ผู้ดูแล: เอ็ม.เจ.ไบค์ นครปฐม
หลายคนสงสัยว่าเวลาผมไปไหน ทำไมต้องเอาตำรวจไปด้วย...ขวัญใจ เขียน:ทริปต่อไปถ้ามาปั่นในไทย กรุณาอย่าเอาตำรวจติดตามมาด้วยน๊ะครับ 555 รักรถรักธรรม ก็มีอดีตนายตำรวจอยู่แล้ว ยศ พ.ต.อ. ซะด้วย ไม่ต้องเอานายดาบมาหรอกครับ อิอิ
ขอบคุณครับ ท่าน UDOM55 จริงๆแล้ว กล้องมันช่วยมากกว่าครับUDOM55 เขียน:คุณ มะหิงสา ถ่ายรูปสวยมากครับ วิวก็สวยมาก
โอ้โห ความเร็ว70กว่าลงเขา ผมว่าตัวใครตัวมันแบบหลวงพ่อคูณท่านพูดละครับ ความนิ่งที่นิ่งสนิทจริงๆของรถมีใว้ให้เราได้ใช้สมาธิในการตัดสินใจกับภาระกรรมข้างหน้า โดยรถจะไม่ไปบั่นทอนการตัดสินใจของผู้ขี่ แนวคิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองแต่เกิดเมื่อตอนที่ผมไปเป็นหัวหน้าทีมจักรยานทีมหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งผมต้องรับหน้าที่ฝึกนักจักรยานทั้งหมด ทั้งบนพื้นราบและทางภูเขา ซึ่งในเวลาฝึกจริง ผมต้องใช้มือขวาควบคุมรถ ส่วนมือซ้ายคอยชี้กำกับนักจักรยาน ยิ่งลงเขานี่ต้องปะกบลงชี้ไลน์ให้ลงตลอดทาง รถต้องตอบสนองการทำงานแบบนี้ได้ ผลจากรถคันนั้นก็ได้นำมาใช้กับรถทุกคัน ครับ แต่70กม/ชม นี่น่าจะใกล้เกินความสามารถทนความเร็วสูงสุดของยางแล้วครับ ถึงโดยความเป็นจริงผู้ผลิตก็ไม่ได้บอกข้อจำกัดนี้มาทุกยี่ห้อ แต่โดยอนุมานได้ว่าไม่น่าเกิน80-90 กม/ชม มีหลายๆสาเหตุและหลายเหตผลในการที่จะเลือกยางแต่ละรุ่นมาใส่ แต่ในข้อสำคัญที่สุดของยางที่ผมคำนึงมากที่สุดคือยางต้องทนต่อสภาวะการลงเขาได้ดีที่สุด โครงสร้างยางต้องแข็งแรงมาก ผิวยางต้องตึงเพื่อทนต่อการ ทิ่ม บาด ของๆมีคม เพราะอันตรายที่สุดของการขี่จักรยานก็คือการขี่จักรยานลงเขานี่แหละครับMahingsa เขียน:อันนี้เป็น Profile ของการเดินทางวันแรกของผมครับ
โดยผมเริ่มจาก อช.ชาติตระการ ถีบรถไปรอพบกับท่านผู้ใหญ่ทั้งสามที่แยก โป่งแค ระยะทางก้ประมาณ 39.6 กม. พอดิบพอดี ก็ถือว่าเป็นการ Worm up อะครับ
ให้สังเกตทีช่วงกม.ที่ 28 จะลงเขาเป็นระยะทางประมาณ 7.4 กม. จนถึงกมที่ 35.4 ก็จะขึ้นเนินเล็กๆอีกลูกหนึ่ง บริเวณนี้คือเขาคอม้าครับ เป็นการใช้ความเร็ว(โดยจักรยานคันนี้)หนแรก ตอนแรกก็กล้าๆกลัวๆครับ ลงเนินยาวเป็นกิโล แถมแบกสัมภาระอีกร่วม 20 กิโล รถวิ่งเกาะหนึบดีมากครับ ช่วงชันมากๆแล้วใส่โค้ง..อืม...ไม่มีอาการดีดดิ้งให้หวิวๆเลยครับ มั่นใจขึ้นมากเลย (พลาดไม่ได้เด็ดขาด) ลงมาได้สักพัก ความเร็วแตะ 74 km/hr ครับ ลองแตะเบรคเบาๆ....โห..ไอ้ความรู้สึกว่าเบรคมันหนึบๆไม่ว่าจะเบรคหน้าหรือหลังจะรู้สึกว่ามันดึงมาจากข้างหลัง มันมีประโยชน์อย่างนี้นี่เอง สร้างความมั่นใจได้มากมายเลยครับ รถทีดี ไม่ใช่เร็วอย่างเดียวครับ มันต้อง...เอาอยู่ (คำนี้คุ้นๆเนอะ) โดยเฉพาะตอนเบรคด้วยครับ อันนี้....รถคันนี้ผมให้ผ่านครับ
ชอบครับไอ้ความรู้สึกมั่นใจอย่างนี้เวลาลงเนินยาวๆมันไม่เครียดทำให้เรามีอารมน์สนุกมากกว่าครับ
แล้วไอ้ที่ว่ากันว่ารถ MJ Bike ไหลลื่นนะ มันเป็นอย่างไร...เดี๋ยวคงจะมีคนเข้ามา Post อะครับ ทริปนี้เวลาลงเนินทีไรจะมีคนแซวว่า ท่านเมธาลำเอียงครับ
โลกส่วนตัวจริงๆครับ สวยมากๆครับMahingsa เขียน:หลายคนสงสัยว่าเวลาผมไปไหน ทำไมต้องเอาตำรวจไปด้วย...ขวัญใจ เขียน:ทริปต่อไปถ้ามาปั่นในไทย กรุณาอย่าเอาตำรวจติดตามมาด้วยน๊ะครับ 555 รักรถรักธรรม ก็มีอดีตนายตำรวจอยู่แล้ว ยศ พ.ต.อ. ซะด้วย ไม่ต้องเอานายดาบมาหรอกครับ อิอิ
เออ...ขออนุญาตผ่านไปก่อนนะครับ ขอ Post ทริปวันแรกให้จบก่อนแล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังครับ (ท่าทางจะเป้นหนังยาวซะแล้วครับ)
) ครับ เส้นทางช่วงนี้จะขึ้นเขาหน่อยๆครับ แบบว่าจะไม่ค่อยรู้สึกว่าขึ้นเนินแต่ว่ารถไม่ไหลเท่าที่ควรครับ 
เหนื่อย แล้วก็น่าเบื่อสุดๆละครับ 
ผมขี่แบบถนอมตัวเพราะว่าเพิ่งจะวันแรก ถ้าร่างกายเกิดอะไรขึ้น วันต่อไปจะไม่สนุกอะครับ 
แบบว่าปั่นไปเรื่อยๆ (แบบไม่เรียกไม่จอดอะครับ) เวลารอบแกถึงแล้ว...โลกใบนี้จะเป็นของแกคนเดียวครับ เวลาปั่นตามหลังแก เราจะมีความรู้สึกว่าหนทางมันยาวไกลเหลือเกิน (เมื่อไหร่จะจอดซักที) 
แกไปของแกเรื่อยๆจริงๆอะครับ (อันนี้เป็นการบริหารกำลังในการเดินทางไกลอะครับ..สุดยอดเลยครับ)
) ผมกำลังขึ้นเนิน อาจารย์ภมรตามมา เลยบอกให้ท่านไปก่อน แต่ว่าท่านบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวดูแลด้านหลังให้ครับ (ขอบคุณพวกพี่ๆดังๆอีกครั้งครับ)
เมธา เปรมแสง เขียน: โอ้โห ความเร็ว70กว่าลงเขา ผมว่าตัวใครตัวมันแบบหลวงพ่อคูณท่านพูดละครับ ความนิ่งที่นิ่งสนิทจริงๆของรถมีใว้ให้เราได้ใช้สมาธิในการตัดสินใจกับภาระกรรมข้างหน้า โดยรถจะไม่ไปบั่นทอนการตัดสินใจของผู้ขี่ แนวคิดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองแต่เกิดเมื่อตอนที่ผมไปเป็นหัวหน้าทีมจักรยานทีมหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งผมต้องรับหน้าที่ฝึกนักจักรยานทั้งหมด ทั้งบนพื้นราบและทางภูเขา ซึ่งในเวลาฝึกจริง ผมต้องใช้มือขวาควบคุมรถ ส่วนมือซ้ายคอยชี้กำกับนักจักรยาน ยิ่งลงเขานี่ต้องปะกบลงชี้ไลน์ให้ลงตลอดทาง รถต้องตอบสนองการทำงานแบบนี้ได้ ผลจากรถคันนั้นก็ได้นำมาใช้กับรถทุกคัน ครับ แต่70กม/ชม นี่น่าจะใกล้เกินความสามารถทนความเร็วสูงสุดของยางแล้วครับ ถึงโดยความเป็นจริงผู้ผลิตก็ไม่ได้บอกข้อจำกัดนี้มาทุกยี่ห้อ แต่โดยอนุมานได้ว่าไม่น่าเกิน80-90 กม/ชม มีหลายๆสาเหตุและหลายเหตผลในการที่จะเลือกยางแต่ละรุ่นมาใส่ แต่ในข้อสำคัญที่สุดของยางที่ผมคำนึงมากที่สุดคือยางต้องทนต่อสภาวะการลงเขาได้ดีที่สุด โครงสร้างยางต้องแข็งแรงมาก ผิวยางต้องตึงเพื่อทนต่อการ ทิ่ม บาด ของๆมีคม เพราะอันตรายที่สุดของการขี่จักรยานก็คือการขี่จักรยานลงเขานี่แหละครับ
) มาทันกันตอนขึ้นเนินอีกทีครับ ถามแกว่าพรุ่งนี้กลับทางอื่นได้บ่...อ้าย ผมกับพี่แดงมาเช็คความเร็วกันอีกทีที่ที่พัก ปรากฏว่าความเร็วสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 65 กม.ชม.ครับ 
ผมโดนตักเตือนในเรื่องนี้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควร 
จริงๆแล้วลงเนินยาวๆ 40-50 ก็พอ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น มันจะไม่คุ้มกัน แต่ถ้าลงเนินแบบหลายๆลูกติดกัน อาจจะใช้ความเร็วให้มี momentum ไหลข้ามอีกเนินก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยเช่นกัน...เรามาเที่ยวไม่ได้มาแข่งกับใคร ทั้งรถทั้งคน ปรกติดีไม่มีอาการเมื่อยแขนเมื่อยขาแต่อย่างใดครับ คิดในใจ..เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็รู้ 
