รายงานทริป "Along the Khong in south Laos" วันที่ 30 ธ.ค.54 ถึง 2 ม.ค.55
ผู้ดูแล: โจ้ จอยแอนด์แจม, โป้งสิบสองเสียง
กฏการใช้บอร์ด
ชื่อชมรม : สังคม จอยแอนด์แจม/ Joy N' Jam Societั
ผู้ดูแ ล โ จ้ จอยแอนด์แจม โทร : 081 829 1027
ชื่อชมรม : สังคม จอยแอนด์แจม/ Joy N' Jam Societั
ผู้ดูแ ล โ จ้ จอยแอนด์แจม โทร : 081 829 1027
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
รายงานทริป "Along the Khong in south Laos" วันที่ 30 ธ.ค.54 ถึง 2 ม.ค.55
อากาศดีๆ วันหยุดเยอะๆ และความประทับใจจากทริปแม่ฮ่องสอน ทำให้เกิดทริปทัวริ่งนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
พวกเรามีเวลาหยุดได้แค่ 4 วันคือวันที่ 30 ธ.ค.54 ถึง 2 ม.ค.55 อยากไปสถานที่ห่างไกลแต่มีเวลาไม่มากและมีเวลาเตรียมตัวน้อยด้วย ลาวใต้จึงเหมาะกับสถานการณ์นี้เป็นอย่างมาก ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 6 คน ขับรถไปกันเองเพราะรถทัวร์เต็มหมดแล้ว ออกจากกรุงเทพประมาณ 19.40น. ถึงช่องเม็กเช้าวันที่ 30ธ.ค.54 เวลา 8.20น. หาที่ฝากรถ หาข้าวเช้าทานกันแล้วข้ามไปฝั่งลาวทำเรื่องผ่านด่านกว่าจะออกปั่นก็สิบโมงครึ่ง ปั่นไปตามถนนหลักมุ่งหน้าไปปากเซ ช่วงนี้ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆ แสงแดดก็เลยส่องลงมาเต็มๆ ดีนะที่ยังเป็นแดดเช้า บวกกับลมเย็นพัดโชยๆตลอดทางจึงไม่รู้สึกร้อนอะไรมากนัก
ขี่ตรงไปเรื่อยๆไปประมาณ 40 กม.เกือบถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง ก็เลี้ยวขวาเข้าถนนที่ไปยังแขวงจำปาศักดิ์ เป็นถนนใหม่ที่ไม่ปรากฏใน Google Map เป็นถนนราดยางอย่างดี แล้วก็แวะทานข้าวมื้อแรกในลาวที่แยกตรงนั้นล่ะครับ จากนั้นก็ยิงกันยาวๆ ทำความเร็วได้ดีเพราะถนนดีมากและเกือบจะเป็นทางราบมีเนินแค่เล็กน้อย ไปถึงเมืองจำปาสัก 16.10น. ได้ระยะทางเกือบ 80 กม.
ไปถึงก็ตระเวนหาที่พักได้ที่พักราคาถูกและสวยชื่อว่า "อะนุซา" เป็นเรือนไม้สักทั้งหลังจ่ายคนละไม่ถึงสองร้อย
จากนั้นก็อาบน้ำ พักผ่อนไปเรื่อยเปื่อย พอตกเย็นก็ขี่จักรยานออกไปหาข้าวเย็น ไม่น่าเขื่อว่าจะหายากเย็นแบบนี้ ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นของเรือนพัก ราคานักท่องเที่ยวเลยแพงทุกร้าน จนขากลับไปเจอเพิงขายข้าวแกงพื้นเมือง เลยจอดดูแล้วรู้สึกว่านี่แหล่ะใช่เลย ถามป้าเจ้าของร้านได้ความว่าข้าวหมดแล้วเราก็เลยผิดหวัง ป้าแกคงสงสารในความหิวโซของพวกเราก็เลยไปหาข้าวเจ้า (ที่คนลาวไม่นิยมทาน) กับข้าวเหนียวที่มีคนกินเหลือมาให้พวกเราจนได้ ซึ้งในน้ำใจป้าแกจริงๆ
กับข้าวพวกแกงก็คล้ายๆของเรา แต่รสชาติไม่จัด ขนาดแกงไข่มดแดงยังแทบไม่มีความเผ็ดเอาเลย อาหารมื้อนี้ส่วนใหญ่เป็นน้ำๆ ก็เลยอยากจะได้ของแข็งบ้างก็เลยบอกป้าว่าอยากกินไข่เจียวแต่ไม่อยากรบกวนป้าๆก็เลยจัดแจงหาไข่และหัวหอมใหญ่ เปิดครัวให้เราทำกันเองอย่างสบายๆ ทานกันเสร็จป้าคิดเงินแต่กับข้าวในหม้อ ด้วยสนนราคาที่แสนถูกบวกกับน้ำใจป้าก็เลยให้ติ๊ปไปอีกพอสมน้ำสมเนื้อ กลับมาเข้านอนสามทุ่มกว่า คืนนั้นนอนหลับสบายหลังจากที่อยู่ในรถอดนอนมาตลอดทาง
พวกเรามีเวลาหยุดได้แค่ 4 วันคือวันที่ 30 ธ.ค.54 ถึง 2 ม.ค.55 อยากไปสถานที่ห่างไกลแต่มีเวลาไม่มากและมีเวลาเตรียมตัวน้อยด้วย ลาวใต้จึงเหมาะกับสถานการณ์นี้เป็นอย่างมาก ทริปนี้ไปกันทั้งหมด 6 คน ขับรถไปกันเองเพราะรถทัวร์เต็มหมดแล้ว ออกจากกรุงเทพประมาณ 19.40น. ถึงช่องเม็กเช้าวันที่ 30ธ.ค.54 เวลา 8.20น. หาที่ฝากรถ หาข้าวเช้าทานกันแล้วข้ามไปฝั่งลาวทำเรื่องผ่านด่านกว่าจะออกปั่นก็สิบโมงครึ่ง ปั่นไปตามถนนหลักมุ่งหน้าไปปากเซ ช่วงนี้ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆ แสงแดดก็เลยส่องลงมาเต็มๆ ดีนะที่ยังเป็นแดดเช้า บวกกับลมเย็นพัดโชยๆตลอดทางจึงไม่รู้สึกร้อนอะไรมากนัก
ขี่ตรงไปเรื่อยๆไปประมาณ 40 กม.เกือบถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง ก็เลี้ยวขวาเข้าถนนที่ไปยังแขวงจำปาศักดิ์ เป็นถนนใหม่ที่ไม่ปรากฏใน Google Map เป็นถนนราดยางอย่างดี แล้วก็แวะทานข้าวมื้อแรกในลาวที่แยกตรงนั้นล่ะครับ จากนั้นก็ยิงกันยาวๆ ทำความเร็วได้ดีเพราะถนนดีมากและเกือบจะเป็นทางราบมีเนินแค่เล็กน้อย ไปถึงเมืองจำปาสัก 16.10น. ได้ระยะทางเกือบ 80 กม.
ไปถึงก็ตระเวนหาที่พักได้ที่พักราคาถูกและสวยชื่อว่า "อะนุซา" เป็นเรือนไม้สักทั้งหลังจ่ายคนละไม่ถึงสองร้อย
จากนั้นก็อาบน้ำ พักผ่อนไปเรื่อยเปื่อย พอตกเย็นก็ขี่จักรยานออกไปหาข้าวเย็น ไม่น่าเขื่อว่าจะหายากเย็นแบบนี้ ร้านอาหารส่วนใหญ่เป็นของเรือนพัก ราคานักท่องเที่ยวเลยแพงทุกร้าน จนขากลับไปเจอเพิงขายข้าวแกงพื้นเมือง เลยจอดดูแล้วรู้สึกว่านี่แหล่ะใช่เลย ถามป้าเจ้าของร้านได้ความว่าข้าวหมดแล้วเราก็เลยผิดหวัง ป้าแกคงสงสารในความหิวโซของพวกเราก็เลยไปหาข้าวเจ้า (ที่คนลาวไม่นิยมทาน) กับข้าวเหนียวที่มีคนกินเหลือมาให้พวกเราจนได้ ซึ้งในน้ำใจป้าแกจริงๆ
กับข้าวพวกแกงก็คล้ายๆของเรา แต่รสชาติไม่จัด ขนาดแกงไข่มดแดงยังแทบไม่มีความเผ็ดเอาเลย อาหารมื้อนี้ส่วนใหญ่เป็นน้ำๆ ก็เลยอยากจะได้ของแข็งบ้างก็เลยบอกป้าว่าอยากกินไข่เจียวแต่ไม่อยากรบกวนป้าๆก็เลยจัดแจงหาไข่และหัวหอมใหญ่ เปิดครัวให้เราทำกันเองอย่างสบายๆ ทานกันเสร็จป้าคิดเงินแต่กับข้าวในหม้อ ด้วยสนนราคาที่แสนถูกบวกกับน้ำใจป้าก็เลยให้ติ๊ปไปอีกพอสมน้ำสมเนื้อ กลับมาเข้านอนสามทุ่มกว่า คืนนั้นนอนหลับสบายหลังจากที่อยู่ในรถอดนอนมาตลอดทาง
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
นัดเจอกันบ้านพี่หมี ต้องขอขอบคุณพี่หมีที่ช่วยจัดรถด้วยครับ
ถึงช่องเม็กแล้ว ฝากรถ เตรียมตัวออกปั่น
ถึงช่องเม็กแล้ว ฝากรถ เตรียมตัวออกปั่น
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ข้าวเช้าที่ช่องเม็ก เจ๊หมวยคนนี้อาจไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ไม่เคยปั่นทัวริ่ง ไม่เคยปั่นรถมีเกียร์ รถก็ยืมเขามา
แต่แรงโพดๆ ลาก 30 ได้สบายๆ
พี่ประสงค์ปั่นมาหลายทริปแล้ว ทริปนี้เรียกอนุบาล
ทำเรื่องที่ฝั่งไทย
เจ๊เหมียวถึงจะงานยุ่งอ่อนซ้อม แต่ก็ไปได้เรื่อยๆไม่เคยหยุด ไม่เคยเข็น
แต่แรงโพดๆ ลาก 30 ได้สบายๆ
พี่ประสงค์ปั่นมาหลายทริปแล้ว ทริปนี้เรียกอนุบาล
ทำเรื่องที่ฝั่งไทย
เจ๊เหมียวถึงจะงานยุ่งอ่อนซ้อม แต่ก็ไปได้เรื่อยๆไม่เคยหยุด ไม่เคยเข็น
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ข้ามไปฝั่งลาวแล้ว
เรื่องราวกำลังจะเริ่มขึ้น
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ก่อนถึงสะพานข้ามโขงเลี้ยวขวาไปเข้าถนนตัดใหม่ที่จะไปจำปาสัก
แวะทานข้าวตรงร้านหัวมุมนี่ล่ะ
อย่าเข้าใจผิดว่าพี่โอ้กหมดแรงนะ เขาสะสมเวลานอนอยู่ต่างหาก กลางคืนจะได้ไม่ต้องนอน
ตรงต่อไป ช่วงนี้ 30 สบายๆ
แวะทานข้าวตรงร้านหัวมุมนี่ล่ะ
อย่าเข้าใจผิดว่าพี่โอ้กหมดแรงนะ เขาสะสมเวลานอนอยู่ต่างหาก กลางคืนจะได้ไม่ต้องนอน
ตรงต่อไป ช่วงนี้ 30 สบายๆ
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
เลาะเลียบโขงไปตลอดเส้นทาง
มาถึงแล้วเฮือนพักอะนุซา คืนแรกหรูสุด
มาถึงแล้วเฮือนพักอะนุซา คืนแรกหรูสุด
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
พี่โอ้กแบกอะคูเลเล่มาเพิ่มความสุนทรีย์ให้กับพวกเราด้วย
ข้าวเย็นแบบ Local & Low cost แต่แซบอีหลี
เปิดครัวสำหรับเมนูพิเศษ "ไข่เจียวเสือโหย"
หนูเหมียวร่วมโชว์ฝีมือ
สำเร็จออกมาหน้าตาแบบนี้
ข้าวเย็นแบบ Local & Low cost แต่แซบอีหลี
เปิดครัวสำหรับเมนูพิเศษ "ไข่เจียวเสือโหย"
หนูเหมียวร่วมโชว์ฝีมือ
สำเร็จออกมาหน้าตาแบบนี้
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
พี่ประสงค์นั่งรออย่างใจเย็น
เมนูเย็นวันนี้
อันนี้เด็ดสุด "แกงไข่มดแดง"
เกลี้ยง
เมนูเย็นวันนี้
อันนี้เด็ดสุด "แกงไข่มดแดง"
เกลี้ยง
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
เช้าวันที่ 31 ธ.ค. 54 ตื่น 6.30น. กินขนมปังโอวันตินง่ายๆรองท้อง พูดคุยกับเจ้าของเรือนพักเพื่อวางแผนการเดินทางอย่างละเอียด สรุปได้ว่าเราจะมุ่งหน้าลงใต้ไปเที่ยววัดพูแล้วจบที่เมืองมุน ออกจากที่พัก 8.15น. โดยใช้ถนนเส้นเดิมต่อจากขามา ขี่ไปได้แป๊บเดียวก็สุดทางราดยางเป็นถนนลูกรังที่กำลังก่อสร้าง วิวสองข้างทางสวยมาก เห็นภูเขาไกลสุดลูกหูลูกตา นาข้าวเขียวๆมีเป็นหย่อมๆทั้งสองข้างทาง รถผ่านมาทีฝุ่นก็ตลบอบอวล เป็นช่วงแรกของบรรยากาศแบบชนบทโดยแท้
ปั่นไปได้ประมาณ 10 กม. ก็ถึงวัดพู 9.15น. เสียค่าเข้าชมคนละ 80 บาท ไปชมพิพิธภัณฑ์แสดงโบราณวัตถุกันก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะเขมรโบราณที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ แล้วจึงเดินเข้าไปอีกประมาณ 500 ม. ก็จะถึงวัดพูที่เป็นประสาทหินที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่10 ลักษณะคล้ายๆนครวัดและประสาทหินในภาคีสานของเรา ช่วงที่เราไปถึงนั้นเจ้าหน้าที่กำลังบูรณะและเรียงหินที่กระจัดกระจายประกอบเข้าที่เดิม ต่อไปคงจะได้เห็นวัดพูในสภาพที่สมบูรณ์กว่านี้
จากนั้นไปหาอะไรกินง่ายๆซึ่งก็ไม่พ้นข้าวเปียกและเฝอตรงปากทางเข้าวัดพูนั่นแหล่ะครับ ข้าวเปียกเจ้านี้อร่อยมาก เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปเข้มข้น แต่แอบแพงไปหน่อยเพราะอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว จากนั้นก็ขี่ย้อนทางเดิมเจอสามแยกเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่เมืองสุขุมา ซึ่งถ้าตรงไปก็จะกลับไปจำปาศักดิ์ เสันทางนี้ก็แน่นอนเป็นหินลูกรังชนบทสุดๆ ผ่านหมู่บ้านดอนตลาด ที่นี่คล้ายเชียงกงของเขา มีเครื่องจักรทางการเกษตร เครื่องยนต์ต่างๆมากมาย
ตรงต่อไปจะถึงเมืองสุขุมา พอถึงวงวียนสี่แยก ทางที่จะไปเมืองมุนไปได้ทั้งซ้ายและตรง ถ้าตรงไปจะเป็นเส้นทางหลักไม่มีหมู่บ้าน ร้านรวงอะไรเลย แต่ถ้าไปทางซ้ายจะเป็นเส้นทางเลียบโขง มีอะไรให้ดูเยอะ แต่เป็นทางชาวบ้าน ทางดินและแคบ เขาว่ามาอย่างนั้น แต่เราชอบอยู่แล้วแบบนี้ เลยเลือกไปทางซ้าย ผ่านหมู่บ้านบุ่งแก้วมุ่งหน้าแม่น้ำโขงแล้วเลี้ยวขวาเลียบริมแม่น้ำ ต้องบอกเลยว่าคิดไม่ผิดที่เลือกมาทางนี้ เพราะได้สัมผัสวิถีชาวบ้านเต็มๆ ชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงวิ่งออกมาทักทายพวกเรา และตะโกนว่าสบายดีๆตลอดทาง บ้างก็ตะโกนว่าฝรั่งๆ ผมก็เลยตะโกนกลับไปว่า “บ่แม่นฝรั่ง” เขาก็ตอบกลับมาว่า “อ่อ...คนลาว” เป็นงั้นไป 555
เด็กบางคนก็รู้นะว่าพวกเราเป็นคนไทย มีเด็กคนนึงกำลังขี่จักรยานกลับบ้าน ผมก็เลยถามว่า “ไปไส” น้องเขาตอบว่า “กลับบ้าน” พวกเราบางคนเห็นเด็กๆก็แจกขนมแบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ เส้นทางก็ต้องบอกว่าขี่สนุกในแบบ light XC คือเป็นทางดิน มีขึ้นๆลงบ้าง มีทรายที่ทำให้เราเป๋ได้เป็นระยะๆ เรียกว่าลุยเล็กๆที่พวกเราไม่รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด แถมมีลงเรือข้ามห้วยช่วยเพิ่มสีสันด้วย เสียดายทีใส่ยางเล็กไปหน่อย ทำให้ปัดเป๋บ้างโดยเฉพาะเวลาข้ามสะพานที่เป็นไม้กระดานต้องระวังร่องให้ดี ถ้าใส่ยางมีดอกคงมันกว่านี้เป็นแน่ แต่ถ้าใครชอบทางเรียบๆจะไม่แนะนำเส้นนี้
พอเข้าเขตเมืองมุ่นก็ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เขาบอกว่าแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางนี้เลย ยิ่งกว่านั้นเราเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ใช้เส้นทางนี้ ทำให้พวกเราภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้บุกเบิก ถึงตัวเมืองมุนเกือบ 6 โมง ระยะทางวันนี้ได้ประมาณ 80 กม. เมืองมุนเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแต่แปลกว่าคึกคักกว่าจำปาสักมาก เรือนพักก็พอมีให้เลือก ตอนแรกจะเหาทีพักริมโขงแต่เป็นคาราโอเกะกลัวนอนไม่หลับ เลยได้เรือนพักชื่อขาวปะเสิด ซึ่งใหม่และสะอาดมาก ราคาก็แค่คนละร้อยเท่านั้น
เอาของไปเก็บเสร็จก็ขี่รถเปล่าไปหาข้าวเย็น ร้านขายอาหารที่นี่ก็หายากเหมือนเคย เย็นนี้เพื่อนอยากกินข้าวที่หรูๆอลังการนิดนึง เพราะเบื่อเฝอกับข้าวเปียกเต็มที เลยถามคนแถวนั้นขี่ฝ่าความมืดไปยังร้านนึงค่อนข้างใหญ่ ทำอาหารไทยได้ด้วยเพราะเจ้าของไปอยู่ไทยมาหลายปี ทำน้ำละมุดปั่นอร่อยมาก ผมก็เพิ่งเคยกินครั้งนี้แหล่ะ สั่งกับข้าวมาเยอะแยะให้หายอยากทำให้มื้อนี้เป็นมือที่แพงที่สุดไป กลับมาก็อาบน้ำ พูดคุยปล่อยมุขเฮอากันตามเรื่อง เข้านอน 3 ทุ่มกว่า
ปั่นไปได้ประมาณ 10 กม. ก็ถึงวัดพู 9.15น. เสียค่าเข้าชมคนละ 80 บาท ไปชมพิพิธภัณฑ์แสดงโบราณวัตถุกันก่อน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะเขมรโบราณที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์ แล้วจึงเดินเข้าไปอีกประมาณ 500 ม. ก็จะถึงวัดพูที่เป็นประสาทหินที่สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่10 ลักษณะคล้ายๆนครวัดและประสาทหินในภาคีสานของเรา ช่วงที่เราไปถึงนั้นเจ้าหน้าที่กำลังบูรณะและเรียงหินที่กระจัดกระจายประกอบเข้าที่เดิม ต่อไปคงจะได้เห็นวัดพูในสภาพที่สมบูรณ์กว่านี้
จากนั้นไปหาอะไรกินง่ายๆซึ่งก็ไม่พ้นข้าวเปียกและเฝอตรงปากทางเข้าวัดพูนั่นแหล่ะครับ ข้าวเปียกเจ้านี้อร่อยมาก เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปเข้มข้น แต่แอบแพงไปหน่อยเพราะอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว จากนั้นก็ขี่ย้อนทางเดิมเจอสามแยกเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่เมืองสุขุมา ซึ่งถ้าตรงไปก็จะกลับไปจำปาศักดิ์ เสันทางนี้ก็แน่นอนเป็นหินลูกรังชนบทสุดๆ ผ่านหมู่บ้านดอนตลาด ที่นี่คล้ายเชียงกงของเขา มีเครื่องจักรทางการเกษตร เครื่องยนต์ต่างๆมากมาย
ตรงต่อไปจะถึงเมืองสุขุมา พอถึงวงวียนสี่แยก ทางที่จะไปเมืองมุนไปได้ทั้งซ้ายและตรง ถ้าตรงไปจะเป็นเส้นทางหลักไม่มีหมู่บ้าน ร้านรวงอะไรเลย แต่ถ้าไปทางซ้ายจะเป็นเส้นทางเลียบโขง มีอะไรให้ดูเยอะ แต่เป็นทางชาวบ้าน ทางดินและแคบ เขาว่ามาอย่างนั้น แต่เราชอบอยู่แล้วแบบนี้ เลยเลือกไปทางซ้าย ผ่านหมู่บ้านบุ่งแก้วมุ่งหน้าแม่น้ำโขงแล้วเลี้ยวขวาเลียบริมแม่น้ำ ต้องบอกเลยว่าคิดไม่ผิดที่เลือกมาทางนี้ เพราะได้สัมผัสวิถีชาวบ้านเต็มๆ ชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดงวิ่งออกมาทักทายพวกเรา และตะโกนว่าสบายดีๆตลอดทาง บ้างก็ตะโกนว่าฝรั่งๆ ผมก็เลยตะโกนกลับไปว่า “บ่แม่นฝรั่ง” เขาก็ตอบกลับมาว่า “อ่อ...คนลาว” เป็นงั้นไป 555
เด็กบางคนก็รู้นะว่าพวกเราเป็นคนไทย มีเด็กคนนึงกำลังขี่จักรยานกลับบ้าน ผมก็เลยถามว่า “ไปไส” น้องเขาตอบว่า “กลับบ้าน” พวกเราบางคนเห็นเด็กๆก็แจกขนมแบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ เส้นทางก็ต้องบอกว่าขี่สนุกในแบบ light XC คือเป็นทางดิน มีขึ้นๆลงบ้าง มีทรายที่ทำให้เราเป๋ได้เป็นระยะๆ เรียกว่าลุยเล็กๆที่พวกเราไม่รู้สึกว่าเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด แถมมีลงเรือข้ามห้วยช่วยเพิ่มสีสันด้วย เสียดายทีใส่ยางเล็กไปหน่อย ทำให้ปัดเป๋บ้างโดยเฉพาะเวลาข้ามสะพานที่เป็นไม้กระดานต้องระวังร่องให้ดี ถ้าใส่ยางมีดอกคงมันกว่านี้เป็นแน่ แต่ถ้าใครชอบทางเรียบๆจะไม่แนะนำเส้นนี้
พอเข้าเขตเมืองมุ่นก็ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน เขาบอกว่าแทบจะไม่มีนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางนี้เลย ยิ่งกว่านั้นเราเป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ใช้เส้นทางนี้ ทำให้พวกเราภูมิใจมากที่ได้เป็นผู้บุกเบิก ถึงตัวเมืองมุนเกือบ 6 โมง ระยะทางวันนี้ได้ประมาณ 80 กม. เมืองมุนเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแต่แปลกว่าคึกคักกว่าจำปาสักมาก เรือนพักก็พอมีให้เลือก ตอนแรกจะเหาทีพักริมโขงแต่เป็นคาราโอเกะกลัวนอนไม่หลับ เลยได้เรือนพักชื่อขาวปะเสิด ซึ่งใหม่และสะอาดมาก ราคาก็แค่คนละร้อยเท่านั้น
เอาของไปเก็บเสร็จก็ขี่รถเปล่าไปหาข้าวเย็น ร้านขายอาหารที่นี่ก็หายากเหมือนเคย เย็นนี้เพื่อนอยากกินข้าวที่หรูๆอลังการนิดนึง เพราะเบื่อเฝอกับข้าวเปียกเต็มที เลยถามคนแถวนั้นขี่ฝ่าความมืดไปยังร้านนึงค่อนข้างใหญ่ ทำอาหารไทยได้ด้วยเพราะเจ้าของไปอยู่ไทยมาหลายปี ทำน้ำละมุดปั่นอร่อยมาก ผมก็เพิ่งเคยกินครั้งนี้แหล่ะ สั่งกับข้าวมาเยอะแยะให้หายอยากทำให้มื้อนี้เป็นมือที่แพงที่สุดไป กลับมาก็อาบน้ำ พูดคุยปล่อยมุขเฮอากันตามเรื่อง เข้านอน 3 ทุ่มกว่า
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
พี่โอ้คซื้อเตาพกพามาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
บรรยากาศริมโขงที่เฮือนพัก
บรรยากาศริมโขงที่เฮือนพัก
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
รูปหมู่แบบครบๆรูปแรก
เริ่มออกเดินทางต่อไปยังวัดพู
เริ่มออกเดินทางต่อไปยังวัดพู
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
แอบดูบรรยากาศเช้าๆที่วัด
เส้นทางสวยๆ สายลม และแสงแดดอ่อน
เส้นทางสวยๆ สายลม และแสงแดดอ่อน
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
พี่จิตรบอกเทียบกับแม่ฮ่องสอนแล้ว งานนี้จิ๊บๆ
พอเลยเขตจำปาสักแล้วยางมะตอยก็หมด เหลือแต่ลูกรัง
พอเลยเขตจำปาสักแล้วยางมะตอยก็หมด เหลือแต่ลูกรัง
- โป้งสิบสองเสียง
- ขาประจำ
- โพสต์: 6254
- ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ส.ค. 2008, 18:43
- team: Joy&Jam
- Bike: Jamis Dakar,Dragon,Xenith
Re: รายงานทริป "Along the Khong in south Laos"
ทุ่งหญ้าเขียวๆสองข้างทาง ตัดกับถนนสีส้มๆแดงๆ ดูสวยแบบดิบๆดี
เจอสี่แยกจะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปวัดพูชัดเจน
เจอสี่แยกจะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปวัดพูชัดเจน