บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

ผู้ดูแล: nott0209

กฏการใช้บอร์ด
381 ถนนจอมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
Maa
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 236
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 23:34
Tel: 0841686552
team: PCS CANNONDALE MTB

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย Maa »

รับทราบครับ
รับซ่อม จักรยาน ทุกชนิด และซ่อมมอเตอร์ไซค์ ให้คำแนะนำต่างๆฟรี
เพื่อความสะดวก กรุณาโทรติดต่อล่วงหน้า 084-1686552 ช่างหม่า line id: marmotorbike
รูปประจำตัวสมาชิก
เอก & อ.อะไหล่
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 727
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 16:36
Tel: 0885844889
team: ชมรมเพื่อสุขภาพจังหวัดเลย
Bike: OLTRE,KHS

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย เอก & อ.อะไหล่ »

หม่า วันเสาร์ออกปั่นกี่โมง เส้นทางไหน จะไปปั่นด้วย
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
รับสั่งด่วน อะไหล่รถเก๋งและรถกระบะ
เอก(RAMAII)
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 520
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 11:54
Tel: 0813597800
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล
Bike: Trek 1400
ติดต่อ:

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย เอก(RAMAII) »

เอก & อ.อะไหล่ เขียน:หม่า วันเสาร์ออกปั่นกี่โมง เส้นทางไหน จะไปปั่นด้วย
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
ขออนุญาต ตอบแทนหม่าครับ พี่ เสาร์ออกรอบประมาณ 6:30 ครับ เจอกันร้านหม่า ปั่นไป ท่าช้าง เข้าสนามบิน แล้วก้อขี่เข้าเมืองครับ ;)
ArtKorat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4216
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 18:48
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล / PCS Cycling Team
Bike: Colnago Master 55

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย ArtKorat »

8-) ผมว่าโทรถามดีกว่านะเอกสองอาทิตย์ทีผ่านมาปั่นในที่ มทส ครับเจอกันที่ปั๊มปตท แต่เสาร์นี้ไม่ทราบครับ
รูปประจำตัวสมาชิก
เอก & อ.อะไหล่
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 727
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2011, 16:36
Tel: 0885844889
team: ชมรมเพื่อสุขภาพจังหวัดเลย
Bike: OLTRE,KHS

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย เอก & อ.อะไหล่ »

ArtKorat เขียน:8-) ผมว่าโทรถามดีกว่านะเอกสองอาทิตย์ทีผ่านมาปั่นในที่ มทส ครับเจอกันที่ปั๊มปตท แต่เสาร์นี้ไม่ทราบครับ

รับทราบครับ วันนี้กลับโคราชครับ ตอนเย็นว่าจะเข้าไปหาหม่าอยู่ครับ อิอิ
:mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen: :mrgreen:
รับสั่งด่วน อะไหล่รถเก๋งและรถกระบะ
รูปประจำตัวสมาชิก
Ton TWS
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 5307
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2010, 13:38
team: TWS/Korat Bike
Bike: TREK
ตำแหน่ง: NAKHONRATCHASIMA

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย Ton TWS »

สรุปแล้วเสาร์นี้ปั่นออกกำลังกายยามเช้า จุดนัดพบที่ปั๊มปตท.หน้าสนามกีฬา 80 ปี เวลา 6.30 น. ปั่นกันในมทส. ใช้เวลาปั่น 2 ชม.เศษ ซ้อมแอโรบิค 1.5 ชม.กับพาวเวอร์ สปรินต์ 4 รอบครับ
เอก(RAMAII)
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 520
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 11:54
Tel: 0813597800
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล
Bike: Trek 1400
ติดต่อ:

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย เอก(RAMAII) »

รับทราบครับ ;)
ArtKorat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4216
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 18:48
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล / PCS Cycling Team
Bike: Colnago Master 55

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย ArtKorat »

หลักการสคว๊อดเราจะสคว๊อด20ครั้งต่อเซ็ททำจำนวน3เซ็ทก็จริง แต่การสคว๊อดไม่ถูกวิธีอาจทำให้ร่างกายบาดเจ็บและที่สำคัญกล้ามขาคนละชนิดที่เราต้องการจะโตเบียดกล้ามเนื้อที่ทำงานเร็ว การที่กล้ามเนื้อเพิ่มขนาดหน้าตัดให้ใหญ่ขึ้น แต่หน้าตัดกล้ามเนื้อที่เพิ่มมากขึ้นนั้นมีไมโตคอนเดรียที่เจือจางกว่า เราสามารถเพิ่มแรงก็จริงแต่กล้ามเนื้อพวกนี้ไม่ทนทานนัก อาการกล้ามเนื้อโตแบบนี้เรียกว่า Hyperthrophy ลองเสิร์ชหาคำนี้ก็ได้นะครับ

ดังนั้นนักกีฬาที่ปั่นในลู่จะไปคนละทางกับนั้กกีฬาที่ปั่นอินไลน์ก็ตรงนี้ล่ะครับ ทางหนึ่งต้องการกล้ามเนื้อแบบHyperthrophyผ่านการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทีขนาดใหญ่ถึงแม้ว่าmitochrondriaมีความเจือจางกว่าแต่ไม่ได้หมายความว่ารวมแล้วจะมีน้อยกว่า แต่พอมันเจือจางกว่ามันจะออกแรงยาวๆส่งพลังให้กล้ามเนื้อนานๆไม่ได้ แต่ด้วยมวลของกล้ามเนื้อเราจะระเบิดพลังในระยะสั้นๆได้ดี ส่วนพวกอินไลน์เราอยากเพิ่มพลังของกล้ามเนื้อเราจะใช้อีกวิธี โดยการกระตุ้นผ่านทางระบบประสาท หรือที่เรียกภาษาประกิดว่า Nerve Regulating Force เมื่อประบบประสาทถูกกระตุ้นจนมันเกิดโอเวอร์แล๊ปจากการที่เรากระตุ้นที่ความถี่สูง เราก็จะมีพลังในของกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น

การที่เราปั่นเน้นแต่การกระตุ้นกล้ามเนื้อผ่านระบบประสามอย่างเดียวเราก็จะขาดแรงกด การที่เราเน้นสร้างกล้ามเนื้อแบบHyperthrophyอย่างเดียว เราก็จะขาดความทนทานและความเร็ว

ถ้าเราจะไปทางอินไลน์ เราจะต้องกล้ามเนื้อที่ตอบสนองต่อระบบประสาทมากกว่ากล้ามเนื้อจำพวกไฮเปอร์โทรฟี่ การซ้อมที่เราทำผ่านมาก็คือการทำการซ้อมจี้มอไซด์ การซ้อมผ่านพาวเวอร์สปรินท์ ถ้ารอบขาช้าไปเราจะได้ Hyperthrophy (ซึ่งมีด้านบวกและลบ) แต่ถ้ารอบขาเราไม่ได้ช้าจนเกินไปเราจะกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อที่ตอบสนองต่อความถี่ที่ดีกว่าเดิม
ArtKorat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4216
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 18:48
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล / PCS Cycling Team
Bike: Colnago Master 55

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย ArtKorat »

การซ้อมให้แข็งแรงสำหรับคนที่เริ่มปั่น

การเข้าคอร์ทซ้อมเพิ่มความหนักของการซ้อมอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องสำหรับคนที่เพิ่งหัดปั่นใหม่ๆ สำหรับคนที่หัดปั่นการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบแอโรบิกทำได้โดยการปั่นนานๆติดต่อกันบ่อยๆในแต่ละอาทิตย์ครับ การเข้าคอร์ทอินเทอร์วัลหรือการทำสิ่งอื่นใดเหมือนกับการเร่งบ่มผลไม้ให้สุก จะเสียของและเราจะhit the plato ก่อนเวลาอันควร ดังนั้นสร้างแอโรบิกเอ็นจิ้นผ่านการปั่นที่เรียกว่าจั๊งไมล์หรือการปั่นเยอะยาวๆก่อน เมื่อร่างการเรียนรู้พัฒนาระบบแอโรบิกให้ดีแล้วเราก็จะมาปั่นเน้นความพิเศษสำหรับการแข่งขัน การปั่นไปเที่ยวระยะทาง100-200กิโมตรนั้นเราปั่นกันถึงได้โดยที่ไม่ต้องทำการซ้อมแบบลงคอร์ทซ้อมแต่อย่างใด

ส่วนบรรดาขาแรงทั้งหลายเร็วจริงแรงจริงแต่ปั่นเร็วแรงไม่เกิน60กิโลเมตรแล้วต้องพักต้องกิน บอกไว้เลยว่าได้แค่ซ่าส์กับคนที่อ่อนกว่าเท่านั้น แต่คนที่แข็งแรงกว่ารับรองได้ว่าซ่าส์ไม่ออก ปั่นไปก็ต้องเหี่ยวปลาย

ขอให้แค่ปั่นแอโรบิกให้นาน ปั่นให้ทน เราจะปั่นหัวแถว ปั่นเองยาวๆได้ เดี๋ยวอะไรดีๆก็ตามมาครับ

จำไว้ว่า ปั่นช้าไม่เป็นปั่นเร็วไม่ได้ :geek:
รูปประจำตัวสมาชิก
Ton TWS
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 5307
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2010, 13:38
team: TWS/Korat Bike
Bike: TREK
ตำแหน่ง: NAKHONRATCHASIMA

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย Ton TWS »

จะจำไว้ครับ :D
รูปประจำตัวสมาชิก
xander
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1078
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 19:12
Bike: GIANT TCR ISP , CAAD 12

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย xander »

สืบเนื่องจากมีคน ถามผมเกี่ยวกับเรื่องการลด นำ้หนักกันเยอะ ผมขอสรุปเอาแบบสั้นๆนะครับ ถ้าผิดพลาดประการใด ช่วยเสริมด้วยครับ
พอดีผมไปเจอบทความเกี่ยวกับเรื่องการฝึก ด้วย Heart rate
http://www.bodybuilding.com/fun/likness19.htm

สรุปได้ใจความแบบนี้ครับ คือที่
60% - 70% = fat-burning zone โซนนี้ร่างกายจะใช้พลังงานจาก ไขมัน ถึง 65% ของ แคล ที่ใช้ไป
70% - 80% = aerobic zone โซนนี้ร่างกายจะใช้พลังงานจาก ไขมัน 45% ของ แคล ที่ใช้ไป

เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า ถ้าเราอยู่ในโซน fat burn เราจะ burn fat ทิ้งได้เยอะกว่า ถ้าเบิร์นในจำนวน cal ที่เท่ากัน
ในบทความอาจมีการแย้งว่า การเบิร์นที่ AERObic ZONE ใช้ สัดส่วนของไขมัน น้อยกว่าจริง แต่ในเวลาที่เท่ากันaerobic zone อาจได้ cal ที่เยอะกว่า พอ คำนวนออกมาแล้วอาจใช้ Fat เยอะกว่า แต่จากการทดสอบของผมแล้วเนี่ย ใน 1 ชั่วโมง
ถ้า โซน FAT burn ผมได้ประมาณ 500 cal แปลว่า Burn fat ได้ 325 cal
ถ้า โซน aero bic ผมได้ประมาณ600 cal แปลว่า Burn fat ได้ 270 cal
ซึ่งดูแล้วยังไงๆ โซน fat burn ก็ใช้ fat ได้เยอะกว่าจริงๆ และที่สำคัญนะครับ ความเหนื่อยผิดกันเยอะครับ

คำถามต่อมานะครับ จะลดไขมันกิโลนึงต้อง เบิร์นกี่แคล จาก หนังสือ ของ คริส คามิคาล บอกว่า 7000 แคลนะครับ
ใครจะลดเท่าไร ต้องลองคำนวนกันนะครับว่าจะเอาลงกี่โล แต่ถ้าเร็วมากๆ จะเสียกล้ามเนื้อไปด้วย
แต่ก็จากหนังสือเล่มเดิมครับ เขาแนะนำให้กิน อาหารโดยคำนวนเป็น แคลว่า ให้กิน 13 cal ต่อ นำ้หนักตัว 1 ปอนด์
อย่างผมหนัก 68 กิโล แปลว่ากินได้ 1944 cal

แต่ถ้าให้ชัวร์กว่านี้นะครับ ต้องไปลอง สแกนบอดี้แฟทครับ อย่างของผมเนี่ย สแกนที่ ฟิตเนส มันบอกได้เลยว่า Lean mass เท่าไร cal ชั้นต่ำในการ maintain นน เท่าไร ผมก็จะสามารถ วางแผนได้อย่างคร่าวๆ เลยครับว่า วันนี้จะกินเท่าไร ต้องเบิร์นแฟทเท่าไร

สุดท้ายนี้แถมอีกนิดครับ แลนซ์ ใช้วิธีการลด นำ้หนัด้วยการ ออกไปซ้อมเบาๆตอนเช้า และ ซ้อมเบาๆ เพิ่มเติมหลังซ้อมนะครับ ในช่วง สามเดือนก่อนแข่ง ตูร์
และ Body fat ของ Lance ช่วงแข่งตูร์ เหลือ แค่ 3% ครับ ถือว่าน้อยมากกกก
กางเกง แนว Cycling wear ทางนี้ครับ https://www.facebook.com/pages/Peloton- ... fref=photo
รูปประจำตัวสมาชิก
Ton TWS
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 5307
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ส.ค. 2010, 13:38
team: TWS/Korat Bike
Bike: TREK
ตำแหน่ง: NAKHONRATCHASIMA

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย Ton TWS »

Thanks krub. :D
ArtKorat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4216
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 18:48
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล / PCS Cycling Team
Bike: Colnago Master 55

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย ArtKorat »

หนังสือออนไลน์วิจัยของ ASEP.ORG American Society of Exercise and Physiologist

การจะปั่นไทม์ไทล์ได้ดีนั้นนักกีฬาจำเป็นที่จะต้องฝึกเพื่อปั่นให้ได้Watt Average สูงที่สุดแต่น้อยคนจะรู้ว่าคนเราส่วนมากจะปั่นได้แรงม้าสูงสุดก็ตรงตำแหน่งที่ร่างกายได้ฝึกมา เช่นถ้าเราจับฮู๊ดหรือจับที่ด้านบนแล้วปั่นเป็นประจำ จากการวิจัยค้นพบว่าWatt Averageที่ตำแหน่งนี้จะดีที่สุดของนักกีฬาด้วยเช่นกัน และไม่น่าเชื่อว่าถ้าอยู่ดีๆเปลี่ยนมาจับที่ดร๊อปบาร์หรือตำแหน่งอื่นที่ไม่เคยจับมาก่อน Watt Average จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึงแม้ว่าตำแหน่งดังกล่าวจะลดแรงต้านของลมได้เป็นอย่างมากก็ตามแต่ใช่ว่ามันจะเป็นผลดีต่อนักกีฬา

สิ่งต่อมาการปั่นโดยใช้หมวกที่ปิดทางเข้าของลมและไม่ก้มหน้าเวลาปั่นรวมไปถึงการใช้แอโรบาร์ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ผลทดสอบจากอุโมงลมพบว่าการใช้หมวดแอโร่และแอโร่บาร์จะช่วยลดการใช้Wattได้มากสุดถึง30% ถ้าคนที่มีแรงปั่น300 Watt ผลของการใช้แอโร่บาร์และหมวกจะประหยัดเวลาได้มากถึง90วินาทีถ้าเทียบกับการปั่นที่ไม่ใช้หมวกแอโร่และไม่ติดแอโร่บาร์

แต่การที่จะนำนักกีฬาใส่หมวกหรือติดแอโร่บาร์เพียงแค่4อาทิตย์ก่อนแข่งนั้นจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดีต่อนักกีฬา สิ่งผิดพลาดในการซ้อมที่ไม่ควรจะมองข้ามโดยทีมผู้ฝึกสอน ก็คือตำแหน่งการวางมือของนักกีฬาตอนซ้อมปั่นไทม์ไทล ถ้าตอนซ้อมใช้จักรยานคนละคันกับตอนแข่งจะเสียหายเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นถ้าตอนซ้อมยังจับตำแหน่งที่วางมือบนชิฟเตอร์อยู่ ก็ต้องจำเป็นที่ต้องฝึกร่างกายให้สามารถจับที่ดร๊อปบาร์จนเป็นธรรมชาติสามารถปั่นได้70กิโลเมตรรวด เพื่อผลทางแอโรไดนามิกที่ดีกว่า การจะมาจับเพียงเฉพาะตอนขึ้นนำหรือเอามาติดแค่ตอนก่อนจะแข่งนั้น แรงวัตจะไม่ได้สูงดั่งใจที่หวังถึงแม้จะมีแอโร่ได้นามิกที่ดีกว่าแต่ส่วนมากผลที่ออกมานั้นจะไม่ได้เป็นไปตามหวัง เพราะอะไรWattที่เราสร้างถึงเปลี่ยนเมื่อร่างกายอยู่ในตำแหน่งที่ต่างออกไป?

คำตอบอยู่ที่ถ้าตำแหน่งมุมของเอวเปลี่ยเกิน11องศา จะมีผลต่อการที่ร่างกายใช้อ๊อกซีเจนอย่างมีนัยสำคัญ ผลงานวิจัยพบว่าVo2Maxที่ได้นั้นจะได้มากที่สุดในตำแหน่งที่รถได้ใช้ในการซ้อมเป็นประจำและเป็นตำแหน่งที่ปั่นเป็นประจำ ผลกระทบนี้จะมีมากเวลาที่มุมของเอวแคบลง(ก้มตัวลง) แต่คนที่ฝึกปั่นก้มตัวใช้แอโร่บาร์หรือจับที่ดร๊อปบาร์เป็นประจำเมื่อปั่นในตำแหน่งที่มุมของเอวกว้างขึ้นมากกว่า11องศา(จับที่ชิฟเตอร์) ถึงแม้ว่าแรงWatt Peakจะลดลงแต่ Watt Averageแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลง

โดยสรุป ถ้าจะปั่นไทม์ไทล แอโร่บาร์และหมวกมีความจำเป็น และจะต้องซ้อมในตำแหน่งนี้จนร่างกายคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดีถึงจะสามารถดึงศักยภาพของนักกีฒาออกมาได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
ArtKorat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4216
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 18:48
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล / PCS Cycling Team
Bike: Colnago Master 55

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย ArtKorat »

ความเข้าใจแบบ sterio type ของการแข่งไทม์ไทล์ของคนไทยบางครั้งก็ทำให้เข้าใจผิดได้

ไทม์ไทล์ที่จริงก็แปลมาจากคำฝรั่งเศษที่เขียนว่า contre la montre หรือแปลตรงๆในฝรั่งเศสก็คือการปั่นแข่งกับเวลา ในภาษาอิตาลี่เรียกว่า tappa a cronometroแปลเป็นไทยก็คือนาฬิกาจับเวลา ส่วนมากจะใช้สนามที่ราบเรียบและปั่นกันเป็นรอบเพื่อที่จะเช็คเวลาได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ในเมื่อการปั่นtime trialคู่แข่งของเราจริงๆก็คือเวลา เราก็ต้องรู้ว่าเวลาของเราดีที่สุดเป็นเท่าไหร่แล้วเราต้องทำให้ดีกว่าเวลาเดิมที่เราเคยทำมา

มันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจว่าสนามแข่ง Race Courseนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร ถึงแม้สเตอริโอไทป์จะพาเรานึกไปถึงการปั่นรอบละ40กิโลเส้นทางราบเรียบ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้มีกำหนดเลย สภาพของสนามแข่งจะเป็นตัวการทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันได้มากถ้านักกีฬามิได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี สนามแบ่งเป็นสองจำพวกใหญ่ๆ สนามแบบทั่วไปก็อย่างที่เราเข้าใจก็สนามที่ราบเรียบมีเนินบ้างเล็กน้อยเพราะว่าจะหาที่ไหนแบนราบเป็นหน้ากระดานนั้นคงจะไม่มี มีโค้งที่เป็นธรรมชาติที่มีผลกระทบน้อยไม่ต้องใช้ทักษะในการเข้าโค้งอะไรทำนองนั้น กับสนามอีกแบบที่ภาษาอังกฤษจะเรียกว่าเป็น Technical Course หรือสนามแข่งที่ต้องมีทักษะ เช่นสนามแข่งที่มีโค้งเลี้ยวไปเลี้ยวมาลงเขาความเร็วสูง หรือว่าสนามที่มีการปั่นผ่านเขาและเนินที่ชัน หรือแม้กระทั่งสนามที่เป็นรอบสั้นมีจุดกลับตัว สนามเหล่านี้ต้องการทักษะมากไปกว่าพลังของนักกีฬา

เมื่อเราเข้าใจว่าสนามนั้นเป็นการทดสอบของพลังล้วนๆการซ้อมก็จะต้องอ๊อปติไมซ์เพื่อให้เราสารมารถสร้างพลังได้มากๆเพื่อให้พลังสร้างความแต่งต่างและลดเวลาของเราลง แต่ถ้าสนามเป็นtechnical courseก็จำเป็นอย่างมากที่นักกีฬานอกจากจะฝึกเพื่อมีพลังแล้วยังต้องเติมทักษะที่สอกคล้องกับสนามเข้าไปด้วย คิดง่ายๆว่าถ้ามีการขึ้นเขาลงเขาการที่เราปั่นขึ้นเขาและลงเขาได้ดีก็จะช่วยลดเวลา แต่ถ้าเรานั่งตำแหน่งแอโร่บาร์แล้วปั่นขึ้นเขาไม่ได้ดี(ยืนโยกไม่ได้) เราก็จะพบกับตัวเองเสียเวลาอันมีค่าไป หรือว่าลงเขาด้วยแฮนด์จับอยู่ที่แอโร่บาร์ไม่ได้ประคองรถได้ไม่มั่นคง เราก็จะพบตัวเองเสียเวลาอันมีค่าไป หรือแม้กระทั่งอุปสรรคทางเทคนิกเล็กๆเช่นการกลับตัวที่ทำให้เสียเวลาไป5-10วินาที ถ้าต้องกลับตัว10ครั้ง นั่นก็คือ 50-100วินาที นั่นเกือบจะน๊อกรอบกันเลยทีเดียว

ในบางสนามที่เป็นเทคนิกคอลมากๆก็จะต้องเซ็ทจักรยานให้เหมาะกับสนามนั้นๆและนักจักรยานเองก็จะต้องซ้อมบนจักรยานดังกล่าวให้นิ่งและให้นานพอจนกล้ามเนื้อสามารถสร้างแรงได้ดีที่สุดโดยกล้ามเนื้อไม่ออกแรงต้านกันเอง

โดยสรุป สนามที่เป็นSterio Type ก็เน้นการซ้อมกันที่พลัง สนามที่เป็น Technical Course นักกีฬาก็จำเป็นที่จะต้องฝึกทักษะไปพร้อมกับการสร้างพลังเพื่อลดเวลาด้วยเช่นกัน การซ้อมแบบนี้ไม่มีตำราว่าจะทำได้อย่างไรมันต้องได้ทำและเรียนรู้เทคนิกจนคล่อง และต้องทำบ่อยๆจนขึ้นใจ
ArtKorat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4216
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 18:48
team: เสือเฒ่าโคราชทวีผล / PCS Cycling Team
Bike: Colnago Master 55

Re: บทความต่างๆของต่างประเทศ เอามาปะไว้ครับ จะได้อ้างอิงง่ายๆหน่อยไม่ต้องหาหลายที่ครับ

โพสต์ โดย ArtKorat »

ลับสมองลองปัญญาอีกครั้ง วันนี้ผมแปลมาให้เพิ่มอีกหลายหน้านะครับ ค่อยๆอ่านไปเรื่อยๆก็แล้วกัน


กลยุทธ์ถนนแข่ง
คุณชนะการแข่งขันบนท้องถนนได้อย่างไร มือใหม่จะถามว่า ผมจะชนะการแข่งแบบถนนได้อย่างไร เดาได้ว่าเค้าคงจะไม่ได้หมายถึงแผนหารซ้อมตั้งแต่ตอนอายุ16 เค้าคงจะถามถึงเรื่องหลักของกลยุทธ์ กลยุทธ์ที่ใช้ในการแข่ง ซึงคล้ายๆกับอาการของปัจจัยที่เกิดขึ้นหลายๆปัจจัยระหว่างช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งจะต้องตัดสินใจเพื่อที่จะทำให้เพิ่มจุดแข็งให้กับตัวเองเทียบกับคู่แข่งเพื่อให้ได้ผลลัพท์ออกมาดีที่สุดสำหรับตัวของเขาเอง นเป็นการออกกำลังกายทางจิตใจที่เกี่ยวข้องกับทักษะทางกายภาพอย่างลึกซึ้ง : ตัวอย่างเช่นผู้ขับขี่ที่มีฝีมือเข้าโค้งจะมีข้อได้เปรียบทางยุทธวิธีสำหรับสนามที่เป็นสนามที่ค่อนข้างเทคนิกคอล(สนามที่ต้องการSkillของนักกีฬา) หรือคนที่ลงเขาได้ดีก็จะได้เปรียบในเส้นทางที่ลงเขามากๆ

สติปัญญาและจิตใจทางด้านการการแข่งจักรยานถนนนั้นคล้ายกับการเล่นหมากรุกเป็นอย่างมาก: หลักการพื้นฐานที่ง่ายมาก แต่ความซับซ้อนตอนการนำไปใช้ทำให้ผลที่ได้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทุกรูปแบบของการแข่งจักรยาน โดยปล่อยตัวหลายๆคน จะมีปัจจัยหนึ่งที่มีอยู่เสมอนั่นก็คือ คนที่ใกล้ทางลมมากที่สุดจะต้องทำงานมากที่สุด นักปั่นที่อยู่ด้านหลังของคนที่ปั่นนำอยู่ด้านหน้าที่ทำรูปทรงแบบหน้ากระดานเรียงแถว4คน เค้าจะใช้พลังน้อยกว่า20% และถ้าอยู่กลางกลุ่มขนาดใหญ่อาจใช้พลังงานน้อยกว่าถึง45%ถ้าเทียบกับผู้นำกลุ่ม นี่คือพื้นฐานที่กลยุทธ์ทั้งหมด ตัวอย่างเช่น คนสองคนเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถเท่าเทียมกันในทุกด้าน คนที่ตามหลังคนหน้านั้นย่อมได้เปรียบเพราะว่าคนหน้าแหวกลมให้ คนที่อยู่ด้านหน้าจะเหนื่อยมากกว่าคนที่อยู่ด้านหลัง

นึกถึงภาพนักปั่นสามคน ที่เหมาะสำหรับสภาพที่ต่างๆที่เค้าถนัด

ไรเดอร์ A แข็งแรงมากๆ เค้ามีความทนทานสูง ปั่นคนเดียวได้เร็วมากหาคนจะชนะเค้ายาก สามารถที่จะชนะได้ตัวเอง
ไรเดอร์ B มีอย่างรวดเร็ว ปั่นได้เร็วมากไม่มีใครเร่งได้เร็วและไปได้เร็วเท่าเค้า เขาชวนคนอื่นๆลากเค้าไปหน้าเส้นไปในสถานการณ์ที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะเค้าได้
ไรเดอร์ C เป็นนักปีนเขา ไม่ว่าเขาจะสภาพเช่นไรเค้าสามารถกระชากให้ทุกคนไปอยู่ข้างหลังได้อย่างง่ายดาย

แต่ในการแข่งขันอินไลน์ที่เราเห็นอยู่นั้น ถึงแม้ว่าเส้นทางจะเหมาะสมกับคนทั้งสามขนาดไหน มันก็ไม่เสมอไปที่คนถนัดเส้นทางนั้นๆจะชนะการแข่งขัน A แข็งแรงทานทานแค่ไหนน้อยครั้งจะมีโอกาศปั่นคนเดียวหลุดเดี่ยวเข้าเส้นชัย ส่วนมากเค้าจะไม่สามารถสลัดBให้ออกจากข้างหลังได้ และน้อยครั้งมากๆที่พวกนักปีนเขาจะได้มีโอกาศชนะ นั่นก็เพราะว่าไม่มีเขาไหนที่ชันและยาวพอที่จะประกันชัยชนะให้นักปีเขาซึ่งผลส่วนใหญ่ก็คอนเฟิร์มว่า คนจำพวก B และคนที่ปั่น All Rounder จะประสพผลสำเร็จมากกว่าในการแข่งอินไลน์

ในชีวิตจริงทุกคนต้องหาวิธีที่จะเพิ่มจุดแข็งของตัวเอง เล่นงานในจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม และลดความได้เปรียบของจุดแข็งของคู่ต่อสู้ วิธีการเหล่านี้เราเรียกรวมๆกันว่า 'กลยุทธ์'

กลักการเบื้อต้นของการสร้างกลยุทธ์นั้นจำเป็นที่จะต้องเริ่มจากการ เข้าใจสนามแข่งก่อนเป็นอันดับแรก

เราจะต้องมีการสำรวจเส้นทาง เข้าใจเส้นทางและสภาพภูมิประเทศ จดจำโค้งต่างๆ ทางของลม จุดของเนิน จุดตำแหน่งของเขา และการเลือกอุปกรณ์ได้อย่างเหมาะสมกับสนาม จะทำให้ได้มาถึงความได้เปรียบและการเลือกกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม ความละเอียดในการเข้าใจสนามแข่งขัน เป็นสิ่งสำคัญหรือสำคัญอย่างยิ่ง การรู้ว่าจากตรงนี้จะมีโค้งหักศอกแล้วขึ้นเนินเขา ซึ่งทิศทางลมก็จะเปลี่ยนไปด้วย การรู้ล่วงหน้าก็ทำให้คุณสามารถที่จะเลือกเกียร์ที่เหมาะสมสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ซึ่งคุณสามารถใช้มันโจมตีหรือจะใช้ป้องกันการโจมตีของคู่แข่งได้ ทางลมมีผลต่อการสปรินท์เป็นอย่างมาก ทวนลมเราต้องจี้ให้ใกล้ถึงเส้นชัยกว่าปรกติ แต่ถ้าตามลมเราก็จะโจมดีออกตัวได้เร็วกว่าเดิม ลมข้างก็หมายความว่าคุณควรจะเลือกทำด้านที่มีคนบังลมให้ และเกียร์ที่ใช้ควรจะเป็นอะไร

การสังเกตุ
การสังเกตุให้ดีและละเอียดจะนำมาถึงความแตกต่างของผลลัพท์ที่ได้ นักปั่นชั้นแนวหน้าจะเข้าสู่สนามโดยที่มีความรู้ของจำนวนคู่แข่ง และรู้จักคู่ต่อสู้ก่อนที่จะลงสนาม เข้าใจว่ามีตัวปีนเขาอยู่กี่คน มีตัวสปรินท์อยู่กี่ราย เข้าใจว่าคนเหล่านั้นอยู่ในสภาพที่ฟิทดีหรือไม่อย่างไร คนไหนชอบหนี คนไหนช่วยปั่น คนไหนจี้อย่างเดียว รับรู้สถานการณ์ว่าใครหลุดไปข้างหน้า เราอยู่ตำแหน่งไหนของเกมส์ ไม่ใช่ปั่นแล้วต้องคอยถามคนอื่นว่ามีใครอยู่ข้างหน้าหรือเปล่า นักปั่นที่ดีจะคอยสังเกตุคู่ต่อสู้ที่มาด้วยกัน อ่านอาการของพวกเค้า ยังแรงอยู่ หรือง่อยกินแล้ว เค้าเป็นปักปั่นประเภทไหน ก่อนจะตัดสินใจหรือตกลงกับใครเพื่อทำอะไร คุณต้องเข้าใจเค้าก่อนให้ดี จำไว้ว่าเค้าก็มองคุณอยู่เหมือนกัน เก็บอาการให้ดี และบางครั้งการทำตัวว่าอ่อนกว่าก็มีประโยชน์ การปั่นแบบว่าง่อยจะกินอาจกระตุ้นให้เกิดการแอ๊ทแท๊กก็เป็นได้ ดังนั้นอ่านคู่ต่อสู้และเก็บอาหารให้ดี

ตำแหน่งของการปั่น
จำไว้เสมอว่าตำว่า20%ไม่ได้ เช่นหลุดกันไป 40คน เราก็ควรอยู่ในตำแหน่ง 10คนแรก หรือไปกัน 200คนเราก็ไม่ควรจะอยู่ต่ำกว่า40คนแรก

การร่วมมือ
จำไว้เสมอว่าจะทำได้สำเร็จคุณต้องร่วมมือกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน คุณจะหนีก็ต้องมั่นใจว่าคนที่จะไปกับคุณนั้นจะช่วยคุณและคุณจะช่วยเค้าหนี ถ้าคุณจะไล่ก็ต้องมั่นใจว่าคนที่คุณจะไปด้วยนั้นตั้งใจจะไล่ อย่าไปคอมมิทกับคนที่ตั้งใจไม่เหมือนกับคุณเพราะว่านั่นจะพาทำให้คุณไม่ประสพผลสำเร็จเพราะว่าเป็นการตบมือข้างเดียว และนั่นเป็นเหตุผลทำให้เกิดการสลัดกลุ่ม ต้องอ่านให้ออกว่าคนที่พยายามสลัดกลุ่มนั้นเค้ามีวัถถุประสงค์อะไร พวกที่ทำไปเพราะว่าไม่มีวัถถุประสงค์จะมองออกได้ถ้าเราเข้าใจและสังเกตุให้มากพอ

หนีเพื่ออะไร????
ตอบกลับ

กลับไปยัง “กลุ่มเสือเฒ่าโคราชทวีผล”