คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

ผู้ดูแล: เนิ่ม ชมภูศรี

กฏการใช้บอร์ด
ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
เนิ่ม ชมภูศรี 081-7533298
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


เมื่อสายใยแห่งชีวิตถูกกำหนดให้เดินทางมาพบกัน


ในเวลายามเย็นที่สนามบินใหม่ ตั้งอยู่ในเขตเมืองพิษณุโลก และเป็นสถานที่นัดพบของบรรดานักจักรยานทั้งขาแรง ทั้งนักจักรยานที่ปั่นเพื่อสุขภาพ ตลอดจนเด็กเล็ก ๆ มาร่วมปั่นจักรยานกับครอบครัว สนามบินใหม่พิษณุโลก จึงเป็นที่มาของกลุ่มจักรยานยามเย็นสนามบินใหม่ แอร์พอร์ตกรุ๊ป มีสมาชิกร่วมร้อยชีวิตจากจุดเริ่มต้นเพียงคนไม่กี่คนที่ปั่นจักรยาน ทักทายไหว้สาสวัสดีครับให้แด่กัน สายสัมพันธ์อันเป็นเส้นใยแห่งความดีได้เรียงร้อยใจคนรักจักรยานให้หลอมรวมเป็นหนึ่งพลังกลุ่มใหญ่ คอยดูแลเกื้อหนุนเด็ก ๆ ที่มาปั่นจักรยาน ข้าพเจ้านั้น ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกซ้อมนักจักรยานอยู่ในสนามบินใหม่เป็นประจำทุกวัน ในยามเย็น ๆ จะขับมอเตอร์ไซค์นำหน้านักจักรยาน เพื่อให้เด็กนักกีฬาที่ทำการฝึกซ้อมได้อาศัยฝึกรอบขาให้เร็วขึ้น และในวันหนึ่งนั้นที่พบกับเด็กชายปรมัติ สุคตินาถ ที่บริเวณสนามบินใหม่ก็เช่นกัน เราจะพบกันแบบโดยบังเอิญ เห็นกันทางฝั่งตรงข้ามเส้นทางเสมอ ๆ และเมื่อเห็นเด็กชายแล้ว ใจหนึ่งก็ประสงค์ขึ้นมาทันที่ว่าจะขับรถมอเตอร์ไซค์วิ่งตามไปสอบถามให้ได้ว่า สนใจจะมาปั่นจักรยานฝึกซ้อมด้วยกันไหม

แต่ในขณะที่ความประสงค์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับตอนที่กำลังขับมอเตอร์ไซค์ให้เด็กจักรยานจี้ท้ายรถฝึกรอบขา ฉันไม่สามารถหยุดรถเพื่อตามไปสอบถามเด็กชายได้ ยังคงได้แต่คิดอยู่เพียงฝ่ายเดียว ว่า เด็กคนนี้ ถ้ามาปั่นจักรยานด้วยกัน ฝึกซ้อมจักรยานด้วยกัน คงไปได้ไกลแน่ เนื่องจากสรีระร่างกายนั้น เหมาะสมกับกิจกรรมการปั่นจักรยานอย่างยิ่ง ด้วยรูปร่างที่สูง ด้วยกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์พร้อมไปด้วยริ้วรอยของการเจริญเติบโตของเส้นใยกล้ามเยื้อในเส้นทางของการมีน้ำอดน้ำทน คงไม่ยากนักที่จะเริ่มสร้างความฝันจากจุดเริ่มต้นด้วยความเพียรได้...

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป



การคิดถึงอนาคตการปั่นจักรยานของเด็กชาย ก็ยังคงเป็นการคิดอยู่แต่เพียงฝ่ายเดียวอยู่ร่ำไป เนื่องจากการพบกันในแต่ละครั้ง เราไม่สามารถที่จะหยุดเพื่อพูดคุยกันได้ เพื่อสอบถามกันได้ เนื่องจากเหตุผลที่ว่า ข้าพเจ้าต้องทำหน้าที่ในการฝึกซ้อมจักรยานในห้วงเวลานั้น ส่วนเด็กชายก็ปั่นจักรยานอยู่ฝั่งตรงข้ามเส้นทางเสมอ ๆ และมาถึงในวันนี้ก็เช่นกัน ได้แต่เพียงนึกคิดและแอบเหลียวมองดูกระจกหลังอย่างเดียว ว่าเด็กชายปั่นไปถึงไหนกัน

( ขออธิบายเพิ่มเติมเพื่อแทรกการเล่าเรื่องถึงความยากในการพูดคุยกันในขณะที่พบเห็นกันนั้น เนื่องจากข้าพเจ้าพบเด็กแต่ละคน ในห้วงขณะที่กำลังทำการฝึกซ้อมจักรยานให้กับเด็กนักกีฬาประจำทีม ที่อยู่ในทีม ฉะนั้น โอกาสที่จะจอดรถมอเตอร์ไซค์เพื่อพูดคุยสอบถาม แทบจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากเราต้องคอยระวังเรื่องอุบัติเหตุ หรือติดพันในเรื่องของการฝึกซ้อม เมื่อเป็นไปเช่นนี้แล้ว โอกาสที่จะจอดรถมอเตอร์ไซค์แล้วเรียกเด็กที่พบมาพูดคุยชวนกันมาฝึกซ้อม จึงเป็นเรื่องยากประการหนึ่งดังที่ได้เล่าแทรกให้ฟังครับ )




''การพบกันนั้น ข้าพเจ้าจึงได้ตั้งจิตประการหนึ่งที่เป็นเรื่องของความศรัทธาของตนเอง ถ้าเด็กมีโอกาสที่จะได้เป็นนักจักรยาน เราคงได้พบกัน''


เย็นย่ำค่ำแล้วก่อนกลับบ้าน บริเวณสนามบินใหม่จึงเป็นจุดนัดพบรวมพลจักรยานทั้งเก่าใหม่ หลายสิบชีวิตพูดคุยกันท่ามกลงแสงที่ไร้พลังงาน เป็นแสงมืดยามเย็นอันไม่ถูกแตะต้องจากแหล่งพลังงานการไฟฟ้า เนื่องจากนโยบายประหยัดพลังงานของทางสนามบิน เวลามืดช่วงยามเย็นจึงมีฝูงบินต่ำชนิดหนึ่งที่เราเรียกกันติดปาก ฝูงบินต่ำนั้นคือยุง ที่คอยรบกวนระบบการพูดคุยกันอย่างยิ่ง กลุ่มเรากำลังพูดคุยกันไปก็เดินไปโน่นบ้างนี่บ้างเพื่อสลับพื้นที่มิให้ยูงมากวนใจ ในขณะที่เดินหลีกเลี่ยงการก่อกวนของกลุ่มยูงฝูงบินต่ำอยู่นั้น สายตาก็แลเห็นเด็กชายคนสองคน คนหนึ่งร่างใหญ่โต อีกคนหนึ่งสูงยาว กำลังปั่นจักรยานยกหน้ายกล้อเล่นบริเวณใกล้ ๆ กับที่ฉันยืน


''หนู ๆ มานี่ก่อนสิ''

จำได้ว่า คำทักทายแรกที่เริ่มพูดคุยกันนั้น เป็นคำพูดที่ออกมาจากในใจอย่างเรียบง่าย ภาษาธรรมดา ไม่พิธีรีตองหรือไม่อวดตนแต่ประการใด จากนั้น คำพูดชักชวนให้มาฝึกจักรยานร่วมกันกับเด็กศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 บ้านที่ข้าพเจ้าปลูกต้นไม้แห่งความเพียรนี้ มานานแสนนานจนจำได้หมายรู้ถึงคำของโค้ชรุ่นพี่ที่ชื่อว่า สมศักดิ์ พรพรรณ โค้ชจักรยานทีมชาติไทยเคยกล่าวกับข้าพเจ้าว่า

วันหนึ่ง คนเก่งจริงจะเดินมาหาเราเอง...

ฉันไม่รู้ว่า เด็กคนนี้จะเก่งหรือไม่เก่งในเชิงกีฬา แต่นี้คือหน้าที่ของเราที่จะปลูกต้นไม้ให้เป็นผลผลิตที่เป็นผลผลิตของความเพียร....
''ยามใดที่เราเห็นเสียงปรบมือยกย่องของคนทั่วโลกดังกึกก้องไปทั่วผืนแผ่นดิน ยามนั้นเราต้องหวนกลับมาดูคนที่พ่ายแพ้ให้มากยิ่งขึ้น ''
ชัยชนะ ที่เราได้รับมาหรือยังไม่เคยหยิบรับชัยชนะ ความหมายอันสำคัญอย่างยิ่งของชัยชนะนั้น คือสิ่งที่เราจะสามารถสื่อสารให้เกิดความเข้าใจในเนื้อหาของจิตวิญญาณในความเป็นมนุษย์ แน่นอนใช่หรือไม่ว่าเราเคยแพ้ ยามใดที่เราเห็นคู่ตรงข้ามกำชัยชนะเหนือการแข่งขัน ยามใดที่เราเห็นเสียงปรบมือยกย่องของคนทั่วโลกดังกึกก้องไปทั่วผืนแผ่นดิน ยามนั้นเราต้องหวนกลับมาดูคนที่พ่ายแพ้ให้มากยิ่งขึ้น มาสวมกอดเขา ให้กำลังใจเขา เพราะสิ่งที่เราแข่งขันกันอยู่นี้ มิใช่แข่งขันที่เรื่องการอวดตนว่าเก่งหรือไม่เก่ง แต่เราแข่งขันกันตามสมรรถภาพในความเป็นมนุษย์ ในความสมบูรณ์ คุณคือคู่แข่งขันของเรา แต่คุณก็ได้ทำอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว ถึงแม้นว่าผมจะชนะ แต่ผมก็มิได้เก่งกว่าคุณในการแข่งขัน เพราะเราต่างก็ทำได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้วของกันและกัน
....

ชัยชนะที่แท้จริง คือการโอบกอดให้กำลังใจคนพ่ายแพ้ จับมือร่วมกันชูกำปั้นเหนือศีรษะด้วยกัน เพราะเราแข่งขันกันทางกายภาพ แข่งขันกันทางเทคโนโลยี แข่งขันกันทางความสามารถในความสมบูรณ์ของร่างกาย มิใช่แข่งขันกันทางจิตวิญญาณ

เมื่อจิตวิญาณเราปราศจากซึ่งการแข่งขัน ความอหังการในชัยชนะย่อมไร้ความหมาย ผลผลิตของชัยชนะ จึงเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นจากความเพียร ความพยายาม ความมีระเบียบวินัย ความวิริยะอุตสาหะ ความมุ่งมั่นปรารถนา ความอดทนอดกลั้น ทุก ๆ อย่างคือเรื่องของความเพียร เพราะชีวิตหนึ่งนี้นั้น หากขาดซึ่งความเพียรแล้วไซร้ จะยากอย่างยิ่งที่จะดำรงชีวิตให้เป็นปกติสุขได้

เช่นกัน จิตวิญาณในการเขียนงานรับใช้ความดีงามนี้ ก็มิได้เดินทางมาอวดตนอวดอ้างว่าเราจะเป็นเลิศในอนาคตแต่ประการใดก็หาไม่ การเขียนงานแห่งชีวิตเล่มนี้ จึงเป็นการเขียนบันทึกจากจุดเริ่มต้นที่ได้มีโอกาสปลูกต้นไม้แห่งความดีงาม ดังคำที่เคยเขียนเป็นแนวทางไว้ว่า ไม้อ่อนดัดได้ด้วยความดีงาม เราควรที่จะปลูกต้นรักและเฝ้าทำนุบำรุงให้เจริญงอกงามไปได้ ด้วยความดีงาม


นั้นจึงเป็นวัตถุประสงค์ที่ขึ้นเหนือพ้นเรื่องการอวดตน แต่เป็นการร่วมกันเฝ้าบำรุงต้นไม้ต้นหนึ่งนี้ ให้ได้มีโอกาสเจริญเติบโตเป็นร่มเงาให้กับผืนแผ่นดินในกาลสืบไป แทนที่เราผู้เดินทางด้วยความเพียร....
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

เริ่มต้นหว่านกล้างามลงผืนแผ่นดิน....

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


หลังจากที่เฝ้าทำการฝึกซ้อมจักรยานมาได้ห้วงระยะเวลาหนึ่ง จำได้ว่า เด็กชายได้ถูกชักชวนให้มาฝึกซ้อมจักรยานอย่างจริงจังเมื่อปลายปีที่แล้ว ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 มาถึงเดือนนี้ มีนาคม 2554 ใช้ระยะเวลาฝึกซ้อมประมาณ 5 เดือน แต่ภายในห้วงเวลา 5 เดือนนี้ มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างยิ่งสำหรับทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านของฝ่ายพ่อแม่ ที่คอยดูแลด้วยความใส่ใจอย่างยิ่ง สำคัญประการแรกคือครอบครัว เด็กจะสมบูรณ์ได้นั้น ครอบครัวควรเลี้ยงดูด้วยความรัก ความใส่ใจ

สำหรับเรื่องความเข้มข้นของการฝึกซ้อมจักรยานนั้น ยังไม่เน้นมากนักเท่าใด ในห้วงระยะเวลากระดูกปีของเด็กชายวันย 13 ปีบริบูรณ์ เมื่อวันที่ 12 เดือนมกราคม 2541 คือวันเกิดของเด็กชายปรมัติ สุคตินาถ ถือได้ว่า เป็นเด็กนักกีฬาจักรยานที่อายุน้อยมาก และนับว่าเป็นโอกาสดีอย่างยิ่ง ที่ได้เริ่มชีวิตความเป็นนักจักรยานด้วยวัยเพียง 12 ปี
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

การฝึกซ้อมคงดำเนินไปในเรื่องการสร้างพื้นฐานร่างกายโดยทั่ว ๆ ไป เช่น มีการเล่นเวทเทรนนิ่งเสริมพื้นฐานด้านความแข็งแรงโครงสร้างร่างกายอย่างต่อเนื่อง มีการวิ่งออกกำลังกายเสริมบ้างในบางครั้ง ส่วนเรื่องการฝึกซ้อมจักรยานนั้น จะเน้นไปทางด้านความอดทนพื้นฐาน ปั่นด้วยรอบขาสูง ระยะทางไกลบ้างเป็นบางครั้ง วงจรของการฝึกซ้อมจะดำเนินไปเช่นนี้ในหนึ่งรอบการฝึกซ้อมรายสัปดาห์ และรายเดือน มีการทดสอบเวลาในแต่ละสัปดาห์ ทดสอบเวลาในประเภทไทม์ไทอัล* ที่ถนนสายคันคลองหลังมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นถนนสายที่ปลอดภัย ลมแรงทั้งไปทั้งกลับ ส่งผลดีในเรื่องของพัฒนาระบบประสาทและกล้ามเนื้อ (neuromuscular) ซึ่งเป็นการฝึกกระตุ้นให้เกิดความเคยชินต่อการปั่นต้านทานแรงลม สวนลม ตามลม ตรงนี้ก็มีส่วนในการพัฒนาให้เกิดความเคยชินตั้งแต่เริ่มต้นการฝึกซ้อมเลยทีเดียว
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

คุณสมบัติในการเป็นนักจักรยานที่ดี จะต้องได้รับการอบรมบ่มเพาะนิสัยใจคอที่เป็นเรื่องสำคัญทั้งความมีระเบียบวินัย ความกตัญญูรู้พระคุณ ความนอบน้อมถ่อมตน รากฐานจากความเป็นครอบครัวที่ดีคือหัวใจสำคัญในการชี้นำให้เด็กเกิดความเพียรได้อย่างยิ่ง และผู้ที่เป็นบิดามารดา ครูอาจารย์ผู้ที่เกี่ยวข้อง ล้วนเป็นส่วนสำคัญส่วนเสริมท่จะช่วยกันสร้างด้วยการร่วมกันผสานให้เดินทางมุ่งไปสู่เส้นทางของความดีงาม
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

เด็กชายวัยเริ่มต้นแห่งชีวิต กำลังถูกบ่มเพาะด้วยแนวทางของพ่อเฒ่าแม่แก่ที่เคยอบรมสั่งสอน ไม้อ่อนดัดได้ด้วยความดีงาม การจะเฝ้าดูแลชีวิตให้งดงามนั้น ทำให้ตนเองเกิดความเข้าใจตระหนักรู้ว่า บุคคลผู้เป็นพ่อ แม่ ด้วยการเลี้ยงดูจากพื้นฐานความรักของพ่อแม่ จะเป็นการเปิดประตูนำพาเด็กไปสู่แสงทองอร่ามของเส้นขอบฟ้าได้อย่างแท้จริง...
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป_____________________________________________________________
* ไทม์ไทอัล เป็นการแข่งขันจักรยานประเภทหนึ่ง โดยการแข่งขันนั้น จะให้นักกีฬาทำการแข่งขันกันทีละบุคคล ด้วยการปั่นแข่งแบบคนเดียว และปล่อยตัวห่างกันคลละหนึ่งนาที มีระยะทางที่กำหนดไว้เท่ากัน โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 50 ก.ม.สำหรับรุ่นประชาชน รุ่นเยาวชนชายประมาณ 30 ก.ม. รุ่นยุวชนชาย ประมาณ 10-15 ก.ม. ผลแพ้ชนะ จะได้จากนักกีฬาคนที่ทำเวลาได้น้อยที่สุด ลดหลั่นเรียงตามลำดับเวลาที่ทำได้
รูปประจำตัวสมาชิก
wakin
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 4563
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2009, 11:19
Tel: 0897063895
team: Forz Airport Phitsanulok
Bike: Trek 8900 - Trek 2.1

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย wakin »

เห็นเด็กคนนี้แต่แรกที่เริ่มปั่นดูมีแววผ่านมาไม่กื่เดีอนพัฒทนาไปมากสู้ต่อไปไอ้หนูวันข้างหน้าจะเป็นของเรา
ถึงผมจะช้า แต่ผมก็ถึง....ชัวร์
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

wakin เขียน:เห็นเด็กคนนี้แต่แรกที่เริ่มปั่นดูมีแววผ่านมาไม่กื่เดีอนพัฒทนาไปมากสู้ต่อไปไอ้หนูวันข้างหน้าจะเป็นของเรา
ขอบพระคุณมากครับพี่ใหญ่ ช่วยกันครับ สร้างความฝันให้เป็นความจริง
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

หมวด 1) เริ่มต้นการแข่งขันจักรยาน
_______________________________________________________________

ครั้งแรกกับการแข่งขันจักรยานประเภทถนน

เกมการแข่งขันระดับประเทศไทย
การแข่งขันจักรยานครั้งแรกในชีวิต (การแข่งขันจักรยานประเภทถนน)


เด็กชายมีการแข่งขันจักรยานมาสองสามครั้งในห้วงก่อนที่จะมาพบกันกับข้าพเจ้า แต่ก็ยังถือว่าเป็นการแข่งขันที่เป็นรายการนอกรอบ หรือการแข่งขันที่เป็นการเริ่มต้นจุดประกายให้ก้าวมาสู่เส้นทางแห่งจักรยานนั้น คือการค้นหาโอกาสในการแข่งขันให้กับตนเองในระดับที่เป็นการแข่งที่มีผลเป็นสถิติ หรือเป็นเกมการแข่งขันที่เป็นการแข่งขันในระดับประเทศ

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


และทางเลือกที่สำคัญของนักจักรยานประเทศไทย คือขอได้มีโอกาสไปแข่งขันจักรยานที่จัดขึ้นโดยสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย เพราะเป็นการจัดขึ้นที่เป็นมาตรฐานสากลอย่างยิ่ง และเมื่อนักกีฬามีผลงานดีจากการแข่งขัน นักกีฬาก็จะได้รับโอกาสพิจารณาให้เป็นนักจักรยานทีมชาติไทยได้ในอนาคต และนี้คือจุดเริ่มต้นที่เป็นความใฝ่ฝันของนักจักรยานทั้งประเทศไทย

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

สิ่งหนึ่งที่เป็นความปรารถนาของนักกีฬาทุกประเภททุกชนิดกีฬา ล้วนแล้วแต่มีความปรสงค์ และมีความปราถนาอย่างแรงกล้าในการที่จะลงหรือร่วมทำการแข่งขันในรายการสำคัญ ๆ ที่จัดขึ้นโดยสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ซึ่งการที่เฝ้าทำการฝึกซ้อมมานั้น หนึ่งก็เพื่อพัฒนาตนเอง สองเพื่อให้ทราบถึงการสร้างหรือทำสถิติ สามเพื่อมุ่งหวังว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิต ที่จะมีโอกาสรับใช้ทีมชาติไทย ภายใต้เครื่องหมายอันศักดิ์สิทธิ์ ธงไตรงค์ ถือว่า เป็นความฝันอันสูงสุดของชีวิตความเป็นนักกีฬาทุกคน

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

โอกาสแห่งการแข่งขัน หรือเข้าร่วมการแข่งขันในรายการที่เป็นเกมการแข่งขันในระดับประเทศไทย จึงเป็นเส้นทางหนึ่ง ที่เด็กหรือนักกีฬามีโอกาสเท่ากัน เว้นแต่ว่า ใครจะทำได้ดีที่สุดมากกว่ากัน...

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


การเรียนรู้เทคนิคประสบการณ์ในการแข่งขันสำหรับเด็กใหม่ ๆ จึงมีความจำเป็นประการหนึ่ง ที่จะต้องใฝ่หาโอกาสแห่งการเรียนรู้ให้กับตนเอง เมื่อลงทำการแข่งขัน อารมณ์ สถานการณ์ คู่แข่งขัน ผู้ชม คณะผู้ติดตาม บุคคลทั่วไป ตลอดจนกองเชียร์ล้วนมีส่วนทำให้สถานการณ์จากการฝึกซ้อมแบบธรรมดา ๆ ที่ไม่เคยพบกับสถานการณ์ต่าง ๆ หรือแรงกดดัน มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะสร้างให้เกิดการเรียนรู้ในเกมที่เด็กใหม่ ๆ ต้องเรียนรู้ เรียนรู้จากการฝึกซ้อมที่เป็นความปกติธรรมดาประจำวัน มาสู่การแข่งขันที่พบกับความน่าตื่นตาตื่นใจ ตื่นเต้นหรือหดหู่ ก็ล้วนแล้วแต่สิ่งสภาพแวดล้อมที่ใกล้ชิดเป็นเรื่องกำหนด หากเด็กคนหนึ่งไม่ถูกถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ อันคับข้องภายในใจให้กระจ่าง ปัญหาย่อมถูกพอกพูนเป็นดั่งดินพอกหางหมู ฉะนั้น เด็กนักกีฬาหน้าใหม่ สิ่งควรทำประการแรกคือ การให้กำลังใจและทำให้เกิดจิตแห่งความเรียนรู้เรื่องการแข่งขัน ที่เป็นไปเพื่อเพิ่มเทคนิคทักษะให้มากกว่าที่จะมุ่งหวังเพื่อชัยชนะ

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

และสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเหนือสิ่งอื่นใด คือจะต้องเกิดคำถามภายในใจของผู้เกี่ยวข้องทั้งปวงว่า จะทำอย่างไรให้เป็นคนดี ดีด้วยความเป็นทองเนื้อแท้ ดีด้วยความเป็นคนดีจริง ภายใต้การปราศจากการบีบบังคับให้เป็นคนดี แต่เกิดสภาวะจิตแห่งควาดีด้วยใจตน ดีจากภายใน นี้คือสิ่งที่เป็นเรื่องยิ่งเหนือกว่าชัยชนะจากการแข่งขัน ...

การพาเด็กชายไปร่วมทำการแข่งขันจักรยานครั้งนี้ ถือว่าเราได้ร่วมกันส่งเสริมอย่างยิ่งในการให้เกิดการเรียนรู้ในความดี การเล่นกีฬาคือการทำความดี และการแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งแรกในชีวิตความเป็นนักจักรยานประเภทถนน หรือเรียกกันติดปากว่า เสือหมอบ การแข่งขันเป็นเกมส์การแข่งขันระดับประเทศจัดโดยสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมป์ รายการ จักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ประจำปี 2554 สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 28-30 มกราคม 2554 จัดการแข่งขันบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย

ระหว่างที่ทำการฝึกซ้อมจักรยานให้กับเด็กชาย ได้พยายามสื่อสารถึงวิธีการแข่งขัน เทคนิค ทักษะ ตลอดจนเกมการแข่งขันในแต่ละประเภทที่จะลงทำการแข่งขัน ซึ่งเป้าหมายในการฝึกซ้อมจักรยานให้กับเด็กชายนั้น คือการฝึกซ้อมที่เน้นไปในเรื่องของการแข่งขันประเภท ไทม์ไทอัล เนื่องจากประการที่หนึ่ง ร่างกายมีความเหมาะสมกับการฝึกในประเภทถนน ตั้งแต่ระยะกลางถึงระยะไกล และมีการสร้างสถานการณ์การฝึกซ้อมเพื่อกระตุ้นระบบกล้ามเนื้อให้เกิดความสมบูรณ์ คงไว้ซึ่งการฝึกเพื่อเสริมจุดประสงค์ของการสร้างกล้ามเนื้อขาวให้เกิดความสมบูรณ์ หรือเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวเร็ว (มีสีซีด เนื่องจากมีหลอดเลือดมาเลี้ยงจำนวนน้อย มีจำนวนไมโตครอนเดียและไมโอโกบินจำนวนน้อย) ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของความเร็ว และเป็นการสนับสนุนให้เด็กในวัยเจริญเติบโต มีความเร็วเคยชินอัตโนมัติติดตัวตั้งแต่จุดเริ่มต้น ส่วนความสมบูรณ์ในเรื่องการฝึกซ้อมที่มุ่งเน้นไปทางด้านการพัฒนากล้ามเนื้อแดงนั้น หรือเส้นใยกล้ามเนื้อชนิดหดตัวช้า (มีสีแดงเข้มเนื่องจากมีหลอดเลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก มีปริมาณไมโตครอนเดรียจำนวนมาก) ยังคงเน้นผ่องถ่ายโอนถ่ายการฝึกซ้อมเพื่อสนับสนุนเรื่องความอดทนไปตามอายุหรือวัย เนื่องจากวัยและการเจริญเติบโตของเด็กเป็นสิ่งสำคัญ

ขอทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนว่า กล้ามเนื้อขาวและกล้ามเนื้อแดง มีเอกลักษณ์ในการทำงานที่แตกต่างกัน กล้ามเนื้อขาวจะโดดเด่นไปในเรื่องความเร็ว ความฉับไว แต่ไม่ทน ส่วนกล้ามเนื้อแดง จะมีความอดทนแต่ไม่เร็ว กล้ามเนื้อทั้งสองชนิดนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนรูปจากขาวไปเป็นแดงหรือจากกล้ามเนื้อแดงไปเป็นกล้ามเนื้อขาวได้ ธรรมชาติร่างกายมนุษย์ให้มาอย่างไร ก็เป็นเช่นนั้น แต่เราสามารถทำให้กล้ามเนื้อขาวมีความสมบูรณ์สูงสุดได้ สามารถทำให้กล้ามเนื้อแดงมีความสมบูรณ์สูงสุดได้ ด้วยการแยกประเภทของการฝึกซ้อม การฝึกระยะสั้น ความเร็ว จะสนับสนุนให้กล้ามเนื้อขาวมีความสมบูรณ์ ทำงานได้เต็มความสามารถ เช่นกัน การฝึกความอดทน จะสนับสนุนให้กล้ามเนื้อแดงมีความสมบูรณ์ ทางด้านความอดทนรับงานได้มากกว่าปกติเพิ่มขึ้น
เรื่องกล้ามเนื้อเรื่องเส้นใยกล้ามเนื้อเรื่องระบบการออกกำลังกาย มีข้อมูลอย่างมาก ที่ชี้นำมานี้เป็นแต่เพียงเรื่องที่ยกมาให้เห็นถึงหัวใจการฝึกเพื่อทำการเรียนรู้แบบไม่สลับซับซ้อนมากนัก ควรหาเทคนิควิธีในการเจาะจงเรื่องการสร้างความสมบูรณ์ของระบบกล้ามเนื้อในร่างกายมนุษย์ ควรเลือกประเภทการฝึกซ้อมให้เหมาะสม

และสิ่งสำคัญที่สุด นักกีฬาที่มีกล้ามเนื้อโดดเด่นไปในทางใด เขาจะชอบวิธีการฝึกซ้อมเช่นนั้น เพราะเป็นสิ่งที่เขาทำได้ และทำได้ดีกว่าการฝึกซ้อมในรูปแบบอื่น นี้คือวิธีการวิเคราะห์ระบบกล้ามเนื้อ ด้วยความชอบส่วนตัวและเกิดเป็นความรักที่จะปั่นจักรยานแบบประเภทนั้นนั้น และเห็นผลด้วยเช่นกันโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการทดสอบจากห้องทดลอง ด้วยจุดเริ่มต้นชีวิตความเป็นนักกีฬานั้น เราจะไปหาห้องทดลองแยกหรือจำแนกระบบกล้ามเนื้อได้ที่ไหน นอกจากต้องเรียนรู้ด้วยความชอบส่วนตัวของเด็กนักกีฬา หรือของตัวเราเอง ว่าเรารักที่จะปั่นจักรยานและทำได้อย่างดีในประเภทไหน แล้วก็หาเทคนิควิธีที่จะมาช่วยการฝึกซ้อมเพื่อสนับสนุนให้เกิดความสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อทั้งสองชนิดดังกล่าว
....
หลักสำคัญคือ เราไม่สามารถเปลี่ยนถ่ายระบบกล้ามเนื้อได้ แต่เราสามารถสร้างความสมบูรณ์สูงสุดให้กับกล้ามเนื้อได้..

เด็กชายมีความชอบส่วนตัวยิ่งกับการฝึกซ้อมฝึกปั่นในประเภทไทม์ไทอัล เช่นเดียวกัน บางคนก็ชอบปั่นขึ้นภูเขามาก บางคนก็ไม่ชอบปั่นขึ้นภูเขา แต่จะทำได้อย่างดีเมื่อปั่นทางเรียบหรือเมื่อแข่งในระยะสั้น ๆ ตรงนี้เราต้องแยกประเภทและวิเคราะห์ตนเองให้ได้ เช่นเด็กชายมีความชอบในประเภทการฝึกแบบไทม์ไทอัล จนเจ้าตัวได้ตั้งฉายาให้กับตนเองว่า ม๊อสไทม์ไท เขาจะอมยิ้มนิด ๆ เมื่อถูกเรียกชื่อเช่นนั้น ....นี้ก็คือความฝันของเขาสิ่งหนึ่งเช่นกัน

ข้าพเจ้าก็มีความฝัน คุณก็มีความฝัน ทุกคนก็มีความฝัน ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะฝัน ขอให้เขาฝันหรือมีความฝันเถิด แล้วเรามาช่วยกันสร้างความฝัน เพราะเราต่างก็เห็นแล้วว่า ความฝันเช่นนี้ จะทำให้เป็นจริงได้ ความฝันเช่นนี้ จะทำให้เขาเป็นคนดีได้ เป็นพลเมืองที่ดีของแผ่นดินได้ หรือเราจะเลือกทำลายความฝันของเขา แล้วบอกว่าเป็นไปไม่ได้

แล้วเราก็ส่งเสริมเขาให้ไปขับรถมอเตอร์ไซค์ตั้งเป็นแก้งค์กวนเมืองเล่น หรือเราจะบอกว่า ไม่มีทาง ความฝันเช่นนี้ แล้วเราก็สนับสนุนให้เขาไปเล่นเกมส์ หนีเรียน หรือหมกมุ่นกับเรื่องราวที่ทำลายชีวิตตนเอง...เราจะเลือกเช่นไร ระหว่างการทำลายความฝัน กับส่งเสริมความฝัน ให้เดินเคียงข้างไปเป็นความจริง ด้วยการลงมือกระทำ และสิ่งที่เราจะกระทำได้อย่างแท้จริง คือกระทำการด้วยความรัก เรารักในความเป็นนักจักรยาน คุณก็รักในความเป็นนักจักรยาน เรารักแผ่นดินประเทศชาติ ท่านก็รักแผ่นดินด้วยเช่นกัน ความรักของเราเช่นนี้ จะช่วยส่งเสริมให้เกด็กทุก ๆ คน ได้มีโอกาสแห่งการกระทำความดี เดินตามความฝัน ใส่ใจต่อการกระทำ สำนึกรู้ต่อพระคุณของแผ่นดิน

นี้คือความฝันของข้าพเจ้า และเชื่อว่า เป็นความฝันของทุกท่านด้วยเช่นกัน ที่ตั้งจิตปราถนา ให้เด็กเป็นคนดี

กระผมกำลังนั่งเขียนความฝันให้กับนักกีฬาทุกคน โดยมีชีวิตของเด็กชายเข้ามาเป็นคนต้นเรื่อง ที่จะช่วยกันสร้างความฝันหรือทำให้เกิดการเรียนรู้ถึงวิถีหนึ่ง เป็นวิถีที่ใช้ทั้งชีวิตจิตใจในการสร้างให้เป็นความจริง.....

ไม่ใช่ง่าย ๆ ที่ คนคนหนึ่ง จะเดินทางไปสู่เส้นขอบฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ แต่จุดเริ่มต้นของชีวิตนี้ เราได้ลงมือทำแล้ว
.......
ก้าวข้ามไปคุยเรื่องความฝันกับเด็กชายยามที่ได้รับการเรียกชื่อว่า ม๊อสไทม์ไท ซึ่งเป็นฉายาที่เจ้าตัวแอบกระซิบบอกให้กับชายผู้เป็นพ่อทราบเป็นคนแรก และมาขยายสู่ข้าพเจ้าเลยจนเดินทางมาสู่มาถึงทุก ๆ ท่าน กระผมจึงชี้ให้เห็นวิถีแห่งความฝันของเด็กน้อย เราควรมีหน้าที่หนึ่งคือ สานความฝันให้เป็นความจริง


ม๊อสไทม์ไท เด็กชายมีความชอบส่วนตัวอย่างยิ่ง กับการฝึกซ้อมฝึกปั่นในประเภทไทม์ไทอัล การฝึกซ้อมจึงมุ่งเน้นไปในเรื่อง ความเร็วอดทนระยะกลาง จนถึงความอดทนซึ่งเป็นพื้นฐานและหัวใจสำคัญกับทุกชนิดกีฬา แต่ก็มีบางประเภทที่ความอดทนไม่มีบทบาทมากนัก แต่โดยรวมแล้ว การฝึกความอดทนจะต้องมาก่อนเสมอ ๆ สำหรับกีฬาจักรยาน

เนื่องจากกระดูกปียังไม่ถึงขวบปีของการฝึกซ้อมจักรยาน จึงยังไม่เน้นการฝึกเพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับระบบกล้ามเนื้อ และการปั่นจักรยานของเด็กนั้น จะยังไม่เน้นการฝึกใบจานใหญ่ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อระบบกระดูก ระบบเอ็นยืดเหยียด ระบบข้อต่อหัวเข่า เนื่องจากเด็กอายุยังน้อย ไม่สามารถที่จะฝึกซ้อมด้วยการใส่งานที่เป็นการเพิ่มความเครียดต่อระบบต่าง ๆ ดังกล่าวได้ ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อระบบกระดูกหัวเข่า เอ็นยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ขืนดันทุรังใส่งานหนักในการฝึกซ้อม มีโอกาสที่หัวเข่าของเด็กจะพังได้อย่างง่ายดาย

การแข่งขันจักรยานในระดับชาติ ระดับโลก สำหรับรุ่นเด็กและเยาวชน *จึงมีการกำหนดความหนักของระดับใบจาน* ด้วยสาเหตุที่เป็นประการสำคัญเช่นนี้

และการแข่งขันก็เป็นเช่นเดียวกัน การลงทำการแข่งขันจักรยานในห้วงวัยนี้ เป็นเพียงแต่การเข้าร่วมกิจกรรมการแข่งขัน และเน้นที่การสร้างจิตสำนึกในความดีงาม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เน้นความมีคุณธรรม นำพาสู่จิตใจที่มีความเสียสละ นอบน้อมถ่อมตน สร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองจิตอาสารับใช้ รับใช้ความดีงาม

ส่วนเรื่องการลงทำการแข่งขัน จะมุ่งเน้นไปในเรื่องการเรียนรู้เทคนิคทักษะ เรียนรู้เกมการแข่งขันในแต่ละประเภทการแข่งขัน เรียนรู้ความยากง่ายในแต่ละสนาม อันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่จะมุ่งเน้นแต่เรื่องของชัยชนะแต่เพียงอย่างเดียว

การพาเด็กชายไปจังหวัดเชียงรายในครั้งนี้ เป็นการพาเด็กไปซึมซับเรื่องความดีงามมากกว่าเรื่องการแข่งขัน ข้าพเจ้ามีโอกาสที่ได้อยู่ร่วมกันตลอดวันตลอดคืน ทีมของเราได้ไปอาศัยพักค้างแรมที่บริเวณด่านป่าไม่กิ่วทัพจัน ก่อนถึงอำเภอแม่จัน ซึ่งไปขออาศัยกางเต้นท์นอนเพื่อเป็นการประหยัดเรื่องค่าที่พัก โดยบอกกล่าวกับเด็กจักรยานทุก ๆ คนว่า ให้เก็บขยะมูลฝอยทุก ๆ ชิ้นที่ตกอยู่ในบริเวณที่เราพัก ให้เกิดความใส่ใจต่อการกระทำให้มาก เนื่องจากว่า เราได้มาอาศัยพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ถึงแม้นว่ามิใช่พื้นที่อุทยาน เราก็ต้องมีความใส่ใจเช่นกัน ซึ่งหากไม่มีความระหนักรู้ถึงขยะมูลฝอยหนึ่งชิ้นที่เราโยนทิ้งอย่างง่ายดาย จะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาในภายหลัง ปัญหาที่ใกล้ตัวคือชีวิตเราละเลยเรื่องความรับผิดชอบ ตามไปด้วยเราต้องสูญเสียเงินตราอย่างมากในการกำจัดขยะมูลฝอยให้เข้าที่เข้าทาง ปัญหาที่ยังเป็นผลกระทบต่อโลกและสังคมการอยู่อาศัยร่วมกันในเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นห่วงโซ่แห่งความใส่ใจที่เชื่อมโยงชีวิตทุกชีวิตทั้งหมด

อากาศบริเวณอุทยานป่าไม้กิ่วทัพจัน ที่เราขออาศัยกางเต้นท์นอนนั้น สอบถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่า มีช่วงไหนบ้างที่ไม่หนาว หรือมีปีไหนบ้างไหมที่อากาศร้อน ได้รับคำตอบว่า ตั้งแต่เขาอยู่มามาที่นี่ ไม่มีปีไหนเลยที่ไม่หนาว ตนเองก็เห็นเช่นนั้น เพราะทีมของเรามาพักในช่วงปลายฤดูหนาว แต่ขอโทษทีครับ อากาศอย่างหนาว หนาวมาก ๆ สำหรับคนพื้นล่างอย่างเรา ว่าบ้านที่พิษณุโลกหนาวแล้ว อากาศที่กิ่วทัพจันกลับหนาวยิ่งในเวลากลางวัน ต้องกลั้นใจอาบน้ำขันแรกให้ได้ก่อน ขันที่สองสามจึงถูกชโลมร่างกายแบบรวดเร็วติด ๆ กัน ไม่ยอมปล่อยให้มีช่องว่างของอากาศอันเยือกเย็นเข้ามาแทรกสัมผัสผิวกาย....
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ด้วยความห่วงใยจาก พี่สมศักดิ์ พรรพรรณ

_________________________________________

กระผมขอเล่าเรื่องพี่ สมศักดิ์ พรรพรรณ ซึ่งท่านเป็นนักจักรยานรุ่นพี่ และปัจจุบันเป็นโค้ชจักรยานทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ท่านกับข้าพเจ้าได้พูดคุยกันมาโดยตลอดทั้งในเรื่องปัญหาต่าง ๆ อันเกิดจากการฝึกซ้อม และท่านใจดีอย่างยิ่งเช่นกัน ที่รับเป็นโค้ชให้เด็กชายปรมัต สุคตินาถ โดยจะช่วยวางแผนการฝึก ช่วยกันดูแลให้เด็กชายที่มีความฝันคนนี้ ได้เดินทางไปสู่เส้นทางแห่งความดี ขอขอบพระคุณพี่สมศักดิ์ พรพรรณ อดีตนักจักรยานที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาแล้วหลายสมัย วันนี้ สายใยแห่งชีวิตของความเป็นนักจักรยาน ได้ถูกเชื่อมโยงให้เป็นเส้นเรียงร้อยดวงใจร่วมกันอีกครับ ...

________________________________________________
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

เริ่มต้นการแข่งขัน จักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ประเภท ไทม์ไทอัลยุวชนชาย

เช้าวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2554
_______________________________________________________________

เช้าวันแรก และเป็นเกมการแข่งขันในระดับชาติครั้งแรกของเด็กชายจากทีมจักรยานบ้านศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 เด็กชายปรมัติ สุคตินาถ คือน้องใหม่อีกหนึ่งคนที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ห้วงระยะเวลาในการฝึกซ้อมนั้นถือได้ว่าเพิ่งเริ่มต้นการฝึกเพียงสามเดือนกว่าหลังจากที่มาพบกัน (เดือนพฤษจิกายน-เดือนมกราคม) ก็ถือได้ว่าเป็นการปิดประเดิมฤดูกาลแรกของการแข่งขันจักรยานในครั้งสำคัญ จักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ เด็กชายลงทำการแข่งขันในประเภทไทม์ไทอัล ยุวชนชาย อายุไม่เกิน 16 ปีชาย สำหรับเด็กจักรยานจากบ้านหลังนี้ ข้าพเจ้าส่งเข้าแข่งขัน 2 คน คือณัฐพล บำรุงรักษ์ และเด็กชายปรมัติ สุคตินาถ หรือ เสือมอสไทม์ไท

การแข่งขันในประเภทไทม์ไทอัลรุ่นยุวชนชายอายุไม่เกิน 16 ปีชายในสนามที่ 1 จัดขึ้นบนถนนสายเชียงราย-แม่สาย ระยะทางในการแข่งขัน 10 ก.ม. โดยระยะทางจากจุดเริ่มต้นที่ทำการปล่อยตัวนักกีฬา หรือเส้นสตาร์ท ปั่นไปตามเส้นทางตามกฎจราจรจากจุดสตาร์ท ไปเลี้ยวกลับในระยะ 5 ก.ม. ซึ่งห่างจุดเริ่มต้นหรือจุดสตาร์ทมีระยะทาง 5 ก.ม. นักกีฬาจักรยานทุกคนจะต้องปั่นไปตามเส้นทางที่กำหนด และไปเลี้ยวกลับที่จุดเดียวกันทุกคน ทำการปั่นย้อนกลับมาเพื่อเข้าเส้นชัยที่จุดเริ่มต้นการปล่อยตัว เมื่อรวมระยะทางทั้งขาไปและขากลับได้ 10 ก.ม.

เด็กจักรยานส่วนใหญ่จะเดินทางไปถึงสนามแข่งขันก่อนการแข่งขันประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางผู้ฝึกสอนของทุก ๆ ทีมจะต้องเคร่งครัดในเรื่องการเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของทุก ๆ ทีมที่ลงทำการแข่งขัน เพื่อทำการตรวจเช็คเกียร์รถจักรยาน ตรวจเช็คมิติรถจักรยาน เซ็นชื่อทำการรายงานตัวต่อฝ่ายทะเบียน รับเบอร์ประจำตัว และเมื่อผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว นักกีฬาที่เข้าทำการแข่งขัน จะถูกเรียกชื่อเรียงตามลำดับของเบอร์และเพื่อรอลงทำการแข่งขัน
___________________________________________________________________________________________
จิ๊บจิ๊บ
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 119
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 14:21
Tel: 0805082610
team: airport group
Bike: trek8500

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย จิ๊บจิ๊บ »

เยี่ยมมากเจ้ามอส ;) ชีวิตต้องเดินตามหาความฝัน
ความระแวง คือยาพิษแห่งมิตรภาพ
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

เริ่มต้นการแข่งขัน จักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย ประเภท ไทม์ไทอัลยุวชนชาย
เช้าวันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2554 ____________________________________________________________

เช้าวันแรก และเป็นเกมการแข่งขันในระดับชาติครั้งแรกของเด็กชายจากทีมจักรยานบ้านศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 เด็กชายปรมัติ สุคตินาถ คือน้องใหม่อีกหนึ่งคนที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ห้วงระยะเวลาในการฝึกซ้อมนั้นเพิ่งเริ่มต้นการฝึกเพียงสามเดือนกว่าหลังจากที่มาพบกัน (เดือนพฤษจิกายน-เดือนมกราคม) ก็ถือได้ว่าเป็นการเปิดประเดิมฤดูกาลแรกของการแข่งขันจักรยานในครั้งสำคัญ รายการจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย สนามที่ 1 เด็กชายลงทำการแข่งขันในประเภทไทม์ไทอัล รุ่นยุวชนชาย อายุไม่เกิน 16 ปีชาย สำหรับเด็กจักรยานจากบ้านหลังนี้ ข้าพเจ้าส่งเข้าแข่งขัน 2 คน คือณัฐพล บำรุงรักษ์ และเด็กชายปรมัติ สุคตินาถ หรือ เสือมอสไทม์ไท

การแข่งขันในประเภทไทม์ไทอัลรุ่นยุวชนชายอายุไม่เกิน 16 ปีชายในสนามที่ 1 จัดขึ้นบนถนนสายเชียงราย-แม่สาย ระยะทางในการแข่งขัน 10 ก.ม. โดยระยะทางจากจุดเริ่มต้นที่ทำการปล่อยตัวนักกีฬา หรือเส้นสตาร์ท ปั่นไปตามเส้นทางตามกฎจราจรจากจุดสตาร์ท ไปเลี้ยวกลับในระยะ 5 ก.ม. ซึ่งห่างจุดเริ่มต้นหรือจุดสตาร์ทมีระยะทาง 5 ก.ม. นักกีฬาจักรยานทุกคนจะต้องปั่นไปตามเส้นทางที่กำหนด และไปเลี้ยวกลับที่จุดเดียวกันทุกคน ทำการปั่นย้อนกลับมาเพื่อเข้าเส้นชัยที่จุดเริ่มต้นการปล่อยตัว เมื่อรวมระยะทางทั้งขาไปและขากลับได้ 10 ก.ม.

เด็กจักรยานส่วนใหญ่จะเดินทางไปถึงสนามแข่งขัน ก่อนการแข่งขันประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางผู้ฝึกสอนของทุก ๆ ทีมจะต้องเคร่งครัดในเรื่องการเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน เพื่อทำการตรวจเช็คเกียร์รถจักรยาน ตรวจเช็คมิติรถจักรยาน เซ็นชื่อทำการรายงานตัวต่อฝ่ายทะเบียน รับเบอร์ประจำตัว และเมื่อผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว นักกีฬาที่เข้าทำการแข่งขัน จะถูกเรียกชื่อเรียงตามลำดับของเบอร์และเพื่อรอลงทำการแข่งขัน
_____________________

พิธีเปิดการแข่งขันจักรยาน เริ่มต้นขึ้นเวลา 0900 นาฬิกา สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน และเป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ามีการใส่ใจต่อการเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขัน ด้วยการกระตุ้นเตือนให้เด็กได้เข้าร่วมกิจกรรมในพิธีเปิดการแข่งขันอย่างมีจิตสำนึก ให้เกิดการตระหนักรู้ในความเป็นพลเมืองเด็ก หน้าที่ของเด็ก และหน้าที่ในความให้เกียรติต่อพิธีการแข่งขัน เรามีเกียรติอย่างยิ่งเช่นกันที่ได้มีโอกาสเล่นกีฬาจักรยานและได้เข้าร่วมการแข่งขัน ด้วยหัวใจสำคัญคือการเป็นพลเมืองจิตอาสารับใช้ รับใช้ความดีงาม การแข่งขันจักรยานคือการทำความดี และเป็นการทำความดีที่เรามีโอกาสทำได้ด้วยใจที่รักในสิ่งที่เราทำอย่างยิ่ง จึงได้สื่อสารถ่ายทอดอารมณ์เรื่องความให้เกียรติการแข่งขันที่เราเข้าร่วมดังกล่าว

เมื่อพิธีเปิดการแข่งขันเสร็จสิ้นลงด้วยการรายงานของคณะกรรมการฝ่ายพิธีการ กรรมการการแข่งขันจะจัดให้นักกีฬาที่มีรายชื่อแข่งขันเรียงลำดับต่อแถวเพื่อรอทำการแข่งขัน บริเวณหลังเส้นสตาร์ทหรือเส้นเริ่มต้นการแข่งขัน นักกีฬาที่จะลงทำการแข่งขัน จะมารอเตรียมความพร้อมกันก่อนตามลำดับการปล่อยตัว
เพราะเมื่อการแข่งขันเริ่มต้น หากนักกีฬาคนใดไม่มาเข้าทำการสาร์ทปล่อยตัว เวลาในการแข่งขันจะไม่หยุดเพื่อรอนักกีฬาคนนั้น ๆ แต่จะเดินไปตามเวลาอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เขาถูกบวกในเรื่องเวลาที่เพิ่มขึ้นโดยยังไม่ลงทำการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น ถ้านักกีฬาคนที่หนึ่งถูกปล่อยตัวไปแล้ว ระยะเวลาของคนที่สอง ที่สาม จะมีห้วงเวลาห่างกัน 1 นาทีเท่ากันทุกคน สำหรับประเภทไทม์ไทอัล หากใครมาเข้าเส้นสตาร์ทเลยเวลาที่กำหนด ก็ยังไม่ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขัน กรรมการจะทำการปล่อยลม* หากนักกีฬาคนนั้นเข้ามารายงานตัวไม่ทัน ส่วนนักจักรยานจะถูกบวกเวลาเพิ่มตามเวลาที่มาช้านั่นเอง เป็นกฎกติกาที่นักจักรยานทราบกันดี และจะไม่ค่อยปรากฏมีเหตการเช่นว่ามาปล่อยตัวไม่ทัน นอกเสียจากยางรั่ว หรือมาไม่ทันเวลาจริง ๆ ด้วยสาเหตอื่นนอกเหนือจากเรื่องการเดินทางมาแข่งขัน

และผลจากความเตรียมตัวไม่พร้อมของนักจักรยาน เวลาของเขาจะถูกบวกเพิ่มขึ้นไปตามเวลาหรือตามห้วงที่เขามาทำการปล่อยตัว เช่นถ้าหากเขามาปล่อยตัวช้าไป 15 วินาที เขาก็จะมีเวลาเพิ่มขึ้นไปจากคนอื่น 15 วินาที ซึ่งก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับการแข่งขันในประเภทไทม์ไทอัลหรือการแข่งขันในประเภทที่ใช้ผลแพ้ชนะด้วยเวลา เพราะนักกีฬาจักรยานจะแพ้หรือชนะกัน เพียงเศษส่วนเสี้ยวของวินาที หรือบางครั้งเป็นนาที แต่หาน้อยเช่นกัน ส่วนใหญ่จะแพ้ชนะกันเพียงเศษวินาที

นักจักรยานบางคนที่ยังทำการอบอุ่นร่างกายไม่พอ ทางผู้ฝึกสอนจะนำลูกกลิ้ง* มาให้นักจักรยานทำการปั่นวอร์มอัพอบอุ่นร่างกายตนเองอยู่ตลอด จนถึงช่วงเวลาใกล้การแข่งขัน เขาจะหยุดและลงทำการแข่งขันทันที ข้อดีของการอบอุ่นร่างกายเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจนถึงเวลาการแข่งขัน เปรียบได้กับการตั้งแกงหรือทำการอุ่นแกงให้อุ่นอยู่ตลอด เวลาจะเร่งไฟให้ร้อน จะใช้เวลาเพียงนิดเดียว หากไม่ได้มีการอุ่นหม้อแกงไว้อย่างต่อเนื่อง เวลาจะทานแกงร้อน ๆ จะต้องเร่งไฟอย่างแรงและใช้เวลานาน กว่าแกงจะอุ่นได้ เช่นเดียวกัน การลงทำการแข่งขันของเด็กจักรยาน จำเป็นอย่างหนึ่งก่อนการแข่งขัน คือการอบอุ่นร่างกายให้เกิดความพร้อมอยู่ตลอด เวลาที่จะเร่งออกจากจุดสตาร์ท จะได้ใช้ห้วงเวลาดังกล่าวได้เร็วขึ้น

เพื่อการกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจและเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปสู่กล้ามเนื้อ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ควรทำก่อนการแข่งขันคือเรื่องของการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพราะว่ากล้ามเนื้อและเส้นเอ็นตามข้อต่าง ๆ จะเกิดการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการทำงานอย่างหนักที่รวดเร็วฉับพลัน เช่นกัน ถ้าหากเราอบอุ่นร่างกายไม่ดีพอ จะขาดการทำงานที่ไม่สามารถปฎิบัติการเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แน่นอนว่า เป็นการลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ควรใช้ระยะเวลาอบอุ่นร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำการปรับอัตราการไหลเวียนเลือดไปสู่กล้ามเนื้อ เพื่อความมีสมาธิจิตตั้งมั่นอยู่เนื้ออยู่ตัว ไม่วอกแวก คิดเตลิดไปสู่เรื่องนอกเหนือจากการแข่งขันที่กำลังจะปฎิบัติ

ซึ่งเรื่องสมาธิจิตนั้น คือเรื่องจิตเหนือกายที่มีความสำคัญอย่างยิ่งประการหนึ่งด้วยเช่นกันนอกเหนือจากการฝึกซ้อมที่เป็นไปตามหลักสรีระวิทยา หลักของดวงจิตดวงใจ หลักของการแข่งขันด้วยจิตที่นิ่งเงียบ คือกุญแจสำคัญที่จะนำร่างกายตนเองก้าวพ้อเรื่องความเจ็บปวดรวดร้าว ความตื่นเต้นตกใจ ความอ่อนล้าโรยแรง ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่เราควรใส่ใจด้วยเช่นกัน...


สำหรับการแข่งขันในเช้าวันศุกร์ มีนักกีฬาจากทีมชาติไทย ทีมสโมสร ทีมโรงเรียนกีฬา ทีมจังหวัดต่าง ๆ ทีมกองทัพ มาเข้าร่วมการแข่งขันกันอย่างมาก หลาย ๆ รุ่นรวมกันนับร้อยชีวิต เฉพาะรุ่นยุวชนนั้น นักจักรยานประมาณ 50 คน

คุยกับเด็กชายว่า ขอให้ทำให้ดีที่สุด ผลการแข่งขันไม่มีความหมายเท่ากับการที่เราได้ทำอย่างดีที่สุด เท่าที่เราจะสามารถทำได้ ให้มีสติกับการกำหนดรู้การใช้แรงตนเอง รู้จักแรงกดของกล้ามเนื้อขาตนเองทุกวงรอบการปั่น เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ให้มาก เรียนรู้อารมณ์ตนเองให้ได้ ทั้งในขณะทำการแข่งขัน ขณะพัก อารมณ์ในช่วงก่อนการแข่ง หลังแข่ง ขณะแข่งขันเป็นเช่นไร ขอให้จับหัวใจเหล่านี้ไว้ให้ดี

เมื่อลงทำการแข่งขัน หรือไปแข่งขันจักรยาน ถ้าไม่มีการตั้งความหวังกับผลการแข่งขันเลย ก็ไม่มีทิศทางที่ถูกต้องสำหรับเรื่องกายภาพภายนอก เพราะผลการแข่งขัน จะเป็นเรื่องกำหนดแผนการฝึกซ้อม ว่าดำเนินการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างไร จะต้องกลับไปแก้ไขสิ่งใด เพิ่มเนื้อหาส่วนไหน สำหรับเด็กชายกับการตั้งเป้าหมายการแข่งขันที่เป็นจริง ขอให้ติดอันดับตั้งแต่ห้วง 1 ใน 20 ของการแข่งขัน เนื่องจากว่า เขาเพิ่งเข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรก และเพิ่งเริ่มต้นฝึกซ้อมจักรยานได้ประมาณสามเดือน การติดอันดับหนึ่งในยี่สิบนั้น ถือว่าทำได้ดีอย่างถึงที่สุดแล้ว

นักจักรยานที่ลงทำการแข่งขันนั้น มีความสามารถอย่างสูงกันทุก ๆ คน นักจักรยานที่ลงทำการแข่งขันเก่ง ๆ กันทุกคน เพราะหัวใจสำหรับการแข่งขันกีฬาจักรยานคือประเภทไทม์ไทอัล ที่จะวัดผลความสมบูรณ์ของเด็กได้เป็นอย่างดี...

เมื่อเริ่มปล่อยตัวนักกีฬาคนแรก คนที่สอง คนที่สาม ถูกปล่อยตัวตามลำดับเวลาไปเรื่อย ๆ นักจักรยานทำการแข่งขันกันทีละบุคคล ปั่นแบบคนเดียว เมื่อนักกีฬาปั่นทันกัน คนที่ถูกคนหลังแซง จะต้องยอมถอยหรือลดความเร็วให้คนหลังแซงไป และให้มีระยะห่างจากกันประมาณ 15 เมตร หรือหนึ่งห้วงความห่างของระยะเสาไฟฟ้าโดยประมาณ จะมีกรรมการขับมอเตอร์ไซค์มาคอยควบคุมดูแล มิให้นักจักรยานทำการปั่นอาศัยลมบังลมซึ่งกันและกัน เพราะจะเป็นการได้เปรียบเสียเปรียบต่อคู่แข่งขันคนอื่น

ม๊อสไทม์ไทล์ ถูกปล่อยตัวทำการแข่งขันในลำดับที่ 8 เสียงตะโกนจากข้าพเจ้าและกองเชียร์ข้างทาง เร้าให้เกิดการเร่งขาทำความเร็วเพิ่มขึ้นในขณะที่ทำการออกตัวจากจุดสตาร์ท โดยได้ทำการสื่อสารเรื่องเทคนิคทักษะการปล่อยตัว ให้ยืนโยกรถเพื่อเร่งความเร็วให้สุดรอบขา แล้วนั่งเบาะรักษาความเร็วอย่างต่อเนื่อง ยามใดที่เมื้อยล้า ขอให้ใช้ปลายข้อเท้าทำการปั่นแบบตวัดรอบขาแบบที่ฝึกบนลูกกลิ้ง รักษารอบขาให้คงที่ในขณะที่เกิดความเหนื่อยล้า

ช่วงหน้าเส้นชัย พี่เลี้ยง โค้ช ผู้ปกครองเด็ก ต่างก็มาลุ้นเวลาของนักกีฬาตนเอง ในห้วงการแข่งขัน ไม่มีใครยอมลุกจากจุดที่ตนเองอยู่ไปไหน โค้ชจะมีนาฬิกาจับเวลา และทำการเช็คเวลาการแข่งของนักกีฬาแต่ละคน โค้ชแต่ละคนจะทราบอย่างไม่เป็นทางการว่า ใครเป็นผู้นำอยู่ในห้วงการแข่งขัน เวลาใครดี เมื่อนักจักรยานผ่านเส้นชัยไปทีละคน สองคน โดยส่วนใหญ่จะจับจ้องไปที่แชมป์เก่า หรือใครปั่นทำความเร็วได้ดี จะถูกเช็คเวลาอย่างละเอียดและจะทราบผลการแข่งอย่างเป็นทางการเมื่อนักกีฬาทุกคนผ่านเส้นชัย

เมื่อผลการแข่งขันจบสิ้นลงและถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ซึ่งรับรองผลโดยสมาคมจักรยานแห่งประเทศไทย เด็กชายปรมัติ สุคตินาถ ทำได้สมความปรารถนาที่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าให้ติดอันดับหนึ่งในยี่สิบอันดับแรกของการแข่งขัน เสือมอสไทม์ไทล์ ทำเวลาในการแข่งขันได้ 17.02.02 นาที และได้อันดับที่ 20 พอดี ประทับใจอย่างยิ่งครับกับการแข่งขันในประเภทไทม์ไทอัล 10 ก.ม. รุ่นยุวชนอายุไม่เกิน 16 ปี ชาย ทำให้การสื่อสารให้พลังใจกันอย่างต่อเนื่อง ซ้อมต่อไป เสือมอสไทม์ไทล์

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

หมวด 2 บันทึกการฝึกซ้อม
(เรื่องเล่าจากการฝึกซ้อมจักรยาน)
______________________________________________________________

ยายยิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

บันทึกการฝึกซ้อมจักรยานวันนี้มีเรื่องเล่ามาฝากท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับจิตวิญญาณในการอบรมบ่มเพาะต้นกล้าที่กำลังขะมักเขม้นฝึกซ้อมจักรยานทางไกล ซึ่งเป็นการฝึกซ้อมเพื่อสร้างความอดทนให้เกิดขึ้นกับระบบกล้ามเนื้อและระบบหัวใจไหลเวียนเลือด ระบบต่าง ๆ จากการฝึกซ้อมความอดทนจะถูกพัฒนาขึ้นไปตามแผนการฝึกซ้อมรายสัปดาห์ที่จะตามมา วันนี้เมื่อทำการนัดเด็กจักรยานทีมศูนย์ฝึกกองบิน 46 ให้มารวมตัวกันในเช้าวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม 2554 ตามเวลาที่ได้นัดหมายคือห้วงเวลาหกนาฬิกา เมื่อเด็กจักรยานมาพร้อมกันใน การตระเตรียมสัมภาระอุปกรณ์ในการปั่นทางไกลที่จะต้องนำติดรถไปดังเช่น น้ำดื่ม เครื่องมือซ่อมจักรยาน สูบ อาหารบำรุงของเราในเช้าวันนี้เป็นกล้วยหนึ่งเครือ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้เตรียมไป เพราะว่าเป็นการปั่นไปพักไปในแต่ละจุด ส่วนใหญ่จะแวะตามปั้มเพื่อหาซื้อเกลือแร่ เครื่องดื่มเย็น ๆ เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือนั้น ถูกนำขึ้นรถยนต์เตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ตอนกลางคืนเรียบร้อยแล้ว....

หลังขบวนนักจักรยานที่ข้าพเจ้าได้ขับรถยนต์ตามป้องกันภัยอันคาดไม่ถึงจากอุบัติเหตุต่าง ๆ รถกระบะประจำทีมของเรานั้นได้ทำหน้าที่ปิดท้ายขบวนนักจักรยานอันประกอบไปด้วยเด็กชายปรมัติ สุคตินาถ หรือเสือมอสไทม์ไท เสือกิ๊ก ณัฐพล บำรุงรักษ์ นายตี๋ นายเม่น นายนิวส์ เด็กชายปัน วันนี้มีเด็กจักรยานที่ปั่นออกซ้อมทางไกลหกคน มีข้าพเจ้าและพี่หนุ่ยพ่อเสือมอส ทำหน้าที่ในการขับรถยนต์คอยช่วยเหลือเรื่องการฝึกซ้อมในการปั่นจักรยานทางไกล เส้นทางที่เราทำการฝึกซ้อมคือเส้นทางสายพิษณุโลก มุ่งตรงไปสี่แยกอินโดจีน ผ่านแยกวังทองมุ่งตรงไปบริเวณวังดินสอ เลี้ยวซ้ายเข้าบ้านวังตาด ขึ้นตรงไปยังเขื่อนแควน้อย จุดหมายที่เราจะแวะพักเพื่อทานอาหารบนสันเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และช่วงขากลับจะมุ่งตรงขึ้นไปทางวัดโบสถ์ ย้อนกลับมาตามทางสายหลักถนนใหญ่จากช่วงทางแยกวัดโบสถ์เข้าสู่ตัวจังหวัดพิษณุโลก ระยะทางโดยรวมประมาณ 170 กิโลเมตร

การฝึกซ้อมมิได้เน้นเรื่องความเข้มข้นของความหนักหรือเรื่องการใช้ใบจานใหญ่ แต่เป็นการปั่นแบบท่องเที่ยว ใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก รอบขาปั่นแบบสบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ตลอดเส้นทางการฝึกซ้อมจักรยาน โดยมีเป้าหมายวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคือใช้ความหนักต่ำ ความอดทนสูง.....

หลังขบวนเด็กจักรยานที่เราขับรถยนต์ตามนั้น มีชีวิตนั่งคุยกันไปสองคนคือข้าพเจ้ากับพ่อเด็กจักรยานอีกท่านหนึ่ง เมื่อเด็กจักรยานปั่นข้ามสันภูเทือกเขาลำเนาไพรเมืองพระพิษณุโลกสองแคว เราสองคนมีเรื่องเล่าหลังท้ายขบวนจักรยานเด็กศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 มาฝาก หน้าที่หนึ่งนั้นคือพลขับ ขับรถกระบะปิดท้ายขบวนเด็กนักกีฬาที่กำลังปั่นกำแดดทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวระบมน่อง ยามที่มองเห็นเด็กน่องทองกำลังบดอัดลูกบันใดปั่นขึ้นภูเขาบริเวณบ้านวังดินสอ ซึ่งภูเขาเทือกนี้ยังไม่สูงมากนัก เป็นเพียงเนินสูงไต่ระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ ใช้ระยะทางขึ้นจากตีนเขาจนสิ้นยอดสุดประมาณ 3 ก.ม. ลาดลงเขาไปถึงบริเวณหน้าค่ายสฤษดิ์เสนา กรมรบพิเศษที่ 4 ติดกับน้ำตกสกุโนทยาน หรือน้ำตกวังนกแอ่น บริเวณที่นักท่องเที่ยวชอบมาเที่ยวกันมากในช่วงหน้าฝน เพราะมีน้ำตกไหลเอื่อยเย็นใสให้ได้นั่งชมนั่งพักผ่อน เหมาะที่จะมาเที่ยวอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลก


เป้าหมายเรามุ่งตรงไปยังเขื่อนแควน้อยเพื่อแวะพักเติมข้าวเหนียวส้มตำ ไก่ย่าง น้ำดื่มเย็น ๆ การทานอาหารมื้อเที่ยงบนสันเขื่อนแควน้อย เป็นอาหารมื้อสุดพิเศษสำหรับทีมจักรยานทีมหนึ่งนี้ เนื่องจากเด็กจะต้องทำการปั่นจักรยานจากเมืองพิษณุโลก ผ่านเส้นทางสันภูที่สูงตระหง่านทอดยาวไกล ผ่านอุปสรรคพิชิตความเจ็บปวด ผ่านความยากลำบาก อดทนต่อความเหนื่อยหิวกระหาย แต่ทั้งหมดนี้ เด็กที่จะทะลุเพดานการเป็นนักกีฬาชั้นเลิศได้ เขาต้องประกอบกิจกรรมการปั่นจักรยานด้วยความสุขในใจอย่างยิ่ง เราไม่สามารถสร้างคนที่ใจไม่รักจักรยานให้มาปั่นจักรยานได้ เขาต้องรักที่จะปั่นจักรยานด้วยตนเองอย่างแท้จริง เขาถึงจะฝ่าฝันไปสู่เส้นทางที่ตั้งความมุ่งหวังไว้ได้....


นั้นคือความยากลำบากประการหนึ่ง บันทึกการฝึกซ้อมนี้ จึงเป็นหนึ่งในบันทึกชีวิตของเด็กชาย เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบมิติที่แตกต่างไปจากที่ทุกท่านได้พบ ท่านจะทราบถึงเรื่องราวของเด็กชายที่ชีวิตหลังอานจักรยาน กว่าจะเดินทางไปสู่เส้นทางของชัยชนะได้นั้น เขาจะต้องใช้ชีวิตตนเองเป็นเรื่องกำหนด กำหนดจิตตั้งมั่น เรียนรู้การแก้ปัญหา ค้นหาตนเองจากภายใน นี้คือชีวิตนักจักรยาน ชีวิตที่นอกเหนือจากความสามารถที่เกิดขึ้น คือชีวิตของความเพียร

มิเช่นนั้นแล้ว จะไม่สามารถปั่นจักรยานฝึกซ้อมได้อย่างยาวนานต่อเนื่อง ตัวอย่างที่มาเล่าให้ท่านฟังในวันนี้ อย่างน้อยที่สุด การนั่งปั่นจักรยานบนหลังอานในวันนี้ เขาจะต้องปั่นจักรยานนานนับร้อยเจ็บสิบกิโลเมตร ซึ่งถ้าเด็กคนไหนไม่มีความมุ่งมั่น ขาดซึ่งความเพียรพยายาม จะไม่สามารถทำได้อย่างแท้จริง

ต้องอยู่บนอานจักรยานทำการปั่นฝึกซ้อมไปนานนับมากกว่าหกชั่วโมง

นี้คือชีวิตเด็กจักรยาน นอกเหนือจากการฝึกซ้อมรายวันรายสัปดาห์รายเดือนเป็นไปตามวงรอบ ยังต้องมีเรื่องอันเป็นเรื่องแห่งชีวิต เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องกำลังใจ เรื่องความดีที่จะต้องพยายามสื่อสารให้เกิดเป็นต้นกล้าที่งดงามเพื่อแทรกแซงให้ได้ดำรงชีวิตบนผืนดินด้วยความดี....

ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

ได้คำนี้มาจากพี่หนุ่ย พ่อเด็กนักจักรยานคนต้นเรื่อง น้องมอส เด็กชายที่เริ่มต้นชีวิตจักรยานด้วยแนวคิดที่เป็นดั่งไม้อ่อนดัดได้ด้วยความดี เด็กชายปรมัต คือจุดเริ่มต้นการเรียนรู้ของข้าพเจ้าและท่านที่สนใจชีวิตในความเป็นนักจักรยาน นี้คือเราได้ทำการเรียนรู้ชีวิตตั้งแต่การเริ่มต้นที่ทำการบ่มเพาะต้นกล้างาม ว่า องค์ประกอบในสิ่งใดบ้าง ที่จะทำให้ชีวิตชีวิตหนึ่ง เดินทางไปสู่เป้าหมายแห่งความเป็นเด็กที่มีความเพียร เด็กที่มีความดี เด็กที่มีความมุ่งมั่นปรารถนา สิ่งที่เรากำลังเดินทางร่วมกันอยู่นี้ คือชีวิตทั้งชีวิตในความเป็นนักจักรยาน..

ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

คือจิตวิญาณหนึ่งที่เรานั่งพูดคุยกันหลังพวงมาลัย ท้ายขบวนจักรยาน เก็บเกี่ยวรายละเอียดของเรื่องเล่ามานำเสนอให้เกิดมิติหนึ่งที่สื่อสารภาษาได้ทางจิตวิญาณในความรักผืนแผ่นดินที่เราอยู่อาศัย รักผืนป่าที่ให้ชีวิต กับอีกหนึ่งมิติที่ละเลยต่อความเป็นธรรมชาติ ละเลยรากเหง้าแห่งไม้ใหญ่ ละทิ้งร่มโพธิ์ทองให้หมองตรมล้มหายละลายไปกับกาลเวลาที่รวดเร็วยิ่งกว่าห้วงแห่งมิติทางด้านการคาดวัดด้วยระยะเวลาของหนึ่งวินาทีแสง....


ในขณะที่ได้พาเด็กปั่นฝึกซ้อมจักรยาน ตามเส้นทางที่ได้เลือกสรรแล้วว่า มีความเหมาะสมในการฝึกซ้อมเพื่อสร้างความอดทน ด้วยมีเทือกเขาสูงชันอยู่หลายช่วง โดยเฉพาะช่วงที่ขึ้นบ้านวังตาด จากหน้าค่ายสฤษดิ์เสนา เลี้ยวซ้ายไปได้สักสองสามร้อยเมตร จะเป็นทางที่เริ่มไต่ระดับความสูงชันของสันภูเทือกงามบ้านวังตาด ความสูงชันของภูเขาลูกนี้ เป็นที่ขึ้นชื่อของบรรดานักปั่นจักรยานทั่วทั้งจังหวัดพิษณุโลก ถ้าใครร่างกายไม่ดีพอ ขาดพร่องเรื่องความฟิต จะไม่สามารถปั่นขึ้นภูเขาเส้นนี้ได้ เพราะมีความสูงชันอย่างมาก บางคนทนต่อความเหนื่อยล้าในช่วงเริ่มปั่นไต่ระดับความสูงไปได้ ก็จะพบกับความสุขและเบิกบานใจบนยอดภูเขาที่เราเกิดความกระหยิ่มยิ้มยกย่องความสามารถของตนเอง ส่วนคนที่ยังปั่นขึ้นไม่ไหวถึงกับจอดจักรยานนำเท้าลงพื้นไม่ทันล้มกลิ้งตรงช่วงกลางภูเขาก็มีให้เห็นเป็นประจำ.......

ในขณะที่พูดคุยกันไปเรื่อย ๆ กับพี่หนุ่ย สายตาก็แลเห็นศาลภูมิที่มีคนนำมาทิ้งกองพะเนินอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เราขับรถผ่าน มีคำถามประโยคหนึ่งที่ตั้งเป็นคำถามเพื่อต้องการคำตอบว่า

‘รู้ไหม.. ทำไมเขาถึงนำศาลพระภูมิมาทิ้งไว้ที่นี่‘

เมื่อถูกตั้งคำถามที่ต้องการคำตอบจากเจ้าของคำถาม ยังมิทันที่ข้าพเจ้าจะพบคำตอบได้ ก็มีคำเฉลยเป็นนัยยะที่ก่อให้เกิดปริศนาชวนให้ครุ่นคิดต่อไปอีกว่า

‘ไม่ใช่ว่าที่ตรงนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ แต่ทำไมเขาถึงนำศาลพระภูมิมาทิ้งไว้ตรงนี้ ‘’

สายตาทอดยาวดูเด็กปั่นจักรยานอยู่เบื้องหน้า สมองครุ่นคิดต่อคำถาม มีช่องว่างระหว่างกาลเวลาที่รอคอยคำตอบเกิดขึ้น แต่ช่องว่างของห้วงเวลานั้นหายไป อาจจะหนึ่งนาที สองนาที หรือนานกว่านั้น คำตอบที่กำลังค้นหาจากความทรงจำก็ยังไม่เกิดขึ้น จนได้ยินคำพูดของพี่หนุ่ยเจ้าของคำถามอีกครั้งหนึ่ง

'' นี่ จะเล่าให้ฟัง ''

พี่หนุ่ยมักเรียกกระผมว่าอาจารย์เสมอ แต่เมื่อคุยกันได้อารมณ์ความรู้สึกร่วมเดียวกัน ช่องว่างระหว่างความห่างไกลกันย่อมสลายตามไปด้วย คำว่าอาจารย์หายไปกลายเป็นความรู้สึกร่วมเดียวกัน ดั่งการสื่อสารที่ผสานดวงจิตดวงใจเป็นหนึ่งเดียวกัน

‘อาจารย์เนิ่มเคยสังเกตไหม’

เมื่อช่องว่างหายไป ความรู้สึกตัวได้ถูกถ่ายทอดขึ้นมาจากคำบอกเล่าของชายวัยสันยาสีที่ผ่านชีวิตมาสู่บั้นปลายแห่งการเป็นผู้รับอาสาเพื่อจิตรับใช้

‘ เวลาเราไม่อยู่บ้านหลาย ๆ วัน ไปไหนหลายวัน บ้านเราจะเงียบเหงา หรือวังเวง เหมือนบ้านที่ไร้วิญญาณ’

พี่หนุ่ยพูดจบ พลันก็ชี้ให้เห็นบ้านที่ปลูกทิ้งร้างไว้ตรงข้างทางที่เราขับรถผ่าน

''นั่นไงละ เห็นไหม เงียบเหงาไหม''

ข้าพเจ้านั้น สนับสนุนความคิดเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน เห็นจริงด้วยเมื่อคำพูดของพี่หนุ่ยกระตุ้นทำให้เกิดการครุ่นคิดถึงบ้านตนเองยามเมื่อเราไม่อยู่บ้าน ทิ้งบ้านไปต่างจังหวัดหลายวัน เวลาเราไม่อยู่บ้านเหมือนกับว่าบ้านเรานั้นไร้ซึ่งวิญญาณตามไปด้วย คำว่าวิญญาณนี้นั้นอาจจะเป็นคำสื่อสารที่ไม่ถูกตรงกับความหมาย แต่เบื้องหลังของคำคือความหมายที่เกี่ยวกับเรื่องความเงียบเหงา ความเศร้าสร้อย ความอาดูรดั่งที่เราจะต้องพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก หรือยามที่เราได้มีจิตใจกับความผูกพันกับเพื่อนแล้วต้องจากกันในห้วงระยะเวลาหนึ่ง

แต่อาจเป็นเพราะความผูกพันที่ชีวิตได้อิงอาศัย อาจเป็นเพราะผีเหย้าผีเรือนที่เป็นตำนานจากพ่อแก่แม่เฒ่าได้เคารพบูชากราบไหว้เพื่อปกป้องรักษาคุ้มครองชีวิตในบ้านหลังนี้ พ่อแม่เราได้บ่มเพาะต้นกล้าแห่งชีวิตให้ผสานกลายเป็นชีวิตที่ต่อจิตวิญาณ ในความเป็นชาติพันธ์แห่งชนชาติสยามสืบทอดมาแต่โบราณกาล สืบทอดเรื่องราวมาจากบรรพบุรุษ ในห้วงชีวิตนี้ ข้าพเจ้าได้รับการถ่ายทอดเรื่องผีบ้านผีเรือน มาจากบุพการีบิดามารดาด้วยเช่นกัน
........

''สังเกตดู คนแก่จะไม่ยอมจากบ้านไปไหน จะอยู่เฝ้าบ้าน เพราะกลัวบ้านจะเหงา''
.......

คำพูดประโยคนี้ของพี่หนุ่ย สะท้อนอารมณ์ได้ถึงความรู้สึกนึกคิด สะท้อนความมีสำนึกจิตของความผูกพัน สำนึกในความละเอียดอ่อนต่อสภาวะทางจิตวิญาณในความเป็นชาติพันธ์สยามอาริยะสำหรับข้าพเจ้าอย่างยิ่ง

''กลัวบ้านจะเหงา ''

เชื่อมโยงภาษาของพ่อเฒ่าแม่แก่ แม่ของเรา พ่อของเรา ปู่ย่าของเรา บรรพบุรุษของเรา ชาติพันธ์ของเรา แผ่นดินของเรา ประเทศของเรา ศรัทธาจิตตั้งมั่นของเรา

กระผมขอก้าวข้ามความยึดมั่นในความเป็น ของเรา ในความหมายที่เป็นการก่อให้เกิดโทษ ก่อให้เกิดความโลภ อาการหลง

ต่อคำว่า แผ่นดินของเรา ชาติพันธ์ของเรา พ่อแม่ของเรา คือคำที่ขอใช้เพื่อการสื่อสารในเรื่องของความรักความผูกพัน ขอใช้เพื่อสื่อสารให้เกิดสำนึกจิตแห่งวิญาณปู่ที่กำลังกู่ร้องสู่ลูกหลานที่ไร้ซึ่งการหวงแหนรากเหง้าทางจิตวิญญาณ

ผีปู่ย่าตายาย ผีพ่อผีแม่ วิญญาณปู่จะกู่ร้องอย่างไรดี ในเมื่อลูกหลานทำการรื้อรากทางจิตวิญญาณนำไปทิ้งที่สองข้างทาง


กลัวบ้านจะเหงา

คำพูดนี้ เป็นคำพูดจากพ่อแก่แม่เฒ่า พ่อแม่ของเรา ที่ท่านได้ทำการฝากกุศโรบายเป็นนัยยะให้ลูกหลายเช่นเราได้ซึมซับความละเอียดอันอ่อนโยนต่อการดำรงชีวิตที่รับอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดถึงความเป็นบุคคลที่มีความกตัญญู ความรัก สร้างจิตแห่งความมีสัมมาคารวะ นอบน้อมต่อพระคุณบ้านพะคุณแผ่นดิน บ้านหลังนี้เมื่อชีวิตอยู่อาศัยจนเป็นเนื้อเดียวกับแผ่นไม้กระดาน วิญญาณของบ้านได้เข้าสู่เลือดเนื้อของผู้อิงอาศัย มีหิ้งพระอยู่เหนือขื่อชายคาบนที่สูงเหนือศีรษะ สำหรับกราบไหว้บูชาพระคุณธรรม พระพุธ พระธรรม พระสงฆ์ พระแห่งศรัทธาจิตตั้งมั่น

''รู้ไหมอาจารย์เนิ่ม เขาทิ้งศาลพระภูมิทำไม''

คำพูดที่แทรกเข้ามาในห้วงความคิด ทำให้เรากลับมาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้งหนึ่งกับคำถามที่เป็นปริศนาให้เกิดการครุ่นคิด

''มีเรื่องจริงเรื่องหนึ่ง จะเล่าให้ฟัง''

ข้างบ้านผมแถวบางพะยอม (พิษณุโลก) มียายอยู่คนหนึ่ง ชื่อยายมา เป็นคนรวย ฐานะดีมีที่ดินเยอะ ส่งลูกไปเรียนต่างประเทศจนจบได้เป็นได้อยากตามต้องการ เมื่อลูกชายเรียนจบมาอยู่เมืองไทย กลับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ พาความเจริญพกเทคโนโลยี ศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ในบ้าน เขาบอกให้ยายมานำไปทิ้ง.....

''นี้เป็นเรื่องจริงหรือ''

กระผมถามย้ำเพราะไม่เชื่อมั่นว่าจะมีคนนำศาลพระภูมิไปทิ้งด้วยเหตุผลทางความเจริญ

เสียงพี่หนุ่ยยืนยันอย่างหนักแน่นว่าคือเรื่องที่เขาพบเห็นมากับตน

ผมเลยพบคำตอบได้ว่า คนนำศาลพระภูมิไปทิ้งทำไม

ด้วยความที่เป็นการล้าสมัยหรือความมีเหตุมีผลของแต่ละบุคคลในเรื่องความคิด หรือถูกบ่มเพาะหรือความเห็นที่เป็นเรื่องของความเชื่องมงายลุ่มหลงอย่างไร้เหตุไร้ผล นั้นคือสิ่งที่เราไม่สามารถทราบได้ถึงเบื้องลึกภายในจิตใจ

ยายมาก็ไม่มีผิดอันใด และเป็นสิทธิ์ของยายมา หากศาลพระภูมิจะถูกนำออกจากบ้านไปทิ้งไว้ที่อื่นด้วยเหตุผมหลากหลายประการ

ยายมาก็มีความสุขดี ใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย

แต่จิตวิญาณของพ่อเฒ่าแม่แก่เรา ได้ถูกทำลายไปกับยายมา รุ่นลูกของเรา จะเหลืออะไรที่เป็นรากแห่งชีวิตจิตใจ

จิตวิญญาณของบรรพชน จิตวิญญาณของความนอบน้อมต่อพระแม่ธรรมชาติ ความต่ำต้อยต่อสรรพชีวิต จิตวิญาณที่อิงอาศัยคุณของพระแม่ธรณี พระแม่แผ่นดิน พระแม่โพสพ วิญญาณป่าเขา วิญญาณแห่งธรรมชาติ มนุษย์เช่นเรากระนั้นหรือจะอยู่เหนือธรรมชาติได้

บุตรยายมากำลังถูกวิทยาการแลกเปลี่ยนเล่นแร่แปรธาตุให้เถือไถถั่งโถมรุมเร้าหรือกระไร หรือว่ามีความยิ่งใหญ่เหนือกว่าพระแม่ธรรมชาติ เช่นนี้นั้นแล้วหรือที่เขาอยู่เหนือความงมงายของปู่ย่าตายายพ่อเฒ่าแม่แก่ หรือเขาลืมไปแล้วกระนั้นหรือว่าชีวิตเราต้องมีการสูญสลาย ชีวิตนี้ต่ำต้อยอย่างยิ่งต่อจิตวิญญาณธรรมชาติ เราเกิดจากธรรมชาติ มนุษย์ไม่สามารถสร้างธรรมชาติ บังคับธรรมชาติได้เลย.....

คุยกันเรื่องธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ผ่านสันภูเทือกเขาลูกแล้วเล่ากับกลุ่มจักรยาน พี่หนุ่ยนึกได้ถึง ย่ายิ้ม คนค้นคน ที่ไปตามค้นชีวิตย่ายิ้มทำฝายกั้นน้ำบริเวณป่าที่เป็นที่พำนักของย่า อำเภอวัดโบสถ์เมืองพิษณุโลกสองแคว....

ย่ายิ้มทำฝายกั้นน้ำ

ย่ายิ้มยังกราบขอขมาพระแม่ธรณี พระแม่แผ่นดิน สวดมนต์กราบไหว้ขอขมาต่อทุกสรรพชีวิตที่แม่ย่างก้าวเดินทางผ่าน ความนอบน้อมบูชาผืนป่าผืนแผ่นดิน ทำให้เกิดกรตระหนักรู้ต่อคำพูดของพี่หนุ่ยที่ได้ตั้งหัวเรื่องไว้

ย่ายิ้มบูชาป่า ยายมารื้อศาลพระภูมิ

ย่ายิ้มจะฟันจอบลงดิน ย่ายิ้มยกมือตั้งจิตมั่นขอกราบขมาต่อทุกสรรพชีวิตที่ย่ามิได้ตั้งใจทำลาย มดหนูแมลงย่าเรียกให้มาทานข้าวสุกข้าวเปลือก วันพระวันเพ็ญใหญ่ย่าไม่เคยขาดศรัทธามั่น เราคุยกันนั้นทั้งย่ายิ้มและยายมาไม่รู้ แต่ย่ายิ้มและยายมา คือชีวิตจริงที่ได้ทำให้หนึ่งมิติทางจิตวิญญาณได้รับการบ่มเพาะให้เจริญงอกงามไปด้วยจิตวิญาณแห่งความรักเอื้ออารี

กับอีกหนึ่งมิติวิญญาณที่ยายมากำลังลงมือทิ้งศาลพระภูมิ

ยายมานำศาลพระภูมิไปทิ้ง

ชีวิตยายมามีความสุขสบายอย่างมากในบั้นปลายชีวิต ชีวิตของย่ายิ้มมีความสุขสบายท่ามกลางวิญญาณป่าที่ไม่ต้องพึ่งพาสตางค์สักหนึ่งแดงเดียว ยายมาพรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติที่คอยอุ้มชูต่อชีวิตให้สุขสบาย

หากแต่วิญญาณปู่ย่าตายายจะรู้สึกอย่างไร เมื่อทราบว่า นัยยะที่เป็นดั่งกุศโลบายอันสืบทอดเรื่องราวแห่งความรัก ความเอื้ออารี ความกตัญญูรู้พระคุณ ความนอบน้อมถ่อมตนต่อจิตวิญญาณธรรมชาติ ที่สืบทอดมาด้วยการประพฤติปฎิบัติเป็นกิจวัฏ กลับถูกลูกหลานก่นประณามว่าเป็นเรื่องงมงาย.....

จิตวิญญาณของปู่ย่า จิตวิญาณของพ่อแม่ จิตวิญญาณของผืนดิน ของพระแม่ธรณี ของพระแม่ธรรมชาติ ฤาจะสูญสลายไปกับลูกหลานร่วมสมัยในอีกไม่กี่อึดใจปีข้างหน้านี้

''วิญญาณของบ้านยังคงรอคอยอยู่ แม่ไม่อยากทิ้งบ้านไปไหน กลัวบ้านจะเหงา''
(เรื่องเล่าระหว่างการฝึกซ้อมจักรยาน)
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

รถจักรยานของครูของโค้ช.....รถเหมือนกันแต่จิตวิญญาณไม่เหมือนกัน
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

______________________________________________________________
สงกรานต์ปีนี้ ล้างจักรยานให้ลูกศิษย์


วันนี้วันพระ วันจันทร์ที่ 11 เมษายน 2554 เป็นวันที่จิตใจดวงจิตสงบสดสว่างตั้งแต่การตื่นในยามเช้า อากาศสดใสสดชื่น จะก้าวย่างเดินทางเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ สงกรานต์ปีนี้ กระผมไม่มีสิ่งอันใดจะให้เด็กได้ นอกจากการตั้งจิตมั่นในพระคุณพระรัตตนตรัย พระพุทธชินราชเจ้า พระประจำบ้าน อัญเชิญไปสงฆ์น้ำพระพุทธมนต์ในเทศกาลสงกรานต์ และเมื่อจิตใจพบกับความสว่างทางจิตวิญญาณ การประหนึ่งที่คิดได้ขึ้นมาคือขออาราธนาคุณพระช่วยคุ้มครองเด็กจักรยาน เช้าวันพระในวันนี้ กระผมจึงขออาสาเป็นบุคคลผู้มีจิตรับใช้ ล้างรถจักรยานให้เด็กทุกคนที่อยู่ในทีมบ้านศูนย์ฝึกกองบิน 46 ตั้งจิตตั้งมั่นล้างจักรยานให้สดใส สว่าง สะอาด ด้วยความสงบจากภายใน
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

____________________________________________________________
‘ รถจักรยานของครูรถจักรยานของโค้ช ’
รถเหมือนกันแต่จิตวิญญาณไม่เหมือนกัน


ข้าพเจ้าได้คำนี้มาจากลูกศิษย์จักรยานคนหนึ่ง วันนั้น เขามาฝึกซ้อมจักรยานแต่ไม่มีรถจักรยานจะปั่น สาเหตุเพราะเขาเลิกเล่นไปเกือบปี พอมาเริ่มฝึกซ้อมใหม่อีกครั้งหนึ่ง จักรยานคันที่เขาเคยปั่นอยู่ก็ถูกโอนถ่ายไปให้เด็กคนอื่นไว้ใช้ฝึกซ้อม จึงไม่มีรถจักรยานปั่น ข้าพเจ้าได้ให้เด็กคนดังกล่าวยืมจักรยานของตนเองไว้ให้เขาฝึกซ้อม เมื่อเขากลับมาจากการฝึกซ้อม เขามาพูดให้ฟังว่า รถคันไหน ๆ ก็สู้รถโค้ชไม่ได้.....
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

ข้าพเจ้ามาเข้าใจคำพูดในความหมายที่เด็กชายสื่อสารดังกล่าว เพราะรถจักรยานที่ให้เขายืมปั่น ก็เหมือนกับรถจักรยานคนอื่น ๆ โดยทั่วไป ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากกันเลย โดยเฉพาะในเวลารวมพลหลังเลิกปั่น จะมีจักรยานหลาย ๆ คนมาอยู่รวมพลพูดคุยกันเป็นประจำ สถานที่เราพูดคุยกันนั่นคือบริเวรสนามบินใหม่พิษณุโลก เป็นปกติประจำวันที่เราจะมานั่งพูดคุยกันถึงเรื่องจักรยานทุก ยามเย็นหลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมประจำวัน

ในเย็นวันนั้น มีจักรยานที่เหมือนกันอยู่คันหนึ่ง อะไหล่เหมือนกันกับรถข้าพเจ้า แต่เมื่อเด็กทดลองปั่นดู จึงได้คำนี้มาว่า รถคันไหนก็สู้รถครูไม่ได้.....

ไม่ใช่ว่ารถจักรยานของเราจะดีกว่าใคร ๆ เลย ไม่ใช่อย่างแน่นอน แต่ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงจักรยานคันที่ตนเองมีไว้ใช้ฝึกซ้อมคันนี้
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

เพราะว่ารถจักรยานคันดังกล่าว เวลาหลังเลิกฝึกซ้อมเมื่อมีโอกาสปั่นจักรยานของตนเอง ข้าพเจ้าจะเฝ้าเช็ดรถด้วยการใช้ใจในการเช็ดถู ขัดจนเงางาม ลงเงาบ้างเป็นบางครั้ง แต่การเฝ้าบำรุงถนอมเช็ดถูจักรยานของข้าพเจ้านั้น แน่ใจได้เลยว่า ตนเองใช้ทั้งจิตใจจิตวิญญาณในการเคลื่อนผ้าผ่านฝ่ามือไปเช็ดถูรถจักรยาน ซี่ลวดทุกเส้น โซ่ทุกข้อ ถูกเช็ดขจัดคราบสกปรกด้วยมือด้วยจิตใจอย่างยิ่ง การจะถูกรถจักรยาน มือของตนเองจะทำการล้างคราบสกปรกก่อนทุกครั้ง ก่อนจะจับรถจักรยานของข้าพเจ้า จะต้องทำการสำรวจฝ่ามือก่อนว่ามีคราบสกปรกติดมือหรือไม่ ยามที่กำลังซ่อมจักรยานก็เช่นกัน หากมีเหตุบังเอิญที่ทำเครื่องมือพลาดตกหล่นไปโดนรถจักรยาน จะสะเทือนเข้าไปในความรู้สึกด้วยอย่างลึกซึ้ง ถ้าจะว่าไปแล้ว เรารู้สึกเจ็บไปด้วยกับการที่รถจักรยานถูกกระทำอย่างรุนแรงด้วยเหตุอันบังเอิญดังกล่าว
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

ยามเมื่อเช็ดล้างจักรยานเสร็จ จะนำผ้าสะอาดมาพาดตรงช่วงผ้าพันแฮนด์ เพื่อมิให้ผ้าพันแฮนด์กระทบกับผิวผนัง เพราะจะทำให้เกิดคราบสกปรก ช่วงเบาะก็เช่นกัน ข้าพเจ้าจะนำผ้าสีขาวสะอาด มาวางไว้เพื่อป้องกันมิให้เบาะสัมผัสผิวผนัง เพราะช่วงที่เบาะโดนพิงทุก ๆ วัน หากไม่ใส่ใจในการป้องกัน จะทำให้เบาะเหมือนถูกกดทับ ทำให้วันหนึ่ง ช่วงกดทับดังกล่าวจะเป็นรอยคาบอย่างชัดเจน และเมื่อรถจักรยานจอดอยู่ในบ้าน จะนำไปจอดไว้ตรงข้าง ๆ หิ้งพระ เพราะจิตตั้งมั่นของเราในการกราบไหว้บูชาพระ จะช่วยคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเภทภัยนานาประการ
......
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


นี้คือรถจักรยานของครู .......


ข้าพเจ้ามาเข้าใจถึงคำบอกเล่าจากเด็กชายดังกล่าว รถของใครก็สู้รถของโค้ชไม่ได้ การสู้ไม่ได้มิได้หมายความทางด้านเทคโนโลยี่ แต่มีความหมายทางด้านความศรัทธา ความเชื่อมั่น จนกลายเป็นพลังให้เด็กเกิดความมั่นใจได้ถึงมิติแห่งความใส่ใจของครูที่รักรถจักรยาน เด็กจึงเกิดมิติทางจิตใจในการที่นำรถของครูออกไปฝึกซ้อม

................
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป



...
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

______________________________________________

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รถจักรยานทุก ๆ คันของเด็กจักรยานบ้านศูนย์ฝึก จะเป็นรถจักรยานของครูในทางจิตวิญญาณ ในวันนี้ ถือว่าเป็นวันดีมีมงคลอย่างยิ่ง วันที่ขึ้นตรงด้วยเลขหนึ่งหนึ่ง (11 เมษายน) และเป็นวันพระ เป็นวันที่จะเข้าสู่มหาเทศกาลอันเป็นรากทางจิตวิญญาณของบรรพชน สงกรานต์ปีนี้ ถือว่าเป็นปีที่มิติทางจิตวิญญาณได้เกิดขึ้นกับเด็กทุก ๆ คน

ข้าพเจ้าไม่มีอะไรจะให้เด็กจักรยาน นอกจากจิตวิญญาณในสายเลือดความเป็นนักจักรยาน สายเลือดในความรัก สายเลือกที่ถูกก่อกำหนดมาให้เป็นผู้รับใช้จักรยาน จักรยานทุก ๆ คัน สำหรับตนเองนั้น ไม่มียี่ห้อใดที่จะดีไปกว่าหรือเลิศหรูกว่าหรือมีความทันสมัยกว่า แต่จักรยานทุก ๆ ยี่ห้อสำหรับข้าพเจ้า คือจักรยานเพียงคันเดียว เพียงหนึ่งเดียว สำหรับข้าพเจ้า คือรถที่ดีที่สุด หากข้าพเจ้าได้เป็นผู้รับใช้จักรยานคันไหน คันนั้นคือรถที่ดีที่สุด ปั่นดีที่สุด สวยงามที่สุด ไม่ว่าเราจะใช้อะไหล่เก่าแก่อย่างไร แต่อะไหล่ทุกชิ้นทุกองค์ประกอบ จะไม่มีคราบเศษดินเกราะเกรอะกรัง....
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

นี่คือรถของครู จักรยานของฉันจึงเป็นจักรยานในสายเลือด ฉันสร้างทีมจักรยานนี้ขึ้นมา ก็เพราะสายเลือดฉันรักจักรยาน วันนี้ สายเลือดจิตวิญญาณของฉันได้เดินทางไปสู่ทุกอณูของชิ้นส่วนจักรยาน

ข้าพเจ้าได้ตั้งจิตปรารถนาด้วยความสงบ อัญเชิญคุณพระพุทธ พระธรรม พระแม่ธรรมชาติ พระพุทธชินราช ขอกราบอัญเชิญมาช่วยปกป้องคุ้มครองเด็กทุกน คุ้มครองจักรยานให้แคล้วคลาดปลอดภัย ให้พบกับสิ่งที่ดีงาม ขอให้เหตุแห่งอุบัติภัยนานาประการ อย่าได้เดินทางมาข้องเกี่ยว ขอให้แคล้วคลาดด้วยพลังแห่งคุณความดี ด้วยจิตตั้งมั่นในเลือดเนื้อจิตวิญญาณแห่งชาติพันธ์สยามอาริยะ
รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

ทำการล้างจักรยานในวันสงกรานต์ ให้เด็กทุกคน ให้กำลังใจเด็กจักรยาน ดีบ้างไม่ดีบ้าง เก่งบ้างไม่เก่งบ้าง เลี้ยงดูกันไป ให้กำลังใจกันไป
ข้าพเจ้ากับท่าน ก็เป็นดั่งสายเลือดเดียวกัน

เมื่อเราใส่ใจจิตวิญญาณ ใส่ใจในความรัก จักรยานของเราจะมีชิวิต

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

จักรยาน มิติทางจิตวิญญาณ ที่เกินค่าแก่การคาดวัดถึงได้
รูปประจำตัวสมาชิก
เนิ่ม ชมภูศรี
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 6448
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ส.ค. 2008, 21:02
Tel: 081 7533298
team: ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 PBC PHITSANULOK
Bike: connago....KAZA...GIANT...GT....

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย เนิ่ม ชมภูศรี »

ฤา..สิบล้อ ต้องการจะบดขยี้ชีวิตเด็กจักรยาน

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

อารมณ์หนึ่ง ของการขับรถยนต์คืออาการเสพติดความเร็ว อย่างไม่รู้สึกตัวของคนขับรถ
อุบัติเหตุ อาจเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน ด้วยการเสพความเร็วดังกล่าว ชีวิตของมนุษย์นี้นั้น ไม่เคยถูกฝึกให้ช้าลง ไม่เคยเดินด้วยความช้า มีแต่จะทำอย่างไรให้เร็ว ให้เร็ว ให้เร็วตลอดเวลา และไม่เคยประสงค์ที่จะพบกับการเสียเวลาทั้งที่เวลาในใจนั้น คือสิ่งที่ไม่เป็นจริง จนมีหลักเหตุผลให้กับตนเองหลังเกิดเหตุ นั้นคือประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

แต่สิ่งที่สูญเสีย มันมิใช่หลักของเหตุกับผล แต่เป็นความจริง

โชคดีอย่างยิ่งที่เด็กจักรยานกองบิน 46 ไม่เกิดการสูญเสีย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องที่เป็นสิ่งเตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะเรานี้นั้น เมื่อใดที่ขับรถยนต์ เมื่อนั้นควรเริ่มตระหนักและใส่ใจอย่างยิ่งต่อทุก ๆ ชีวิตบนท้องถนน เรื่องจริงที่ทีมจักรยานประสพพบ เป็นเหตุเตือนใจเราท่านหลาย ๆ คนได้ ในการฝึกซ้อมจักรยานของตัวเราเอง การใช้ชีวิตบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยอารมณ์แห่งการติดเสพความเร็ว ของคนที่หลงความเร็ว และปฐมบทพื้นฐานของอุบัติเหตุ คืออาการติดความเร็วละเลยต่อความรับผิดชอบในชีวิตทรัพย์สิน ด้วยการขาดความใส่ใจและไร้การรู้สึกตัวเช่นนี้

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

คนเมาแล้วขับก็ติดความเร็ว ไร้สติ ไร้สำนึกจิต

แต่คนดี ๆ ละ คนที่สมบูรณ์พร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ ยามขับรถยนต์ท่านเคยสัมผัสหรือไม่หรืออย่างไร อาการติดความเร็ว จนไม่สามารถชะลอความเร็วให้ช้าลง หรือขับให้ช้าลง หรือขับชะลอความเร็วเบาลงหน่อย เพราะมีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า ที่สำคัญ สิ่งกีดขวางนั้นคือชีวิตของผู้ใช้เส้นทางร่วมกัน

ถ้าเราขับรถยนต์ด้วยความใส่ใจในอารมณ์ความรู้สึกร่วมกับความรับผิดชอบ เราย่อมหยุดหรือเบาได้ โดยการหยุดหรือเบาของเรานั้น มิใช่เกิดจากการหยุดตามกฎจราจร...แต่หยุดด้วยความมีจิตสำนึกของตัวเราเอง โดยไร้แรงบีบบังคับจากระบบตัวบทกฎหมาย

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


ฤาสิบล้อ ต้องการจะบดขยี้ชีวิตเด็กจักรยาน

ภาพรถพ่วงสิบแปดล้อที่เร่งความเร็วบีบแตรไล่หลังรถกระบะที่ข้าพเจ้าขับคุมซ้อมเพื่อปิดท้ายขบวนเด็กจักรยานบนถนนสายพิษณุโลก วังทอง ในวันนั้น การฝึกซ้อมมีวัตถุประสงค์ว่าจะออกฝึกซ้อมเพื่อสร้างความอดทน ใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก เส้นทางที่ทีมจักรยานปั่นไปนั้น ช่วงแรกจะเป็นทางสายคู่ขนาน รถยนต์วิ่งเลนเดียวแบบวันเวย์ตามกันไป พอถึงช่วงสี่แยกวังทอง ห่างจากเมืองพิษณุโลกประมาณ 20 ก.ม. จะเริ่มเป็นทางสายเดียว รถวิ่งสัญจรไปมามาก บริเวณเส้นทางเต็มไปด้วยรถยนต์วิ่งอย่างหนาแน่น การสัญจรในช่วงการฝึกซ้อมนั้นมีผู้ใช้ยวดยานพาหนะหลากหลาย และเป็นเส้นทางเลนเดียวตรงยาวขึ้นไปขึ้นภูเขายาวข้ามจังหวัดมุ่งไปสู่เมืองเพชรบูรณ์

การฝึกซ้อมจักรยานนั้น นักกีฬาปั่นกันเป็นขบวนแถวยาวเคลื่อนไปเป็นทีม ในวันที่ทำการฝึกซ้อมคือวันอาทิตย์ และเป็นการปั่นฝึกซ้อมออกทางไกลตามวงรอบการฝึกซ้อมความอดทน ความเร็วของทีมจะไม่สูงมากเท่าใด ปั่นผลัดกันนำไปเป็นกลุ่มเพื่อช่วยให้ระดับความเร็วมีความเร็วอย่างต่อเนื่อง* เด็กที่ปั่นฝึกซ้อมจักรยานมีรวมทั้งหมด 6 คนด้วยกัน เป็นเด็กที่เก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกันในทีมจักรยานศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46 มีหัวลากคือศักดิ์ กัลยา ณัฐพล บำรุงรักษ์ และมีน้องใหม่อย่างปรมัต สุคตินาถ เด็กชายปัน พี่ใหญ่ที่ควบคุมการฝึกซ้อมหรือกัปตันทีมคือเสือเบส ชัยยุทธ เบญจมาศ เสือเม่น นายภาสุ สุคตินาถ โดยในวันนั้น ข้าพเจ้าเป็นคนขับรถกระบะปิดท้ายขบวน มีพี่โต้งจากชุมเสือบ้านคลองนั่งรถยนต์ตามไปดูการฝึกซ้อม และมีพี่หนุ่ย พลเมืองจิตอาสามาช่วยกันคุมทีมจักรยาน.....

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป




การฝึกซ้อมในวันนี้ โชคดีอย่างหนึ่งที่ทีมของเราใช้ความเร็วไม่สูงมากนัก เคลื่อนขบวนกันไปเป็นกลุ่มและทำการปั่นชิดขอบทางด้านซ้ายสุดไปตลอดเส้นทาง รถยนต์ที่ใช้คุมทีมจักรยานเป็นรถยนต์กระบะ ขับตามหลังเด็กทั้งหมดโดยมีระยะห่างจากกลุ่มประมาณ 10-15 เมตร การเคลื่อนที่ของทีมจักรยานจะเคลื่อนกันไปทั้งเด็กที่ปั่นจักรยานและรถกระบะปิดท้ายขบวน โดยทำการรักษาระดับและความเร็วในรูปของขบวนดังกล่าวตลอดเส้นทาง รถกระบะมีหน้าที่คอยรักษาดูแลเรื่องความปลอดภัยให้กับเด็ก มีเด็กชายนิวส์ อีกคนหนึ่งที่ยังมิได้กล่าวถึง คอยนั่งหลังกระบะรถยนต์ มีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยช่วยเหลือส่งน้ำอาหารเสริมให้กับนักกีฬา พี่เลี้ยงจะส่งอาหาร น้ำ ยามเมื่อมีนักจักรยานคนไหนลงมารับอาหารระหว่างการปั่นฝึกซ้อม เด็กชายนิวส์ จะคอยทำหน้าที่ส่งน้ำ อาหาร อยู่บนหลังกระบะรถทีมพี่เลี้ยงหรือรถกระบะที่ปิดท้ายขบวน

ขบวนเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางพิษณุโลก วังทอง จะขึ้นเขาช่วงบ้านวังดินสอ ห่างจากเมืองพิษณุโลกประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร เลยทางแยกสายวังทองไปได้สักระยะหนึ่ง กระผมเห็นรถสิบล้อพ่วงจากกระจกหลังบีบแตรไล่ให้ทีมและเด็กจักรยานหลบ ทั้งทั้งที่เราได้ชิดขอบทางด้านซ้ายสุดแล้ว เมื่อพิจารณาการขับรถที่วิ่งมาด้วยความเร็วและลักษณะที่รถวิ่งจากการมองกระจกหลัง มีข้อสังเกตอันเป็นเรื่องผิดปกติของคนขับรถที่มีมารยาทโดยทั่วไป เพราะรถพ่วงสิบล้อไม่ยอมชะลอความเร็ว ยังคงบีบแตรไล่ให้รถหลีกทางให้จงได้ ทั้ง ๆ ที่เส้นทางดังกล่าวนั้น เป็นถนนสายเลนเดียว มีรถและผู้คนพลุกพล่าน การขับรถด้วยความเร็วที่สูงของโชเฟอร์ตีนผี และไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงอันเนื่องด้วยความมีจิตสำนึกในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่น ที่จะเป็นผลตามมาหรือไม่นั้น ตอนนี้เข้าใจได้อย่างคนที่เป็นปกติเช่นเราท่านเข้าใจกัน ว่า เขาไม่ยอมลดความเร็วลงแน่ ๆ

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป

กระผมยังคงขับรักษาระดับระยะห่างจากกลุ่มเด็กจักรยาน และเบี่ยงรถยนต์ลงชิดขอบทางแต่ยังคงรักษาระดับระยะห่างเรื่องความปลอดภัย มิติของการปิดท้ายขบวน ด้านข้างด้านขวาของรถยต์กระบะจะล้ำไปเลนทางด้านซ้ายสุด และมีเหลือช่องทางให้รถยนต์ขับผ่านไปได้ แต่ต้องขับปิดท้ายขบวนเด็กจักรยานโดยไม่เปิดช่องให้รถสิบล้อพ่วงคันดังกล่าวได้มีโอกาสเข้าใกล้กลุ่มจักรยาน กระนั้นก็ยังคงไม่เป็นที่พอใจของคนขับสิบล้ออย่างแน่นอน แน่ใจได้เลยว่า คนขับรถสิบล้อคันดังกล่าวเกิดจิตวิกลโกรธจัด ถ้าจะใช้ภาษาชาวบ้านอย่างเรา ๆ คือ ขอใช้คำว่า หมั่นไส้ เขาคงหมั่นไส้ทีมเด็กจักรยานทีมนี้ ที่ปั่นจักรยานแกะกะถนน เมื่อรถสิบล้อเคลื่อนผ่านแซงไปแล้ว เสียงแตรยังคงดังอย่างต่อเนื่องยาวไป ในขณะที่รถฝั่งตรงข้ามต่างก็หักหลบลงข้างทางกันเป็นพลันวัน

โชคดีที่ไม่มีคนเดินเท้าหรือมอเตอร์ไซค์วิ่งอยู่ข้างทางในช่วงที่รถฝั่งตรงข้ามหักหลบรถสิบล้อพ่วง ที่ขับแหวกฝ่าอันตรายอย่างไม่สนใจชีวิตใครเลย และเมื่อพ้นไปแล้ว ยังแถมอาการส่งท้ายให้กลุ่มจักรยานอีกหนึ่งอาการ คือเมื่อรถแม่ที่เป็นหัวพ่วงช่วงคนขับขับผ่านไป ยังมีรถลูกที่เป็นช่วงพ่วงลากจูง มั่นใจครับว่า ความหมั่นไส้ของคนที่อ้างว่าขับรถหนัก ย่อมอยากจะตอบแทนหรือแสดงอาการโต้ตอบเพื่อสอนหรือตักเตือนคนที่เขาไม่พอใจ มันเป็นเช่นนี้ ความจริงเป็นเช่นนี้ อ่านใจคนอ่านง่าย ไม่ยากหรอก สำหรับคนที่จิตไม่เป็นปกติเช่นนี้ โชเฟอร์ใช้ช่วงลูกตวัดเบี่ยงเข้าหารถกระบะและกลุ่มเด็กจักรยาน จากการที่เขาตวัดลูกพ่วงขับตบท้ายปาดหน้ากลุ่มเด็กจักรยาน ส่งผลให้เกิดผลขึ้นสมใจคนขับรถพ่วง ท้ายของรถพ่วงเกี่ยวเข้ากับกระจกด้านหน้าข้างกระบะเข้าอย่างจัง

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป



เสียงกระจกที่โดนท้ายรถพ่วงเกี่ยวดัง เพล้ง...


โชคดีประการหนึ่งในวันนั้น มีรถกระบะคอยป้องกันภัยปิดท้ายขบวนในการฝึกซ้อม เพื่อรักษาชีวิตอันเสี่ยงภัยบนท้องถนนให้กับเด็กจักรยาน

เมื่อตั้งสติได้ สายตาแลมองดูเด็กจักรยาน เห็นเจ้าเสือเบส ชัยยุทธ เบญจมาศ หักแฮนด์จักรยานของตนเองลงซ้ายสุด เป็นโชคดีของเด็กอย่างมาก ที่เขาปั่นชิดขอบทางด้านซ้ายและไม่มีอาการปั่นส่ายไปมาแบบคนหมดแรง ดีที่เป็นช่วงที่ปั่นกันด้วยความนิ่งและไม่ใช่ช่วงเปลี่ยนกันนำทีม มิเช่นนั้นรถพ่วงอาจจะเกี่ยวกับคนที่เปลี่ยนนำก็เป็นได้ สอบถามเด็กในภายหลังทราบว่าเขาเริ่มรู้ตัวว่าเสียงแตรจากรถสิบล้อนั้นมีความผิดปกติ เด็กชายจักรยานจับแฮนด์จักรยานมั่นไม่วอกแวก รักษาระยะการจี้ ปั่นชิดขอบทาง แต่กระนั้น รถพ่วงสิบล้อก็เฉียดเฉี่ยวผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งฟุตนิ้ว

หันมองกลุ่มจักรยาน เด็กทุกคนปลอดภัย แต่รถสิบล้อยังคงวิ่งห้อตะบันเร่งความเร็วลากพ่วงไปอย่างไม่สนใจแยแสใยดี ......

โชเฟอร์ตีนผี.....ได้ขับรถพ่วงพยายามเร่งความเร็วหนีไปอีก เมื่อข้าพเจ้าขับรถยนต์ตามเพื่อเรียกให้จอด เพราะต้องการจะคุยกับโชเฟอร์ว่าจะทำอย่างไรดีเรื่องที่ขับเกี่ยวกับรถกระ

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป



ไม่จอดครับ ไม่จอดก็ขับตามไป ไปทันที่บริเวณเขาวังดินสอ พยายามส่งไฟกระพริบ บีบแตรให้จอดรถลงมาคุยกัน พี่โต้งจากบ้านคลอง นั่งรถกระบะไปด้วยกัน ได้โบกมือให้รถพ่วงสิบล้อชะลอความเร็ว ชิดซ้ายลงข้างทาง รถจอดข้างทางประจวบเหมาะกับกลุ่มเด็กจักรยานตามมาทันพอดี จึงเห็นเหตุการณ์ด้วยกันทั้งหมด

ที่จริงขับไล่ไปนั้น เพื่อจะขอคุยกับเขาให้รับผิดชอบที่ทำกระจกรถเราแตก และจะขอขอบคุณเขาอย่างมาก ที่ยังปราณีไม่อัดท้ายเข้าหาขบวนเด็กจักรยานไปมากกว่านั้น นั่นหมายถึงชีวิตเด็กจะนอนเรียงรายอยู่กลางท้องถนน

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


มาถึงตรงนี้ กระผมมีหน้าที่รักษาชีวิต คุณจะทำอย่างไร ถ้าเด็กนอนเรียงรายอยู่บนศาลาวัด คุณจะทำอย่างไร ถ้าเด็กเราเป็นเช่นนั้น คุณจะขับรถหนีผมไปเฉย ๆ เช่นนี้หรือ ...

คุณน่ามาดูสิ่งที่คุณทำไว้หน่อยไม่ดีหรือ ด้วยใจจริง ผมยังขอบคุณคุณที่มีความปราณี แค่สั่งสอนเราเพียงเล็กน้อย

แต่ผมอยากให้คุณดูร่องรอยของสิ่งที่คุณทำ ว่า วันนี้จากนี้ไป คุณอย่าได้ไปทำกับคนอื่นอีกเลย

โชเฟอร์ตีนผีเปลี่ยนจากความโกรธเกรี้ยวเมื่อสักครู่ ยกมือท่วมหัวขอโทษเราทุกคน บอกว่ารถผมหนัก รถผมหนัก

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


อ้าว ... ยังงี้มันก็เห็นแก่ตัวสิ ไม่เห็นชีวิตคนอื่นสำคัญหรือยังไง ถ้าเป็นลูกคุณบ้างละ เป็นรถญาติคุณบ้างละ ไม่เห็นหรือ เขาหลบข้างทางไปกันหมด

พี่หนุ่ย พ่อเด็กนักจักรยานาที่ปั่นมาด้วยกัน พรุ่งพล่านด้วยอารมณ์ที่ยอมรับไม่ได้กับการกระทำของโชเฟอร์ตีนผี

ไม่เห็นหรือ รถเขาพังนะ ไปดูซิ


อ๋อ..รถเป็นอะไรบ้างครับ พอดีรถผมมีประกัน เดี๋ยวผมโทรเรียกประกันมาเคลียให้ครับ
(คำพูดของโชเฟอร์รถพ่วงจบลง พร้อมกับความมึนงงของกระผม)

นี่คุณไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ คุณชนแล้วบอกว่ารถผมมีประกัน แค่นี้เองหรือ แล้วมิติเรื่องของความรับผิดชอบ จิตสำนึกต่อชีวิตคนอื่นไปอยู่ตรงไหน

กระจกข้างรถผมพัง คุณมีตังค์ให้ผมไหม ไม่กี่ตังค์หรอก (พูดภาษาแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ตามอารมณ์และความรู้สึกในขณะนั้น)

ผมไม่มีเงินติดตัวมาเลยครับ เดี๋ยวเสียหายอย่างไร ผมจะให้ประกันทำให้ครับ(โชเฟอร์กล่าว)

โอ้โห ง่าย ๆ อย่างนี้เลยหรือ เอาละ ฉันไม่ต้องการเงินของคุณหรอก ไม่กี่บาทหรอก แต่นี้ถ้าคุณชนเด็กตาย แล้วคุณจะให้ประกันมาเคลียหรือ คุณพูดง่าย ๆ แค่นี้หรือ

ตกลงด้วยการกล่าวขอโทษของโชเฟอร์ และการมีสติเข้าครอบครองรู้สึกสำนึกผิด เป็นอันว่าข้าพเจ้าไม่ขอให้เขาชดใช้ค่ากระจกข้างรถยนต์ที่แตก ด้วยว่าไม่เป็นราคาจำนวนเงินที่มากนัก ชีวิตเด็กปลอดภัยนั้น เป็นบุญยิ่งแล้ว กล่าวขอบคุณเขาด้วยครับ ที่ไม่ขับหูดับตับไหม้ ชนดะไม่เลือกเหมือนกับที่พบเห็นคนเมาหรือคนบ้าเสพยาเสพติดคลั่งบ้าขับรถยนต์วิ่งชนคนตายก็มีให้เห็นเป็นตัวอย่างตามหน้าจอทีวีประจำวัน

มานั่งคุยกับพี่หนุ่ย พี่โต้ง คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าไปว่า ถ้าหากสมมุติเขาชนเด็กเราทั้งกลุ่ม แน่นอนว่าต้องชนเราด้วย เพราะรถวิ่งด้วยความเร็วมาจากข้างหลัง สมมุติเราตาย แล้วคนขับรถที่ชนเราจะทำอย่างไร ท่านผู้อ่านเห็นความจริงกับคำตอบไหมว่าโชเฟอร์จะทำอย่างไร

เขาก็เดินข้ามถนนไป หายลับไปกับกลีบเมฆ

ชีวิตคนเราไม่ใช่เรื่องการประกันนะครับพี่น้อง ชีวิตคนที่พิการจากอ้ายบ้าคนหนึ่ง ชีวิตคนที่ทุพลภาพ ชีวิตพ่อที่มีลูกรอคอยอยู่ที่บ้าน ชีวิตลูกที่มีแม่คอยให้ความรักเฝ้าเลี้ยงถนอมอุ้มชู

ต้องมาพิการ เดินไม่ได้ เพราะความริยำจากการกระทำของอารมณ์ที่เป็นเพียงการสนองต่อการกระทำที่ไร้การรับผิดชอบ

อุบัติเหตุนั้น สิ่งที่เราไม่เคยพูดถึงกันเลยคือ ตัวบุคคล การเกิดจากความตั้งใจของคนขับก็มีมาก ตั้งใจอย่างไร ใช้รถใช้ถนนมาท่านเคยเห็นไหม บางคนขับรถเร็วมาก บางทีขับจะแซงทั้ง ๆ ที่แซงไม่ได้ บางคนเกิดอาการหมั่นไส้ ขับตบเข้าหาเพื่อให้ลงข้างทาง และเหตุที่เราพบในวันนี้นั้น คือเหตุอันเป็นเช่นนี้ ด้วยการขาดการยั้งคิดอย่างยิ่ง

คือความจริงข้อหนึ่งว่า อุบัติเหตุ มิใช่เกิดจากสิ่งอันใด แต่เกิดจากจิตอันติดความเร็วของมนุษย์ เกิดจากความเห็นแก่ตัวประการแรกสุดเลย ไม่คำนึงถึงชีวิตคน และเพื่อนร่วมทาง

เมื่อขับรถด้วยความเร็ว เขาไม่เคยคิดถึงชีวิตคนอื่น แม้แต่ชีวิตตนเองยังไม่เคยคิด ติดอารมณ์หนึ่งซึ่งเป็นความรวดเร็ว ประหนึ่งว่าขับช้าขวางทางอยู่ได้ เดี๋ยวพ่อปาดเข้าให้หรอก ....นี้คือความเป็นจริง ใช่หรือไม่


ท้ายที่สุด เราก็ได้แต่คุยกับโชเฟอร์ด้วยความเป็นจริง และขอบคุณเขาด้วยที่ยังปราณีเด็กจักรยาน ไม่ขับชนดะเรื่อยไป ไม่อย่างนั้น เราคงจบสิ้นชีวิตกันไปแล้ว และวอนขอว่าอย่าไปทำกับคนอื่นเช่นนี้อีก

เรื่องเล่านี้คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเป็นหนึ่งในขวากหนามที่มิได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาย ชีวิตจักรยาน ไม่มีอะไรที่ได้มาด้วยความสบาย มีทั้งความเสี่ยงต่อยวดยานพาหะนะ เสี่ยงภัยบนท้องถนน ไหนจะต้องอดทนต่อการฝึกซ้อม แน่นอนว่าจะต้องมุ่งมั่นมีวินัยในตนเองอย่างสูงยิ่ง ชีวิตที่ก้าวย่างไปสู่ดวงดาวบนท้องฟ้าอันใสกระจ่างได้ จะต้องผ่านความยากลำบากชนิดที่บางครั้งต้องใช่ชีวิตตนเองทั้งชีวิต...............

เรื่องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อม จักรยานคือชีวิต วันนี้เรามีหน้าที่รักษาชีวิต และการรักษาชีวิตเด็กนั้น ต้องใช้ทั้งชีวิตเราด้วยเช่นกัน……………

ข้าพเจ้าหวังว่า จะมีสักคนหนึ่งหรือสองคน ที่มิเคยปั่นจักรยานหรือปั่นจักรยาน และที่ไม่ใช่นักจักรยานเข้ามานั่งอ่านบันทึกฉบับนี้ และขอฝากความปรารถนาด้วยจิตตั้งมั่นว่า ขอได้โปรดมีความเห็นใจในบุคคลที่ปั่นจักรยานอยู่ตามท้องถนน ยามเมื่อเข้าใกล้จักรยาน ได้โปรดอย่าขับรถเข้าไปใกล้เขาเลยครับ เพราะเป็นอันตรายอย่างมาก หากบังเอิญจักรยานล้มในจังหวะที่กำลังจะขับรถยนต์แซง จะชนเข้าทันทีหากไม่มีช่องว่างระหว่างการแซงที่เป็นมิติของระยะห่างที่ปลอดภัย

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป


..............................
เช่นนั้นแล้ว ทำไมถึงมาปั่นบนท้องถนนละ เพราะว่านักกีฬาต้องฝึกซ้อมบนท้องถนนร่วมกันครับ ไม่ว่าจะปั่นท่องเที่ยว ปั่นทางไกล ปั่นรวมกลุ่ม นักจักรยานต้องอาศัยถนนหนทางเป็นเรื่องการเดินทางไปให้ถึงจุดหมายด้วยเช่นกัน แต่เส้นทางที่จักรยานใช้ คือช่องทางเท้าชิดขอบทางซ้ายสุด ขอพื้นที่และขอความมีเมตตาจิตต่อชีวิตทุกชีวิต ด้วยการขับรถยนต์อย่างมีจิตใจใสกระจ่างต่อความดี ความรับผิดชอบ ไม่ติดร่องรอยของความเร็ว ไม่ยึดติดความรวดเร็วที่มาครอบครองอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด


นำบทเรียนที่ว่าด้วยการเสี่ยงภัยบนท้องถนนมาเล่าเรื่องให้พี่น้องทุกท่านฟัง ว่าชีวิตคนปั่นจักรยาน มีความผูกพันที่มีคนรอคอยอยู่เช่นเดียวกับทุก ๆ ชีวิต

รูปภาพ
Thanks: ฝากรูป
ทุก ๆ ชีวิตจึงมีความหมายอันประเสริฐอย่างสูงสุดด้วยเช่นกัน ถ้าเราใช้ใจนำทาง .....ใช้ชีวิตอย่างมีจิตสำนึกรู้ ด้วยความใส่ใจของตัวเราเองขอรับ
รูปประจำตัวสมาชิก
kiat
ขาประจำ
ขาประจำ
โพสต์: 1108
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 14:05
Tel: 08-3255-4321
team: RANONGMTB
Bike: voodoo,mini zyden,ARAYA,JAVA X1

Re: คน..เด็ก..จักรยาน ตอน บันทึกชีวิตจักรยาน ด.ช.ปรมัติ สุคตินาถ

โพสต์ โดย kiat »

เป็นกระทู้ที่ให้อะไรหลายๆอย่าง ถ้าไม่ได้เข้ามาอ่านคงจะเสียใจแย่ ขอให้กำลังใจทั้งผู้ฝึกสอนและเด็กๆทุกคนครับ
ตอบกลับ

กลับไปยัง “ศูนย์ฝึกจักรยานกองบิน 46”