บางช่วงเกือบเป็นป๋าหมดแน่ะหนูเหมียว เขียน:ต้องขอบคุณป๋าดันทั้งสอง (พี่โป้งสิบสองเสียง กับ ลุงโอ๊ก) ต่างหาก โดยเฉพาะ ตอนเจอเนินทั้งหลายครับ
รายงานทริป "Along the Khong in south Laos" วันที่ 30 ธ.ค.54 ถึง 2 ม.ค.55
ผู้ดูแล: โจ้ จอยแอนด์แจม, โป้งสิบสองเสียง
กฏการใช้บอร์ด
ชื่อชมรม : สังคม จอยแอนด์แจม/ Joy N' Jam Societั
ผู้ดูแ ล โ จ้ จอยแอนด์แจม โทร : 081 829 1027
ชื่อชมรม : สังคม จอยแอนด์แจม/ Joy N' Jam Societั
ผู้ดูแ ล โ จ้ จอยแอนด์แจม โทร : 081 829 1027
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
- โจ้ จอยแอนด์แจม
- ขาประจำ
- โพสต์: 421
- ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2008, 10:18
- Tel: 0818291027
- team: จอยแอนด์แจม
- Bike: Trek 800 mountain track/ Ellsworth "Moment"
- ตำแหน่ง: พัฒนาการ54 สวนหลวง กทม
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
นานๆ เข้ามาที ขอPost ให้คุ้ม
ทริปนี้ เยี่ยมเลย พี่ว่าจะหาเวลาไปเที่ยวอีก และคงติดเจ้าเสือดำไปปั่นเล่นแถวๆ ที่พักด้วย แต่แน่นอน คงไม่สามารถปั่นไปเหมือนเดิมแน่
ทริปนี้ เยี่ยมเลย พี่ว่าจะหาเวลาไปเที่ยวอีก และคงติดเจ้าเสือดำไปปั่นเล่นแถวๆ ที่พักด้วย แต่แน่นอน คงไม่สามารถปั่นไปเหมือนเดิมแน่
- หนูเหมียว
- ขาประจำ
- โพสต์: 2179
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 20:53
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
พี่โป้งสรุป ได้ละเอียดจริงๆ ทีนี้มาดูรูปเด็กๆ คนละกล้องมั่งนะครับ คนละกล้องก็จะได้คนละมุม
- ไฟล์แนบ
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (5).jpg (56.7 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (4).jpg (42.34 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (3).jpg (38.59 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (2).jpg (38.49 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (1).jpg (30.57 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
- หนูเหมียว
- ขาประจำ
- โพสต์: 2179
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 20:53
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
เริ่มเดินทาง กับพักเติมพลัง
- ไฟล์แนบ
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (12).jpg (36.76 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (11).jpg (39.01 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (9).jpg (23.71 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (8).jpg (39.49 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ลาวใต้ ปีสองตองห้า (6).jpg (56.21 KiB) เข้าดูแล้ว 1049 ครั้ง
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1227
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0875897608
- team: ไปเรื่อยๆ
- Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
- ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
กล้องสองมาแล้วๆๆ รอจนพี่โป้งต้องโทรตาม อิอิ
พอดีดูรูปนี้แล้วนึกถึงหนังสือท่องเที่ยวเล่มนึงสมัยก่อน คือ เพื่อนเดินทาง เป็นหนังสือท่องเที่ยวเล่มแรกๆ ในสมัยนั้น ที่หานางแบบสวยๆ มาขึ้นปก สมัยผมเด็กๆ มีแต่ อสท เท่านั้น จะเอาแต่ภาพวิวมาขึ้นปกกัน เลยต้องขออนุญาติแกล้งตกแต่งภาพย้อนอดีตสักหน่อย
เดียวค่อยๆ โพสกันยาวๆ ไปเลยนะคืนนี้ เดียวเตรียมเบียร์ให้พร้อมก่อน เสียดายไม่มีเบียร์ลาว จะได้เข้ากับบรรยากาส และต้องขออนุญาติอ้างถึงนางแบบ นายแบบทุกท่านที่ร่วมเดินทางด้วยนะครับ
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1227
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0875897608
- team: ไปเรื่อยๆ
- Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
- ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ต้องขอเกริ่นซักหน่อย ทริปตจว ทำไมโผล่ๆมา แต่ไม่มีนัดแนะกัน เนื่องจากส่วนมาก ไปกันมักไม่ค่อยวางแผนอะไรกันมากมาย ไม่ได้เตียรมเส้นทาง เตรียมความพร้อมเหมือนกลุ่มใหญ่ๆ ทำกัน ผมเองก็มักจะรู้ว่าจะไปหรือไม่ไปเอาใกล้ๆ เลยไม่ค่อยไ้ด้บอกใคร เพราะไม่รู้จะบอกอะไร ไปยังไง นอนยังไง กินยังไง ว่ากันตามสถานการ ไปตายเอาดาบหน้า ไปแต่ละทีก็แปลก ก่อนไปก็ศึกษาเส้นทาง หาข้อมูลกันไป พอไปจริงๆ ก็ข้อมูลเก็บไว้ที่บ้านหมด ทั้งๆ ที่สมัยนี้ในอินเตอร์เน็ตมีครบหมด แม่นยำ ชัดเจน หรือบางทีัทั้งๆ ที่รู้ก็แกล้งโง่ปล่อยให้เพื่อนๆ หลงมันซะงั้น นอกจากเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้วค่อยบอกความจริง ก็ทำให้ได้พบเจออะไรสนุกๆ หลายอย่าง คาดไม่ถึง ถือเป็นการผจญภัยไปในตัว ดีกว่ามารอให้ใครสั่งไปซ้ายไปขวา โดยวางแผนกันไว้ที่ กทม ว่า วันแรก นอนจำปาสัก วันที่สอง เที่ยววัดภู แล้วไปดอนเด็ด วันที่สามเที่ยวดอนเด็ดคอนพะเพ็ง แล้วหารถกลับมาปากเซ นอนปากเซ วันที่สี่ก็ไป ผาตาดส้วม แล้วเย็นหาเหมารถกลับช่องเมก สำหรับรถเดินทางไปแบบพี่โป้งบอกไว้ ปีใหม่ หาจองตั้งแต่กลางเดือนก็ไม่มี สรุปวันสุดท้าย ทรมาณกันไปคนเดียว ทั้งคนทั้งรถ หลับนกไปตลอดทาง
ทริปทัวริ่งครั้งนี้ วางแผนไว้ขี่วันละนิดๆ หน่อยๆ ทางลาดยางเรียบกริบ ไม่มีเขามีแต่เรา แต่ละคนเลยพกกล้องกันไปเต็มพิกัด เลยกลายเป็นทริปแบกกล้องท่องลาวเป็นของแถมไปด้วย แล้วก็วางแผนนอนห้องพัก เพราะได้ข่าวว่าค่าห้องถูกมากในลาว เลยไม่ต้องแบบเต้น ทำให้เบาไปอีก ผมเลยแบกอคูเลเลกะไปจีบสาวลาวอีกตัวซะเลย
แต่ทัวริ่งก็ต้องมีสัมภาระซะ ไปรถเปล่ามันก็ไม่สนุก โดยเฉพาะอุปกรณ์กันหนาว แบกไปเต็มพิกัด สรุปไม่ได้ใช้ซักชิ้นร้อนตับแตกเปิดแอร์นอนตลอด
พี่โป้งสิบสองเสียงตามเคย นำทริปไปตลอดเส้นทาง ก็แปลกดีเหมือนกัน ทุกครั้งที่ขี่โป้งจะเป็นคนนำตลอดไม่ต้องบอก ไปได้ยาวๆ เร็ว ไม่หลุด ผมเองก็จะปิดท้ายตลอด รอได้ตลอด ไม่รีบ แต่ถ้าไปนำทีไร พักเดียวหันกลับมาหายหมด ทั้งๆ รู้สึกว่าพยายามควบคุมความเร็วแล้ว สงสัยเป็นที่ DNA แน่ๆ
เช้าที่ช่องเมก รอผ่านด่าน เรามีพาสปอร์ตทุกคนผ่านง่าย ไม่เสียเวลา เรามีสิทธิพิเศษขี่จักรยานไปช่องรถยนต์ประทับตราตรงนั้นเลย เท่จริงๆ
สองคนนี้เป็นแบบให้ผมหลายรูป ทั้งน่ารัก ทั้งคมเข้ม เชียวนะ
งานนี้สะพาย canon 400d เลือกเลนนิค 35-70ไปหมุน ให้โทนสีสวยกว่าเลนส์คิดเยอะเลย
ข้อเสียของกล้องตัวโตๆ คือถ่ายรูปไม่ค่อยปะติดปะต่อ ไม่ได้เรื่องราว หยิบมาทีกดๆๆๆ แล้วก็เก็บ เรืองราวดีๆ ระหว่างทางขาดหายไปเยอะ
ผ่านตม ไทย ไม่เสียเงิน มาผ่านตม.ลาว เขียนไว้ ประมาณ 20 บาท ปรากฏว่ายื่นให้ท่านบอกว่าคนละร้อย งงซิครับ ร้อยก็ร้อยฟะ ชุดแรกโดนไปเรียบร้อย ชุดสองตั้งหลักทัน คนข้างหลังบอกว่าให้ยื่นไป 40 บาท คงประมาณว่ารัฐครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง ชุดหลังเลยประหยัดไปได้ 180 ค่อยรู้สึกว่ามาต่างประเทศหน่อย มีโดนฟันพอหอมปากหอมคอ
ออกจากตม. ก็ขี่กันยาวๆ อีก 40 โล ร้อนมาก แดดเมืองลาว แห้งแล้งเหมือนอีสานบ้านเรา แต่ถนนว่างรถน้อย ขี่เพลินดี แต่ไม่ค่อยให้ความรู้สึกตปท. เท่าไหร่ ภาษาก็พอเดาออก การพูดก็พอฟังออก หน้าตาก็คลายๆ กัน เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเลย
พักกินน้ำกันหนึ่งทีก็ ถึงสามแยกไปเมืองจำปาสัก จอดพักกันเล็กน้อย จริงๆ ก็ไม่เล็ก เฝอมื้อแรกของลาวก็ที่นี่เลย
เริ่มคิดหนัก ทำไมมันร้อนอย่างงี้หว่า จะรอดไหมเนี่ย
แต่ที่นี้ดีอย่าง พวกขนมขบเคี้ยว น้ำดื่มขวด น้ำอัดลม น้ำแข็งมีขายตลอดทาง ไม่อดตายแน่นอน โดยเฉพาะเบียลาว
เส้นทางเข้าเมืองจำปาสักเริ่มคดเคี้ยว ด้านซ้ายเลาะไปตามแม่น้ำโขง ด้านขวามีเทือกเขายาวขนาบไปกับเรา เริ่มมีสีสัน นาข้าว ป่าไม้อุดมสมบุรณ์ขึ้นกว่าทางเดิมอย่างเห็นได้ชัด ขี่กันมาอีกพักใหญ่ๆ ก็ถึงเมืองจำปาสักที่เราจะหาที่พักกัน โดยมีลายแทงอยู่ที่ เรือนพักอนุชา ระหว่างที่ส่งสายไปดูต้นทาง ส่วนที่เหลือก็เพลิดเพลินกับการหลอกเด็กสาวลาว
โดยเฉพาะพี่ประสงค์ แสดงออกนอกหน้า
หลอกถ่ายรูปด้วย
กว่าสายจะกลับมารายงาน หลอกเด็กจนขนมหมดไปหลายโหล แล้วก็ได้ที่พักที่ อนุชา ห้องแอร์ 2 ห้อง คิดแล้วตกคนละ 200 ก็ถือว่าไม่แพงนัก เมื่อดูห้องแล้ว กว้างนอน3คนสบายๆ มีระเบียบนั่งเล่นได้ด้วย กว่าจะเรียบร้อย อาบน้ำอาบท่าก็เย็นพอดี นั่งเล่นนั่งคุยกันก่อนออกหาของกิน กะจะไปตลุยราตรีเมืองลาวซักหน่อย ปรากฏว่าพอความมืดครอบคลุมก็เงียบสนิท ร้านรวงก็ไม่มี จะกินอะไรละคืนนี้ พวกรูปช่วงนี้ดูจากกล้องโป้งเอา เพราะกล้องผมขี้เกียจควัก กลับมาก็เสียดายอยู่หลายๆ พลาดไปหลายๆ ซ๊อตที่น่าจดจำ
จริงๆ เมืองจำปาสักนี่สวยมาก มีตึกเก่าสองข้างทาง มีถนนอยู่เส้นเดียวเลียบไปกับแม่น้ำโขง แต่มืดไปหน่อย แล้วก็หิวตาลายกันแล้ว เลยไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม ขี่ไปจนสุดทาง มีร้านอาหารตามเรือนพัก ดูแล้วนะจะแพงอยู่ บางทีก็ช้ามาก จนมาเจอร้านนี้
และแล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แต่ละคนก็กรูเข้าไปเปิดหม้อ ดูแล้วไม่อดตายแน่ เป็นอาหารพื้นเมืองจริงๆ ด้วย หลังจากส่งภาษากันพักใหญ่ก็ได้กับข้าวมาเต็มโต๊ะ แถมส่งเด็กไปเจียวไข่มาเพิ่มอีก ได้ครบ ทั้งอิ่ม ทั้งอร่อย ถูกอีกต่างหาก
ทริปทัวริ่งครั้งนี้ วางแผนไว้ขี่วันละนิดๆ หน่อยๆ ทางลาดยางเรียบกริบ ไม่มีเขามีแต่เรา แต่ละคนเลยพกกล้องกันไปเต็มพิกัด เลยกลายเป็นทริปแบกกล้องท่องลาวเป็นของแถมไปด้วย แล้วก็วางแผนนอนห้องพัก เพราะได้ข่าวว่าค่าห้องถูกมากในลาว เลยไม่ต้องแบบเต้น ทำให้เบาไปอีก ผมเลยแบกอคูเลเลกะไปจีบสาวลาวอีกตัวซะเลย
แต่ทัวริ่งก็ต้องมีสัมภาระซะ ไปรถเปล่ามันก็ไม่สนุก โดยเฉพาะอุปกรณ์กันหนาว แบกไปเต็มพิกัด สรุปไม่ได้ใช้ซักชิ้นร้อนตับแตกเปิดแอร์นอนตลอด
พี่โป้งสิบสองเสียงตามเคย นำทริปไปตลอดเส้นทาง ก็แปลกดีเหมือนกัน ทุกครั้งที่ขี่โป้งจะเป็นคนนำตลอดไม่ต้องบอก ไปได้ยาวๆ เร็ว ไม่หลุด ผมเองก็จะปิดท้ายตลอด รอได้ตลอด ไม่รีบ แต่ถ้าไปนำทีไร พักเดียวหันกลับมาหายหมด ทั้งๆ รู้สึกว่าพยายามควบคุมความเร็วแล้ว สงสัยเป็นที่ DNA แน่ๆ
เช้าที่ช่องเมก รอผ่านด่าน เรามีพาสปอร์ตทุกคนผ่านง่าย ไม่เสียเวลา เรามีสิทธิพิเศษขี่จักรยานไปช่องรถยนต์ประทับตราตรงนั้นเลย เท่จริงๆ
สองคนนี้เป็นแบบให้ผมหลายรูป ทั้งน่ารัก ทั้งคมเข้ม เชียวนะ
งานนี้สะพาย canon 400d เลือกเลนนิค 35-70ไปหมุน ให้โทนสีสวยกว่าเลนส์คิดเยอะเลย
ข้อเสียของกล้องตัวโตๆ คือถ่ายรูปไม่ค่อยปะติดปะต่อ ไม่ได้เรื่องราว หยิบมาทีกดๆๆๆ แล้วก็เก็บ เรืองราวดีๆ ระหว่างทางขาดหายไปเยอะ
ผ่านตม ไทย ไม่เสียเงิน มาผ่านตม.ลาว เขียนไว้ ประมาณ 20 บาท ปรากฏว่ายื่นให้ท่านบอกว่าคนละร้อย งงซิครับ ร้อยก็ร้อยฟะ ชุดแรกโดนไปเรียบร้อย ชุดสองตั้งหลักทัน คนข้างหลังบอกว่าให้ยื่นไป 40 บาท คงประมาณว่ารัฐครึ่งนึง กรรมการครึ่งนึง ชุดหลังเลยประหยัดไปได้ 180 ค่อยรู้สึกว่ามาต่างประเทศหน่อย มีโดนฟันพอหอมปากหอมคอ
ออกจากตม. ก็ขี่กันยาวๆ อีก 40 โล ร้อนมาก แดดเมืองลาว แห้งแล้งเหมือนอีสานบ้านเรา แต่ถนนว่างรถน้อย ขี่เพลินดี แต่ไม่ค่อยให้ความรู้สึกตปท. เท่าไหร่ ภาษาก็พอเดาออก การพูดก็พอฟังออก หน้าตาก็คลายๆ กัน เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเลย
พักกินน้ำกันหนึ่งทีก็ ถึงสามแยกไปเมืองจำปาสัก จอดพักกันเล็กน้อย จริงๆ ก็ไม่เล็ก เฝอมื้อแรกของลาวก็ที่นี่เลย
เริ่มคิดหนัก ทำไมมันร้อนอย่างงี้หว่า จะรอดไหมเนี่ย
แต่ที่นี้ดีอย่าง พวกขนมขบเคี้ยว น้ำดื่มขวด น้ำอัดลม น้ำแข็งมีขายตลอดทาง ไม่อดตายแน่นอน โดยเฉพาะเบียลาว
เส้นทางเข้าเมืองจำปาสักเริ่มคดเคี้ยว ด้านซ้ายเลาะไปตามแม่น้ำโขง ด้านขวามีเทือกเขายาวขนาบไปกับเรา เริ่มมีสีสัน นาข้าว ป่าไม้อุดมสมบุรณ์ขึ้นกว่าทางเดิมอย่างเห็นได้ชัด ขี่กันมาอีกพักใหญ่ๆ ก็ถึงเมืองจำปาสักที่เราจะหาที่พักกัน โดยมีลายแทงอยู่ที่ เรือนพักอนุชา ระหว่างที่ส่งสายไปดูต้นทาง ส่วนที่เหลือก็เพลิดเพลินกับการหลอกเด็กสาวลาว
โดยเฉพาะพี่ประสงค์ แสดงออกนอกหน้า
หลอกถ่ายรูปด้วย
กว่าสายจะกลับมารายงาน หลอกเด็กจนขนมหมดไปหลายโหล แล้วก็ได้ที่พักที่ อนุชา ห้องแอร์ 2 ห้อง คิดแล้วตกคนละ 200 ก็ถือว่าไม่แพงนัก เมื่อดูห้องแล้ว กว้างนอน3คนสบายๆ มีระเบียบนั่งเล่นได้ด้วย กว่าจะเรียบร้อย อาบน้ำอาบท่าก็เย็นพอดี นั่งเล่นนั่งคุยกันก่อนออกหาของกิน กะจะไปตลุยราตรีเมืองลาวซักหน่อย ปรากฏว่าพอความมืดครอบคลุมก็เงียบสนิท ร้านรวงก็ไม่มี จะกินอะไรละคืนนี้ พวกรูปช่วงนี้ดูจากกล้องโป้งเอา เพราะกล้องผมขี้เกียจควัก กลับมาก็เสียดายอยู่หลายๆ พลาดไปหลายๆ ซ๊อตที่น่าจดจำ
จริงๆ เมืองจำปาสักนี่สวยมาก มีตึกเก่าสองข้างทาง มีถนนอยู่เส้นเดียวเลียบไปกับแม่น้ำโขง แต่มืดไปหน่อย แล้วก็หิวตาลายกันแล้ว เลยไม่มีอารมณ์ชื่นชมความงาม ขี่ไปจนสุดทาง มีร้านอาหารตามเรือนพัก ดูแล้วนะจะแพงอยู่ บางทีก็ช้ามาก จนมาเจอร้านนี้
และแล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แต่ละคนก็กรูเข้าไปเปิดหม้อ ดูแล้วไม่อดตายแน่ เป็นอาหารพื้นเมืองจริงๆ ด้วย หลังจากส่งภาษากันพักใหญ่ก็ได้กับข้าวมาเต็มโต๊ะ แถมส่งเด็กไปเจียวไข่มาเพิ่มอีก ได้ครบ ทั้งอิ่ม ทั้งอร่อย ถูกอีกต่างหาก
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
สงสัยจะมี DNA พันธุ์ฉุดไม่อยู่ สงสัยคราวหน้าต้องเอาเชือกไปด้วยโอ๊ก เขียน: พี่โป้งสิบสองเสียงตามเคย นำทริปไปตลอดเส้นทาง ก็แปลกดีเหมือนกัน ทุกครั้งที่ขี่โป้งจะเป็นคนนำตลอดไม่ต้องบอก ไปได้ยาวๆ เร็ว ไม่หลุด ผมเองก็จะปิดท้ายตลอด รอได้ตลอด ไม่รีบ แต่ถ้าไปนำทีไร พักเดียวหันกลับมาหายหมด ทั้งๆ รู้สึกว่าพยายามควบคุมความเร็วแล้ว สงสัยเป็นที่ DNA แน่ๆ
รูปสวยอาร์ทดีครับ ต่างจากของผมแข็งทื่อแบบเอาไปทำรายงาน
ทริปนี้ผมก็ไม่ได้เตรียมตัวเรื่องแผนการอะไรเลยเพราะเห็นว่าขี่ไม่ยาก เขาไม่ชัน เส้นทางไม่ซับซ้อน ระยะทางต่อวันไม่มาก
แต่ถ้าไปหลายๆวัน เส้นทางยากๆ เขาเยอะๆ อย่างลาวเหนือนี่ต้องวางแผนให้รัดกุม ไม่งั้นหมดสนุกแน่ๆ
ทริปนี่ขอชมเลยว่าพี่โอ๊กทำการบ้านมาดี รู้ว่าข้างหน้าคืออะไรผ่านอะไรบ้าง ระยะทางเท่าไหร่
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1227
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0875897608
- team: ไปเรื่อยๆ
- Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
- ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ทำดีเพราะแค้นห้วยน้ำดัง มองหาหลักกิโลไม่เจอ ยังจำฝังใจ
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
- หนูเหมียว
- ขาประจำ
- โพสต์: 2179
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 20:53
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ชื่นชมๆ ทั้งท่านผู้นำทั้งหลาย และผู้ร่วมเดินทาง แถมบอกเล่าเรื่องราวผ่านประสบการณ์จริงที่ไม่ทิ้งความทรงจำ พร้อมภาพถ่ายสวยงาม
ในกล้องแต่ละคนก็จะได้มุมภาพและวิวแต่ละมุมมองในสายตาแต่ละคน เดี๋ยวจะมาเล่าบ้างแต่ต้องเรียงร้อยถ้อยคำสักหน่อย
ให้มือเก่า มือเก๋า เล่าไปก่อนนะ มือสมัครเล่น จะขอปาดได้เท่าที่ทำได้ หรือมาขัดจังหวะให้เสียอารมณ์ (ขู่ไว้ก่อน)
เพราะฉะนั้นรีบลงเลยนะครับพี่ๆ ทั้งหลาย
ในกล้องแต่ละคนก็จะได้มุมภาพและวิวแต่ละมุมมองในสายตาแต่ละคน เดี๋ยวจะมาเล่าบ้างแต่ต้องเรียงร้อยถ้อยคำสักหน่อย
ให้มือเก่า มือเก๋า เล่าไปก่อนนะ มือสมัครเล่น จะขอปาดได้เท่าที่ทำได้ หรือมาขัดจังหวะให้เสียอารมณ์ (ขู่ไว้ก่อน)
เพราะฉะนั้นรีบลงเลยนะครับพี่ๆ ทั้งหลาย
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1227
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0875897608
- team: ไปเรื่อยๆ
- Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
- ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ไปกันต่อ หลังจากอิ่มแล้วก็กลับมาบรรเลงเพลงกันต่อพักใหญ่ เนื่องจากทริปนี้ขี่น้อย หลังเบา มีอ๊อปชั่นเยอะหน่อย โป้งก็เอาเครื่องเสียงประกอบเอามาโชว์ โดยเอาลำโพง แอมป์ฝังไว้ในกระเป๋าใต้อาน กะว่าเมื่อผ่านการทดสอบจะผลิตขายในเวปอีกที เวลาฟังก็เอามายัดใส่กระเป๋าหน้าแฮนเพิ่มเสียงเบสได้อีก คิดได้ไงเนี่ย แล้วขับกล่อมกับเพลงฮิตยุคปี90 สมัย disco เฟื่องฟู เข้ากับบรรยากาสดีจริงๆ สักพักก็เอาอู๊คมาเล่นกัน เล่นได้พักใหญ่เสียงเริ่มดังขึ้นๆ จากค่ำคืนที่เงียบๆ เริ่มเข้าบรรยากาสวงเหล้า เลยต้องสลายตัวไปนอนกันดีกว่า ช่วงนี้ผมก็ถ่ายรูปไว้บ้าง แต่เสียหมด หาโฟกัสไม่ค่อยเจอ มองไม่เห็น เสียดายเหมือนกัน
แวบเดียวก็เช้าแล้ว ไอ้ผมมันก็พวกคนแก่ตื่นเช้า พอตื่นแล้วก็นอนไม่ค่อยหลับ เลยออกมาตามหาพระอาทิตย์ดูบ้างซิ อุตส่าห์นอนริมโขงทั้งทีแล้ว เลยได้ภาพมาฝากสองสามภาพ
ภาพนี้ยังมืดอยู่เลย ถ่ายติดดาวด้วย คิคิ
แสงแรกเริ่มฉายแล้ว
เลนเก่าๆ มาเจอกับกล้องตัวคูนเข้าไป เลยได้เลนมุมแคบเก็บภาพวิวทิวทัศได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เลย
กลุ่มนี้ก็คนไทย ทัวริ่งเหมือนกัน มาจากสวนหลวง แต่ไปคนละทาง
ร้านอาหารของเรือนพัก แต่เสียดายไม่ได้อุดหนุน เพราะเราพกกาแฟส่วนตัวกันมา
โผล่มาแล้วครับ ไม่ต้องแปลกใจที่ภาพเหล่านี้มีแต่กล้องผมคนเดียว เพราะนอกนั้นตื่นสายกันหมด 555
ทริปนี้ตั้งใจอยากทดสอบเลนส์ตัวนี้ด้วย สวยสมใจจริงๆ
รูปนี้ก็แอบย่องๆ ไปกดมา พอเห็นเราจะถ่ายพวกเดินหลบกล้อง จะให้เราถ่ายแต่พระอาทิตย์โล้นๆ อะนะ ขอยืมเงาหน่อยก็ไม่ได้
กล้องแบบนี้ก็คงถ่ายได้แบบนี้ ระหว่างทางที่ผ่านไปได้แต่เสียดาย จะขี่ไปถ่ายไปก็ไม่ได้ ฝุ่นก็เยอะ พลาดไปจริงๆ
พอสายๆ นางแบบเริ่มออกโรง คิคิ แสงแดดดี กดกันสนุกเลย ถ้ามีแผ่นสะท้อนซะหน่อย ละก็สวยเฉียบเลยแต่ละนาง
ให้ดูพอหอมปากหอมคอ ภาพสวยๆ ขอเก็บไว้ดูคนเดียว
คนนี้ก็เป็นทั้งตัวแบบ ทั้งถ่ายเอง มาพร้อมกับ 500D 35-105is พร้อมแววตาที่มุ่งมั่น
มีหลายรูปให้ดูรูปเี่ดียวพอ 555
รูปนี้ผมชอบที่ซู๊ด มองดูใกล้ๆ เหมือนมีชีวิต ถ่ายมา 5ล้านpix เลนนิคคมกริบไม่ผิดหวังเลย อยากอัดมาติดฝาบ้านจัง
ดูดีไปหมด ฟิกเกอร์สวย เสื้อผ้าสีสรร ไม่อยากชมเลย ขออภัยผู้ชม พอดีเลนส์มีแต่ระยะพอเทรด ถ่ายวิว ถ่ายสแนปซ๊อต เสียหมด ไม่ได้เรื่องสักภาพ
พี่ประสงค์อีกหนึ่งตากล้อง มากับ 60D เลยครับ จอนี้ก็มีสวยๆหลายรูปไม่รู้จะแบ่งให้ดูกันบ้างหรือเปล่านา
หลังจากสนุกกับการถ่ายภาพกันไปแล้วก็กลับมาต้มกาแฟ ไมโล พร้อมขนมปังสารพัดขนมาจากกทม.กินรองท้องกันไป ทริปนี้ได้กินขนมปังนิชชินที่ผมเกลียดมากๆ เวลาอยู่บ้าน แต่มันอร่อยมากๆ ในเช้านี้ ขอบอกว่าชุดเตาแก๊สเล็กๆ กับหม้อต้นน้ำร้อนมันแจ๋วมากเลย ทำให้เช้าวันใหม่สดใส ทันใจ หาอะไรรองท้องระหว่างกำลังรออาบน้ำแต่งตัวได้เป็นอย่างดี จบ snack time ก็ไปหาข้อมูลสำหรับเส้นทางจากเจ้าของเรือนพัก เลยได้เส้นทางใหม่น่าทดสอบมาหนึ่งเส้นทาง ซึ่งจากปกติเราต้องข้ามเรือกลับมาวิ่งเส้นทางสาย 13 เป็นทางดำ เรียบกริปน่าเบื่ออีกเกือบร้อยโลไปดอนเด็ด เราเลือกเส้นทางเลียบโขงฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นทางที่ชาวบ้านใช้ จากการประเมินแล้วคงไปไม่ถึงดอนเด็ดแน่ๆ แต่เราเฉยไว้ กลัวเพื่อนแตกตื่น555 เดียวจะไ่ม่หลงกล แล้วก็ออกไปเที่ยววัดภู มรดกโลกของประเทศลาวกันต่อ
สามสาวสามสไตล์ ดูแล้วเท่ดีนะ แต่ตัวประหลาดกว่าใครๆ ทั้งประเทศกันเลยทริปนี้ ระหว่างทางไปวัดภูเราวิ่งผ่านเมืองจำปาสัก ตอนกลางวันสวยดี เสียดายไม่มีเวลาเก็บรายละเอียดเนื่องจากออกสายซะแล้ว เส้นทางก็เป็นถนนลูกรัง กำลังปรับปรุงให้เป็นถนนลาดยาง วิวสวย ขี่สนุกเช่นเคย
มาดตากล้องเรา เข้มจริงๆ
เอามาโชว์รูปนึงพอ เดียวจะหาว่าไปลาวมีแต่รูปสาวไทยนะครับ
ดอกจำปาสัก บ้านเราเรียก ดอกลั่นทม มั้ง
แต่จริงๆ วัดภู ก็ไม่ค่อยมีอะไรสู่บ้านเราไม่ได้ เสียค่าเข้า 80 บาทด้วย แต่เห็นแล้วทำให้อยากไป นครวัด ซะแล้วซิ ยิ่งมีคนบอกว่าต้องไปดูให้ได้ชีวิตนี้ แล้วจะตายอย่างไม่เสียดาย สงสัยต้องหาเวลาไปซะแล้ว
แถมอีกรูป รูปนี้โปเก้สวยดีจัง แล้วก็ไปกันต่อโดยไปเมืองกุสุมา ซึ่งทางไปก็เป็นทางแดง ทางเหลืองตลอดกว่า 40 โล วิ่งกันมันมาก ทางลูกรังเมืองลาวนี่เรียบยังกับกระจกแต่เวลารถวิ่งทีฝุ่นออกมาเหมือนแข่งปารีส ดาก้า ไม่มีเบรค ไม่มีชลอ ซัดกันเต็มๆ เราก็กินฝุ่นกันเต็มๆ มันสะใจจริงๆ ระหว่างนี้เลยไม่มีรูป น่าเสียดายจริงๆ อยู่ข้างหลัง เห็นจักรยานขี่เป็นแถวด้านหน้ามีรถบรรทุกเร่งมาอย่างเร็วฝุ่นคลุ้งเป็นภูเขามันช่างสวยงามจริงๆ
แวบเดียวก็เช้าแล้ว ไอ้ผมมันก็พวกคนแก่ตื่นเช้า พอตื่นแล้วก็นอนไม่ค่อยหลับ เลยออกมาตามหาพระอาทิตย์ดูบ้างซิ อุตส่าห์นอนริมโขงทั้งทีแล้ว เลยได้ภาพมาฝากสองสามภาพ
ภาพนี้ยังมืดอยู่เลย ถ่ายติดดาวด้วย คิคิ
แสงแรกเริ่มฉายแล้ว
เลนเก่าๆ มาเจอกับกล้องตัวคูนเข้าไป เลยได้เลนมุมแคบเก็บภาพวิวทิวทัศได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เลย
กลุ่มนี้ก็คนไทย ทัวริ่งเหมือนกัน มาจากสวนหลวง แต่ไปคนละทาง
ร้านอาหารของเรือนพัก แต่เสียดายไม่ได้อุดหนุน เพราะเราพกกาแฟส่วนตัวกันมา
โผล่มาแล้วครับ ไม่ต้องแปลกใจที่ภาพเหล่านี้มีแต่กล้องผมคนเดียว เพราะนอกนั้นตื่นสายกันหมด 555
ทริปนี้ตั้งใจอยากทดสอบเลนส์ตัวนี้ด้วย สวยสมใจจริงๆ
รูปนี้ก็แอบย่องๆ ไปกดมา พอเห็นเราจะถ่ายพวกเดินหลบกล้อง จะให้เราถ่ายแต่พระอาทิตย์โล้นๆ อะนะ ขอยืมเงาหน่อยก็ไม่ได้
กล้องแบบนี้ก็คงถ่ายได้แบบนี้ ระหว่างทางที่ผ่านไปได้แต่เสียดาย จะขี่ไปถ่ายไปก็ไม่ได้ ฝุ่นก็เยอะ พลาดไปจริงๆ
พอสายๆ นางแบบเริ่มออกโรง คิคิ แสงแดดดี กดกันสนุกเลย ถ้ามีแผ่นสะท้อนซะหน่อย ละก็สวยเฉียบเลยแต่ละนาง
ให้ดูพอหอมปากหอมคอ ภาพสวยๆ ขอเก็บไว้ดูคนเดียว
คนนี้ก็เป็นทั้งตัวแบบ ทั้งถ่ายเอง มาพร้อมกับ 500D 35-105is พร้อมแววตาที่มุ่งมั่น
มีหลายรูปให้ดูรูปเี่ดียวพอ 555
รูปนี้ผมชอบที่ซู๊ด มองดูใกล้ๆ เหมือนมีชีวิต ถ่ายมา 5ล้านpix เลนนิคคมกริบไม่ผิดหวังเลย อยากอัดมาติดฝาบ้านจัง
ดูดีไปหมด ฟิกเกอร์สวย เสื้อผ้าสีสรร ไม่อยากชมเลย ขออภัยผู้ชม พอดีเลนส์มีแต่ระยะพอเทรด ถ่ายวิว ถ่ายสแนปซ๊อต เสียหมด ไม่ได้เรื่องสักภาพ
พี่ประสงค์อีกหนึ่งตากล้อง มากับ 60D เลยครับ จอนี้ก็มีสวยๆหลายรูปไม่รู้จะแบ่งให้ดูกันบ้างหรือเปล่านา
หลังจากสนุกกับการถ่ายภาพกันไปแล้วก็กลับมาต้มกาแฟ ไมโล พร้อมขนมปังสารพัดขนมาจากกทม.กินรองท้องกันไป ทริปนี้ได้กินขนมปังนิชชินที่ผมเกลียดมากๆ เวลาอยู่บ้าน แต่มันอร่อยมากๆ ในเช้านี้ ขอบอกว่าชุดเตาแก๊สเล็กๆ กับหม้อต้นน้ำร้อนมันแจ๋วมากเลย ทำให้เช้าวันใหม่สดใส ทันใจ หาอะไรรองท้องระหว่างกำลังรออาบน้ำแต่งตัวได้เป็นอย่างดี จบ snack time ก็ไปหาข้อมูลสำหรับเส้นทางจากเจ้าของเรือนพัก เลยได้เส้นทางใหม่น่าทดสอบมาหนึ่งเส้นทาง ซึ่งจากปกติเราต้องข้ามเรือกลับมาวิ่งเส้นทางสาย 13 เป็นทางดำ เรียบกริปน่าเบื่ออีกเกือบร้อยโลไปดอนเด็ด เราเลือกเส้นทางเลียบโขงฝั่งซ้าย ซึ่งเป็นทางที่ชาวบ้านใช้ จากการประเมินแล้วคงไปไม่ถึงดอนเด็ดแน่ๆ แต่เราเฉยไว้ กลัวเพื่อนแตกตื่น555 เดียวจะไ่ม่หลงกล แล้วก็ออกไปเที่ยววัดภู มรดกโลกของประเทศลาวกันต่อ
สามสาวสามสไตล์ ดูแล้วเท่ดีนะ แต่ตัวประหลาดกว่าใครๆ ทั้งประเทศกันเลยทริปนี้ ระหว่างทางไปวัดภูเราวิ่งผ่านเมืองจำปาสัก ตอนกลางวันสวยดี เสียดายไม่มีเวลาเก็บรายละเอียดเนื่องจากออกสายซะแล้ว เส้นทางก็เป็นถนนลูกรัง กำลังปรับปรุงให้เป็นถนนลาดยาง วิวสวย ขี่สนุกเช่นเคย
มาดตากล้องเรา เข้มจริงๆ
เอามาโชว์รูปนึงพอ เดียวจะหาว่าไปลาวมีแต่รูปสาวไทยนะครับ
ดอกจำปาสัก บ้านเราเรียก ดอกลั่นทม มั้ง
แต่จริงๆ วัดภู ก็ไม่ค่อยมีอะไรสู่บ้านเราไม่ได้ เสียค่าเข้า 80 บาทด้วย แต่เห็นแล้วทำให้อยากไป นครวัด ซะแล้วซิ ยิ่งมีคนบอกว่าต้องไปดูให้ได้ชีวิตนี้ แล้วจะตายอย่างไม่เสียดาย สงสัยต้องหาเวลาไปซะแล้ว
แถมอีกรูป รูปนี้โปเก้สวยดีจัง แล้วก็ไปกันต่อโดยไปเมืองกุสุมา ซึ่งทางไปก็เป็นทางแดง ทางเหลืองตลอดกว่า 40 โล วิ่งกันมันมาก ทางลูกรังเมืองลาวนี่เรียบยังกับกระจกแต่เวลารถวิ่งทีฝุ่นออกมาเหมือนแข่งปารีส ดาก้า ไม่มีเบรค ไม่มีชลอ ซัดกันเต็มๆ เราก็กินฝุ่นกันเต็มๆ มันสะใจจริงๆ ระหว่างนี้เลยไม่มีรูป น่าเสียดายจริงๆ อยู่ข้างหลัง เห็นจักรยานขี่เป็นแถวด้านหน้ามีรถบรรทุกเร่งมาอย่างเร็วฝุ่นคลุ้งเป็นภูเขามันช่างสวยงามจริงๆ
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1227
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0875897608
- team: ไปเรื่อยๆ
- Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
- ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ออกจากวัดภูมา หาข้าวเช้ากินเสร็จก็เดินทางต่อ เป็นทางกำลังปรับพื้นผิว มารถน้ำมาฉีดลดฝุ่น เราก็ชลอหลบน้ำกัน ผมลืมตัวปลดคริตไม่ทัน เอียงซ้ายล้มไปหนึ่งครั้ง แล้วก็หลงทางอีกหนึ่งรอบ ถามคนแถวนั้นก็จะบอกให้ไปข้ามเรือเพื่อวิ่งทางหลวงสาย 13 ไปดอนเด็ด พอเราบอกจะไปทางเมือนกุสุมา ส่วนใหญ่ก็บอกว่าทางไม่ดี ไกล กันทั้งนั้น อะ ยิ่งฟังยิ่งอยากละซิ แยกไปเมืองกุสุมาก็เป็นถนนเล็กๆ ดูแล้วไม่น่าขี่เท่าไหร่ แต่พวกเราก็ลองเสี่ยงไปตามเรื่องตามราว ขี่ไปสักพักก็ใหญ่ขึ้น เป็นเส้นทางที่กำลังปรับใหม่ ใหญ่เชี่ยวละ เป็นลูกรังอัดแน่น แน่นจนเงาเหมือนกระจก เรียบเหมือนปูปาเก้เลย ถนนเมืองเค้าทำฐานรากกันดีจริงๆ กว่าจะลาดยาง ทำให้ขี่ได้มันสะใจดี ยกเว้นตอนมีรถมาฝุ่นจะคลุ้งกลบไปหมด เส้นทางนี้ตัดขึ้นมาเพื่อไปเมืองใหม่ หรือชื่อเมืองมุ่นตามชาวบ้านเรียกกัน เป็นเมืองที่รัฐสร้างใหม่ เป็นศุนย์กลางทางฝั่งโขงด้านตะวันตก มีที่ทำการรัฐ สถานที่ต่างๆ ครบ แต่ถนนยังเป็นลูกรัง อีกสักปีสองปีคงลาดยางเรียบกริบเหมือนทางหลวงสาย 13 เราก็ขี่ผ่าเปลวแดด ร้อนมาก ทริปนี้ผมอยากได้ปลอกแขนขึ้นมาเลย ดำทันตาเห็น ก่อนถึงเมืองฝุ่นหนามาก แต่ถนนมันเป็นขอบผมก็เลยลงไปคลุกฝุ่นอีกรอบ ถอดคริตไม่ทันตามเคย หลังๆ พอเจอฝุ่นหนาๆ เลยต้องปลดครีตขี่ ลุยกัันมาสักพักถึงเมืองกุสุมา มีวงเวียงตรงกลางเมืองเป็นเมืองเล็กๆ มีร้านขายเครื่องจักรการเกษตร หลายร้าน มีป้ายโค้งเหมือนประตูเมืองเขียนข้อความปลุกใจ ดูเหมือนหนังไทยสมัยเก่าๆ และพบว่าเส้นทางนี้ไกลแม่โขง แล้งมากตลอดสองข้างทางเป็นทุ่งนาขาดน้ำที่แห้งแล้ง รอฝนรอบใหม่เท่านั้น มีเป็นบางจุดที่มีการทำชลประทานมีการทำลำรางส่งน้ำก็จะเขียวขจีอยู่แค่แถวนั้น นอกนั้นดินแตกระแหง ปลูกอะไรไม่ขึ้น (ช่วงนี้ดูรูปของโป้งเอานะ) ถึงกุสุมา ก็ถามทางชาวบ้านต่อ ทราบว่าตรงไปเมืองใหม่ ใกล้กว่า ทางดีกว่า แต่ไม่สวย ถ้าเลี้ยวซ้ายไปชนฝั่งโขง เป็นถนนเลียบเลาะลำโขงมีชุมชนตลอดแนว แต่ทางดีบ้างแย่บ้าง ไกลกว่าแต่สวยแน่นอน เราก็ต้องเลือกลำบากกว่าอยุ่แล้ว 555 แล้วก็ไม่ผิดหวังที่เราได้สัมผัสวิธีชีวิตชาวลาวริมฝั่งโขงแท้ๆ เดิมๆ ถึงจะแค่ผ่านไป แต่เป็นเส้นทางที่เลาะเข้าไปในชุมชนเค้าจริงๆ ไม่มีแหล่งท่องเที่ยว ไม่มีเกสเฮ้า มีแต่บ้านเรือน ผู้คนที่ไม่เคยเห็นคนแปลกๆ ขี่จักรยาน ใส่เสื้อสีแปลกๆ ผ่านมา เด็กๆ ก็จะตะโกนทักทาย วิ่งออกมาดูกันอย่างสนุกสนานตลอดทางหลายสิบกิโล สองข้างก็มีการจัดงานปีใหม่กันตลอด ทักทายกันไปตลอดทาง และบ้านสองข้างทางก็อุดมสมบูรณ์ไม่แห้งแล้วเหมือนที่ผ่านมา บ้านเรือนก็ดุจะมีฐานะ มีรถจอดกันแทบทุกบ้าน ผู้คนยิ้มแย้มเป็นมิตร แต่สังเกตดูไม่ค่อยมีวัยรุ่น หรือว่าจะหนีไปอยุ่เมืองใหญ่กันหมด
พอเลาะริมโขงได้สักพักเราก็แวะพักกันซักหน่อย จะได้ถามระยะทางไปด้วย
ก็เลยมีโอกาสควักกล้องมาถ่ายเล่นสักหน่อย
สภาพรถแต่ละคัน ไม่ต้องพูดถึง มาแบบนี้ทุกอย่างต้องพร้อม ถึงไม่ได้เตรียมตัวมาลุย แต่ถ้าต้องลุยก็พร้อมทั้งรถทั้งอุปกรณ์ ตลุยได้ตลอดรอดฝั่งไม่มีปัญหา ถ้ามีพวกยางเล็ก 700 หลงมาคงได้โกรธกันแน่ละทริปนี้
ไม่ต้องทัวริ่งแท้ๆ ก็ไปได้ทุกทริป ขี่สนุกด้วย ของแบบนี้อยุ่ที่ใจมากกว่านะ
บอกเลยว่าติดใจจริงๆ ทางแบบนี้ มีสีสัน ได้อารมณ์กว่าขี่ทางดำๆ ยาวๆ เยอะ หลังจากพักเสร็จก็วิ่งเลาะกันไปเรื่อยๆ สอบถามได้ความว่าเส้นนี้ไปได้ถึงดอดเดชเลย แต่ทางแบบนี้ทำเวลาไม่ได้ เราคงไม่มีเวลาพอ เอาแค่เมืองมุนพอแล้วพรุ่งนี้ข้ามเรือไปวิ่งทางดำเอา
ทางช่วงนี้สวยมาก แคบ และแนบชิดกับลำโขงเลย บางช่วงพลาดก็ลงน้ำไปเลยก็มี บุกไปในป่าก็มี ทางก็ขี่สนุกทำความเร็วได้ดี ยิ่งรถบรรทุกหนักๆ พอขี่เร็วแล้วเหมือนลอยตัว สนุกมากไม่สะเทือน ไม่สะท้าน นิ่มมาก รักโคโมลี่มาิีอีกเป็นกอง บางช่วงเป็นหลุมบ่อ ก็พอรูดได้ เริ่มมีทางคดเีคี้ยว เวลาก็เดินไปอย่างเร็ว พระอาทิตย์เริ่มต่ำลง เราก็ยังติดอยู่ในหมู่บ้านดูไม่มีแววเมืองใหม่ให้เห็นเลย เหมียวก็เริ่มช้าลงๆ ตอนหลังเลยต้องส่งโป้งไปคอยต้อน ผมเลยต้องมานำแทน ขี่ๆ ไปมุดดงหญ้ามาโผล่ปลายแหลม ทางขาดซะแล้ว ต้องข้ามเรือแทน เสียไปอีกคนละ 20 แต่พอขึ้นอีกฝั่งเริ่มเข้าเชตเมือง เส้นทางสวยมาก ประกอบกับแสงแดดบ่ายแก่ๆ ส่องผ่านเมฆมาเป็นลำ แสงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม ตัดกับนาข้าวเขียวขจี ฝั่งซ้ายมือ เราเริ่มเข้าไปในชุมชนมากขึ้น เห็นวิถีเกษตรพอเพียง นาแปลงเล็กๆ ที่อาศัยเพื่อนบ้านมาช่วยกันทำ มีควายเต็มไปหมด มีเด็กวิ่งเล่น ด้านหลังมีทิวเขาเป็นฉาก มีต้นไม้ใหญ่ๆ ขึ้นสลับกับผืนนา สลับกับแปลงผัก ด้านขวาเป็นบ้านชาวลาวสร้างจากไม้ใต้ถุนสูง ถึงจะเป็นแบบเรียบง่าย เรียบรายเลียบไปกับแม่น้ำ มีสะพานไม้สวยๆขี่ข้ามลำธาน ไม่มีบ้านปูน เสาไฟให้รกลูกตา เวลาเข้าโค้งทีจะเห็นฝุ่นจากล้อรถตัดกับลำแสงอาทิตย์ยามเย็นฟุ้งกระจาย อยากจะหยุดเวลาไว้จริงๆ ถึงมีกล้องวิเศษแค่ไหนก็คงถ่ายไว้ไม่ได้ แต่ๆ.... ถึงอยากแค่ไหนเราก็หยุดไม่ได้ เพราะจะมืดแล้ว จะนอนที่ไหน กินที่ไหนยังไม่รู้เลย เอาไงละวะ ใจนะมองเห็นบ้านริมน้ำทีหลายหลังกว้างที่เยอะ ถ้าไม่ไหวคงพอขออาศัยนอนได้ บรรยากาสดี นอนริมโขง ก่อกองไฟ ยิ่งมีงานปีใหม่คงได้รับเชิญไปเมากลิ้งเป็นแน่แท้ แต่ก็เกรงใจสาวๆ ไหนจะเรื่องห้องน้ำห้องท่า เลยได้แต่คิด พอรู้สึกใกล้เมืองเข้าไปเรือยๆ ก็เริ่มจะมืดลงเรื่อยๆ เลยหยุดพักสักหนึ่งรอบ จะได้รอด้านหลังกับถามทางไปด้วย ถึงได้รู้ว่าเส้นนี้ไม่มีใครมาขี่กันเราถือเป็นพวกแรกที่มาเลย ถือว่าเป็นทางที่น่าประทับใจมาก จากร้านค้าอีกไม่กี่โลก็ถึงเมือง แล้วเรามืดอีกจนได้ แต่พักเดียวก็ได้ที่พัก ซึ่งดูหรูหราเชียว ราคาก็ถูกแสนถูก
พอเลาะริมโขงได้สักพักเราก็แวะพักกันซักหน่อย จะได้ถามระยะทางไปด้วย
ก็เลยมีโอกาสควักกล้องมาถ่ายเล่นสักหน่อย
สภาพรถแต่ละคัน ไม่ต้องพูดถึง มาแบบนี้ทุกอย่างต้องพร้อม ถึงไม่ได้เตรียมตัวมาลุย แต่ถ้าต้องลุยก็พร้อมทั้งรถทั้งอุปกรณ์ ตลุยได้ตลอดรอดฝั่งไม่มีปัญหา ถ้ามีพวกยางเล็ก 700 หลงมาคงได้โกรธกันแน่ละทริปนี้
ไม่ต้องทัวริ่งแท้ๆ ก็ไปได้ทุกทริป ขี่สนุกด้วย ของแบบนี้อยุ่ที่ใจมากกว่านะ
บอกเลยว่าติดใจจริงๆ ทางแบบนี้ มีสีสัน ได้อารมณ์กว่าขี่ทางดำๆ ยาวๆ เยอะ หลังจากพักเสร็จก็วิ่งเลาะกันไปเรื่อยๆ สอบถามได้ความว่าเส้นนี้ไปได้ถึงดอดเดชเลย แต่ทางแบบนี้ทำเวลาไม่ได้ เราคงไม่มีเวลาพอ เอาแค่เมืองมุนพอแล้วพรุ่งนี้ข้ามเรือไปวิ่งทางดำเอา
ทางช่วงนี้สวยมาก แคบ และแนบชิดกับลำโขงเลย บางช่วงพลาดก็ลงน้ำไปเลยก็มี บุกไปในป่าก็มี ทางก็ขี่สนุกทำความเร็วได้ดี ยิ่งรถบรรทุกหนักๆ พอขี่เร็วแล้วเหมือนลอยตัว สนุกมากไม่สะเทือน ไม่สะท้าน นิ่มมาก รักโคโมลี่มาิีอีกเป็นกอง บางช่วงเป็นหลุมบ่อ ก็พอรูดได้ เริ่มมีทางคดเีคี้ยว เวลาก็เดินไปอย่างเร็ว พระอาทิตย์เริ่มต่ำลง เราก็ยังติดอยู่ในหมู่บ้านดูไม่มีแววเมืองใหม่ให้เห็นเลย เหมียวก็เริ่มช้าลงๆ ตอนหลังเลยต้องส่งโป้งไปคอยต้อน ผมเลยต้องมานำแทน ขี่ๆ ไปมุดดงหญ้ามาโผล่ปลายแหลม ทางขาดซะแล้ว ต้องข้ามเรือแทน เสียไปอีกคนละ 20 แต่พอขึ้นอีกฝั่งเริ่มเข้าเชตเมือง เส้นทางสวยมาก ประกอบกับแสงแดดบ่ายแก่ๆ ส่องผ่านเมฆมาเป็นลำ แสงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม ตัดกับนาข้าวเขียวขจี ฝั่งซ้ายมือ เราเริ่มเข้าไปในชุมชนมากขึ้น เห็นวิถีเกษตรพอเพียง นาแปลงเล็กๆ ที่อาศัยเพื่อนบ้านมาช่วยกันทำ มีควายเต็มไปหมด มีเด็กวิ่งเล่น ด้านหลังมีทิวเขาเป็นฉาก มีต้นไม้ใหญ่ๆ ขึ้นสลับกับผืนนา สลับกับแปลงผัก ด้านขวาเป็นบ้านชาวลาวสร้างจากไม้ใต้ถุนสูง ถึงจะเป็นแบบเรียบง่าย เรียบรายเลียบไปกับแม่น้ำ มีสะพานไม้สวยๆขี่ข้ามลำธาน ไม่มีบ้านปูน เสาไฟให้รกลูกตา เวลาเข้าโค้งทีจะเห็นฝุ่นจากล้อรถตัดกับลำแสงอาทิตย์ยามเย็นฟุ้งกระจาย อยากจะหยุดเวลาไว้จริงๆ ถึงมีกล้องวิเศษแค่ไหนก็คงถ่ายไว้ไม่ได้ แต่ๆ.... ถึงอยากแค่ไหนเราก็หยุดไม่ได้ เพราะจะมืดแล้ว จะนอนที่ไหน กินที่ไหนยังไม่รู้เลย เอาไงละวะ ใจนะมองเห็นบ้านริมน้ำทีหลายหลังกว้างที่เยอะ ถ้าไม่ไหวคงพอขออาศัยนอนได้ บรรยากาสดี นอนริมโขง ก่อกองไฟ ยิ่งมีงานปีใหม่คงได้รับเชิญไปเมากลิ้งเป็นแน่แท้ แต่ก็เกรงใจสาวๆ ไหนจะเรื่องห้องน้ำห้องท่า เลยได้แต่คิด พอรู้สึกใกล้เมืองเข้าไปเรือยๆ ก็เริ่มจะมืดลงเรื่อยๆ เลยหยุดพักสักหนึ่งรอบ จะได้รอด้านหลังกับถามทางไปด้วย ถึงได้รู้ว่าเส้นนี้ไม่มีใครมาขี่กันเราถือเป็นพวกแรกที่มาเลย ถือว่าเป็นทางที่น่าประทับใจมาก จากร้านค้าอีกไม่กี่โลก็ถึงเมือง แล้วเรามืดอีกจนได้ แต่พักเดียวก็ได้ที่พัก ซึ่งดูหรูหราเชียว ราคาก็ถูกแสนถูก
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
-
- ขาประจำ
- โพสต์: 1227
- ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2008, 10:20
- Tel: 0875897608
- team: ไปเรื่อยๆ
- Bike: เมริด้า แลนด์เกียร์
- ตำแหน่ง: ซ.อ่อนนุช 46
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
คืนนี้เราก็ได้ห้องตกคนละร้อยเดียว แล้วก็เป็นส่วนตัวพวกเราเช่นเดิมเพราะรู้สึกจะมีแต่พวกเราทั้งตึก เรียบร้อยก็ออกไปหามื้อเย็นกินกัน ด้วยความเป็นเมืองก็เลยอยากหาอะไรอร่อยๆ กินหน่อย เลยได้จ่ายแพงหน่อย นานๆ ทีอะนะ เรื่องอาหารนี่ในลาวแพงจริงๆ จะเป็นเพราะแต่งตัวแบบนี้หรือประการใดไม่รู้ ไม่ว่าร้านเล็กร้านใหญ่ดูแพง และไม่อร่อยเลย ตัวเลือกก็ไม่มี คืนนั้นได้เสาะหาจนได้ร้านที่เ้จ้าของเคยอยู่เมืองไทย เลยมีเมนูอาหารไทยคล้ายๆ ภัตาคารเลย จานชามดูดีเชียวแต่ตัวร้านก็ไม่ได้ตกแต่งอะไร เป็นสไตล์ชนบทเช่นเดิม ราคาก็แพงกว่าบ้านเรา เป็นธรรมดาอาหารลาว แต่รสชาติไม่ได้ตามหวัง ยังไงก็สู้บ้านเราไม่ได้ ความเห็นส่วนตัวเลยคิดว่า จะจ่ายเท่าไหร่ก็คงหาอร่อยแบบบ้านเรายาก เพราะฉะนั้นหากินธรรมดาๆ ให้มันอิ่มไปวันๆ พอ ประหยัดดีด้วย แต่ให้ดี ต้มมาม่า หรือพบเครื่องกระป๋องจากบ้านเราไปจะดีกว่า นอกจากแหล่งทัวริสจริงๆ อย่างบนดอนเด็ดอาหารกับถูก ร้านดูดีมีบรรยากาส และรสชาติดี
ก็ตามธรรมเนียมอิ่มแล้วก็แยกย้ายไปเข้านอน ผมก็เลยชวนโป้งออกไปหาเบียร์ลาวมากินเล่นนิดหน่อย ไปเจอแม่ค้าวัยสะรุ่นสวยซะด้วย กำลังนั่งกินเบียร์กันสองคนพอดี วันปีใหม่แท้ๆ กลับมากินกันแค่สองคน เอาไงดีละ ..... แต่ผิดคิวกันหน่อย เลยหิ้วเบียร์มากินกันระเบียงหน้าบ้านพักซะงั้น เลยต้องจบด้วยวงดนตรี ร้องเอง ฟังเอง จบลงด้วยเสียงหัวเราะกันตามระเบียบ
เช้ามาก็ตื่นมาเก็บตะวันคนเดียวตามเคย อยากจะปลุกใครมาจูงมาเก็บตะวันก็คงไม่มีใครยอมมาด้วย
วันนี้คือวันปีใหม่ 1 มกราคม 2555 ขอเก็บแสงแห่งความประทับใจไว้คนเดียวแล้วกัน
เอาไปหลายๆ รูปหน่อย
เมืองนี้ผู้คนพลุกพล่าน ไม่เหมือนจำปาสัก พอเริ่มเช้าตลาดก็เริ่มคึกคัก มีเรือมาจอดเรื่อยๆ
เราก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ นั่งคนเดียวริมโขง ต่างบ้านต่างเมือง ช่างเป็นปีใหม่ที่น่าเศร้าจริงๆ
เคยแต่เมาหัวราน้ำ ปีนี้ได้มารับแสงแรกแห่งปีริมน้ำโขง
สว่างแล้วซิเรา
ได้เวลาสภากาแฟรอบเช้ากันต่อ เช้านี้สาวๆ ไปชมตลาดหาอะไรแปลกๆ มาชิมกันด้วย มีสาวๆไปด้วยก็ดีแบบนี้
วันนี้ก็ถือว่าขี่สบายๆ สายๆ ก็ข้ามเรือมาขี่บนทางดำอีกสี่สิบกว่าโลก็ถึงแล้ว แต่เราต้องเปลี่ยนโปรแกรมคือยกเลิกที่จะไปนอนปากเซ แล้วไปพักดอนเด็ดแทน แล้วอีกวันก็หารถไปช่องเมกทีเดียวเลย จะได้กลับทันตามเวลาที่กำหนดไว้
บนเรือข้ามฟาก เห็นตัวหนังสือหน้ารถแล้วอดไม่ได้ควักกล้องมาถ่ายสะหน่อย แต่แดดเมืองลาวมันขาวดีจัง เวลาใส่แว่นสีสวยมาก มองทางไหนมีแต่สีสัน พอถอดแว่นมันจะจ๊าขาวไปหมด ไม่สวยเลย เลยคิดว่าน่าจะติด cpl มาซะหน่อยถ่ายรูปออกมาคงจะสวยกว่านี้ เพราะแดดแรงดีจัง แต่ทำไงได้ เลยมาเล่นกับ wb แทน เลยได้รูปสีเพี้ยนๆ ที่กลับดูสวยดี เหมือนภาพโฆษณาโปสเตอร์หนังสมัยก่อน บวกกับตัวหนังสือด้านหลัง ทำให้ภาพดูมีเสน่ดีจริงๆ
เหมือนจิ๊กโก๋วัยดึกเลย
จบภาคหนึ่ง หลังจากขึ้นบกก็ซัดกันยาวๆ ร้อนๆ อีกพักใหญ่ๆ ก็ถึงทางเรือนากะสัง
ระหว่างทางถ่ายวัดมารุปนึง ไม่สวยเลยวะ
ก็ตามธรรมเนียมอิ่มแล้วก็แยกย้ายไปเข้านอน ผมก็เลยชวนโป้งออกไปหาเบียร์ลาวมากินเล่นนิดหน่อย ไปเจอแม่ค้าวัยสะรุ่นสวยซะด้วย กำลังนั่งกินเบียร์กันสองคนพอดี วันปีใหม่แท้ๆ กลับมากินกันแค่สองคน เอาไงดีละ ..... แต่ผิดคิวกันหน่อย เลยหิ้วเบียร์มากินกันระเบียงหน้าบ้านพักซะงั้น เลยต้องจบด้วยวงดนตรี ร้องเอง ฟังเอง จบลงด้วยเสียงหัวเราะกันตามระเบียบ
เช้ามาก็ตื่นมาเก็บตะวันคนเดียวตามเคย อยากจะปลุกใครมาจูงมาเก็บตะวันก็คงไม่มีใครยอมมาด้วย
วันนี้คือวันปีใหม่ 1 มกราคม 2555 ขอเก็บแสงแห่งความประทับใจไว้คนเดียวแล้วกัน
เอาไปหลายๆ รูปหน่อย
เมืองนี้ผู้คนพลุกพล่าน ไม่เหมือนจำปาสัก พอเริ่มเช้าตลาดก็เริ่มคึกคัก มีเรือมาจอดเรื่อยๆ
เราก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ นั่งคนเดียวริมโขง ต่างบ้านต่างเมือง ช่างเป็นปีใหม่ที่น่าเศร้าจริงๆ
เคยแต่เมาหัวราน้ำ ปีนี้ได้มารับแสงแรกแห่งปีริมน้ำโขง
สว่างแล้วซิเรา
ได้เวลาสภากาแฟรอบเช้ากันต่อ เช้านี้สาวๆ ไปชมตลาดหาอะไรแปลกๆ มาชิมกันด้วย มีสาวๆไปด้วยก็ดีแบบนี้
วันนี้ก็ถือว่าขี่สบายๆ สายๆ ก็ข้ามเรือมาขี่บนทางดำอีกสี่สิบกว่าโลก็ถึงแล้ว แต่เราต้องเปลี่ยนโปรแกรมคือยกเลิกที่จะไปนอนปากเซ แล้วไปพักดอนเด็ดแทน แล้วอีกวันก็หารถไปช่องเมกทีเดียวเลย จะได้กลับทันตามเวลาที่กำหนดไว้
บนเรือข้ามฟาก เห็นตัวหนังสือหน้ารถแล้วอดไม่ได้ควักกล้องมาถ่ายสะหน่อย แต่แดดเมืองลาวมันขาวดีจัง เวลาใส่แว่นสีสวยมาก มองทางไหนมีแต่สีสัน พอถอดแว่นมันจะจ๊าขาวไปหมด ไม่สวยเลย เลยคิดว่าน่าจะติด cpl มาซะหน่อยถ่ายรูปออกมาคงจะสวยกว่านี้ เพราะแดดแรงดีจัง แต่ทำไงได้ เลยมาเล่นกับ wb แทน เลยได้รูปสีเพี้ยนๆ ที่กลับดูสวยดี เหมือนภาพโฆษณาโปสเตอร์หนังสมัยก่อน บวกกับตัวหนังสือด้านหลัง ทำให้ภาพดูมีเสน่ดีจริงๆ
เหมือนจิ๊กโก๋วัยดึกเลย
จบภาคหนึ่ง หลังจากขึ้นบกก็ซัดกันยาวๆ ร้อนๆ อีกพักใหญ่ๆ ก็ถึงทางเรือนากะสัง
ระหว่างทางถ่ายวัดมารุปนึง ไม่สวยเลยวะ
ปั่นไกลแค่ตามองเห็น
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
เสือหมอบ Bianchi DAMA-BIANCA She Alu7000 เป็นรถสำหรับผู้หญิง ขนาด 44
http://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=3&t=1479426
- น้องหนึ่ง
- ขาประจำ
- โพสต์: 10797
- ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2008, 04:07
- Tel: 0891441866
- ตำแหน่ง: http://www.thaimtb.com/forum/viewforum.php?f=528
- ติดต่อ:
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ถ่ายนางสาวแบบออกมาสวยโพด
ร้านจักรยานฝีมือดี มาดึกๆได้
www.thaimtb.com/forum/viewforum.php?f=528
www.facebook.com/HomeMadeBicycle
www.thaimtb.com/forum/viewforum.php?f=528
www.facebook.com/HomeMadeBicycle
- หนูเหมียว
- ขาประจำ
- โพสต์: 2179
- ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2008, 20:53
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
รอภาคสอง ยังไม่อยากขัดจังหวะ
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ZZZZZZZZ...