรถ แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงและยิ่งกังวลใจคือ คนขับรถให้พวกเราทั้งหมดแยกไปนั่งรถอีกคน คันที่ขนรถจักรยานก็ขนจักรยานอย่างเดียว ให้พวกเราไปนั่งคันอื่นคนละคันกัน ขอร้องให้พวกเราคนเดียวนั่งร่วมไปด้วยเขาก็ไม่ยอม จึงจำใจยอมเสี่ยงเชื่อใจเขา ก่อนออกมาพี่มายก็ได้ถ่ายรูปหน้าตาไว้หล่ะ

ด้านหลังพี่กบกำลังเจรจาต่อรองราคา
รูปภาพ

ประมาณ 13.41 พวกเราเตรียมแยกกระเป๋าสัมภาระออกจากจักรยานที่ บขส.
รูปภาพ

เนื่องจากพวกเราจะต้องขึ้นรถคนละคันกับรถขนจักรยานก็ตื่นเต้น ไม่รู้ว่าสองบุคคลใครเป็นใครแต่พี่เขาอยู่ด้วยตลอดเวลาตอนเราต่อรองราคากัน เห็นว่าหล่อดีจึงถ่ายรูปไว้
รูปภาพ

ถ่ายรูปเจ้าหน้าที่ตรงทางออกไว้ด้วย
รูปภาพ

ถ่ายรูปเบอร์ติดต่อในรถที่เรานั่ง
รูปภาพ

ถ่ายรูปหน้าตาหล่อๆ สวยๆ ของพวกเราเองกันไว้ด้วยฮ่าๆ
รูปภาพ

พี่แดงถูกหนุ่มท้องถิ่นซบ คือประมาณว่าเขาเมารถหนักมาก พี่มายหันไปมองสบตาเขาพอดี เห็นท่าทางเหมือนทรมาณใจตัวเอง ฝืนอดกลั้นอัดอั้นตันใจแทบทนนั่งรถคันนี้ต่อไปไม่ไหว เห็นแล้วน่าสงสารคนเมารถนะ
รูปภาพ

คนที่นี่เขาก็ให้เกียรติคนต่างถิ่นอย่างพวกเรานะ พวกเราได้ขึ้นก่อนนั่งก่อนคนเต็มรถพวกเขาได้ขึ้นทีหลังนั่งเบียดๆกัน บางคนได้นั่งเก้าอี้เสริมเหมือนเก้าอี้ซักผ้า บางคนได้นั่งเบาะเดียวสองคนนั่งไม่สะดวกแบบนั้นจนกว่าจะถึงซาปา
รูปภาพ

วิวข้างทางทั้งวันมีแต่ภูเขา
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 30 มี.ค. 2018, 17:08, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

17 เมษายน “พงโท- ไลเจา- ตามเดือง”

ตอนที่ 5:ถึงซาปาเวลา 16.00น.

15.20น. คนขับรถโดยสารพาแวะให้เข้าห้องน้ำอยู่หลังรถตู้ ณ หน้าห้องน้ำนั่นเองเราเห็นรถตู้ขนจักรยานพวกเราจอดอยู่ด้วย เย้ๆๆ โฮยยยย ดีใจๆ ดีใจมาก จักรยานของพี่มายจ๋าจักยานตามมาติดๆหรือจ๊ะ ดีจัง คิดถึง แต่พอเปิดประตูดูเห็นแล้วก็ถึงกับผง่ะ! อ้าปากค้าง! ร้องไม่ออก! วางเทินทับถมก่ายกันไปมายัดเบียดกัน จักรยานของพี่มายจะตั้งท้องไหมนี่ ยิ่งแร๊ดอยู่ด้วยฮ่าๆๆๆๆ จะมีรอยครู๊ดไหม! รอยข่วนหล่ะ! ต้องมีสารพัดรอยเต็มตัวแน่ๆ ความสวยหายเหมิ๊ดดดดด... หล่ะทีนี้ ปรับอารมณ์แป๊บนะ ต้องทำใจยอมรับให้ได้ ถอนหายใจดังๆ เฮ้ออออ...
รูปภาพ
รูปภาพ

ระหว่างรอคนอื่นขึ้นรถเดินทางต่อ เดินยืดแข้งยืดขาดูร้านค้าขายอะไรน่าสนบ้างดีกว่า เห็นคนนั่งล้อมวงสุมหัวกันกินอะไรสักอย่างก็เข้าไปมุงดู ใครใคร่อยากกินอะไรก็เลือกหยิบกิน คนขายก็นั่งร่วมอยู่ในวงด้วยคอยเก็บตังค์ เรื่องกินพวกเราถนัดสุด ถนัดกว่าปั่นอีกคะ555
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

บ่ายแก่ๆ คณะเราก็มาถึง บขส. ตัวเมืองซาปา ต่างคนต่างช่วยขนกระเป๋าสัมภาระออกมากองสุมรวมกันบนพื้นคนละไม้คนละมือ พวกหนุ่มๆก็ช่วยกันงัดแกะเอาจักรยานที่กองสุมทับกันระเกะระกะออกจากรถตู้ ต่างคนต่างช่วยกันตรวจตราภายในรถมีใครลืมอะไรไหม มีคนหนึ่งสังเกตไฟหน้ารถหาย คนที่สองไฟหน้ารถก็หาย คนสามไฟหน้าก็รถหาย สูบก็หายด้วย สรุปใครที่ไม่ได้ถอดไฟหรืออะไหล่ออกจากจักรยานหายทุกคัน ไปค้นหาในรถยังไงก็ไม่เจอ มียังงี้ด้วยเหรอขี้ขโมยอ่ะ พูดสื่อภาษาถามกันไปมาก็ตีหน้ามึนคุยกันไม่รู้เรื่อง แม้แต่พี่มายเองแว่นกันแดดหายสองอันต้องปั่นตาสู้ลมสู้แดดยังงั้น ตอนที่พวกเราออกมาเขาก็ไล่ให้ขึ้นรถออกมาก่อน พวกเราไม่ได้เห็นตอนที่พวกเขาขนจักรยานใส่รถยังไง
รูปภาพ

เรายังไม่ที่พักก็ปั่นตามกันออกมาจาก บขส. มองโน่นนั่นนี่รอบๆดูตึกรามบ้านช่องเจริญอยู่นะ คนขับรถสวนกันไปมาคึกคัก เห็นนักท่องเที่ยวเยอะแยะกว่าทุกเมืองที่เราผ่านมา แล้วก็มีมอเตอร์ไซด์ขับมาจอดเทียบถามพวกเราว่าได้ห้องหรือยัง เป็นช่วงระหว่างฝนกำลังลงเม็ดเทลงมาพอดีพวกเรารีบบอกว่ายังคะ เขาก็ให้ปั่นตามไปห้องพัก ฝกตกอย่างนี้เราไม่อยากเสียเวลาออกหาที่อื่นอีกจึงพักที่นี่เลย ประมาณ 16.30น. เราก็ขนของขึ้นห้องภายในห้องนอนสวย ห้องน้ำก็สวยสะอาดสะอ้าน มารู้ทีหลังว่าไม่มีแอร์ไม่มีพัดลมก็มีอาการเซ็งไม่พอใจ ที่ไหนได้นั่งสักพักพวกเราพากันหนาวสั่นแง๊กๆ งั๊กๆ แต่เอ๊ะ!! เหมือนขาดอะไรไป พี่มลบอกว่า..เ ฮี ย กุ ย ห า ย!! ไม่เห็นตั้งแต่ก่อนปั่นมาที่นี่แล้ว อ้าว.. พี่กุยไม่ได้ต่อเน็ตซะด้วยสิติดต่อกันได้ไงหล่ะทีนี้ ก็รีบแจ้งพรรคพวกแยกกระจายกันออกตามหา และให้เจ้าหน้าที่ห้องพักดูรูปหน้าตาพี่กุยที่กำลังแทะข้าวโพดภาพล่าสุดให้ดู พนักงานก็ควบมอเตอร์ไซด์บึ่งออกตะเวนหาไอ้หนุ่มแทะข้าวโพดทันที 555
รูปภาพ

อยู่ในห้องสวยงามได้แป๊ปเดียว หลังจากนั้นภายในไม่กี่นาทีห้องพวกเราก็กลายสภาพเป็นสลัม ข้าวของกระจุยกระจายเป็นอย่างที่เห็น พี่มายกับพี่มลเราสบตากันแล้วก็อมยิ้ม หัวเราะก๊ากออกมา อีกแล้วนะ อีกแล้วนะ อีกแล้วฮ่าๆๆๆ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

17:43น. พี่เล็กแวะมาเยี่ยมที่ห้องแกชอบดอกไม้ที่ระเบียงห้อง ถามไถ่จะขอแจมเอาผ้าเปียกผึ่งผ้าด้วยแต่ฝนตกพรำๆตลอดเวลา และฝนสาดเข้ามาในระเบียงด้วย แกก็เลยกลับออกไป
รูปภาพ

จากหน้าต่างถ่ายรูปลงมาลักษณะห้องพักคืนนี้ เป็นห้องแถวมีสองชั้นแบ่งห้องพักมีประมาณ 3-4ห้อง ห้องพี่มายใหญ่สุดอยู่ด้านหน้ามองลงมาเห็นจักรยานพวกเราได้ แต่จอดแบบนั้นจะหายไหมน้อ ลงไปถามน้องเจ้าหน้าที่บริการห้องพัก บอกว่าตอนกลางคืนจะเอาเข้ามาไว้ด้านในให้
รูปภาพ

19:32น. เดินออกไปหาอาหารเย็นกินเห็นร้านที่คิดว่าใช่ก็แวะเข้าเลย พวกเราไม่ยอมเสียเวลา ชี้นิ้วสั่งก็ไม่รู้ว่าสั่งอะไรไปนะ แค่แป๊บเดียวก็จัดการอาหารเกลี้ยงในวิ๊ปตาไม่เหลือซาก มื้อค่ำนี้มีพี่แดงกับพี่เล็กมาร่วมทานด้วย ส่วนคนอื่นๆกระจัดกระจายไปกินที่ไหนก็ไม่รู้
รูปภาพ
รูปภาพ

บนโต๊ะที่เหลือก็แค่ถ้วยใส่ผงอะไรก็ไม่รู้นะไม่อยากชิม ลักษณะคล้ายพริกเกลือบ้านเรา และผักสด
รูปภาพ
รูปภาพ

อิ่มแล้วก็มีเวลามองสำรวจรอบๆร้าน ใช้สายตาแสกนโน่นนั่นนี่ ก็เห็นว่าร้านนี้สกปรกทุกอย่าง หม้อไหจานชามวางบนพื้นแฉะๆ ลักษณะเป็นเมือกโคลน แม้แต่โต๊ะที่เรานั่งกินก็เหนียวเหน๊อะหน๊ะ มีคราบสกปรกหนาเต๊อะ เอาชิชชูที่เราพกมาลองเช็ดดู อึยยยย์.. ดำปิ๊ดปิ๋ แหวะ! ลำใส้ขดทันใดที่กินไปทั้งหมดอยากอวกออกมาให้หมด
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 เม.ย. 2018, 10:16, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

18 เมษายน ซาปา ดินแดนโรแมนติก แห่งเวียดนามเหนือ
ตอนที่ 1:เช้านี้ที่ซาปา

ซาปา (Sa Pa :เวียดนาม) เมืองชายแดนตอนเหนือของเวียดนามในจังหวัดหล่าวกาย ตั้งอยู่บนระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,650 เมตร จึงทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี แต่ก็อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร ภูมิทัศน์สวยงามเป็นจุดเด่นที่นี่คือ มีการทำนาขั้นบันไดมากมายท่ามกลางเนินที่ลาดตามไหล่เขาทอดตัวลงมาอย่างสวยงาม เสียดายพวกเรามีเวลาจำกัดจึงอดได้ไปดูนาขั้นบันได ไม่ว่ามติกลุ่มตัดสินใจจะไปเที่ยวไหนวันนี้ ที่นี่ก็เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวอย่างพวกเราแบบสุดๆ ทุกที่ล่ะคะ อันดับแรกนัดประชุมกันก่อน พวกเราอยากจะทำอะไรกันวันนี้ ฝนตกๆหยุดๆตั้งแต่เมื่อวานจนบัดนี้ อากาศก็หน๊าวหนาว จะปั่นเที่ยวหรือเช่ารถเที่ยว วางแผนกันก่อนติ๊กๆ ต๊อกๆ
รูปภาพ
รูปภาพ

พี่ลีรับอาสาหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว และประสานงานหารถตู้ แป๊บเดียวก็ได้โปรแกรมที่่พวกเราจะไปครึ่งวันมี 6 แห่ง แต่ด้วยฟ้าปิดเลยเหลือ 5แห่ง คือ น้ำตกซิลเวอร์(Thac Bac Waterfall (Silver Falls)) ,จุดชมวิวตรามตอนพาส (Tram Ton Pass) ,บ่อเลี้ยงปลาบริเวณร้านอาหาร Nhà hàng Thác Bạc Sapa đặc sản cá Tầm, cá Hồi ,กระเช้าลอยฟ้าฟานซิปัง (Fansipan Mountain) สูงสุดเมืองซาปา ,สวน Nha Hang Mong Mu Sapa (สวนม้งมูสีสันแห่งความฝัน) ระหว่างรอพวกหนุ่มๆ ไปติดต่อเรื่องรถ พวกเราสาวๆ นั่งๆ นอนๆ บนโซฟารออยู่หน้าเค้าเตอร์บริการ ก็พบภาพแหล่งท่องเที่ยวนาขั้นบันไดข้างกำแพงอย่างที่ตั้งใจไป แต่ไม่ได้ไปเพราะสถานที่อยู่คนละทิศ ไปวันเดียวกันเวลาไม่พอ ยิงรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำ
รูปภาพ
รูปภาพ

ถึงจะเป็นสาวนักปั่นตรากตรำลมแดดฝน พวกเราจะไม่หยุดสวย เติมเต็มแต้มสีสันให้สวยงานเข้ากับธรรมชาติแห่งซาปาที่เป็นดินแดนโรติก
รูปภาพ
รูปภาพ

แต่งหน้าทาตาเสร็จ ก็ติดกิ๊บ ติดดอกไม้ ดูคิกคุบ้าๆบอๆสมวัย
รูปภาพ
รูปภาพ

ความสุขเล็กน้อยที่ 4สาวแต่งหน้าเสร็จดูสวยงามระดับนางงามจักรยาน ก่อนออกเที่ยวในวันพักผ่อนไม่ต้องปั่นวันนี้

รูปภาพ
รูปภาพ

ประมาณ 9:40น. พวกเราทุกคนก็อยู่บนรถตู้พร้อมออกเดินทาง พี่มายเมารถไม่ว่ารถคันไหนก็เมา จึงได้สิทธิ์นั่งหน้าได้คุยจ้อกับหนุ่มหล่อตลอดทางแก้เบื่อ เพราะวิวข้างทางหมอกหนาแน่นมองไม่เห็นอะไรเลย

รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 เม.ย. 2018, 10:55, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

18 เมษายน ซาปา ดินแดนโรแมนติก แห่งเวียดนามเหนือ
ตอนที่ 2:น้ำตกซิลเวอร์ Thac Bac Waterfall (Silver Falls)

Thac Bac Waterfall (Silver Falls)
น้ำตกที่มองเห็นได้จากริมถนน แต่วันนี้ได้ยินแต่เสียงน้ำตกเพราะหมอกลงหนาทึบปิดบังซ่อนเร้นวิวทั้งหมดซ่อนไว้หลังม่านหมอก เก็บค่าเข้าชมคนละ 20,000ดอง แต่ก็คุ้มค่าทางเดินขึ้นลงคนละทาง ค่อนข้างสูงชันแต่ก็เดินขึ้นลงไม่ยาก มีจุดให้พักเหนื่อยแวะชื่นชมความงดงามเป็นระยะ ขึ้นไปประมาณ 100กว่าเมตรก็ถึง พวกเราโชคดีมาช่วงที่หมอกลงหนา จึงสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ของอากาศที่แตกต่าง ธรรมชาติที่อยู่รอบกายมองเห็นรำไรไม่ชัดเจนบริเวณนี้ชวนให้ประทับใจไม่รู้ลืม เหมือนกับว่าพวกเราถูกโอบกอดด้วยความคลุมเคลือเห็นไม่ชัดเจนน่าฉงนอยากค้นหา และถูกเอาอกเอาใจเพื่อไม่ให้เงียบเหงาบรรจึงเลงเพลงด้วยเสียงน้ำตกระยะใกล้ๆ สุดฟิน!!

ตั้งแต่ผ่านด่านเก็บเงินเข้ามาก็เดินอยู่ขึ้นท่ามกลางความการมองเห็นรอบกายกันรำไร หมอกหนาบดบังมองเห็นยากกลับยิ่งเพิ่มความสวยงาม มีเสน่ห์น่าค้นหาไปอีกแบบ พี่มายกำลังเดินลอยอยู่บนมิติอื่นหรือไงนะ ตอนที่พี่มายขึ้นไปยืนกลางสะพานหน้าน้ำตกจุดนี้ยิ่งสวยมากกว่า มองขึ้นข้างบนตามเสียงน้ำตกไปจุดสูงสุดไม่เห็นต้นน้ำตกชัดเจน จึงดูเหมือนว่าน้ำตกทะลุก้อนหมอกเมฆลงมาจากฟ้า หันหน้ามองลงข้างล่างก็เห็นสิ่งต่างๆ และน้ำตกไหลลงหายแว๊ปเข้าในสายหมอกที่หนาขมุกขมัว สุขใจเกินบรรยายเขียนผ่านอักษรทีเดียว สถานที่ก็สะอาดไม่เห็นขยะถือว่าดูแลรักษาได้ดี ส่วนตัวคิดว่าถ้าวันนี้ไม่มีหมอกหนาบดบังคงดูธรรมดามาก ถามว่าสวยมั้ยพี่มายคิดว่าเพราะหมอกทำให้สวย และสวยเพราะพวกเราทุกคนได้ขลุกอยู่ด้วยกันก็เป็นสุขยิ่งกว่าสิ่งใดแล้วคะ


หมอกหนาจัดแบบนี้ ถ้าพวกเราปั่นจักรยานขึ้นเขาไหลลงเขา ทัศนวิสัยมองเห็นข้างหน้าระยะใกล้ๆ อันตรายมากเพราะมองไม่เห็นกัน ไฟจักรยานสว่างไม่พอให้รถสวนมาเห็น
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

หมอกหนาตอน 10:30น. หลังจากชมน้ำตกเสร็จเดินลงมา ถ้าพวกเรามาถึงน้ำตกแต่เช้ามืดคงต้องคลำหากัน หรือเอาเชือกผูกเอวกันคลาดกันไหมหละ
รูปภาพ
รูปภาพ

จุดผ่านทาง
รูปภาพ

เห็นสะพานในรูปไหมคะ กำลังเดินขึ้นไปตรงจุดนั้นอีก สวยมากคะ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ปลายบันไดหายไปกับสายหมอก
รูปภาพ

ภาพบรรยากาศกลางสะพานหน้าน้ำตก
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

มองจากสะพานลงไปเห็นทุกสิ่งรำไรๆ ช่างงดงามท่ามกลางเสียงน้ำตกในขุนเขา เป็นสุขใจจัง
รูปภาพ

จากสะพานถ่ายรูปขึ้นไปมองไม่เห็นยอดของน้ำตก
รูปภาพ
รูปภาพ

ข้ามสะพานมาก็เป็นทางขาลง
รูปภาพ
รูปภาพ

ได้ถ่ายรูปดื่มด่ำบรรยากาศใกล้ชิดกับน้ำตกตลอดเวลาเลย
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะควักโทรศัพท์ออกมาเก็บเกี่ยวความทรงจำผ่านมือถือไว้กันลืม
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ถัดจากตรงจุดนี้ไปไม่ไกลนักเป็นน้ำตกเลิฟ Love Waterfall เมื่อถึงทางเข้าจะต้องเดินเข้าไปยังน้ำตกอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ถ้าจะต้องเดินเข้าป่าซึ่งหมอกลงหนามองไม่เห็นอะไรแบบนี้ก็ไม่อยากไปทำให้พวกเรายกเลิก
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 เม.ย. 2018, 11:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
พัทธวรรณ์ K.
สมาชิก
สมาชิก
โพสต์: 75
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2015, 16:41
team: ฅนปั่นอิสระ
Bike: Touring เสือหมอบ เสือภูเขา
ติดต่อ:

Re: สรุปทริปทัวร์ริ่ง / ลาว - ซาปาเวียดนาม

โพสต์ โดย พัทธวรรณ์ K. »

18 เมษายน ซาปา ดินแดนโรแมนติก แห่งเวียดนามเหนือ
ตอนที่ 3:จุดชมวิว ตรามตอนพาส Tram Ton Pass)

จุดชมวิวตรามตอนพาส ตั้งอยู่ริมถนนทางไป Lai Chau จุดนี้เป็นจุดชมวิวช่องเขาแห่งตำนานได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน 4ช่องเขาที่ยาวและคดเคี้ยวสูงชันอันตรายที่สุดในเขตขุนเขาภาคเหนือของเวียดนาม เหมาะเป็นจุดหมายนักปั่นแนวผจญภัยอย่างพวกเรามาพิชิตสร้างเรื่องราวแห่งตำนานที่ประทับใจให้แก่ตัวเองบ้างสักครั้ง เนื่องจากช่วงที่พวกเรามาสภาพอากาศไม่อำนวยจึงพลาดโอกาสนี้เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก

ชาวท้องถิ่นได้เรียกช่องเขานี้ว่าช่องเขา “โอกวีโห่” ก็เนื่องจากที่นี่มีนกชนิดหนึ่งที่มีเสียงร้องเร้าใจมากซึ่งผูกพันกับตำนานความรักระหว่างมนุษย์กับนางฟ้า โดยตามเรื่องเล่าขานนั้นมีหนุ่มคนหนึ่งชื่อ โอกวีโห่ ได้พบเจอกับนางฟ้าที่ลงมาเล่นน้ำแล้วก็เกิดรักกัน แต่ทั้งคู่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะคิดถึงคนรักนางฟ้าก็ได้กลายเป็นนกที่มีขนสีทอง และบินวนเวียนแถวนี้ แล้วร้องเรียกชื่อโอกวีโห่

แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนชอบเรียกช่องเขาแห่งนี้ว่า ช่องเขาเมิย หรือช่องเขาแห่งเมฆเพราะที่นี่ถูกโอบล้อมด้วยเมฆหมอกตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเมื่อผ่านเขตนี้ในช่วงบ่าย จะรู้สึกเหมือนกำลังยืนกลางทะเลเมฆ ส่วนในช่วงที่ฟ้าใสก็จะเห็นภาพของป่าเขาและถนนขึ้นเขาที่คดเคี้ยวเป็นเส้นหยักยึกยักล้อมรอบภูเขา รวมทั้งเห็นความสวยงามของยอดเขาฟานซีปังด้วย นายหวูเจื่องยาง ชาวเมืองซาปาได้เผยว่าขุนเขาที่นี่เป็น “ประตูสู่สวรรค์ของซาปา” ซึ่งมีความสูงเกือบ 2พันเมตร

หลังเดินขึ้นชมน้ำตกลงมาถึงทางออกของตกซิลเวอร์ประมาณ 11.00น. ข้ามถนนเดินกลับมาที่รถพวกเราแวะเติมอาหารปิ้งๆ ย่างๆ จากร้านค้าท้องถิ่นริมถนน เดินทางอยู่ต่างถิ่นถึงเวลาก็ต้องกิน จะชอบกินหรือไม่ชอบก็ต้องหาอะไรกินรองท้องตุนไว้
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

เจอข้าวหลามสีม่วงสวยแปลกตา เห็นปุ๊ป.. อุ๋ย..อยากกิน ซื้อปั๊บกลืนคำแรกรสชาติจืดชืดแห้งฝืดติดคอ ไม่มีความอร่อยสักนิด ขายได้ไงนะ
รูปภาพ

ประมาณ 11.21น. มาถึงจุดชมวิวตรามตอนพาส โชคดีได้ถ่ายรูปสองสามรูปทันก่อนหมอกหนาจะมา และฟ้าปิดไม่ได้ชมวิอีกเลย

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

ช่วงเวลาที่พวกเราเพิ่งมาถึงก็งุ่นง่านง่วนอยู่กับการถ่ายรูปกันเองระยะห่างกันแค่สองนาทีนิดๆ สังเกตแต่ละรูปจะเห็นหมอกหนาลอยผ่านมา พวกเราก็อดได้ชมวิวทิวทัศน์ช่องเขาโอกวีโห่ และยอดเขาฟานซีปังอีกเลย นอกจากเห็นแค่วิวคนหล่อคนสวยของนักปั่นด้วยกันเอง
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

อยู่ตรงนี้ประมาณ 15นาทีในเมื่อไม่มีอะไรให้ชม พวกหนุ่มๆก็กุมไข่และเดินจากไป ฮ่าๆๆๆ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย พัทธวรรณ์ K. เมื่อ 14 เม.ย. 2018, 12:33, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง
ตอบกลับ

กลับไปยัง “สรุปทริป / รายงานการปั่น”