Bicycle Technique ครั้งนี้เพื่อผองเพื่อนพี่น้อง

[Fatigue_Hunter]

"วิธีการไต่เนินให้เร็วขึ้น ให้เริ่มจากเกียร์ที่ต่ำกว่าเกียร์ที่ถนัด
แล้วจึงค่อยๆ เปลี่ยนเกียร์ให้สูงขึ้นจนไปถึงเกียร์ถนัด"

[Fatigue_Hunter]

"เมื่อคุณต้องการลดความเร็วในขณะปั่น แทนที่จะปล่อยฟรีขาคุณควรจะเปลี่ยนเกียร์ให้สูงขึ้น
โดยรักษารอบขาเท่าเดิม เผื่อบางครั้งเราจำเป็นต้องการเร่งความเร็วกระทันหันก็จะไม่เสียอัตราเร่งหรือรอบขาของเราไป"

[Fatigue_Hunter]

"เปลี่ยนตำแหน่งจับแฮนด์ให้บ่อยในขณะปั่นทางไกล เพราะการเปลี่ยนตำแหน่งจับแฮนด์
(เสือหมอบจะได้เปรียบกว่าเสือภูเขาในตำแหน่งการวางมือ) ทุกครั้งจะส่งผลต่อมุมและความตึงเครียดของ
กล้ามเนื้อหลัง คอ แขน และบั้นเอว ช่วยลดความเมื่อยล้าลงได้"

[Fatigue_Hunter]

"เมื่อคุณกำลังลงเขา อย่าบีบเบรคต่อเนื่องยาวนานเกินไป
โดยเฉพาะถ้าเบรคของคุณไม่ได้เป็นดิสค์เบรค เพราะผ้าเบรคจะเสียดสีกับขอบล้อ
ทำให้เกิดความร้อนสูงจนส่งผลต่อยางจักรยาน โดยเฉพาะหากคุณใช้ยาง Tubular
ความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้กาวที่ติดล้อเสื่อมสภาพเร็ว จะให้ดีควรบีบและปล่อยเบรคสลับกันไป
ความร้อนจะได้รับการระบายระหว่างปล่อยมือเบรค"

[Fatigue_Hunter]

"บางครั้งเราสามารถลดความเร็วได้โดยยกตัวขึ้นเพื่อให้ต้านลม"

[Fatigue_Hunter]

"เมื่อไหร่ที่คุณปั่นเข้าโค้งด้วยความเร็วมากเกินไปจนเบรคไม่ทัน
ให้เอนตัวเข้าหาโค้งด้านในพร้อมกับเหยียบบันไดจักรยานด้านนอกโค้งอย่างแรง
เช่น เวลาที่เราวิ่งเค้าโค้งเลี้ยวซ้ายด้วยความเร็ว เอนตัวไปทางซ้าย ขาขวาเหยียดตรงและเหย๊ยบบันไดขวาให้แรง
ถ้าเข้าโค้งได้คุณก็ปลอดภัย แต่ถ้าพลาดจนลื่นไถลก็ยังดีกว่าที่คุณจะแหกโค้งออกไป
ซึ่งอาจจะปะทะกับสิ่งอันตรายจนบาดเจ็บมากกว่าได้"

[Fatigue_Hunter]

"Steve Bauer อดีตมือโปรจากแคนาดาแนะเทคนิคการสปรินต์ที่ตัวเองใช้ว่า
-ขณะปั่นเร่งความเร็วขึ้น อย่าขยับร่างกายส่วนบนมากเกินไป โดยพยายามควบคุมให้ร่างกายขณะปั่นอยู่ที่ศูนย์กลางของจักรยาน
เพื่อรักษาพลังงานให้เหลือใช้ได้มากที่สุด
-อย่าเผลอทิ้่งน้ำหนักตัวไปข้างหน้ามากเกินไปขณะสปรินท์จนแนวหัวไหล่คุณเริ่มล้ำเกินดุมของล้อหน้า
เพราะจะทำให้ยากต่อการควบคุมรถ
-ดึงและกดแฮนด์ซ้ายขวาไปมาให้สัมพันธ์กับการยืนขย่มลูกบันไดจะช่วยให้การส่งผ่านกำลังสู่บันไดจักรยานได้ดีขึ้น"

[Fatigue_Hunter]

"อย่าพยายามออกแรงปั่นเพื่อรักษาความเร็วเท่าปกติที่เคยปั่นขณะที่คุณกำลังปั่นโต้ลม
แทนที่คุณจะต้องเสียเรี่ยวแรงมากเกินไปหรือกลัวการปั่นโต้ลมว่าจะทำให้เหนื่อยเกินไป
ลองคิดใหม่ว่านั่นเป็นโอกาสทำให้ขี่ช้าลงและตั้งสมาธิอยู่ที่ฟอร์มการปั่นให้ถูกต้อง"

[Fatigue_Hunter]

"เพราะการปั่นจักรยานทวนลม แรงต้านอากาศที่เกิดจากร่างกายของคุณส่งผลถึง 70% ของแรงต้านทั้งหมด
คุณจึงควรก้มตัวโดยให้ลำตัวและท่อนแขนขนานพื้นมากที่สุด โดยเสือหมอบให้จับดร๊อบบาร์ล่าง เสือภูเขาให้ก้มตัวต่ำ
ในทางกลับกัน เมื่อคุณขี่ตามลมคุณก็ควรจะตั้งตัวขึ้นเพื่อให้ลำตัวของคุณรับลมเหมือนใบเรือ"

[Fatigue_Hunter]

"เมื่อคุณปั่นผ่านพื้นผิวที่ขรุขระ เปลี่ยนเกียร์รถให้สูงขึ้น 1 เกียร์ (เปลี่ยนเฟืองหลังเล็กลง)
พร้อมกับลดรอบขา ในกรณีดังกล่าว การปั่นด้วยรอบขาที่ช้าลงจะทำให้คุณสามารถบังคับรถได้ดีกว่าการปั่นรอบขาเร็ว"

[Fatigue_Hunter]

"ไม่มีใครอยากมีเรื่องกับสุนัขขณะที่กำลังปั่นจักรยาน ในกรณีที่คุณเจอโดยกระทันหัน
ปั่นหนีไม่ทัน หรือไม่อยากทำร้ายมัน ให้คุณสั่งมันดังๆ ว่า "หยุด" หรือ "ไม่" หรือ "กลับบ้าน" ซึ่งเป็นคำสั่งพื้นๆทั่วไปที่เจ้าของสุนัขมักใช้
บางกรณีที่สุนัขวิ่งมาด้านข้าง สามารถใช้กระติกน้ำที่มีอยู่สลัดน้ำใส่หน้ามันได้ เพราะโดยธรรมชาติแล้วเมื่อสุนัข
โดนน้ำ มันจะชะงักงันจนคุณสามารถปั่นหนีไปได้ แต่ถ้าทุกวิธีที่กล่าวมายังไม่ได้ผล คุณไม่อยากทำร้ายมันจริงๆ
หรือสุนัขตัวนั้นใหญ่และดุร้ายอย่างน่ากลัว(มันเอาแน่) ให้ดีดตัวเองลงจากรถพร้อมกับยืนจังก้าโดยนำจักรยานขวางตัวคุณไว้
แล้วรอให้มีใครมาช่วย"

[Fatigue_Hunter]

"สำหรับการหายใจในขณะที่คุณอยู่ในท่าหมอบ หรือก้มตัวต่ำเพื่อให้ลู่ลม
แทนที่คุณจะหายใจเข้าโดยแรงและพ่นลมออกปกติ ให้ลองหายใจตรงข้ามกับที่กล่าวมา
คือ ให้หายใจออกโดยแรง และหายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ ตามปกติและช้ากว่าหายใจออก"

[Fatigue_Hunter]

"ขณะที่คุณเริ่มเหนื่อยขึ้นเรื่อยๆ ให้ตั้งใจเพิ่มความลึกของการหายใจเข้าออกแต่ละครั้ง
เป็นการดีกว่าเพิ่มความถี่ในการหายใจ ระวังอย่าให้ตัวเองหอบ"

[Fatigue_Hunter]

"การพัฒนารอบขาให้เร็วขึ้น ราบเรียบขึ้น ให้ปั่นโดยใช้เกียร์ต่ำ(เบากว่าปกติ)
พร้อมกับปั่นควงขาอย่างรวดเร็ว แต่อย่าให้สะโพกเด้งขึ้นลงจากเบาะจักรยาน"

[Fatigue_Hunter]

"กรณีที่คุณใช้เสือหมอบ และจำเป็นต้องปั่นมือเดียวเพราะอีกมือนึงกำลังทำอย่างอื่น
เพื่อความปลอดภัยควรจะจับบาร์บนข้างๆ สเต็มซ้ายหรือขวา ไม่ควรจับช่วงมือเกียร์ หรือดร๊อบบาร์
เพราะอาจเผลอทำให้รถเสียหลักได้"