............พาคุณนาย ไปทัวริ่ง ..... โดย พี่แดงสารภี ..............

[Deang-sarapee]

เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ ผมเดินทางไปพบหมอตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษาโรคมะเร็ง เป็นการ Follow Up ปีที่ ๙ ผลการติดตามอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา ๙ ปี มะเร็งที่อยู่ในร่างกายผมไม่เจริญเติบโตหรือแพร่ขยาย หมอให้กำลังใจว่าปีหน้าถ้าอยู่สภาพนี้ ฟันธง "หายขาดแน่นอน"

อยากจะประกาศให้ทราบทั่วกันนะครับว่านี่คือ อานิสงค์ของจักรยานอย่างแท้จริง ปั่นจักรยานเพื่อออกกำลังกาย รักษาโรคทั้งโรคทางกายและโรคทางใจ ในแบบของ จักรยานธุดงค์ คือปั่นไปท่องเที่ยวไป ก็ปฏิบัติธรรมไป(ทาน ศีล ภาวนา) เรียกว่า จักรยานให้อะไรเยอะแยะมากมาย สาธยายให้ทั้งคืนทั้งวันไม่มีจบครับ

หลังจากที่ตรวจร่างกายเสร็จผลออกมาเป็นบวก เพื่อกำลังใจและให้กำไรกับชีวิต คุณนาย ลุงป๊อก และคุณประยูร ก็ตกลงนัดกันเพื่อไปปฏิบัติธรรมที่ใดสักแห่งหนึ่ง เราก็นึกถึงหลวงพี่ที่เป็นตำรวจท่านเกษียณแล้วมาบวชจำพรรษาที่ วัดเชียงมั่น บ.เมืองงาย ซึ่งถ้าไปทางนั้นเรามักจะแวะพักค้างคืนสนทนากับท่าน เมื่อคิดได้ดังนี้จึงตกลงใจไปเยี่ยมเยือนท่าน ในขณะเดียวกันเราก็มีเพื่อนนักปั่น คนนี้แน่มากครับชอบเดินทางคนเดียวไปทุกหนแห่งเช่น มองโกล ธิเบต ยุโรป ออสเตรเลีย ฯ ด้วยจักรยานครับ ผมจึงคิดว่าน่าจะไปคุยปรึกษาแนวทางการเดินทางครั้งต่อไป ที่เรากำหนดไว้ว่า ออกพรรษาจะไป กำพูชา เวียตนาม ลาว โดยออกทางตราด เข้า สีหนุวิลล์ ไปไซง่อน ทะลุขึ้น ลาวไก ซาปา ออกทางอุดมไชย หลวงพระบาง ประมาณนี้

ออกทริปครั้งนี้เป็นอะไร ๆ ที่แปลกดีครับ ไม่ตื่นเต้นแต่ก็ให้ข้อคิด ดี ๆ พอสมควรครับ ติดตามเป็นกำลังใจกันนะครับ









ออกจากบ้านตามวันนัดหมายคือวันที่ ๑๐ ก.ย.ต้องไปรับลุงป๊อกที่ สี่แยกบวกครกศรีวิลัย เพราะบ้านลุงแกอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นปั่นไปสมทบกับคุณประยูร ที่แกจะไปรอพวกเราที่ บ.เหมืองผ่า อ.แม่ริม ออกเดินทางสองคนตายายแต่เช้า ออกหลังบ้านเลาะเรียบทางรถไฟ ข้ามถนนไฮเวย์บนสะพานทางข้ามที่บ้านกองทราย เข้าถนนวงแหวนที่ ๑ ไปบ้านบวกครกซึ่งลุงป๊อกจะรออยู่ที่นั่น







ผมได้ฝึกคุณนายมาทุกอย่าง มีเพียงอย่างเดียวที่คุณนายแกไม่ทำตาม อ้างความปลอดภัย คือการปั่นลอดอุโมงค์ แต่ก่อนแต่ไรคุณเธอจะมีความกลัวไปเสียทุกอย่าง โดยเฉพาะกลัวไม่สวย ปัจจุบันนี้ไม่เหลือแล้วแกไม่สนเลยว่าจะสวยหรือไม่สวย แม้แต่กลัวผีเดี๋ยวนี้หายกลัวเช่นกัน ดังนั้นการเดินทางในแบบธุดงค์จึงค่อนข้างราบรื่น แต่ถ้าจะพาเข้าไปยังที่ ๆ ดูแล้วเสี่ยง คุณนายแกยังไม่ยอม ผมคิดนะว่าต้องหาวิธีกันต่อไปจนกว่าคุณนายแกจะใจถึงยอมเสี่ยง การเสี่ยงแบบที่ผมทำต้องยืนอยู่บนเหตุผลและความเป็นไปได้นะครับ ไม่ใช่เสี่ยงแบบบ้าบิ่นเอามันส์ หรือแบบ โง่ ๆ อย่างนี้ก็ไม่ใช่(ไม่เอา)ครับ จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมรู้ได้โดยอัตโนมัติครับ















เจ้าเพื่อนกั้ว [Jagoa 700 C]นานแล้วที่ไม่ได้พาออกไปไหนเลย คันนี้ก็ไม่ธรรมดาเคยพาปั่นไปดื่มชิมกาแฟที่ ปากซอง สปปล.ลาว มาแล้วครับ ทุกหนแห่งแต่ก่อนก็ได้คันนี้แหละครับไปทุกที่ แต่หลังจากที่ได้คันอื่นมาครอบครอง ก็อาจจะลืม ๆ ห่างหายไป พอคิดได้ก็เอาออกมาปัดฝุ่นสักครั้ง เมื่อนานแล้วที่ไม่ใช้บริการถ้าเป็นคนก็คงน้อยใจ ผยศให้ซะเลย คุณเพื่อนกั้วก็คงเป็นแบบเดียวกัน วันนั้นยางระเบิดให้เกิดปัญหาให้แก้ไขกันจนได้

[Deang-sarapee]

ระเบิดก็ระเบิดไปเราต้องมีปัญญาแก้ไข การออกทัวร์ที่ไม่มีรถ Service ตาม ต้องเตรียมพร้อมกันให้ดี การซ่อม การปะ การแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้า ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นทั้งสิ้น ไม่ยากอย่างที่คิด ฝึก ศึกษา เอาใจใส่ ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ให้พร้อม ทีมเราแต่ก่อนจะมี ลุงดม เป็นคล้ายช่างประจำทีม แต่หนนี้ขาดลุงดม เนื่องจากท่านต้องรักษาตัวอีกนานกว่าจะกลับมาปั่นได้ นี่แหละครับ ชีวิต มันไม่มีอะไรแน่นอนขนาดแข็งแรง ๆ ยังมีอันเป็นไป แต่นี่ดีนะครับถ้าไม่ปั่นจักรยาน ภูมิต้านทานคงไม่มี (เผาไปนานแล้ว) จักรยานให้คุณจริง ๆ

ผมจัดการรื้อล้อออกตรวจสอบปรากฏระเบิดทั้งยางนอกยางใน ใช้ยางในที่ระเบิดมาตัดรองยางนอกตรงที่ระเบิดเป็นแผล แล้วนำยางในเส้นใหม่มาเปลี่ยน สูบลมเอาแค่ประคองตัวให้ปั่นได้ คาดว่าที่ อ.เชียงดาว ต้องมีร้านจักรยานบังเอิญโชคดีที่ Jagoa 700 C ยางนอกถ้าจำเป็นจริง ๆ อาจใช้ยางแม่บ้านธรรมดาแก้ขัดไปได้

เมื่อแก้ไขปัญหาเสร็จก็ออกเดินทางต่อ ขณะนั้นใกล้เที่ยงแล้ว ประกอบกับในพรรษานี้ ผมและคุณนายเพิ่มศีลให้ยิ่ง ๆ ขึ้น คือถืออุโบสศีลตลอด ๓ เดือน การทานอาหารเรากำหนดเอาเวลาห้ามเกินบ่ายโมงเป็นพื้นฐาน เพราะถ้าเอาเที่ยงจะอันตรายเคยอดข้าวเป็นประจำ จึงอธิษฐานขอเกินไปชั่วโมง เพื่อเป็นการยืดหยุ่น แต่ถ้าอยู่บ้านก็ไม่เกินเที่ยง โชคดีเป็นของเราเพราะมาอีกเล็กน้อยเลยปางกว้างมีร้านอาหารตามสั่ง เขาจัดการทำอาหารมังสวิรัติให้ แถมตบท้ายให้ลองชิมมะม่วงสวนฟรีอีก ที่นี่ปลูกสวนผลไม้ทุกชนิด มี ทุเรียน ลองกอง เงาะ ฯ เป็นสวนสมรม(คือมีทุกชนิด) ในเนื้อที่ ๒๐๐ ไร่ น่าสนใจนะครับ

เสร็จจากอาหารกลางวันก็เดินทางเข้า อ.เชียงดาวก่อนเข้าตัวอำเภอ ฝนก็เทลงมาเป็นห่าใหญ่ต้องหลบฝนเกือบชั่วโมง พอฝนซาก็ปั่นเข้าเชียงดาวไปเปลี่ยนยางนอกเส้นหนึ่ง ๒๕๐ บาท พอใช้ได้เป็นยางรถแม่บ้านจริง ๆ ด้วย หาแบบที่พวกเราใช้ ๆ ไม่มีช่างเจ้าของร้านบอกนี่ถือว่าโชคดีนะ ยังมีให้เปลี่ยนถ้าหาแบบที่เคยใช้อย่าหวัง เพราะที่นี่ซื้อมาขายยาก นาน ๆ ทีจะขายได้สักเส้น แล้วตอนนี้ก็เหลือเส้นเดียวถ้าไม่เอาก็ช่วยไม่ได้ !!!???













เปลี่ยนยางเสร็จพวกเราต้องรีบเดินทางเข้าให้ถึงเมืองงายก่อนที่ฝนจะเทลงมาอีก ปั่นไปก็อธิษฐานไปว่า "เทวดาช่วยเป็นใจอย่าให้ฝนเทลงมานะครับ พร้อมสวดบท อิติปิโส ฯ กำกับ" เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อและยิ่งเพิ่มความเชื่อในบารมีของพุทธศาสนายิ่ง ๆ ขึ้น เพราะจาก อ.เชียงดาวถึงเมืองงาย ฝนไม่ตกเลยแต่ทำท่า ๆ ขนาดลุงป๊อกแกยังไม่เชื่อใจใส่เสื้อกันฝนปั่น พอถึงเมืองงายเหงื่อออกเปียกโชกยังไม่พอถูกคุณนายเย้ยว่า "คนรั้นไม่เชื่อในอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย" เรื่องนี้ขอโปรดใช้วิจารณญาณในการคิดพิจารณาครับ แต่สำหรับผมถ้าคุณฝึกจิตจนถึงระดับที่ห้ามฟ้าห้ามฝนได้ มันก็สามารถทำได้ ผมประสบมากับตาหลาย ๆ ครั้งกับพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ที่ผมไปอยู่ด้วยกับท่าน ทำให้ความเชื่อและพยายามตั้งใจฝึกมาโดยตลอด ถามว่าบัดนี้ได้แล้ว ? ยังครับ ๆ ยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ทุกครั้งที่มีเหตุการณ์มักจะพยายามฝึกครับ











เราปั่นถึงเมืองงาย ผมมองตรงหน้าก่อนที่จะถึงตลาดก็เห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ตั้งตระหง่านเรียกความแปลกใจให้พอสมควร นี่เราแค่ไม่ได้มาไม่กีเดือนการก่อสร้างเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงไปมากเลย ตลาดร้านค้าแม้จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร แต่ก็มีการพัฒนาไปมากอาหารการกินเยอะขึ้น คุณนายแกเข้าไปจ่ายตลาดเพื่อเตรียมอาหารสดไว้ทำถวายพระในช่วงเช้า คุณประยูร+ลุงป๊อก หาซื้อข้าวผัดกล่องเชื่อไหม กล่องละ ๑๐ บาทใส่ไข่พร้อม คนละกล่องอิ่มแล้ว ครับ..บางอย่างหรืออาจจะหลาย ๆ อย่างยังคงพอซื้อได้ ถ้าเทียบกับราคาในเมือง คงต้องบอกว่าฟ้ากับเหว ชาวบ้านที่เมืองงายยังคงมีความสุขกันแบบ พอเพียง น่ารักมากครับ

แต่สำหรับผม แล้วบอกได้ครับว่าเปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะผมเคยเห็นเมืองงายตั้งแต่สมัยเป็นป่า มีบ้านอยู่ไม่กี่หลังมีถนนเป็นทางลูกรัง แค่รถวิ่งสวนกันได้แค่นั้น แต่เดี๋ยวนี้ถนนกว้าง ๔ เลนลาดยางอย่างดี แล้วแต่ก่อนเมืองงายเป็นเมืองของแดนดินถิ่นยาเสพติดและของผิดกฏหมาย ซึ่งพวกจีนฮ่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียง มีคนใหญ่ ๆ นายใหญ่ ๆ เป็น Backer ให้ แต่ก่อนอย่าคิดไปจับครับ จับทีไรมีปัญหาทุกที

เมื่อจัดสิ่งของต่าง ๆ พอเพียงกับความต้องการพวกเราก็ปั่นเข้าไปหาหลวงพี่ ที่วัดเชียงมั่นท่านจำพวกเราได้เป็นอย่างดี ท่านดีใจและให้พวกเราเลือกที่นอนตามสะดวก เราก็ขอศาลาที่เดิม หยุดคุยกับท่านสักครู่ก็ขอตัวไปกางเต้นท์ ชำระร่างกาย คืนนั้นไปทำวัตรเย็นกับท่านไม่ทัน เราต้องสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันเองก่อนจะพักผ่อน หลับสนิทไม่มีฝันเลย

[Deang-sarapee]

การที่จิตของเราเป็นสมาธิอยู่ในสมาธิและได้ปฏิบัติใน ศีล สมาธิ เชื่อนะครับว่าการนอนหลับนั้นหลับสนิทจริง วันใดหรือหลาย ๆ วันที่ละเลยจากการนั่งสมาธิภาวนา จะสังเกตุได้ว่านอนหลับมักจะฝันเสมอ ๆ ผมขอท้าพิสูจน์ครับขอให้ท่านได้นั่งสมาธิจนเกิด ฌาน เกิด ญาณ ขึ้นบ้าง ถ้านอนแล้วฝันเรียนเชิญที่บ้านผมครับ ผมจะมีของตอบแทนค่าเสียเวลากับเรื่องนี้อย่างสมเหตุสมผลครับ (คำว่าเกิด ฌาน เกิด ญาณ บ้าง ท่านอาจจะฝันบ้างแต่จะไม่ทุกคืน)

ปรกติผมจะตื่นเช้าเสมอ ๆ คือ ตี ๓ แล้วจะนั่งสมาธิ เดินจงกรม ภาวนาหาความรู้ ความสงบ ความสุข ไม่ได้ขาด การออกปั่นจักรยานทางไกลจึงเป็นโอกาสดีมาก ๆ ที่จะได้เปลี่ยนบรรยากาศไม่จำเจ เรียกว่าคุณจะได้ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณเยอะแยะมากมาย ชนิดรับไม่ทัน(นะจะบอกให้) วันนั้นหลังจากเดินจงกรมเสร็จก็ออกจากอาคารมาชมท้องฟ้า สุดแสนจะบรรยายคือเกินขีดความสามารถที่จะกลั่นกรองเป็นตัวหนังสือได้ ท้องฟ้าสวยงามดาวไม่มากดวง แต่ตำแหน่งของดาวกับเดือนมันเหมาะเจาะกันเหลือเกิน (พอนะ..ยาวไปจิตตกครับ ๕๕)

เมื่อพรรคพวกพากันตื่นหมดกิจกรรมงานบุญยามเช้าก็เริ่มขึ้น คือเราเตรียมหุงหาอาหารเพื่อถวายพระตอนเช้าครับ หลังจากที่ถวายพระเสร็จเราก็มาร่วมวงกินของเรา เก็บสัมภาระบรรทุกพาหนะของเราเตรียมเดินทาง ไปที่บ้านญาติธรรม(คุณปกรณ์ ฯ)แกเป็นคน กทม.ปั่นจักรยานไปรอบโลกจนเกิดความเบื่อหน่ายอยากปลีกวิเวก ได้มาหาซื้อที่ดินและบ้านอยู่ที่บ้านนาหวาย ที่สวยงามมากแอบทราบว่าซื้อ-ขายกันเพียง ๕ ล้านบาท (ไม่อยากเชื่อ)











โปรดให้สังเกตุหน้าที่ของเจ้าอาวาส(ภาพที่นำเสนอ)ในข้อที่ ๔ "ให้ความสดวกตามสมควรในการบำเพ็ญกุศล" ผมอ่าน พิจารณา ทบทวน แล้วหวลคิดย้อนหลัง ที่มีหลายวัดปฏิเสธการเข้าไปพัก เพื่อขอปฏิบัติธรรมของ "รักรถรักธรรม" ก่อนที่จะเข้าไปขอ ไปคุย ผมต้องสังเกตุและพิจารณาว่า วัดนั้น ๆ เหมาะกับการที่เราจะพักกันไหม หรืออาจจะจวนตัว(ค่ำแล้ว)ไปต่อจะลำบาก เป็นต้นเมื่อได้รับการปฏิเสธอยากจะเรียนถามพระท่านว่า ท่านคิดอะไรของท่านหน้าที่ ๆ มีท่านลืมแล้ว ท่านห่วงกลัวคนจะมาโขมยของในวัด กลัวจะมาสร้างความรำคาญ กลัวจะเสียค่าน้ำ ไฟ ฯลฯ อย่างนี้แค่นี้แล้วพวกเราคนดี ๆ ที่กำลังแสวงหาโมกขธรรมท่านไม่เปิดโอกาสเลย ? คนเลวเพียงไม่กี่คน มากีดกั้น ปิดโอกาสคนดี ๆ ได้อย่างไร? มีบางวัดที่ก่อนจะขออนุญาตุ ก็ได้แนะนำตัวและแสดงเจตจำนงค์ในการขอมาพักค้าง แต่พอท่านปฏิเสธยอมรับ ผมอึ้ง...ไปต่อไม่ถูกต้องถอยกลับทันที ไม่ปะทะด้วย (รู้สันดานตัวเองดี) อยากจะบอกว่าทุกครั้งที่เราไปพักเราก็ไม่ได้ไปสร้างความเสียหาย แต่ตรงข้ามเราถวายปัจจัยบำรุงวัดด้วยทุก ๆ ครั้ง

ณ วันนี้ เวลานี้ทีมของเราเริ่มมองเห็นทางตันของการออกแสวงบุญแล้ว เพราะเราไม่แน่ใจว่าถ้าเราไปวัดต่าง ๆ เรากลัวที่สุดคือการปฏิเสธที่ไม่มีเหตุผล เคยพาคนที่ไม่ศรัทธาในวัด แล้วไปเจอเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้ ยิ่งทำให้เขาห่างไกลวัดออกไปอีก โอ...ถึงกาลเสื่อมของศีล-ธรรมในยุคนี้สมัยนี้แล้วหรือ(แม้แต่พระยังขาด พรหมวิหาร ๕๕) มันเร็วเกินไปไหม? แต่ทีมผมไม่ท้อนะครับ เราก็จะไปของเราแบบนี้ต่อไป วัดไหนไม่ให้นอนก็ไปวัดต่อไป หรือไม่ โรงแรมเกสต์เฮาส์ ก็เยอะแยะไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เสียอย่างเดียวคืนไหนไม่ได้นอนวัดตามที่ตั้งใจ ผมจะรู้สึก "ขาด ๆ "













ถึงบ้านคุณปกรณ์ เราก็ทำอาหารมื้อเที่ยงทานกันอย่างมีความสุข สังเกตุคุณปกรณ์แก Happy มาก ๆ อยู่คนเดียวอาจมีบ้างที่คิดถึงเพื่อนฝูง แม่บ้านยังไม่ตามมาอยู่ด้วย คงอีกไม่นานครอบครัวนี้ก็จะโยกย้ายมาวิเวกที่นี่แน่นอน



ยอดอ่อนฟักข้าว ทำอาหารได้อร่อยมากสดๆกลิ่นเหมือนยอด-ใบมะระ ดุเหมือนไม่น่าจะอร่อย แต่เมื่อสุกไม่ว่าจะลวกหรือต้มจิ้มน้ำพริก ยำ ผัดไฟแดง แกงเลียง คั่วแค แกงส้ม ฯลฯ อร่อยมากผักบางชนิดที่ว่าอร่อยแล้วยังสู้ไม่ได้ ผลอ่อนของฟักข้าว นำมาทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น ต้มหรือนึ่งจิ้มน้ำพริก ใส่แกงต่างๆ ลักษณะคล้ายเนื้อของมะละกอดิบแต่เนียนและแน่นกว่า ผลฟักข้าวเมื่อเริ่มแก่ผิวเปลือกจะสีเหลือง พอแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีแสด-แดง ไม่ว่าจะอยู่บนต้นหรืออยู่ในภาชนะ ดูสวยงาม ซึ่งบางบ้านที่ปลูกบางทีมีปัญหามีเแมลง นก กระรอก ฯ มากินก่อนที่ลูกจะแก่จัด โดยเฉพาะหากเป็นแมลงเจาะแล้วในลูกก็จะมีหนอนอยู่เต็มลูก ซึ่งถ้าห่อตอนลูกเล็กๆก็คงปลอดภัยจากแมลงได้ เท่าที่ทราบมาเมื่อลูกแก่ก็จะเก็บลงมาบ่มให้สุกก่อนที่จะใช้ส่วนด้านในลูก .....

เมล็ดฟักข้าว มหาวิทยาลัยมหิดล วิจัยพบโปรตีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญ ของเชื้อเอชไอวี-เอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็ง จดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว สรรพคุณประโยชน์ของฟักข้าวตามตำราแพทย์แผนไทย ฟักข้าว ผักข้าว(เหนือ). ขี้กาเครือ (ปัตตานี) .พุกู้ต๊ะ(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ใบ รสขมเย็น แก้ไข้ตัวร้อน ถอนพิษอักเสบ ตำพอกแก้ปวดหลัง แก้กระดูกเดาะ แก้ฝี แก้พิษ เมล็ด รสมันเมาเย็น ดิบเป็นพิษ คั่วให้กรอบรับประทานบำรุงปอด แก้ฝีในปอด แก้ไอ ขับปัสสาวะ แก้ท่อน้ำดีอุดตัน ใช้แทนเมล็ดแสลงใจ(โกฐละกลิ้ง)ได้ ราก รสเบื่อเย็น ต้มดื่มถอนพิษทั้งปวง ถอนพิษไข้ ขับเสมหะ แก้เข้าข้อ ปวดตามข้อ แช่น้ำสระผม แก้ผมร่วง ฆ่าเหา



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ https://www.youtube.com/watch?v=00FwtNMONp0 ๐๐๐๐๐๐๐

[Deang-sarapee]

ปั่นออกจากวัดเชียงมั่นจนถึงบ้านคุณประกรณ์ประมาณ ยี่สิบกว่ากิโลเมตรปั่นมาก็แวะกันไปเรื่อยเชื่อยตามสไตล์ ของรักรถรักธรรม ที่เวลาเหลือเฟือไม่รีบร้อนไม่ต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ถนน เอาคุณภาพของการ Touring อย่างแท้จริง ไม่เอาปริมาณของหลักกิโล เรียกว่าเก็บรายละเอียดทุกเรื่อง มันเป็นความอิสระอย่างแท้จริง ชีวิตที่เร่งรีบรีบร้อน "เหนื่อยนะ" พวกเราผ่านกันมาหมดแล้ว ช่วงชีวิตที่เหลือขอเป็นแบบสบาย ๆ ครับ

ถึงบ้านประกรณ์ก่อนเที่ยงรีบช่วยกันทำอาหาร ช่วงรับประทานอาหารก็สนทนากันมากมายหลายเรื่อง มาสดุดเอาที่เรื่องของกาแฟ ทุกคนชอบดื่มกาแฟเรียกว่า "คอกาแฟ" กันเลยคุณประกรณ์เขามีเกร็ดความรู้เรื่องกาแฟจากหลาย ๆ ประเทศที่ไปมาก็มาเล่ากรรมวิธีชงเป็นความรู้ที่สนุกมากครับ หลังอิ่มหมีพีมันกันเรียบร้อยก็เข้าบ้านพักซึ่งคุณประกรณ์จัดบ้านหลังหนึ่งให้พวกเรา ช่วงตอนเย็นก็มานั่งสนทนากันเรียกว่ามีความสุข ก่อนที่จะสวดมนต์-ภาวนา แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน รุ่งเช้ากาแฟสดถูกชงกันมา ๓ หม้อประชันกัน แต่ละคนก็มีสูตรและกาแฟจากที่ต่าง ๆ พร้อมขนมนมเนยเพียบ นอกจากกาแฟแล้วคุณนายยังได้ทำข้าวผัดตบท้ายก่อนจะอำลาคุณปกรณ์ ฯ ก่อนจากคุณปกรณ์ได้ให้ซิมการ์ดแผนที่สำหรับ GPS.เป็นเมืองเขมรกับเวียตนามเพื่อศึกษาเตรียมตัวแต่เนิ่น ๆ หลังออกพรรษาจะได้ "ธุดงค์ต่างแดน" กันตามแผน ขอบพระคูณมากครับ

เรามากันหลายครั้งแต่ไม่เคยออกทางลัดเลยซึ่งเส้นทางลัดออกสาย ๑๐๗ ที่จะไป อ.ฝางระยะทางเพียง ๗ กม.ออกตรงสี่แยกทางไป อ.พร้าว พอดิบพอดีเส้นทางนี้ก็น่าที่นักปั่นทั้งหลายควรปั่นไปเป็นอย่างยิ่ง สงบ เย็น สวยงามพอสมควร ใครว่างอย่าลืมนะครับ

[Deang-sarapee]

เราออกจากบ้านคุณประกรณ์ ที่อุทยานผาแดง(ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าน้ำตกศรีสังวาลย์ครับ) ผม+คุณประยูรปั่นแข่งกันมาก่อน คุณนาย+ลุงป๊อกปั่นตาม เริ่มต้นจนถึง บ้านแม่จาก่อนถึง กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๓๓๕ ประมาณ ๑๖-๑๘ กม.จะมีทางเลี้ยวซ้ายทะลุออกเส้นทางหลักหมายเลยเลข ๑๐๗ คือเส้นทางจาก อ.เมืองเชียงใหม่-อ.ท่าตอน ตัดออกตรงปิงโค้งปากทางไป อ.พร้าวพอดี คุณยูรนั้นโดยพื้นฐานแกเป็นนักแข่งมาก่อน ดังนั้นผมหรือจะไปสู้แกได้ อีกอย่างจักรยานวันนั้นของผม เทียบไม่ได้กับของแกถ้าผมนำ คุณใช่เลยไป คิดนะว่าไม่เป็นรองแน่นอน คุณยูรช่วงสุดท้ายขึ้นเนินก่อนจะไหลลงถึง บ.แม่จา แกสปีดแซงผมกลางเขาแล้วหนีไป ผมหัวเราะคิดในใจอย่างไรเสียเลยแน่ ๆ เพราะขาลงนี่ก็จะถึงแล้ว ผมตะโกนบอกแกคิดว่าแกคงได้ยิน ที่ไหนได้ไม่ครับแกเลยไปจริง ๆ

ผมปล่อยไหลจนถึงทางแยกจอดจักรยานรีบโทร ฯ เรียกให้กลับมา เรา ๒ คนนั่งรอลุงป๊อกกับคุณนาย สักพักก็ตามมาถึงปล่อยให้หายเหนื่อยแล้วเราก็ไปกันต่อ เส้นทางลัดสายนี้ผมไม่เคยมาก่อนเลย เป็นเส้นทางสวยงาม รถไม่เยอะสองข้างทางเขียวขจีด้วยป่าไม้ ธรรมชาติร่มรื่นมีหมู่บ้านตั้งเรียงรายตลอดเส้นทางแต่จะห่างกันพอสมควร ระยะทางเพียง ๙ กม.ก็ทะลุออกปากทาง ผมมัวเพลิดเพลินหลงใหลกับบรรยากาศลืมที่จะบันทึกภาพ เพราะภาพที่เห็นผ่านตาเป็นธรรมชาติล้วน ๆ เหมือนกันหมดเรียกว่าหาจุดเด่นจุดด้อยไม่เจอ มาสดุดใจที่เห็นมีพระพุทธรูปตั้งบนยอดดอยสูงใหญ่มองเห็นแต่ไกล ใจอยากจะเข้าไปเยี่ยมชม แต่เรามีเป้าหมายที่วัดดอยแม่ปั๋งแล้ว จึงเป็นเป้าหมายในโอกาสต่อไป

ผมกับคุณยูรมาถึงปากทางปิงโค้งตรงสี่แยก ตรงไปก็เป็นเมืองพร้าว เลี้ยวขวาก็ไปเชียงดาว เลี้ยวซ้ายก็ไป อ.ชัยปราการ ผมเลือกข้ามฝั่งไปนั่งที่ศาลาพักริมทาง เพื่อรอคุณนาย+ลุงป๊อก เมื่อทั้งสองมาถึงก็ให้พักสักครู่แล้วเดินทางต่อ ช่วงนี้ใกล้เวลาเที่ยงแล้ว หาร้านอาหารที่พอจะกินไม่ได้(ไม่มี) แล้วเราก็ไม่ได้เตรียมอะไรเพราะคิดว่าหากินตามร้านคงได้ ก็เป็นกังวลเล็กน้อยเกรงว่าถ้าเลยบ่านโมงอดแน่ ๆ (ช่วงเข้าพรรษาถืออุโบสถศีล) ผมอดคงไม่เท่าไรเพราะเคยอดมาหลายครั้ง แต่คุณนายนี่ซิถ้าอดคงมีปัญหาแน่นอน แต่ครับโชคเป็นของเราเพราะปั่นไปก็ไปเจอร้านอาหารที่สะอาดน่านั่งรับประทาน เราพากันแวะคุณนายขออนุญาติเจ้าของร้าน ทำอาหารเอง(ส้มตำมัง ฯ) เจ้าของร้านก็ใจดีให้ทำตามสบาย อาหารมื้อนั้นจึงอร่อยถูกปาก กินเสร็จฝนก็ตกเราก็เลยนั่งหลบฝน เอากาแฟสดออกมาต้มฆ่าเวลา มีความสุขกันครับ

















ฝนซาเม็ดเราก็ออกเดินทาง ช่วงนี้เป็นการปั่นขึ้นเขาชันพอสมควร เรียกว่าหืดขึ้นคอครับ เป็นช่วงที่จะเข้าตัวอำเภอพร้าวทางยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เป็นทางมาตรฐาน คงเป็นชนิดสองเลนแต่ลาดยางดีตลอดสาย กว่าจะถึงตัวพร้าวเล่นเอาเหงื่อไหลไคลย้อยกันพอควร





9 ข้อดีของกาแฟ ดื่มอย่างเหมาะสมสุขภาพก็แจ่มใส

ใคร ๆ ก็บอกว่ากาแฟมีคาเฟอีน สารที่หากได้รับในปริมาณที่เกินพิกัดก็อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ แต่คอกาแฟอย่าเพิ่งหมดกำลังใจเลยค่ะ เพราะมีผลวิจัยที่ เว็บไซต์ livestrong.com เขาได้นำมาเผยให้รู้ ก็น่าจะช่วยให้คนติดกาแฟได้ยิ้มแก้มแทบปริกันบ้าง เพราะ 9 ข้อต่อไปนี้ จะเป็นข้อดีของกาแฟ ที่ถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม หากจำกัดครีมเทียม นม และน้ำตาลอย่างเหมาะเจาะ ก็สร้างประโยชน์ดี ๆ ให้ร่างกายเราไม่เบาเลยเชียวนะ

1. ลดความเสี่ยงเป็นโรคนิ่ว

ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ปี 2002 เผยว่า ผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีลดลงประมาณ 25% เช่นเดียวกับผลการวิจัยก่อนหน้านี้ที่บอกว่า ผู้ชายที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย

2. กาแฟช่วยลดความเครียด

เชื่อว่าหลายคนแอบเห็นด้วยกับผลวิจัยนี้ เพราะเมื่อรู้สึกเครียด ๆ เหนื่อย ๆ ทีไร ได้จิบกาแฟสักหน่อยก็จะรู้สึกดีขึ้นใช่ไหมคะ ซึ่งคราวนี้เราการันตีด้วยผลการวิจัยเพิ่มเติมอีกด้วยว่า คนที่ดื่มกาแฟประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน จะลดความเครียดได้ประมาณ 15 % แต่หากดื่มกาแฟ 4 แก้วต่อวัน จะสามารถลดความเครียดได้ถึง 20% เลยทีเดียวจ้า

3. ช่วยกระตุ้นความจำ

ผลการวิจัยจากภาครังสีวิทยาของอเมริกาเหนือกล่าวว่า หากดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวัน จะสามารถพัฒนาความจำ และปฏิกิริยาตอบโต้ได้ดีขึ้น สอดคล้องกับการวิจัยของอีกสถาบันหนึ่งที่บอกว่า ผู้หญิงอายุ 65 ปีขึ้นไป หากดื่มกาแฟมากกว่า 3 แก้วต่อวัน จะมีความจำที่ดีขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ หรือดื่มกาแฟน้อยกว่านี้

ส่วนมหาวิทยาลัยเซาท์ฟรอริด้าก็เผยว่า คนอายุล่วงเข้าวัยกลางคน ควรดื่มกาแฟประมาณ 4-5 แก้วต่อวัน เพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมน GCSF สารที่ช่วยลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ด้วยจ้า

4. รอดจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2

จากการศึกษาของภาคการเกษตรและเคมีอาหารของสหรัฐอเมริกา ทำให้ทราบว่า นักดื่มกาแฟตัวยง จะมีโอกาสรอดพ้นจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ประมาณ 50% เนื่องจากคาเฟอีนมีคุณสมบัติช่วยยับยั้ง hIAPP และโพลีเปปไทด์ ตัวการก่อให้เกิดโปรตีนผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นั่นเอง

5. ลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง

มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่ยืนยันว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-5 แก้วต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งตับได้ด้วย โดยประสิทธิภาพของคาเฟอีน จะช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์ผิดปกติ และกำจัดสารพิษที่ร่างกายได้รับได้ในระดับหนึ่ง

6. กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ

มีผลการวิจัยหลายชิ้นที่บอกว่า คาเฟอีนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม และอาจจะทำให้น้ำหนักคุณลดลงได้ แต่ล่าสุดผลการวิจัยเมื่อปี 2006 เพิ่งจะได้ข้อสรุปว่า คาเฟอีนในเมล็ดกาแฟสดคั่วบด มีผลกับการลดน้ำหนักในผู้หญิงได้จริง และสามารถลดน้ำหนักเฉลี่ยได้ 7.7 กิโลกรัมภายใน 22 สัปดาห์เลยทีเดียวจ้า

7. ลดความเสี่ยงเป็นโรคพาคินสัน

สถาบันการแพทย์อเมริกันได้ทำการวิจัยและพบว่า คาเฟอีนในกาแฟมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงเป็นโรคพาคินสัน โดยผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้วเป็นประจำทุกวัน จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคพาคินสันได้ถึง 25% เลยนะจ๊ะ

8. ปลุกความตื่นตัวได้ในทันที

คาเฟอีนมีคุณสมบัติไม่ต่างจากสารกระตุ้นดี ๆ ชนิดหนึ่ง ที่สามารถปลุกความตื่นตัวให้กับร่างกายที่อ่อนล้า หรืออ่อนเพลียได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ยืนยันด้วยการทดลองกับนักกีฬากลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ดื่มกาแฟระหว่างที่ฝึกซ้อม และพบว่า นักกีฬากลุ่มที่ดื่มกาแฟจะสามารถฝึกซ้อมกีฬาได้นานขึ้น เรียกได้ว่ามีความอึดมากกว่าเดิมนั่นเอง โดยความคึกคักที่เกิดขึ้นจะมีระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

9. ลดโอกาสเป็นโรคเกาต์

สำหรับคนที่กลัวตัวเองจะเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แนะนำให้ดื่มกาแฟประมาณ 3-6 แก้วต่อวันอย่างต่อเนื่อง เพราะผลการวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งหนึ่งยืนยันแล้วว่า คาเฟอีนมีส่วนช่วยบรรเทาการอักเสบของข้อ เนื่องมาจากกรดยูริกที่เกินขนาดอย่างได้ผล และคนที่ดื่มกาแฟ 6 แก้วต่อวัน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ได้ถึง 60% เลยล่ะค่ะ

คอกาแฟที่กลัวผลกระทบจากคาเฟอีนได้รู้อย่างนี้แล้วคงสบายใจขึ้นใช่ไหมคะ แต่อย่างไรก็ดี เพื่อสุขภาพ ก็ควรดื่มกาแฟที่มีส่วนผสมของน้ำตาล นม และครีมเทียมน้อย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ และที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งรับประทานอาหารตามหลักโภชนาการด้วยนะจ๊ะ

ขอขอบคุณการเรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม-ขอบคุณมากครับ

[Deang-sarapee]

เข้าตัวเมืองพร้าวฝนก็เทกระหน่ำ เราได้อาศัย ๗-๑๑ หลบฝน หาอะไรเสริมพลังตามความชอบ ผมได้นมเปรี้ยวขวดกับไอส์ครีม ๑ แท่ง เรานั่งกินอาหารเสริม นั่งชมสายฝนและฟังเสียงร้องของฟ้าคะนอง เกือบชัาวโมง เมื่อฝนซาเม็ดก็ออกเดินทาง ผ่านหมวดการทางอยากจะแวะพัก แต่ไม่ใช่เป้าหมายครานี้ขอโบกมือลาก่อน ต้องเอาให้ถึงวัดดอยแม่ปั๋งให้ได้ ในขณะที่ปั่นฝนก็กวนใจพอควร เราต้องรักษาอารมณ์ไม่หงุดหงิด ฝนตกเราก็หยุดศาลาข้างทาง มีช่วงหนึ่งที่ปั่นผ่านสำนักสงฆ์ ครั้งแรกอยากจะหลบฝนเข้าไปพักแต่เห็นแล้วศรัทธาเสื่อมถอย เพราะเป็นวัดน่าจะพุทธพาณิชย์ ที่อาจจะมอมเมาชาวบ้านหลอกลวงต่าง ๆ นา ๆ สังเกตุมองเข้าไป จิตมันฟ้องว่าเหมือนที่พักไพร่พลรบอย่างไรก็อย่างนั้น เราก็เลยผ่านไปไม่ให้ความสนใจ

สงสารชาวพุทธที่ปัญญาน้อยจะต้องตกเป็นเหยื่ออีกไม่รู้กี่ราย...อนิจจา "สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" จากจุดนี้ลุงป๊อกกับคุณยูรขอล่วงหน้าไปก่อน ส่วนผมกับคุณนายปั่นเกาะกันมาสองคน ตา-ยาย จนถึงปากทางเข้าหมู่บ้านแม่ปั๋งก็ปั่นตรงเข้าไป ตอนหลังทราบว่า สองคนที่ล่วงหน้ามาเขาปั่นเลยไปเข้าปากทางเข้าวัดไม่ผ่านหมู่บ้าน แต่เราสองคนแวะซื้ออาหารสดเพื่อเตรียมไว้ไปประกอบอาหารถวายพระตอนเช้า โดยแวะซื้อที่ตลาดในหมู่บ้าน



















จ่ายกับข้าวเสร็จเราก็ปั่นตามทั้งสองคนซึ่งไปรอที่ในวัดแล้ว ทราบว่าได้เจอกับท่านเจ้าอาวาส ลุงป๊อกบอกท่านจำพวกเราได้บอกให้เลือกกุฏิเอาเลยจะนอนที่ไหนก็เชิญ นอกจากนี้ยังถามหาเรา ๒ คนด้วย ลุงป๊อกก็บอกกำลังตามมา เมื่อเรามาถึงก็ไปหาน้องคนดูแลที่พักขอกุฏิ หลังหนึ่งติดกับเจดีย์หลวงปู่หนู เย็นนั้นลุงป๊อกกับคุณยูรหลบไปทำอาหารกินกัน ๒ คน เพราะเราไม่กินแล้ว ช่วงที่ทั้งสองหลบไปทำอาหารทาน ผมกับคุณนายก็ช่วยกันเตรียมอาหารสำหรับทำถวายพระตอนเช้า

ก่อนนอนเราสวดมนต์ นั่งภาวนากัน เป็นความสงบ เย็น อย่างที่ไม่ต้องสาธยาย มีความสุขมาก ๆ ใครว่างให้หาโอกาสไปสัมผัสครับ ท่านจะได้รับกระแสทิพย์ที่เสมือนเมื่อครั้งหลวงปู่แหวนยังมีชีวิตอยู่ มีเงินแสน ๆ ล้านก็หาซื้อไม่ได้ครับ












๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙ https://www.youtube.com/watch?v=4cCG3f4D6jE ๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ https://www.youtube.com/watch?v=VCPD_-9MJD0 ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

อย่าลืมคลิกเข้าไปชมตลาดเมืองพร้าว พวกเราไม่ได้แวะแต่ผ่านเลยไปเลย เพราะฝนตกเสียเวลากลัวไม่ถึงดอยแม่ปั๋งครับ

[Deang-sarapee]

พวกเราเคยมาพักค้างและปฏิบัติที่นี่หลายครั้งแล้ว มาทุกครั้งแทบไม่ทันถวายอาหารเช้าพระ ครั้งนี้เราตกลงกันว่าเราต้องไปถวายอาหารด้วยตัวของเราเอง ดังนั้นหลังจากที่สวดมนต์ภาวนากันเสร็จเราก็แยกย้ายกันพักผ่อน เราตื่นกันแต่ตี ๓ เพื่อประกอบอาหาร ช่วงหกโมงเช้าเราก็ยกอาหารไปถวายพระ เกือบไม่ทันครับ พระที่นี่ท่านฉันเช้ามาก ๆ ไม่ถึงเจ็ดโมงท่านก็ฉันกันแล้ว สรุปหลังจากที่ท่านกลับจากบิณฑบาตร มาถึงวัดท่านก็ขึ้นฉันเลย ต่างจากหลายวัดที่ต้องมาปัดกวาดวัดก่อนฉันอาหาร แต่ท่านฉันก่อนแล้วค่อยมากวาดวัด เป็นที่รู้กันนะครับ

หลังจากพระฉันเสร็จอาหารที่เหลือพวกเราก็พากันลำเลียงมาที่ห้อง จัดการกินให้เรียบร้อย เสร็จก็เตรียมตัวเดินทางกลับบ้านกันครับ เราอำลาจากวัดดอยแม่ปั๋ง ปั่นออกมาแวะที่วัดพระเจ้าตนหลวง ซึ่งวัดนี้ก็มีอยู่ในลิสต์ที่เราอยากมาพักและปฏิบัติธรรมด้วย แต่จังหวะไม่ดี ไม่เจอเจ้าอาวาสซักที หนนี้เจอก็ได้เล่าความนัยให้ฟัง ท่านก็ตอบรับด้วยความยินดี(แบ่งรับแบ่งสู้) ท่านอยู่องค์เดียวไม่ต้องบิณฑบาตรญาติโยมทำมาถวาย ก็แปลกไปอีกแบบครับ

เราปั่นกันมาเรื่อย ๆ ก็มาเจอกับนักปั่นจากตัวเมืองเชียงใหม่ ปั่นกันเป็นทีมมากันเยอะครับ เขากำลังจะไปวัดดอยแม่ปั๋ง เราโชคดีที่ออกมาก่อน ถ้าอยู่ก็คงต้องต้อนรับกลุ่มนี้แน่นอน มีสุภาพสตรีปั่นหลายคน มีรถเซอร์วิสต์ด้วยน่าจะมีการเก็บคนที่ปั่นไม่ไหว ทราบว่าปั่นกันมาแต่ในเมืองเชียงใหม่ เป้าหมายแค่วัดดอยแม่ปั๋ง ก็ดีนะที่เห็นมีกลุ่มนักปั่น ดีใจครับ

[Deang-sarapee]

ปั่นกันกลับบ้านบอกไม่ถูกครับ ใจจริงแล้วเรายังไม่อยากกลับซักเท่าไร แต่คุณยูรแกมีภาระกิจ ต้องกลับก็จำเป็นต้องกลับ ไม่ว่ากัน เราปั่นกันมาถึงบริเวณที่ตั้งด่าน มองไปมองมา เอ้า.....ด่าน ตชด.จิตคิดแป๊บทันที เอ....คงไม่มีงานทำซะแล้ว ตชด.มันต้องอยู่แถว ๆ ชายแดนโน่น..ไม่ใช่มาอยู่เขตด้านใน ไม่แน่นะ...๕๕.ไม่นาน ๆ คุณ ๆ ทั้งหลายจะไม่ได้เห็นหน่วยงาน ที่ชือว่า "ตำรวจตระเวนชายแดน" เขาเคยมีนโยบายจะยุบกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นถ้ามิใช่เพราะ พระมหากรุณาธิคุณ โดนยุบไปแล้ว ผมเห็นด่านตรวจ ล่นเข้ามาอยู่เขตในมันเหมือนมีลาง ๕๕. เอ้า...ตามกันต่อไป ผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ จุดสำคัญ ๆ ที่ ตชด.เคยอยู่เคยปฏิบัติงาน ถูกยึดไปแล้ว เรียกว่าลดบทบาทใครยึดไปดูเองครับ อิอิ.



























พรุ่งนี้เช้าตั้งแต่ ๐๖.๐๐ น.เราจะพาคุณพอดี + คุณใช่เลย ไปแสวงบุญที่บริเวณแถว ๆ ดอยสุเทพ ไม่กำหนดว่าที่ไหนอย่างไร แต่อยากจะไปหาความสัปปายะ ความสงบ เงียบ ตามรอยครูบาอาจารย์ ส่วนจะเป็นที่ใดนั้นติดตามครับ กลับมาจะเก็บรายละเอียดแบบว่าให้มากที่สุด เพื่อว่าอาจจะมีหลาย ๆ คนอยากไปเที่ยวจะได้เป็น ไกด์ไลน์ให้ครับ สำหรับทริปสั้น ๆ แต่ได้เนื้อหาสาระของชีวิตครั้งนี้ก็ต้องขอจบไว้แต่เพียงแค่นี้ มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ผิดพลาด พลั้งเผลอจนอาจเป็นเหตุให้ท่านผู้เข้ามาเยี่ยมชม ผิดพ้องหมองใจจะด้วยตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี ขอได้โปรดอโหสิกรรมให้ด้วยครับ ขอบพระคุณมากครับ เจอกันทริปต่อไปครับ สวัสดีครับ

[Deang-sarapee]

สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ เมื่อ ๑ - ๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ รักรถรักธรรม ได้พากันหลบร้อนไปพักผ่อนกันบนยอดดอยสุเทพปุยเพื่อชื่นชมธรรมชาติ กับสูดโอโซนและหาที่สงบ วิเวก วังเวง ปฏิบัติธรรม ตามสไตล์ของคนรวย(เวลา) เส้นทางครั้งแรกก็คิดแต่เพียงว่าไปสบาย ๆ แต่ที่ไหนได้เพราะความเคยชินและเป็นเหมือนกับพ่อแม่-ครูบาอาจารย์ ท่านต้องการให้พวกเราได้เห็นทุกข์ เพื่อจะได้เห็นธรรม จึงดลจิตดลใจให้เราไปเจอกับสภาพดังในภาพ ใครคิดว่า จิ๊บ ๆ เชิญไปสัมผัสได้ ไม่น่าเชื่อนะว่าเชียงใหม่จะมีสถานที่ดี ๆ ให้ชาวจักรยานได้สัมผัสทดลองความแข็งแกร่งของตัวเอง สมกับที่ชาวต่างชาติให้ฉายาว่า "สวรรค์ของชาวจักรยาน"

สำหรับรายละเอียดผมนำไปไว้ในกระทู้ 2015 Bridgeatone Wildwest Cromo ของพี่แดง-สารภี ขอเรียนเชิญไปให้กำลังใจ ศึกษาหารายละเอียดหรือตำหนิ ติชม กันได้ ตาม เวปป์ที่แนะนำครับ


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐ https://www.youtube.com/watch?v=wC8BFh_unWU ๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

[ประจันทร์ศรี]

ชื่นชมพี่สาวมาแต่ต้น มาถึงวันนี้ก็ยังชื่นชมอยู่ครับ

[Deang-sarapee]

ชื่นชมพี่สาวมาแต่ต้น มาถึงวันนี้ก็ยังชื่นชมอยู่ครับ

บอกเจ้าตัวให้ทราบแล้วนะครับ ฝากคำขอบคุณมายัง ท่านประจันทร์ศรีว่า "ขอบคุณเจ๊า" (ขอบคุณค่ะ)

วันนี้ผมมีอีกทริปหนึ่งที่จะนำเสนอ เนื่องจากว่าผมได้รับเฟรมมาจากญาติธรรมที่อยู่จันทบุรีท่านเข้ามาอ่านกระทู้ แล้วเกิดชอบใจในรูปแบบของการเดินทางอย่างที่พวกเราทำกัน ท่านไปเจอเฟรมแล้วคิดถึงผมซึ่งออกทริปกับคุณนาย ซึ่งใช้ Trex 830 สีดำ เฟรมที่ญาติธรรมเจอเป็น Trex 800 สีแดง เห็นว่าสีแดงเหมาะกับคนชื่อแดง จึงได้ส่งไปให้ ไว้เป็นคู่ Duo ออกทริปไปพร้อมกัน ผมก็เลยส่ง ปู่บริดส์ (Bridgestone Wildwest) คันโปรดด้านความทะลุดุดันของผมไปแทนคำขอบคุณ

หลังจากที่ได้ประกอบเป็นรูปร่างพาออกปั่นทดสอบระยะทางใกล้ ๆ แถวรอบบ้านอยู่หลายวัน ก็ได้ฤกษ์ลุยเป็นการทดสอบ เราได้ข้อมูลว่าที่ลำพูน เขาพบพระธาตุคล้ายกับพระธาตุอินแขวนของพม่า จึงได้มีการกรุยทางและเข้าไปพัฒนา บัดนี้พอเป็นรูปร่างและได้เปิดให้ชาวบ้านได้เข้าไปชมได้แล้ว เรื่องนี้ทราบมานานร่วมปีแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสไปสักครั้ง เมื่อได้ Trex 800 คันนี้ไม่ทราบว่ามีอะไรดลใจอยากจะไป จึงได้หาโอกาสไประยะทางไปกลับก็แค่ ๗๐ กม.แค่นี้เอง ไปกันเลยนะครับผมจะพยายามเอาภาพมาให้ชมเยอะ ๆ สวย ๆ ทั้งนั้น ใครไม่มีโอกาสไปพระธาตุอินแขวนพม่า ให้ไปที่ลำพูนแทนครับ







กลับถึงบ้านได้รับเกียรติจากคุณนายตั้งชื่อให้ Trex 800 คันนี้ว่า "คุณโชคดี"



“พระธาตุอินทร์แขวน” ลำพูน...อันซีนใหม่ ใต้ร่มเงาแห่งศรัทธาอันน่าทึ่ง/โดย ปิ่น บุตรี 13 พฤศจิกายน 2557 15:03 น.(ขอบพระคุณผู้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ)





พระธาตุอินทร์แขวนมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า "ไจก์ทิโย" เป็นภาษามอญ ซึ่งชาวพม่าและชาวมอญต่างเรียกขานชื่อนี้กัน ไจก์ทิโย หมายถึง เจดีย์บนหินที่มีรูปร่างคล้ายศีรษะฤๅษี

ด้วยชื่อเสียงความศักดิ์สิทธิ์กอปรกับความมหัศจรรย์ทำให้พลังศรัทธาแห่งพระธาตุอินทร์แขวนแผ่ขยายเข้ามาในบ้านเรา จึงมีการสร้างพระธาตุอินทร์แขวนองค์จำลองขึ้นในบางพื้นที่ตามธรรมชาติที่มีก้อนหินใหญ่ตั้งอยู่ริมหน้าผาคล้ายที่พม่า ไม่ว่าจะเป็น ที่วัดพระธาตุหินกิ่ว จ.ตาก, พระธาตุผาไข่อินทร์แขวน จ.ตาก หรือที่พุทธอุทยานดอยผาสวรรค์ จ.แพร่ รวมไปถึงที่ล่าสุดกับองค์พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง แห่งจังหวัดลำพูน ที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นาน เป็นอันซีนเมืองลำพูนที่มีความน่าสนใจยิ่ง

กำเนิดพระธาตุอินทร์แขวนลำพูน



พระธาตุอินทร์แขวนลำพูน มีชื่อเต็มคือ “พระพุทธบาทพระธาตุอินทร์แขวน” ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพุ ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน ตัวองค์พระธาตุ (ในปัจจุบัน) ตั้งอยู่บนดอยเตี้ยๆ ซึ่งคุณลุงที่ประจำอยู่ที่องค์พระธาตุบอกกับผมว่า ดอยแห่งนี้ชาวบ้านเรียกว่า “ดอยถ้ำหิน” จากนั้นคุณลุงก็เล่าความเป็นมาของพระธาตุอินทร์แขวนลำพูนให้ผมฟังพอสังเขป สรุปความว่า

...เดิมดอยถ้ำหินเป็นดอยเป็นป่าธรรมดา ชาวบ้านเห็นก้อนหินใหญ่ 2 ก้อนริมเพิงผาที่ตั้งแบบหมิ่นเหม่จะตกไม่ตกแหล่มาช้านาน แถมยังมีคนเคยไปผลักไป เอาไม้คานไปงัดถึง 10 คน แต่ก็ไม่บังเกิดผล จึงปล่อยก้อนหินใหญ่ 2 ก้อนเอาไว้เหมือนเดิม

ต่อมา “ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา” หรือ “ครูบาวงศ์” เกจิชื่อดังแห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านนั่งทางในนิมิตเห็นหินก้อนนี้ จึงให้ลูกศิษย์ออกตามหา ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรกว่าจะเจอ ซึ่งดอยแห่งนี้มีความสำคัญคือบนลานใกล้ๆกับก้อนหินใหญ่มีรอยหินที่เชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทประทับอยู่

จากนั้นจึงมีการสร้างองค์พระธาตุขึ้นบนก้อนหินลูกหนึ่ง(ลูกเล็ก) ขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 57 โดยจำลองลักษณะของพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่ามาไว้ที่นี่...สำหรับเจดีย์องค์นี้ที่ตั้งอยู่บนก้อนหินหมิ่นเหม่ริมผานั้นแม้จะเป็นเจดีย์องค์เล็กๆ แต่ว่าก็เป็นองค์พระธาตุเจดีย์ที่มีลักษณะสมส่วน งดงาม และดูโดดเด่นเคียงคู่ไปกับก้อนหินที่ทาสีทองอร่าม ซึ่งทั้งเจดีย์และรอยพระพุทธบาทที่อยู่ใกล้กัน ทำให้ที่นี่มีชื่อเต็มเรียกอย่างเป็นทางการว่า “พระพุทธบาทพระธาตุอินทร์แขวน” แต่คนส่วนใหญ่มักจะเรียกกันว่าพระธาตุอินทร์แขวน หรือไม่ก็พระธาตุอินทร์แขวนลำพูน

พระพุทธบาทพระธาตุอินทร์แขวน หรือ พระธาตุอินทร์แขวนลำพูน ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพุ ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน สามารถสอบถามรายละเอียดการเดินทางได้ที่ ททท. สำนักงานเชียงใหม่ (รับผิดชอบพื้นที่ เชียงใหม่,ลำพูน,ลำปาง) โทร. 0-5327-6140-2

พระธาตุอินแขวนของเมืองพม่าครับ

[Deang-sarapee]

ครั้งแรกก็ไม่ค่อยจะเชื่ออะไรมากมาย แต่พอไปเห็นประกอบกับเคยไปแสวงบุญที่พระธาตุอินแขวนและพักนอนบนพระธรตุอินแขวนเมืองพม่ามาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อได้มาเห็นในบ้านเมืองเราซึ่งที่ ๆ ผมเคยไปมามีอยู่ ๒ แห่งที่ อ.แม่ริม และ อ.เมืองงาย เมื่อไปพบเห็นก็เฉย ๆ เพราะเป็นการจำลองมาให้ผู้ที่ไม่เคยไปได้มีโอกาสกราบไหว้บูชา โดยทางจิตวิญญาณของควมศรัทธา แต่องค์ที่ลำพูนนี้ยอมรับว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่สะกิดใจผมมาก ๆ ขนลุกและปลื้มปีติเป็นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ สังเกตุและภาวนาในใจไปด้วย มีบางสิ่งบางอย่างที่บังเกิดให้ปรากฏ ผมต้องยอมทรุดลงกราบไหว้โดยดุษฐีภาพ แต่ก็ยังคาใจอยู่ว่า "อะไร?"

หินของพระธาตุลำพูนที่เห็นเป็นรูปตัดเฉือนทำให้เกิดสัณฐานไม่กลมเหมือนของพม่า ชาวบ้าน(คนแก่)ที่เฝ้าได้เล่าให้ฟังว่า ฟ้าผ่าทำให้หินแตกออกไปตกอยู่ข้าง ๆ นั่นแหละ ท่านยังเล่าให้ฟังอีกว่าเมื่อสมัยท่านเป็นเด็ก ๆ ได้พรรคพวกนับ ๑๐ คนทดลองเอาไม้ไผ่ทำเป็นคานดีดและช่วยกันดีดหินก้อนนี้ให้ตกลงไป หินพอเขยื้อนได้แต่ไม่ยอมตกลงไป จะทำอย่างไรก็ไม่ตกพากันขึ้นไปผลักก็ไม่ตก ได้แค่โยก ๆ ลุง ๆ ก็บอกเออ..แปลก ลุงแกก็ไม่เคยเห็นพระธาตุอินแขวนของพม่า ผมได้เปิดในมือถือที่บันทึกภาพไว้ให้ได้ชมของจริง แกยกมือสาธุ และเปรยว่า..แปลก..เหมือนจริง ๆ



ไปไม่ยากและไม่ไกลครับ ตามแผนที่ ๆ นำเสนอนั่นเลยครับ ไปแล้วยังหลงถามชาวบ้านได้ครับ









































ทางเข้าที่เราสองคน ตา-ยาย เข้าไปเป็นทางที่ทาง อบจ.กำลังสำรวจและจะสร้างให้เข้าถึงตัวพระธาตุ เพราะทางเดิมต้องผ่านที่ชาวบ้านซึ่งไม่มีใครยอม เราจึงต้องเข้าไปอย่างทุลักทุเล แต่ได้บุญครับ เพราะเราต้อง ขันติ วิริยะ และศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ที่จะเข้าไปพิสูจน์ เมื่อเราเข้าไปถึงไม่ผิดหวังครับ เพราะยังไม่มีสิ่งรกหูขวางตา มีเพียงร้านแค่ ๓ ร้านที่คอยขายเครื่องบวงสรวง(สำหรับผุ้ที่ยังเข้าไม่ถึงพุทธแท้ ๆ ) กับร้านอาหารอีกร้านหนึ่งและร้านขายของที่ระลึกอีกร้านแค่นั้น ผมสนทนากับพ่อค้าแม่ค้า ที่อัธยาศัยดีมาก ๆ (คนชนบทมักน่ารัก) เราอุดหนุนอาหารกลางวัน(ส้มตำเจ..ข้าวเหนียว) กินเสร็จจึงขึ้นไปบนพระธาตุ ไปได้ครึ่งทางแหงนดูพระธาตุ "หายเหนื่อยครับ" ปิติแล่นสู่กระแสจิตทันที...

[Deang-sarapee]

ไม่น่าเชื่อหรืออาจจะเหลือเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ พระธาตุอินแขวนลำพูน ถูกนิตยสาร Lonely planet ซึ่งเป็นนิตยสารที่โด่งดังในเรื่องการนำเที่ยว(ผมอาศัยใช้มาตั้งสมัยเป็นนักเรียน)ได้นำเสนอเป็นไฮไลต์การท่องเที่ยวลำดับที่ ๘ ของเดือนตุลาคม(เดือนนี้พอดี) ดีใจมาก ๆ เลยครับ ดังนั้นใครที่ยังไม่ได้ไปกราบนมัสการรีบซะนะครับ ก่อนที่อะไร ๆ จะสายไป(ธรรมชาติถูกทำลาย) คุณนายกับผมได้เดินขึ้นไปเพื่อขึ้นไปเยี่ยมชม เหมือนที่เล่าไว้นั่นแหละครับ เมื่อไปถึงมีสิ่งบอกเหตุดลใจให้ชื่นชมและเกิดพลังศรัทธา เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์อันพึงมีกับองค์พระธาตุ เสียดายมาก ๆ ลุงคนที่เฝ้าพระธาตุอยู่ ๒ คนต้อนรับเราทั้งสองเป็นอย่างดี และได้เล่ารายละเอียดให้เราฟัง หินก้อนนี้แต่ก่อนกลมแต่มาถูกฟ้าผ่า(ประมาณนั้น) แหว่งไปตามภาพ และสมัยที่แกเป็นเด็กแกกับพรรคพวกนั่นละ ที่ช่วยกันเป็นสิบยี่สิบคน พยายามเหลือเกินที่พลักหินก้อนนี้ให้ไหลลงไปข้างล่าง จนบัดนี้ก็ไม่สำเร็จและสุดท้ายวันนี้เวลานี้แกเล่าว่า ต้องมานั่งเฝ้าเพื่อดูแลพระธาตุองค์นี้

เรามาชื่นชมพระธาตุกัน ผมพยายามเก็บมาเท่าที่สติปัญญาจะพอมี บอกตรง ๆ นะภาพไม่ถูกใจเลย หลาย ๆ ภาพ เรียกว่าหงุดหงิดพอควร คราวหน้าจะไปใหม่ไปนอนแล้วนั่งใจเย็น ๆ เก็บภาพให้ได้เยอะ ๆ แล้วมาเลือกสวย ๆ ให้ได้ชมกัน คอยติดตามนะครับ ครั้งนี้ชมเท่าที่ได้มาไปพราง ๆ ก่อนครับ

[Deang-sarapee]

ขอคั่นรายการสักวันนะครับ เมื่อวันที่ ๒๒ ต.ค.๕๘ รักรถรักธรรม ได้พาลุงดมซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมไปไหนต่อด้วยกันมาตลอดแต่วันดีคืนดีเกิดพูดไม่มีเสียง ต้องเปล่งลมใช้ลมมากจึงได้ไปตรวจที่ รพ.หมอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งที่กล่องเสียงระยะที่ ๒-๓ ต้องรีบทำการรักษา คือต้องผ่าตัดและทำคีโม ตกใจกันมากครับแต่เราก็ให้กำลังใจกัน ลุงดมเข้าผ่าตัดประมาณเดือนสิงหาคมและทำคีโม จวบจนวันนี้ก็ ๒ เดือนเกือบ ๓ เดือน อาการดีขึ้นมาก บรรดาแพทย์ต่างพากันแปลกใจ คนไข้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะอานิสงค์ของ "จักรยานครับ" ลุงดมและซึ่งเป็นหนึ่งในทีมรักรถรักธรรม จะปั่นจักรยานเดินทางไกลไปด้วยกันตลอด ผลของการปั่นจักรยานเดินทางไกลก็คือได้ออกกำลังไปด้วย การที่ร่างกายได้ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลานานมาแล้ว ย่อมมีภูมิต้านทาน แต่ร่างกายที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "เป็นรังแห่งโรค" ยามเมื่อวิบากกรรมจะให้ผลต่อให้คุณแข็งแรงดังยักษ์สีก็ไม่มีทางเลี่ยงได้ เมื่อเป็นแล้วจะต่อสู้อย่างไรนี่ซิสำคัญ ลุงดมนั้นต่อสู้ด้วยการ "ทำใจ การรักษาเป็นเรื่องของหมอ" คอยติดตามละเอียดนะครับผมจะนำมาเล่าไว้เป็นวิทยาทาน ในโอกาสต่อไป เช้านี้เอาตัวอย่างชมก่อนก็แล้วกันครับ

[Deang-sarapee]

ที่บนพระธาตุจะมีคนเฝ้าดูแลทำความสะอาดวันที่เราไปเห็นอยู่ ๒ ท่าน ก็ได้นั่งสนทนากัน ท่านได้ให้ความรู้และประวัติความเป็นมาของพระธาตุแบบละเอียดยิบ แต่ที่น่าทึ่งก็คือท่านทั้งสองเป็นเด็กหนุ่มที่หาไม้มาช่วยกันพยายาม งัด ผลักหินก้อนที่เทินกันให้กลิ้งออกจากกัน พยายามอย่างไรไม่ประสบผลสำเร็จ(วันนี้ต้องมานั่งเฝ้า) ผมได้นำภาพพระธาตุอินแขวนของจริงที่พม่าให้ชม ท่านถึงกับร้อง...โอ..เหมือนกันเด๊ะ ถ้าฟ้าไม่ผ่าหินที่กลมให้แตก ก็จะเหมือนเลยทีเดียว ตามคำร่ำลือที่ได้ฟังผมเองก็ไม่ค่อยปักใจเชื่อ แต่เมื่อไปสัมผัสแล้วลึก ๆ ผมว่ามันน่าอัศจรรย์ครับ แล้วผมจะกลับไปใหม่เพื่อไปพิสูจน์อะไรบางอย่างให้หายสงสัย ครั้งนี้ขอเก็บความประทับใจและแจ้งมายังชาวจักรยานทุกท่าน ให้หาโอกาสไปเยี่ยมชมได้ครับไม่มั่นใจว่าเมื่อความเจริญเข้าไปแล้ว ความอัศจรรย์และศักดิ์สิทธิ์จะพลอยหายไปก็อาจเป็นได้













































ขอให้หาเวลาไปเยี่ยมชมตามแผนที่เส้นทางนี้นะครับ มีป้ายบอกไปตลอดทาง ข้องใจสงสัยแวะถามชาวบ้านได้ครับคนบ้านนอกนิสัยดี น่ารักเอื้ออาทรและพร้อมจะให้คำแนะนำ ถ้าจะให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นควรหาโอกาสกางเต้นท์นอนเพื่อทำสมาธิไม่แน่ท่านอาจจะได้พบเห็นสิ่งแปลกใหม่ได้นะครับ ขอบพระคุณสำหรับการติดตามเยี่ยมชม ทริปต่อไปมีอะไรดี ๆ ก็จะนำมาเสนอต่อไป ขอได้รับความขอบคุณเป็นอย่างสูงสวัสดีครับ